The Test of Time ย้อนเวลามาตามใจ

The Test of Time ย้อนเวลามาตามใจ

after5p.m.

5.0
ความคิดเห็น
93
ชม
14
บท

เมื่อ ‘รัก’ ถูกเวลาทําให้พรากจาก แต่ก็เป็น ‘เวลา’ ที่จะทําไห้ได้รักกลับคืน เมื่อโลกนี้มีไทม์แมชชีน อดีตแสนวุ่นกับอนาคตแสนสงบ จึงถูกดึงดูดให้เข้าใกล้ และเขาจะแก้ไขปัจจุบันให้มันเป็นอนาคตให้ได้ เมื่อ 'ด็อกเตอร์มาวิน' หรือ 'วินซ์' นักฟิสิกส์วัย 38 ผู้ขลุกตัวอยู่ในแอเรีย X สถานที่วิจัยไทม์แมชชีนของประเทศนีโอวิสท์นอส  พาตัวเองออกเดินทางย้อนเวลาไปเมื่อ 20 ปีก่อน โดยที่ไม่รู้ตัวว่าจะได้กลับมาเจอกับ 'ทอยส์' รักแรกที่เขาหลงลืม  รักในอดีตของทอยส์ กับ รักในอนาคตของผู้การนาธาน และปมเบื้องหลังการสูญเสียความทรงจําของมาวิน  ความสัมพันธ์ที่มากกว่าแค่คนสองคน บทสุดท้ายจะจบลงอย่างไร #testoftime *นิยายเรื่องนี้เกิดจากจินตนาการของผู้แต่งเท่านั้น ไม่เกี่ยวข้องกับบุคคล สถานที่ หรือเหตุการณ์ใดๆ ทั้งสิ้น

บทที่ 1 Backward (1)

.

.

ในสวนสาธารณะกว้างกลางฤดูหนาวที่อุณหภูมิ 27 องศา แม้ไม่หนาวมาก แต่ก็ถือว่าเย็นสบายและชวนรื่นรมย์มากกว่าหน้าร้อนที่ต้องทนเผชิญมาตลอดปี ต้นไม้ใหญ่อายุหลายสิบปีสูงตระหง่านตั้งเด่นกระจายตัวมอบร่มเงา ไม้พุ่มไม้ดอกถูกปลูกตัดแต่งและดูแลอย่างดีกระจายตัวตามการจัดวางที่ถูกออกแบบมา ทั้งสวยงาม เบ่งบานและใกล้ร่วงหล่น ที่มุมหนึ่งของสวนมีอดีตหอคอยสังเกตการณ์เฝ้าระวังการลอบหลบหนีของนักโทษที่ถูกปลดระวาง ตั้งอยู่กลางสระน้ำรูปวงกลม ขณะที่อีกฝั่งของสวน มีลานสเก็ตบอร์ด สนามบาส และมุมเครื่องเล่นเด็ก ที่นี่กลายเป็นสวนสาธารณะหลังจากทำหน้าที่เป็นสถานจองจำนักโทษร่วมร้อยปี

ใต้แสงแดดอ่อนที่ส่องแยงทะลุลอดหมู่ใบไม้สีเขียวอมเหลืองที่ชูช่อแตกระแนงเป็นแพใหญ่ของต้นไม้ที่มีลำต้นหนาขนาดหลายคนโอบ สองเด็กหนุ่มในชุดนักเรียนมอปลาย เสื้อเชิ้ตสีขาวปักชื่อชั้น ทั้งอักษรย่อชื่อของโรงเรียน สอดอยู่ในกางเกงขาสั้นสีดำที่ถูกรัดหลวมไว้ด้วยเข็มขัดหนังสีเดียวกัน ทั้งสองคนกำลังนั่งอยู่บนผืนหญ้าเขียวที่กินพื้นที่ไกลสุดปลายสายตา อย่างน้อยก็ไกลเกินกว่าที่พวกเขาจะเห็นรั้วขอบโดยรอบ

คนตัวสูงกว่ากำลังก้มมองใบงานเนื้อกระดาษหยาบสีเปลือกไข่ขนาด A5 ที่อยู่ในมือ ปลายปากกาจรดลงกรอกบันทึกข้อมูลที่สังเกตได้ ..ในสระน้ำมีสัตว์สปีชีส์ชนิดอื่นอาศัยอยู่นอกจากปลา เช่น แพลงตอน และสาหร่าย ระบบนิเวศของที่นี่..

