Login to MeghaBook
icon 0
icon เติมเงิน
rightIcon
icon ประวัติการอ่าน
rightIcon
icon ออกจากระบบ
rightIcon
icon ดาวน์โหลดแอป
rightIcon
4.7
ความคิดเห็น
45.7K
ชม
31
บท

เพราะถูกความรักทำร้ายตั้งแต่สมัยเป็นวัยรุ่นทำให้เตชน์ ชลธีพงศ์ ชายหนุ่มวัย 45 ผู้หล่อเหลาไม่คิดที่จะจริงจังกับใคร เขาใช้ชีวิตแบบชายเสเพลจนกลายเป็นที่เลื่องลือในวงสังคมว่าถ้าไม่อยากอกหักอย่ารักเตชน์ ศศิปิลันธ์ ปัทมพิสุทธิ์ หญิงสาววัย 24 ที่อ่อนหวานแต่ทว่าไม่อ่อนแอ เธอเติบโตมาโดยมีสายตาแห่งความเกลียดชังของเขาจ้องดูอยู่ตลอดเวลา ความอ่อนหวาน สดใสและอ่อนโยนของเธอจะสามารถหลอมละลายหัวใจน้ำแข็งของเขาได้หรือไม่ ความรักจะสามารถทลายกำแพงแค้นได้หรือเปล่า

บทที่ 1 พรหมลายรัก...บทนำ

พรหมลายรัก

บทนำ

ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่หน้าตาคมคายหันมามองหน้าพี่ชายและพี่สะใภ้ของตัวเองด้วยความตกใจหลังจากที่ฟังเรื่องราวที่ทั้งสองพูดจบ ความจริงเรื่องนี้เขาจะไม่คิดอะไรมากเลยถ้าคนที่ทั้งสองจะรับเป็นบุตรบุญธรรมและนำมาเลี้ยงดูไม่ใช่สายเลือดของชายหญิงคู่นั้น คนที่สร้างรอยแผลเป็นที่หัวใจ รอยแผลที่เมื่อถูกสะกิดก็สามารถหลั่งเลือดออกมาได้

“พี่รู้ว่านายอาจจะไม่พอใจ แต่ยายลันธ์ไม่เหลือใครอีกแล้ว”

“ญาติทางพ่อก็น่าจะมีไม่ใช่หรือครับทำไมไม่ให้พวกนั้นดูแล” เตชน์เอ่ยถามพี่ชาย

“มี แต่ไม่พร้อมที่จะดูแลยายลันธ์เลยสักคน พี่กับนรีรับปากศศิวิมลเอาไว้แล้วว่าจะดูและลูกของศศิเป็นอย่างดี พี่ไม่อยากจะผิดคำพูด”

“คุณเตชน์คะ พี่อยากจะขอให้คุณเตชน์เข้าใจพี่ด้วย ศศิเป็นลูกพี่ลูกน้องที่สนิทกับพี่มาก พี่รู้ว่าศศิทำผิดกับคุณ แต่ว่าเรื่องมันผ่านมานานแล้วนะคะ ผ่านมา16-17 ปีแล้ว ดังนั้นไม่พี่อยากให้เอาเรื่องในอดีตมาทำร้ายคนที่ไม่รู้เรื่อง” นรีพูดบ้าง เธอรู้ดีว่าน้องสามีคนนี้ยังคงไม่ลืมเรื่องที่ผ่านมา เขายังคงเจ็บปวดและแค้นศศิวิมลกับปิลันธ์สามีภรรยาคู่นี้อยู่ตลอดเวลา

“ผมไม่คิดจะทำร้ายใครหรอกครับ แต่จะให้ผมยอมรับเด็กคนนั้นมันเป็นไปไม่ได้เลย พี่ตุลย์กับพี่นรีก็รู้ว่าพ่อแม่ของเด็กที่พวกพี่จะรับมาดูแลทำอะไรกับผมไว้บ้าง” ตุลย์กับนรีมองหน้ากันแล้วถอนหายใจ ความจริงเรื่องที่เกิดขึ้นกับเตชน์ก็น่าเห็นใจแต่เรื่องมันก็นานมากแล้วน่าจะปล่อยวางได้บ้าง

ย้อนไปเมื่อตอนที่เตชน์อายุ 16 ปี ตุลย์ผู้เป็นพี่พี่ชายคนโตที่อายุมากกว่า 1 รอบพานรีหญิงสาวคนรักมาให้รู้จัก และวันนั้นเขาได้พบกับเด็กสาวอายุรุ่นราวคราวเดียวกันนามว่าศศิวิมล ความสวยของเด็กสาวคนนี้สร้างความประทับใจได้ตั้งแต่แรกพบ ยิ่งรู้จักเตชน์ยิ่งรักเธอมากขึ้น จนเมื่อรู้จักกันได้ 1 ปีเด็กหนุ่มก็ขอให้ผู้ใหญ่ไปหมั้นหมายศศิวิมลไว้ก่อนที่ตัวเองจะไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ แต่แล้วหัวใจของเตชน์ก็ต้องแหลกสลายเมื่อเด็กสาวคนนั้นมีคนรักอยู่แล้ว แถมคนรักของเธอคือเด็กรับใช้ในบ้านที่เขามองว่าเป็นเพื่อนแท้มาตลอดนามว่าปิลันธ์ ทั้งสองหนีไปด้วยกันโดยทิ้งจดหมายเอาไว้แค่ว่า ทั้งคู่กำลังจะมีลูกด้วยกัน และในจดหมายนั้นยังมีการขอโทษเตชน์ที่ทำให้เขาเข้าใจผิดคิดว่าเธอมีใจ เธอดีกับเขาเพราะเขาดีกับเธอมากแต่ไม่ใช่ความรัก ผู้ชายคนแรกและคนเดียวที่ศศิวิมลรักคือปิลันธ์ เรื่องนี้ทำให้หัวใจที่แสนบริสุทธิ์ของลูกผู้ชายชื่อเตชน์พังทลาย เขากลายเป็นคนไม่ไว้ใจใครและไม่ยอมคบใครแบบจริงจังอีกเลยตั้งแต่นั้นมาเพราะกลัวความผิดหวัง ชายหนุ่มเปลี่ยนผู้หญิงเป็นว่าเล่นและตั้งหน้าตั้งตาทำงานโดยไม่สนใจที่จะมีครอบครัวหรือคบหากับใครแบบจริงจังอีกเลยจนถึงตอนนี้ ว่ากันว่ารักครั้งแรกมันสามารถสร้างและทำลายคนได้คงจะเป็นอย่างนั้น

