4.7
ความคิดเห็น
45.7K
ชม
31
บท

เพราะถูกความรักทำร้ายตั้งแต่สมัยเป็นวัยรุ่นทำให้เตชน์ ชลธีพงศ์ ชายหนุ่มวัย 45 ผู้หล่อเหลาไม่คิดที่จะจริงจังกับใคร เขาใช้ชีวิตแบบชายเสเพลจนกลายเป็นที่เลื่องลือในวงสังคมว่าถ้าไม่อยากอกหักอย่ารักเตชน์ ศศิปิลันธ์ ปัทมพิสุทธิ์ หญิงสาววัย 24 ที่อ่อนหวานแต่ทว่าไม่อ่อนแอ เธอเติบโตมาโดยมีสายตาแห่งความเกลียดชังของเขาจ้องดูอยู่ตลอดเวลา ความอ่อนหวาน สดใสและอ่อนโยนของเธอจะสามารถหลอมละลายหัวใจน้ำแข็งของเขาได้หรือไม่ ความรักจะสามารถทลายกำแพงแค้นได้หรือเปล่า

บทที่ 1 พรหมลายรัก...บทนำ

พรหมลายรัก

บทนำ

ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่หน้าตาคมคายหันมามองหน้าพี่ชายและพี่สะใภ้ของตัวเองด้วยความตกใจหลังจากที่ฟังเรื่องราวที่ทั้งสองพูดจบ ความจริงเรื่องนี้เขาจะไม่คิดอะไรมากเลยถ้าคนที่ทั้งสองจะรับเป็นบุตรบุญธรรมและนำมาเลี้ยงดูไม่ใช่สายเลือดของชายหญิงคู่นั้น คนที่สร้างรอยแผลเป็นที่หัวใจ รอยแผลที่เมื่อถูกสะกิดก็สามารถหลั่งเลือดออกมาได้

“พี่รู้ว่านายอาจจะไม่พอใจ แต่ยายลันธ์ไม่เหลือใครอีกแล้ว”

“ญาติทางพ่อก็น่าจะมีไม่ใช่หรือครับทำไมไม่ให้พวกนั้นดูแล” เตชน์เอ่ยถามพี่ชาย

“มี แต่ไม่พร้อมที่จะดูแลยายลันธ์เลยสักคน พี่กับนรีรับปากศศิวิมลเอาไว้แล้วว่าจะดูและลูกของศศิเป็นอย่างดี พี่ไม่อยากจะผิดคำพูด”

“คุณเตชน์คะ พี่อยากจะขอให้คุณเตชน์เข้าใจพี่ด้วย ศศิเป็นลูกพี่ลูกน้องที่สนิทกับพี่มาก พี่รู้ว่าศศิทำผิดกับคุณ แต่ว่าเรื่องมันผ่านมานานแล้วนะคะ ผ่านมา16-17 ปีแล้ว ดังนั้นไม่พี่อยากให้เอาเรื่องในอดีตมาทำร้ายคนที่ไม่รู้เรื่อง” นรีพูดบ้าง เธอรู้ดีว่าน้องสามีคนนี้ยังคงไม่ลืมเรื่องที่ผ่านมา เขายังคงเจ็บปวดและแค้นศศิวิมลกับปิลันธ์สามีภรรยาคู่นี้อยู่ตลอดเวลา

“ผมไม่คิดจะทำร้ายใครหรอกครับ แต่จะให้ผมยอมรับเด็กคนนั้นมันเป็นไปไม่ได้เลย พี่ตุลย์กับพี่นรีก็รู้ว่าพ่อแม่ของเด็กที่พวกพี่จะรับมาดูแลทำอะไรกับผมไว้บ้าง” ตุลย์กับนรีมองหน้ากันแล้วถอนหายใจ ความจริงเรื่องที่เกิดขึ้นกับเตชน์ก็น่าเห็นใจแต่เรื่องมันก็นานมากแล้วน่าจะปล่อยวางได้บ้าง

ย้อนไปเมื่อตอนที่เตชน์อายุ 16 ปี ตุลย์ผู้เป็นพี่พี่ชายคนโตที่อายุมากกว่า 1 รอบพานรีหญิงสาวคนรักมาให้รู้จัก และวันนั้นเขาได้พบกับเด็กสาวอายุรุ่นราวคราวเดียวกันนามว่าศศิวิมล ความสวยของเด็กสาวคนนี้สร้างความประทับใจได้ตั้งแต่แรกพบ ยิ่งรู้จักเตชน์ยิ่งรักเธอมากขึ้น จนเมื่อรู้จักกันได้ 1 ปีเด็กหนุ่มก็ขอให้ผู้ใหญ่ไปหมั้นหมายศศิวิมลไว้ก่อนที่ตัวเองจะไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ แต่แล้วหัวใจของเตชน์ก็ต้องแหลกสลายเมื่อเด็กสาวคนนั้นมีคนรักอยู่แล้ว แถมคนรักของเธอคือเด็กรับใช้ในบ้านที่เขามองว่าเป็นเพื่อนแท้มาตลอดนามว่าปิลันธ์ ทั้งสองหนีไปด้วยกันโดยทิ้งจดหมายเอาไว้แค่ว่า ทั้งคู่กำลังจะมีลูกด้วยกัน และในจดหมายนั้นยังมีการขอโทษเตชน์ที่ทำให้เขาเข้าใจผิดคิดว่าเธอมีใจ เธอดีกับเขาเพราะเขาดีกับเธอมากแต่ไม่ใช่ความรัก ผู้ชายคนแรกและคนเดียวที่ศศิวิมลรักคือปิลันธ์ เรื่องนี้ทำให้หัวใจที่แสนบริสุทธิ์ของลูกผู้ชายชื่อเตชน์พังทลาย เขากลายเป็นคนไม่ไว้ใจใครและไม่ยอมคบใครแบบจริงจังอีกเลยตั้งแต่นั้นมาเพราะกลัวความผิดหวัง ชายหนุ่มเปลี่ยนผู้หญิงเป็นว่าเล่นและตั้งหน้าตั้งตาทำงานโดยไม่สนใจที่จะมีครอบครัวหรือคบหากับใครแบบจริงจังอีกเลยจนถึงตอนนี้ ว่ากันว่ารักครั้งแรกมันสามารถสร้างและทำลายคนได้คงจะเป็นอย่างนั้น

“พี่นรีไปเจอสองคนนั้นที่ไหนครับ” เตชน์ถามหลังจากที่เห็นว่าพี่ชายและพี่สะใภ้เงียบมานาน

“นครสวรรค์ ปิลันธ์รับเหมาก่อสร้าง ส่วนศศิก็เปิดร้านขายขนมไทย พี่ไปเจอทั้งคู่โดยบังเอิญเราได้พบทั้งสองเพียงแค่สองวันได้พูดคุยกัน ในวันที่จะกลับเกิดอุบัติเหตุขึ้นกับคนทั้งคู่ ก่อนจะจากไปศศิขอให้พี่กับนรีช่วยดูแลลูกของเธอ” ตุลย์เล่าคร่าวๆ

“ศศิปิลันธ์เป็นเด็กที่น่ารักนะคุณเตชน์ แกอ่อนหวาน เรียบร้อยและเป็นเด็กมีมารยาทดีคนหนึ่งพ่อกับแม่คงสอนมาดี”

“สอนมาดี ผมกลัวว่าจะใจแตกตั้งแต่อายุยังไม่ถึง17 เหมือนแม่มากกว่า หรือไม่ก็เป็นพวกชอบแย่งของคนอื่นเหมือนพ่อ”