ส่วนคนตัวเล็กกว่ากลับเหยียดขานอนสบายวางศีรษะบนตักของคนที่ตั้งใจทำการบ้านเพียงลำพัง

ลมอ่อนพัดเอาใบไม้ใบเล็กสีเหลืองซีดลอยละลิ่วตกบนอกเสื้อของคนที่เอาแต่นอนอย่างเกียจคร้าน เพียงไม่นานมือใหญ่ก็หยิบมันออกอย่างแผ่วเบาด้วยกลัวว่าจะกวนคน (ตั้งใจ) หลับ ..ลมหายใจเข้าออกเป็นจังหวะ อกบางยกตัวสม่ำเสมอ เขาเผลอมองไล่ไปบนใบหน้าเรียวเล็กที่ไม่ต่างจากเด็กหนุ่มทั่วไป ความรู้สึกบางอย่างก่อตัวขึ้นโดยไม่แจ้งเขาล่วงหน้ามาสักพัก

แพขนตาดำเรียงเบียดสละสลวย คิ้วเข้มแต่ไม่เข้มมากและได้รูป จมูกจัดว่าโด่งและก็มีดั้งสวยรองรับ ริมฝีปากไม่บางไม่หนาแต่มีเนื้ออวบชวนให้มอง

ในเวลาที่มีแต่ความเงียบระหว่างกัน ก็ยังได้ยินว่าอีกฝ่ายกำลังพูดอะไร ไม่รู้ว่ารู้ใจกันขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ทั้งที่ตอนเข้ามาเรียน คนตัวเล็กทำเหมือนเกลียดขี้หน้าเขามากมาย เรียกว่าตั้งป้อมรังเกียจกันก็ยังได้ ..เพราะเขาใช้วิธีทำความรู้จักเพื่อนใหม่ในแบบของตัวเอง แต่กลายเป็นถูกมองว่าใช้ของขวัญเพื่อซื้อมิตรภาพความเป็นเพื่อน

..ก็แค่ของเล่นจากสำเพ็งเอง ทำไมต้องคิดเยอะ

ไม่รู้ว่าเขาคิดน้อย หรือคนตัวน้อยคิดมาก

เขาตกใจที่ของขวัญชิ้นเล็กถูกส่งคืนกลับมาพร้อมกับกระดาษหนึ่งแผ่นที่ถูกพับปิดบังข้อความไว้ภายใน เขาเปิดมันออกอ่าน ข้อความในนั้นมีใจความคล้ายว่ากำลังตำหนิการกระทำของเขา ประมาณว่า ‘เพื่อน’ ไม่ได้ซื้อได้ด้วยของ..

แค่อ่านก็สะอึก คนคนนี้เป็นคนแบบไหนกัน ต้องจริงจังกับคำว่า ‘เพื่อน’ มากขนาดนั้นเลยรึไง

ถึงคนมากเรื่องจะเด่นสะดุดตาเพราะรูปลักษณ์แต่ก็ไม่ได้ทำให้เขาสนใจเท่าการทำตัวที่ต่างจากคนทั่วไป ไม่ก็เพราะการที่เขาโดนเกลียดขี้หน้าตั้งแต่วันแรก เลยทำให้คนที่ปฏิเสธของขวัญอยู่ในความสนใจมากกว่าใครๆ เขาหัวเราะกับตัวเองก่อนจะหันไปมองคนที่นั่งอยู่แถวถัดไปอีก 2 แถว ..ชักอยากรู้ว่าถ้าได้สนิทด้วยจะเป็นยังไง

..จนกระทั่งได้สนิทกัน

“อ่ะ อือ” เสียงครางบิดดังจากคนที่นอนสลบไสลไปได้ราวหนึ่งชั่วโมง สองแขนเล็กถูกยื่นเหยียดจนสุดแขนเกือบจะต่อยเอาหน้าของคนที่เอาแต่จ้องมองหลังจากหยิบใบไม้ออกจากอกให้คนที่เพิ่งตื่นจากฝัน

“นอนต่อดิ”

“กี่โมงแล้ว”

“ห้าโมง”

“เห้ย ห้าโมง! ทำไมไม่ปลุก”

“ทำไมต้องปลุก”

“ก็ทอยส์ต้องรีบกลับไง เดี๋ยวโดนแม่ดุ”

ความเป็นห่วงถูกส่งออกมาในเนื้อความ เขายกยิ้มพึงพอใจ นี่ล่ะมั้งสิ่งที่ได้จากการสนิทกัน

คนที่เพิ่งตื่นพลิกตัวตะแคงก่อนจะใช้สองมือดันตัวเองให้ลุกขึ้น ส่วนคนที่ถูกให้ยืมตักก็ช่วยออกแรงดันอีกแรง

“อ๊ะ” เสียงร้องดังแผ่วเบาจากคนที่นั่งนิ่งๆ ทำงานอยู่คนเดียวตลอดชั่วโมง

“เป็นอะไร” คนเพิ่งลุกขึ้นนั่งถามด้วยความเป็นห่วง

“...” เขาไม่ได้ตอบ แต่สีหน้าบูดเบี้ยวเล็กน้อย

“ขาชา?”

