Login to MeghaBook
icon 0
icon เติมเงิน
rightIcon
icon ประวัติการอ่าน
rightIcon
icon ออกจากระบบ
rightIcon
icon ดาวน์โหลดแอป
rightIcon
5.0
ความคิดเห็น
775
ชม
35
บท

“ตบนี้สำหรับสิ่งที่คุณทำกับคำพูดจาบจ้วงเมื่อครู่ ถ้าคุณทำอีก ฉันก็จะตบคุณอีก ไม่มีการละเว้น” นภัสคาดโทษด้วยน้ำเสียงจริงจัง อนิรุทธ์ยกมือลูบแก้มของตัวเองเบาๆ ริมฝีปากมีรอยยิ้มแฝงอยู่แววตายังคงเจ้าเล่ห์ซุกซนเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง จะบอกว่ามันไม่สลดเลยสักนิดก็ได้ “ก็ดีนะ คิดว่าคุ้มอยู่เหมือนกันหนึ่งตบแลกกับหนึ่งกอด หนึ่งจูบ หนึ่งหอม คุ้มดี” เขาทำท่าจะเข้าหาอีกต่อ แต่นภัสใช้ความเร็วหลบได้ทัน “คุณเห็นฉันเป็นอะไร คิดจะทำอะไรก็ได้อย่างนั้นเหรอ” “เห็นคุณเป็นโฉมงาม เป็นแม่โจรเสียงหวานหน้าสวยน่ะสิ คนสวยของผม”

บทที่ 1 บทนำ

บทนำ

“ภาระหนี้สินที่มาโดยไม่ตั้งใจ หนี้สินนี้จะช่วยทำให้ผู้ใหญ่สบายใจ แต่มันมาพร้อมเงื่อนงำ การแทงข้างหลัง ให้ระวังไว้ให้ดี แต่สุดท้ายแล้วทุกอย่างจะผ่านไปได้ดี ที่สำคัญเมื่อสะสางทุกอย่างได้แล้ว รางวัลคือความรักที่จะนำความสุขมาให้”

เสียงของแม่หมอดูไพ่ยิปซีเอ่ยขึ้นเมื่อแปลความหมายจากไพ่ที่หญิงสาวเลือกมา คำทำนายนั้นทำให้นภัสหันมามองสบตามธุรสหรือน้ำผึ้ง เพื่อนสนิทที่มาด้วยกันด้วยความกังวลก่อนที่จะหันกลับมามองผู้ที่อ่านคำทำนายจากไพ่อีกครั้ง

“หนี้สินที่มาโดยไม่ได้ตั้งใจหรือคะ”

“ใช่”

“หนูมีทางเลี่ยงไหมคะ แม่หมอ”

“มันคือโชคชะตา” แม่หมอเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบและมองมายังหญิงสาวหน้าหวานอย่างให้กำลังใจ

“หนูจะผ่านเรื่องพวกนี้ไปได้แน่นอน ขอแค่อดทนเท่านั้น” นภัสพยักหน้ารับช้าๆ แล้วถอนหายใจออกมาเบาๆ

“มาดูครั้งแรกก็โดนทักเรื่องหนี้สินและถูกแทงข้างหลังตลอดเลย” หญิงสาวพูดกับเพื่อนสนิทหลังจากที่ออกมาจากบ้านของแม่หมอไพ่ยิปซีแล้ว

“อย่าคิดมากสิ ฟ้า” มธุรสส่งยิ้มให้เพื่อน

“ก็ไม่อยากจะคิดนะแต่มันอดไม่ได้ แอบกลัวอยู่เหมือนกัน”

“ถ้าเป็นจริงอย่างคำทำนาย ฉันเชื่อว่าแกผ่านไปได้อยู่แล้ว”

“ขอบใจ ถ้ายังมีชีวิตอยู่มันก็ต้องสู้ต่อไป หนักแค่ไหนก็ต้องไหว” นภัสพูดกับเพื่อนก่อนที่จะเดินไปข้างหน้าพร้อมกัน

หญิงสาวยืนมองดูบ้านที่อยู่ตรงหน้าด้วยสายตาที่มีความเจ็บปวดแฝงอยู่เต็มเปี่ยม บ้านหลังใหญ่ทรุดโทรมมากกว่าที่ควรจะเป็น เพราะผู้ที่อาศัยในปัจจุบันไม่ได้สนใจดูแล นอกจากจะไม่ดูแลแล้วยังทำให้บรรยากาศรอบๆ บ้านนั้นเสื่อมลงไปได้อีก

เมื่อก่อนบ้านหลังนี้เป็นบ้านที่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ ความสุข และความรัก จนเมื่อเธออายุได้สิบเอ็ดขวบทุกสิ่งทุกอย่างเปลี่ยนไป หลังพ่อกับแม่จากไปก่อนวัยอันควรเพราะอุบัติเหตุ ทิ้งเธอไว้อยู่กับผู้ปกครองคนใหม่ที่เป็นป้าแท้ๆ นามว่าช่อชบา

ช่อชบาพาครอบครัวมาอาศัยอยู่ที่นี่ครบทุกคน ทั้งปกรณ์สามีที่ติดการพนัน กวินนาลูกสาวคนโตที่น่ารักแต่แต่งงานและย้ายตามสามีไปต่างประเทศ เหลือเพียงกวินนิตาลูกสาวคนเล็กที่อายุน้อยกว่าเธอสองปี

กวินนิตาพยายามจะข่มเธอทุกครั้งที่มีโอกาส บ้านที่เคยเป็นเจ้าของตอนนี้นภัสเปรียบเสมือนผู้อาศัยแถมเป็นผู้อาศัยระดับล่างเสียด้วย เธอต้องทำงานบ้านทุกอย่างคนเดียวและต้องออกไปทำงานประจำ

