อัศวินต้องมนต์

อัศวินต้องมนต์

azcculture

5.0
ความคิดเห็น
1
ชม
5
บท

'เอซ ไนท์ หนุ่มเนิร์ดผู้เงียบขรึมที่ไม่เคยจะแหกกฎใดๆในชีวิต ได้มาพบกับ เวโรนิกา สาวลึกลับปริศนาที่ทำให้เขาหัวใจเต้นแรงและไม่เป็นตัวของตัวเอง การปรากฎตัวของเธอแต่ละครั้งมีแต่เรื่องชวนประหลาดใจ เธอเป็นใคร เธอมาทำอะไร เธอร่ายเวทมนต์อะไร ทำไมเขาถึงใจสั่นได้ถึงเพียงนี้ “นายเคยไปสวนสนุกตอนกลางคืนหรือเปล่า” เธอถามและนั่นทำให้ผมขมวดคิ้ว ส่ายหัวไปมา “เยี่ยมไปเลย ปะ! เราจะสนุกกัน” ยี่สิบนาทีต่อมา เราก็มายืนอยู่หน้าสวนสนุกกลางคืนเสียแล้ว ผมอยากจะกลับ แต่แน่นอนว่าผมไม่เคยมาที่นี่มาก่อน “ฉันไม่อยากจะเชื่อเลย” เธอหัวเราะ “แต่ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม นายเห็นด้วยไหมว่าการได้อยู่ที่นี่มันวิเศษมาก” เธอถาม ผมไม่รู้ว่าผมชอบเจ้าเครื่องเล่นนี้เหล่านี้หรือเปล่า แต่ที่แน่ๆคือผมชอบการที่ได้อยู่เป็นเพื่อนเธอมาก

บทที่ 1 เธอกำลังทำอะไรอยู่กันแน่

หลักฐานแรกของฮีเลียมถูกค้นพบเมื่อวันที่ 18 สิงหาคม ค.ศ. 1868 เป็นเส้นสีเหลืองสดใสที่มีความยาวคลื่น 587.49 นาโนเมตรในสเปกตรัมของโครโมสเฟียร์ของดวงอาทิตย์ เส้นดังกล่าวถูกตรวจพบโดยนักดาราศาสตร์ชาวฝรั่งเศส จูลส์ แจนเซนระหว่างเกิดสุริยุปราคาเต็มดวงในเมืองกุนตูร์ ประเทศอินเดีย โดยแต่เริ่มเดิมทีเส้นนี้ถูกสันนิษฐานว่าเป็นโซเดียม...

สายตาของผมกวาดดูสารานุกรมเพื่อศึกษาหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับก๊าซฮีเลียม สิบสี่วันแล้วที่ผมติดอยู่กับวิชานี้ และยิ่งเมื่อได้อ่านเรื่องนี้มากเท่าไหร่ ผมก็ยิ่งหลงใหลมันมากขึ้นเท่านั้น และนั่นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมผมถึงได้นั่งอยู่ในห้องสมุด อ่านสารานุกรม และจดบันทึกประเด็นต่างๆลงในสมุด

“เอซ?”ผมเงยหน้าขึ้นและพบว่าจุง-ฮวากำลังเดินมา มือของเขาเต็มไปด้วยกระดาษวาดรูปในขณะที่เขาวางมันไว้บนโต๊ะและนั่งลงตรงหน้าผม

“นี่อะไรน่ะ” ผมถามขณะที่หยิบสมุดวาดรูปเล่มหนึ่งออกมาแล้วเปิดออกเพื่อค้นหาแผนผังเซลล์ของสิ่งมีชีวิตทั้งหมด

"รายงาน!" เขาพูดด้วยสำเนียงเกาหลีของเขา

"โอเค!" ผมพูดขณะที่หันกลับไปสนใจกับสมุดบันทึกของตัวเอง “นายทำงานเสร็จแล้วเหรอ” เขาถามซึ่งทำให้ผมเงยหน้าขึ้นมองเขา “ยังเลย” เป็นคำตอบง่ายๆของผมขณะที่ก้มลงดูสารานุกรมต่อไป “ฉันกำลังยุ่งอยู่”

"ยุ่งอะไรของนาย?พรุ่งนี้เป็นวันสุดท้ายในการส่งรายงานแล้วนะเอซนายเองก็รู้จักคุณแอคตันเป็นอย่างดีไม่ใช่หรือ และยิ่งไปกว่านั้น เขามอบหมายรายงาน 20ชิ้นที่ต้องทำให้เสร็จและส่งภายในสองสัปดาห์นี้ นักเรียนครึ่งหนึ่งวิ่งมาที่นี่เพื่อค้นหาสื่อการเรียน และนี่ก็ใกล้ถึงกำหนดแล้ว! นายแย่แน่!” เขาอุทานในขณะที่เงยหน้าขึ้นและขยี้ผม

