The Test of Time ย้อนเวลามาตามใจ

The Test of Time ย้อนเวลามาตามใจ

after5p.m.

5.0
ความคิดเห็น
93
ชม
14
บท

เมื่อ ‘รัก’ ถูกเวลาทําให้พรากจาก แต่ก็เป็น ‘เวลา’ ที่จะทําไห้ได้รักกลับคืน เมื่อโลกนี้มีไทม์แมชชีน อดีตแสนวุ่นกับอนาคตแสนสงบ จึงถูกดึงดูดให้เข้าใกล้ และเขาจะแก้ไขปัจจุบันให้มันเป็นอนาคตให้ได้ เมื่อ 'ด็อกเตอร์มาวิน' หรือ 'วินซ์' นักฟิสิกส์วัย 38 ผู้ขลุกตัวอยู่ในแอเรีย X สถานที่วิจัยไทม์แมชชีนของประเทศนีโอวิสท์นอส  พาตัวเองออกเดินทางย้อนเวลาไปเมื่อ 20 ปีก่อน โดยที่ไม่รู้ตัวว่าจะได้กลับมาเจอกับ 'ทอยส์' รักแรกที่เขาหลงลืม  รักในอดีตของทอยส์ กับ รักในอนาคตของผู้การนาธาน และปมเบื้องหลังการสูญเสียความทรงจําของมาวิน  ความสัมพันธ์ที่มากกว่าแค่คนสองคน บทสุดท้ายจะจบลงอย่างไร #testoftime *นิยายเรื่องนี้เกิดจากจินตนาการของผู้แต่งเท่านั้น ไม่เกี่ยวข้องกับบุคคล สถานที่ หรือเหตุการณ์ใดๆ ทั้งสิ้น

บทที่ 1 Backward (1)

.

.

ในสวนสาธารณะกว้างกลางฤดูหนาวที่อุณหภูมิ 27 องศา แม้ไม่หนาวมาก แต่ก็ถือว่าเย็นสบายและชวนรื่นรมย์มากกว่าหน้าร้อนที่ต้องทนเผชิญมาตลอดปี ต้นไม้ใหญ่อายุหลายสิบปีสูงตระหง่านตั้งเด่นกระจายตัวมอบร่มเงา ไม้พุ่มไม้ดอกถูกปลูกตัดแต่งและดูแลอย่างดีกระจายตัวตามการจัดวางที่ถูกออกแบบมา ทั้งสวยงาม เบ่งบานและใกล้ร่วงหล่น ที่มุมหนึ่งของสวนมีอดีตหอคอยสังเกตการณ์เฝ้าระวังการลอบหลบหนีของนักโทษที่ถูกปลดระวาง ตั้งอยู่กลางสระน้ำรูปวงกลม ขณะที่อีกฝั่งของสวน มีลานสเก็ตบอร์ด สนามบาส และมุมเครื่องเล่นเด็ก ที่นี่กลายเป็นสวนสาธารณะหลังจากทำหน้าที่เป็นสถานจองจำนักโทษร่วมร้อยปี

ใต้แสงแดดอ่อนที่ส่องแยงทะลุลอดหมู่ใบไม้สีเขียวอมเหลืองที่ชูช่อแตกระแนงเป็นแพใหญ่ของต้นไม้ที่มีลำต้นหนาขนาดหลายคนโอบ สองเด็กหนุ่มในชุดนักเรียนมอปลาย เสื้อเชิ้ตสีขาวปักชื่อชั้น ทั้งอักษรย่อชื่อของโรงเรียน สอดอยู่ในกางเกงขาสั้นสีดำที่ถูกรัดหลวมไว้ด้วยเข็มขัดหนังสีเดียวกัน ทั้งสองคนกำลังนั่งอยู่บนผืนหญ้าเขียวที่กินพื้นที่ไกลสุดปลายสายตา อย่างน้อยก็ไกลเกินกว่าที่พวกเขาจะเห็นรั้วขอบโดยรอบ

คนตัวสูงกว่ากำลังก้มมองใบงานเนื้อกระดาษหยาบสีเปลือกไข่ขนาด A5 ที่อยู่ในมือ ปลายปากกาจรดลงกรอกบันทึกข้อมูลที่สังเกตได้ ..ในสระน้ำมีสัตว์สปีชีส์ชนิดอื่นอาศัยอยู่นอกจากปลา เช่น แพลงตอน และสาหร่าย ระบบนิเวศของที่นี่..

