5.0
ความคิดเห็น
4.2K
ชม
46
บท

คงเจ็บปวดไม่น้อยหากรู้ว่าตนเองถูกใช้เป็นหมากตัวหนึ่ง ในกระดานของเกมแก้แค้นและฟาดฟันห้ำหั่นกับอีกฝ่าย แต่แล้วเมื่อเรื่องราวถึงจุดจบใครกันจะเป็นคนที่เจ็บปวดที่สุด เขา เธอ หรือ ทุกคน ########## “ถ้าคุณทนไม่ไหวจริงๆ ก็ช่วยจบสัญญาของเรา เซ็นชื่อลงในทะเบียนหย่าเถอะค่ะ ในส่วนที่ผิดสัญญาคุณต้องปรับอีกเท่าไร จะหามาใช้คืนให้” ลืมไปเสียสนิทว่าต้องหย่า ธีร์หรี่ตามองคนที่ท้าเหย็งๆก่อนเหยียดยิ้มว่า “ทำไมผมต้องหย่า ในเมื่อมีทั้งคนรับใช้ทั้งนอกห้อง ในห้อง แถมบนเตียง ออลอินวันในคนเดียวแบบนี้คุ้มเกินคุ้มเสียอีก...ว่าไหม” เลือดในกายพุ่งปรี้ดเมื่อได้ยินคำหยามหมิ่นของเขา ไม่เคยสุดทนสุดกลั้นแบบนี้มาก่อนในชีวิต จะให้เข้าไปทำร้ายเขาก็ผิดวิสัยของเธอ ณิชามองเขาด้วยแววตาแบบเดียวกับคำพูด “คุณทำสัญญาไว้ว่าจะหย่าเมื่อครบหนึ่งปี” “แล้วไง ผมไม่หย่า ใครจะมาจับมือผมเซ็นชื่อได้” “ฉันจะฟ้องศาล” “เอาสิ ให้ช่วยหาทนายให้ไหม” “ฉันเกลียดคุณ ได้ยินไหม” ธีร์ยิ้มร้ายกาจเข้ามาตวัดจูบเธออย่างไม่ให้ตั้งตัว รู้สึกได้ว่าปากเริ่มหนาบวมเพราะแรงบดไร้ความปราณีจากเขา ก่อนที่คนใจร้ายจะปล่อยให้เธอได้หายใจเอาอากาศเข้าไปในปอด “ก็ดีแล้วนี่หนูณิช” เขาผละมาโต้เหนือริมฝีปากของเธอ ก่อนสบตาท้าทายบอกอย่างทระนงในความเป็นธีร์ “ผมนึกกลัวแต่ว่าคุณจะเกลียดผมไม่ได้เท่านั้นเอง”

บทที่ 1 1

เสียงหอบหายใจถี่เร็วกระชั้นนั่นดังมาจากสองร่างเปลือยเปล่าบนเตียงนอนคิงไซซ์ในห้องกว้างเย็นฉ่ำเพราะเครื่องปรับอากาศถูกปรับให้อุณหภูมิต่ำกว่ายี่สิบองศาเซลเซียสคงช่วยบรรเทาความเร่าร้อนจากบทรักดุเดือดได้เป็นอย่างดีทีเดียว ครู่ใหญ่จากนั้นเสียงคำรามถึงได้ดังลั่นกังวานราวราชสีห์บาดเจ็บเพราะอารมณ์ดิบได้รับการปลดปล่อยในที่สุด

“เสร็จแล้วใช่ไหมคะ”

หญิงสาวที่นอนหอบหายใจด้วยความเหนื่อยล้าไม่ต่างกันถามออกมาด้วยเสียงอันสั่นเทา เจ้าหล่อนนอนหลบสายตาคมเข้มปนดุเล็กๆของสามีตามทะเบียนสมรสขณะเอื้อนเอ่ย

เวลาล่วงเลยผ่านมาร่วมครึ่งปี แต่ไม่ได้ทำให้เธออายเขาน้อยลงเลย ชายหนุ่มพลิกตัวออกมานอนหงายข้างๆปรับลมหายใจให้เป็นปกติดังเดิมค่อยพูดคล้ายไล่กลายๆ

“คุณจะกลับห้องเลยก็ได้นะณิชา”

ได้ยินแบบนั้นแล้วหญิงสาวเจ้าของชื่อเม้มปากตัวเองแน่นจนเลือดแทบปริซึมออกมาให้ได้ลิ้มรส พยายามข่มความอายพลิกตะแคงตัวไปยังริมเตียงฝั่งของตน ลุกขึ้นนั่งแล้วผละไปคว้าชุดนอนที่ถูกเขาโยนทิ้งไปก่อนหน้านี้มาสวมทับอย่างไว ไม่ลืมก้มเก็บซากชิ้นส่วนอุปกรณ์ป้องกันการสืบทายาทบนพื้นเพื่อนำไปทิ้งลงถังขยะในห้องน้ำถัดไปอีกฟากฝั่งของห้องนอนด้วย