“เตชน์ อย่ามองโลกในแง่ร้ายเกินไปอีกอย่างยายลันธ์ไม่ได้อายุ 16 แต่แกอายุ 18 แล้วตอนนี้เรียนมหาวิทยาลัยปีหนึ่ง”

“พี่ตุลย์กับพี่นรีจะทำอะไรก็ทำเถิดครับ ผมไม่ห้าม แต่ขอบอกไว้ว่าผมจะไม่ยุ่งกับเด็กคนนั้นเด็ดขาด ไม่จำเป็นก็ไม่ต้องเห็นหน้ากันด้วยยิ่งดี” เตชน์บอกเสียงเย็น

“เอาเป็นว่าพรุ่งนี้พี่กับนรีจะพายายลันธ์เข้ามาอยู่ด้วยกันที่บ้านหลังนี้นะ พี่จะพาแนะนำตัวกับเตชน์ด้วย”

“แต่”

“ถึงแม้ว่าจะไม่อยากที่จะยุ่งกับเรื่องนี้ แต่ถึงอย่างไรยายหนูลันธ์ก็เข้ามาเป็นหนึ่งในสมาชิกของบ้านเรา พี่อยากให้เตชน์รู้จักแกไว้บ้าง อย่างน้อยก็ให้ได้มาไหว้ก็ยังดี” เตชน์มองหน้าพี่ชายแล้วถอนหายใจออกมาอย่างเสียมิได้ เพราะยังไม่มีครอบครัวและพี่ชายก็อยากให้อยู่บ้านเดียวกันเนื่องจากบ้านหลังนี้ใหญ่โตมากเกินกว่าที่ตุลย์และภรรยาจะอยู่กันเพียงสองคนและเตชน์เองก็ยังไม่มีใครจึงควรมาอยู่ด้วยกัน ถึงอย่างนั้นตั้งแต่ทำงานเขาก็กลับมาบ้านนับครั้งได้ ชายหนุ่มซื้อห้องชุดสุดหรูไว้กลางใจเมืองและมักจะอยู่ที่นั่นมากกว่าบ้านเนื่องจากมีความเป็นส่วนตัว สามารถพาใครมานอน หรือทำหลายๆอย่างได้โดยที่ไม่ต้องเกรงใจใคร

ดวงตาคมของชายหนุ่มรูปงามวัย 36 ปีมองมายังหญิงสาวอายุ 18 รูปร่างผอมบางที่ยืนอยู่ข้างพี่ชายและพี่สะใภ้ด้วยสายตาที่เครียดจัด ใบหน้าของเด็กคนนี้คล้ายกับใครบางคนที่เคยรู้จัก ใครบางคนที่แม้แต่ชื่อก็ยังไม่อยากจะได้ยินด้วยซ้ำ จากที่คิดว่าชีวิตคงไม่ต้องพบเจอกับคนเลวๆอีกกลับกลายเป็นว่าโลกดันเหวี่ยงทายาทของคนพวกนั้นให้มาอยู่ใกล้ชิดแทนเสียได้

“ไหว้คุณอาเตชน์สิลันธ์” นรีบอกกับเด็กสาวที่ตนเพิ่งรับมาเป็นลูกบุญธรรมเสียงหวาน เด็กสาวทำตามคำสั่งของนรีอย่างง่ายดาย เธอยกมือไหว้ทำความเคารพเขา แต่ทว่าสิ่งที่ได้ตอบกลับมาคือสายตาที่เย็นชาและความหมางเมินของอีกฝ่าย

“สวัสดีค่ะคุณอาเตชน์”

“เรียกฉันว่าคุณเตชน์ดีกว่า ฉันยังไม่มีหลานและเธอก็ไม่ใช่หลานของฉันดังนั้นไม่ต้องมานับญาติกัน” คำพูดที่แสนเรียบแต่น้ำเสียงและแววตากระด้างจนรู้สึกได้ว่าเขาคงไม่ชอบเธอนัก

“ค่ะคุณเตชน์” ศศิปิลันธ์รับคำเสียงแผ่ว ตุลย์มองหน้าภรรยาและหันมามองน้องชายของตัวเองที่ยืนทำหน้านิ่งพอจะเข้าใจว่าทำไมเตชน์ถึงมีท่าทีแบบนี้ ดูเหมือนว่าเขามีเรื่องที่จะต้องคุยกับน้องชายแบบจริงๆจังๆเสียแล้ว

“ลันธ์มากับแม่ เดี๋ยวแม่จะพาหนูไปดูน้องนอนนะลูก” นรีเอ่ยปากชวนเมื่อเห็นว่าบรรยากาศค่อนข้างที่จะน่าอึดอัด

ศศิปิลันธ์มองห้องนอนของเธอด้วยความตื่นเต้น ห้องนี้ใหญ่กว่าห้องนอนที่บ้านเก่ามาก มันเหมือนห้องชุดห้องหนึ่งที่มีเครื่องเรือนครบครันเลยทีเดียว

“ชอบไหมจ๊ะ” นรีถามเสียงหวาน ท่าทางของเธอก็เหมือนกับผู้ใหญ่ใจดีที่พร้อมจะดูแลคนตกยากทำให้ศศิปิลันธ์รู้สึกอบอุ่นในอกอย่างบอกไม่ถูก

“มันใหญ่เกินไปสำหรับหนูค่ะคุณป้า”

“เรียกว่าแม่สิจ๊ะ แม่รับหนูเป็นลูกบุณธรรมแล้ว ดังนั้นหนูควรจะเรียกแม่” นรีบอกอาจจะเพราะเธอไม่มีลูกพอได้ศศิปิลันธ์มาก็เหมือนว่าหญิงสาวคนนี้เข้ามาเติมเต็มความรู้สึกขาดตรงนี้ได้ ถึงแม้จะรู้จักและเจอกันไม่นานนรีก็รู้สึกรักศศิปิลันธ์มากเสียแล้ว

“ค่ะคุณแม่” ศศิปิลันธ์เรียกตามที่อีกฝ่ายบอก คำว่าแม่ทำให้หัวใจดวงน้อยสะท้านเพราะคิดถึงบุพการีผู้ให้กำเนิดทั้งสองท่านจับใจ หลังจากพ่อกับแม่จากไปอย่างไม่มีวันหวนกลับเธอก็เหมือนถูกกระแสน้ำพัดพาชีวิตไปตามยถากรรม แต่โชคยังดีที่มีคนใจบุญช่วยเธอขึ้นมาจากกระแสน้ำที่เชี่ยวกรากนั้น

“ต่อไปบ้านหลังนี้คือบ้านของหนู หนูคือลูกแม่กับพ่อ ส่วนเรื่องของคุณเตชน์หนูไม่ต้องกังวลนะ เขาอาจจะพูดจาไม่ค่อยดีบ้างอย่าไปถือสาเลย เขาเป็นคนที่เก่งมากและเป็นผู้ชายดีมากคนหนึ่งเพียงแต่มีเปลือกที่ค่อนข้างกระด้างไว้ปกป้องบางอย่างเท่านั้น”

“ค่ะ”

“นอกจากแม่และพ่อแล้ว หนูยังมีญาติผู้ใหญ่อีกหลายคนนะลูก แต่คนที่น่าจะรักและเอ็นดูหนูมากทีก็ที่สุดน่าจะเป็นลุง เขาเป็นพี่ชายแท้ๆของศศิแม่ของหนูนั่นแหละ”

“คุณลุงหรือคะ”

