5.0
ความคิดเห็น
206
ชม
50
บท

เดือนพิลาส หรือ แอนนี่ ลูกแม่ดาวเรือง กับ พ่อลุคส์ หรือ เจ้ากุ๊ก หลาน ยายดวง เดินทางกลับบ้านช่วงซัมเมอร์ หลังจากเกิดวิกฤต 911 เมื่อปี 2544 เธอตกบันไดพลอยโจนเป็น นักร้องหมอลำ เมื่ออินทิรา นักร้องวงพิณเพลินประสบอุบัติเหตุ เธอต้องขึ้นเวที ชีวิตจะสนุกสนานเฮฮาแค่ไหนกันหนอ ในนามเดือนเด่น แดนดาว MOONLIGHT STARLAND กับตำนานตำมั่วของยายดวง กับตำนานเพลงหมอลำที่สาวฝรั่งลำได้เสนาะหูด้วยลูกคอสามชั้น ช่วงเวลาซัมเมอร์ที่หัวใจเธอเผลอรัก จะทำให้เป็นรักนิรันดร์ไหม ถามหาหัวใจ ได้เลย กำลังจะฉายทางช่อง7 สีเร็วๆนี้ นำแสดงโดยบิ๊กเอ็มและ สกาย เคยสร้างเป็น TV Series สร้างเป็นละครโทรทัศน์ทางช่อง 7 ในปี 2546 นำแสดงโดย ป๋อ-ณัฐวุฒิ และชมพู่-อารยา

บทที่ 1 1

หมอลำ(ซัมเมอร์) บทที่1

อาริตา

หญิงสาวสวยอายุประมาณยี่สิบสองก้าวลงจากรถที่มาจอดให้ตรงทางเท้าเข้าสู่ร้านอาหารไทยขนาดใหญ่ที่คืนนี้จะมีการจัดงานเลี้ยงชุมนุมคนไทยที่มาอยู่ในละแวกย่านนี้ แม่ของหล่อน...ดาวเรือง เป็นผู้ประสานงานของงานที่จัดหาเงินหนนี้...เป็นงานหาทุนเพื่อจะส่งกลับไปยังประเทศบ้านเกิด...ก็ที่เมืองไทย

ตัวหล่อน เดือนพิลาส เป็นลูกครึ่งไทยอเมริกัน พ่อของหล่อน มิสเตอร์ลุคส์ เป็นวิศวกรที่ถูกส่งไปทำงานที่เมืองไทยก่อนหล่อนจะเกิด แล้วพบแม่ที่เป็นนางพยาบาลเพราะมิสเตอร์ลุคส์มีเหตุต้องเข้าโรงพยาบาลเรื่องไส้ติ่งอักเสบกะทันหันและแม่เป็นพยาบาลที่ดูแลพ่อตอนนั้นจนสานต่อเป็นความรักต่อกัน พ่อกับแม่แต่งงานกันเมื่อยี่สิบสามปีก่อน...โดยไม่ผ่านความเห็นชอบเต็มร้อยของยายหล่อน นางดวง เดชขาว...

นางดวงหรือยายดวงของหล่อนไม่ชอบฝรั่ง

...ไอ้เจ้ากุ๊กมันเป็นพวกต่างชาติ เป็นเมียฝาหรั่ง ดีตรงไหน...

ยายไม่เคยเรียกชื่อพ่อได้ถูกต้องสักหน...จากลุคส์เป็นกุ๊กเสมอ บางทีก็มีการต่อเติมว่า “เจ้ากุ๊กไก่”

พ่อรู้ตรงนั้นเหมือนกันแต่พ่อเป็นคนอารมณ์ดี มีอารมณ์ขันมากมายทำให้พ่อมองยายเหมือนมองหญิงแก่ที่ตลก และยายก็เป็นแบบนั้นจริงๆ ด้วย เพราะยายเท่าที่เดือนพิลาสรู้จักเป็นคนตลกมีเรื่องให้หัวเราะมากมาย...บางเรื่องหล่อนก็เข้าใจแบบไม่ลึกซึ้งแต่ก็ได้หัวเราะเสมอ

มีลุงหล่อน...ลุงวีระที่บอกว่า

...มีผัวฝาหรั่งน่ะเท่ออกนะ แม่ ทำตัวทันซาหมัยหน่อย ฝาหรั่งยังไงก็ไม่ใช่มะละกอ เสี่ยวบ้านเฮา...