ณิชาบังคับร่างกายให้ยืนอย่างมั่นคงเสียก่อนเพื่อจะได้ออกเดินไปยังจุดหมาย แม้ยากเย็นเพราะเนื้อตัวอ่อนล้าสั่นเบาๆ จากบทรักยาวนานก็ตาม แต่ต้องพยายามเดินออกไปให้ได้ในนาทีนี้

เรื่องจะให้นอนพักบนเตียงนอนกว้างนั่นย่อมเป็นไปไม่ได้เด็ดขาด เพราะชายหนุ่มที่นอนพังพาบบนนั้นไม่อนุญาตให้นอนร่วมเตียง

ชายคนที่ได้ครองสถานะสามีของเธอนั้นคือ ‘ธีร์’ ชายผู้กุมบังเหียนอาณาจักรโลจิสติกส์ชื่อดังในประเทศ และยังถือหุ้นในเครือศิวาไลมากกว่าครึ่งหนึ่งอีกด้วย เขาอายุเพียงสามสิบหกปีเท่านั้นแต่ประสบความสำเร็จเกือบทุกด้าน ธีร์มีพลังงานเหลือล้นในงานและแน่นอนว่าพลังงานทางเพศของเขาก็พุ่งทะยานตามกันไป เขาจะร่วมรักกับเธอยาวนานแบบนี้เสมอตั้งแต่วันแรกที่จรดปากกาลงในทะเบียนสมรสจนถึงปัจจุบัน บางครั้งถึงเช้าตรู่เลยก็มี

แต่วันนี้ธีร์คงเหนื่อยจากงานข้างนอก เขาจึงหยุดเวลาแห่งการเสพย์สุขในเรือนกายของเธออยู่ที่สามชั่วโมงห้าสิบนาทีเท่านั้น แล้วถึงยอมปล่อยให้กลับไปยังห้องนอนได้

“อ้อ เดี๋ยวก่อนคุณ”

เสียงทุ้มสุภาพนั่นดังมาจากบนที่นอน แทรกเข้ามาในห้วงความคิดของณิชา หญิงสาวกระชับสาบเสื้อนอนทบเข้าหากัน ค่อยหันไปขานรับคำเขา

“คะ”

เขาสั่งทั้งๆที่ยังนอนราบบนที่นอน เสียงอ่อนล้าเต็มทีคงเพลียจัดและกำลังเข้าสู่ห้วงนิทราในไม่ช้า “พรุ่งนี้อย่าลืมคุมเด็กๆให้เตรียมงานตอนเย็นด้วยนะ”

“ได้ค่ะ แล้วณิชาต้องอยู่ด้วยไหมคะ”

ธีร์นิ่งไปคล้ายคิดอยู่ครู่ แล้วดันตัวตั้งศอกขึ้นเอี้ยวคอมามอง สายตาคมเข้มติดดุเล็กๆของเขาครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วถึงว่า “คุณคอยดูแลงานแถวนั้นก็แล้วกันเผื่อมีอะไรจะได้บอกเด็กๆได้ ก็รู้นี่ว่าถ้ามีอะไรไม่ทันใจ ผมจะหงุดหงิดมาก”

ณิชาหลบตาเขาวูบลง รับคำเบาๆ “ค่ะ”

ธีร์ยังคงมองหญิงสาวที่ยืนนิ่งไม่วางตาไปไหน รอยยิ้มผุดขึ้นเพียงนิดเดียวตรงมุมปาก กำลังคิดว่ามันช่างคุ้มแสนคุ้มที่เลือกแต่งงานกับณิชา แรกที่เห็นหญิงสาวเขาว่าเธอช่างจืดชืดไร้ซึ่งแรงดึงดูดใดๆ แต่พอได้มาไว้ในมือแล้วนั้นก็...คุ้มค่าดี เขาเกือบยักไหล่เพราะความลืมตัว

เหมือนได้ทั้งคนรับใช้ ทั้งเลขาฯส่วนตัวแล้วก็ผู้หญิงบนเตียงไว้ระบายอารมณ์ดิบของตนเองที่มีมากล้นเกินพอดีจนน่าเหนื่อยหน่ายใจ

ณิชาเม้มปากแน่นอีกครั้ง หน้าชาดิกออกร้อนจนแทบไหม้เมื่อเห็นสายตาชนิดนั้นของธีร์ เธอตีความสายตาคมกริบติดดุๆนั่นว่ามันคือการดูถูกและหยามเหยียด ธีร์เป็นนักบริหารชั้นยอดแถมยังเป็นนักลงทุนตัวฉกาจ นี่ไม่ใช่แค่คำเปรียบเทียบเปรียบเปรย แม้แต่ในชีวิตจริงเขาก็เป็นเช่นนั้น ธีร์ยิ้มมุมปากขึ้นอีกหน่อยหนึ่งค่อยล้มตัวลงนอนดังเดิม หญิงสาวจึงสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆร่างอ่อนล้าเดินกลับไปยังที่ที่ของตนเองซึ่งอยู่คนละฟากฝั่งกับห้องนอนแห่งนี้

