Login to MeghaBook
icon 0
icon เติมเงิน
rightIcon
icon ประวัติการอ่าน
rightIcon
icon ออกจากระบบ
rightIcon
icon ดาวน์โหลดแอป
rightIcon
เล่ห์หวาม
5.0
ความคิดเห็น
2K
ชม
27
บท

เธอครางเสียงหลง ส่ายหน้าไปมา ยามเมื่อเขากระแทกลงมาหา ปากร้อนดูดรวบยอดอกของเธอจนแข็งเป็นไต ขนในกายของพลอยใสลุกซู่ด้วยความกระสันเสียวเจ็บแปลบปนเปกันไปหมด เขาช้อนสะโพกของเธอขึ้นให้รับการกดคลึง เธอหอบหายใจรุนแรง จิกมือกับแผ่นหลังของเขาแน่น ปากน้อยที่เผยออ้าค้าง ทำให้เขาต้องบดจูบหนักๆ เสียงครวญครางของสาวน้อยดังสะท้านอยู่บนเตียงนอนใหญ่เกือบค่อนคืน เธอถึงได้ถูกปล่อยตัวจากอ้อมแขนแกร่งของเขา “จะไปไหน” เขาเกี่ยวเอวบางเอาไว้ พลอยใสไม่ตอบ เธอจะหนีลงจากเตียงท่าเดียว “ฉันถามว่าเธอจะไปไหน” “พลอยจะกลับห้องค่ะ” “ยังไม่ให้ไป” เขารั้งร่างน้อยมากอด บดจูบแก้มนวลอย่างหนักหน่วง “อุ๊ย! คุณนัส” เธอลูบแก้มตัวเองเบาๆ ซุกหน้าเข้าหาหมอนอย่างเขินอาย ไม่กล้าหันไปมองเขา “ฉันชอบหมอนข้างดิ้นได้ ถ้ายังไม่อนุญาตให้ไป เธอก็ไปไหนไม่ได้” คนเผด็จการสั่ง รัดเอวบางเอาไว้แน่นขึ้น เธอเลยหยุดดิ้น เพราะรู้สึกว่ายิ่งดิ้นยิ่งเสียดสีกับสัดส่วนที่ไม่สมควรมากขึ้น

บทที่ 1 1

เสียงมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์ราคาแพงลิ่วที่ขับผ่านไป ไม่เท่ากับคนขับตั้งใจเหยียบน้ำจนกระเด็นโดนชุดนักศึกษาของเธอ

“โอ๊ะ! ขอโทษนะ พอดีฉันมองไม่เห็นหมาแมวแถวนี้น่ะ” คนพูดยิ้มเยาะ ก่อนจะปิดกระจกหมวกกันน็อคและขับไปอย่างไม่แยแส

พลอยใสมองชุดนักศึกษาเปรอะเปื้อนของตัวเองด้วยท่าทีหันรีหันขวาง เธอถูกกลั่นแกล้งให้ทำงานบ้านตั้งแต่เช้า ในขณะที่มีเรียนตอนเก้าโมง และตอนนี้มันก็แปดโมงกว่าเข้าไปแล้ว หากเธอกลับไปเปลี่ยนชุดก็ต้องกินเวลาไปอีกมาก เพราะต้องเดินกลับไปยังบ้านหลังสุดท้ายของซอย กว่าจะมารอรถเมล์อีก คงไม่ทันไปเรียนแน่ๆ แต่จะให้ไปเรียนทั้งชุดสกปรกแบบนี้คงไม่ดี สุดท้ายก็จำต้องซอยเท้ากลับไปยังบ้านหลังใหญ่ที่อยู่ท้ายซอยอีกครั้ง

บ้านนุชิตศักดาเดชคือบ้านของผู้มีพระคุณ เจ้าของบ้านคือคุณมนัสเป็นบิดาของมนัสวี บุตรชายเพียงคนเดียวที่เกลียดเธอเข้าไส้ และคุณดาเรศก็เกลียดเธอยิ่งกว่ากิ้งกือ ไส้เดือน

