ถ้าชีวิตเติบโตขึ้นมาด้วยความเจ็บแค้น วันนี้เขาก็เต็มไปด้วยความแค้นในทุกอณูของชีวิต ภายใต้ท่าทีสงบ นิ่งเงียบ และแข็งกร้าวประดุจหินผาของ "ศิลา"... แต่ภายในใจเขานั้น กลับระอุคุกรุ่นไปด้วยไฟแค้นที่รอวันชำระสะสาง! อสูรตนนี้ ผ่านวันเวลาแห่งความเคียดแค้นชิงชัง และพร้อมที่จะเริงไฟแล้ว...และสำหรับเธอ "มินตา"...สาวน้อยผู้อ่อนเยาว์ต่อโลกแห่งความเคียดแค้นชิงชัง ไฟแห่งอสูรครั้งนี้ มันน่าหวาดผวาสำหรับเธอแค่ไหน เพราะมันเป็นไฟแค้น ที่หลอมรวมมากับไฟแห่งปรารถนา...
“ถึงโรงพยาบาลแล้วจ้า”
มินตาบอกด้วยเสียงยินดี มีเสียงเหมือนระบายลมหายใจแบบโล่งอกตามติดมาด้วย ในย่านชานเมืองแบบนี้หล่อนได้ขับรถเที่ยวหาโรงพยาบาลเอกชนสักแห่งที่ดูดีสักหน่อยจนคนเจ็บได้โอดโอยว่ากว่าจะพบเลือดคงจะไหลออกจากบาดแผลหมดตัวเสียก่อนเป็นแน่แท้
“โชคนายยังดี เลือดยังไหลออกไม่หมด...”
หล่อนเลี้ยวรถขึ้นไปตามทางที่ลาดขึ้นสูง ไปสู่ทางจอดตรงประตูกระจกชั้นล่างของโรงพยาบาลพอดี
“เฮ้ย...ระวังคันหน้า ทำไมต้องไปจ่อติดแบบนั้นด้วย”
“ฉันก็ระวังแล้ว”
หล่อนบอก แต่ฝีมือการขับรถของหล่อนออกจะย่ำแย่สักหน่อย...เพราะเมื่อรถคันหน้าจอดลง ก็มีเสียงกระแทกโครมตามติดมา พร้อมกับเสียงโวยวายของหล่อนลั่นรถ จนเพื่อนหนุ่มเอามือข้างที่ไม่มีบาดแผลอุดหูทันที แต่กระนั้นเสียงหล่อนก็ยังเข้าไปในหูอีกข้างจนได้
“เขาเบรกกะทันหันนะ เขาผิด ฉันไม่ผิด”
“เออ...แก้ตัวเอาไว้ให้ดีก็แล้วกัน จะต้องเสียงเงินอีกตามเคย”
คนที่นั่งทำตัวงอๆ จมลงไปกับเบาะที่นั่งข้างๆ คนขับยืดคอขึ้นมาก่อน แล้วจึงชะเง้อขึ้นมาทั้งตัว
“ชนกับไอ้รถใหม่เอี่ยมป้ายแดงเชียวนะ...เอาไอ้กระป๋องบาดทะยักคันนี้ไปชนกับรถผู้ดีอีกแล้ว เจ้ามิน”
“เขาผิด”
มินตายังบอกย้ำ หล่อนเกาะพวงมาลัยอยู่นิ่งๆ ยามหน้าโรงพยาบาลวิ่งมาดู พร้อมกับเตียงคนป่วยที่ถูกเข็นผ่านประตูกระจก ที่เปิดเลื่อนโดยระบบอัตโนมัติออกมาโดยบุรุษพยาบาลรูปร่างแข็งแรงวิ่งกันมาไขว่ไปหมด
มินตาเบิกตากว้าง...หล่อนกระทุ้งข้อศอกเข้ามาถูกแขนของธันวา แขนข้างที่มือเจ็บพันเอาไว้ด้วยผ้าสีขาวหนาและมีเลือดเปรอะไปหมด ได้ยินเสียงโอดโอยเหมือนเจ็บหนัก
“เขาเอาเตียงมาเข็นนายด้วยล่ะ...ที่นี่บริการเยี่ยมเลยนะ...คนเจ็บมาก็เข็นเข้าไป...นายทำหน้าสวยๆ หน่อยนะตอนนอนเข้าไปน่ะ อย่าทำเจี๋ยมเจี้ยมเป็นหมูต้มล่ะ...”