หญิงสาวอดสะอื้นในอกไม่ได้กับสถานะของตนเอง

ชายหนุ่มไม่นอนร่วมเตียงด้วย เขาประกาศกร้าวตั้งแต่วันแรกที่เข้าหอด้วยกันนั่นแล้ว ธีร์อาจร่วมเรียงเคียงหมอนกับคู่นอนคนอื่นหรือผู้หญิงที่เขาคบหาจริงๆจังๆคนไหนสักคน แต่ไม่ใช่เธอ ที่เขาทำคือระบายอารมณ์ใคร่จนเสร็จสมแล้วนั่น ณิชาจะหมดความหมายถูกไล่แบบนี้ร่ำไป

ปิดประตูห้องของตนเองลงแล้วก็ล้มแผละตรงพื้นทันที เพราะฝืนเดินมาเป็นระยะทางไกลพอควร เม้มปากแน่นเสียจนแทบห้อเลือดบอกตัวเองว่าให้ฝืนอีกหน่อย อีกไม่นานเธอต้องหลุดพ้นจากตรงนี้ไปให้ได้

กัดฟันตั้งเข่ายันพื้นแล้วใช้มืออีกข้างแตะผนังห้อง ดันตัวลุกขึ้นยืนอีกครั้ง เกาะเดินตรงไปยังห้องน้ำที่อยู่ไม่ไกลจากนั้น เปลื้องชุดออกมองเงาที่สะท้อนกลับมาด้วยแววตาหวานปนเศร้า ร่องรอยเขียวจ้ำทั่วเรือนกายใต้ร่มผ้าของเธอมีทั้งที่จางลงแล้วและขึ้นใหม่เพราะเขาหนักมือขณะร่วมรักแบบนี้เสมอ

เขามักทิ้งหลักฐานการร่วมรักไว้บนเรือนร่างของเธอทุกครั้งที่หลับนอนด้วยกัน ณิชาไม่รู้ว่าเขาเป็นพวกนิยมความรุนแรงหรือเปล่า เธอไม่กล้าปริปากเล่าเรื่องเหล่านี้ให้ใครฟัง ก่อนปิดเปลือกตาลงอีกครั้ง น้ำตาที่กักเก็บเอาไว้นั่นรินไหลลงอาบสองข้างแก้มช้าๆพร้อมเสียงสะอื้นไห้เบาๆ ในนี้ไม่มีใครได้ยินเสียงแห่งความอ่อนแอของเธอ ไม่ช้าไม่นานเสียงสะอื้นดังขึ้นเรื่อยก่อนหยุดลงได้เองในเวลาไม่กี่นาทีจากนั้น หยุดลงพร้อมกับความเจ็บปวดตื้อตึงที่อัดแน่นในหัวใจ หมดสิ้นแล้วความรักที่เธอแอบซ่อนเอาไว้มาเนิ่นนาน รักที่เคยเร้นหลบถูกฉีกขาดเพราะคำว่าแค้นของเขาเพียงคำเดียวเท่านั้น

บิดาของเธอและเขาคบหาร่วมลงทุนกันมานาน เครือศิวาไลเป็นหนึ่งในกิจการร่วมทุน แต่บิดาของเธอก็โกงมาเป็นของตนเองจนได้เพราะคำว่าโลภเพียงคำเดียว ธีร์ใช้เวลาศึกษาต่อในต่างประเทศอยู่นานเมื่อกลับมาก็พบว่าเครือศิวาไลเป็นของฝั่งนี้เสียแล้ว

เคราะห์ร้ายที่บิดาของเธอบริหารมันไม่รอด และไม่รู้ว่าท่านไปตกลงกับเขาอย่างไร ธีร์จึงเข้ามาช่วยพยุงกิจการจนรอดมาจนถึงวันนี้

ข้อแลกเปลี่ยนในการช่วยเหลือคือการแต่งงานกับเธอ

หากเป็นการแต่งงานด้วยความรักก็คงดี

ยืนมองตัวเองในกระจกพร้อมกับคำถามว่าเมื่อไรการแต่งงานจอมปลอมนี่ถึงจะจบลงเสียที รักเพียงข้างเดียวควรตัดใจทิ้งเสียดีไหม เธอทำได้ไหม จะมีใครรู้บ้างว่าที่ทนอยู่ทุกวันนี้เพราะคำว่ารักเพียงคำเดียว