คุณมนัสเป็นผู้ชายเจ้าชู้ประตูดิน มีบ้านเล็กบ้านน้อยไปทั่ว ทั้งยังมีสัมพันธ์สวาทกับมารดาของเธอ คือพิมพ์ใจ คุณดาเรศรักและเอ็นดูมารดาของเธอมาก เมื่อมาเห็นเหตุการณ์เข้าก็เกิดภาวะเครียด เป็นลมล้มลงหัวฟาดพื้นจนพิการเดินไม่ได้ ต้องนั่งรถเข็น

ส่วนบิดาของเธอนั้นเคยเป็นคนสวนของบ้านนุชิตศักดาเดช แต่เสียชีวิตไปตั้งแต่ตอนที่เธอยังเด็ก

พอคุณดาเรศล้มป่วยและพิการ คุณมนัสก็มีเมียน้อยต่อไปเรื่อยๆ นั่นทำให้มนัสวีรังเกียจพฤติกรรมของบิดาเป็นอันมาก

มารดาของมนัสวีพิการไปเมื่อปลายปีก่อน ทำให้ลูกชายมีแต่ความเกลียดชังเมียน้อยและทุกคนที่เกี่ยวข้องกับเมียน้อยของบิดา

คุณดาเรศเกลียดเธอเข้าไส้ มนัสวีก็ไม่ต่างกัน หากมีโอกาสก็จะหาทางกลั่นแกล้ง เธอไม่มีที่ไปและไม่มีญาติพี่น้องที่ไหน ที่สำคัญก็คือ สำนึกว่าเจ้าของบ้านหลังนี้ให้ที่อยู่ที่กินแก่เธอตั้งแต่เด็ก มารดาของเธอก็มีส่วนทำให้คุณดาเรศป่วยจนเดินไม่ได้แบบนี้ เธอจึงควรอยู่ชดใช้ในสิ่งที่มารดากระทำ

เธอจึงไม่มีปากเสียงกับเจ้าของบ้าน พวกเขาใช้ให้ทำอะไรก็ทำ เนื่องด้วยไม่ชอบมีปัญหากับใคร

เธอนั้นมีจิตรักใคร่มนัสวี หนุ่มหล่อที่ดีกับทุกคนยกเว้นเธอ แต่ใจเจ้ากรรมดันไม่รักดี ตกหลุมรักเขาไปแล้วแบบถอนตัวถอนใจไม่ขึ้น

“อ้าว... นังพลอย ทำไมกลับมาเร็วจังล่ะ แล้วนั่นไปโดนอะไรมา”

จงจิตรซึ่งเป็นแม่บ้านของนุชิตศักดาเดชเอ่ยถามขึ้น ท่านเป็นคนเก่าแก่ จึงรับรู้เรื่องราวในอดีตได้ดี มารดาของพลอยใสนั้นหาได้ยินยอมคุณมนัสไม่ แต่เพราะโดนมนัสข่มเหงเลยต้องยอม เพราะคนต่ำต้อยมักไม่มีปากเสียงสู้อะไรคนมีเงินได้

“เกิดอุบัติเหตุนิดหน่อยน่ะจ้ะป้า”

เธอเล่าให้จงจิตรฟัง แต่ไม่ได้บอกว่าคนที่ขับรถแกล้งเหยียบน้ำสกปรกข้างทางให้กระเด็นใส่คือมนัสวี

“รีบไปเปลี่ยนชุดเถอะ แล้วนี่จะไปเรียนทันไหม”

“น่าจะไม่ทันแล้วจ้ะ”

