ใยรักเพลิงเสน่หา

ใยรักเพลิงเสน่หา

ปูริดา

5.0
ความคิดเห็น
5.4K
ชม
39
บท

“อย่าตามมานะตาบ้า คุณจะไปไหนก็เชิญ คนเฮงซวย จะไปตายที่ไหนก็ไปเลย” “แต่เธอได้ฉันแล้วนะ” “กรี๊ด! ตาบ้า” ราชาวดีถลาวิ่งกลับมาปิดปากคนบ้าที่ยืนยิ้มกริ่มอยู่แทบจะไม่ทัน ใบหน้าสวยแดงระเรื่องเพราะอับอาย เธอตวัดค้อนคนหน้าไม่อายหลายครั้ง “จะประจานให้คนเขารู้กันหมดหรือไงว่าฉันเป็นของคุณแล้ว คุณไม่อายแต่ฉันอายนะ” “อ้าว...ก็เธอคิดจะทิ้งฉันนี่น่า” ถ้าเป็นช่วงที่มีคนเดินติดตาม ไม่ทางที่เขาจะพูดอะไรแบบนี้เลย ไม่รู้ทำไมพออยู่กับราชาวดีแล้ว ความเย็นชาที่เขาเพียรพยายามสร้างไว้มันหลุดหายไปจนหาทางกลับเข้าตัวไม่ถูก มันเหมือนกับเขาได้กลายเป็นเด็กตอนที่ยังไม่ต้องคิดอะไร ไม่รับรู้ว่าเบื้องหลังภายใต้ความอบอุ่น สีหน้าที่ยิ้มแย้มของพี่ชายคือการต้องเข่นฆ่าผู้อื่นให้ตายทั้งเป็น

บทที่ 1 ตอนที่ 1

ตอนที่ 1

“ที่พี่สีดาพูดมา...จริงใช่ไหมคะ?” หญิงสาวนามราชาวดีถามอย่างเก็บอาการตื่นเต้นดีใจเอาไว้ไม่ได้ เมื่อรู้ว่าจะได้ไปทำงานพิเศษที่โรงแรมอีกครั้ง ที่ทำให้ความหวังของเธออยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมมือคว้าแล้ว

ราชาวดีละมือจากการเช็ดถูกระจกร้านหันไปมองเจ้าของร้านที่เธอเคารพรักเสมือนญาติผู้ใหญ่ ผู้ที่คอยให้การช่วยเหลือเธอมาตลอด ถึงขั้นฝากงานให้ แต่ช่วงหลังเศรษฐกิจไม่ค่อยดี ทางโรงแรมจึงเลือกที่จะใช้วิธีการจ้างพนักงานพิเศษเวลาที่มีแขกพิเศษเป็นครั้งคราว เมื่อเธอมีความสามารถด้านการเขียนอ่านและพูดภาษาญี่ปุ่นได้ จึงได้รับโอกาสนั้น

ราชาวดียิ้มจนเห็นไรฟันขาวสะอาดเรียงกันสวยงามและยังได้เห็นเขี้ยวเล็ก ๆ ในปาก ดวงตากลมโตแวววาวเหมือนลูกแก้วยามสะท้อนแสงไฟมอง

“จริงซิจ๊ะ พี่เพิ่งจะวางสายจากเพื่อนเมื่อกี้นี้เอง” สีดาบอกซ้ำ ขณะมองราชาวดีด้วยสายตารักใคร่ระคนเอ็นดู แม้จะไม่ได้มีสายเลือดเดียวกัน แต่เธอกลับรักสาวน้อยตรงหน้าราวกับคนในครอบครัว คอยดูแลเอาใจใส่อย่างไม่เหน็ดเหนื่อย

เย้! ราชาวดีดีใจจนออกนอกหน้า อยากจะโผเข้าไปกอดสีดา แต่ร่างกายเต็มไปด้วยเศษสิ่งสกปรกที่เกาะอยู่ตามลำตัว กลัวจะไปทำให้อีกฝ่ายระคายเคือง

“ช่อม่วง”

“ค่ะพี่สีดา” ราชาวดีขานรับเสียงหวานใส มองตอบสีดาทันทีเมื่ออีกฝ่ายเรียกชื่อเล่นเธอเต็ม ๆ ที่เมื่อไหร่เรียกแสดงว่าจะต้องมีเรื่องสำคัญให้ต้องล่ะเรื่องอื่นเอาไว้ก่อน ให้หันมาสนใจฟังเรื่องที่จะถูกกล่าวถึง

“มีอะไรคะพี่สีดา” ราชาวดีเอียงศีรษะเล็กน้อย มองไปที่สีดาสายตาแน่วนิ่ง ตั้งใจฟังเรื่องที่อีกฝ่ายจะพูด

“งานวันนี้สำคัญมากนะ คนที่มาเป็นกลุ่มลูกค้าประจำก็จริง แต่หนึ่งในนั้นก็เป็นนายใหญ่” สีดาละเว้นที่จะไม่บอกราชาวดีว่าอีกฝ่ายยังเป็นหนุ่มรูปงาม แต่แฝงไว้ด้วยความน่ากลัว เพราะเป็นถึงหัวหน้าขององค์กรทำงานผิดกฎหมายกลุ่มหนึ่งของญี่ปุ่น

“เพื่อนพี่เขาบอกให้เราดูแลเอาใจใส่อย่างให้ขาดตกบกพร่อง เพราะถ้าหากเกิดปัญหาหรือเขาไม่พอใจขึ้นมา จะทำให้โรงแรมสูญเสียลูกค้าสำคัญไปได้ แล้วที่สำคัญ...” ไม่อยากพูด แต่ถ้าไม่เตือนให้ราชาวดีระวังตัวไว้บ้าง ก็กลัวอันตรายที่จะเกิดขึ้น