การทำงานช่วยทำให้ลืมปัญหาต่างๆ ภายในบ้านไปได้บ้าง การที่ต้องทนและแบกรับหน้าที่มากมาย ก็เพราะบ้านนี้สร้างขึ้นมาจากน้ำพักน้ำแรงของผู้ที่ล่วงลับไปแล้วและเธอเองรักบ้านหลังนี้มาก

ที่สำคัญมันเป็นสถานที่เดียวที่ทำให้รู้สึกว่าพ่อกับแม่ไม่ได้จากไปไหน ทั่วทุกมุมบ้านยังมีเงาของความสุขและความรักของท่านทั้งสองอยู่เสมอ

“คุณทำอะไรลงไปรู้ตัวไหม มันเป็นเรื่องใหญ่มากเลยนะ” เสียงโวยวายที่ดังออกมาทำให้ดวงตาคู่หวานเต็มไปด้วยความเบื่อหน่าย

ลุงกับป้าทะเลาะกันทุกวัน แต่เสียงนั้นทำให้นภัสหยุดความคิดทั้งหมด หญิงสาวสูดหายใจเข้าเต็มปอดเพื่อเรียกพลัง ก่อนที่จะเดินเข้าไปในบ้านด้วยท่าทางที่ดูเหมือนจะเข้มแข็ง

“ผมคิดว่าจะได้ ใครจะไปรู้ว่ามันจะเสียล่ะ” เสียงของปกรณ์ผู้เป็นลุงเขยดังขึ้น

“กี่ครั้งแล้วที่คุณทำแบบนี้ รู้ไหมว่าเราจะไม่มีที่อยู่ เอาโฉนดบ้านไปจะทำอย่างไรต่อ เขาจะมายึดบ้านเราเมื่อไหร่ก็ได้นะ” เสียงช่อชบาต่อว่าดังลั่น

“เมื่อครู่ป้าบอกว่าลุงเอาโฉนดบ้านไปทำอะไรนะคะ” นภัสถามย้ำเพื่อให้แน่ใจว่าสิ่งที่ได้ยินไม่ผิด เอาบ้านไปจำนองหนี้การพนันงั้นหรือ

“เอาไปจำนองกับคุณหญิงอนุชนารถ” ช่อชบาหันมาตอบด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ

“แต่โฉนดมันอยู่ในห้องหนู นี่ลุงเข้าไปค้นของที่ห้องของหนูเหรอ” นภัสรู้สึกไม่พอใจมากขึ้นไปอีก

“เออ” ปกรณ์ตอบหน้าตาเฉย

“ลุงทำแบบนี้ได้อย่างไร บ้านนี้เป็นบ้านของพ่อแม่หนูนะ ลุงไม่มีสิทธิ์” นภัสต่อว่าอย่างเอาเรื่อง ทั้งที่ในใจรู้สึกเจ็บปวดเหลือเกินที่ได้ยินเช่นนี้

“ทำไมจะไม่มีสิทธิ์ ครอบครัวฉันเลี้ยงดูแกมาตั้งแต่ยังเด็ก แค่นี้บุญคุณก็มากมายจนแกชดใช้ไม่หมดแล้ว” ชายวัยกลางคนย้อน

“มันคนละเรื่องกัน บ้านนี้ของพ่อแม่หนู ลุงทำแบบนี้ได้อย่างไร ลุงใช้อะไรคิด” หญิงสาวต่อว่าอย่างสุดจะทน

“อย่ามาก้าวร้าวผัวฉันนะ ยายฟ้า แกนี่มันไม่รู้จักมารยาท เขาเป็นผู้ใหญ่แล้วก็พูดถูก แกนี่นับวันจะเอาใหญ่แล้ว” ช่อชบาหันมาต่อว่าหลานสาวทันทีเมื่อเห็นว่าสามีถูกต่อว่า ถึงจะโกรธปกรณ์อยู่แต่นภัสไม่มีสิทธิ์มาด่าสามีนาง

“แกไม่ต้องห่วง พรุ่งนี้ฉันจะไปพบเจ้าหนี้ จะให้นิต้าไปทำงานใช้หนี้ให้” ปกรณ์พูดเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่

“คุณจะเอาลูกไปขัดดอกไม่ได้นะ” ช่อชบาหันมาตวาดเมื่อรู้ว่าลูกสาวของตัวเองจะเดือดร้อน

“คุณหญิงท่านคงไม่ใช่คนใจดำ เห็นว่าหลานชายจะกลับมาดูแลงานที่เมืองไทยแบบเต็มตัว ถ้าเขาถูกใจลูกสาวของเรา มันจะทำให้เราสบายไปทั้งชีวิต” ปกรณ์พูดอย่างมั่นใจ

กวินนิตาลูกสาวคนเล็กเป็นผู้หญิงที่สวย สวยจนต้องหันกลับมามอง ความสวยของลูกสาวน่าจะใช้ประโยชน์อะไรได้บ้างไม่มากก็น้อย

“ลุงคิดจะเอานิต้าไปประเคนให้เจ้าหนี้เหรอ” นภัสถามด้วยความตกใจ เพราะไม่คิดว่าปกรณ์จะมีความคิดที่ร้ายกาจขนาดนี้

“ไม่ได้ประเคน แต่ถ้าหลานชายคุณหญิงได้เจอนิต้า เขาต้องพอใจแน่ๆ ลูกสาวของฉันสวยมาก แกก็รู้นี่”