“พี่นรีไปเจอสองคนนั้นที่ไหนครับ” เตชน์ถามหลังจากที่เห็นว่าพี่ชายและพี่สะใภ้เงียบมานาน

“นครสวรรค์ ปิลันธ์รับเหมาก่อสร้าง ส่วนศศิก็เปิดร้านขายขนมไทย พี่ไปเจอทั้งคู่โดยบังเอิญเราได้พบทั้งสองเพียงแค่สองวันได้พูดคุยกัน ในวันที่จะกลับเกิดอุบัติเหตุขึ้นกับคนทั้งคู่ ก่อนจะจากไปศศิขอให้พี่กับนรีช่วยดูแลลูกของเธอ” ตุลย์เล่าคร่าวๆ

“ศศิปิลันธ์เป็นเด็กที่น่ารักนะคุณเตชน์ แกอ่อนหวาน เรียบร้อยและเป็นเด็กมีมารยาทดีคนหนึ่งพ่อกับแม่คงสอนมาดี”

“สอนมาดี ผมกลัวว่าจะใจแตกตั้งแต่อายุยังไม่ถึง17 เหมือนแม่มากกว่า หรือไม่ก็เป็นพวกชอบแย่งของคนอื่นเหมือนพ่อ”

“เตชน์ อย่ามองโลกในแง่ร้ายเกินไปอีกอย่างยายลันธ์ไม่ได้อายุ 16 แต่แกอายุ 18 แล้วตอนนี้เรียนมหาวิทยาลัยปีหนึ่ง”

“พี่ตุลย์กับพี่นรีจะทำอะไรก็ทำเถิดครับ ผมไม่ห้าม แต่ขอบอกไว้ว่าผมจะไม่ยุ่งกับเด็กคนนั้นเด็ดขาด ไม่จำเป็นก็ไม่ต้องเห็นหน้ากันด้วยยิ่งดี” เตชน์บอกเสียงเย็น

“เอาเป็นว่าพรุ่งนี้พี่กับนรีจะพายายลันธ์เข้ามาอยู่ด้วยกันที่บ้านหลังนี้นะ พี่จะพาแนะนำตัวกับเตชน์ด้วย”

“แต่”

“ถึงแม้ว่าจะไม่อยากที่จะยุ่งกับเรื่องนี้ แต่ถึงอย่างไรยายหนูลันธ์ก็เข้ามาเป็นหนึ่งในสมาชิกของบ้านเรา พี่อยากให้เตชน์รู้จักแกไว้บ้าง อย่างน้อยก็ให้ได้มาไหว้ก็ยังดี” เตชน์มองหน้าพี่ชายแล้วถอนหายใจออกมาอย่างเสียมิได้ เพราะยังไม่มีครอบครัวและพี่ชายก็อยากให้อยู่บ้านเดียวกันเนื่องจากบ้านหลังนี้ใหญ่โตมากเกินกว่าที่ตุลย์และภรรยาจะอยู่กันเพียงสองคนและเตชน์เองก็ยังไม่มีใครจึงควรมาอยู่ด้วยกัน ถึงอย่างนั้นตั้งแต่ทำงานเขาก็กลับมาบ้านนับครั้งได้ ชายหนุ่มซื้อห้องชุดสุดหรูไว้กลางใจเมืองและมักจะอยู่ที่นั่นมากกว่าบ้านเนื่องจากมีความเป็นส่วนตัว สามารถพาใครมานอน หรือทำหลายๆอย่างได้โดยที่ไม่ต้องเกรงใจใคร

ดวงตาคมของชายหนุ่มรูปงามวัย 36 ปีมองมายังหญิงสาวอายุ 18 รูปร่างผอมบางที่ยืนอยู่ข้างพี่ชายและพี่สะใภ้ด้วยสายตาที่เครียดจัด ใบหน้าของเด็กคนนี้คล้ายกับใครบางคนที่เคยรู้จัก ใครบางคนที่แม้แต่ชื่อก็ยังไม่อยากจะได้ยินด้วยซ้ำ จากที่คิดว่าชีวิตคงไม่ต้องพบเจอกับคนเลวๆอีกกลับกลายเป็นว่าโลกดันเหวี่ยงทายาทของคนพวกนั้นให้มาอยู่ใกล้ชิดแทนเสียได้