“ระวังตัวด้วยนะช่อ งานนี้ไม่ได้ง่ายอย่างงานอื่นที่เราทำมา”

ราชาวดีออกอาการกังวลเมื่อได้ยินคำพูดจากปากสีดา ความคิดสื่อออกมาทางแววตา ก่อนศีรษะทุยจะผงกรับทัน

“ค่ะพี่สีดา ช่อม่วงจะทำให้ดีที่สุด จะไม่ให้พี่สีดาและเพื่อนผิดหวังค่ะ”

คำรับรองทำให้สีดาคลายความกังวลใจไปเล็กน้อย ด้วยปัญหาใหญ่จริง ๆ อยู่ที่โรงแรม เพราะไม่รู้ว่าราชาวดีจะทำได้อย่างที่พูดหรือเปล่า ด้วยนิสัยของลูกค้าที่บางคนก็เอาแต่ใจและหาเรื่องหาราวเก่ง ก็ได้แต่หวังว่าราชาวดีจะระงับใจได้เหมือนกับทุกครั้งแล้วกัน การทำงานที่นั่นไม่ใช่ไม่เคยมีปัญหา หลายครั้งที่ราชาวดีมาบ่น...

“งานหนักช่อไม่ท้อนะคะพี่สีดา ช่อสู้ได้เสมอ พี่สีดาก็รู้ แต่กับคนที่ปากนอกจากจะไม่สร้างสรรค์แล้วยังจะบั่นทอนและไม่ให้กำลังใจกันอีก ไหนจะลูกค้าที่บางคนไม่ได้เห็นเราเป็นเพียงแค่พนักงานที่สามารถทำอะไรก็ได้ คิดแต่หาเรื่องพาเราขึ้นเตียง คิด ๆ แล้วก็เหนื่อยใจเหมือนกันนะคะ”

แต่สุดท้ายเมื่องานมาและเงินก็ตามมา คนที่บ่นพึมพำว่าไม่แน่ใจว่าจะยังทำต่อหรือไม่กลับตอบรับกลับไปด้วยสีหน้าท่าทางเริงรื่น ดวงตาเปล่งแวววาวราวกับลูกแก้วสะท้อนแสงไฟ โดยไม่หวั่นเกรงอุปสรรคหรือปัญหาใด ๆ ที่จะเกิดขึ้น ทุ่มเททั้งกายและใจทำงานอย่างเต็มที่

“ถึงจะต้องเข้างานทุ่มหนึ่ง แต่เพื่อนพี่บอกว่าให้ไปถึงโรงแรมก่อนหกโมงนะ ทันไหม”

“เอ๊ะ! ทำไมละคะ”

ราชาวดีถามอย่างแปลกใจ หญิงสาวเอียงศีรษะเล็กน้อย พวงแก้มอิ่มเต็มป่องออกเล็กน้อย เธอไม่เคยไปสาย ไปก่อนเวลาทำงานด้วย แต่เพื่อนพี่สีดากลับสั่งมาแบบนี้ ก็เกิดสงสัยอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน แต่ก็นั่นแหละ ถามไปพี่สีดาก็ไม่รู้ความอยู่ดี ถ้าอยากรู้ก็ต้องไปให้ถึงที่หมายโดยเร็วที่สุดต่างหากละ ไหล่กว้างเลิกขึ้นเล็กน้อย ก่อนหน้าเสียเมื่อเจอกับสายตาตำหนิ

“ขอโทษค่ะพี่สีดา ช่อจะไม่ทำแล้วจริง ๆ สาบานค่ะ” ราชาวดียกมือขึ้นชูสองนิ้วที่ขมับ แต่ไพล่อีกแขนไปด้านหลัง นิ้วชี้กับนิ้วกลางกลับไขว้กันไว้ ถ้าสิ่งไหนไม่มั่นใจว่าจะทำได้ เธอไม่กล้ารับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะหรอก ดังเช่นเรื่องนี้ที่จะต้องมีช่วงเวลาที่คนเราพลั้งเผลอกันบ้าง

“พี่สีดาไม่ต้องห่วงนะคะ ฝีมืออย่างช่อ ทันแน่นอนค่ะ”

หญิงสาวยิ้มสำทับ แต่เพียงแค่เหลือบสายตาไปมองนาฬิกาที่แขวนไว้ข้างผนังห้องแล้วต้องเบิกตากว้าง...นัดก่อนหกโมง ตายแล้วนี่มันใกล้เกือบจะห้าโมงแล้วนะ จะทันไหมนี่...บ้านเธออยู่ไกลจากร้านมากด้วย และอยู่คนละมุมเมืองกับโรงแรมที่จะต้องไปทำงานด้วย

แย่แล้ว! จะไปทันไหมนี่ ราชาวดีเริ่มจะกังวลใจ

“มีอะไรหรือเปล่าช่อ” สีดาถาม ในใจเธอหน่วง ๆ ชอบกล ไม่อยากให้หญิงตรงหน้ารับงานคืนนี้เลย เพราะกลัวเธอจะเป็นอันตราย แต่ก็รู้ดีว่างานพิเศษเหล่านี้เป็นสิ่งที่ราชาวดีรอเสมอ งานที่เงินตอบแทนไม่ได้มากมายสักเท่าไหร่ แต่ถ้าได้บ่อยครั้งบวกกับเงินทิปที่จะได้รับเก็บมาสะสม อีกไม่นานก็จะได้เป็นตั๋วเครื่องบินและค่าเดินทางพอจะไปตามหาพี่สาวที่หายตัวไปเมื่อหลายปีก่อนได้