“ใช่จ๊ะชื่อศรุต แต่ตอนนี้ลุงเขาทำงานอยู่ต่างประเทศ แม่บอกเรื่องของหนูกับลุงไปแล้ว น้ำเสียงเขาดีใจมากนะ แม่คิดว่าถ้าว่างคงจะรีบบินกลับมาหาลันธ์แน่ๆจ๊ะ” ศศิปิลันธ์ยิ้มดีใจเมื่อฟังจบ

“ดีจังเลยค่ะ”

“เดี๋ยวหนูพักผ่อนนะลูก ตอนเย็นแม่จะพาไปรู้จักกับนมสองที่เรือนหลังเล็ก ท่านเป็นแม่นมของคุณพ่อตุลย์และคุณเตชน์ เป็นผู้ใหญ่ที่ใจดีมาก ตอนนี้นมสองยังไม่กลับจากวัดเลยน่าจะกลับมาเย็นนี้”

“ค่ะคุณแม่” เด็กสาวรับคำ เมื่อนรีออกไปจากห้องแล้วศศิปิลันธ์ก็หยิบรูปของพ่อแม่บังเกิดเกล้าออกมาจากกระเป๋าและวางรูปนั้นไว้ที่โต๊ะข้างหัวเตียง

“พ่อคะ แม่คะ หนูคิดถึงทั้งสองคนจังเลย แต่พ่อกับแม่ไม่ต้องห่วงนะคะหนูต้องอยู่ให้ได้ หนูจะเข้มแข็ง เท่าที่เห็นพ่อตุลย์กับแม่นรีเป็นคนใจดีและเมตตาหนูมากค่ะ พ่อกับแม่ อยู่บนฟ้าให้สบายเลยแต่ว่างๆมาหาหนูบ้างก็ดีค่ะ หนูรักพ่อกับแม่มากนะคะ” เด็กสาวคุยกับภาพถ่ายน้ำตาคลอคิดถึงคนในภาพแทบขาดใจ

นมสองที่นรีบอกจะพามาพบนั้นเป็นหญิงชราวัย 70 ปีที่ยังดูอ่อนกว่าวัยหลายปี บุคลิกของนางทำให้คนที่อยู่รอบข้างรู้สึกสบายใจ แววตาที่อ่อนโยนและท่าทางที่ดูเข้าอกเข้าใจโลกทำให้ศศิปิลันธ์รู้สึกผ่อนคลายไม่อึดอัด

ท่าทางเจียมตัวของศศิปิลันธ์ทำให้หญิงชรานึกเอ็นดู ถึงแม้จะอยู่ในช่วงวัยรุ่นเด็กสาวคนนี้ก็วางตัวกับผู้ใหญ่ดีมาก ไม่กระโดกกระเดก และไม่ล้นเหมือนเด็กหลายคนที่นางเคยพบเคยเจอมา

นรีเล่าเรื่องราวของเด็กสาวให้นมสองฟังอย่างละเอียด พอฟังจบหญิงชราก็รู้สึกสงสารและเห็นใจเด็กสาวมากเลยทีเดียว ส่วนเรื่องในอดีตที่ผ่านมามันเป็นเรื่องนานแล้วจึงไม่มีความจำเป็นต้องรื้อฟื้นขึ้นมาอีก นางเคยโกรธปิลันธ์กับศศิวิมลที่ทำให้เตชน์ต้องเสียใจและทำตัวเหมือนคนไม่มีหัวใจจนถึงทุกวันนี้ แต่สองคนนั้นจากไปแล้วความไม่พอใจความโกรธก็ควรจะจากไปด้วย

“คุณเตชน์เจ้าคิดเจ้าแค้นเหลือเกิน เวลาก็ผ่านไปนานแล้วจนคนก็ตายจากไปแล้วยังจะไปโกรธไปแค้นเข้าอีก” นมสองบ่นอย่างเสียมิได้หลังจากที่ได้รู้ถึงท่าทีของเตชน์จากปากของนรีที่ค่อนข้างจะกังวลกับเรื่องนี้พอสมควร อาจจะเป็นเพราะตั้งแต่เด็กจนโตเตชน์ไม่เคยผิดหวัง เขามักจะได้อะไรตามความปรารถนาทุกอย่างเนื่องจากทั้งพ่อแม่ รวมถึงพี่ชายตามใจมาตั้งแต่เด็ก แต่ถึงจะร้ายแค่ไหนก็ต้องยอมรับว่าเตชน์เป็นคนเก่งมากคนหนึ่ง ชายหนุ่มบริหารงานได้เก่งกว่าตุลย์ผู้เป็นพี่ แต่ตุลย์เป็นคนที่เข้าถึงได้ง่ายมากกว่าและใจดีกว่าน้องชายมาก คนเป็นพี่ชอบเรื่องการจัดการและการพบปะสังสรรค์กับผู้คนมากกว่าคนน้องหลายเท่านัก

“นรีอาจจะต้องฝากให้คุณนมช่วยดูแลยายลันธ์บ้างนะคะ คุณนมเองก็ทราบว่าเราเดินทางกันบ่อยมาก” นมสองยิ้มให้นรี

“ถึงคุณนรีไม่ฝากนมก็พร้อมที่จะดูแลหนูลันธ์ด้วยความเต็มใจค่ะ”

“หนูต้องเป็นเด็กดีของนมสองนะลูก”

“ค่ะคุณแม่” ศศิปิลันธ์รับคำในใจแอบสงสัยเรื่องที่นรีกับนมสองคุยกัน อยากรู้เหลือเกินว่าพ่อกับแม่ทำอะไรให้ผู้ชายที่ชื่อเตชน์โกรธ

ภาพการพูดคุยของทุกคนอยู่ในสายตาของเตชน์ แทบจะตลอดเวลาความจริงก็ไม่ได้อยากจะสนใจนักหรอก แต่บังเอิญตั้งใจจะมาหานมสองแต่ดันมาพบว่านรีพาเด็กสาวที่ไม่ถูกชะตาตั้งแต่แรกพบมาแนะนำตัวกับหญิงชราเสียก่อน เลยหยุดฟังก็เท่านั้น

“ตายไปแล้วยังจะส่งลูกสาวมาสะกิดแผลฉันอีกนะ ร้ายทั้งผัวทั้งเมีย ยายเด็กนี่ก็คงไม่ต่างกัน ดีไม่ดีจะรับเอาความเลวของพ่อแม่มาแบบเต็มๆเลยก็ได้” เตชน์บ่นน้ำเสียงหงุดหงิด ทำไมเขาจะต้องมาพบเจอกับคนพวกนี้อีกนะ

1 ปีต่อมา

เตชน์นั่งฟังทนายความประจำตระกูลอ่านพินัยกรรมของพี่ชายและพี่สะใภ้ด้วยสีหน้าที่นิ่งสนิท สายตาของเขามองมายังหญิงสาววัย 20 ปีที่นั่งก้มหน้าร้องไห้อยู่ข้างๆนมสองด้วยความหมั่นไส้เป็นที่สุด พี่ชายและพี่สะใภ้ของเขาประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตระหว่างเดินทางไปติดต่อเรื่องงานเรือโดยสารลำที่ตุลย์และนรีใช้เดินทางเกิดอับปางลงกลางทะเล การจากไปอย่างกระทันหันทำให้เขาต้องเข้ามารับผิดชอบต่องานจากพี่ชายในหลายๆเรื่องรวมถึงเรื่องของแม่เด็กกาฝากนามว่าศศิปิลันธ์คนนี้ด้วย ตามพินัยกรรมระบุไว้ว่าเตชน์จะต้องดูแลและให้การศึกษากับเธอจนจบปริญญาตรี และหญิงสาวมีสิทธิ์ที่จะอยู่บ้านหลังนี้ได้จนกว่าเธอจะแต่งงาน