ส่วนคนตัวเล็กกว่ากลับเหยียดขานอนสบายวางศีรษะบนตักของคนที่ตั้งใจทำการบ้านเพียงลำพัง

ลมอ่อนพัดเอาใบไม้ใบเล็กสีเหลืองซีดลอยละลิ่วตกบนอกเสื้อของคนที่เอาแต่นอนอย่างเกียจคร้าน เพียงไม่นานมือใหญ่ก็หยิบมันออกอย่างแผ่วเบาด้วยกลัวว่าจะกวนคน (ตั้งใจ) หลับ ..ลมหายใจเข้าออกเป็นจังหวะ อกบางยกตัวสม่ำเสมอ เขาเผลอมองไล่ไปบนใบหน้าเรียวเล็กที่ไม่ต่างจากเด็กหนุ่มทั่วไป ความรู้สึกบางอย่างก่อตัวขึ้นโดยไม่แจ้งเขาล่วงหน้ามาสักพัก

แพขนตาดำเรียงเบียดสละสลวย คิ้วเข้มแต่ไม่เข้มมากและได้รูป จมูกจัดว่าโด่งและก็มีดั้งสวยรองรับ ริมฝีปากไม่บางไม่หนาแต่มีเนื้ออวบชวนให้มอง

ในเวลาที่มีแต่ความเงียบระหว่างกัน ก็ยังได้ยินว่าอีกฝ่ายกำลังพูดอะไร ไม่รู้ว่ารู้ใจกันขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ทั้งที่ตอนเข้ามาเรียน คนตัวเล็กทำเหมือนเกลียดขี้หน้าเขามากมาย เรียกว่าตั้งป้อมรังเกียจกันก็ยังได้ ..เพราะเขาใช้วิธีทำความรู้จักเพื่อนใหม่ในแบบของตัวเอง แต่กลายเป็นถูกมองว่าใช้ของขวัญเพื่อซื้อมิตรภาพความเป็นเพื่อน

..ก็แค่ของเล่นจากสำเพ็งเอง ทำไมต้องคิดเยอะ

ไม่รู้ว่าเขาคิดน้อย หรือคนตัวน้อยคิดมาก

เขาตกใจที่ของขวัญชิ้นเล็กถูกส่งคืนกลับมาพร้อมกับกระดาษหนึ่งแผ่นที่ถูกพับปิดบังข้อความไว้ภายใน เขาเปิดมันออกอ่าน ข้อความในนั้นมีใจความคล้ายว่ากำลังตำหนิการกระทำของเขา ประมาณว่า ‘เพื่อน’ ไม่ได้ซื้อได้ด้วยของ..

แค่อ่านก็สะอึก คนคนนี้เป็นคนแบบไหนกัน ต้องจริงจังกับคำว่า ‘เพื่อน’ มากขนาดนั้นเลยรึไง

ถึงคนมากเรื่องจะเด่นสะดุดตาเพราะรูปลักษณ์แต่ก็ไม่ได้ทำให้เขาสนใจเท่าการทำตัวที่ต่างจากคนทั่วไป ไม่ก็เพราะการที่เขาโดนเกลียดขี้หน้าตั้งแต่วันแรก เลยทำให้คนที่ปฏิเสธของขวัญอยู่ในความสนใจมากกว่าใครๆ เขาหัวเราะกับตัวเองก่อนจะหันไปมองคนที่นั่งอยู่แถวถัดไปอีก 2 แถว ..ชักอยากรู้ว่าถ้าได้สนิทด้วยจะเป็นยังไง