“อืม” คนถูกถามพยักหน้าตอบก่อนจะพยายามยืดขาออกไปบ้างเพื่อให้กล้ามเนื้อคลายตัว แต่คนที่เพิ่งตื่นกลับหัวเราะขบขันพลางยื่นสองมือมาเขย่าขาที่ชาอยู่ของคนเสียสละ รอยยิ้มและเสียงหัวเราะฉายอยู่บนใบหน้าที่เศร้าสร้อยมาตลอดทั้งวัน ทอยส์พอใจที่ได้เห็นมัน เขากลัดกลุ้มมาทั้งวันว่าจะทำยังไงให้คนรักหายเจ็บปวดจากสิ่งที่เจอมา

“พอได้แล้ววิน มัน..!” เขาร้องลั่นเมื่อความทรมานปวดแปลบแล่นไปทั่วขา มันดำเนินอยู่ไม่นานอาการชาก็ผ่อนคลายลง เขามองหน้าคนช่างแกล้งที่ยังยิ้มกว้าง ..มันน่านัก

“กลับกันเถอะ” วินตั้งท่าจะลุกจากพื้นหญ้าที่ถูกทับจนราบเตียน แต่มือใหญ่ก็รั้งแขนเล็กไว้

“ไม่ต้องหรอก เราโทรบอกแม่แล้ว” พูดพลางยก PCT* ในมือโบกไปมา

“แต่เย็นแล้ว ยังไงก็ต้องกลับ” ถึงจะพูดแบบนั้น แต่สีหน้าที่แสดงออกมากลับไม่เป็นไปอย่างที่พูด วินของเขาไม่ได้อยากกลับบ้านสักนิด

“ไปบ้านเราก่อนไหม” คนตัวสูงเอ่ยชวน หวังว่าจะยืดเวลาและมอบพลังดีๆ ให้วินก่อนกลับได้

“ไม่เอาอ่ะ เดี๋ยวนาน”

ทอยส์ยกมือลูบผมนิ่มๆ อย่างหมั่นไส้ เขาไม่ชอบเลยที่วินรู้ใจและรู้ทันเขาเสมอ ตั้งแต่ตกลงคบกัน ทั้งคู่ก็มักหาโอกาสเติมเต็มความรู้สึกให้กัน หลายครั้งก็เกือบจะยับยั้งห้ามใจกันไม่อยู่ พลังวัยแตกหนุ่มมันพลุ่งพล่านจนไม่อยากจะทนทรมาน

“งั้นไปกินไอติมแล้วค่อยกลับ เราเลี้ยงเอง” เขารู้ดีว่าคนตัวเล็กกว่าชอบของหวาน ยิ่งตอนอารมณ์ไม่ดี เครปเจ้าใหม่ที่เพิ่งมาเปิดในโรงอาหารเลยเป็นของโปรดของมาวิน ..กล้วยราดช็อกโกแลต เป็นเมนูที่วินสั่งประจำ

“เลี้ยงทำไม ต้องเป็นเราที่เลี้ยงทอยส์ดิ งานเราก็ไม่ได้ช่วย เอาแต่หลับ” มาวินรู้สึกผิดที่ไม่ได้ช่วยทำงานกลุ่มวิทยาศาสตร์ ทั้งที่ไม่เคยหันหลังให้กับวิชาโปรด แต่วันนี้..เขาไม่มีแรงจะทำอะไรจริงๆ

“งั้นวินก็เลี้ยงไอติมเรา แล้วเราก็เลี้ยงฮอตดอกวิน”

“เดี๋ยวก็กินข้าวที่บ้านไม่ลงหรอก”

“เรากินจุ วินก็รู้”