คนตอบเศร้าใจยิ่งนัก เธอยังนึกขอบคุณที่ยังได้เรียนหนังสือ แต่ต้องแลกกับการทำงานบ้านที่หนักหนาสาหัส กลับมาจากเรียนแทนที่จะได้ทำการบ้านหรือรายงานเหมือนเพื่อนคนอื่นๆ แต่เธอต้องกลับมาช่วยงานบ้านจนเสร็จ ดึกดื่นค่อนคืนแค่ไหนก็ต้องทำ มีงานเลี้ยงในบ้านก็ต้องคอยช่วยจัดเก็บ ช่วยเสิร์ฟ เพราะเจ้าของบ้านชอบงานปาร์ตี้กินเลี้ยงกับเพื่อนฝูง

พลอยใสเดินทางมาถึงมหาวิทยาลัยอย่างทุลักทุเลเต็มที เธอเพิ่งเรียนแค่ปีหนึ่ง จึงมีกิจกรรมรับน้องตลอดปี รุ่นพี่โหดๆ ก็เรียกไปแกล้งบ้าง ไปว้ากบ้าง รุ่นพี่คนไหนใจดีก็เรียกไปคุยกันฉันมิตร มอบตำราและแนวข้อสอบให้รุ่นน้องเอามาแบ่งปันกันอีกทีหนึ่ง

“พลอย... ทำไมเพิ่งมาล่ะ อาจารย์สั่งงานเยอะแยะเลย ถ้าขาดเรียนบ่อยๆ เดี๋ยวจะไม่มีสิทธิ์สอบนะ”

เสียงของชัชวินทร์ทำให้เธอชะงัก อึกอักไม่รู้จะโกหกเช่นไรดี เธอเป็นคนไม่ชอบโกหกอยู่แล้ว เรียกว่าโกหกไม่เก่ง ถ้าพูดเรื่องไม่จริงออกไป เพื่อนทั้งสองคงจับได้

“แต่ไม่เป็นไร เราจดเลคเชอร์เอาไว้แล้ว เอาของเราไปก็ได้ อาจารย์แบ่งกลุ่มทำรายงาน เราใส่ชื่อพลอยเข้าไปแล้วนะ” ดมิสาบอกเพื่อน ก่อนจะชูสมุดเล่มนั้นขึ้นให้เพื่อนดู

“ขอบใจมากจ้ะ”

“ไม่เข้าใจอะไรถามมินะ” ดมิสาเรียนเก่งไม่แพ้เธอ พลอยใสยิ้มให้เพื่อน คิดว่าหากอ่านแล้วไม่เข้าใจอะไรก็สามารถถามดมิสาได้

“วันนี้พี่นัสเท่ไปเลยอ๊ะ” ดมิสากระแทกไหล่ของเพื่อน พูดยิ้มๆ

“จ้ะ”

“พี่นัสเท่มาก เราอยากได้มาเป็นแฟน พลอยช่วยเราหน่อยสิ”

“เอ่อ...” พลอยใสอ้ำอึ้ง เธอไม่รู้จะตอบเพื่อนว่าอย่างไรดี

“นะพลอยนะ พลอยอยู่บ้านเดียวกับพี่นัส พลอยช่วยเราได้แน่นอน” ดมิสาเขย่าแขนของเพื่อน พลอยใสได้แต่อึกๆ อักๆ มนัสวีเกลียดเธอจะตายไป ถ้าเธอเข้าไปยุ่งด้วยโดนปาดคอแน่ๆ เขายิ่งเกลียดขี้หน้าเธออยู่ด้วยสิ

“บ้าผู้ชาย” ชัชวินทร์ที่เดินไปซื้อน้ำมาให้ได้ยินเข้าพอดิบพอดีก็พูดขึ้น

“นายยุ่งอะไรด้วย”

“ก็ไม่อยากยุ่งหรอก แต่ผู้หญิงบางคนบ้าผู้ชายมันน่ารังเกียจ”

“เอ๊ะ! ชัชนี่ยังไง” ดมิสาพูดอย่างโมโหที่โดนด่าว่าเอาแบบนี้

“อย่าทะเลาะกันเลยนะ เราขอ” พลอยใสรีบพูด ศึกระหว่างชัชวินทร์กับดมิสาจึงจบลงแบบไม่ค่อยเต็มใจนัก