“คนนะไม่ใช่สิ่งของหรือสินค้า ที่จะเอาไปเสนอแลกเปลี่ยนกันได้” นภัสไม่เห็นด้วย

“แกอย่ามาทำเป็นพวกนักสิทธิมนุษยชนหน่อยเลย ถ้าเขาไม่สนใจนิต้าก็แค่ไปทำงานให้ก็เท่านั้น หรือแกจะไปทำงานใช้หนี้แทน” ปกรณ์ย้อน

นภัสส่ายหน้าระอาในความคิดของปกรณ์ ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นพวกบัวใต้น้ำที่ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็คงไม่ยอมขึ้นมาจากโคลนตม

“ถ้าหนูไปทำงานใช้หนี้ก็ได้นะ แต่คงต้องลาออกจากงานประจำนั่นหมายถึงรายได้จะน้อยลง”

“ถ้าอย่างนั้นแกก็อย่าพูดมาก ทำงานของแกต่อไป” ช่อชบาชิงพูดขึ้นมาก่อน

งานประจำที่นภัสทำเงินเดือนมากพอสมควรแถมยังมีโบนัส เงินนี้ดูแลครอบครัวของนางได้อย่างสบายโดยที่ไม่ต้องไปหางานที่อื่นทำ

“บอกไว้ก่อน หนูจะไม่ยอมให้บ้านหลังนี้ต้องตกไปเป็นของคนอื่นเด็ดขาด ลุงต้องหาทางเอาโฉนดมาคืนให้ได้ ไม่อย่างนั้นหนูจะแจ้งความ” นภัสยื่นคำขาด

เรื่องนี้สำคัญมากจนไม่อาจปล่อยเลยตามเลยเหมือนอย่างเรื่องอื่น และคนอย่างนภัสพูดจริงทำจริง

“แกอย่ามาเรื่องมากนักเลย ยายฟ้า คิดถึงบุญคุณที่พวกฉันดูแลแกให้มากๆ ก็พอ แล้วก็หัดสงบปากสงบคำบ้าง แกเป็นแค่หลานเป็นแค่ผู้อาศัยลำดับสุดท้าย ดังนั้นอย่ามาอวดดีกับฉัน” ช่อชบาพูดกับหลานสาวด้วยน้ำเสียงที่แสดงถึงความไม่พอใจอย่างชัดเจน

“แต่บ้านนี้เป็นบ้านของพ่อแม่หนูค่ะ หนูรู้ว่าป้ากับลุงมีบุญคุณกับหนู แต่บุญคุณกับความถูกต้องมันต่างกัน” หญิงสาวไม่ยอมแพ้ก่อนที่จะเดินเข้าไปในห้องตัวเองทันที โดยไม่สนใจเสียงด่าว่าที่แสนจะหยาบคายไล่หลังมาแต่อย่างใด

อะพาร์ตเมนต์หรูใจกลางกรุงลอนดอน ร่างสูงใหญ่กว่าหนึ่งร้อยแปดสิบห้าเซนติเมตรของชายที่ได้ชื่อว่าเป็นนักธุรกิจนำเข้าเครื่องรถยนต์และอะไหล่เจ้าเสน่ห์ชื่อดัง และมาแรงที่สุดในเมืองไทยตอนนี้อย่างอนิรุทธ์ สุทธิธาดา ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงพร้อมทั้งบิดกายไปมาไล่ความเมื่อยออกไปจากตัว

ดวงตาคมสีนิลมองร่างเปลือยที่นอนอยู่บนเตียงเพียงเล็กน้อย ก่อนที่จะเดินออกมาจากห้องนอนเงียบๆ ตรงมายังห้องทำงานที่อยู่ห่างกันเพียงแค่ประตูกั้น เสียงโทรศัพท์ที่เพิ่งดังขึ้นทำให้ต้องรีบก้าวเท้าให้เร็วขึ้น

“ว่าไงครับ คุณแม่ที่รัก” เขากรอกเสียงลงไปทางโทรศัพท์อย่างอารมณ์ดี

“ไม่ว่าอะไรจ้ะพ่อคุณ ไหนว่าจัดแจงแบ่งงานให้กับพี่ๆ น้องๆ เรียบร้อยแล้วไง ทำไมยังไม่กลับมาเมืองไทยเสียที” คนเป็นแม่พูดกับลูกชายอย่างจริงจัง

“พรุ่งนี้ครับ มาดาม”

“เมื่อไปถึงบอกคุณยายด้วยว่าแม่จะตามไปในหนึ่งอาทิตย์ แม่ต้องอยู่เป็นเพื่อนคุณพ่อในการประมูลคฤหาสน์ที่ฝรั่งเศสก่อนแล้วจะตามไป”

“นี่พ่อจะซื้ออีกแล้วเหรอครับ เรามีบ้านที่ฝรั่งเศสสามหลังแล้วนะ” อนิรุทธ์ทำท่าจะค้าน ตอนนี้ครอบครัวของเขามีบ้านมากเกินความจำเป็น

“แต่เราไม่มีบ้านที่โพรวองซ์และพ่ออยากได้มาก พ่อจะขายปราสาทที่ซื้อไว้ครั้งที่แล้วตามคำแนะนำของลูก เพราะตอนนี้ราคาที่ได้มันสูงขึ้นมากกว่าที่เราซื้อสองเท่าแล้ว” คนเป็นแม่อธิบาย

การซื้อมาขายไปของตนและสามีสร้างรายได้ให้มาก และทั้งคู่ก็พออกพอใจกับธุรกิจนี้ด้วย

“ช่วงนี้ราคามันดีครับ ดีนะที่ห้ามพ่อไว้เมื่อหลายเดือนก่อน ไม่อย่างนั้นกำไรจะน้อยกว่านี้มาก ว่าแต่ครั้งนี้ให้ผมไปร่วมประมูลเพื่อเพิ่มราคาให้ไหม”