“กำหนดส่งคือวันพรุ่งนี้ ถึงเวลานั้น เรายังมีเวลาอีกมากที่จะทำมันให้เสร็จ” ผมพูดขณะหยิบปากกาเน้นข้อความและใช้มันขีดทับเส้นหนึ่งในสมุดบันทึก

"แน่นอน! ฉันลืมไปแล้วว่ากำลังคุยกับใครอยู่” เขาหัวเราะ ผมมองเขาและส่งสัญญาณให้เขาลดเสียงลงหน่อย เขากัดลิ้นขณะหันมองรอบๆ ว่าเขากำลังรบกวนใครในห้องสมุดหรือไม่

“อัจฉริยะผู้ยิ่งใหญ่ คุณเอซ ไนท์” เขากระซิบและนั่นทำให้ผมยิ้ม“ฉันไม่ชอบชื่อนั้นจริงๆ” ผมบอกออกไป และที่เขาทำคือหยิบกระดาษภาพวาดทั้งหมดแล้วยักไหล่ให้ผม

"จริงเหรอ?" เขาหัวเราะ “แต่รอยยิ้มของนายมันบอกสิ่งที่กลับกันนะ และยิ่งไปกว่านั้น ทุกคนก็รู้จักนายด้วยชื่อนี้กันทั้งนั้น” เขาขยิบตาให้ผมและนั่นทำให้ผมถอนหายใจ

“ฉันรู้ว่านายสามารถทำงานที่ได้รับมอบหมายให้เสร็จภายในคืนเดียว แต่ช่วยทำส่วนของฉันด้วยได้ไหม ฉันยังมีงานอีกห้างานที่ต้องทำให้เสร็จ นายช่วยมาที่ห้องของฉันได้ไหมหลังจากที่งานของนายเสร็จแล้ว...” เขามองที่สมุดบันทึกของผมและสารานุกรม”

“ฉันทำเกือบจะเสร็จแล้วล่ะ! ไปที่ห้องของนายก่อนเลยอีกชั่วโมงนึงฉันจะตามไป” ผมพูดขณะลุกขึ้นและปิดหนังสือและเก็บของทั้งหมด หยิบเครื่องเขียนและปากกาเน้นข้อความกลับเข้าไปในกระเป๋า

"นายกำลังจะไปไหน?" เขาถามขณะมองมาที่กระเป๋าของผม“หาอะไรกิน...” ผมยิ้ม เขาพยักหน้า แล้วเราสองคนก็เดินออกจากห้องสมุด

หกปีแล้วที่ผมมาอยู่ที่ลอนดอนต้องจากบ้านและอยู่ห่างไกลจากครอบครัว แม่ผมไม่ค่อยชอบกับการที่ผมไปอยู่ต่างประเทศ แต่โชคดีที่พ่อของผมคอยสนับสนุน และนั่นทำให้ผมได้ย้ายมาอยู่ที่ มหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์แห่งลอนดอนตั้งแต่อายุยังน้อยเพื่อเรียนต่อ ชีวิตในลอนดอนเป็นเรื่องยากสำหรับผมเพราะฉันคิดถึงแม่มากรวมถึงคิดถึงอาหารฝีมือเธอ

บางครั้ง แม่กับเอมีเลียน้องสาวของผมก็จะมาเซอร์ไพรส์โดยการมาเยี่ยม แต่นอกจากนั้นเราก็จะเฟสไทม์กันทุกคืน จนกลายเป็นกิจวัตรของเราสองคนไปแล้ว ซึ่งสร้างความรำคาญให้กับพ่อมาก เพราะการโทรคุยกันนี้จะกินเวลาสามถึงสี่ชั่วโมง เหมือนเป็นการทิ้งพ่อไว้คนเดียว

พวกเขาก็เหมือนกับพ่อแม่คนอื่นๆที่ห่วงใยและรู้สึกกังวล ผมรู้ว่าพ่อของผมได้แอบมอบหมายให้ยามที่ประตูมหาลัยคอยตามดูผมและรายงานเขาทุกครั้งที่ทำได้ พ่อของผมทำสิ่งต่างๆอย่างลับๆ แต่ผมก็รับรู้ได้และนั่นก็ไม่เป็นไรเลย

"ขอไก่แคริบเบียนแบบไม่เผ็ดได้ไหมครับ" ผมกล่าวกับหญิงคนเสิร์ฟอาหาร และเธอยิ้ม "แน่นอนที่รัก!" แล้วเธอก็หยิบไก่เพิ่มและยื่นถาดให้ฉัน "นี่จ้ะ!" ผมยิ้มให้เธอและกล่าว "ขอบคุณครับ" ขณะที่ตาก็มองหาที่นั่งในโรงอาหาร