ด้วยความที่ทอยส์สูงเกือบ 180 ในวัยนี้ จึงกลายเป็นจอมล้างผลาญอาหารในสายตาของกลุ่มเพื่อน ชามกระดูกหมูติดเนื้อที่ขอจากเจ๊ร้านก๋วยเตี๋ยวในโรงอาหารจึงวางอยู่ตรงหน้าเขาเสมอ และไม่มีใครกล้าแย่งแทะ เพราะกลัวว่าจะไม่ได้ลอกการบ้านจากคนเก่งเลขอย่างเขา

อ่านต่อ

หนังสือที่คุณอาจชอบ

เมียผมน่ารักจัง

เมียผมน่ารักจัง

Penn Tofallis
4.9

กู้ชิงเฉิงเชื่อมั่นมาตลอดว่าตราบใดที่เธอประพฤติตัวดี สักวันหนึ่ง เธอก็จะสามารถชนะใจมู่ถิงเซียวให้ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเสิ่นถัง รักแรกที่เขาคิดถึงมาตลอดกลับมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กู้ชิงเฉิงเป็นคนว่าง่ายสอนง่ายจริงๆ เธอจัดงานแต่งงานด้วยคนเดียว และนอนคนเดียวในห้องผ่าตัดเพื่อรับการรักษาฉุกเฉิน มีข่าวลือว่าเธอบ้าไปแล้ว อันที่จริงเธอบ้าไปแล้วจริงๆ ที่รักใครสักคนอย่างไม่ละอายขนาดนี้ ต่อมา ทุกคนลือกันว่า กู้ชิงเฉิงป่วยหนักและกำลังจะเสียชีวิต มู่ถิงเซียวถึงสูญเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง "ฉันไม่ปล่อยให้เธอตาย" แต่เธอกลับยิ้มอย่างนิ่งๆ ว่า "ดีจังเลย ฉันเป็นอิสระแล้ว" ใช่แล้ว ไม่ต้องการกู้ชิงเฉิงอีกแล้ว"

วาสนานี้ ข้ามิอยากได้

วาสนานี้ ข้ามิอยากได้

l3oonm@
5.0

ซินหยาน นักฆ่าสาวที่ใช้นามแฝงว่า สืออี เธอถูกพาตัวมาจากสถานสงเคราะห์ตั้งแต่อายุเพียงเจ็ดปี เพื่อฝึกให้เป็นนักฆ่าขององค์การใต้ดิน เพราะความสามารถของเธอ รวมถึงความเฉลียวฉลาดจากการเอาตัวรอด ทำให้เธอได้รับภารกิจเสี่ยงอันตรายอยู่เสมอ จนวันหนึ่งที่องค์กรยื่นข้อเสมอสุดพิเศษให้ หากทำภารกิจครั้งนี้เสร็จสิ้นเธอจะสามารถไปใช้ชีวิตตามที่เธอต้องการได้ แต่เรื่องมันจะง่ายถึงเพียงนั้นได้อย่างไร ซินหยาน แม้จะรู้ดีว่านี้เป็นภารกิจสุดท้ายก่อนที่เธอจะถูกสั่งเก็บแต่ก็รับงานมาอย่างเต็มใจ แต่ที่องค์การคิดไม่ถึงคือ ซินหยานเลือกที่จะจบชีวิตลงพร้อมกับภารกิจสุดท้ายที่สูญหายไปพร้อมกับเธอด้วย ซินหยานเมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้งก็พบว่าเธออยู่ในร่างของเด็กสาววัยสิบสองหนาว จางซินหยาน ชื่อนี้ช่างคุ้นหูนัก และยิ่งคุ้นมากขึ้นเมื่อชื่อของบิดามารดาของซินหยานก็คือนิยายเรื่องหนึ่งที่เธอได้เคยอ่านเมื่ออยู่ภพที่แล้ว หลังจากที่จางซินหยานอายุได้สิบหกหนาว นางตกหลุมรักท่านแม่ทัพจ้าว ที่ได้รับบาดเจ็บและจางซินหยานเป็นผู้ช่วยไว้ ถ้าหากท่านแม่ทัพจ้าวมิได้มีสตรีที่ตบแต่งไปแล้วเรื่องนี้ก็คงจบอย่างสวยงาม แต่เพราะเขารับจางซินหยานไปเป็นได้เพียงอนุเท่านั้น จางซินหยานก็ยังคิดว่าถึงจะเป็นเพียงอนุนางก็ยังหวังว่าท่านแม่ทัพจะรักนางเช่นกัน แต่เปล่าเลย ในสายตาของท่านแม่ทัพมีเพียงฮูหยินเอกเท่านั้น จนตายจางซินหยานก็ไม่เคยได้ยินคำว่ารักจากปากของท่านแม่ทัพ ซินหยานเมื่อมาอยู่ในร่างของจางซินหยานแล้วนางจะยอมให้เกิดเหตุการณ์นี้ได้อย่างไร แต่เหมือนโชคชะตาชอบเล่นตลก เพราะเรื่องที่นางไม่อยากยุ่งเกี่ยวดันเข้าไปยุ่งเต็มๆ