มินตาเปิดประตูรถก้าวลงมา เรื่องที่หล่อนคิดว่าจะเป็นเรื่องใหญ่คือรถชนท้ายรถคันข้างหน้ากลายเป็นเรื่องที่ไม่มีใครมาสนใจสักนิด หล่อนเห็นคนเข้าไปรุมล้อมรถใหม่เอี่ยมสีเขียวคันนั้น แล้วเมื่อประตูตอนหลังเปิดออก หล่อนก็เห็นว่ามีการหามหัวหามท้ายผู้หญิงคนหนึ่งออกมา หล่อนชะเง้อคอมอง...แล้วจึงหันมาบอกธันวาเหมือนกับจะผิดหวังไม่น้อย เมื่อเตียงนั้นถูกเข็นเข้าไปโดยมีผู้หญิงคนนั้นนอนเข้าไปด้วย
“นายคงจะต้องเดินเข้าไปเองแล้ว เตียงเขาเอามารับรถคันโน้น...เป็นอะไรน้อ...หน้าซีดจนเกือบจะเขียว แล้วเลือดก็เปื้อนมาเต็มกระโปรง”
ธันวาย่องแย่งมายืนอยู่เคียงข้าง เขามีคำตอบแก้ข้อข้องใจของมินตาเพียงมองไปแวบเดียว
“ตกเลือดน่ะ”
เขากระซิบเบาๆ ที่ริมหูหล่อน แล้วมินตาก็ทำให้เขาหน้ามุ่ยเมื่อหล่อนหันกลับมาถามย้ำ
“นายว่าไงนะ...ตกเลือด...เป็นยังไง ตกเลือดนี่น่ะ”
เสียงของหล่อนไม่เบานัก...บุรุษร่างสูงที่ยืนอยู่เงียบๆ แล้วโดดเด่นเหนือบุรุษคนอื่นๆ นับจากมาดและการแต่งตัวของเขาจึงหันมา ดวงตาสีเข้มนั่นลุกวาวขึ้น เหมือนไม่พอใจ ทำให้ธันวาส่งยิ้มแห้งๆ ไปให้ กระชากมินตาเข้ามาใกล้ตัว โดยลืมไปว่ามือที่ใช้นั้นคือมือที่เจ็บ เขาสะบัดมือออกเร่าๆ เมื่อกำมือเข้าหากันจึงกระเทือนบาดแผลเลือดไหลออกมาอีกแล้วก็เปื้อนเสื้อของมินตา
“หุบปากซะ เจ้ามิน...เห็นลูกกะตาไอ้หมอนั่นไหม...มันมองยังกะจะกินเลือดเนื้อ”
มินตาเห็นแล้ว หล่อนยืนอยู่ห่างจากผู้ชายคนนั้นไม่มากนัก หล่อนมองเห็นเขาเต็มตา แล้วเขาก็ก้าวเข้ามาหยุดเบื้องหน้าหล่อนโดยไม่พูดจาอะไรสักคำ แต่ดวงตาของเขาเหลือร้ายนัก มันเหมือนเขามีกองไฟอยู่ในดวงตาแผดเผาทำลาย...มินตากลืนน้ำลายลงคอ หล่อนก้าวถอยหลังมานิดหนึ่งโดยไม่ได้ตั้งใจแล้วไปยืนแอบอยู่เบื้องหลังธันวา
“รถผมเสียหาย”
เขาก้มๆ ลงไปมองท้ายรถของตัวเองนิดหนึ่ง...เสี้ยวหน้าด้านข้างนั่นคุ้นสายตาเหลือเกิน มินตายกมือลูบคางอีกมือกอดเอาไว้ใต้อก อันเป็นท่าที่หล่อนจะใช้ยามเมื่อใช้ความคิดอย่างหนัก เหมือนหล่อนเคยเห็นคนหน้าตาแบบนี้...
เคยเห็นแน่ๆ แต่ที่ไหนกันหนอ...