ลุงอีกคนมีอารมณ์ขันร้ายกาจพอกันกับยาย...และลุงยังเป็นศิลปิน...แม่บอกว่า

...เกือบจะโดดเดี่ยวอยู่แล้ว แต่ดีว่าเอาจริงเอาจัง...

ลุงเคยเป็นครูสอนดนตรีในโรงเรียนมัธยมมาก่อนเพราะจบทางด้านนี้มา แต่ลุงฝันไปไกลกว่านั้น ลุงฝันจะมีวงดนตรีของตัวเอง...จากวงเล็กๆ ที่เดี๋ยวนี้แม่ก็บอกว่ายังเป็นวงเล็กๆ อยู่ ลุงก็สร้างความฝันได้ด้วยการทำวง “พิณเพลิน” ร้องเพลงหมอลำ ลูกทุ่ง...และล่าสุดหล่อนก็ได้ยินว่าลุงทำเพลงที่เรียกว่าเพลงขแมร์ด้วย..พวกร็อคขแมร์ที่กำลังเป็นวงโด่งดังทางเมืองไทย

ที่บ้านมีเทปเพลงจากเมืองไทยมากมาย แน่ละว่ามีเทปเพลงของบริษัทลุงรวมอยู่ด้วย

หนึ่งเพลงในอัลบั้มเพลงร็อคจากวงพิณเพลินคือเพลง “น้องนางบ้านนา”...มีอินทิรานักร้องสาวของวงเป็นนักร้อง...เดือนพิลาสจะร้องเพลงน้องนางบ้านนาหนึ่งในสองเพลงโชว์คืนนี้ อีกเพลง...เป็นเพลงชื่อ “ถามหาหัวใจ” เพลงแนวป๊อบของนักร้องดังอีกคนของเมืองไทย...เพลงของ พรีม หรือ พิมสิริ

หล่อนชอบเนื้อเพลงเพลงนั่นมากทีเดียว

คนเขียนเพลงเขียนเนื้อเพลงได้ดีมาก ๆ...

ตัวนักร้องสาวคนร้องก็สวย แต่เสียงก็ยังไม่ค่อยดีนัก...อาศัยว่าเพลงโดนใจเลยโด่งดังมาก...หล่อนมีเทปเพลงเพลงนี้หล่อนซื้อมาดู...ดูชื่อคนแต่งเพลง...เขาลงชื่อสั้นๆ ไว้เพียงว่า “สัตยา” ไม่มีนามสกุลต่อท้ายอะไรเลย...ไม่รู้แน่ว่าเป็นแค่นามปากกาหรือชื่อจริง แต่เพลงในอัลบั้ม พรีม...พิมพ์ใจ...ก็ปรากฏชื่อนี้แต่งเพลงด้วยกันรวมสี่เพลง

หล่อนชอบทุกเพลง...แต่เพลงที่เป็นชื่ออัลบั้มเป็นเพลงชอบสุดๆ

หล่อนจะร้องโชว์ในงานนี้สองเพลง...เตรียมเสื้อผ้ามาด้วยกันสองชุด...ชุดแรกหล่อนจะแต่งชุดผ้าซิ่นแค่เข่าและเสื้อแขนกระบอก...มีผ้าแถบคาดทับ...ชุดที่ยายส่งมาให้เมื่อตอนสงกรานต์ไปทำบุญที่วัดไทย หล่อนนุ่งผ้าซิ่นยาวไม่ถนัด

นัก และพอดีกับว่าชุดแบบนี้เป็นชุดทางอีสานแบบหนึ่ง...ก็หล่อนเป็นสาวอีสาน...แม่เป็นสาวอุบล...มาอยู่ไกลถึงนิวยอร์กก็ใช่ว่าจะทำให้หล่อนเปลี่ยนแปลงเป็นอื่น ยังนึกถึงความเป็นลูกไทย...แม้สัญชาติของหล่อนจะไม่ใช่แล้วก็ตามที หล่อนมีสัญชาติอเมริกันตามพ่อ และเพราะว่าหล่อนเกิดที่นี่ด้วย

ลูกแม่ดาวเรือง หลานยายดวง...จะเสียชื่อได้อย่างไรกัน

คืนนี้ร้องสองเพลง...จะร้องเพลง “น้องนางบ้านนา” นั่นก่อนแล้วค่อยร้องเพลง “ถามหาหัวใจ”...