ลิขิตรักภรรยาตัวร้าย

ลิขิตรักภรรยาตัวร้าย

จิ้งจอกสะท้านหม้อไฟ
5.0

เว่ยจื้อโหยวลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งพบว่าตนอยู่ในยุคสมัยที่ไม่คุ้นเคยสิ่งรอบกายดูโบราณล้าหลัง โลกโบราณที่ไม่มีในประวัติศาสตร์โลก ยังไม่ทันได้เตรียมใจก็ถูกส่งให้ไปแต่งงานกับชายยากจนที่ท้ายหมู่บ้าน สาเหตุที่เว่ยจื้อโหย่วถูกส่งมาให้แต่งงานกับชายที่ขึ้นชื่อว่ายากจนที่สุดในหมู่บ้านนั้น เพราะนางเกิดไปต้องตาต้องใจเศรษฐีผู้มักมากในกามเข้า เพื่อหาทางหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกบ้านใหญ่ขายไปเป็นอนุภรรยาของเศรษฐีเฒ่า พ่อแม่ของนางจึงยอมแตกหักจากบ้านใหญ่และท่านย่าที่เห็นแก่ตัวและลำเอียงเป็นที่สุด ด้วยเหตุนี้พ่อแม่ของนางจึงตัดสินใจยกนางให้กับอวิ๋นเซียว ชายหนุ่มที่แสนยากจนข้นแค้น ที่เพิ่งเสียบิดามารดาไป อีกทั้งยังทิ้งน้องชายน้องสาวเอาไว้ให้เขาเลี้ยงดู นอกจากนี้ยังมีป้าสะใภ้มหาภัยที่คอยแต่จะมารังแกเอารัดเอาเปรียบสามพี่น้อง สิ่งที่ย่ำแย่ที่สุดไม่ใช่ป้าสะใภ้มหาภัย แต่ มันคืออะไรแต่งงานนางไม่ว่ายังไม่ทันได้เข้าหอสามีหมาดๆ ก็ถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารในสงครามระหว่างแคว้น มันไม่มีอะไรเลวร้ายไปมากว่านี้อีกแล้วสำหรับ เว่ยจื้อโหยว หากสามีทางนิตินัยของนางตายในสนามรบ ก็ไม่เท่ากับว่านางเป็นหม้ายสามีตายทั้งที่ยังบริสุทธิ์หรอกหรือ แถมยังต้องเลี้ยงดูน้องชายน้องสาวของอดีตสามีอีก สวรรค์เหตุใดถึงได้ส่งนางมาเกิดใหม่ในที่แบบนี้