“ไหว้คุณอาเตชน์สิลันธ์” นรีบอกกับเด็กสาวที่ตนเพิ่งรับมาเป็นลูกบุญธรรมเสียงหวาน เด็กสาวทำตามคำสั่งของนรีอย่างง่ายดาย เธอยกมือไหว้ทำความเคารพเขา แต่ทว่าสิ่งที่ได้ตอบกลับมาคือสายตาที่เย็นชาและความหมางเมินของอีกฝ่าย

“สวัสดีค่ะคุณอาเตชน์”

“เรียกฉันว่าคุณเตชน์ดีกว่า ฉันยังไม่มีหลานและเธอก็ไม่ใช่หลานของฉันดังนั้นไม่ต้องมานับญาติกัน” คำพูดที่แสนเรียบแต่น้ำเสียงและแววตากระด้างจนรู้สึกได้ว่าเขาคงไม่ชอบเธอนัก

“ค่ะคุณเตชน์” ศศิปิลันธ์รับคำเสียงแผ่ว ตุลย์มองหน้าภรรยาและหันมามองน้องชายของตัวเองที่ยืนทำหน้านิ่งพอจะเข้าใจว่าทำไมเตชน์ถึงมีท่าทีแบบนี้ ดูเหมือนว่าเขามีเรื่องที่จะต้องคุยกับน้องชายแบบจริงๆจังๆเสียแล้ว

“ลันธ์มากับแม่ เดี๋ยวแม่จะพาหนูไปดูน้องนอนนะลูก” นรีเอ่ยปากชวนเมื่อเห็นว่าบรรยากาศค่อนข้างที่จะน่าอึดอัด

ศศิปิลันธ์มองห้องนอนของเธอด้วยความตื่นเต้น ห้องนี้ใหญ่กว่าห้องนอนที่บ้านเก่ามาก มันเหมือนห้องชุดห้องหนึ่งที่มีเครื่องเรือนครบครันเลยทีเดียว

“ชอบไหมจ๊ะ” นรีถามเสียงหวาน ท่าทางของเธอก็เหมือนกับผู้ใหญ่ใจดีที่พร้อมจะดูแลคนตกยากทำให้ศศิปิลันธ์รู้สึกอบอุ่นในอกอย่างบอกไม่ถูก

“มันใหญ่เกินไปสำหรับหนูค่ะคุณป้า”

“เรียกว่าแม่สิจ๊ะ แม่รับหนูเป็นลูกบุณธรรมแล้ว ดังนั้นหนูควรจะเรียกแม่” นรีบอกอาจจะเพราะเธอไม่มีลูกพอได้ศศิปิลันธ์มาก็เหมือนว่าหญิงสาวคนนี้เข้ามาเติมเต็มความรู้สึกขาดตรงนี้ได้ ถึงแม้จะรู้จักและเจอกันไม่นานนรีก็รู้สึกรักศศิปิลันธ์มากเสียแล้ว

“ค่ะคุณแม่” ศศิปิลันธ์เรียกตามที่อีกฝ่ายบอก คำว่าแม่ทำให้หัวใจดวงน้อยสะท้านเพราะคิดถึงบุพการีผู้ให้กำเนิดทั้งสองท่านจับใจ หลังจากพ่อกับแม่จากไปอย่างไม่มีวันหวนกลับเธอก็เหมือนถูกกระแสน้ำพัดพาชีวิตไปตามยถากรรม แต่โชคยังดีที่มีคนใจบุญช่วยเธอขึ้นมาจากกระแสน้ำที่เชี่ยวกรากนั้น

“ต่อไปบ้านหลังนี้คือบ้านของหนู หนูคือลูกแม่กับพ่อ ส่วนเรื่องของคุณเตชน์หนูไม่ต้องกังวลนะ เขาอาจจะพูดจาไม่ค่อยดีบ้างอย่าไปถือสาเลย เขาเป็นคนที่เก่งมากและเป็นผู้ชายดีมากคนหนึ่งเพียงแต่มีเปลือกที่ค่อนข้างกระด้างไว้ปกป้องบางอย่างเท่านั้น”

“ค่ะ”

“นอกจากแม่และพ่อแล้ว หนูยังมีญาติผู้ใหญ่อีกหลายคนนะลูก แต่คนที่น่าจะรักและเอ็นดูหนูมากทีก็ที่สุดน่าจะเป็นลุง เขาเป็นพี่ชายแท้ๆของศศิแม่ของหนูนั่นแหละ”

“คุณลุงหรือคะ”

“ใช่จ๊ะชื่อศรุต แต่ตอนนี้ลุงเขาทำงานอยู่ต่างประเทศ แม่บอกเรื่องของหนูกับลุงไปแล้ว น้ำเสียงเขาดีใจมากนะ แม่คิดว่าถ้าว่างคงจะรีบบินกลับมาหาลันธ์แน่ๆจ๊ะ” ศศิปิลันธ์ยิ้มดีใจเมื่อฟังจบ

“ดีจังเลยค่ะ”

“เดี๋ยวหนูพักผ่อนนะลูก ตอนเย็นแม่จะพาไปรู้จักกับนมสองที่เรือนหลังเล็ก ท่านเป็นแม่นมของคุณพ่อตุลย์และคุณเตชน์ เป็นผู้ใหญ่ที่ใจดีมาก ตอนนี้นมสองยังไม่กลับจากวัดเลยน่าจะกลับมาเย็นนี้”

“ค่ะคุณแม่” เด็กสาวรับคำ เมื่อนรีออกไปจากห้องแล้วศศิปิลันธ์ก็หยิบรูปของพ่อแม่บังเกิดเกล้าออกมาจากกระเป๋าและวางรูปนั้นไว้ที่โต๊ะข้างหัวเตียง