“ไม่ต้อง ลูกควรกลับไปทำงานและอยู่กับคุณยาย จะได้เพลาๆ เรื่องผู้หญิงบ้าง อย่าคิดว่าแม่ไม่รู้นะว่าเราไปคั่วกับใครอยู่ บรรดาผู้หญิงที่ลูกวุ่นวายด้วยแม่ไม่ชอบสักคน ส่วนคุณพ่อไม่อยากจะพูดแล้ว”

“เราแค่แลกเปลี่ยนกันก็เท่านั้นครับแม่” เขาตอบสั้นๆ

“ถึงจะอย่างนั้นแม่ก็ไม่ยอม นี่ถ้าคุณยายรู้มีหวังปวดหัวแน่ๆ แม่ว่าให้คุณยายหาผู้หญิงดีๆ สักคนให้ดีไหม” อัญญาณีแนะนำ

เธออยากให้ลูกชายเป็นฝั่งเป็นฝาเสียที อายุก็ไม่น้อยแล้วปีนี้ลูกชายของเธอจะเต็มสามสิบเก้า แต่ดูเหมือนว่ายังพอใจกับชีวิตโสดเสียเหลือเกิน

“อย่านะแม่ ผู้หญิงที่แม่จ๋ารู้จักแต่ละคนไม่ไหวหรอก ผมไม่อยากได้ผู้หญิงจืดชืด ไร้ชีวิตจิตใจมาเป็นเมีย” เขาบอกปัดอย่างรวดเร็ว

บรรดาผู้หญิงที่คุณยายหามาให้นั้นดูเรียบร้อยจนเกินไป เฉิ่มๆ เชยๆ บางคนก็ทำเป็นเรียบร้อยแต่ความจริงนั้นตรงกันข้าม

“ฟังพูดเข้า คุณยายเลือกผู้หญิงที่เรียบร้อยให้ทำไมเราไม่ชอบนะ แม่เห็นที่เราชอบแต่ละคนนี่กินมะม่วงแรดเป็นอาหารทั้งนั้น สวยแต่ไม่มีสมอง” อัญญาณีพูดออกมาอย่างระอา ลูกชายของเธอเลือกควงผู้หญิงแต่ละคนจะเป็นลมเสียให้ได้

“ไม่ต้องมีมากหรอกครับสมอง มีหน้าอกใหญ่ๆ กับหน้าสวยๆ ก็พอแล้วมั้ง” อนิรุทธ์หัวเราะอย่างอารมณ์ดี

“ว่าแต่คุณพ่อไปไหนครับ” เขาเปลี่ยนเรื่อง เพราะขืนคุยต่อแม่ต้องหาเรื่องมาว่าอีกแน่นอน ดีไม่ดีจะยุคุณยายให้หาบรรดาลูกหลานของเพื่อนท่านมาให้เสียอีก

“พ่อนั่งอมยิ้มอยู่ข้างๆ แม่นี่แหละ ดูเหมือนว่าจะรู้ว่าลูกตอบอะไร” อัญญาณีหันมามองสามีที่นั่งอมยิ้มอยู่ข้างๆ

ลูกชายของเธอถ่ายทอดนิสัยของผู้เป็นพ่อในวัยหนุ่มมาทั้งหมดเลยก็ว่าได้ แต่สามีหยุดพฤติกรรมเหล่านั้นหลังจากแต่งงาน เธอจึงหวังว่าลูกชายก็จะเป็นเหมือนกัน

อนิรุทธ์ทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ด้วยท่าทางที่ผ่อนคลาย หยิบแฟ้มเอกสารที่วางอยู่บนโต๊ะเข้ามาอ่านเงียบๆ ก่อนที่จะยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย เมื่อเห็นรายงานผลประกอบการที่ถูกส่งมาให้

วงแขนเรียวโอบรอบคอจากทางด้านหลัง ชายหนุ่มเงยขึ้นมองหน้าของนางแบบสาวสวยคู่ขาคนล่าสุดเล็กน้อย หญิงสาวส่งยิ้มให้ก่อนที่จะค่อยๆ เลื่อนตัวมานั่งบนตักอย่างจงใจ

“ทำไมไม่ปลุกเจนี่คะ” หญิงสาวถามด้วยน้ำเสียงออดอ้อน

“เห็นคุณกำลังหลับเลยไม่อยากปลุก ท่าทางคุณนอนสบายเลย” เขาตอบสั้นๆ

“คุณขยันจังเลยนะคะ ออสการ์ ดูสิยังมานั่งทำงานอีกทั้งๆ ที่เราเพิ่งผ่านอะไรมาด้วยกันตั้งนาน” หญิงสาวเรียกชื่อเล่นของบุรุษรูปงามออกมาอย่างมีเลศนัย เขาอมยิ้มเล็กๆ ที่มุมปาก

“มันเป็นสิ่งที่ผมต้องทำ คุณไปพักผ่อนต่อเถอะ” เขาค่อยๆ ดึงมือที่กำลังลูบไล้ตัวของเขาออกอย่างสุภาพ

“ไม่ไปนอนด้วยกันหรือคะ” เธอส่งยิ้มหวานมาพร้อมคำถาม

“ผมจะต้องอ่านเอกสารกองนี้ให้หมดเสียก่อน”

“พรุ่งนี้ก็ทำได้นะคะ” หญิงสาวยังคงไม่ยอมแพ้

“ผมไม่ชอบผัดวันประกันพรุ่ง อะไรที่สามารถทำได้เลยก็ควรจะทำเลย การปล่อยเวลาให้ผ่านไปมันไม่ใช่เรื่องที่ควรจะทำ”