หล่อนพร้อมแล้ว เดินเข้าทางหลังร้าน...เจอกับเพื่อนแม่...ลุงหมู...เจ้าของร้านนี้...ชายวัยแก่กว่าแม่สักห้าปีเห็นจะได้ ปีนี้แม่ดาวเรืองของหล่อนอายุสี่สิบห้า ลุงหมูก็ประมาณห้าสิบ เขาแต่งงานแล้ว มีภรรยาแต่ไม่มีลูก สนิทกับพ่อแม่หล่อนและพลอยมาถึงหล่อนด้วย...เพราะเขาเห็นหล่อนมาแต่เล็กๆ...เขามาปักหลักที่นิวยอร์กนานแล้วเช่นกัน ทำร้านอาหารจนเลื่องชื่อรวมทั้งเป็นที่ชุมนุมของผู้คนชาวไทย ทั้งรุ่นเก๋าและรุ่นเอ๊าะๆ ที่ทั้งมาเรียนและมาทำงานที่นี่ หล่อนหอบหิ้วถุงใส่ชุดเสื้อผ้ามาด้วย

“มาช้าไปนิดค่ะ ลุงหมู เพราะแอนนี่มีงานเข้ามาด่วน”

ตอนนี้หล่อนกำลังฝึกงานอยู่กับสำนักงานแห่งหนึ่งทางด้านสถาปัตยกรรม และอาจจะทำงานที่นี่เลย หล่อนยังไม่ได้วางแผนไว้มากนัก...เพราะรับปากกับยายว่าซัมเมอร์ปีนี้หล่อนจะกลับเมืองไทยอีกหน...เรียนจบ...หมดช่วงการฝึกงาน หล่อนไม่ต้องรีบร้อนกลับมาก็ได้...ยายอยากให้หล่อนลองอยู่เมืองไทยนานๆ สักหน่อย

“คุยกับลูกค้ากว่าจะลงตัว”

งานที่หล่อนทำเกี่ยวกับลูกค้าที่มีเงิน...และที่สำคัญทุกคนพกพาความเป็นตัวของตัวเองมาเต็มเปี่ยม เดือนพิลาสไม่อยากเรียกสิ่งนั้นว่าเป็นการเอาแต่ใจตัวเอง เพราะโดยนิสัยหล่อนเป็นคนประนีประนอมและมองในแง่ดีเสมอๆ

ลุงหมูของหล่อนหัวเราะฮ่า ๆ “คนมันมีกะตังค์ แล้วมันก็อยากได้อะไรแบบที่เรียกว่าตามหลักการหรือความสวยงามมันเป็นไปไม่ได้ใช่ไหม”

“นั่นแหละใช่เลยค่ะ”

“ป้านิดเค้ารอให้แอนนี่ไปทำห้องน้ำใหม่ให้นะ”

“ห้องน้ำหรือคะ” หล่อนหัวเราะคิกคัก “ได้เลย...งานถนัด...จะเอาแบบไหนดีคะ...”

“เอาแบบอาบเหมือนกลับไปยืนอาบกลางแจ้งบ้านเรา”

หล่อนทำตาโต “ไหวหรือคะ ตอนอากาศหนาวๆ...ได้หนาวตายกันพอดี แต่แอนนี่พอทำให้ได้นะคะ...ห้องน้ำกลางแจ้ง...แต่มีข้อแม้ข้อเดียว”

“อะไร”

“อย่าไปทำกลางแจ้งจริงๆ...หลบๆ ไว้ชั้นบน...แล้วทำต่อออกไป...งานนี้แอนนี่รับอยู่แล้ว”

เพราะลุงหมูคงจะถวิลหาชีวิตเมืองไทยนั่นเอง...เหมือนแม่หล่อน...หลายหนที่หล่อนฟังแม่เล่าเรื่องอาบน้ำข้างบ้าน...ให้ตาย...เดือนพิลาสบอกตัวเอง...หล่อนนึกภาพนั้นไม่ออก

...บ้านเราก็มีห้องน้ำ แต่แม่เป็นคนต่างจังหวัดใช่ไหม ตัวบ้านมีอาณาบริเวณ มีบ่อน้ำใหญ่ๆ มีท่อน้ำแบบโยก ต้องดูจากภาพ...