ในที่สุดปมก็ได้ที่นั่งมุมใกล้หน้าต่าง ผมนั่งลงโดยวางกระเป๋าไว้บนเก้าอี้ข้างๆ ขณะที่กำลังนั่งกินอย่างสงบ โรงอาหารนั้นหนาแน่นไปด้วยผู้คน นักศึกษานั่งกันเป็นกลุ่มเพลิดเพลินไปกับอาหารคุยเล่นกันและหัวเราะกัน

เช่นเคยผมอยู่คนเดียวนั่งห่างจากพวกเขา แยกตัวเอง ส่วนใหญ่แล้วผมมีจะมีจุงที่อยู่เป็นเพื่อน แต่บางครั้งผมก็อยู่คนเดียวเสมอ ไม่ใช่ว่าผมเข้ากันไม่ได้กับเพื่อนๆกลุ่มอื่นหรืออะไรก็หรอกนะ แต่เป็นผมเองที่ชอบอยู่คนเดียว ชอบจดจ่ออยู่กับการกินอาหารอย่างเงียบๆ มากกว่าการพูดคุยเรื่องผู้คนหรือการเข้าสังคม

“ดูสิว่าใครมา” ผมได้ยินเสียงน่ารำคาญที่คุ้นเคยและไม่อยากแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมอง“อัจฉริยะผู้ยิ่งใหญ่ คุณเอซ ไนท์” เอลเลียต อับรามแกล้งพูดใส่ผมด้วยโทนเสียงของผู้หญิงขณะที่ผมยังคงกินอาหารต่อไป

ทำไมเขาถึงจะต้องปรากฏตัวทุกครั้งที่ผมกำลังกินนะ?เขากำลังมองปราดมาที่อาหารของผมผมควรจะต้องรีบกินให้อิ่มโดยเร็วที่สุด “เฮ้ ไอ้เนิร์ด ฉันกำลังคุยกับแกอยู่นะ!” เขาพูดถาดถางไปพร้อมๆกับตบโต๊ะทำแกงในจานกระเด็นเลอะแว่นตาของผม

เยี่ยมเลย!พวกเขาหัวเราะเยาะเหมือนหมาไฮยีน่าที่เพลิดเพลินกับสภาพของผมขณะที่ผมถอดแว่นออกและเช็ดคราบแกงโดยใช้กระดาษทิชชู่ ช่างเป็นวันที่แสนธรรมดาอะไรเช่นนี้!

อันที่จริงมันเป็นวันธรรมดาสำหรับผม เพราะตั้งแต่วันที่ผมเข้าเรียนที่นี่ เอลเลียต อับรามลูกชายของผู้ดูแลมหาวิทยาลัยแห่งนี้ ได้ตั้งเป้าที่จะรังแกผมไปจนวันสุดท้าย เขาไม่ชอบผมตั้งแต่แรกและตั้งเป้าหมายที่จะพรากเวลาพักผ่อนอันเงียบสงบของผมไปทุกวัน ผมมีภูมิคุ้มกันจากการกระทำของเขามานานแล้ว และสิ่งที่เขาทำ ก็ไม่มีผลอะไรกับผมเลย

ผมใช้เวลาหกปีในความชาชิน ถูกขังในห้องน้ำ บางครั้งผมก็พบว่าแปรงสีฟันของผมอยู่ในโถส้วม กระดาษโน๊ตของผมถูกฉีกทิ้งลงถังขยะ แว่นตาแตก ถูกปาอาหารใส่หน้า และทุกอย่างที่แสนจะวุ่นวาย กลับกลายเป็นว่าผมได้รับภูมิคุ้มกันจากการกระทำที่ผมไม่สนใจจริงๆ มันเหมือนเป็นกิจวัตรปกติของผมไปแล้วในตอนนี้

ที่จริงแล้วผมสามารถไปร้องเรียนเกี่ยวกับการกระทำของเขาได้ตลอดเวลาและก็แน่ใจว่าพ่อของผมสามารถแก้ปัญหาและโยนพ่อของเขาออกจากเมืองได้อย่างง่ายดาย แต่ในเมื่อผมอยู่ห่างจากบ้าน ผมไม่มีความปรารถนาใดๆที่จะทำให้ครอบครัวของผมต้องกังวลโดยเฉพาะแม่เธออาจจะเจ็บปวดมากหากเธอรู้เรื่องนี้เข้า

เหลือเวลาอีกหนึ่งปีเท่านั้น ก่อนที่เราจะเรียนจบ เราทุกคนต่างอยู่ในเส้นทางที่จะไล่ตามความฝัน และผมตัดสินใจที่จะอดทนกับสิ่งนี้ให้นานขึ้นอีกหน่อย เพราะผมรู้ว่าผมจะไม่ต้องเจอหน้าเขาอีกในชีวิตนี้

เอลเลียตแก่กว่าผมหนึ่งปีและสูงกว่าเขามีผมหยักโศกสีแดงและมีรูปร่างที่ดีอยู่เหมือนนักมวยปล้ำซูโม่ขนาดเล็ก ปกติเขาชอบจะดึงปกคอเสื้อผมแล้วเหวี่ยงผมไปมา หรือดึงผมขึ้นมาจากพื้นด้วยปกคอเสื้อ แล้วเหวี่ยงโยนผมทิ้งที่ไหนสักแห่งหรือเกือบทุกครั้ง ลงในถังขยะ...

แต่ผมให้ความสำคัญกับเขาน้อยลงเพราะแม่ของผมเคยบอกเสมอว่าคนที่ชอบเรียกร้องความสนใจ มักต้องการแสดงให้เห็นว่าพวกเขามีอำนาจทำให้ทุกคนจะต้องเคารพและเกรงกลัวพวกเขา เป้าหมายหลักคือการเรียกร้องความสนใจ นั่นเป็นสาเหตุที่ผมไม่เคยให้ความสำคัญกับเขาเลย และเพิกเฉยต่อการกระทำของเขาราวกับเป็นมารผจญ ซึ่งสร้างความรำคาญให้กับเขามาก

“อะไรกัน ไนท์? แกจะเก็บผมมันเยิ้มแบบนี้ของแกไว้ที่หลุมศพน่ะเหรอ” เขากล่าวถึงผมหวีไว้อย่างดีของผม และแม้ว่าผมอยากจะกลอกตาใส่เขา แต่ก็ห้ามตัวเองไม่ให้ทำเช่นนั้น

จุงมันอยู่ไหนจุงไม่ได้กลัวเขาจริงๆ อันที่จริง จุงเป็นคนเดียวที่ตอบโต้เขา และต้องลงเอยด้วยการต้องเจ็บตัวเพื่อฉันเสมอ“แล้วเพื่อนคนจีนของนายอยู่ไหน” เขามองไปรอบๆ ผมขมวดคิ้ว “เขาเป็นคนเกาหลี” ผมแก้สิ่งที่เขาพูด เขาหันมาทันที และก็ยิ้มเยาะ “ในที่สุดเจ้ากบก็ใช้ลิ้นของมันพูดได้”

"เอ้านี่!" เขาโยนแผ่นกระดาษต่อหน้าผม “ทำรายงานของฉันให้เสร็จและส่งไปที่ห้องของฉันก่อนแปดโมง” เขาออกคำสั่ง ผมหยิบกระดาษเหล่านั้นส่งกลับไป

"ฉันยังทำของฉันไม่เสร็จเลย ทำไม่ได้หรอก" ขณะที่ผมพูดอยู่นั้น ถาดอาหารของผมถูกโยนทิ้งและอาหารกระเด็นปลิวไปทั่วหน้าต่างผู้คนต่างมองมาทางเราทันที“เป็นอะไรไป อับราม” เพื่อนของเขาอีกสองคนเดินเข้ามาสมทบและก็พากันเยาะเย้ยผม

“ไอ้เนิร์ดนี่ฉลาดแกมโกงตรงนี้แหละ” เขาพูดและพวกมันก็จ้องมาที่ผม“ดูสิ ไนท์! ฉันให้งานแกไปแล้ว และแกก็ต้องทำ” ผมหายใจไม่ออกขณะที่เขาดึงคอเสื้อเอาไว้ “ทำให้เสร็จตรงเวลาถ้าแกไม่ทำละก็—” เขาถูกใครบางคนขัดจังหวะ จากเสียงกระแอม

“ฉันขอนั่งตรงนี้ได้ไหมคะ” หญิงสาวคนหนึ่งถามขึ้นท่ามกลางความสับสนวุ่นวายผมมองออกไปพบหญิงสาวผมสีดำเข้มกำลังถือถาดอาหารและมองดูที่นั่งว่างข้างๆ ผมไม่เคยเห็นเธอมาก่อน เธอทำเฉยต่อเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น และมองมาที่คอเสื้อผมที่มีมือของเอลเลียตคว้าดึงอยู่

“เฮ้ เด็กใหม่! เธอไม่เห็นหรือไงว่าเกิดอะไรขึ้น?” เอลเลียตคำรามใส่เธอ และทั้งหมดที่เธอทำคือเลิกคิ้วมองเขา“เวโรนิกา ฉันชื่อเวโรนิกา” เธอพูดขณะวางถาดบนโต๊ะของฉัน

เอลเลียตปล่อยคอเสื้อของผมทันที และหันเหความสนใจของเขาทั้งหมดไปที่เธอ ทันใดนั้นเขาก็มองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วยิ้มเยาะ

“อ้อ สวัสดี เวโรนิกา” เขายื่นมือไปข้างหน้าเพื่อจับมือ ผมขยับเสื้อและแว่นตาเพื่อหาทางออกไปจากตรงนี้ คงจะดีถ้าผมหยิบกระเป๋าขึ้นมาและอยู่คนเดียวผมไม่ต้องการจะทำรายงานให้เขา และนั่นคือเหตุผลที่ผมรีบหยิบกระเป๋าขึ้นมาจากเก้าอี้

“ขอบคุณค่ะ” เธอพูดแล้วนั่งลงบนเก้าอี้ทันทีเพื่อกันไม่ให้ผมออกเดินออกไปผมที่นั่งข้างหน้าต่างตรงหัวมุมมีวิธีเดียวที่จะออกจากโต๊ะคือต้องผ่านเก้าอี้ที่ผู้หญิงคนนั้นนั่งอยู่

ก็...วันธรรมดาไง!

“เธอเมินฉันเหรอ เวโรนิกา” เอลเลียตโน้มตัวและมองที่เธอในขณะที่เธอหยิบถาดอาหารและเริ่มกินโดยไม่สนใจคนพาลผมแดงที่อยู่ข้างหน้าเธอ ผมอยากจะบอกเธอว่าเธอไม่ควรอย่าทำอย่างนั้นถ้าเธอไม่ต้องการที่จะอยู่ในลิสรายชื่อของเอลเลียต แต่เมื่อเอลเลียตอยู่ตรงหน้า ผมก็พูดอะไรไม่ได้ผมกอดกระเป๋าและเฝ้าดูว่าจะเกิดอะไรขึ้น

ในทางกลับกัน เวโรนิกาหยิบส้อมและกินสลัดอย่างเงียบๆ โดยไม่สนใจเอลเลียต และผมสังเกตเห็นว่านี่เป็นสิ่งที่ยิ่งทำให้เอลเลียตรำคาญใจมากยิ่งขึ้นไปอีกใบหน้าของเขาแดงก่ำด้วยความโกรธ และเขาก็ตบโต๊ะอีกครั้ง

"ใช่?" เวโรนิกายังคงกินอาหารของเธอไปด้วยความสงสัย

ฟังนะ เด็กใหม่...เธอต้องรู้ตำแหน่งแห่งที่ของเธอต้องตอบฉันเวลาที่ฉันถาม หากเธอไม่อยากมีปัญหา ชัดเจนไหม ถ้าเธออยากรู่ว่าจะมีปัญหาอะไรเกิดขึ้นกับเธอบ้างก็ลองถามไอ้เนิร์ดข้างๆเธอดีกว่า เขายิ้มเยอะมองมาทางผม และผมก็พบว่าขาของผมสั่นไปมาราวกับรู้ว่าจะมีสิ่งเลวร้ายเกิดขึ้น

“ตกลง” เป็นคำตอบของเธอขณะที่เธอกินอาหารต่อไป โดยไม่สนใจสิ่งที่เอลเลียตเพิ่งพูด

“และ...” ผมมองดูเอลเลียตยื่นมือขึ้นไปในอากาศพร้อมที่จะโยนถาดอาหารของเธอทิ้ง เป็นการรักษาอำนาจและข่มขู่และผมก็แน่ใจว่าถาดอาหารกำลังจะตกลงมาที่ผม และนั่นเป็นทำให้ผมกอดกระเป๋าแน่นพร้อมใช้มันเป็นโล่ แต่ไม่นานผมก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นเวโรนิกาหยุดมือของเอลเลียตที่กำลังตีถาดอาหารด้วยมือซ้ายของเธอ

เธอจับที่ข้อมือของเขาอย่างง่ายดายและกินต่อไปโดยใช้มือขวา ทำให้ทุกคนในโรงอาหารอ้าปากค้าง

"และในขณะที่ผมอยู่ที่นี่ ให้ผมอธิบายให้คุณได้เห็นภาพชัดเจน สิ่งแรกคือ..." เสียงร้องดังเล็ดลอดออกมาจากปากของเอลเลียตขณะที่ผมกระโดดขึ้นนั่งและมองดูเขาด้วยความสยดสยอง “อย่ารบกวนเวลาฉันกิน ฉันไม่ชอบให้ใครมารบกวนเวลาที่ฉันกิน” เวโรนิกาพูดและฉันก็มองดูเธอกดข้อมือของเขาและหมุนให้อยู่ในท่าแปลก ๆ ทำให้เขากรีดร้อง การจับของเธอดูไม่ได้แน่นหา แต่ผมรู้สึกทึ่งกับความจริงที่ว่าเธอสามารถทำร้ายเอลเลียตได้ด้วยมือเดียว

เธอกำลังทำอะไรอยู่กันแน่?