“เพื่อความสะดวกผมอยากจะขอร้องให้นมสองช่วยดูแลเด็กคนนี้แทนผมด้วยเพราะผมคงไม่มีเวลามากนัก” เตชน์พูดกับนมสองหลังจากที่ทนายออกจากบ้านไปแล้ว

“นมยินดีค่ะ”

“ส่วนเธอศศิปิลันธ์ สิ่งที่ต้องทำคือทำตัวให้ดี อย่าทำตัวเหลวไหล ความจริงฉันอยากให้เธอขนข้าวของไปอยู่ที่เรือนเล็กกับนมสองน่าจะดีที่สุดเพราะฉันเป็นผู้ชาย เธอเป็นผู้หญิงถ้าจะให้อยู่ร่วมตึกเดียวกันคงไม่เหมาะ แต่ไหนๆเธอก็อยู่ที่ตึกนี้แล้วก็อยู่ต่อไปเถอะ เพราะฉันเองก็คงไปๆมาๆเราคงไม่ได้เจอกันนักอีกอย่างฉันกับเธออยู่คนละปีกตึกคงไม่ได้เจอหน้ากันบ่อย ” เตชน์บอก

“ค่ะ”

“ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ควรเสนอหน้ากับฉันด้วย”

“คุณเตชน์ทำไมพูดแบบนี้คะ” นมสองเตือนเมื่อเห็นว่าเตชน์พูดจาไม่ดีนัก

“บอกตรงนะครับ ผมไม่อยากเห็นหน้าเด็กคนนี้เท่าไหร่ พี่ชายกับพี่สะใภ้ผมรับมาเป็นลูกบุญธรรมปีเดียวก็ชะตาขาดไม่รู้ว่าเป็นตัวโชคร้ายหรือเปล่า อยู่ใกล้มากๆผมกลัวจะชะตาขาดเหมือนกัน” นมสองยกมือทาบอกไม่คิดว่าเตชน์จะพ่นวาจาร้ายกาจแบบนี้ออกมา

“หนูขอโทษค่ะ” ศศิปิลันธ์พูดได้เพียงแค่นี้น้ำตาก็ไหลออกมา

“ไม่ต้องมาบีบน้ำตา เอาเป็นว่าอยู่ที่นี่ก็ทำตัวดีๆก็แล้วกัน อย่าสร้างเรื่องปวดหัวให้ฉัน ฉันไม่ได้ใจดีเหมือนพี่ตุลย์กับพี่นรี ถ้าทำอะไรไม่ดีหรือสร้างเรื่องเสื่อมเสียจะหาว่าฉันใจร้ายไม่ได้นะ”

“ค่ะ”

“แล้วจะมานั่งเงียบทำไมไปเสียทีสิ”

“ค่ะ” ศศิปิลันธ์รับคำเสียงแผ่วและเดินจากไปเงียบๆ นมสองมองตามเด็กสาวไปด้วยความสงสารก่อนที่จะหันมามองเตชน์แบบตำหนิ

“คุณเตชน์ไม่น่ารักเลย ทำไมถึงพูดกับหนูลันธ์แบบนั้นคะ”

“ผมพูดจริงครับคุณนม เด็กนั่นถึงไม่ใช่ตัวซวยแต่ก็เหมือน” เตชน์ยังคงพ่นคำร้ายๆออกมาไม่หยุด

“ตายแล้ว คุณเตชน์ทำไมร้ายกาจแบบนี้ นมรู้ว่าคุณเตชน์ไม่ชอบยายลันธ์เพราะยังโกรธยังแค้นเรื่องในอดีตอยู่ แต่เรื่องมันก็ผ่านมานานแล้วนะคะ คนที่ทำให้คุณเจ็บก็จากโลกนี้ไปแล้วดังนั้นความเจ็บความแค้นก็ควรจะจบลงเหมือนกัน อย่าเอาความทุกข์ในอดีตมาทำลายปัจจุบันและอย่าเอาความเจ็บความแค้นของคุณมาลงกับคนที่ไม่รู้เรื่องเลยนะคะ” นมสองเตือนสติ เตชน์เป็นคนประเภทตาต่อตาฟันต่อฟันและเจ้าคิดเจ้าแค้นนางไม่อยากให้เขาเป็นแบบนี้เลยเพราะมันจะทำให้ไม่มีความสุข

“แม่กับพ่อของเด็กคนนั้นทำร้ายผมนะครับ สองคนนั้นทรยศผมอย่างเลือดเย็นคุณนมจะให้ผมดีกับลูกสาวคนที่ทำร้ายผมอย่างนั้นเหรอ ทำไม่ได้หรอก” นมสองถอนหายใจให้กับความดื้อของอีกฝ่าย

“ถ้าให้อภัยกันไม่ได้ ก็ขอให้ต่างคนต่างอยู่ได้ไหมคะ หนูลันธ์ไม่รู้เรื่องอะไรด้วยถ้าเอ็นดูแกไม่ได้ ก็ขอให้สงสารแกบ้าง และตอนนี้คุณเองก็เป็นผู้ปกครองของแกแล้วด้วยดังนั้นคุณควรใส่ใจแกให้มากขึ้นกว่าเดิม”

“ผมต้องดูแลเด็กคนนั้นอยู่แล้วพี่ตุลย์เล่นใส่ในพินัยกรรมชัดเจนขนาดนี้ แต่อย่าให้ผมไปยุ่งกับเด็กศศิปิลันธ์มากไปกว่านี้เลยนะครับ ส่วนเรื่องดูแลเอาใจใส่ก็ขอรบกวนคุณนมเรื่องนี้ด้วยนะครับ” เตชน์บอกนมสองเสียงเรียบ หญิงชราถอนหายใจออกมาแล้วพยักหน้ารับโดยดี

อ่านต่อ

หนังสืออื่นๆ ของ กุหลาบแก้ว

ข้อมูลเพิ่มเติม
เล่ห์ลวงบ่วงพันธนาการ

เล่ห์ลวงบ่วงพันธนาการ

โรแมนติก

5.0

“จูบผมหน่อยได้ไหม” น้ำเสียงคือการขอร้องและอ้อนวอน พุดแก้วยิ้มขยับตัวเข้าไปหาและค่อยๆ บรรจงจุมพิตที่ริมฝีปากเขาอย่างกล้าๆ กลัวๆ นิโคลัสใช้มือโอบรอบตัวเธอและกอดไว้แน่น ขณะที่ริมฝีปากนั้นรับจุมพิตอย่างพออกพอใจที่สุด “พอแล้ว” พุดแก้วพูดออกมาหลังจากที่ถอนริมฝีปากของตัวเองออกจากเขาและดันตัวออกห่างช้าๆ ในขณะที่คนตัวใหญ่มองอย่างเสียดาย “ทำไมล่ะ” “เพราะคุณจะไม่หยุดแค่นั้น” หญิงสาวพูดออกมาอย่างรู้ทัน “และขาคุณหัก” หญิงสาวขยับตัวออกห่างจากรัศมีของวงแขนเขา “แต่อย่างอื่นมันไม่ได้หักนี่นา ร่างกายบางส่วนของผมยังแข็งแรงดี”