แต่ดูจากภาพแล้วก็ยังดูไม่ออกอยู่นั่นเอง

“ไปไป๊ เดี๋ยวก็ได้คิวร้องเพลง”

อ่านต่อ

หนังสืออื่นๆ ของ อาริตา กันยามาส

ข้อมูลเพิ่มเติม
สามีตีตรา

สามีตีตรา

โรแมนติก

5.0

กี่ครั้งกี่หน ก็แพ้ก็พ่าย ผู้ชายไม่เคยซื่อสัตย์ ชื่อเสียง เงินทอง เกียรติยศ รูปโฉม กะรัต เทพทัต ไม่อาจนำมาทระนงได้ กี่คราที่ต้องแก้มือใหม่ ถูกตราหน้า ประณามว่าสามผัว มิหนำซ้ำหนสุดท้าย เมื่อเขาตายจากไปมิได้จบกันแค่นั้น แต่ สายน้ำผึ้ง เพื่อนสนิท คบกันมา 12 ปี กลับกลายเป็นเพื่อนสนิท คิดคด อุ้มท้องเยาะเย้ยว่าเป็นเมียหลวง ส่วนเธอคือเมียน้อย กะรัต ผู้แสนฉลาดเลิศล้ำ เฝ้าตรวจสอบปัญหาชีวิตแล้วพลันคิดได้ เธอไม่เคยจับผู้ชายคนไหน ตีตรา ขึ้นทะเบียน เป็นสามีถูกต้องตามกฎหมาย ครานี้ เห็นทีจะต้องให้ถูกต้องครบถ้วนกระบวนความ พิศุทธิ์ หนุ่มผู้ดี ผู้เกิดมาเป็นอภิชาตบุตรเกินหน้าพ่อแม่ เธอพบว่าเขาเหมาะสมยิ่งอนิจจา... กะรัต เธอมองข้ามสิ่งสำคัญของการครองเรือน เธอลืมความรักแล้วเธอจะรู้ว่าหนนี้ ผู้ชายหรือเธอกันแน่ที่ผิด การตีตราด้วยทะเบียน มันเป็นยันต์ป้องกันชีวิตคู่แตกร้าวได้หรือไม่

นางรำ

นางรำ

โรแมนติก

5.0

“ผู้หญิงนี่เอามาทำอะไรได้บ้างเล่า...ถ้าไม่จับลงนอนหงายแล้วเราอยู่ข้างบนน่ะ ฮึ...นายบอกฉันทีเถอะ...หรือนายจะให้ฉันเอาแม่คนนั้นมานั่งไว้บนแท่นปูผ้าขาวลาดกราบวันละสามเวลา จะได้เจริญกับตัวเอง” คำพูดอย่างผยอง ดูหมิ่นนี้ ออกจากปากเขา ภิไธย หนุ่มเข้าขั้นเศรษฐี ปากร้าย เอ่ยถึงผู้หญิง ช่างไม่น่ารัก ส่วนเธอ เกนเกด คือผู้หญิงคนนั้น คนที่มีงาน นางรำ เป็นอาชีพ เธอรับงานรำตามแต่คนจ้าง งานที่เป็นเงิน เธอมีสโสแกนว่า ไม่ใช่แค่เพียงอาชีพ แต่คือลมหายใจ เธอมองงาน เป็นลมหายใจ!!! และเพราะต้องรักษาลมหายใจทั้งของตัวเองและญาติผู้ใหญ่รวมถึงคนรักที่บาดเจ็บสาหัสมาจากสงครามชายแดน ทำให้เธอรับการว่าจ้างจาก ชนา ไปรำอวยพรวันเกิดให้กับภิไธย จุดเริ่มต้นของมนตรา ที่สอนบทเรียนให้ชายหนุ่มผู้หยิ่งผยองยอมรับว่าหัวใจที่มีขนาดก้อนเนื้อเท่ากำปั้นนั้นสำคัญเพียงใด เธอขายศิลปะการร่ายรำ สมคำว่า นางรำ แต่เธอไม่มีวันขายหัวใจ ที่มันหมายรวมถึงคำว่าศักดิ์ศรี พบกับเธอ เกนเกด สาวสวย หัวใจทระนง ใน นางรำ