“สมกับเป็นนักธุรกิจเลยนะคะ” หญิงสาวถอนหายใจเบาๆ

เขาเป็นแบบนี้มาตั้งแต่ที่พบกันครั้งแรก ทำงาน บ้างาน แต่ถึงอย่างนั้นลีลารักที่ร้อนแรงก็ทำให้เธอหลงใหล

“ขอบใจ”

“ว่าแต่พรุ่งนี้เราจะไปไหนกันดีคะ ออสการ์”

“พรุ่งนี้ผมกลับไทย” เขาตอบอย่างไม่ใส่ใจ

“ไม่เห็นคุณบอกฉันเลยนะ” น้ำเสียงเธอเริ่มงอแงเล็กน้อย

“มันไม่ได้สำคัญอะไร และมันไม่เกี่ยวกับคุณด้วย”

“แหม ทำไมพูดแบบนี้คะ เราเกี่ยวกันมากเลยนะ”

“เราสองคนเป็นแค่พวกรักสนุกมาเจอกันเท่านั้นเองนะ คนสวย”

“คุณยังไม่พร้อมที่จะหยุดหรือคะ”

“ยัง จะว่าไปผมเริ่มเบื่อด้วยซ้ำ” ชายหนุ่มถอนหายใจเบาๆ

“เบื่อฉันอย่างนั้นเหรอ”

“เปล่า แค่เบื่อพฤติกรรมบางอย่างของตัวเอง ผมอยากมีเวลาอยู่คนเดียวสักพัก บางทีผมอาจจะคิดอะไรได้มากขึ้นกว่านี้” เขาเอนตัวพิงที่พนักเก้าอี้ช้าๆ

“ผู้ชายอย่างคุณหรือคะที่เบื่อ ฉันไม่อยากจะเชื่อเลย ดูคุณหลงใหลเรื่องพวกนี้มากจะตาย รู้ตัวไหมเวลาที่คุณอยู่บนเตียง คุณ...”

“รู้ไหมคนสวย อะไรที่มันมากไปก็เลี่ยน ผมคิดว่าตัวเองอยู่กับมันมานานแล้ว หลายปีที่ผ่านมาผมว่าผมใช้งานร่างกายส่วนกลางมากจนเกินไป” อนิรุทธ์พูดตามตรง

หลายปีที่ผ่านมาไม่เคยเลยที่จะขาดผู้หญิง แล้วตอนนี้ผู้หญิงก็คือสิ่งที่เขาเบื่อที่สุด

แต่คนฟังไม่รู้สึกเช่นนั้น ใช่สิ ใช้งานหนักมาก เท่าที่รู้ผู้ชายคนนี้ไม่เคยปล่อยให้เตียงตัวเองว่างเลย ไปไหนก็มีหญิงสาวร่วมเตียงตลอด แต่เวลาที่อยู่ที่นี่เธอคือคู่ควงที่อนิรุทธ์ควงด้วยนานที่สุด อาจจะเป็นเพราะตัวเองที่กันผู้หญิงที่จะเข้ามาด้วย

“อย่าเพิ่งเบื่อฉันเป็นพอค่ะ” หญิงสาวตัดบท ไม่อยากพูดต่อเพราะเกรงว่ามันอาจจะลงเอยด้วยการจบ

“คุณนั่นแหละ อย่าเพิ่งเบื่อผมเสียก่อน” ชายหนุ่มพูดเพื่อตัดรำคาญ

เพราะถ้าไม่พูดแบบนี้หญิงสาวที่กำลังนั่งบนตักคงจะต้องหาเรื่องบีบน้ำตาหรือไม่ก็ทำอะไรให้น่าสงสาร ดังนั้นทางที่ดีควรตัดบทไปซะ

“ฉันไม่เบื่อคุณหรอกค่ะ คุณร้อนแรงจะตาย ว่าแต่ตอนนี้ฉันอยากได้กระเป๋าสักใบ คุณคิดว่าอย่างไรคะ” เจ้าหล่อนยิ้มประจบ

ชายหนุ่มไม่พูดอะไรหยิบเช็คขึ้นมาพร้อมทั้งเขียนตัวเลขลงไปอย่างไม่รีบร้อนนัก นางแบบสาวมองตัวเลขที่เขาเขียนอย่างพอใจ เพราะมันมากเกินกว่าที่จะขอ

“เอานี่ไป แล้วพรุ่งนี้ไปเลือกเอาแบบที่คุณชอบก็แล้วกัน” เขายื่นเช็คเงินสดให้โดยดี

เจ้าหล่อนยิ้มหวานรับไปถืออย่างสบายอารมณ์ก้มลงหอมแก้มเขาฟอดใหญ่ ก่อนจะลุกขึ้นเดินนวยนาดกลับไปที่ห้องนอน

อนิรุทธ์แอบถอนหายใจเบาๆ นี่แหละเหตุผลของการเบื่อ

จะมีผู้หญิงสักคนในโลกไหม ที่เร้าหัวใจเขาให้จดจ่ออยู่ที่เธอเพียงผู้เดียวได้ทุกนาที...