..จนกระทั่งได้สนิทกัน

“อ่ะ อือ” เสียงครางบิดดังจากคนที่นอนสลบไสลไปได้ราวหนึ่งชั่วโมง สองแขนเล็กถูกยื่นเหยียดจนสุดแขนเกือบจะต่อยเอาหน้าของคนที่เอาแต่จ้องมองหลังจากหยิบใบไม้ออกจากอกให้คนที่เพิ่งตื่นจากฝัน

“นอนต่อดิ”

“กี่โมงแล้ว”

“ห้าโมง”

“เห้ย ห้าโมง! ทำไมไม่ปลุก”

“ทำไมต้องปลุก”

“ก็ทอยส์ต้องรีบกลับไง เดี๋ยวโดนแม่ดุ”

ความเป็นห่วงถูกส่งออกมาในเนื้อความ เขายกยิ้มพึงพอใจ นี่ล่ะมั้งสิ่งที่ได้จากการสนิทกัน

คนที่เพิ่งตื่นพลิกตัวตะแคงก่อนจะใช้สองมือดันตัวเองให้ลุกขึ้น ส่วนคนที่ถูกให้ยืมตักก็ช่วยออกแรงดันอีกแรง

“อ๊ะ” เสียงร้องดังแผ่วเบาจากคนที่นั่งนิ่งๆ ทำงานอยู่คนเดียวตลอดชั่วโมง

“เป็นอะไร” คนเพิ่งลุกขึ้นนั่งถามด้วยความเป็นห่วง

“...” เขาไม่ได้ตอบ แต่สีหน้าบูดเบี้ยวเล็กน้อย

“ขาชา?”

“อืม” คนถูกถามพยักหน้าตอบก่อนจะพยายามยืดขาออกไปบ้างเพื่อให้กล้ามเนื้อคลายตัว แต่คนที่เพิ่งตื่นกลับหัวเราะขบขันพลางยื่นสองมือมาเขย่าขาที่ชาอยู่ของคนเสียสละ รอยยิ้มและเสียงหัวเราะฉายอยู่บนใบหน้าที่เศร้าสร้อยมาตลอดทั้งวัน ทอยส์พอใจที่ได้เห็นมัน เขากลัดกลุ้มมาทั้งวันว่าจะทำยังไงให้คนรักหายเจ็บปวดจากสิ่งที่เจอมา

“พอได้แล้ววิน มัน..!” เขาร้องลั่นเมื่อความทรมานปวดแปลบแล่นไปทั่วขา มันดำเนินอยู่ไม่นานอาการชาก็ผ่อนคลายลง เขามองหน้าคนช่างแกล้งที่ยังยิ้มกว้าง ..มันน่านัก

“กลับกันเถอะ” วินตั้งท่าจะลุกจากพื้นหญ้าที่ถูกทับจนราบเตียน แต่มือใหญ่ก็รั้งแขนเล็กไว้

“ไม่ต้องหรอก เราโทรบอกแม่แล้ว” พูดพลางยก PCT* ในมือโบกไปมา

“แต่เย็นแล้ว ยังไงก็ต้องกลับ” ถึงจะพูดแบบนั้น แต่สีหน้าที่แสดงออกมากลับไม่เป็นไปอย่างที่พูด วินของเขาไม่ได้อยากกลับบ้านสักนิด

“ไปบ้านเราก่อนไหม” คนตัวสูงเอ่ยชวน หวังว่าจะยืดเวลาและมอบพลังดีๆ ให้วินก่อนกลับได้

“ไม่เอาอ่ะ เดี๋ยวนาน”