หนังสือที่คุณอาจชอบ

โชคชะตาของพระชายา

โชคชะตาของพระชายา

Raff Madison
3.8

ฉู่ว่านยู ผู้สืบเชื้อสายมาจากตระกูลแพทย์แผนโบราณ มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ยาที่เธอทำนั้นทุกคนต่างอยากได้ สามารถรักษาได้ทุกโรค แต่กลับไม่คาดคิดว่าจะย้อนยุค กลายเป็นผู้หญิงที่ขี้เหร่ที่สุดในใต้หล้า และยังเอาชนะใจท่านอ๋องด้วย การเริ่มต้นไม่ค่อยดีก็ไม่เป็นไร มาดูกันว่าเธอจะพลิกผันยังไง การแย่งการแต่งงานงั้นเหรอ? เธอทำให้น้องต้องรับบทเรียน แย่งสินเิมดลับมา ให้ชายั่วหญิงร้ายคู่นี้อยู่ด้วยกันตลอดไป ขี้ขลาดเหรอ? เธอจัดการพ่อร้าย สั่งสอนผู้หญิงเสแสร้ง! ขี้เหร่เหรอ? เธอรักษาพิษในตัว และกลายเป็นคนงามอันน่าทึ่ง! ลูกสาวขี้เหร่ของจวนอัครมหาเสนาบดี กลายเป็นผู้สูงส่ง แม้แต่ผู้โหดเหี้ยมบางคนยังหวั่นไหวกับเธอ เมื่อสุดที่รักจะจัดการผู้ใด เขามักจะช่วยเสมอ... แต่น่าเสียดายสุดที่รักคนนั้นไม่มีเขาอยู่ในใจ ฉู่ว่านยู "ออกไป หย่าเลย ผู้ชายมีแต่เป็นภาระของข้าเท่านั้น" เสี่ยวลี่จิงรู้สึกน้อยใจ "ไม่ได้ ข้าให้ครั้งแรกกับเจ้าแล้ว เจ้าต้องรับผิดชอบข้า"

ฉันไม่มีทางยอมแพ้

ฉันไม่มีทางยอมแพ้

Tann Aronson
5.0

เมื่อเธออายุยี่สิบ ชิงฉือได้รู้ว่าตนเองไม่ใช่ลูกโดยกำเนิดของตระกูลต้วน เธอถูกลูกสาวที่แท้จริงของตระกูลต้วนล้อมกรอบ จนถูกพ่อแม่บุญธรรมไล่ออกจากบ้านและกลายเป็นตัวตลกในเมือง เมื่อเธอกลับไปหาพ่อแม่ชาวนา จากนั้นก็พบว่าบิดาผู้ให้กำเนิดของเธอเป็นคนที่รวยที่สุดในเมืองเจียงเฉิงส่วนพี่ชายของตนเองเป็นอัจฉริยะในแวดวงต่างๆ ทุกคนมองดูเด็กสาวตัวเล็กคนนี้ด้วยความเห็นใจและถือว่าเธอเป็นสมบัติล้ำค่า แต่ค่อยๆ พบว่า... ที่แท้ว่าน้องสาวเป็นคนมากความสามารถ? อดีตแฟนหนุ่มผู้น่ารังเกียจหัวเราะเยาะ "อย่ามาตามเซ้าซี้ไม่เลิก ฉันมีแต่เมียนเมียนอยู่ในใจ!" คนใหญ่แห่งเมืองหลวงปรากฏตัว "เมียฉันจะเห็นหัวนายเหรอ?"