หากราชาวดีกลับไม่ได้ยินคำถามของสีดา ด้วยเธอดีใจที่ความฝันใกล้จะเป็นจริง ดวงตากลมโตแวววาวเป็นประกาย หัวใจเต้นเร็ว ดังก้องทรวงจนต้องรีบยกมือจับไว้ เพราะกลัวว่ามันจะหล่นออกมา การรอยคอยอันยาวนานนับสิบปีกำลังจะสิ้นสุดลงแล้ว อดทนทำงานเก็บเงินอีกไม่ถึงเท่าไหร่ สิ่งที่ฝันไว้ก็จะเป็นจริงแล้ว

‘พี่พรรอหน่อยนะคะ ไม่ว่าพี่จะอยู่ที่ไหนก็ตาม แต่ช่อก็จะไม่ท้อ จะไปตามหาพี่ให้เจอ แล้วเรากลับมาอยู่ด้วยกัน’

ดวงตากลมโตอมโศกทอแสงเป็นประกายผ่านม่านน้ำแพที่เอ่อล้นคลอเบ้า

ทุกวันนี้เธออยู่ด้วยความหวังที่หล่อเลี้ยงหัวใจดวงน้อยให้เข้มแข็ง...หวังจะได้เจอกับพี่สาวที่หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยมานานนับสิบปี แม้จะรู้ว่ามันริบหรี่เต็มที แต่การวาดฝันว่าจะได้เจอกับคนที่รักก็นำเอาความสุขมาให้

อีกไม่นานเธอจะได้อยู่กับพี่สาวอย่างมีความสุขเช่นเคยมี ได้นอนฟังเสียงนุ่มหวานเย็นใจที่เอื้อนเอ่ยเล่านิทานก่อนนอน แค่ได้ฝันเธอก็มีความสุขแล้ว จึงเพียรพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ฝันนั้นเป็นจริง

“ช่อไปก่อนนะคะพี่สีดา”

ราชาวดีถลาไปด้านหน้าพร้อมมือเล็กเรียวยกขึ้นโบกลา แต่เพราะความรีบเร่งจนลืมซึ่งหน้าที่ประจำที่ต้องทำก่อนเลิกงานคือการเก็บเอาเศษผงเศษหญ้าที่ตัดออกจากลูกค้าไปทิ้ง หญิงสาวรีบคว้ากระเป๋าสะพายที่เก็บไว้ในตู้ใกล้กับประตูห้องครัว แต่เผลอไปเหยียบที่ตักผงซึ่งตอนนี้มีเศษเส้นผมและข้าวของซึ่งจะต้องนำเอาไปทิ้งที่ด้านหลังร้านหกกระจัดกระจาย

“ว้าย! ตายแล้ว...แหะ ๆ ขอโทษค่ะพี่สีดา เดี๋ยวช่อจะรีบเก็บและนำไปทิ้งให้เรียบร้อยค่ะ” ราชาวดีหัวเราะแห้ง ๆ เมื่อความซุ่มซ่ามของตัวเองทำให้ข้าวของที่เก็บแล้วกระจัดกระจายไปคนละทิศคนละทาง

“ไม่ต้องรีบก็ได้ช่อ ถ้ากลัวไม่ทัน เดี๋ยวพี่ไปส่งให้ก็ได้” เห็นราชาวดียิ้มแย้มอย่างมีความสุข ทำให้เธอมีความสุขไปด้วย รอยยิ้มที่เป็นเสมือนแสงสว่างให้กับคนที่ใจเหนื่อยล้าได้อย่างดี ดวงตากลมโตใสแจ๋วเป็นประกายสดชื่นแจ่มใสจนอดที่จะยิ้มตามไม่ได้

อ่านต่อ

หนังสืออื่นๆ ของ ปูริดา

ข้อมูลเพิ่มเติม
ปลูกรักฮูหยินแม่ทัพปีศาจ

ปลูกรักฮูหยินแม่ทัพปีศาจ

โรแมนติก

5.0

ก็ไม่ได้คิดหรอกนะว่าวันหนึ่งจะพบเจอกับเรื่องแปลก ๆ แต่เมื่ออยู่แล้วไร้ความหมายไม่มีคนที่รักและรักเรา เขาจึงเลือกที่จะแลกทั้งที่ไม่ได้มั่นใจเลยว่าจะได้พบกับคนที่รักจริงหรือเปล่า แต่ก็ตัดสินใจเลือกไปแล้ว... “อาซวงเป็นของข้าใช่หรือไม่” ก็มิค่อยเข้าใจสักเท่าไหร่และคิดว่ามิน่าจะมีอะไรมากมาย เก้าเทียนรุ่ยจึงพยักหน้ารับ “ขอรับ” “ถึงเราจะมิได้ร่วมทุกข์ร่วมสุขเช่นที่ท่านมีกับสหายที่ร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่ นอนกลางดินกินกลางทรายมาด้วยกันมาอย่างชิงชวนหรือคนอื่น ๆ หากนับตั้งแต่ที่เราได้พบรวมถึงอยู่ด้วยกัน ข้าก็คิดว่าเราผ่านอะไรมามากมายพอที่จะทำให้ข้ารู้ถึงความรู้สึกที่ตนเองมีต่อท่าน” เก้าเทียนรุ่ยมองสบสายตาเสวียนลิ่วหลางที่มองเขาด้วยความงุนงง ในดวงตามีความสับสนระคนมิแน่ใจ คล้ายจะมีคำถามตามติดมาด้วย ทำให้เขาเผลอยิ้มหวานออกไป เสวียนลิ่วหลางได้แต่ยิ้มด้วยความเขินอาย “ข้าก็มิรู้ว่าจะวางตัวเช่นไรดี พึงพอใจอยากให้เจ้าอยู่ชิดใกล้...หากก็มิอยากบังคับหากเจ้ามิเต็มใจ” “แต่ก็มิอาจทำใจได้หากจะต้องปล่อยมือ” เก้าเทียนรุ่ยเอ่ยอย่างเข้าใจ “เมื่อยังต้องรอให้อาซวงรู้สึกเช่นเดียวกัน นอกจากข้าจะทำให้ผู้อื่นรับรู้แล้วว่าคนนี้...” เสวียนลิ่วหลางจับมือเก้าเทียนรุ่ยมาจูบขณะมองสบเข้าไปในดวงตากลมใสก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มทุ้มหากเต็มไปด้วยความหนักแน่น “ข้าจอง” “ตะเกียบยังต้องอยู่เป็นคู่ถึงจะใช้กินอาหารได้ หยินก็ยังคู่หยางถึงจะสมดุล เมื่อข้าพบคนที่ใช่ เหตุใดถึงต้องปล่อยมือเล่า”