หล่อนอยากจะทุบหัวตัวเอง เวลานึกอะไรที่มันช่างนึกไม่ออกแล้วกลายเป็นเรื่องยาก
เมื่อเขายืดตัวขึ้นมา ได้มองเห็นกันตรงๆ รูปหน้าสี่เหลี่ยมแนวขากรรไกรกว้างแข็งแรง เหมือนรูปปั้นสมบูรณ์แบบเหลือเกิน...หล่อนลดมือลงจากปลายคางเมื่อได้ยินเสียงของเขาแจ้งข้อกล่าวหา
“รถผมไฟแตก กันชนบุบ...ผมจะเรียกบริษัทประกันมาตกลงกับทางคุณ”
“อะไรกัน”
มินตาก้าวออกไปอย่างลืมตัว... “ไฟแตก กันชนบุบเชียวหรือ ไหน...เป็นรถใหม่ ป้ายแดง ทำไมบุบง่ายนักเล่า”
หล่อนก้มลงไปดูบ้าง แล้วเมื่อยืดตัวขึ้นมาอีกหนหล่อนก็เห็นดวงดาวระยิบระยับ เมื่อศีรษะโขกเข้ากับอะไรอย่างหนึ่งแข็งๆ หล่อนไม่ได้ร้อง แต่ได้ยินเสียงร้องเบาๆ จากปากเขา แล้วมินตาจึงได้รู้ว่าหล่อนเอาหัวไปกระแทกคางของเขา
“ตายจริง” หล่อนอุทาน...แล้วธันวาก็สั่นศีรษะเหมือนระอาใจ อย่างหนักกับการที่ได้เห็นเพื่อนหญิงของเขาจับแขนผู้ชายแปลกหน้าคนนั้น แล้วยื่นมือแตะตรงปลายคางเหลี่ยมๆ มีรอยผ่านิดๆ ...
ธันวาได้แต่ส่งเสียงครางอยู่ในใจ
...เอาละ ไอ้ตัวยุ่ง เริ่มยุ่งแล้ว...
“คุณเจ็บหรือเปล่า ขอโทษนะ ฉันไม่ได้ตั้งใจ”
แล้วมือของมินตาก็ตกผล็อยลง เมื่อเขามองหล่อนเหมือนจะฆ่าหล่อนเสียให้ได้ ดวงตาคมจัดคู่นั้นทำให้หล่อนตัวสั่นได้อย่างประหลาด หล่อนค่อยๆ ถอยจนติดตัวถังรถของตัวเองแล้วก็เลื่อนตัวปราดๆ มายืนเคียงธันวาอีกหน ปากของหล่อนเท่านั้นที่ยังส่งเสียงได้เจื้อยแจ้วอยู่
“ฉันขอโทษแล้วนี่”
“ผมจะรวมเข้าไปในค่าเรียกร้องก็แล้วกัน”
แล้วเขาก็หันหลังกลับเดินดุ่มๆ จากไป ประตูกระจกนั่นเลื่อนเปิดรับเขาเข้าไปแล้ว มินตาแทบจะเต้นเร่าๆ
“ต๊าย...อีตางก คนรวยนี่มันงกเหมือนกันหมดเลยนะ ยิ่งรวยยิ่งงก อะไรๆ ก็ตีค่าเป็นเงินทั้งนั้น ยากหรอกย่ะ ฉันจะไม่จ่ายสักสลึง ฉันไม่ได้ผิด...” แล้วหล่อนก็ยิ้มหวานเจี๊ยบให้กับเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลที่มาขอร้องให้หล่อนเอารถลงไปจอดชั้นล่าง เพราะมีรถกำลังจะเลี้ยวขึ้นมาเพื่อส่งคนไข้...
“ค่ะ” มินตารับคำ...หล่อนไล่ธันวาเข้าไปข้างใน
“ดูมือนายซิ เลือดไหลออกมาอีกแล้ว เข้าไปหาหมอก่อน เดี๋ยวฉันจะตามเข้าไป...เอารถไปจอดข้างล่างก่อน ไม่ใช่คนรวยมาจากไหนนี่...จะได้มีคนมาเอารถไปจอดให้”
ปากหนอปาก...ธันวานึกในใจ เพื่อนของเขาคนนี้ปากดีนัก หล่อนสามารถแกว่งปากไปหาเรื่องได้ไม่ยากเลย เขาเดินระทดระทวยเข้ามา...ไปหยุดยืนรีๆ รอๆ อยู่หน้าห้องฉุกเฉินตามคำบอกของนางพยาบาลที่ออกมาต้อนรับเมื่อมองเห็นมือโชกเลือดของเขา แต่เขาก็ยังเข้าไปในห้องนั้นไม่ได้นอกจากมองผ่านเข้าไปทางช่องกระจกใสๆ ที่อยู่ตรงระดับสายตาพอดี เขาเห็นหมอและพยาบาลกำลังวิ่งกันวุ่นข้างในนั้น
คงเป็นแม่สาวที่ถูกหามลงมาจากรถคันเมื่อครู่ หล่อนอาจจะแท้ง...แล้วเขาก็หันกลับ...เกือบจะชนกับบุรุษหนุ่มหน้าตาแววตาดุๆ จนเกือบจะเป็นโหดเหี้ยมคนนั้นเข้าแล้ว
เขาหลีกทางให้เจ้าของดวงตาดุนั้น พอดีกันมินตาขึ้นมาจากชั้นล่าง หล่อนเข้ามาหาเขา...