อ่านต่อ

หนังสืออื่นๆ ของ B.J.BEN

ข้อมูลเพิ่มเติม

หนังสือที่คุณอาจชอบ

ทะลุมิติมาเป็นบุตรสาวหญิงหม้าย

ทะลุมิติมาเป็นบุตรสาวหญิงหม้าย

l3oonm@
5.0

จือหลินเธอเป็นเด็กกำพร้า ที่ถูกมารดาทอดทิ้งไว้ที่โรงพยาบาลตั้งแต่วันแรกที่ลืมตามาดูโลก ต่อมาทางโรงพยาบาลจึงส่งตัวเธอให้กับสถานสงเคราะห์ พออายุได้สามปี ก็มีองค์กรหนึ่งมารับเลี้ยงตัวเธอ แต่พวกเขาเลี้ยงเธอและเด็กคนอื่นๆ ไว้เพื่อเป็นหนูทดลองเท่านั้น ครั้งแรกที่ถูกนำตัวมา ต่างก็โดนจับฉีดยาเข้าสู่ร่างกาย เพื่อหาเด็กที่เลือดต้านเชื้อที่ฉีดเข้าไปได้เท่านั้น หากร่างกายทนรับไม่ไว้สิ่งที่ทางองค์กรมอบให้คือความตาย จือหลินอาจเป็นเพราะเลือดของเธอพิเศษกว่าเด็กคนอื่น ไม่ว่าฉีดยาตัวไหนเข้าสู่ร่างกายเธอก็ทนรับได้ทั้งนั้น นับจากนั้นมาเธอจึงถูกเลี้ยงดูจากองค์กรมาอย่างดี เรื่องการศึกษาเธอก็สามารถเรียนรู้ทุกสิ่งได้อย่างเต็มที่ แต่เพราะความฉลาดของเธอจึงถูกส่งให้เรียนวิทยาศาสตร์การแพทย์และเรียนแพทย์ควบคู่ไปด้วย เมื่อเรียนจบมาแล้ว จือหลินยังคงทำการให้องค์กรเช่นเดิม แม้จะไม่ได้เป็นนักฆ่าเช่นเพื่อนคนอื่นที่มาพร้อมกัน แต่เธอก็ต้องฝึกไม่ต่างจากพวกเขา ยิ่งเมื่อต้องนำเด็กเข้ามาเป็นหนูทดลองเช่นเดียวกับเธอในตอนเล็ก ต่อให้ไม่อยากทำก็ต้องทำ หากฝ่าฝืนไม่ทำการชิปที่ถูกฝังอยู่ในตัวจะถูกกระตุ้นให้ได้รับความทรมานทันที นานวันเข้า ความดำมืดก็ก่อเกิดในใจ ไม่ว่าจะฉีดยาให้เด็กร้ายแรงเพียงใดจือหลินก็เลิกรู้สึกผิดไปเสียแล้ว เพราะการทำงานของเธอตลอดหลายปีที่ผ่านมาทำให้ทางองค์กรยกย่องและมักจะให้สิ่งดีๆ กับเธอเสมอ เมื่อมีชิปตัวหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อฝังมิติอีกห้วงหนึ่งไว้ภายในร่างกาย จือหลินนางก็ได้รับเลือกให้ทดลองใช้สิ่งนี้ด้วยเช่นกัน จือหลินถูกฝังชิปมิติเข้าที่แกนสมองของเธอ ความเจ็บปวดที่ได้รับทำให้เธอแทบสิ้นสติ เมื่อชิปถูกฝังลงไปแล้ว เพียงไม่นานก็มีเสียงจากระบบให้เธอยืนยันตัวตน ก่อนที่จะปรากฏภาพต่างๆ ภายในหัวของเธอ ของจากภายนอกล้วนแต่ถูกส่งเข้าไปเก็บไว้ด้านในได้ทั้งสิ้น หากเป็นเนื้อสด ผักผลไม้ ยังคงความสดอยู่เช่นเดิมแม้จะเก็บไว้นานมากเพียงใด ห้วงมิติของจือหลินเหมือนเป็นห้องสูทในคอนโดของเธอเองที่มีทุกอย่างพร้อมใช้อยู่ภายใน แม้แต่ห้องทดลอง ห้องทำงานของเธอก็ปรากฏอยู่ในนั้นเช่นกัน นับจากนั้นจือหลินจึงซื้อของเขาเก็บภายในมิติของเธอเป็นจำนวนมาก ตัวเธอเพียงผู้เดียวที่สามารถเข้าออกในห้วงมิติได้ วันเวลาผ่านไปจนจือหลินล่วงเข้าวัยสามสิบปี เธอสามารถผลิตยาที่ทำให้ทั่วโลกจับตามองออกมาได้ ยายื้อชีวิตจากความตาย แต่การทดลองของเธอที่ผ่านมาต้องใช้คนจำนวนมากในการเข้าทดลอง จือหลินสามารถยื้อชีวิตของชายชราที่กำลังจะหมดลมหายใจให้กลับมามีชีวิตปกติได้ เมื่อเธอกักตัวเขาไว้ได้หกเดือนเห็นว่าไม่มีสิ่งใดที่ผิดปกติจึงคิดจะปล่อยเขาออกไปใช้ชีวิตเช่นเดิม แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อชายชราที่กำลังจะเดินออกจากห้องทดลองล้มลงต่อหน้าทุกคนที่เข้าร่วมชื่นชมผลงานของเธอ จือหลินรีบเข้าไปตรวจดูความผิดปกติทันที ก็พบว่าเขาหยุดหายใจเสียแล้ว เจ้าหน้าที่ทั้งหมดจึงต้องพาชายชราคนนั้นกลับเข้าไปในห้องทดลองเพื่อหาสาเหตุ ผ่านไปเพียงสองครึ่งชั่วโมงเขากลับลืมตาขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ แต่แววตาที่มองมาทางทุกคนได้เปลี่ยนไป ในดวงตาของชายชราผู้นั้นมีเพียงตาขาวไม่มีตาดำเช่นคนมีชีวิต “เกิดเรื่องอะไรขึ้น” ผู้อำนวยการองค์กรเดินเข้ามาหาจือหลินแล้วเอ่ยถามอย่างตื่นตระหนก เพราะนักข่าวที่ข่าวเชิญมายังอยู่ที่ด้านนอกเพื่อรอฟังคำตอบ “ขอดิฉันตรวจสอบก่อนค่ะ” จือหลินกุมหน้าผากอย่างมึนงง เธอก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร คนทั้งหมดยืนมองชายชราที่เดินท่าทางประหลาดอยู่ในห้องทดลอง ในตอนนี้เขาเริ่มหยิบสิ่งของทำร้ายตัวเองอย่างบ้าคลั่ง เจ้าหน้าที่คนหนึ่งรีบวิ่งเข้าไปในห้องทดลองเพื่อห้ามไม่ให้เขาทำร้ายตัวเอง ชายชราเมื่อได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาก็พุ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว และเริ่มกัดกินเนื้อตัวของเขาอย่างโหดร้าย คนที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดต่างยกมือขึ้นปิดปากอย่างตกใจ เพราะกลัวข่าวเรื่องนี้จะรั่วไหล ผู้อำนวยการสั่งให้คนไปแจ้งนักข่าวให้กลับไปก่อน ทางองค์กรจะแถลงการณ์เรื่องนี้ในภายหลัง เจ้าหน้าที่ที่ถูกทำร้ายล้มลงเสียชีวิตไม่นานก็มีสภาพไม่ต่างจากชายชราคนนั้น เสียงวุ่นวายไม่ได้จบลงที่ห้องทดลองของจือหลินเพียงแห่งเดียว เพราะห้องทดลองอื่นก็ล้วนพบเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ต่างกัน ผู้อำนวยการจำต้องส่งสัญญาณเคลื่อนย้ายเจ้าหน้าที่ออกจากตึกทดลองให้เร็วที่สุด จือหลินไม่รู้ว่ายาของนางจะสร้างผลเสียมากถึงเพียงนี้ เพราะเจ้าหน้าที่หลายคนล้วนจบชีวิตจนกลายเป็นซอมบี้ไปเสียแล้ว ตึกทดลองถูกปิดตาย เพื่อไม่ให้ซอมบี้ที่อยู่ด้านในออกมาสร้างความเสียหายภายนอกได้ “เรื่องนี้ดิฉันขอจัดการด้วยตนเองค่ะ” จือหลินเดินเข้าไปหาผู้อำนวยการที่ห้องทำงานของเขา เพื่อบอกสิ่งที่เธอคิดว่าอย่างดีแล้วในหลายวันที่ผ่านมา เมื่อเห็นว่าผู้อำนวยการไม่ห้ามในสิ่งที่เธอจะทำจือหลินจึงเดินไปที่หน้าตึกทดลองพร้อมระเบิดเวลาในมือ เธอคิดจะทำลายสิ่งของทุกอย่างที่เธอสร้างขึ้นมาลงด้วยมือของเธอเอง จือหลินเปิดประตูตึกทดลองแล้วรีบปิดลงทันที เธอเดินเข้าไปที่กลางตึกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะระหว่างทางเธอต้องคอยต่อสู้กับซอมบี้ที่จะเข้ามาทำร้ายเธอไปด้วย เสียงสัญญาณระเบิดดังขึ้น จือหลินหลับตาลง พร้อมทั้งถอนหายใจให้กับเรื่องราวในชีวิตที่ผ่านมา เสียงระเบิดดังไปทั่วบริเวณพร้อมทั้งตึกทดลองที่ถล่มลงมาจนแทบไม่เหลือซาก “เจ็บชะมัด” จือหลินร้องครางออกมาเบาๆ แต่เมื่อรู้สึกตัวได้เธอก็รีบพยุงตัวขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วพร้อมมองไปรอบๆ อย่างไม่อยากเชื่อ เธอคิดว่าตายไปแล้วเสียอีก แต่ทำไมถึงได้มีความรู้สึกเจ็บได้ “นี้มันเรื่องบ้าอะไรอีกว่ะเนี่ย” จือหลินเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ รอบๆ ตัวเธอในตอนนี้เป็นป่าทึบ มือของเธอก็ไม่ใช่ของเธออย่างแน่นอนเพราะมีขนาดเล็กราวกับเป็นเด็กน้อยคนหนึ่งเท่านั้น ตอนที่เธอมึนงงสับสน เรื่องราวความทรงจำของเจ้าของร่างก็ไหลเข้าสู่หัวของเธอจนต้องลงไปนอนดิ้นกับพื้น