“พ่อคะ แม่คะ หนูคิดถึงทั้งสองคนจังเลย แต่พ่อกับแม่ไม่ต้องห่วงนะคะหนูต้องอยู่ให้ได้ หนูจะเข้มแข็ง เท่าที่เห็นพ่อตุลย์กับแม่นรีเป็นคนใจดีและเมตตาหนูมากค่ะ พ่อกับแม่ อยู่บนฟ้าให้สบายเลยแต่ว่างๆมาหาหนูบ้างก็ดีค่ะ หนูรักพ่อกับแม่มากนะคะ” เด็กสาวคุยกับภาพถ่ายน้ำตาคลอคิดถึงคนในภาพแทบขาดใจ

นมสองที่นรีบอกจะพามาพบนั้นเป็นหญิงชราวัย 70 ปีที่ยังดูอ่อนกว่าวัยหลายปี บุคลิกของนางทำให้คนที่อยู่รอบข้างรู้สึกสบายใจ แววตาที่อ่อนโยนและท่าทางที่ดูเข้าอกเข้าใจโลกทำให้ศศิปิลันธ์รู้สึกผ่อนคลายไม่อึดอัด

ท่าทางเจียมตัวของศศิปิลันธ์ทำให้หญิงชรานึกเอ็นดู ถึงแม้จะอยู่ในช่วงวัยรุ่นเด็กสาวคนนี้ก็วางตัวกับผู้ใหญ่ดีมาก ไม่กระโดกกระเดก และไม่ล้นเหมือนเด็กหลายคนที่นางเคยพบเคยเจอมา

นรีเล่าเรื่องราวของเด็กสาวให้นมสองฟังอย่างละเอียด พอฟังจบหญิงชราก็รู้สึกสงสารและเห็นใจเด็กสาวมากเลยทีเดียว ส่วนเรื่องในอดีตที่ผ่านมามันเป็นเรื่องนานแล้วจึงไม่มีความจำเป็นต้องรื้อฟื้นขึ้นมาอีก นางเคยโกรธปิลันธ์กับศศิวิมลที่ทำให้เตชน์ต้องเสียใจและทำตัวเหมือนคนไม่มีหัวใจจนถึงทุกวันนี้ แต่สองคนนั้นจากไปแล้วความไม่พอใจความโกรธก็ควรจะจากไปด้วย

“คุณเตชน์เจ้าคิดเจ้าแค้นเหลือเกิน เวลาก็ผ่านไปนานแล้วจนคนก็ตายจากไปแล้วยังจะไปโกรธไปแค้นเข้าอีก” นมสองบ่นอย่างเสียมิได้หลังจากที่ได้รู้ถึงท่าทีของเตชน์จากปากของนรีที่ค่อนข้างจะกังวลกับเรื่องนี้พอสมควร อาจจะเป็นเพราะตั้งแต่เด็กจนโตเตชน์ไม่เคยผิดหวัง เขามักจะได้อะไรตามความปรารถนาทุกอย่างเนื่องจากทั้งพ่อแม่ รวมถึงพี่ชายตามใจมาตั้งแต่เด็ก แต่ถึงจะร้ายแค่ไหนก็ต้องยอมรับว่าเตชน์เป็นคนเก่งมากคนหนึ่ง ชายหนุ่มบริหารงานได้เก่งกว่าตุลย์ผู้เป็นพี่ แต่ตุลย์เป็นคนที่เข้าถึงได้ง่ายมากกว่าและใจดีกว่าน้องชายมาก คนเป็นพี่ชอบเรื่องการจัดการและการพบปะสังสรรค์กับผู้คนมากกว่าคนน้องหลายเท่านัก

“นรีอาจจะต้องฝากให้คุณนมช่วยดูแลยายลันธ์บ้างนะคะ คุณนมเองก็ทราบว่าเราเดินทางกันบ่อยมาก” นมสองยิ้มให้นรี

“ถึงคุณนรีไม่ฝากนมก็พร้อมที่จะดูแลหนูลันธ์ด้วยความเต็มใจค่ะ”

“หนูต้องเป็นเด็กดีของนมสองนะลูก”

“ค่ะคุณแม่” ศศิปิลันธ์รับคำในใจแอบสงสัยเรื่องที่นรีกับนมสองคุยกัน อยากรู้เหลือเกินว่าพ่อกับแม่ทำอะไรให้ผู้ชายที่ชื่อเตชน์โกรธ

ภาพการพูดคุยของทุกคนอยู่ในสายตาของเตชน์ แทบจะตลอดเวลาความจริงก็ไม่ได้อยากจะสนใจนักหรอก แต่บังเอิญตั้งใจจะมาหานมสองแต่ดันมาพบว่านรีพาเด็กสาวที่ไม่ถูกชะตาตั้งแต่แรกพบมาแนะนำตัวกับหญิงชราเสียก่อน เลยหยุดฟังก็เท่านั้น

“ตายไปแล้วยังจะส่งลูกสาวมาสะกิดแผลฉันอีกนะ ร้ายทั้งผัวทั้งเมีย ยายเด็กนี่ก็คงไม่ต่างกัน ดีไม่ดีจะรับเอาความเลวของพ่อแม่มาแบบเต็มๆเลยก็ได้” เตชน์บ่นน้ำเสียงหงุดหงิด ทำไมเขาจะต้องมาพบเจอกับคนพวกนี้อีกนะ