นางโจรปล้นรัก

นางโจรปล้นรัก

โรแมนติก

5.0

“ตบนี้สำหรับสิ่งที่คุณทำกับคำพูดจาบจ้วงเมื่อครู่ ถ้าคุณทำอีก ฉันก็จะตบคุณอีก ไม่มีการละเว้น” นภัสคาดโทษด้วยน้ำเสียงจริงจัง อนิรุทธ์ยกมือลูบแก้มของตัวเองเบาๆ ริมฝีปากมีรอยยิ้มแฝงอยู่แววตายังคงเจ้าเล่ห์ซุกซนเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง จะบอกว่ามันไม่สลดเลยสักนิดก็ได้ “ก็ดีนะ คิดว่าคุ้มอยู่เหมือนกันหนึ่งตบแลกกับหนึ่งกอด หนึ่งจูบ หนึ่งหอม คุ้มดี” เขาทำท่าจะเข้าหาอีกต่อ แต่นภัสใช้ความเร็วหลบได้ทัน “คุณเห็นฉันเป็นอะไร คิดจะทำอะไรก็ได้อย่างนั้นเหรอ” “เห็นคุณเป็นโฉมงาม เป็นแม่โจรเสียงหวานหน้าสวยน่ะสิ คนสวยของผม”

หนังสือที่คุณอาจชอบ

แผนรักบุรุษร้าย

แผนรักบุรุษร้าย

รินวรส
5.0

“เคลวิน อาร์มันโด” มหาเศรษฐีผู้ไม่เคยเชื่อในพรหมลิขิต ไม่คิดเลยว่าการมาเยี่ยมเยียนมารดาและน้องสาวที่เมืองไทยในครั้งนี้จะได้มาเจอกับกวางน้อยแสนสวยที่เคยทำเขาหัวใจแทบหยุดเต้นมาแล้วครั้งหนึ่ง! เขาวางแผนการบางอย่างเพื่อต้อนกวางน้อยเข้าสู่กรงทองแล้วครอบครองได้อย่างที่จะไม่ทำให้ต้องเสียหน้า แต่กลายเป็นว่านักล่าอย่างเขาพลาดท่าตกลงไปในกับดักนั้นเสียเอง เพราะหนีผู้ปกครองเที่ยวแท้เชียว เธอถึงต้องมาเจอเขาอีกครั้ง ผู้ชายวาจาร้ายกาจกับสถานการณ์น่าอับอาย “มีอะไรให้ผมช่วยไหมครับ ผมยินดีและเต็มใจ” “มีค่ะ” ตอบกลับเสียงแข็ง “เสร็จธุระแล้วก็ช่วยออกไปจากห้องด้วย เชิญค่ะ” ว่าพลางชี้ไปทางประตูห้องด้วยหางตา “เรื่องแค่นี้เองหรือที่ต้องการให้ช่วย” เคลวินหันมาถามหลังจากเดินมาถึงหน้าประตู คิ้วทรงดาบเลิกขึ้นสูง “ผมนึกว่าคุณอยากให้ช่วยแบบว่า... ช่วยติดขอเสื้อในนี่ให้ฉันทีสิคะฉันติดไม่ถึง อะไรแบบนี้เสียอีก” ว่าพลางส่งยิ้มยียวน ดวงตาพราวระยับจ้องนิ่งตรงทรวงอกที่กระเพื่อมขึ้นลงเร็วแรง สาบานได้ว่านี่คือคำพูดของคนเพิ่งเจอกัน เขาเข้ามาในห้องเธอโดยไม่ได้รับอนุญาต แถมยังจ้องเธออย่างเสียมารยาทในขณะที่เธออยู่ในสภาพ... ล่อแหลม! “ลัลน์นารา” หวังอย่างยิ่งว่านั่นจะเป็นครั้งเดียวและครั้งสุดท้ายในชีวิตกับความอับอายและผู้ชายแสนยียวน แต่โชคชะตาช่างเล่นตลกกับเธอ ให้กงล้อหมุนเวียนพาเธอกับเขามาเจอกันอีกครั้งและกลายเป็นผูกพันกันไปตลอดกาล... “พี่เค นี่มันบนเรือนะคะ” "บนเรือแล้วแปลกตรงไหน หาอะไรแปลกใหม่บ้าง ชีวิตจะได้มีสีสัน” “เรือจะล่มไหมคะ” คนถามออกอาการหวาดหวั่น เคลวินหัวเราะในลำคอกึ่งขบขันกึ่งสงสาร “พี่จะพยายามเบามือที่สุดค่ะ หยาดเองก็อย่ารุนแรงนักนะคะ”

เจ้าสาวจำยอม สามีเศรษฐีนอกสายตา

เจ้าสาวจำยอม สามีเศรษฐีนอกสายตา

Roana Javier
4.9

ชูจี้ถูกเก็บไปอุปการะตั้งแต่ยังเด็ก ซึ่งถือเป็นความฝันของเด็กกำพร้าทั่วไปอย่างชูจี้ แต่ชีวิตหลังจากนั้นมันไม่ได้มีความสุขดั่งที่ชูจี้คิดฝันไว้เลย เธอต้องอดทนถูกเย้ยหยันและการทำทารุณจากแม่บุญธรรมของเธอ แต่ก็ยังโชคดีที่เธอได้รับความเมตตาจากคนใช้สูงวัยคนหนึ่งในบ้านหลังนั้น ชึ่งเป็นคนคอยดูแลและเอาใส่เธอเหมือนแม่แท้ ๆ ของเธอ จนกระทั่งคนใช้จากไปด้วยอาการป่วย ชูจี้ก็ถูกบังคับให้แต่งกับผู้ชายที่ไม่เอาการเอางานแทนลูกสาวแท้ ๆ ของพ่อแม่บุญธรรมของเธอเพื่อชดใช้ค่ารักษาพยาบาลของคนใช้ เรื่องราวจะเป็นเช่นเดียวกับซินเดอเรลล่าหรือไม่? อย่างไรก็ตาม ชายที่เธอจะแต่งงานด้วยนั้นไม่เหมือนเจ้าชายเลยสักนิดนอกจากรูปร่างหน้าตาของเขาที่สามารถเทียบเท่ากับเจ้าชายได้เท่านั้นเอง ลู่เหยี่ยนเป็นลูกชายนอกสมรสของครอบเศรษฐีครอบครัวหนึ่ง เขาใช้ชีวิตไปวันๆ (พอลอดไปด้วยค่ะ)มาโดยตลอด ที่เขาตกลงแต่งกับชูจี้ก็เพราะอยากจะทำให้ความปรารถนาสุดท้ายของแม่ของเขาสมหวังเท่านั้น แต่ในคืนวันแต่งงาน เขากลับพบว่าเจ้าสาวคนนี้มีพฤติกรรมที่ผิดกับที่เคยได้ยินได้ฟังมา โชคชะตาจะบันดาลให้พวกเขาเป็นอย่างไร และลู่เหยี่ยนจะเป็นดั่งที่เราคิดหรือไม่ สิ่งที่น่าประหลาดใจคือลู่เหยี่ยนมีหลายอย่างที่คล้ายๆ กับมหาเศรษฐีที่ใหญ่ที่สุดในเมืองนี้อย่างพิลึก สุดท้ายแล้ว ลู่เหยี่ยนจะสามารถรู้ได้หรือไม่ว่าชูจี้ คือเจ้าสาวจำเป็นที่ต้องได้แต่งงานแทนพี่สาวของเธอ การแต่งงานของพวกเขาจะเป็นจุดเริ่มต้นเรื่องราวสุดโรแมนติกหรือวิบากกรรมของชีวิต โปรด ติดตามและค้นหาชีวิตและเรื่องราวของทั้งสองคนด้วยกันเถอะ