เอลเลียตเหวี่ยงมือซ้ายซึ่งยังอยู่ในกำมือของเวโรนิกาเพื่อต้องการสะบัดให้หลุด แต่เวโรนิกากลับจับมันพลิกได้มากกว่าเดิม และเขากรีดร้องด้วยความเจ็บปวด ในที่สุดเวโรนิกาก็ปล่อยมือแล้วหยิบมีดค่อยๆหั่นไก่ เธอมองมาที่เอลเลียตที่กำลังสาปแช่งเธอในใจ

“เอาล่ะ นายจะได้รู้จักฉันมากขึ้นในหนึ่งปีนี้ ฉันจะทำนายรู้เรื่องอื่นๆที่ฉันไม่ชอบด้วย ถ้านายไม่ว่าอะไร” เธอหยิบไก่ชิ้นหนึ่งขึ้นมา แล้วเอาเข้าปาก "ฉันกำลังกินอยู่" เธอพูดจบ และเอลเลียตลุกขึ้นยืน ขณะที่เพื่อนๆ ของเขาดูสับสนกับสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นและจ้องไปที่เวโรนิกา

“เธอกำลังหาเรื่องใส่ตัว เราจะต้องเจอกันอีกแน่เร็วๆนี้” เอลเลียตพูดขณะจัดเสื้อของเขาให้เข้าที่และจ้องมองเธอขณะกำลังเดินจากไปพร้อมหยิบสมุดภาพวาดขึ้นด้วยความโกรธ

ผมไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น ผมมองไปที่เวโรนิกาที่ยังคงกินอาหารของเธอต่อไปราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทำไมเธอถึงทำอย่างนั้น? ผมอยากจะถามแต่ก็คิดว่ามันไม่ใช่เรื่องของผมผมอยากจะออกไปจากตรงนี้แต่ก็ทำไม่ได้เพราะเธอกำลังทานอาหารอยู่ และฉันจำได้ว่าเธอบอกว่าเธอไม่ชอบเวลาที่มีคนมารบกวนเธอขณะทานอาหารผมก็เลยนั่งรอเธอกินเสร็จเพื่อที่จะได้ออกไปกลายเป็นว่าวันนี้ไม่ใช่วันปกติอย่างที่ผมคิดไว้

อ่านต่อ

หนังสืออื่นๆ ของ azcculture

ข้อมูลเพิ่มเติม
สลับร่าง สลับรัก

สลับร่าง สลับรัก

โรแมนติก

5.0

อาเรียน่า เฟอร์เรอร์ หญิงสาวยุคโบราณ อายุ 18 ปี ได้รับของขวัญวัดเกิดสุดเซอรไพร์ส ด้วยการถูกส่งตัวไปเป็นผู้ช่วยนางสนมในวัง จากผู้ช่วยนางสนมกลายเป็นนางสนมเองในข้ามคืน พร้อมด้วยถูกข้อหาฆ่าสนมเอกติดตัว อนิกา เปเรซ ซีอีโอ สาวสุดสุดฮอทในยุคปัจจุบัน ขึ้นชื่อในเรื่องความสวยรวยเก่ง พร้อมข่มขู่และอยู่เหนือเหล่าชายหนุ่มที่เข้ามาหมายปองเธอทุกคน แต่แล้ว อาเรียน่า เฟอร์เรอร์ และ อนิกา เปเรซ ได้เกิดเหตุให้ต้องเปลี่ยนสถานที่และจิตวิญญาณอย่างกระทันหัน อาเรียน่ามาจากอดีตและตอนนี้กำลังมีชีวิตอยู่ในปัจจุบัน และอนิกา ซึ่งเป็นร่างใหม่ในอนาคตของอาเรียน่าก็สลับเข้าอยู่มาในชีวิตในอดีตชาติของตัวเอง จะเกิดอะไรขึ้นถ้าสองคนนี้ยังคงอยู่ในชีวิตใหม่ของพวกเขา พวกเขาจะยอมรับได้หรือไม่ อาเรียนน่าจะอยู่ในโลกสมัยใหม่และลืมสามีและครอบครัวของเธอ หรือเธอจะหาวิธีที่จะกลับสู่ร่างเดิมของเธอหรือไม่ และอนิกา จะเป็นยังไง เธอจะหนาวเหน็บและข่มขู่ผู้ชายทุกคนที่เธอพบในชีวิตใหม่ของเธอ หรือบรรยากาศในอดีตจะทำให้เธอกลายเป็นลูน่าผู้อ่อนโยน