“คุณธันวา...”
พยาบาลที่ไปทำบัตรให้กับเขาเดินมาเรียก แล้วให้เขาก้าวผ่านเข้าไปในห้อง มีมินตาทำท่าเหมือนจะตามเข้ามาด้วยเหมือนกัน แต่มีเสียงขอร้องอ่อนหวานเสียก่อน
“ข้างในห้องคนมากค่ะ เชิญนั่งรอข้างนอกนะคะ”
บทที่ 1 ฉันไม่ผิด
04/05/2022
บทที่ 2 ป้อนให้ผู้ชาย
04/05/2022
บทที่ 3 เป็นที่รู้จัก
04/05/2022
บทที่ 4 นัด’ กับเพศตรงข้าม
04/05/2022
บทที่ 5 แมงดา
04/05/2022
บทที่ 6 เจ้าแม่แหม่ม
04/05/2022
บทที่ 7 สะกดรอย
04/05/2022
บทที่ 8 แววตาอาลัยอาวรณ์
04/05/2022
บทที่ 9 ลืมเลือน
04/05/2022
บทที่ 10 คนอื่นๆ เรียกกันว่าน้ำกาม
04/05/2022
บทที่ 11 รสชาติชีวิต
04/05/2022
บทที่ 12 ระคายใจ
04/05/2022
บทที่ 13 ภาระสุมใส่ตัว
04/05/2022
บทที่ 14 สำนึกรักลูก
04/05/2022
บทที่ 15 บทเพลงของอสูร
04/05/2022
บทที่ 16 คำว่าผู้ดี
04/05/2022
บทที่ 17 ความรุนแรงปราศจากความปรานี
04/05/2022
บทที่ 18 หมดสิ้นแล้วทุกอย่าง
04/05/2022
บทที่ 19 บั้นปลายชีวิตของหญิงสาวสวย
04/05/2022
บทที่ 20 คนอันตราย
04/05/2022
บทที่ 21 หญิงสาวในสังกัด
04/05/2022
บทที่ 22 สามีภรรยา
04/05/2022
บทที่ 23 เจ้าชายของหล่อน
04/05/2022
บทที่ 24 กรรมสำหรับคนเลวๆ
04/05/2022
บทที่ 25 เทศกาลอาหารฝรั่งเศส
04/05/2022
บทที่ 26 สีหน้าอ่อนใจ
04/05/2022
บทที่ 27 เป็นเรื่องธรรมดา
04/05/2022
บทที่ 28 อย่าไปเกลียดเขานัก
04/05/2022
บทที่ 29 หมายถึงใคร
04/05/2022
บทที่ 30 ความตกใจ
04/05/2022
บทที่ 31 ไม่ไว้วางใจ
04/05/2022
บทที่ 32 หวงแทนพี่สาว
04/05/2022
บทที่ 33 ลูกชายคนมีฐานะ
04/05/2022
บทที่ 34 ผ่านประสบการณ์ร้ายๆ
04/05/2022
บทที่ 35 ซ่อนความรู้สึก
04/05/2022
บทที่ 36 ปลอบโยน
04/05/2022
บทที่ 37 เสื้อผ้าชุดเดิม
04/05/2022
บทที่ 38 ฝังใจกับเหตุการณ์
04/05/2022
บทที่ 39 วิ่งเข้าหาอันตราย
04/05/2022
บทที่ 40 ชายคนนี้ต่างหากที่สำคัญ
04/05/2022
หนังสืออื่นๆ ของ อาริตา กันยามาส
ข้อมูลเพิ่มเติม