หลินซือเยว่ผู้นี้ มีสามชะตาในคราเดียว

หลินซือเยว่ผู้นี้ มีสามชะตาในคราเดียว

มาชาวีร์
5.0

หลังผ่าตัดนักพรตเฒ่าผู้หนึ่งนั้น นางวูบหมดสติและเสียชีวิตลงไป ลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที ก็อยู่ในร่างของคุณหนูปัญญาอ่อนที่มีชื่อเดียวกันผู้นี้เสียแล้วทั้งยังจำอดีตชาติยามเป็นปรมาจารย์เต๋าได้อีกด้วย +++ 1 : ไล่ออกจากอารามไท่ผิงกวน แคว้นจิ้น ราชวงศ์เซวียน อารามไท่ผิงกวน “ไป ๆ อาจารย์ขับไล่พวกท่านออกจากอารามแล้ว อย่าได้มาเหยียบที่นี่อีก” “ศิษย์พี่รองรีบปิดประตูเร็วเข้า !” ตุบ ! ห่อผ้าสองห่อถูกโยนออกมาจากประตูอาราม ปัง ! ตามด้วยเสียงปิดประตูลงสลักอย่างหนาแน่น สตรีนางหนึ่งยืนตัวตรงเป็นสง่า เสื้อผ้ากับเส้นผมของนางปลิวไสวดั่งไผ่ลู่ลม หลินซือเยว่เงยหน้าขึ้นมองป้ายชื่ออารามไท่ผิงกวนด้วยสายตาเลื่อนลอย อาศัยอยู่ที่นี่มานานเท่าใดแล้วนะ บางครั้งนางเองก็ลืมเลือนวันเวลาไปเหมือนกัน “คุณหนูเจ้าคะ ศิษย์น้องทั้งสองของท่านทำเกินไปแล้วนะเจ้าคะ เหตุใดถึงไล่พวกเราสองคนออกจากอารามได้เล่า” เผิงฉือกระทืบเท้าเบา ๆ ตรงไปฉวยห่อผ้าทั้งสองบนพื้น ขึ้นมาคล้องแขนตัวเองไว้ “หากไม่ได้รับคำสั่งจากอาจารย์ ศิษย์น้องทั้งสองคงไม่กล้าขับไล่ข้าออกจากอารามหรอก” น้ำเสียงของนางสงบนิ่งฟังแล้วสบายหูยิ่งนัก หาได้มีความโกรธเกลียดแต่อย่างใด “นั่นรถม้า” นิ้วเรียวสวยชี้ไปยังรถม้าคันที่มีคนนั่งเฝ้าอยู่ “ป้าเผิงไปถามดูว่าใช่รถม้าของเราหรือไม่” เผิงฉือไม่รอช้ารีบตรงไปหาคนเฝ้ารถม้าที่อยู่ใต้ต้นไผ่ในทันที ไม่ช้านางก็กลับมาพร้อมกับรอยยิ้มนิด ๆ “เป็นรถม้าของเราจริง ๆ เจ้าคะคุณหนู คนขับบอกว่าเป็นคนของตระกูลหลินเจ้าค่ะ ได้รับคำสั่งจากท่านพ่อของคุณหนู ให้มารับคุณหนูกลับตระกูลหลินเพื่อไปแต่งงานเจ้าค่ะ” “กลับไปแต่งงานนี่เอง” นางเอ่ยเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่ หันหลังกลับไปทางประตูอาราม ประสานมือค้อมตัวคำนับลาอาจารย์ เผิงฉือเห็นเช่นนั้นก็อดที่จะคำนับตามนางไม่ได้ ภายในอารามไท่ผิงกวน “อาจารย์เหตุใดถึงไม่บอกลากับศิษย์พี่ใหญ่ไปตรง ๆ ล่ะ ทำเช่นนี้นางไม่โกรธท่านไปจนวันตายเลยรึ” เหอกุ้ยแม้มีอายุยี่สิบแปดปีแล้ว ทว่าเขากราบเป็นศิษย์เจ้าอาวาสชุนหวังเหล่ยหลังสตรีผู้นั้น จึงได้เป็นเพียงแค่ศิษย์พี่รองเท่านั้น “นั่นสิอาจารย์ ศิษย์พี่ใหญ่นางไม่เคยออกจากอารามไปไหนไกล ท่านทำเช่นนี้ไม่ใช่ขับไล่นางไปสู่ความตายหรอกรึ” จางเจียเฟิ่งเห็นด้วยกับศิษย์พี่รองของเขา “ให้มันน้อย ๆ หน่อยเจ้าศิษย์โง่ทั้งสอง พวกเจ้าคิดว่าอารามไท่ผิงกวนแห่งนี้ สามารถอยู่รอดมาได้เพราะใครกัน หากไม่ใช่เพราะฝีมือของศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้า เห็นนางเงียบ ๆ แบบนั้น ความคิดนางกว้างไกลยิ่งนัก อาจารย์อย่างข้ายังเทียบนางไม่ติดด้วยซ้ำไป” เจ้าอาวาสชุนปีนี้อายุอานามปาเข้าไปหกสิบห้าปีแล้ว ทว่าร่างกายยังแข็งแรง อารามเต๋าแห่งนี้มีวิถีแบบไม่เคร่งครัด ใช้ชีวิตเยี่ยงฆราวาสผู้หนึ่ง สามารถแต่งงานมีครอบครัวได้ “อาจารย์นางอยู่ในอารามวาดยันต์กันภัยให้ชาวบ้านที่มากราบไหว้ ตั้งโต๊ะรักษาโรคภัยให้ผู้คนในตัวอำเภอฝู