อ่านต่อ

หนังสืออื่นๆ ของ กุหลาบแก้ว

ข้อมูลเพิ่มเติม
เล่ห์ลวงบ่วงพันธนาการ

เล่ห์ลวงบ่วงพันธนาการ

โรแมนติก

5.0

“จูบผมหน่อยได้ไหม” น้ำเสียงคือการขอร้องและอ้อนวอน พุดแก้วยิ้มขยับตัวเข้าไปหาและค่อยๆ บรรจงจุมพิตที่ริมฝีปากเขาอย่างกล้าๆ กลัวๆ นิโคลัสใช้มือโอบรอบตัวเธอและกอดไว้แน่น ขณะที่ริมฝีปากนั้นรับจุมพิตอย่างพออกพอใจที่สุด “พอแล้ว” พุดแก้วพูดออกมาหลังจากที่ถอนริมฝีปากของตัวเองออกจากเขาและดันตัวออกห่างช้าๆ ในขณะที่คนตัวใหญ่มองอย่างเสียดาย “ทำไมล่ะ” “เพราะคุณจะไม่หยุดแค่นั้น” หญิงสาวพูดออกมาอย่างรู้ทัน “และขาคุณหัก” หญิงสาวขยับตัวออกห่างจากรัศมีของวงแขนเขา “แต่อย่างอื่นมันไม่ได้หักนี่นา ร่างกายบางส่วนของผมยังแข็งแรงดี”

หนังสือที่คุณอาจชอบ

คุณนายยอมหย่าแล้ว

คุณนายยอมหย่าแล้ว

โรแมนติก

4.9

หลังจากแต่งงานกันมาสามปี เวินเหลี่ยงก็ยังไม่เคยได้ความรักจากฟู่เจิ้งแต่อย่างใดเลย เมื่อรักแรกของเขากลับมา สิ่งที่รอเธออยู่คือหนังสือการหย่า “ถ้าฉันมีลูก คุณยังเลือกหย่าไหม?” เธออยากจับโอกาสสุดท้ายนี้ไว้ แต่แล้วมีแต่คำตอบที่เย็นชาว่า "ใช่" เวินเหลี่ยงหลับตาและเลือกที่จะปล่อยมือ ...ต่อมาเธอนอนอยู่บนเตียงคนไข้ด้วยความสิ้นหวังและลงนามในข้อตกลงการหย่า “ฟู่เจิ้ง เราไม่ได้เป็นหนี้กันอีกต่อไปแล้ว...” ชายที่มีความเด็ดขาดและเย็นชามาโดยตลอดนอนอยู่ข้างเตียงขอร้องให้อีกฝ่ายกลับมาด้วยเสียงแผ่วเบา “เหลียง ได้โปรดอย่าหย่าได้ไหม?”