หนังสือที่คุณอาจชอบ

คู่ทาสของกษัตริย์ผู้โหดร้าย

คู่ทาสของกษัตริย์ผู้โหดร้าย

Kiss Leilani
5.0

"พวกเขาไม่รู้ว่าฉันเป็นผู้หญิง พวกเขามองฉันและเห็นฉันเป็นเด็กผู้ชาย เป็นเจ้าชาย คนนหึ่ง พวกเขาซื้อมนุษย์อย่างฉันเพื่อตอบสนองความต้องการทางเพศ และเมื่อพวกเขาบุกเข้ามาในอาณาจักรของเราเพื่อซื้อพี่สาวของฉัน เพื่อปกป้องเธอ ฉันหมดหนทาง จึงต้องเข้าไปขอร้องให้พวกเขาพาฉันไปด้วย แผนของฉันคือหาโอกาส จะพาพี่สาวหนีไป แต่ฉันไม่คาดคิดว่าคุกของเราจะเป็นสถานที่ที่มีการป้องกันมากที่สุดในอาณาจักรของพวกเขา แต่เดิมฉันเป็นคนที่ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ เป็นคนที่พวกเขาไม่ต้องการ พวกเขาไม่เคยคิดจะซื้อ เลย แต่แล้ว ราชาผู้ยิ่งใหญ่ที่ไร้ความปรานี บุคคลที่มีอำนาจที่สุดในดินแดนป่าเถื่อนของพวกเขากลับสนใจใน ""เจ้าชายน้อยผู้น่ารัก"" เราจะเอาชีวิตรอดในอาณาจักรที่อันตรายนี้ได้อย่างไร และเผชิญหน้ากับผู้คนที่ไม่เป็นมิตรกับเรายังไง และคนที่มีความลับอย่างฉันจะกลายเป็นทาสแห่งความต้องการทางเพศได้อย่างไร . หมายเหตุของผู้เขียน นี่คือนิยายรักแนวดาร์ก เนื้อหาสำหรับผู้ใหญ่ เรตติ้งสูง 18+ เตรียมพบกับเนื้อหาที่กระตุ้นอารมณ์และเข้มข้นได้เลย หากคุณเป็นนักอ่านตัวยงของแนวนี้ที่กำลังมองหาอะไรที่แตกต่าง พร้อมที่จะอ่านแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัวโดยไม่รู้ว่าจะเจออะไรใหม่ๆ บ้าง แต่ก็อยากรู้เพิ่มเติมอยู่ดีล่ะก็ รีบอ่านเลย! . จากผู้เขียนหนังสือขายดีระดับนานาชาติเรื่อง ""ทาสผู้เกลียดชังของราชาอัลฟ่า""" พวกเขามองฉันและเห็นฉันเป็นเด็กผู้ชาย เป็นเจ้าชาย คนนหึ่ง พวกเขาซื้อมนุษย์อย่างฉันเพื่อตอบสนองความต้องการทางเพศ และเมื่อพวกเขาบุกเข้ามาในอาณาจักรของเราเพื่อซื้อพี่สาวของฉัน เพื่อปกป้องเธอ ฉันหมดหนทาง จึงต้องเข้าไปขอร้องให้พวกเขาพาฉันไปด้วย แผนของฉันคือหาโอกาส จะพาพี่สาวหนีไป แต่ฉันไม่คาดคิดว่าคุกของเราจะเป็นสถานที่ที่มีการป้องกันมากที่สุดในอาณาจักรของพวกเขา แต่เดิมฉันเป็นคนที่ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ เป็นคนที่พวกเขาไม่ต้องการ พวกเขาไม่เคยคิดจะซื้อ เลย แต่แล้ว ราชาผู้ยิ่งใหญ่ที่ไร้ความปรานี บุคคลที่มีอำนาจที่สุดในดินแดนป่าเถื่อนของพวกเขากลับสนใจใน "เจ้าชายน้อยผู้น่ารัก" เราจะเอาชีวิตรอดในอาณาจักรที่อันตรายนี้ได้อย่างไร และเผชิญหน้ากับผู้คนที่ไม่เป็นมิตรกับเรายังไง และคนที่มีความลับอย่างฉันจะกลายเป็นทาสแห่งความต้องการทางเพศได้อย่างไร . หมายเหตุของผู้เขียน นี่คือนิยายรักแนวดาร์ก เนื้อหาสำหรับผู้ใหญ่ เรตติ้งสูง 18+ เตรียมพบกับเนื้อหาที่กระตุ้นอารมณ์และเข้มข้นได้เลย หากคุณเป็นนักอ่านตัวยงของแนวนี้ที่กำลังมองหาอะไรที่แตกต่าง พร้อมที่จะอ่านแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัวโดยไม่รู้ว่าจะเจออะไรใหม่ๆ บ้าง แต่ก็อยากรู้เพิ่มเติมอยู่ดีล่ะก็ รีบอ่านเลย! . จากผู้เขียนหนังสือขายดีระดับนานาชาติเรื่อง "ทาสผู้เกลียดชังของราชาอัลฟ่า"