ขอให้รักกลับคืนมาได้ไหม

ขอให้รักกลับคืนมาได้ไหม

โรแมนติก

5.0

ความรักไม่ผิด...เรารักเขา เขาไม่รักเรา ก็ไม่ผิด แต่การรอคอยมันย่อมมีระยะเวลาสิ้นสุดลงเมื่อ...ใจเราไม่อาจรอรักจากเขาได้อีกแล้ว มันก็ถึงเวลา...สิ้นสุดยุติการรอคอที่เลื่อนลอยไร้จุดหมาย “นั่นสิคะ หนูดาวก็งงอยู่ ทำไมถึงหนีพี่เหนือไม่พ้นสักที ตั้งแต่หนูดาวตัดสินใจทำแบบนั้นลงไป พี่เหนือทำให้หนูดาวแปลกใจจนงงและสับสนไปหมด” “หือ” “ปกติพี่เหนือจะผลักไสให้หนูดาวไปไกล ๆ ชอบใช้สายตาแบบว่า...ฉันรำคาญเธอนะ เห็นหน้าเธอแล้วมันหงุดหงิดใจมาก จะไปเองดี ๆ หรือจะให้ฉันเตะโด่งเธอไป...ประมาณนี้นะคะ แต่พอหนูดาวเอาแหวนหมั้นไปคืน กลับต้องเจอกับพี่เหนือทุกวัน...และยังอยู่ด้วยกันแทบจะตลอดทั้งวันเลยด้วย ขนาดคิดหนีมาทำงานที่นี่ สุดท้ายยังหนีพี่เหนือไม่พ้นเลยด้วย” “เราคงเป็นคู่เวรคู่กรรมกันละมั้ง ทำยังไงก็หนีกันไม่พ้น เสร็จงานที่นี่ เห็นทีพี่คงจะต้องจับมัดเราให้หนักกว่าเดิม” พันดาวมองแดนเหนืออย่างตื่นตะลึง เรียวปากสีชมพูอ้าค้าง “นี่พี่เหนือ...”

ไฟรักไฟเชลย

ไฟรักไฟเชลย

โรแมนติก

5.0

เพื่อน้องสาว เขาจึงหลอกลวงนำตัวเธอมา “คุณโกรธอะไรใครก็ไปเอาคืนกับคนนั้นสิ มายุ่งกับฉันทำไม ปล่อยฉันนะไอ้วายร้าย!” “เผอิญว่าฉันดันอยากได้เธอด้วยผิง ก็เธอมันขาวอวบยั่วยวนราคะใช่ย่อยนิ แค่จับลูบไล้หน่อยเดียวก็พร้อมจะร้อนเป็นไฟแล้ว” ชายหนุ่มลูบไล้ฝ่ามืออุ่นร้อนบนลำตัวกลมกลึง สะกิดเอากระดุมหลุดออกจากรางทีละเม็ดจนหมด จูบอุ่นร้อนทาบทับซุกไซ้ซอกคอขาวผ่อง “ฉันขอร้องนะคุณใหญ่...ถ้าฉันผิดจริง ฉันยอมให้คุณลงโทษได้ทุกอย่าง คุณจะย่ำยีลงทัณฑ์ฉันยังไงก็ได้ ฉันจะไม่ร้องขอความปราณีแม้แต่นิดเดียว จะไม่หนีอย่างที่ทำอยู่ทุกวัน จะไม่คิดไม่เคียดแค้นคุณเลย แต่ถ้าฉันไม่ผิด คุณปล่อยฉันไปนะ...ได้โปรด” “รู้อะไรไหมผิง...ไม่มีผู้ชายคนไหนโง่ยอมปล่อยให้ผู้หญิงสวย ๆ เซ็กซี่ แล้วก็ปลุกเร้าอารมณ์ได้อย่างกับน้ำมันราดลงไปกองไฟให้หลุดรอดมือไปหรอกนะ” แต่ใครจะรู้ล่ะ...ความใกล้ชิดที่เกิดขึ้น จะนำสิ่งใดมาสู่เขาบ้าง เรื่องหัวใจก็ยังต้องจัดการ เรื่องการงานก็ต้องตรวจสอบหาความจริง