อ่านต่อ

หนังสืออื่นๆ ของ SHASHAwriter

ข้อมูลเพิ่มเติม
เมียเก่าที่เขาไม่เคยรัก

เมียเก่าที่เขาไม่เคยรัก

โรแมนติก

5.0

ภาวรีแหงนหน้าขึ้นแล้วยิ้มกวนโมโหใส่หน้าเขา "มาขวางทำไม เชยไม่สนพี่เขื่อนแล้วนะรู้ไหม ให้หย่าก็ได้เลย ไปเลย เพราะไรรู้มะ เพราะพี่เขื่อนสู้หนุ่ม ๆ ในร้านไม่ได้เลยสักคน ในนั้นถึงใจกว่าพี่เขื่อนตั้งเยอะ" ลัพธวิทย์หรี่ตามอง ถามเสียงเรียบ "ถึงใจแบบไหน" "ใหญ่กว่า อึด แล้วก็เอาเก่งกว่าพี่เขื่อน" ได้ยินเสียงตัวเองพูดจาก๋ากั่นออกไปแบบนั้นแล้วก็ให้ตกใจไม่น้อย พอได้ยินคำตอบของเธอที่หลับตาฟังก็รู้ว่าจงใจพูดจายั่วยุเขา ลัพธวิทย์ก็ค่อยหัวเราะออกมาลั่น พร้อมค่อนแคะกลับไป "น้ำหน้าอย่างเราเนี่ยหรือ กล้านอนกับผู้ชายตามบาร์" ภาวรีหน้าชาเมื่อถูกจับไต๋ได้ว่าโกหก เธอลอยหน้าลอยตาแล้วตอบเขากลับ "ทำไมจะไม่กล้า แม่เปิดห้องให้เชยลองแล้วด้วย หนุ่ม ๆ ในบาร์โฮสต์ทำให้เชยรู้แล้วล่ะว่าของพี่เขื่อนนี่เทียบชั้นกันไม่ติด แบบนั้นน่ะ..." ภาวรีพูดแล้วกวาดตาลงมองอย่างหยามเหยียด บอกต่อจนจบประโยค "น่าจะเอาไว้แค่ฉี่มากกว่านะ"

ห้องลับของคุณรัชญ์

ห้องลับของคุณรัชญ์

โรแมนติก

5.0

"ถอดชุดบนตัวเธอออกมาเดี๋ยวนี้!" "หนูทำไม่ได้..." ขวัญลดายังพูดไม่จบดีเลยว่าเธอถอดชุดที่ใส่บนตัวออกไม่ได้เพราะมันรัดมาก ๆ นี่ก็นัดกับออยลี่ ลูกของป้าเนืองไว้แล้วให้มาช่วยถอดชุด ไม่รู้น้องคนที่วานให้ช่วยเหลือจะหลับไปแล้วหรือยัง ไม่อย่างนั้นเธอคงต้องฉีกมันออกแทนการถอด แต่เจ้าของห้องลับที่ใคร ๆ พูดปากต่อปากกันว่า ห้องนี้ใครเข้ามาแล้วต้องเสว ก็ปราดเข้ามาปล้ำถอดชุดของเธอออกจนหมด แต่เพราะชุดมันรัดมาก ๆ ดลวรัชญ์ลงมือถอดไปก็สบถไปพลางด้วยอาการหัวเสีย "แต่งตัวเชี่ยอะไรวะ รู้ไหมว่ามันรัดหน้าอก รัดโหนกจนเห็นเป็นเนินนูน นึกว่าลานจอดฮอ" พอชุดถูกถอดออกจนหมด ขวัญลดาค่อยหายใจได้ลึกขึ้นจากเดิม นึกขอบคุณที่เขาช่วยเหลือเธอในครั้งนี้ แม้จะดูเป็นการช่วยที่ไม่ปกตินักก็ตามที "หนูรู้ค่ะ" "รู้แต่ก็ยังใส่" "คุณป้าบอกว่ามันมีชุดเดียว ชุดนี้เมื่อก่อนท่านตัดไว้ให้พี่โรส แต่คุณเล่นพาพี่โรสมานอน หนูก็เลย..." "หึง?" เสียงเข้มถามขัดคำตอบของเธอ ขวัญลดามองเขาแล้วได้แต่ส่ายหน้า เธอยังไม่รู้จักเลยว่า หึง อาการเป็นอย่างไร "ไม่ใช่ค่ะ หนูกำลังอธิบายเรื่องที่ว่าทำไมต้องใส่ชุดนี้" "เธอหึง" คนชอบให้ทุกอย่างหมุนรอบตัวเองอย่างดลวรัชญ์สรุปในสิ่งที่ตัวเองคิดได้ พร้อมด้วยมุมปากที่ยกขึ้นเป็นรอยยิ้ม ก่อนจะเกร็งมันไว้ให้เหยียดตรงดังเดิม "และเธอเบี่ยงประเด็นนะลดา" "แล้วแต่คุณเลยค่ะ" ขวัญลดาบอกอย่างยอมแพ้ ++++++ เนื้อหานิยายเน้นอ่านเพลิน ๆ ย่อยง่าย ๆ และจบดี แฮปปี้ค่ะ