แต่หนนี้นางต้องกลับบ้านไปเพื่อแต่งงาน นางบริสุทธิ์ถึงเพียงนั้นมิถูกสามีจับกลืนกินจนไม่เหลือกระดูกหรอกรึ” เหอกุ้ยนึกภาพเทพเซียนผู้สูงส่งอย่างหลินซือเยว่ หากต้องร่วมเตียงกับบุรุษหยาบกระด้าง เพียงเท่านั้นเขาก็ทำใจไม่ได้จริง ๆ แทบอยากจะไปแย่งตัวศิษย์พี่ใหญ่ของตัวเองกลับคืนมา “เลิกคร่ำครวญได้แล้ว กลับไปกวาดลานอารามกับตรวจดูน้ำมันตะเกียงให้เรียบร้อย ศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้าไม่อยู่ เจ้าทั้งสองต้องรีบร่ำเรียนศึกษาหาความรู้ อารามไท่ผิงกวนจะได้เจริญรุ่งเรืองในภายภาคหน้าต่อไปได้” เจ้าอาวาสชุนทำเสียงดังใส่ลูกศิษย์ทั้งสอง “ไป ๆ ข้าจะสวดมนต์” โบกมือไล่ทั้งคู่ให้ออกจากห้องสวดมนต์ไป เจ้าอาวาสชุนรีบลุกไปปิดประตูลั่นกลอน ท่าทางลุกลี้ลุกลนจนผิดปกติ ย่องเบา ๆ ไปที่ใต้เตียงนอน ดึงหีบไม้เก่าเก็บออกมา ครั้นกดสลักเปิดออก ก็พบตั๋วเงินจำนวนสามพันตำลึงอยู่ในนั้น ตระกูลหลินที่ไม่ได้บริจาคน้ำมันตะเกียงมาหลายปี จู่ ๆ ก็ส่งตั๋วเงินมาให้ พร้อมกับขอรับคนกลับไปเพื่อแต่งงาน ช่วงนี้ชาวบ้านมาทำบุญที่อารามน้อยลง หลินซือเยว่ก็ไม่รู้ว่าเกิดอันใดขึ้นกับนาง ถึงไม่ยอมลงจากอารามไปรักษาผู้คน รายได้เลยหายหดแทบจ่ายอาหารการกิน(สุรานารี)ไม่พอ ตั๋วเงินสามพันตำลึงนี่มาได้ทันเวลาพอดี ! แครก ๆ ๆ ๆ เสียงกวาดลานหน้าอารามดังขึ้นพร้อมกับเสียงบ่นของเหอกุ้ย “ข้ารู้ว่านางเก่งเอาตัวรอดได้ ข้าเพียงไม่อยากให้นางไปก็เท่านั้น” “ศิษย์พี่รองท่านอย่าได้เสียใจไปเลย ไม่ใช่ว่ามีแต่นางที่ต้องแต่งงานมีครอบครัว ท่านเองก็เถอะที่บ้านส่งคนมารับทุกปีไม่ใช่รึ” จางเจียเฟิ่งรู้ดีว่าตนและเหอกุ้ย ถูกครอบครัวลงโทษด้วยการส่งมาอยู่ยังอารามแห่งนี้ ทว่าเพียงชั่วคราวเท่านั้น “ตัวข้านั้นไม่เป็นไรหรอก เจ้านั่นแหละศิษย์น้องสาม ข้าได้ยินว่าที่บ้านของเจ้า เพิ่งหาคู่หมั้นหมายคนใหม่ให้เจ้าอีกคนแล้วไม่ใช่รึ” สองศิษย์พี่น้องหยุดกวาดลานอาราม แล้วหันหน้าไปมองตากัน จากนั้นพวกเขาก็ถอนหายใจดัง ๆ พร้อมกัน ไม่มีศิษย์พี่ใหญ่อยู่ด้วย นับจากนี้ไปยามทำความผิดใครจะออกหน้าคอยช่วยเหลือ ยามเงินหมดใครจะให้หยิบยืม ยิ่งคิดพวกเขาก็ยิ่งไม่สบายใจเป็นอย่างมาก บนถนนมุ่งหน้าสู่เมืองหลวง รถม้าไม้ธรรมดาไม่เล็กไม่ใหญ่ ไร้ป้ายชื่อตระกูลบอกกล่าว คล้ายไม่อยากให้ผู้อื่นล่วงรู้ว่าคนที่นั่งอยู่ด้านในเป็นใคร เผิงฉือพยายามหลอกถามคนขับรถม้าอยู่หลายหน ถึงสถานการณ์ของตระกูลหลินในยามนี้ นางไม่เคยไปที่นั่นมาก่อนไม่รู้จักใครสักคน คนขับรถม้าตอบว่า เขามีหน้าที่มารับคุณหนูรองกลับบ้านเท่านั้น เรื่องอื่นนั้นเขาไม่รู้จริง ๆ “ได้ถามหรือไม่ ใช้เวลากี่วันในการเดินทาง” หลินซือเยว่เอ่ยเสียงเนิบ ๆ “ถามแล้วเจ้าค่ะ เขาบอกว่าราว ๆ สิบวันก็ถึงเมืองหลวงแล้ว” “สิบวันเชียวรึ” หลินซือเยว่มองห่อผ้าที่วางอยู่ด้านข้าง มีเพียงของใช้จำเป็นของนางไม่กี่ชิ้น พร้อมกับก้อนเงินจำนวนห้าสิบตำลึง “คงต้องแวะซื้อของในอำเภอฝูเสียก่อน” เผิงฉือรีบเปิดม่านบอกกับคนขับรถม้า แต่เขากลับทำเสียงฮึดฮัดคล้ายไม่พอใจ “เสียเวลาเดินทางเปล่า ๆ” น้ำเสียงเขากระด้างกระเดื่อง