1 ปีต่อมา

เตชน์นั่งฟังทนายความประจำตระกูลอ่านพินัยกรรมของพี่ชายและพี่สะใภ้ด้วยสีหน้าที่นิ่งสนิท สายตาของเขามองมายังหญิงสาววัย 20 ปีที่นั่งก้มหน้าร้องไห้อยู่ข้างๆนมสองด้วยความหมั่นไส้เป็นที่สุด พี่ชายและพี่สะใภ้ของเขาประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตระหว่างเดินทางไปติดต่อเรื่องงานเรือโดยสารลำที่ตุลย์และนรีใช้เดินทางเกิดอับปางลงกลางทะเล การจากไปอย่างกระทันหันทำให้เขาต้องเข้ามารับผิดชอบต่องานจากพี่ชายในหลายๆเรื่องรวมถึงเรื่องของแม่เด็กกาฝากนามว่าศศิปิลันธ์คนนี้ด้วย ตามพินัยกรรมระบุไว้ว่าเตชน์จะต้องดูแลและให้การศึกษากับเธอจนจบปริญญาตรี และหญิงสาวมีสิทธิ์ที่จะอยู่บ้านหลังนี้ได้จนกว่าเธอจะแต่งงาน

“เพื่อความสะดวกผมอยากจะขอร้องให้นมสองช่วยดูแลเด็กคนนี้แทนผมด้วยเพราะผมคงไม่มีเวลามากนัก” เตชน์พูดกับนมสองหลังจากที่ทนายออกจากบ้านไปแล้ว

“นมยินดีค่ะ”

“ส่วนเธอศศิปิลันธ์ สิ่งที่ต้องทำคือทำตัวให้ดี อย่าทำตัวเหลวไหล ความจริงฉันอยากให้เธอขนข้าวของไปอยู่ที่เรือนเล็กกับนมสองน่าจะดีที่สุดเพราะฉันเป็นผู้ชาย เธอเป็นผู้หญิงถ้าจะให้อยู่ร่วมตึกเดียวกันคงไม่เหมาะ แต่ไหนๆเธอก็อยู่ที่ตึกนี้แล้วก็อยู่ต่อไปเถอะ เพราะฉันเองก็คงไปๆมาๆเราคงไม่ได้เจอกันนักอีกอย่างฉันกับเธออยู่คนละปีกตึกคงไม่ได้เจอหน้ากันบ่อย ” เตชน์บอก

“ค่ะ”

“ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ควรเสนอหน้ากับฉันด้วย”

“คุณเตชน์ทำไมพูดแบบนี้คะ” นมสองเตือนเมื่อเห็นว่าเตชน์พูดจาไม่ดีนัก

“บอกตรงนะครับ ผมไม่อยากเห็นหน้าเด็กคนนี้เท่าไหร่ พี่ชายกับพี่สะใภ้ผมรับมาเป็นลูกบุญธรรมปีเดียวก็ชะตาขาดไม่รู้ว่าเป็นตัวโชคร้ายหรือเปล่า อยู่ใกล้มากๆผมกลัวจะชะตาขาดเหมือนกัน” นมสองยกมือทาบอกไม่คิดว่าเตชน์จะพ่นวาจาร้ายกาจแบบนี้ออกมา

“หนูขอโทษค่ะ” ศศิปิลันธ์พูดได้เพียงแค่นี้น้ำตาก็ไหลออกมา

“ไม่ต้องมาบีบน้ำตา เอาเป็นว่าอยู่ที่นี่ก็ทำตัวดีๆก็แล้วกัน อย่าสร้างเรื่องปวดหัวให้ฉัน ฉันไม่ได้ใจดีเหมือนพี่ตุลย์กับพี่นรี ถ้าทำอะไรไม่ดีหรือสร้างเรื่องเสื่อมเสียจะหาว่าฉันใจร้ายไม่ได้นะ”

“ค่ะ”

“แล้วจะมานั่งเงียบทำไมไปเสียทีสิ”

“ค่ะ” ศศิปิลันธ์รับคำเสียงแผ่วและเดินจากไปเงียบๆ นมสองมองตามเด็กสาวไปด้วยความสงสารก่อนที่จะหันมามองเตชน์แบบตำหนิ

“คุณเตชน์ไม่น่ารักเลย ทำไมถึงพูดกับหนูลันธ์แบบนั้นคะ”

“ผมพูดจริงครับคุณนม เด็กนั่นถึงไม่ใช่ตัวซวยแต่ก็เหมือน” เตชน์ยังคงพ่นคำร้ายๆออกมาไม่หยุด

“ตายแล้ว คุณเตชน์ทำไมร้ายกาจแบบนี้ นมรู้ว่าคุณเตชน์ไม่ชอบยายลันธ์เพราะยังโกรธยังแค้นเรื่องในอดีตอยู่ แต่เรื่องมันก็ผ่านมานานแล้วนะคะ คนที่ทำให้คุณเจ็บก็จากโลกนี้ไปแล้วดังนั้นความเจ็บความแค้นก็ควรจะจบลงเหมือนกัน อย่าเอาความทุกข์ในอดีตมาทำลายปัจจุบันและอย่าเอาความเจ็บความแค้นของคุณมาลงกับคนที่ไม่รู้เรื่องเลยนะคะ” นมสองเตือนสติ เตชน์เป็นคนประเภทตาต่อตาฟันต่อฟันและเจ้าคิดเจ้าแค้นนางไม่อยากให้เขาเป็นแบบนี้เลยเพราะมันจะทำให้ไม่มีความสุข