เมียผมน่ารักจัง

เมียผมน่ารักจัง

Penn Tofallis
5.0

กู้ชิงเฉิงเชื่อมั่นมาตลอดว่าตราบใดที่เธอประพฤติตัวดี สักวันหนึ่ง เธอก็จะสามารถชนะใจมู่ถิงเซียวให้ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเสิ่นถัง รักแรกที่เขาคิดถึงมาตลอดกลับมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กู้ชิงเฉิงเป็นคนว่าง่ายสอนง่ายจริงๆ เธอจัดงานแต่งงานด้วยคนเดียว และนอนคนเดียวในห้องผ่าตัดเพื่อรับการรักษาฉุกเฉิน มีข่าวลือว่าเธอบ้าไปแล้ว อันที่จริงเธอบ้าไปแล้วจริงๆ ที่รักใครสักคนอย่างไม่ละอายขนาดนี้ ต่อมา ทุกคนลือกันว่า กู้ชิงเฉิงป่วยหนักและกำลังจะเสียชีวิต มู่ถิงเซียวถึงสูญเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง "ฉันไม่ปล่อยให้เธอตาย" แต่เธอกลับยิ้มอย่างนิ่งๆ ว่า "ดีจังเลย ฉันเป็นอิสระแล้ว" ใช่แล้ว ไม่ต้องการกู้ชิงเฉิงอีกแล้ว"