นางไพรยั่วสวาท

นางไพรยั่วสวาท

โรแมนติก

5.0

กฎของหมู่บ้าน ทำให้สองศรีพี่น้องต้องเร่งหา...ผัว! ให้ได้ “ตัวสั่นเชียว กลัวหรือจ๊ะฟองจ๋า” “โถ...น่าสงสารจริง เมียของผัว” มือหนาลูบไล้ผิวเนื้อนวลนุ่มลื่นขณะเดียวกันก็เกี่ยวเอาชายเสื้อของหญิงสาวดึงมันออกไปจากกายสาวก่อนจะแนบฝ่ามือลงบนทรวงอกอวบใหญ่ เสียงหวานแหบพร่าดังออกมาจากกลีบปากเล็ก “ร้องได้เลยจ้ะฟองจ๋า ผัวอยากได้ยินเสียงหวาน ๆ ของฟองที่สุด” “โถ่...จะปิดทำไมละจ๊ะสร้อยจ๋า” แม่เจ้าโว้ย! ใหญ่ฉิบหายเลย ใหญ่จนเขาอยากเห็นใกล้ ๆ อยากได้ลิ้มลองรสชาติในตอนนี้เลย “เดี๋ยวเราสองคนจะไม่เพียงแค่ได้เห็นทุกซอก...ทุกมุมของสร้อยแล้ว เราสองคนจะทั้งจับ...ทั้งเลีย แล้วก็อัดกระแทกให้ร่องสวาทของสร้อยแทบพังไปเลยจ๊ะ” ตรวนสวาทนางไพร : ใครกันแน่ที่เป็นผู้ล่า ใครกันแน่ที่เป็นเหยื่อ แน่ใจหรือว่าแพรพลอยคือเหยื่อให้ห้าหนุ่มอย่างพวกเขาเสพสวาทอย่างเร่าร้อน “ไม่เอาอย่างนี้นะโรม...อย่าทำแพรเลยนะ” แพรพลอยร้องห้ามเสียงสั่นพร่าเมื่อรู้ว่าโรมรันจะทำอะไร ไหนจะหนุ่ม ๆ ทั้งสี่ที่ไร้อาภรณ์ปกปิด ทำให้เธอได้เห็นอาวุธของแต่ละคนที่มันช่าง...ใหญ่! ไหนจะคำพูดที่บอกก่อนหน้านี้ที่บอกว่า...จะอัดกระแทกเธอให้ยับ! ทำเอาเธอถึงกับกับหวาดหวั่นไม่ใช่น้อย ยิ่งตอนนี้ทุกคนได้มายืนล้อมรอบเธอแล้วด้วย “พี่ได้ยินไม่ผิดใช่ไหมจ๊ะ...ที่น้องแพรบอกว่าอย่าช้า ให้พวกเรารีบเอาน้องแพรเร็ว ๆ นะ”

เกลียวรักคลื่นปรารถนา

เกลียวรักคลื่นปรารถนา

โรแมนติก

5.0

เพียงแค่เห็นหน้า เขาก็ถูกใจแล้ว แม้เธอจะมีลูกติดมา เขาก็ไม่คิดที่จะปล่อย ยังคงตามเอาใจลูกสาวตัวน้อยและจีบเธออย่างไม่ลดละ “เย้ เย้ แม่เอาอีกหนุก หนุก เอาอีก เอาอีก” โซดาเริ่มลุยน้ำลงไปกอบทรายที่เปียกน้ำใส่ศีรษะอันนิโต้เรื่อยๆ ไม่ยอมหยุด สิมิลันหัวเราะจนท้องแข็ง อันโตนิโอ้เอาคืนคนอารมณ์ดีด้วยการกอบทรายเปียกใส่ร่างบางบ้าง “ว้าย! เล่นอะไรนะคุณสกปรกจะตาย” “อ้าวที่คุณกับลูกทำผมล่ะ นี่แนะ” มือใหญ่ขยี้ผมบนศีรษะสิมิลัน โซดาเริ่มเอาอย่างสองมืออวบขยี้ผมบนศีรษะมารดาและศีรษะตัวเองจนยุ่งเหยิงและเปียกชื่น แล้วยืนหัวเราะเสียงใสแจ๋ว ดวงตาเป็นประกายสดใส ยิ้มจนเห็นฟันในปากแทบทุกซี่ “ไม่เลิกใช่ไหมคุณเอ โซดารุมพ่อเอเลยลูก” สองมือเล็กเรียวผลักร่างใหญ่ลงนอนบนพื้นทราย พร้อมกอบทรายเปียกชื้นละเลงบนกายแข็งแกร่ง สองแรงแข็งขันสองมือรุมกอบทรายละเลงบนกายหนาใหญ่จนเปียกชื้น ยังไม่พอสองนิ้วเล็กๆ จี้ไปเอวหนาจนชายหนุ่มหัวเราะท้องแข็ง โซดาเองก็เอาอย่างคนเป็นแม่ มือใหญ่ทั้งห้านิ้วจี้เอวแข็งแกร่ง อันโตนิโอ้ก็ไม่ยอมแพ้ มือใหญ่จี้เอวสองแม่ลูกกลับบ้าง เสียงหัวเราะของสองผู้ใหญ่หนึ่งเด็กดังลั่นหาดทรายสีขาว