ทะลุมิติมาเป็นภรรยาตัวน้อยของสามีพิการ

ทะลุมิติมาเป็นภรรยาตัวน้อยของสามีพิการ

ประวัติศาสตร์

4.8

เจ้าของร่างเดิมถูกท่านย่าตัวเอง ขายให้ชายพิการด้วยเงินเพียงห้าตำลึง จึงคิดสั้นไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทำให้วิญญาณของเซี่ยซือซือทะลุมิติมาเข้าร่างแทน ชีวิตในโลกนี้บิดามารดาล้วนตายไปแล้ว เหลือเพียงน้องสาวกับน้องชายร่างกายผอมแห้งหิวโซสองคน เธอต้องช่วยพวกเขาให้รอด ก่อนจะถูกคนชั่วพวกนี้ขายทิ้งไปแบบเธอ 1 : ทะลุมิติ แคว้นจ้าว หมู่บ้านตระกูลแซ่อวี่ ภายในบ้านสกุลเซี่ย “ท่านพี่รีบกินเร็วเข้า” เสียงเด็กเล็กดังก้องอยู่ข้างหูอย่างน่ารำคาญ ว่าแต่ฉันมีน้องชายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน รู้สึกได้ถึงอะไรแข็ง ๆ มาแตะที่ริมฝีปาก ทว่ายังลืมตาไม่ขึ้น “ท่านพี่กินสิ ๆ” เซี่ยซือซือรู้สึกหนักอึ้งไปทั้งศีรษะ พยายามที่จะเปิดดวงตาขึ้นมอง เจ้าของเสียงเล็ก ๆ ด้านข้าง “ท่านพี่ ๆ ท่านพี่อย่าตายนะ ลืมตาสิท่านพี่” “นังตัวดีออกมาเดี๋ยวนี้นะ !” เสียงเอะอะโวยวายดังหนวกหูเซี่ยซือซือเป็นอย่างมาก ปัง ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นเรื่อย ๆ เซี่ยซือซือลืมตาขึ้นจนได้ พลันสมองกลับมีเรื่องราวพรั่งพรูเข้ามาไม่ขาดสาย จนต้องกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด อ๊าก ! “พี่รอง !” เด็กน้อยเซี่ยซือหยางในวัยสามหนาวเรียกพี่สาวพร้อมเบะปากอยากร้องไห้ “ท่านพี่ !” เซี่ยซานซานทิ้งบานประตูที่ตัวเองดันไว้ หันกลับมาดูพี่สาวด้วยความตกใจ “ท่านพี่ ๆ ท่านเป็นอะไร อย่าทำให้พวกข้าตกใจสิท่านพี่ !” ผลัวะ ! มีคนถีบประตูบานเก่าผุพังเข้ามาภายในห้อง เด็กทั้งสองรีบเข้าไปขวางผู้บุกรุกไม่ให้ทำร้ายพี่สาว แม่เฒ่าเซี่ย เซี่ยจิ่วเม่ย หน้าตาแลดูดุร้าย ไม่ใช่หญิงชราใจดีแต่อย่างใด ด้านหลังของแม่เฒ่าเซี่ยยังมีลูกสะใภ้บ้านใหญ่ กับบ้านรองเดินตามมา ท่าทางดุดันเอาเรื่อง “ไอ้พวกบ้านสามตัวดี กล้าลักขโมยอาหารเอาไว้กินเอง ยังเห็นแม่เฒ่าอย่างข้าอยู่ในสายตาหรือไม่ ไอ้พวกหมาป่าตาขาว ดูซิวันนี้ข้าจะจัดการพวกเจ้าอย่างไร” “ท่านย่าพวกข้าไม่ได้ขโมยนะ นี่เป็นหมั่นโถวของท่านพี่ ท่านพี่ไม่สบายข้าแค่เก็บไว้ให้ท่านพี่เท่านั้นเอง” เซี่ยซานซานยังเป็นเด็กหญิงวัยสิบหนาว แต่นางข่มความกลัวตอบโต้ผู้ใหญ่ในบ้านออกไป “หึ กฎบ้านก็มีบอกอยู่แล้วถ้าพลาดมื้ออาหารไปก็คืออด แต่พวกเจ้ากลับแหกกฎ แอบยักยอกอาหารเก็บไว้กินเอง ยังมีหน้ามาเถียงท่านแม่อีก ท่านแม่ท่านต้องลงโทษคนบ้านสามนะเจ้าคะ ไม่เช่นนั้นข้าไม่ยอมจริง ๆ ด้วย ตอนนั้นยวี่เฟยของข้านางได้พลาดมื้อเย็นไป ท่านก็ไม่ให้นางกินนะเจ้าคะ” สะใภ้บ้านรองนามว่าจงอี้ซิน ย้อนรำลึกถึงเรื่องลูกสาววัยแปดปีของตัวเองขึ้นมา “ดูเจ้าเด็กพวกนี้สิท่านแม่ กางแขนปกป้องพี่สาวตัวเอง ช่างน่าสมเพชไม่รู้จักสำเหนียกกำลังตัวเอง ถุย !” หลินพ่านเอ๋อสะใภ้บ้านใหญ่มองดูเด็กทั้งสองพร้อมถ่มน้ำลายใส่ตรงหน้า แม่เฒ่าเซี่ยมองลูกสะใภ้ทั้งสองสลับกันไปมา เดินตรงไปกระชากหมั่นโถวเย็นชืดแถมแข็งปานหิน ออกจากมือของเซี่ยซือหยาง “แง ๆ ๆ” เด็กน้อยถูกแย่งของกินของพี่สาวไป ถึงกับแผดเสียงร้องลั่น “เจ้าคนชั่ว ! เอามานะ ของท่านพี่ข้า” กำปั้นน้อย ๆ ทุบไปยังต้นขาของแม่เฒ่เซี่ย “เจ้าเด็กเนรคุณกล้าตีข้ารึ นี่นะ !” แม่เฒ่าเซี่ยเตะทีเดียวเซี่ยซือหยางก็กระเด็นไปติดกับผนังห้อง “น้องเล็ก !” เซี่ยซานซานรีบวิ่งไปอุ้มน้องชายขึ้นมากอดไว้ด้วยความตกใจ “ท่านย่า น้องเล็กยังเด็กไม่รู้ความ เหตุใดท่านถึงได้ใจร้ายเช่นนี้” “แง ๆ ๆ” เสียงร้องไห้ของเด็กน้อยฟังแล้วน่าสงสารจับใจ ดวงตาที่ปิดไว้ก่อนหน้าของเซี่ยซือซือ ลืมขึ้นหลังจากค้นพบว่า ตัวเองได้ทะลุมิติมายังอดีตอันไกลโพ้นแล้วจริง ๆ หลังจากหลับตาลืมตาอยู่หลายหน เรียบเรียงความคิดที่ไหลเข้ามาไม่ยอมหยุด เมื่อค่อย ๆ จัดการกับมันได้ ความเจ็บปวดที่ศีรษะก่อนหน้าจึงบางเบาลง และมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างเฉยชา ครบสูตรของการทะลุมิติจริง ๆ มีท่านย่าผู้ชั่วร้าย ขนาบข้างด้วยป้าสะใภ้เลวทั้งสอง ครั้นหันไปมองน้องสาวในวัยสิบขวบของตัวเองกับน้องชายตัวน้อย ทั้งตัวดำเมี่ยมเหมือนไม่ได้อาบน้ำมาเป็นเดือน ร่างกายผอมแห้งเหลือแต่กระดูก เสื้อผ้าเก่าขาดมีรอยปะชุนเต็มไปหมด เส้นผมแห้งกรังเหมือนไม่ผ่านน้ำมานาน ยกมือของตัวเองขึ้นมาดู ไม่ได้มีสภาพต่างกันแม้แต่น้อย ครั้นเงยหน้ามองป้าสะใภ้ใหญ่ร่างกายอวบอ้วนเต็มไปด้วยก้อนไขมัน ป้าสะใภ้รองแม้ไม่ได้อ้วนแต่ก็ไม่ได้ผอม ยิ่งแม่เฒ่าเซี่ยด้วยแล้ว ร่างกายบึกบึนเหมือนคนกินดูอยู่ดีมาตลอด “ท่านแม่ดูอาซือมองท่านสิเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่เห็นสายตาเย็นเยียบของคนที่นอนอยู่บนเตียงก็อดแปลกใจไม่ได้ ดูเยือกเย็นจนไม่น่าไว้ใจ “เจ้าอย่าคิดว่ากระโดดน้ำตายแล้วทุกอย่างจะจบนะอาซือ ข้ารับเงินคนบ้านถานมาแล้ว ถ้าเจ้าตายข้าจะให้อาซานไปแทนเจ้า” คำพูดของแม่เฒ่าเซี่ยทำให้ดวงตาของเซี่ยซือซือเบิกกว้าง ท่านย่าของนางขายนางให้คนบ้านถานในราคาแค่ห้าตำลึง เจ้าของร่างเดิมไม่อยากไปเป็นเมียคนพิการ เลยไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทว่าเธอที่มาจากยุคปัจจุบันกลับเข้ามาแทนที่เจ้าของร่างนี้ เจ้าของร่างเดิมว่ายน้ำไม่เป็น จึงได้ขาดอากาศตายใต้น้ำ แต่เธอที่เข้ามาสวมร่างกลับพาร่างนี้ขึ้นมาจากน้ำได้ โชคชะตาคงเล่นตลกให้เธอกับเจ้าของร่างเดิมมีชื่อเดียวกัน “ท่านย่าอาซานยังเด็กนัก ท่านอย่าได้ทำเช่นนั้นเลย” นานมากกว่าที่นางจะเอ่ยออกมา “มันอยู่ที่เจ้าอาซือ ข้าขอเตือนเอาไว้ อีกสองวันคนบ้านถานจะมารับตัวเจ้าแล้ว อย่าให้เกิดเรื่องขึ้น ไม่อย่างนั้นข้าจะส่งอาซานไปแทนเจ้า แล้วขายซือหยางทิ้งเสีย” แม่เฒ่าเซี่ยจ้องหน้าเซี่ยซือซือแบบอาฆาต เด็กนี่ก่อนหน้าดูอ่อนแอไร้ทางสู้ ทำไมวันนี้ถึงได้ดูแปลกตาไปนัก “ท่านแม่เจ้าคะ ท่านจะลงโทษคนบ้านสามเรื่องหมั่นโถวนี่อย่างไรเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่ยังไม่ยอมปล่อยสามพี่น้องไปง่าย ๆ “พรุ่งนี้งดอาหารบ้านสาม” แม่เฒ่าเซี่ยเอ่ยแล้วหันหลังเดินออกจากห้องของเด็กน้อยทั้งสามไป โดยมีสะใภ้ใหญ่เดินตามไปด้วย “พวกเจ้าได้ยินแล้วใช่ไหม จำใส่หัวเอาไว้ดี ๆ ด้วยล่ะ” สะใภ้รองหมุนตัวตามหลังไปติด ๆ “ท่านพี่ต่อไปท่านอย่าทำเช่นนี้อีกนะเจ้าคะ ข้ากับน้องเล็กจะทำอย่างไร ถ้าท่านไม่อยู่” เซี่ยซานซานปล่อยเสียงร้องไห้ในทันที