ทอยส์ยกมือลูบผมนิ่มๆ อย่างหมั่นไส้ เขาไม่ชอบเลยที่วินรู้ใจและรู้ทันเขาเสมอ ตั้งแต่ตกลงคบกัน ทั้งคู่ก็มักหาโอกาสเติมเต็มความรู้สึกให้กัน หลายครั้งก็เกือบจะยับยั้งห้ามใจกันไม่อยู่ พลังวัยแตกหนุ่มมันพลุ่งพล่านจนไม่อยากจะทนทรมาน

“งั้นไปกินไอติมแล้วค่อยกลับ เราเลี้ยงเอง” เขารู้ดีว่าคนตัวเล็กกว่าชอบของหวาน ยิ่งตอนอารมณ์ไม่ดี เครปเจ้าใหม่ที่เพิ่งมาเปิดในโรงอาหารเลยเป็นของโปรดของมาวิน ..กล้วยราดช็อกโกแลต เป็นเมนูที่วินสั่งประจำ

“เลี้ยงทำไม ต้องเป็นเราที่เลี้ยงทอยส์ดิ งานเราก็ไม่ได้ช่วย เอาแต่หลับ” มาวินรู้สึกผิดที่ไม่ได้ช่วยทำงานกลุ่มวิทยาศาสตร์ ทั้งที่ไม่เคยหันหลังให้กับวิชาโปรด แต่วันนี้..เขาไม่มีแรงจะทำอะไรจริงๆ

“งั้นวินก็เลี้ยงไอติมเรา แล้วเราก็เลี้ยงฮอตดอกวิน”

“เดี๋ยวก็กินข้าวที่บ้านไม่ลงหรอก”

“เรากินจุ วินก็รู้”

ด้วยความที่ทอยส์สูงเกือบ 180 ในวัยนี้ จึงกลายเป็นจอมล้างผลาญอาหารในสายตาของกลุ่มเพื่อน ชามกระดูกหมูติดเนื้อที่ขอจากเจ๊ร้านก๋วยเตี๋ยวในโรงอาหารจึงวางอยู่ตรงหน้าเขาเสมอ และไม่มีใครกล้าแย่งแทะ เพราะกลัวว่าจะไม่ได้ลอกการบ้านจากคนเก่งเลขอย่างเขา

อ่านต่อ

หนังสือที่คุณอาจชอบ

ต้องมนต์บุปผา

ต้องมนต์บุปผา

ซีไซต์
5.0

หลิวซือซือผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งที่นอกจากรูปร่างหน้าตาที่สวยหยดย้อยแล้ว แทบจะไม่มีความสามารถหรือความโดดเด่นในเรื่องอื่น และหากจะว่ากันไปหญิงสาวก็เป็นคนที่ค่อนข้างใสซื่อบริสุทธิ์อยู่ไม่น้อย เพราะได้รับการรับเลี้ยงประดุจไข่ในหินจากผู้เป็นพ่อและแม่ที่มีฐานะไม่ธรรมดา เธอรักในอาชีพนักแสดงแม้พ่อแม่จะคัดค้านแต่สุดท้ายก็ตามใจเธอเพราะไม่ต้องการให้ลูกสาวเสียใจ อยู่มาวันหนึ่งด้วยบทบาทที่ต้องแสดงในซีรีส์ย้อนยุค ทำให้พ่อของเธอหาขลุ่ยโบราณเล่มหนึ่งมาให้ ตั้งแต่ได้รับขลุ่ยมาหลิวซือซือก็มักฝันประหลาด ว่าเธอได้พบผู้ชายคนหนึ่งในเขาเป็นแม่ทัพอยู่ระหว่างสงครามอีกทั้งตนเองยังมีโอกาสช่วยเขาหลายครั้ง ที่น่าประหลาดใจคือ ฝันนั้นของเธอเหมือนจะเป็นความจริงไปแล้ว เขาคือใครและเกี่ยวข้องกับเธอด้วยเหตุใด ทำไมเธอจึงมักฝันประหลาดเช่นนี้???