หนังสือที่คุณอาจชอบ

ซูเจิน นายหญิงแห่งพฤกษา

ซูเจิน นายหญิงแห่งพฤกษา

l3oonm@
5.0

“ท่านผู้อำนวยการคะ ทางทีมสำรวจแจ้งว่าคนไม่เพียงพอที่จะเข้าไปเก็บตัวอย่างพันธุ์พืชในป่าเมืองเหอหนานค่ะ” ซูเจิน ที่ได้ยินก็หูผึ่งทันที เธอนั่งทำการอยู่ในห้องวิจัยตั้งแต่เรียนจบ ถึงตอนนี้ก็สี่ปีได้แล้ว ผู้อำนวยที่เข้ามาตรวจงานวิจัยล่าสุด ก็มองไปรอบห้อง เพื่อดูว่ามีใครต้องการเสนอตัวไปทำงานในครั้งนี้หรือไม่ แต่หลายคนที่เขามองไป ต่างหลบสายตาของเขา จะมีใครอยากออกไปเสี่ยงอันตราย เดินป่าขึ้นเขาให้เหนื่อยสู้นั่งทำงานในห้องปรับอากาศเย็นๆ ดีกว่า เมื่อไม่มีใครคิดจะเสนอตัว เขาจึงได้สอบถามหาผู้ที่สมัครใจทันที “มีใครอยากจะอาสาไปไหม” ไว้กว่าความคิด ซูเจินยกมือขึ้น “ฉันค่ะ” เพื่อนสนิทรีบดึงเสื้อของเธอเพื่อจะห้ามปราม “จะบ้าหรอ เธอไม่เคยไปสักครั้ง ไม่รู้หรือว่างานนี้เสี่ยงแค่ไหน” เสียงกระซิบของเสี่ยวชิง เอ่ยลอดไรฟันออกมา เมื่อปีที่แล้ว ที่ทีมสำรวจเดินทางเข้าไปที่ป่าเหอหนาน พื้นป่าที่ไม่อาจสำรวจได้อย่างทั่วถึง สร้างความท้าทายให้เหล่านักพฤกษศาสตร์จากทุกองค์กร แต่ไม่ว่าจะส่งเข้าไปกี่ครั้งก็ไปไม่ถึงป่าชั้นกลางเสียที แม้จะใช้เทคโนโลยีที่ล้ำหน้าเข้าช่วยเพียงได้ ก็สำรวจได้เพียงป่าชั้นนอก แถมยังพาชีวิตคนไปทิ้งอีกนับไม่ถ้วน ปีนี้ทางองค์กรของซูเจิน หยิบโครงการสำรวจป่าเหอหนานขึ้นมาใหม่ แต่กว่าจะหาทีมสำรวจได้ครบคนก็กินเวลาไปหลายเดือน ถึงตอนนี้คนก็ยังไม่พอจนต้องมาถามหาจากทีมวิจัยให้ช่วยเหลือ “คุณอยากไปจริงหรือ” เขาเอ่ยถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง “ค่ะ ฉันอยากลองทำงานนี้” ซูเจินยิ้มออกมา “ได้ อีกสองวัน คุณก็เตรียมตัวให้พร้อม” เมื่อมีคนเสนอตัวแล้ว ผู้อำนวยการก็ออกไปพบทีมสำรวจ เพื่อวางแผนการทำงาน ทั้งยังให้ซูเจินตามเขาไปเข้ารวมการประชุมในครั้งนี้ด้วย “เธอมันบ้าไปแล้ว” เพื่อร่วมงานต่างเดินเข้ามาหาซูเจิน แล้วตำหนิเธอที่กล้ายกมือเสนอตัว “เอาน่า ไว้กลับมาฉันจะเอาเรื่องสนุกมาเล่าให้พวกเธอฟัง” ซูเจินยิ้มหวานออกมา ก่อนที่จะเก็บของแล้วไปเข้าร่วมประชุมกับทีมสำรวจ สองวันต่อมาซูเจินก็แบกกระเป๋าเดินทางมาที่จุดนัดพบ เธอออกเดินทางด้วยรถตู้ขององค์กร พร้อมทีมสำรวจอีกเกือบยี่สิบชีวิต ยังดีที่เธอได้แบกกระเป๋าเพียงใบเดียว หากต้องแบกเต็นท์นอน อาหารด้วย คงได้เป็นภาระของคนอื่นอย่างแน่นอน ภายในป่าเหอหนาน น่ากลัวว่าที่ซูเจินคิดไว้เยอะ พอตะวันตกดิน หากไม่มีแสงไฟที่ทีมสำรวจนำมาด้วยคงจะมืดจนมองไม่เห็นอะไร เสียงแมลงทั้งสัตว์ป่าร้องตลอดทั้งคืน สร้างความหวาดกลัวให้กับคนที่ไม่เคยเข้าป่าสักครั้งอย่างเธอได้อย่างดี ยังดีที่เจ้าหน้าที่ผู้นำทางติดตามมาด้วยอีกหลายคน พวกเขาจึงได้อยู่ผลัดเปลี่ยนเวรยาม เพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์ป่าเข้ามาถึงตัวพวกเขา หลายวันที่อยู่ในป่า ซูเจินเก็บตัวอย่างพันธุ์ได้หลายชนิด แต่ทั้งทีม ยังเดินไม่หลุดป่าชั้นนอกเลย ยังดีที่อาหารที่เตรียมมาเพียงพอให้พวกเขาอยู่ไปได้อีกหลายวัน “เอ๊ะ” เข้าวันที่เจ็ดของการสำรวจป่า ซูเจิน เห็นดอกไม้แปลกตา ที่ขึ้นอยู่ท่ามกลางพงหญ้ารก เธอจึงเดินห่างจากกลุ่มทีมสำรวจเข้าไปดูทันที เพราะไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องอะไรได้ ระยะห่างที่อยู่ไกลจากพวกเขา หากร้องเรียกก็ยังได้ยินอยู่ เธอหยิบกล้องถ่ายรูปขึ้นมา พร้อมทั้งจดรายละเอียดก่อนที่จะดึงต้นไม้เก็บเข้าถุงเก็บตัวอย่างที่เตรียมมา แต่เมื่อมือของซูเจินสัมผัสไปที่ดอกไม้ เธอก็ต้องตกตะลึง เหมือนมีกระแสไฟวิ่งผ่านปลายนิ้วไปจนทั่วทั้งตัว “โอ๊ยย” เสียงร้องอย่างเจ็บปวดของซูเจิน เรียกความสนใจให้คนทั้งหมดรีบวิ่งมาทางที่เธออยู่ ซูเจินเห็นเพียงแสงสีขาวที่สว่างวาบไปทั่ว แล้วภาพตรงหน้าของเธอก็ดำมืดลง