ตราบาปรัก ผู้ชายใจร้าย

ตราบาปรัก ผู้ชายใจร้าย

โรแมนติก

5.0

คำโปรย ปริญญ์เคยบอกว่ารักเธอ แต่เมื่อมีเหตการณ์บางอย่างทำให้ต้องเลิกรากันไป เขาย้อนกลับมาทำดีด้วย และขอเธอแต่งงาน หลังแต่งงานกับจินดาพรรณมาสี่ปี ปริญญ์เที่ยวคบหาผู้หญิงคนใหม่ไปเรื่อย ๆ เพื่อให้เธออับอาย ... นี่น่ะหรือความรักของเขา ตัวอย่างเนื้อหา "เดี๋ยวดา เรื่องที่เราคุยกันไว้ ดาต้องทบทวนดี ๆ ก่อน..." "พรุ่งนี้เลยปิน พรุ่งนี้ไปเจอกันตามที่ตกลงไว้ได้เลย" ปริญญ์มองเธอนิ่งอยู่เป็นนานสองนาน กว่าจะพูดอะไรได้สักคำหนึ่ง ก็ยากเย็นเต็มที "หรือไม่ ปินว่าเราลอง..." "อย่าเอาแต่พูดหลอกล่อกันแบบนี้อยู่อีกเลยปิน เราสองคนจบกันเท่านี้เถอะ ทิ้งทุกอย่างเอาไว้แค่นี้ ขอให้เลิกแล้วต่อกัน เราจะได้ไม่เกลียดกันมากไปกว่านี้ หรือปินอยากให้ดาเกลียด จนไม่ไปเผาผีกันเลย ก็ได้นะปิน" ได้ยินและได้รู้ถึงความคิดของจินดาพรรณแล้ว ในใจของปริญญ์ปวดแปลบ เสียดและเสียวไปทั้งทรวงอก เขาอึ้งจนพูดอะไรไม่ออก คิดได้ในตอนนั้นเองว่านี่เขาทำอะไรต่อมิอะไรลงไปนั้น มันแย่มาก จินดาพรรณถึงได้บอกว่าเกลียดเขาถึงขนาดนี้ ปริญญ์รู้สึกได้ถึงก้อนขม ๆ ในคอ เขาฝืนที่จะกล้ำกลืนมันลงไป แล้วขยับเท้าเพื่อถอยหลังออกมา มาได้เพียงครึ่งก้าวแล้วก็ทำอะไรไม่ถูก สายตาเจ็บปวดของเขายังคงมองไปยังจินดาพรรณ เปิดปากเพื่อจะพูดบางประโยคออกไป "แต่ดา...ปินระ...ปินรั" จินดาพรรณหมุนตัว เพื่อกลับเข้าห้อง เธอไม่อยากฟังสิ่งที่เขากำลังจะพูด แต่กลับโดนดึงตัวเข้าไปกอดเอาไว้แนบแน่น เธอไม่ได้ออกแรงดิ้น ทำเพียงปิดตาลง ซ่อนความรู้สึกเจ็บปวดเอาไว้ข้างในลึก ๆ บอกตัวเองว่าอย่าได้ถลำตัวและหัวใจไปกับภาพลวงตาของปริญญ์ อย่าได้หลงคารมของเขาอีกเป็นอันขาด บทจะหวาน ปริญญ์ก็ทำให้เชื่อได้ทั้งนั้น และเขาก็ทำเพียงเพราะต้องการให้เธอหลงเชื่อ เขาหลอกเธอซ้ำ ๆ แล้วทิ่มแทงเธอให้ผิดหวัง เจ็บปวดและเสียใจ ครั้งนี้ก็คงเหมือนกัน ปริญญ์สูดดมกลิ่นของภรรยาเข้าจมูกจนลึกสุดปอด ถูไถใบหน้าไปมาอย่างที่โหยหามาโดยตลอด พร้อมกับพึมพำที่ข้างหูของเธอ "ปินให้เวลาดาคิดอีกสามวัน ระหว่างนี้ถ้าดาเปลี่ยนใจ ก็ไม่ต้องไป แต่ถ้าดายังคิดแบบเดิม วันนั้นเราค่อยไปเจอที่บริษัทตามที่คุยไว้ แต่ระหว่างนี้ ดาต้องคิดดูดี ๆ ก่อนนะ อย่าใช้อารมณ์ตัดสินใจเด็ดขาด" จินดาพรรณถอนลมหายใจของตัวเองออกยาว ๆ เธอนี่หรือใช้อารมณ์เป็นที่ตั้ง ตลอดมามีแต่ปริญญ์ที่ทำแบบนั้น และเธอไม่ต้องการเป็นที่รองรับอารมณ์ของเขาอีกแล้ว คิดได้แบบนั้นค่อยเปิดตาขึ้น แล้วออกแรงดันตัวเองจากอ้อมกอดของเขา หันมามองที่เขาด้วยสายตาว่างเปล่า บอกออกไปตามอย่างที่ตัดสินใจเอาไว้แล้วก่อนหน้านี้ "ดาไม่ต้องคิด ไม่ต้องตัดสินใจอะไรอีกแล้วล่ะปิน ถ้าปินว่างพอ พรุ่งนี้เราก็ไปจัดการเรื่องหย่าให้เรียบร้อยได้เลย" ****************************** แนวพระเอกโบ้ ไม่ได้นอกใจ จบดีและไม่มีใครตุยค่ะ