หลังหย่าเธอกลายเป็นมหาเศรษฐี

หลังหย่าเธอกลายเป็นมหาเศรษฐี

Lewie Parenti
5.0

"ความรักทำให้คนตาบอด" เซิงเกอละทิ้งชีวิตที่สงบสุขเพื่อแต่งงานกับชายคนนั้น ยินยอมทำตัวเหมือนคนรับใช้ที่ไร้ตัวตนมาสามปีเต็ม แต่ในที่สุดเธอก็ตระหนักว่าความพยายามของเธอ มันไร้ประโยชน์สิ้นดี เพราะในใจของสามีตัวเองมีแต่รักแรกของเขา เซิงเกอรู้สึกผิดหวังอย่างมาก และขอหย่าอย่างเด็ดขาด "ถึงเวลาแล้ว ฉันไม่ปกปิดอีกแล้ว จะบอกความจริงให้" ทันใดนั้น โลกออนไลน์ก็ระเบิดขึ้นทันที มีข่าวลือว่าสาวรวยพันล้านคนหนึ่งหย่าร้างแล้ว ดังนั้น ซีอีโอนับไม่ถ้วนและชายหนุ่มรูปงามต่างรีบเข้าหาเธอเพื่อเอาชนะใจเธอ เฝิงอวี้เหนียนเห็นดังนั้นจึงทนไม่ไหวอีกต่อไปเลยจัดงานแถลงข่าวในวันถัดไป โดยขอร้องอย่างจริงจังว่า: ผมรักเซิงเกอ ขอร้องคุณภรรยากลับบ้านนะ

คุณสามีเป็นผู้พิการ

คุณสามีเป็นผู้พิการ

Devocean
4.9

"คุณต้องการเจ้าสาว ส่วนฉันก็ต้องการเจ้าบ่าว ทำไมเราไม่แต่งงานกันล่ะ?" ภายใต้เสียงเยาะเย้ยของทุกคน ถังเลี่ยน ซึ่งถูกคู่หมั้นของเธอทอดทิ้งในพิธีแต่งงาน กลับแต่งงานกับเจ้าบ่าวพิการข้างบ้านที่ถูกรังเกียจ ถังเลี่ยนคิดว่าอวิ๋นเซินเป็นชายหนุ่มที่น่าสงสาร และเธอสาบานว่าจะให้ความรักใคร่แก่เขาและตามใจเขาหลังแต่งงาน ใครจะรู้ว่าเขาแกล้งเป็นแบบนั้น... ก่อนแต่งงาน อวิ๋นเซินว่า "เธอต้องสนใจเงินของผมถึงยอมแต่งงานกับผม ผมจะหย่ากับเธอหลังจากที่ผมใช้ประโยชน์เธอเสร็จ" หลังแต่งงาน อวิ๋นเซินว่า "ภรรยาของผมต้องการหย่าทุกวัน แต่ผมไม่อยากหย่า ทำอย่างไรดีล่ะ"

ข้าเก็บสามีได้กลางป่า

ข้าเก็บสามีได้กลางป่า

ต้ายวี่
5.0

ไม่คิดว่าการช่วยชีวิตบุรุษแปลกหน้ากลางป่าในวันนั้น จะย้อนกลับมาช่วยชีวิตนางในวันนี้ "บุญคุณช่วยชีวิต วันหน้าข้าจะชดใช้ให้" "เช่นนั้นก็ชดใช้เสียวันนี้... มาเป็นสามีของข้าเถิด" ------ เยี่ยนหลิง : หญิงสาวชาวบ้าน นางเกือบถูก บังคับให้แต่งงานกับบุตรชายหัวหน้าหมู่บ้าน เพื่อแลกกับยารักษาร่างกายให้พี่ใหญ่ แต่แล้วที่นางเก็บบุรุษแปลกหน้าได้ที่กลางป่า ชีวิตนางก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เซียวชินหย่วน : ซื่อจื่อจวนเซียวกั๋วกง ขึ้นเขามาเก็บสมุนไพร แต่ถูกลอบทำร้ายจนพลัดตกเขา โชคดีที่ได้เยี่ยนหลิงช่วยชีวิตเอาไว้

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