ที่แท้เป็นคุณหนูตัวจริง

ที่แท้เป็นคุณหนูตัวจริง

Nadia Lada
5.0

เสิ่นชิงกลายเป็นลูกสาวของชาวนาจากคุณหนูที่ร่ำรวยของตระกูลเสิ่นในชั่วข้ามคืน ลูกสาวตัวจริงใส่ร้ายเธอ คู่หมั้นของเธอทำให้เธออับอาย และพ่อแม่บุญธรรมของเธอก็ไล่เธอออกจากบ้าน... ทุกคนต่างรอที่จะหัวเราะเยาะเธอ ทว่าเธอกลับกลายเป็นทายาทของตระกูลเศรษฐีในเมืองอย่างกะทันหัน นอกจาดนี้ เธอยังมีตัวตนหลากหลาย เช่น หัวหน้าแฮ็กเกอร์ระดับนานาชาติ นักออกแบบเครื่องประดับชั้นนำ นักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ที่ลึกลับ และอัจฉริยะด้านการแพทย์! พ่อแม่บุญธรรมเสียใจกับการตัดสินใจของตนและบังคับให้เธอแบ่งทรัพย์สินครึ่งหนึ่งให้เพราะพวกเขาเลี้ยงดูเธอมา เมื่อเสิ่นชิงหยิบกล้องออกมาแล้วบันทึกท่าทางอันน่าเกลียดของพวกเขา อดีตคู่หมั้นรู้สึกเสียใจและพยายามจะคืนดีกับเธอ เสิ่นชิงหัวเราะเยาะ "เขาคู่ควรงั้นเหรอ" จากนั้นก็ไล่เขาออกจากเมือง ในที่สุด ผู้มีอำนาจแห่งเมืองก็พูดอ้อนวอนเบาๆ "ไม่จำเป็นต้องแต่งเข้าตระกูลผม เดี๋ยวผมไปหาเอง"

ซูเจิน นายหญิงแห่งพฤกษา

ซูเจิน นายหญิงแห่งพฤกษา

l3oonm@
5.0

“ท่านผู้อำนวยการคะ ทางทีมสำรวจแจ้งว่าคนไม่เพียงพอที่จะเข้าไปเก็บตัวอย่างพันธุ์พืชในป่าเมืองเหอหนานค่ะ” ซูเจิน ที่ได้ยินก็หูผึ่งทันที เธอนั่งทำการอยู่ในห้องวิจัยตั้งแต่เรียนจบ ถึงตอนนี้ก็สี่ปีได้แล้ว ผู้อำนวยที่เข้ามาตรวจงานวิจัยล่าสุด ก็มองไปรอบห้อง เพื่อดูว่ามีใครต้องการเสนอตัวไปทำงานในครั้งนี้หรือไม่ แต่หลายคนที่เขามองไป ต่างหลบสายตาของเขา จะมีใครอยากออกไปเสี่ยงอันตราย เดินป่าขึ้นเขาให้เหนื่อยสู้นั่งทำงานในห้องปรับอากาศเย็นๆ ดีกว่า เมื่อไม่มีใครคิดจะเสนอตัว เขาจึงได้สอบถามหาผู้ที่สมัครใจทันที “มีใครอยากจะอาสาไปไหม” ไว้กว่าความคิด ซูเจินยกมือขึ้น “ฉันค่ะ” เพื่อนสนิทรีบดึงเสื้อของเธอเพื่อจะห้ามปราม “จะบ้าหรอ เธอไม่เคยไปสักครั้ง ไม่รู้หรือว่างานนี้เสี่ยงแค่ไหน” เสียงกระซิบของเสี่ยวชิง เอ่ยลอดไรฟันออกมา เมื่อปีที่แล้ว ที่ทีมสำรวจเดินทางเข้าไปที่ป่าเหอหนาน พื้นป่าที่ไม่อาจสำรวจได้อย่างทั่วถึง สร้างความท้าทายให้เหล่านักพฤกษศาสตร์จากทุกองค์กร แต่ไม่ว่าจะส่งเข้าไปกี่ครั้งก็ไปไม่ถึงป่าชั้นกลางเสียที แม้จะใช้เทคโนโลยีที่ล้ำหน้าเข้าช่วยเพียงได้ ก็สำรวจได้เพียงป่าชั้นนอก แถมยังพาชีวิตคนไปทิ้งอีกนับไม่ถ้วน ปีนี้ทางองค์กรของซูเจิน หยิบโครงการสำรวจป่าเหอหนานขึ้นมาใหม่ แต่กว่าจะหาทีมสำรวจได้ครบคนก็กินเวลาไปหลายเดือน ถึงตอนนี้คนก็ยังไม่พอจนต้องมาถามหาจากทีมวิจัยให้ช่วยเหลือ “คุณอยากไปจริงหรือ” เขาเอ่ยถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง “ค่ะ ฉันอยากลองทำงานนี้” ซูเจินยิ้มออกมา “ได้ อีกสองวัน คุณก็เตรียมตัวให้พร้อม” เมื่อมีคนเสนอตัวแล้ว ผู้อำนวยการก็ออกไปพบทีมสำรวจ เพื่อวางแผนการทำงาน ทั้งยังให้ซูเจินตามเขาไปเข้ารวมการประชุมในครั้งนี้ด้วย “เธอมันบ้าไปแล้ว” เพื่อร่วมงานต่างเดินเข้ามาหาซูเจิน แล้วตำหนิเธอที่กล้ายกมือเสนอตัว “เอาน่า ไว้กลับมาฉันจะเอาเรื่องสนุกมาเล่าให้พวกเธอฟัง” ซูเจินยิ้มหวานออกมา ก่อนที่จะเก็บของแล้วไปเข้าร่วมประชุมกับทีมสำรวจ สองวันต่อมาซูเจินก็แบกกระเป๋าเดินทางมาที่จุดนัดพบ เธอออกเดินทางด้วยรถตู้ขององค์กร พร้อมทีมสำรวจอีกเกือบยี่สิบชีวิต ยังดีที่เธอได้แบกกระเป๋าเพียงใบเดียว หากต้องแบกเต็นท์นอน อาหารด้วย คงได้เป็นภาระของคนอื่นอย่างแน่นอน ภายในป่าเหอหนาน น่ากลัวว่าที่ซูเจินคิดไว้เยอะ พอตะวันตกดิน หากไม่มีแสงไฟที่ทีมสำรวจนำมาด้วยคงจะมืดจนมองไม่เห็นอะไร เสียงแมลงทั้งสัตว์ป่าร้องตลอดทั้งคืน สร้างความหวาดกลัวให้กับคนที่ไม่เคยเข้าป่าสักครั้งอย่างเธอได้อย่างดี ยังดีที่เจ้าหน้าที่ผู้นำทางติดตามมาด้วยอีกหลายคน พวกเขาจึงได้อยู่ผลัดเปลี่ยนเวรยาม เพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์ป่าเข้ามาถึงตัวพวกเขา หลายวันที่อยู่ในป่า ซูเจินเก็บตัวอย่างพันธุ์ได้หลายชนิด แต่ทั้งทีม ยังเดินไม่หลุดป่าชั้นนอกเลย ยังดีที่อาหารที่เตรียมมาเพียงพอให้พวกเขาอยู่ไปได้อีกหลายวัน “เอ๊ะ” เข้าวันที่เจ็ดของการสำรวจป่า ซูเจิน เห็นดอกไม้แปลกตา ที่ขึ้นอยู่ท่ามกลางพงหญ้ารก เธอจึงเดินห่างจากกลุ่มทีมสำรวจเข้าไปดูทันที เพราะไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องอะไรได้ ระยะห่างที่อยู่ไกลจากพวกเขา หากร้องเรียกก็ยังได้ยินอยู่ เธอหยิบกล้องถ่ายรูปขึ้นมา พร้อมทั้งจดรายละเอียดก่อนที่จะดึงต้นไม้เก็บเข้าถุงเก็บตัวอย่างที่เตรียมมา แต่เมื่อมือของซูเจินสัมผัสไปที่ดอกไม้ เธอก็ต้องตกตะลึง เหมือนมีกระแสไฟวิ่งผ่านปลายนิ้วไปจนทั่วทั้งตัว “โอ๊ยย” เสียงร้องอย่างเจ็บปวดของซูเจิน เรียกความสนใจให้คนทั้งหมดรีบวิ่งมาทางที่เธออยู่ ซูเจินเห็นเพียงแสงสีขาวที่สว่างวาบไปทั่ว แล้วภาพตรงหน้าของเธอก็ดำมืดลง