“แม่กับพ่อของเด็กคนนั้นทำร้ายผมนะครับ สองคนนั้นทรยศผมอย่างเลือดเย็นคุณนมจะให้ผมดีกับลูกสาวคนที่ทำร้ายผมอย่างนั้นเหรอ ทำไม่ได้หรอก” นมสองถอนหายใจให้กับความดื้อของอีกฝ่าย

“ถ้าให้อภัยกันไม่ได้ ก็ขอให้ต่างคนต่างอยู่ได้ไหมคะ หนูลันธ์ไม่รู้เรื่องอะไรด้วยถ้าเอ็นดูแกไม่ได้ ก็ขอให้สงสารแกบ้าง และตอนนี้คุณเองก็เป็นผู้ปกครองของแกแล้วด้วยดังนั้นคุณควรใส่ใจแกให้มากขึ้นกว่าเดิม”

“ผมต้องดูแลเด็กคนนั้นอยู่แล้วพี่ตุลย์เล่นใส่ในพินัยกรรมชัดเจนขนาดนี้ แต่อย่าให้ผมไปยุ่งกับเด็กศศิปิลันธ์มากไปกว่านี้เลยนะครับ ส่วนเรื่องดูแลเอาใจใส่ก็ขอรบกวนคุณนมเรื่องนี้ด้วยนะครับ” เตชน์บอกนมสองเสียงเรียบ หญิงชราถอนหายใจออกมาแล้วพยักหน้ารับโดยดี

อ่านต่อ

หนังสืออื่นๆ ของ กุหลาบแก้ว

ข้อมูลเพิ่มเติม
เล่ห์ลวงบ่วงพันธนาการ

เล่ห์ลวงบ่วงพันธนาการ

โรแมนติก

5.0

“จูบผมหน่อยได้ไหม” น้ำเสียงคือการขอร้องและอ้อนวอน พุดแก้วยิ้มขยับตัวเข้าไปหาและค่อยๆ บรรจงจุมพิตที่ริมฝีปากเขาอย่างกล้าๆ กลัวๆ นิโคลัสใช้มือโอบรอบตัวเธอและกอดไว้แน่น ขณะที่ริมฝีปากนั้นรับจุมพิตอย่างพออกพอใจที่สุด “พอแล้ว” พุดแก้วพูดออกมาหลังจากที่ถอนริมฝีปากของตัวเองออกจากเขาและดันตัวออกห่างช้าๆ ในขณะที่คนตัวใหญ่มองอย่างเสียดาย “ทำไมล่ะ” “เพราะคุณจะไม่หยุดแค่นั้น” หญิงสาวพูดออกมาอย่างรู้ทัน “และขาคุณหัก” หญิงสาวขยับตัวออกห่างจากรัศมีของวงแขนเขา “แต่อย่างอื่นมันไม่ได้หักนี่นา ร่างกายบางส่วนของผมยังแข็งแรงดี”

นางโจรปล้นรัก

นางโจรปล้นรัก

โรแมนติก

5.0

“ตบนี้สำหรับสิ่งที่คุณทำกับคำพูดจาบจ้วงเมื่อครู่ ถ้าคุณทำอีก ฉันก็จะตบคุณอีก ไม่มีการละเว้น” นภัสคาดโทษด้วยน้ำเสียงจริงจัง อนิรุทธ์ยกมือลูบแก้มของตัวเองเบาๆ ริมฝีปากมีรอยยิ้มแฝงอยู่แววตายังคงเจ้าเล่ห์ซุกซนเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง จะบอกว่ามันไม่สลดเลยสักนิดก็ได้ “ก็ดีนะ คิดว่าคุ้มอยู่เหมือนกันหนึ่งตบแลกกับหนึ่งกอด หนึ่งจูบ หนึ่งหอม คุ้มดี” เขาทำท่าจะเข้าหาอีกต่อ แต่นภัสใช้ความเร็วหลบได้ทัน “คุณเห็นฉันเป็นอะไร คิดจะทำอะไรก็ได้อย่างนั้นเหรอ” “เห็นคุณเป็นโฉมงาม เป็นแม่โจรเสียงหวานหน้าสวยน่ะสิ คนสวยของผม”

หนังสือที่คุณอาจชอบ

คนทั้งโลกกำลังตกหลุมรักภรรยาผม

คนทั้งโลกกำลังตกหลุมรักภรรยาผม

กฤษฎิ์ แสนชล
4.9

หยุนซีแต่งงานกับกู้ซือเฉิน คุณชายที่สูญเสียสิทธิ์ที่เป็นผู้สืบทอดตระกูลแทนน้องสาว ตอนแรก พวกเขาเพียงแค่ว่าที่สามีภรรยาในนามเท่านั้น อย่างไรก็ตาม เมื่อเรื่องราวของหยุนซีถูกค่อย ๆ ถูกเปิดเผยออกมา สถานการณ์ก็เริ่มเปลี่ยนแปลงไปตาม ผู้หญิงคนนี้ไม่ได้เป็นคนธรรมดาอย่างที่คิดเลย ใครจะไปคิดว่าเธอเป็นทั้งแฮ็กเกอร์มืออาชีพ นักประพันธ์เพลงลึกลับ และทายาทคนเดียวของนักแกะสลักที่มีชื่อเสียงระดับชาติ.... มีทั้งนักร้องชื่อดัง นักแสดงที่เคยได้รับรังวัลมากมายและผู้สืบทอดของตระกูลที่ร่ำรวยมาตามจีบว่าที่ภรรยาของเขา กู้ซือเฉินควรทำอย่างไรดี?