เมียเก็บมาเฟีย

เมียเก็บมาเฟีย

มหาเศรษฐี

4.9

"ฉันจะนอนกับคุณทุกที่ ทุกเวลา และทุกครั้งที่คุณต้องการ เพื่อแลกกับอิสรภาพของพ่อฉัน" "แล้วถ้าผมไม่ตกลงล่ะ" ในที่สุดเขาก็พูดออกมาจนได้ ยาหยีก้มหน้าซ่อนความเจ็บช้ำเอาไว้จนมิด ก่อนจะเงยหน้าขึ้นอีกครั้งและพูดออกไปเสียงแผ่วเบา "ฉันจะให้คุณดูสินค้าก่อนก็ได้...แล้วค่อยตัดสินใจ" เมื่อบิดาของตนเป็นโจรขโมยเพชรล้ำค่าของตระกูลมาเฟียที่ยิ่งใหญ่แห่งกรุงมอสโค ยาหยี จำต้องโยนศักดิ์ศรีของตัวเองทิ้งแล้วกลายเป็นหญิงไร้ยางอายเพื่อให้บิดารอดพ้นจากเงื้อมมือมัจจุราชอย่างเขา ทางเลือกเพียงทางเดียวที่มีคือยอมพลีกายให้ผู้ที่ขึ้นชื่อว่าหล่อเหลาในสามโลกได้เชยชม สาวพรหมจรรย์อย่างหล่อนแทบขาดใจตายเพราะบทพิศวาสเร่าร้อนรุนแรงที่ไม่เคยได้พานพบ ความวาบหวามครั้งแล้วครั้งเล่าที่เขามอบให้ทำให้ยาหยีคลั่งไคล้ในรสสิเน่หา กายสาวร่ำร้องโหยหาแต่เขาเพียงผู้เดียว หากภายในใจก็ต้องคอยย้ำเตือนตนเองไว้ว่า หล่อนก็เป็นได้แค่ของเล่นชั่วคราว สักวันพอเขาเบื่อ ก็จะถูกเขี่ยทิ้งอย่างไร้ความปรานี!! จากที่คิดจะตามไล่ล่าเด็ดหัวคนทรยศให้แดดิ้นไปต่อหน้า คอร์เนล ซีร์ยานอฟ เจ้าพ่อยักษ์ใหญ่แห่งวงการโทรคมนาคมในประเทศรัสเซีย ก็เปลี่ยนเป้าหมายทันทีเมื่อได้เจอสาวน้อยนัยน์ตากลมหวานซึ้ง ใบหน้าหวานๆ ส่งผลให้เขาต้องการอยากครอบครองหล่อนแทบคลั่ง คอร์เนลมั่นใจว่ามันจะมีผลกับร่างแกร่งได้ไม่นานหรอก เพราะสำหรับเขา ผู้หญิงคือวัตถุทางเพศเคลื่อนที่ได้เท่านั้น เพียงได้ลิ้มลองแค่ครั้งเดียว เขาก็ไม่เคยหันกลับไปกินของเก่าอีก แต่ทฤษฎีนี้กลับใช้ไม่ได้ผลกับหล่อน ให้ตายสิ! เขาไม่เคยรู้สึกติดใจผู้หญิงรุนแรงขนาดนี้มาก่อน คอร์เนลหลงใหลเนื้อนุ่มจนกลายเป็นเสพติด ทั้งที่ความยโสโอหังของบุรุษเลือดเย็นเยี่ยงเขาพยายามบอกกับตนเองว่า เขายังเชยชมร่างงามไม่คุ้มค่ากับสิ่งที่สูญเสียไป แต่ภายในใจลึกๆ กลับตะโกนก้องสวนทางออกมาว่า เขาขาดเธอไม่ได้แม้แต่วินาทีเดียว!!

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