ทะลุมิติมาเป็นบุตรสาวหญิงหม้าย

ทะลุมิติมาเป็นบุตรสาวหญิงหม้าย

l3oonm@
5.0

จือหลินเธอเป็นเด็กกำพร้า ที่ถูกมารดาทอดทิ้งไว้ที่โรงพยาบาลตั้งแต่วันแรกที่ลืมตามาดูโลก ต่อมาทางโรงพยาบาลจึงส่งตัวเธอให้กับสถานสงเคราะห์ พออายุได้สามปี ก็มีองค์กรหนึ่งมารับเลี้ยงตัวเธอ แต่พวกเขาเลี้ยงเธอและเด็กคนอื่นๆ ไว้เพื่อเป็นหนูทดลองเท่านั้น ครั้งแรกที่ถูกนำตัวมา ต่างก็โดนจับฉีดยาเข้าสู่ร่างกาย เพื่อหาเด็กที่เลือดต้านเชื้อที่ฉีดเข้าไปได้เท่านั้น หากร่างกายทนรับไม่ไว้สิ่งที่ทางองค์กรมอบให้คือความตาย จือหลินอาจเป็นเพราะเลือดของเธอพิเศษกว่าเด็กคนอื่น ไม่ว่าฉีดยาตัวไหนเข้าสู่ร่างกายเธอก็ทนรับได้ทั้งนั้น นับจากนั้นมาเธอจึงถูกเลี้ยงดูจากองค์กรมาอย่างดี เรื่องการศึกษาเธอก็สามารถเรียนรู้ทุกสิ่งได้อย่างเต็มที่ แต่เพราะความฉลาดของเธอจึงถูกส่งให้เรียนวิทยาศาสตร์การแพทย์และเรียนแพทย์ควบคู่ไปด้วย เมื่อเรียนจบมาแล้ว จือหลินยังคงทำการให้องค์กรเช่นเดิม แม้จะไม่ได้เป็นนักฆ่าเช่นเพื่อนคนอื่นที่มาพร้อมกัน แต่เธอก็ต้องฝึกไม่ต่างจากพวกเขา ยิ่งเมื่อต้องนำเด็กเข้ามาเป็นหนูทดลองเช่นเดียวกับเธอในตอนเล็ก ต่อให้ไม่อยากทำก็ต้องทำ หากฝ่าฝืนไม่ทำการชิปที่ถูกฝังอยู่ในตัวจะถูกกระตุ้นให้ได้รับความทรมานทันที นานวันเข้า ความดำมืดก็ก่อเกิดในใจ ไม่ว่าจะฉีดยาให้เด็กร้ายแรงเพียงใดจือหลินก็เลิกรู้สึกผิดไปเสียแล้ว เพราะการทำงานของเธอตลอดหลายปีที่ผ่านมาทำให้ทางองค์กรยกย่องและมักจะให้สิ่งดีๆ กับเธอเสมอ เมื่อมีชิปตัวหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อฝังมิติอีกห้วงหนึ่งไว้ภายในร่างกาย จือหลินนางก็ได้รับเลือกให้ทดลองใช้สิ่งนี้ด้วยเช่นกัน จือหลินถูกฝังชิปมิติเข้าที่แกนสมองของเธอ ความเจ็บปวดที่ได้รับทำให้เธอแทบสิ้นสติ เมื่อชิปถูกฝังลงไปแล้ว เพียงไม่นานก็มีเสียงจากระบบให้เธอยืนยันตัวตน ก่อนที่จะปรากฏภาพต่างๆ ภายในหัวของเธอ ของจากภายนอกล้วนแต่ถูกส่งเข้าไปเก็บไว้ด้านในได้ทั้งสิ้น หากเป็นเนื้อสด ผักผลไม้ ยังคงความสดอยู่เช่นเดิมแม้จะเก็บไว้นานมากเพียงใด ห้วงมิติของจือหลินเหมือนเป็นห้องสูทในคอนโดของเธอเองที่มีทุกอย่างพร้อมใช้อยู่ภายใน แม้แต่ห้องทดลอง ห้องทำงานของเธอก็ปรากฏอยู่ในนั้นเช่นกัน นับจากนั้นจือหลินจึงซื้อของเขาเก็บภายในมิติของเธอเป็นจำนวนมาก ตัวเธอเพียงผู้เดียวที่สามารถเข้าออกในห้วงมิติได้ วันเวลาผ่านไปจนจือหลินล่วงเข้าวัยสามสิบปี เธอสามารถผลิตยาที่ทำให้ทั่วโลกจับตามองออกมาได้ ยายื้อชีวิตจากความตาย แต่การทดลองของเธอที่ผ่านมาต้องใช้คนจำนวนมากในการเข้าทดลอง จือหลินสามารถยื้อชีวิตของชายชราที่กำลังจะหมดลมหายใจให้กลับมามีชีวิตปกติได้ เมื่อเธอกักตัวเขาไว้ได้หกเดือนเห็นว่าไม่มีสิ่งใดที่ผิดปกติจึงคิดจะปล่อยเขาออกไปใช้ชีวิตเช่นเดิม แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อชายชราที่กำลังจะเดินออกจากห้องทดลองล้มลงต่อหน้าทุกคนที่เข้าร่วมชื่นชมผลงานของเธอ จือหลินรีบเข้าไปตรวจดูความผิดปกติทันที ก็พบว่าเขาหยุดหายใจเสียแล้ว เจ้าหน้าที่ทั้งหมดจึงต้องพาชายชราคนนั้นกลับเข้าไปในห้องทดลองเพื่อหาสาเหตุ ผ่านไปเพียงสองครึ่งชั่วโมงเขากลับลืมตาขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ แต่แววตาที่มองมาทางทุกคนได้เปลี่ยนไป ในดวงตาของชายชราผู้นั้นมีเพียงตาขาวไม่มีตาดำเช่นคนมีชีวิต “เกิดเรื่องอะไรขึ้น” ผู้อำนวยการองค์กรเดินเข้ามาหาจือหลินแล้วเอ่ยถามอย่างตื่นตระหนก เพราะนักข่าวที่ข่าวเชิญมายังอยู่ที่ด้านนอกเพื่อรอฟังคำตอบ “ขอดิฉันตรวจสอบก่อนค่ะ” จือหลินกุมหน้าผากอย่างมึนงง เธอก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร คนทั้งหมดยืนมองชายชราที่เดินท่าทางประหลาดอยู่ในห้องทดลอง ในตอนนี้เขาเริ่มหยิบสิ่งของทำร้ายตัวเองอย่างบ้าคลั่ง เจ้าหน้าที่คนหนึ่งรีบวิ่งเข้าไปในห้องทดลองเพื่อห้ามไม่ให้เขาทำร้ายตัวเอง ชายชราเมื่อได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาก็พุ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว และเริ่มกัดกินเนื้อตัวของเขาอย่างโหดร้าย คนที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดต่างยกมือขึ้นปิดปากอย่างตกใจ เพราะกลัวข่าวเรื่องนี้จะรั่วไหล ผู้อำนวยการสั่งให้คนไปแจ้งนักข่าวให้กลับไปก่อน ทางองค์กรจะแถลงการณ์เรื่องนี้ในภายหลัง เจ้าหน้าที่ที่ถูกทำร้ายล้มลงเสียชีวิตไม่นานก็มีสภาพไม่ต่างจากชายชราคนนั้น เสียงวุ่นวายไม่ได้จบลงที่ห้องทดลองของจือหลินเพียงแห่งเดียว เพราะห้องทดลองอื่นก็ล้วนพบเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ต่างกัน ผู้อำนวยการจำต้องส่งสัญญาณเคลื่อนย้ายเจ้าหน้าที่ออกจากตึกทดลองให้เร็วที่สุด จือหลินไม่รู้ว่ายาของนางจะสร้างผลเสียมากถึงเพียงนี้ เพราะเจ้าหน้าที่หลายคนล้วนจบชีวิตจนกลายเป็นซอมบี้ไปเสียแล้ว ตึกทดลองถูกปิดตาย เพื่อไม่ให้ซอมบี้ที่อยู่ด้านในออกมาสร้างความเสียหายภายนอกได้ “เรื่องนี้ดิฉันขอจัดการด้วยตนเองค่ะ” จือหลินเดินเข้าไปหาผู้อำนวยการที่ห้องทำงานของเขา เพื่อบอกสิ่งที่เธอคิดว่าอย่างดีแล้วในหลายวันที่ผ่านมา เมื่อเห็นว่าผู้อำนวยการไม่ห้ามในสิ่งที่เธอจะทำจือหลินจึงเดินไปที่หน้าตึกทดลองพร้อมระเบิดเวลาในมือ เธอคิดจะทำลายสิ่งของทุกอย่างที่เธอสร้างขึ้นมาลงด้วยมือของเธอเอง จือหลินเปิดประตูตึกทดลองแล้วรีบปิดลงทันที เธอเดินเข้าไปที่กลางตึกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะระหว่างทางเธอต้องคอยต่อสู้กับซอมบี้ที่จะเข้ามาทำร้ายเธอไปด้วย เสียงสัญญาณระเบิดดังขึ้น จือหลินหลับตาลง พร้อมทั้งถอนหายใจให้กับเรื่องราวในชีวิตที่ผ่านมา เสียงระเบิดดังไปทั่วบริเวณพร้อมทั้งตึกทดลองที่ถล่มลงมาจนแทบไม่เหลือซาก “เจ็บชะมัด” จือหลินร้องครางออกมาเบาๆ แต่เมื่อรู้สึกตัวได้เธอก็รีบพยุงตัวขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วพร้อมมองไปรอบๆ อย่างไม่อยากเชื่อ เธอคิดว่าตายไปแล้วเสียอีก แต่ทำไมถึงได้มีความรู้สึกเจ็บได้ “นี้มันเรื่องบ้าอะไรอีกว่ะเนี่ย” จือหลินเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ รอบๆ ตัวเธอในตอนนี้เป็นป่าทึบ มือของเธอก็ไม่ใช่ของเธออย่างแน่นอนเพราะมีขนาดเล็กราวกับเป็นเด็กน้อยคนหนึ่งเท่านั้น ตอนที่เธอมึนงงสับสน เรื่องราวความทรงจำของเจ้าของร่างก็ไหลเข้าสู่หัวของเธอจนต้องลงไปนอนดิ้นกับพื้น