สามีเป็นถึงเศรษฐีพันล้าน

สามีเป็นถึงเศรษฐีพันล้าน

Davin Howson
5.0

ในวันแต่งงาน เจ้าบ่าวของเฉียวซิงเฉินหนีไปกับผู้หญิงอีกคน เธอโกรธมาก จึงสุ่มหาชายคนหนึ่งมาแต่งงานด้วยทันที "ตราบใดที่คุณกล้าแต่งงานกับฉัน ฉันก็ยอมเป็นเมียคุณ" หลังจากแต่งงาน เธอได้ค้นพบว่าสามีของเธอคือลูกชายคนโตของตระกูลลู่ที่ขึ้นชื่อว่าไร้ประโยชน์ ชื่อลู่ถิงเซียว ทุกคนเยาะเย้ยว่า "เธอยนี่ช่วยไม่ได้จริงๆ" และผู้ชายที่ทรยศเธอก็มาเกลี้ยกล่อมว่า "ไม่เห็นต้องทำร้ายตัวเองเพราะฉันหรอก สักวันเธอต้องเสียใจแน่ๆ" เฉียวซิงเฉินหัวเราะเยาะและโต้ตอบว่า "ไปให้พ้น ฉันกับสามีรักกันมาก" ทุกคนต่าก็คิดว่าเธอเป็นบ้า ไปแล้ว อย่างไรก็ตาม เมื่อตัวตนที่แท้จริงของลู่ถิงเซียวถูกเปิดเผย ที่แท้เขาเป็นคนรวยอันดับต้นๆในโลก ในการถ่ายทอดสดทั่วโลก ชายคนนี้คุกเข่าข้างเดียว ถือแหวนเพชรมูลค่าหลักพันล้าน และพูดช้าๆ ว่า "คุณภรรยา ชีวิตที่เหลือนี้ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะ"

ที่แท้เป็นคุณหนูตัวจริง

ที่แท้เป็นคุณหนูตัวจริง

Nadia Lada
5.0

เสิ่นชิงกลายเป็นลูกสาวของชาวนาจากคุณหนูที่ร่ำรวยของตระกูลเสิ่นในชั่วข้ามคืน ลูกสาวตัวจริงใส่ร้ายเธอ คู่หมั้นของเธอทำให้เธออับอาย และพ่อแม่บุญธรรมของเธอก็ไล่เธอออกจากบ้าน... ทุกคนต่างรอที่จะหัวเราะเยาะเธอ ทว่าเธอกลับกลายเป็นทายาทของตระกูลเศรษฐีในเมืองอย่างกะทันหัน นอกจาดนี้ เธอยังมีตัวตนหลากหลาย เช่น หัวหน้าแฮ็กเกอร์ระดับนานาชาติ นักออกแบบเครื่องประดับชั้นนำ นักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ที่ลึกลับ และอัจฉริยะด้านการแพทย์! พ่อแม่บุญธรรมเสียใจกับการตัดสินใจของตนและบังคับให้เธอแบ่งทรัพย์สินครึ่งหนึ่งให้เพราะพวกเขาเลี้ยงดูเธอมา เมื่อเสิ่นชิงหยิบกล้องออกมาแล้วบันทึกท่าทางอันน่าเกลียดของพวกเขา อดีตคู่หมั้นรู้สึกเสียใจและพยายามจะคืนดีกับเธอ เสิ่นชิงหัวเราะเยาะ "เขาคู่ควรงั้นเหรอ" จากนั้นก็ไล่เขาออกจากเมือง ในที่สุด ผู้มีอำนาจแห่งเมืองก็พูดอ้อนวอนเบาๆ "ไม่จำเป็นต้องแต่งเข้าตระกูลผม เดี๋ยวผมไปหาเอง"

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