บุตรเช่นข้า หาได้ต้องการบิดาเช่นท่าน

บุตรเช่นข้า หาได้ต้องการบิดาเช่นท่าน

จิ้งจอกสะท้านหม้อไฟ
5.0

หลินตงหยาง อายุ 27 ปี เติบโตมากับแม่เพียงสองคน ในวัยเด็กหลินตงหยางเคยมีพ่อผู้ให้กำเนิดแต่หลังจากที่พ่อได้งานใหม่ในเมืองหลวงพ่อที่เคยมีก็ไม่มีอีกแล้ว พ่อกลับมาหย่าขาดกับแม่ทันทีที่ไปทำงานในเมืองหลวงได้เพียง 2 เดือน ด้วยให้เหตุผลในการหย่าว่า แม่กับและเขาคือตัวถ่วงความเจริญในชีวิตพ่อ สาเหตุก็ไม่มีอะไรมากแค่พ่อหน้าตาหล่อเหลาและเป็นที่ถูกใจของลูกสาวหัวหน้างาน เพื่อตำแหน่งงานและความเป็นอยู่ที่สบายขึ้น พ่อเลือกที่จะทิ้งภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากที่ผ่านเรื่องยากลำบากมาด้วยกัน หย่าขาดกับภรรยาเพื่อไปแต่งงานใหม่ มีชีวิตใหม่ในเมืองหลวง โดยทิ้งคนข้างหลัง ทิ้งภรรยาที่เคยสาบานว่าจะอยู่ครองคู่กันตลอดไป ในปีที่เขาเรียนจบมหาวิทยาลัย แม่ก็ล้มป่วยและจากเขาไปในที่สุด สาเหตุที่หลินตงหยางเสียชีวิต เพราะทำงานหนัก อาชีพโปรแกรมเมอร์ตัวเล็กๆ อย่างเขา ต้องพยายามทำงานให้ได้ตามที่หัวหน้าสั่งมา ในที่สุดเขาก็พัฒนาเกมกำลังภายในของบริษัทได้สำเร็จ หลินตงหยางนอนหลับไปด้วยความสบายใจ แต่ทว่าพอเขาลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที นี่ไม่ใช่คอนโดหรูย่านใจกลางเมืองปักกิ่ง หลังคามุงหญ้านี่คืออะไร มันควรจะเป็นเพดานสีขาวสิ เมื่อมองไปรอบๆ ห้องนี่คืออะไร นี่มันไม่ใช่ผนังที่ทำมาจากคอนกรีต มันคือดินเหนียว หลินตงหยางคิดว่าตัวเองฝันไป เขาหลับตาลงอีกครั้งแล้วลืมตาขึ้น ทุกอย่างยังเหมือนเดิม มารดามันเถอะ เขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง หลังจากแน่ใจแล้วว่าไมไ่ด้ฝัน ตอนนั้นเองเขารู้สึกปวดหัวขึ้นมาอย่างรุนแรง และในหัวของเขามีภาพเหตุการณ์ของเด็กชายที่ชื่อเดียวกับเขา หลินตงหยาง อายุ 10 ขวบ เรื่องราวชีวิตตั้งแต่เกิดจนตายไปของเด็กชาย ทำเอาหลินตงหยางกำมือแน่น ก่อนจะสบถออกมา “พ่อสารเลว เฉินซื่อเหม่ยชัดๆ” และตามมาด้วยเสียงร้องไห้ของน้องสาว สาเหตุที่เด็กชายหลินตงหยางเสียชีวิต เพราะถูกผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นย่าแย่งผักป่าและทุบตี ทั้งๆ ที่คนพวกนั้นได้ตัดขาดพับพวกเขาสามแม่ลูกแล้ว แต่ยังมิวายข่มเหงรังแก

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