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ
พรหมลายรัก
1

บทที่ 1 พรหมลายรัก...บทนำ

21/07/2022

2

บทที่ 2 พรหมลายรัก บทที่ 1…..จำเป็นต้องช่วย

21/07/2022

3

บทที่ 3 พรหมลายรัก บทที่ 2.....ทำงานร่วมกัน

21/07/2022

4

บทที่ 4 พรหมลายรัก บทที่ 3…..ได้รับความช่วยเหลือโดยไม่คาดคิด

21/07/2022

5

บทที่ 5 พรหมลายรัก บทที่ 4…..บทลงโทษคนปากดี

21/07/2022

6

บทที่ 6 พรหมลายรัก บทที่ 5.....ความจริงที่ได้รับรู้

21/07/2022

7

บทที่ 7 พรหมลายรัก บทที่ 6…..พบญาติทางแม่

21/07/2022

8

บทที่ 8 พรหมลายรัก บทที่ 7.....กันชน

21/07/2022

9

บทที่ 9 พรหมลายรัก บทที่ 8.....พ่อสื่อจำเป็น และไม่เต็มใจ

21/07/2022

10

บทที่ 10 พรหมลายรัก บทที่ 9…..มิตรภาพของคนสองคน

21/07/2022

11

บทที่ 11 พรหมลายรัก บทที่ 10…..เพราะเธอคือคนของฉัน

21/07/2022

12

บทที่ 12 พรหมลายรัก บทที่ 11…..แผนการณ์ร้ายที่อยู่ในใจ

21/07/2022

13

บทที่ 13 พรหมลายรัก บทที่ 12…..ปราบพยศ

21/07/2022

14

บทที่ 14 พรหมลายรัก บทที่ 13…..ความหึงหวงภายในใจ

21/07/2022

15

บทที่ 15 พรหมลายรัก บทที่ 14.....การชดใช้ที่ยินยอมพร้อมใจ

21/07/2022

16

บทที่ 16 พรหมลายรัก บทที่ 15.....ข้อเสนอและข้อตกลง

21/07/2022

17

บทที่ 17 พรหมลายรัก บทที่ 16.....เริ่มต้นทำตามข้อตกลง

21/07/2022

18

บทที่ 18 พรหมลายรัก บทที่ 17…..ความรู้สึกลึกๆที่อยู่ในใจ

21/07/2022

19

บทที่ 19 พรหมลายรัก บทที่ 18…..หวง

21/07/2022

20

บทที่ 20 พรหมลายรัก บทที่ 19.....ความห่วงใยที่มีให้กัน

21/07/2022

21

บทที่ 21 พรหมลายรัก บทที่ 20…..อ้อน

21/07/2022

22

บทที่ 22 พรหมลายรัก บทที่ 21…..คุณลุงผู้เมตตา

21/07/2022

23

บทที่ 23 พรหมลายรัก บทที่ 22…..สะเทือนใจและความจริงที่เจ็บปวด

21/07/2022

24

บทที่ 24 พรหมลายรัก บทที่ 23.....การตัดสินใจของเธอ

21/07/2022

25

บทที่ 25 พรหมลายรัก บทที่ 24.....คำสารภาพที่ไม่น่าเชื่อถือ

21/07/2022

26

บทที่ 26 พรหมลายรัก บทที่ 25.....เรื่องที่ไม่คาดคิด

21/07/2022

27

บทที่ 27 พรหมลายรัก บทที่ 26.....เจ็บครั้งนี้มันทรมานกว่าครั้งแรก

21/07/2022

28

บทที่ 28 พรหมลายรัก บทที่ 27.....ง้อแบบเป็นทางการ

21/07/2022

29

บทที่ 29 พรหมลายรัก บทที่ 28.....ช่วยออกไปจากชีวิตของฉัน

21/07/2022

30

บทที่ 30 พรหมลายรัก บทที่ 29…..ลองใจ

21/07/2022

31

บทที่ 31 พรหมลายรัก บทที่ 30.....เวลาแห่งรักเริ่มขึ้นและมันยังคงดำเนินต่อไป

21/07/2022