ทะลุมิติมาเป็นภรรยาตัวน้อยของสามีพิการ

ทะลุมิติมาเป็นภรรยาตัวน้อยของสามีพิการ

มาชาวีร์
4.8

เจ้าของร่างเดิมถูกท่านย่าตัวเอง ขายให้ชายพิการด้วยเงินเพียงห้าตำลึง จึงคิดสั้นไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทำให้วิญญาณของเซี่ยซือซือทะลุมิติมาเข้าร่างแทน ชีวิตในโลกนี้บิดามารดาล้วนตายไปแล้ว เหลือเพียงน้องสาวกับน้องชายร่างกายผอมแห้งหิวโซสองคน เธอต้องช่วยพวกเขาให้รอด ก่อนจะถูกคนชั่วพวกนี้ขายทิ้งไปแบบเธอ 1 : ทะลุมิติ แคว้นจ้าว หมู่บ้านตระกูลแซ่อวี่ ภายในบ้านสกุลเซี่ย “ท่านพี่รีบกินเร็วเข้า” เสียงเด็กเล็กดังก้องอยู่ข้างหูอย่างน่ารำคาญ ว่าแต่ฉันมีน้องชายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน รู้สึกได้ถึงอะไรแข็ง ๆ มาแตะที่ริมฝีปาก ทว่ายังลืมตาไม่ขึ้น “ท่านพี่กินสิ ๆ” เซี่ยซือซือรู้สึกหนักอึ้งไปทั้งศีรษะ พยายามที่จะเปิดดวงตาขึ้นมอง เจ้าของเสียงเล็ก ๆ ด้านข้าง “ท่านพี่ ๆ ท่านพี่อย่าตายนะ ลืมตาสิท่านพี่” “นังตัวดีออกมาเดี๋ยวนี้นะ !” เสียงเอะอะโวยวายดังหนวกหูเซี่ยซือซือเป็นอย่างมาก ปัง ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นเรื่อย ๆ เซี่ยซือซือลืมตาขึ้นจนได้ พลันสมองกลับมีเรื่องราวพรั่งพรูเข้ามาไม่ขาดสาย จนต้องกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด อ๊าก ! “พี่รอง !” เด็กน้อยเซี่ยซือหยางในวัยสามหนาวเรียกพี่สาวพร้อมเบะปากอยากร้องไห้ “ท่านพี่ !” เซี่ยซานซานทิ้งบานประตูที่ตัวเองดันไว้ หันกลับมาดูพี่สาวด้วยความตกใจ “ท่านพี่ ๆ ท่านเป็นอะไร อย่าทำให้พวกข้าตกใจสิท่านพี่ !” ผลัวะ ! มีคนถีบประตูบานเก่าผุพังเข้ามาภายในห้อง เด็กทั้งสองรีบเข้าไปขวางผู้บุกรุกไม่ให้ทำร้ายพี่สาว แม่เฒ่าเซี่ย เซี่ยจิ่วเม่ย หน้าตาแลดูดุร้าย ไม่ใช่หญิงชราใจดีแต่อย่างใด ด้านหลังของแม่เฒ่าเซี่ยยังมีลูกสะใภ้บ้านใหญ่ กับบ้านรองเดินตามมา ท่าทางดุดันเอาเรื่อง “ไอ้พวกบ้านสามตัวดี กล้าลักขโมยอาหารเอาไว้กินเอง ยังเห็นแม่เฒ่าอย่างข้าอยู่ในสายตาหรือไม่ ไอ้พวกหมาป่าตาขาว ดูซิวันนี้ข้าจะจัดการพวกเจ้าอย่างไร” “ท่านย่าพวกข้าไม่ได้ขโมยนะ นี่เป็นหมั่นโถวของท่านพี่ ท่านพี่ไม่สบายข้าแค่เก็บไว้ให้ท่านพี่เท่านั้นเอง” เซี่ยซานซานยังเป็นเด็กหญิงวัยสิบหนาว แต่นางข่มความกลัวตอบโต้ผู้ใหญ่ในบ้านออกไป “หึ กฎบ้านก็มีบอกอยู่แล้วถ้าพลาดมื้ออาหารไปก็คืออด แต่พวกเจ้ากลับแหกกฎ แอบยักยอกอาหารเก็บไว้กินเอง ยังมีหน้ามาเถียงท่านแม่อีก ท่านแม่ท่านต้องลงโทษคนบ้านสามนะเจ้าคะ ไม่เช่นนั้นข้าไม่ยอมจริง ๆ ด้วย ตอนนั้นยวี่เฟยของข้านางได้พลาดมื้อเย็นไป ท่านก็ไม่ให้นางกินนะเจ้าคะ” สะใภ้บ้านรองนามว่าจงอี้ซิน ย้อนรำลึกถึงเรื่องลูกสาววัยแปดปีของตัวเองขึ้นมา “ดูเจ้าเด็กพวกนี้สิท่านแม่ กางแขนปกป้องพี่สาวตัวเอง ช่างน่าสมเพชไม่รู้จักสำเหนียกกำลังตัวเอง ถุย !” หลินพ่านเอ๋อสะใภ้บ้านใหญ่มองดูเด็กทั้งสองพร้อมถ่มน้ำลายใส่ตรงหน้า แม่เฒ่าเซี่ยมองลูกสะใภ้ทั้งสองสลับกันไปมา เดินตรงไปกระชากหมั่นโถวเย็นชืดแถมแข็งปานหิน ออกจากมือของเซี่ยซือหยาง “แง ๆ ๆ” เด็กน้อยถูกแย่งของกินของพี่สาวไป