หนังสือที่คุณอาจชอบ

ข้าคือดาวมงคลน้อยหลินลู่ฉี

ข้าคือดาวมงคลน้อยหลินลู่ฉี

มาชาวีร์
4.4

เมื่อยมทูตหน้าใหม่ดึงวิญญาณมาผิดดวง เพื่อรักษาไว้ซึ่งสมดุลของโลกวิญญาณ หลินลู่ฉีผู้มีปราณมงคลในยุคปัจจุบัน จึงถูกส่งไปยังต่างโลก สวมร่างเด็กน้อยวัยสามขวบ ที่เพิ่งถูกงูกัดตายด้านหลังอารามเต๋า เจ้าอาวาสไม่อาจยอมรับวิญญาณสวมร่างได้ แต่เมื่อขับไล่วิญญาณร้ายออกจากร่างกายไม่ได้ จึงจำเป็นต้องขับไล่คน ออกจากอารามแทน ++++ "อนิจจาวาสนาเด็กน้อยได้ดับสิ้นลงแล้ว จี้คงเตรียมพิธีสวดส่งวิญญาณให้นางเถอะ" นักพรตเฒ่าสั่งการลูกศิษย์ตัวน้อย หันหลังหมายจะเดินกลับไปยังที่พักของตน "ขอรับท่านอาจารย์" จี้คงขานรับคำสั่ง หันไปเตรียมสิ่งของสำหรับทำพิธีสวดส่งวิญญาณผู้ตาย ทว่าผ่านไปเพียงอึดใจเดียว "อ๊ากกก ! มีผี !" เสียงกรีดร้องดังลั่น ร่างเล็ก ๆ ของเขาวิ่งไปหลบอยู่ด้านหลังผู้เป็นอาจารย์ "จี้คงมีอะไร" "นะนางลืมตาขอรับท่านอาจารย์" เด็กน้อยชี้นิ้วสั่น ๆ ไปที่ศพบนพื้น "ว่าอย่างไรนะ" นักพรตเฒ่ารีบตรงไปคุกเข่าอยู่ด้านข้างศพ เห็นเปลือกตาของนางขยับไปมา ก่อนจะปรือลืมขึ้นอย่างลำบากยากเย็น "นี่มัน...เป็นไปไม่ได้" รีบคว้าข้อมือของเด็กน้อยมาจับชีพจรดู ดวงตาของนักพรตเฒ่ามืดมนลงในทันที แตะนิ้วทำนายชะตา นี่มันคือการสลับร่างเปลี่ยนวิญญาณ ดึงตัวลูกศิษย์ถอยหลังไปสามก้าว "ผีร้ายตนไหนกล้ามาสวมร่างคนตาย จงออกไปเสีย !" ผีร้ายที่ว่ากำลังมึนงงกับเหตุการณ์ตรงหน้า จำได้ว่าเธอกำลังขับรถกลับบ้าน ใช่แล้ว เกิดอุบัติเหตุขึ้น มีรถบรรทุกเสียหลัก พุ่งมาชนรถของเธอ จากนั้นทุกอย่างก็ดับวูบไป ท่าทางเหม่อลอยไร้สติของนางทำนักพรตเฒ่าหวาดระแวงในทันที เตรียมหยิบยันต์ป้องกันภูตผีออกมา ขณะที่เด็กน้อยยกฝ่ามือของตัวเองขึ้นเพ่งมองอย่างประหลาดใจ ดวงตาคู่กลมน้อยกลอกกลิ้งไปมาอย่างสับสน นิ้วมือสั้น ๆ นี่มันอะไร ขยับปลายเท้าเข้าหากัน ขาก็สั้น พลิกฝ่ามือตัวเองไปมา สีหน้าคล้ายคนอยากร้องไห้ นี่มันโลกถล่มใส่หัวของเธอหรืออย่างไรกัน เปรี๊ยะ ! ยันต์ขับไล่ภูตผีถูกปาใส่นางสุดแรง ก่อนที่มันจะปลิวร่อนลงไปกองอยู่บนพื้น ยันต์ไม่เกิดการเผาไหม้ ผีร้ายยังคงอยู่ในร่างกายของเด็กน้อย "เจ้า ๆ ๆ ออกไปจากร่างของนางเดี๋ยวนี้ !" นักพรตเฒ่าชี้นิ้วพร้อมดึงยันต์สายฟ้าฟาดออกมาอีกแผ่น นี่นับเป็นยันต์ที่ทรงพลังที่สุดของเขาแล้ว รีบปาใส่เด็กน้อยสุดแรง เปรี๊ยะ ! ทว่าไร้ผลอยู่ดี... ตาเฒ่านี่เล่นตลกอะไรกัน... [นิยาย3เล่มจบ 252ตอน]