เธอคนนี้ ไม่ใช่สาวส้มหล่น

เธอคนนี้ ไม่ใช่สาวส้มหล่น

Livia
5.0

ตอนเด็กถูกทอดทิ้งให้โดดเดี่ยว แม่ถูกทำร้าย ฉือเนี่ยนสาบานว่าจะเอาทุกอย่างที่เป็นของตัวเองกลับคืนมา!ครั้งแรกที่กลับมาที่เมืองจิง เธอถูกมองว่าเป็นผู้หญิงที่ไร้การศึกษาและสำส่อนหลายคนบอกว่าลู่เหยียนสือต้องตาบอดแน่ๆ ถึงได้มาสนใจฉือเนี่ยนแต่มีแค่ลู่เหยียนสือเท่านั้นที่รู้ ว่าเธอที่เขารักและทะนุถนอมนั้นมากความสามารถ สามารถสร้างความวุ่นวายให้ทั้งเมืองจิงได้ด้วยตัวคนเดียวเธอคือหมอมือหนึ่ง เธอคือแฮ็กเกอร์มือทอง และยังเป็นนักปรุงน้ำหอมชั้นยอดที่ได้รับการยกย่องจากบุคคลสำคัญคนภายนอก: "คุณลู่ คุณจะเอาใจภรรยาจนไม่มีขอบเขตเลยเหรอ ทำไมแม้แต่ประชุมยังต้องอุ้มเธอไว้ด้วย!"ลู่เหยียนสือ "ต้องเอาใจภรรยาถึงจะรุ่งเรืองเฟื่องฟู"ต่อมาความลับของเธอถูกเปิดเผย ทำให้ผู้คนนับไม่ถ้วนหันมาชื่นชมและยกย่องเธอ...

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