ทางเดินใหม่ของหัวใจ

ทางเดินใหม่ของหัวใจ

Viv Thauer
5.0

เวินอี่ถงได้เห็นความรักอันลึกซึ้งของเจียงยวี่เหิง แต่ก็ได้สัมผัสกับการทรยศของเขาเช่นกัน เธอเผารูปแต่งงานของพวกเขาต่อหน้าเขา แต่เขากลับมัวแต่ง้อชู้ของเขา ทั้งๆ ที่เขาแค่มองดูแวบหนึ่งก็จะเห็น แต่เขากลับไม่สนใจเวินอี่ถงสุดจะทน ตบหน้าเขาอย่างแรง พร้อมอวยพรให้เขากับชู้ของรักกันยืนยาว แล้วเธอก็หันหลังสมัครเข้ากลุ่มวิจัยลับเฉพาะ ลบข้อมูลประจำตัวทั้งหมด รวมถึงความสัมพันธ์การแต่งงานกับเขาด้วย! ก่อนจากไป เธอยังมอบของขวัญชิ้นใหญ่ให้เขาอีกด้วยเมื่อถึงเวลาที่จะเข้ากลุ่ม เวินอี่ถงก็หายตัวไป บริษัทของเจียงยวี่เหิงประสบปัญหาล้มละลาย เขาจึงออกตามหาเธอด้วยทุกวิถีทาง แต่สิ่งที่ได้รับกลับเป็นใบมรณบัตรที่ต้องสงสัยเขาสติแตก “ฉันไม่เชื่อ ฉันไม่ยอมรับ!”เมื่อพบกันอีกครั้ง เจียงยวี่เหิงต้องตกใจที่พบว่าเวินอี่ถงเปลี่ยนตัวตนใหม่แล้ว โดยข้างกายมีผู้มีอำนาจที่เขาต้องยอมก้มหัวให้เขาอ้อนวอนอย่างสิ้นหวัง “ถงถง ผมผิดไปแล้ว คุณกลับมาเถอะ!”เวินอี่ถงเพียงยิ้มยักคิ้ว จับแขนของผู้มีอำนาจข้างๆ “น่าเสียดาย ตอนนี้ฉันอยู่ในระดับที่นายไม่อาจเอื้อมถึงแล้ว”

คุณนายยอมหย่าแล้ว

คุณนายยอมหย่าแล้ว

Calv Momose
4.9

หลังจากแต่งงานกันมาสามปี เวินเหลี่ยงก็ยังไม่เคยได้ความรักจากฟู่เจิ้งแต่อย่างใดเลย เมื่อรักแรกของเขากลับมา สิ่งที่รอเธออยู่คือหนังสือการหย่า "ถ้าฉันมีลูก คุณยังเลือกหย่าไหม?" เธออยากจับโอกาสสุดท้ายนี้ไว้ แต่แล้วมีแต่คำตอบที่เย็นชาว่า "ใช่" เวินเหลี่ยงหลับตาและเลือกที่จะปล่อยมือ ...ต่อมาเธอนอนอยู่บนเตียงคนไข้ด้วยความสิ้นหวังและลงนามในข้อตกลงการหย่า "ฟู่เจิ้ง เราไม่ได้เป็นหนี้กันอีกต่อไปแล้ว..." ชายที่มีความเด็ดขาดและเย็นชามาโดยตลอดนอนอยู่ข้างเตียงขอร้องให้อีกฝ่ายกลับมาด้วยเสียงแผ่วเบา "เหลียง ได้โปรดอย่าหย่าได้ไหม?"

Happy ที่โสดอีกครั้ง

Happy ที่โสดอีกครั้ง

STARMOON PTE. LTD.
4.9

แต่งงานกันเป็นเวลาสามปี เสิ่มชูคิดว่าต่อให้ป๋อมู่เหนียนจะใจแข็งสักแค่ไหนก็ควรจะอ่อนลงได้ด้วยความรักที่เธอมีกับเขามาโดยตลอด แต่เมื่อเขาบังคับให้เธอคุกเข่าลงในหอบรรพบุรุษของตระกูล เสิ่มชูถึงตระหนักว่าแท้ที่จริง ผู้ชายคนนี้ไม่มีหัวใจ คนที่ไม่มีหัวใจ เธอยังจะอาลัยอาวรณ์อยู่อีกทำไม? ดังนั้น เมื่อป๋อมู่เหนียนขอให้เธอเลือกระหว่างการคุกเข่าและการหย่าร้าง เสิ่มชูจึงเลือกการหย่าร้างไปโดยไม่ได้ลังเล เธอยังสาวยังสวยอยู่เช่นนี้ ทำไมจะต้องมาเสียเวลากับไอ้ผู้ชายคนนี้ด้วย!มิสู้กลับบ้านไปสืบทอดมรดกพันล้านของตระกูลจะดีกว่า