ทะลุมิติมาเป็นภรรยาตัวน้อยของสามีพิการ

ทะลุมิติมาเป็นภรรยาตัวน้อยของสามีพิการ

มาชาวีร์
4.8

เจ้าของร่างเดิมถูกท่านย่าตัวเอง ขายให้ชายพิการด้วยเงินเพียงห้าตำลึง จึงคิดสั้นไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทำให้วิญญาณของเซี่ยซือซือทะลุมิติมาเข้าร่างแทน ชีวิตในโลกนี้บิดามารดาล้วนตายไปแล้ว เหลือเพียงน้องสาวกับน้องชายร่างกายผอมแห้งหิวโซสองคน เธอต้องช่วยพวกเขาให้รอด ก่อนจะถูกคนชั่วพวกนี้ขายทิ้งไปแบบเธอ 1 : ทะลุมิติ แคว้นจ้าว หมู่บ้านตระกูลแซ่อวี่ ภายในบ้านสกุลเซี่ย “ท่านพี่รีบกินเร็วเข้า” เสียงเด็กเล็กดังก้องอยู่ข้างหูอย่างน่ารำคาญ ว่าแต่ฉันมีน้องชายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน รู้สึกได้ถึงอะไรแข็ง ๆ มาแตะที่ริมฝีปาก ทว่ายังลืมตาไม่ขึ้น “ท่านพี่กินสิ ๆ” เซี่ยซือซือรู้สึกหนักอึ้งไปทั้งศีรษะ พยายามที่จะเปิดดวงตาขึ้นมอง เจ้าของเสียงเล็ก ๆ ด้านข้าง “ท่านพี่ ๆ ท่านพี่อย่าตายนะ ลืมตาสิท่านพี่” “นังตัวดีออกมาเดี๋ยวนี้นะ !” เสียงเอะอะโวยวายดังหนวกหูเซี่ยซือซือเป็นอย่างมาก ปัง ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นเรื่อย ๆ เซี่ยซือซือลืมตาขึ้นจนได้ พลันสมองกลับมีเรื่องราวพรั่งพรูเข้ามาไม่ขาดสาย จนต้องกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด อ๊าก ! “พี่รอง !” เด็กน้อยเซี่ยซือหยางในวัยสามหนาวเรียกพี่สาวพร้อมเบะปากอยากร้องไห้ “ท่านพี่ !” เซี่ยซานซานทิ้งบานประตูที่ตัวเองดันไว้ หันกลับมาดูพี่สาวด้วยความตกใจ “ท่านพี่ ๆ ท่านเป็นอะไร อย่าทำให้พวกข้าตกใจสิท่านพี่ !” ผลัวะ ! มีคนถีบประตูบานเก่าผุพังเข้ามาภายในห้อง เด็กทั้งสองรีบเข้าไปขวางผู้บุกรุกไม่ให้ทำร้ายพี่สาว แม่เฒ่าเซี่ย เซี่ยจิ่วเม่ย หน้าตาแลดูดุร้าย ไม่ใช่หญิงชราใจดีแต่อย่างใด ด้านหลังของแม่เฒ่าเซี่ยยังมีลูกสะใภ้บ้านใหญ่ กับบ้านรองเดินตามมา ท่าทางดุดันเอาเรื่อง “ไอ้พวกบ้านสามตัวดี กล้าลักขโมยอาหารเอาไว้กินเอง ยังเห็นแม่เฒ่าอย่างข้าอยู่ในสายตาหรือไม่ ไอ้พวกหมาป่าตาขาว ดูซิวันนี้ข้าจะจัดการพวกเจ้าอย่างไร” “ท่านย่าพวกข้าไม่ได้ขโมยนะ นี่เป็นหมั่นโถวของท่านพี่ ท่านพี่ไม่สบายข้าแค่เก็บไว้ให้ท่านพี่เท่านั้นเอง” เซี่ยซานซานยังเป็นเด็กหญิงวัยสิบหนาว แต่นางข่มความกลัวตอบโต้ผู้ใหญ่ในบ้านออกไป “หึ กฎบ้านก็มีบอกอยู่แล้วถ้าพลาดมื้ออาหารไปก็คืออด แต่พวกเจ้ากลับแหกกฎ แอบยักยอกอาหารเก็บไว้กินเอง ยังมีหน้ามาเถียงท่านแม่อีก ท่านแม่ท่านต้องลงโทษคนบ้านสามนะเจ้าคะ ไม่เช่นนั้นข้าไม่ยอมจริง ๆ ด้วย ตอนนั้นยวี่เฟยของข้านางได้พลาดมื้อเย็นไป ท่านก็ไม่ให้นางกินนะเจ้าคะ” สะใภ้บ้านรองนามว่าจงอี้ซิน ย้อนรำลึกถึงเรื่องลูกสาววัยแปดปีของตัวเองขึ้นมา “ดูเจ้าเด็กพวกนี้สิท่านแม่ กางแขนปกป้องพี่สาวตัวเอง ช่างน่าสมเพชไม่รู้จักสำเหนียกกำลังตัวเอง ถุย !” หลินพ่านเอ๋อสะใภ้บ้านใหญ่มองดูเด็กทั้งสองพร้อมถ่มน้ำลายใส่ตรงหน้า แม่เฒ่าเซี่ยมองลูกสะใภ้ทั้งสองสลับกันไปมา เดินตรงไปกระชากหมั่นโถวเย็นชืดแถมแข็งปานหิน ออกจากมือของเซี่ยซือหยาง “แง ๆ ๆ” เด็กน้อยถูกแย่งของกินของพี่สาวไป ถึงกับแผดเสียงร้องลั่น “เจ้าคนชั่ว ! เอามานะ ของท่านพี่ข้า” กำปั้นน้อย ๆ ทุบไปยังต้นขาของแม่เฒ่เซี่ย “เจ้าเด็กเนรคุณกล้าตีข้ารึ นี่นะ !” แม่เฒ่าเซี่ยเตะทีเดียวเซี่ยซือหยางก็กระเด็นไปติดกับผนังห้อง “น้องเล็ก !” เซี่ยซานซานรีบวิ่งไปอุ้มน้องชายขึ้นมากอดไว้ด้วยความตกใจ “ท่านย่า น้องเล็กยังเด็กไม่รู้ความ เหตุใดท่านถึงได้ใจร้ายเช่นนี้” “แง ๆ ๆ” เสียงร้องไห้ของเด็กน้อยฟังแล้วน่าสงสารจับใจ ดวงตาที่ปิดไว้ก่อนหน้าของเซี่ยซือซือ ลืมขึ้นหลังจากค้นพบว่า ตัวเองได้ทะลุมิติมายังอดีตอันไกลโพ้นแล้วจริง ๆ หลังจากหลับตาลืมตาอยู่หลายหน เรียบเรียงความคิดที่ไหลเข้ามาไม่ยอมหยุด เมื่อค่อย ๆ จัดการกับมันได้ ความเจ็บปวดที่ศีรษะก่อนหน้าจึงบางเบาลง และมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างเฉยชา ครบสูตรของการทะลุมิติจริง ๆ มีท่านย่าผู้ชั่วร้าย ขนาบข้างด้วยป้าสะใภ้เลวทั้งสอง ครั้นหันไปมองน้องสาวในวัยสิบขวบของตัวเองกับน้องชายตัวน้อย ทั้งตัวดำเมี่ยมเหมือนไม่ได้อาบน้ำมาเป็นเดือน ร่างกายผอมแห้งเหลือแต่กระดูก เสื้อผ้าเก่าขาดมีรอยปะชุนเต็มไปหมด เส้นผมแห้งกรังเหมือนไม่ผ่านน้ำมานาน ยกมือของตัวเองขึ้นมาดู ไม่ได้มีสภาพต่างกันแม้แต่น้อย ครั้นเงยหน้ามองป้าสะใภ้ใหญ่ร่างกายอวบอ้วนเต็มไปด้วยก้อนไขมัน ป้าสะใภ้รองแม้ไม่ได้อ้วนแต่ก็ไม่ได้ผอม ยิ่งแม่เฒ่าเซี่ยด้วยแล้ว ร่างกายบึกบึนเหมือนคนกินดูอยู่ดีมาตลอด “ท่านแม่ดูอาซือมองท่านสิเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่เห็นสายตาเย็นเยียบของคนที่นอนอยู่บนเตียงก็อดแปลกใจไม่ได้ ดูเยือกเย็นจนไม่น่าไว้ใจ “เจ้าอย่าคิดว่ากระโดดน้ำตายแล้วทุกอย่างจะจบนะอาซือ ข้ารับเงินคนบ้านถานมาแล้ว ถ้าเจ้าตายข้าจะให้อาซานไปแทนเจ้า” คำพูดของแม่เฒ่าเซี่ยทำให้ดวงตาของเซี่ยซือซือเบิกกว้าง ท่านย่าของนางขายนางให้คนบ้านถานในราคาแค่ห้าตำลึง เจ้าของร่างเดิมไม่อยากไปเป็นเมียคนพิการ เลยไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทว่าเธอที่มาจากยุคปัจจุบันกลับเข้ามาแทนที่เจ้าของร่างนี้ เจ้าของร่างเดิมว่ายน้ำไม่เป็น จึงได้ขาดอากาศตายใต้น้ำ แต่เธอที่เข้ามาสวมร่างกลับพาร่างนี้ขึ้นมาจากน้ำได้ โชคชะตาคงเล่นตลกให้เธอกับเจ้าของร่างเดิมมีชื่อเดียวกัน “ท่านย่าอาซานยังเด็กนัก ท่านอย่าได้ทำเช่นนั้นเลย” นานมากกว่าที่นางจะเอ่ยออกมา “มันอยู่ที่เจ้าอาซือ ข้าขอเตือนเอาไว้ อีกสองวันคนบ้านถานจะมารับตัวเจ้าแล้ว อย่าให้เกิดเรื่องขึ้น ไม่อย่างนั้นข้าจะส่งอาซานไปแทนเจ้า แล้วขายซือหยางทิ้งเสีย” แม่เฒ่าเซี่ยจ้องหน้าเซี่ยซือซือแบบอาฆาต เด็กนี่ก่อนหน้าดูอ่อนแอไร้ทางสู้ ทำไมวันนี้ถึงได้ดูแปลกตาไปนัก “ท่านแม่เจ้าคะ ท่านจะลงโทษคนบ้านสามเรื่องหมั่นโถวนี่อย่างไรเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่ยังไม่ยอมปล่อยสามพี่น้องไปง่าย ๆ “พรุ่งนี้งดอาหารบ้านสาม” แม่เฒ่าเซี่ยเอ่ยแล้วหันหลังเดินออกจากห้องของเด็กน้อยทั้งสามไป โดยมีสะใภ้ใหญ่เดินตามไปด้วย “พวกเจ้าได้ยินแล้วใช่ไหม จำใส่หัวเอาไว้ดี ๆ ด้วยล่ะ” สะใภ้รองหมุนตัวตามหลังไปติด ๆ “ท่านพี่ต่อไปท่านอย่าทำเช่นนี้อีกนะเจ้าคะ ข้ากับน้องเล็กจะทำอย่างไร ถ้าท่านไม่อยู่” เซี่ยซานซานปล่อยเสียงร้องไห้ในทันที

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