ข้าคือฮองเฮาที่ฮ่องเต้ไม่รัก

ข้าคือฮองเฮาที่ฮ่องเต้ไม่รัก

เด็กน้อยคว้าฝัน
4.8

เมื่อเพื่อนรักที่ไว้ใจแอบทรยศคบกับชายที่ตนรัก และชายที่ตนรักกลับรังเกียจตนจนไม่แม้แต่จะแตะต้องเนื้อตัวเธอ สิ่งที่เธอทำได้คือต่างคนต่างอยู่ แต่ในวังหลังแห่งนี้เธอจะทำอย่างนั้นได้จริงหรือ? ตัวอย่างเนื้อเรื่อง “เจ้ามีอันใดจะกล่าวหรือไม่... สนมหลี่กุ้ยเฟย” น้ำเสียงราบเรียบก่อนจะเน้นที่ละคำในประโยคท้ายอย่างหนักแน่น “ฮองเฮาแน่ใจแล้วหรือเพคะ ว่าจะให้หม่อมฉันทูลทุกอย่างต่อหน้าข้าราชบริพารเหล่านี้ หากมีข่าวแพร่ออกไปอีก ฮองเฮาทรงทนฟังคำนินทาเหล่านั้นได้หรือไม่” หลี่ฟางซินกล่าวพร้อมยิ้มอ่อนๆ หลี่ฟางซินย่อมรู้ดีว่าเย่วลี่อิงคงได้ยินคำนินทาเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนแล้วจึงได้พูดเน้นย้ำ หวังจะกระตุ้นให้นางลงมือทำร้ายตน “คำนินทาเรื่องใดกัน เรื่องที่เจ้าเป็นนางอสรพิษนะหรือ เหตุใดเราจะทนฟังไม่ได้เล่า” เย่วลี่อิงตรัสพร้อมยักไหล่อย่าไม่แยแส มีหรือเย่วลี่อิงจะดูไม่ออกว่า ข่าวลือที่แพร่ออกไปนั้นมาจากผู้ใด หากเป็นแต่ก่อนนางย่อมไม่คิดว่าเป็นสหายคนสนิทของนางเป็นแน่ แต่บัดนี้นางรู้แล้วว่าหญิงที่ยืนตรงหน้านางหาใช่สตรีอ่อนหวานแสนดีอย่างที่นางรู้จักไม่ “หม่อมฉันเป็นนางอสรพิษตั้งแต่เมื่อใดกันเพคะ หม่อมฉันและฝ่าบาทมีใจรักใคร่กันมาเนิ่นนาน หากไม่ใช่เพราะฮองเฮาใช้ความดีของท่านแม่ทัพทูลขอให้ฮ่องเต้องค์ก่อนพระราชทานงานแต่ง วันนี้ตำแหน่งฮองเฮาก็ไม่แน่ว่าจะเป็นของใคร” “เจ้านางแพศยา หากเจ้ามีใจให้ฝ่าบาท แล้วทำไมไม่บอกข้า ยังแสดงแกล้งเป็นแม่สื่อนำของที่ข้ามอบให้ฝ่าบาท ฝากผ่านพี่ชายเจ้าช่วยมอบของให้ฝ่าบาทแทนข้า” เย่วลี่อิงเริ่มพูดด้วยอารมณ์ขุ่นเคือง “ของอันใดกันเพคะ หม่อมฉันไม่เคยนำของ ของพระองค์มอบให้ฝ่าบาทเลยนะเพคะ ยิ่งให้พี่ชายช่วยส่งแทนให้ยิ่งมิเคย” น้ำเสียงเยาะเย้ยบวกกับรอยยิ้มยียวนของหลี่ฟางซินทำให้เย่วลี่อิงหัวเสียมากขึ้น “นี้เจ้าเอาของของเราไปทิ้งอย่างนั้นหรือ” “ฮองเฮาพูดถึงเรื่องอะไรเพคะ หม่อมฉันไม่เห็นรู้เรื่องเลย พระองค์อย่าได้ใส่ความหม่อมฉันสิเพคะ” “นี้เจ้า”

สามีเป็นถึงเศรษฐีพันล้าน

สามีเป็นถึงเศรษฐีพันล้าน

Davin Howson
5.0

ในวันแต่งงาน เจ้าบ่าวของเฉียวซิงเฉินหนีไปกับผู้หญิงอีกคน เธอโกรธมาก จึงสุ่มหาชายคนหนึ่งมาแต่งงานด้วยทันที "ตราบใดที่คุณกล้าแต่งงานกับฉัน ฉันก็ยอมเป็นเมียคุณ" หลังจากแต่งงาน เธอได้ค้นพบว่าสามีของเธอคือลูกชายคนโตของตระกูลลู่ที่ขึ้นชื่อว่าไร้ประโยชน์ ชื่อลู่ถิงเซียว ทุกคนเยาะเย้ยว่า "เธอยนี่ช่วยไม่ได้จริงๆ" และผู้ชายที่ทรยศเธอก็มาเกลี้ยกล่อมว่า "ไม่เห็นต้องทำร้ายตัวเองเพราะฉันหรอก สักวันเธอต้องเสียใจแน่ๆ" เฉียวซิงเฉินหัวเราะเยาะและโต้ตอบว่า "ไปให้พ้น ฉันกับสามีรักกันมาก" ทุกคนต่าก็คิดว่าเธอเป็นบ้า ไปแล้ว อย่างไรก็ตาม เมื่อตัวตนที่แท้จริงของลู่ถิงเซียวถูกเปิดเผย ที่แท้เขาเป็นคนรวยอันดับต้นๆในโลก ในการถ่ายทอดสดทั่วโลก ชายคนนี้คุกเข่าข้างเดียว ถือแหวนเพชรมูลค่าหลักพันล้าน และพูดช้าๆ ว่า "คุณภรรยา ชีวิตที่เหลือนี้ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะ"

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