บุตรเช่นข้า หาได้ต้องการบิดาเช่นท่าน

บุตรเช่นข้า หาได้ต้องการบิดาเช่นท่าน

จิ้งจอกสะท้านหม้อไฟ
5.0

หลินตงหยาง อายุ 27 ปี เติบโตมากับแม่เพียงสองคน ในวัยเด็กหลินตงหยางเคยมีพ่อผู้ให้กำเนิดแต่หลังจากที่พ่อได้งานใหม่ในเมืองหลวงพ่อที่เคยมีก็ไม่มีอีกแล้ว พ่อกลับมาหย่าขาดกับแม่ทันทีที่ไปทำงานในเมืองหลวงได้เพียง 2 เดือน ด้วยให้เหตุผลในการหย่าว่า แม่กับและเขาคือตัวถ่วงความเจริญในชีวิตพ่อ สาเหตุก็ไม่มีอะไรมากแค่พ่อหน้าตาหล่อเหลาและเป็นที่ถูกใจของลูกสาวหัวหน้างาน เพื่อตำแหน่งงานและความเป็นอยู่ที่สบายขึ้น พ่อเลือกที่จะทิ้งภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากที่ผ่านเรื่องยากลำบากมาด้วยกัน หย่าขาดกับภรรยาเพื่อไปแต่งงานใหม่ มีชีวิตใหม่ในเมืองหลวง โดยทิ้งคนข้างหลัง ทิ้งภรรยาที่เคยสาบานว่าจะอยู่ครองคู่กันตลอดไป ในปีที่เขาเรียนจบมหาวิทยาลัย แม่ก็ล้มป่วยและจากเขาไปในที่สุด สาเหตุที่หลินตงหยางเสียชีวิต เพราะทำงานหนัก อาชีพโปรแกรมเมอร์ตัวเล็กๆ อย่างเขา ต้องพยายามทำงานให้ได้ตามที่หัวหน้าสั่งมา ในที่สุดเขาก็พัฒนาเกมกำลังภายในของบริษัทได้สำเร็จ หลินตงหยางนอนหลับไปด้วยความสบายใจ แต่ทว่าพอเขาลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที นี่ไม่ใช่คอนโดหรูย่านใจกลางเมืองปักกิ่ง หลังคามุงหญ้านี่คืออะไร มันควรจะเป็นเพดานสีขาวสิ เมื่อมองไปรอบๆ ห้องนี่คืออะไร นี่มันไม่ใช่ผนังที่ทำมาจากคอนกรีต มันคือดินเหนียว หลินตงหยางคิดว่าตัวเองฝันไป เขาหลับตาลงอีกครั้งแล้วลืมตาขึ้น ทุกอย่างยังเหมือนเดิม มารดามันเถอะ เขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง หลังจากแน่ใจแล้วว่าไมไ่ด้ฝัน ตอนนั้นเองเขารู้สึกปวดหัวขึ้นมาอย่างรุนแรง และในหัวของเขามีภาพเหตุการณ์ของเด็กชายที่ชื่อเดียวกับเขา หลินตงหยาง อายุ 10 ขวบ เรื่องราวชีวิตตั้งแต่เกิดจนตายไปของเด็กชาย ทำเอาหลินตงหยางกำมือแน่น ก่อนจะสบถออกมา “พ่อสารเลว เฉินซื่อเหม่ยชัดๆ” และตามมาด้วยเสียงร้องไห้ของน้องสาว สาเหตุที่เด็กชายหลินตงหยางเสียชีวิต เพราะถูกผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นย่าแย่งผักป่าและทุบตี ทั้งๆ ที่คนพวกนั้นได้ตัดขาดพับพวกเขาสามแม่ลูกแล้ว แต่ยังมิวายข่มเหงรังแก

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ
ใยรักเพลิงเสน่หา
1

บทที่ 1 ตอนที่ 1

25/02/2022

2

บทที่ 2 ตอนที่ 2

25/02/2022

3

บทที่ 3 ตอนที่ 3

25/02/2022

4

บทที่ 4 ตอนที่ 4

25/02/2022

5

บทที่ 5 ตอนที่ 5

25/02/2022

6

บทที่ 6 ตอนที่ 6

25/02/2022

7

บทที่ 7 ตอนที่ 7

25/02/2022

8

บทที่ 8 ตอนที่ 8

25/02/2022

9

บทที่ 9 ตอนที่ 9

25/02/2022

10

บทที่ 10 ตอนที่ 10

25/02/2022

11

บทที่ 11 ตอนที่ 11

03/06/2022

12

บทที่ 12 ตอนที่ 12

03/06/2022

13

บทที่ 13 ตอนที่ 13

03/06/2022

14

บทที่ 14 ตอนที่ 14

03/06/2022

15

บทที่ 15 ตอนที่ 15

03/06/2022

16

บทที่ 16 ตอนที่ 16

03/06/2022

17

บทที่ 17 ตอนที่ 17

03/06/2022

18

บทที่ 18 ตอนที่ 18

03/06/2022

19

บทที่ 19 ตอนที่ 19

03/06/2022

20

บทที่ 20 ตอนที่ 20

03/06/2022

21

บทที่ 21 ตอนที่ 21

03/06/2022

22

บทที่ 22 ตอนที่ 22

03/06/2022

23

บทที่ 23 ตอนที่ 23

03/06/2022

24

บทที่ 24 ตอนที่ 24

03/06/2022

25

บทที่ 25 ตอนที่ 25

03/06/2022

26

บทที่ 26 ตอนที่ 26

03/06/2022

27

บทที่ 27 ตอนที่ 27

03/06/2022

28

บทที่ 28 ตอนที่ 28

03/06/2022

29

บทที่ 29 ตอนที่ 29

03/06/2022

30

บทที่ 30 ตอนที่ 30

03/06/2022

31

บทที่ 31 ตอนที่ 31

03/06/2022

32

บทที่ 32 ตอนที่ 32

03/06/2022

33

บทที่ 33 ตอนที่ 33

03/06/2022

34

บทที่ 34 ตอนที่ 34

03/06/2022

35

บทที่ 35 ตอนที่ 35

03/06/2022

36

บทที่ 36 ตอนที่ 36

03/06/2022

37

บทที่ 37 ตอนที่ 37

03/06/2022

38

บทที่ 38 ตอนที่ 38

03/06/2022

39

บทที่ 39 ตอนที่ 39 (จบ)

03/06/2022