ถึงกับแผดเสียงร้องลั่น “เจ้าคนชั่ว ! เอามานะ ของท่านพี่ข้า” กำปั้นน้อย ๆ ทุบไปยังต้นขาของแม่เฒ่เซี่ย “เจ้าเด็กเนรคุณกล้าตีข้ารึ นี่นะ !” แม่เฒ่าเซี่ยเตะทีเดียวเซี่ยซือหยางก็กระเด็นไปติดกับผนังห้อง “น้องเล็ก !” เซี่ยซานซานรีบวิ่งไปอุ้มน้องชายขึ้นมากอดไว้ด้วยความตกใจ “ท่านย่า น้องเล็กยังเด็กไม่รู้ความ เหตุใดท่านถึงได้ใจร้ายเช่นนี้” “แง ๆ ๆ” เสียงร้องไห้ของเด็กน้อยฟังแล้วน่าสงสารจับใจ ดวงตาที่ปิดไว้ก่อนหน้าของเซี่ยซือซือ ลืมขึ้นหลังจากค้นพบว่า ตัวเองได้ทะลุมิติมายังอดีตอันไกลโพ้นแล้วจริง ๆ หลังจากหลับตาลืมตาอยู่หลายหน เรียบเรียงความคิดที่ไหลเข้ามาไม่ยอมหยุด เมื่อค่อย ๆ จัดการกับมันได้ ความเจ็บปวดที่ศีรษะก่อนหน้าจึงบางเบาลง และมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างเฉยชา ครบสูตรของการทะลุมิติจริง ๆ มีท่านย่าผู้ชั่วร้าย ขนาบข้างด้วยป้าสะใภ้เลวทั้งสอง ครั้นหันไปมองน้องสาวในวัยสิบขวบของตัวเองกับน้องชายตัวน้อย ทั้งตัวดำเมี่ยมเหมือนไม่ได้อาบน้ำมาเป็นเดือน ร่างกายผอมแห้งเหลือแต่กระดูก เสื้อผ้าเก่าขาดมีรอยปะชุนเต็มไปหมด เส้นผมแห้งกรังเหมือนไม่ผ่านน้ำมานาน ยกมือของตัวเองขึ้นมาดู ไม่ได้มีสภาพต่างกันแม้แต่น้อย ครั้นเงยหน้ามองป้าสะใภ้ใหญ่ร่างกายอวบอ้วนเต็มไปด้วยก้อนไขมัน ป้าสะใภ้รองแม้ไม่ได้อ้วนแต่ก็ไม่ได้ผอม ยิ่งแม่เฒ่าเซี่ยด้วยแล้ว ร่างกายบึกบึนเหมือนคนกินดูอยู่ดีมาตลอด “ท่านแม่ดูอาซือมองท่านสิเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่เห็นสายตาเย็นเยียบของคนที่นอนอยู่บนเตียงก็อดแปลกใจไม่ได้ ดูเยือกเย็นจนไม่น่าไว้ใจ “เจ้าอย่าคิดว่ากระโดดน้ำตายแล้วทุกอย่างจะจบนะอาซือ ข้ารับเงินคนบ้านถานมาแล้ว ถ้าเจ้าตายข้าจะให้อาซานไปแทนเจ้า” คำพูดของแม่เฒ่าเซี่ยทำให้ดวงตาของเซี่ยซือซือเบิกกว้าง ท่านย่าของนางขายนางให้คนบ้านถานในราคาแค่ห้าตำลึง เจ้าของร่างเดิมไม่อยากไปเป็นเมียคนพิการ เลยไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทว่าเธอที่มาจากยุคปัจจุบันกลับเข้ามาแทนที่เจ้าของร่างนี้ เจ้าของร่างเดิมว่ายน้ำไม่เป็น จึงได้ขาดอากาศตายใต้น้ำ แต่เธอที่เข้ามาสวมร่างกลับพาร่างนี้ขึ้นมาจากน้ำได้ โชคชะตาคงเล่นตลกให้เธอกับเจ้าของร่างเดิมมีชื่อเดียวกัน “ท่านย่าอาซานยังเด็กนัก ท่านอย่าได้ทำเช่นนั้นเลย” นานมากกว่าที่นางจะเอ่ยออกมา “มันอยู่ที่เจ้าอาซือ ข้าขอเตือนเอาไว้ อีกสองวันคนบ้านถานจะมารับตัวเจ้าแล้ว อย่าให้เกิดเรื่องขึ้น ไม่อย่างนั้นข้าจะส่งอาซานไปแทนเจ้า แล้วขายซือหยางทิ้งเสีย” แม่เฒ่าเซี่ยจ้องหน้าเซี่ยซือซือแบบอาฆาต เด็กนี่ก่อนหน้าดูอ่อนแอไร้ทางสู้ ทำไมวันนี้ถึงได้ดูแปลกตาไปนัก “ท่านแม่เจ้าคะ ท่านจะลงโทษคนบ้านสามเรื่องหมั่นโถวนี่อย่างไรเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่ยังไม่ยอมปล่อยสามพี่น้องไปง่าย ๆ “พรุ่งนี้งดอาหารบ้านสาม” แม่เฒ่าเซี่ยเอ่ยแล้วหันหลังเดินออกจากห้องของเด็กน้อยทั้งสามไป โดยมีสะใภ้ใหญ่เดินตามไปด้วย “พวกเจ้าได้ยินแล้วใช่ไหม จำใส่หัวเอาไว้ดี ๆ ด้วยล่ะ” สะใภ้รองหมุนตัวตามหลังไปติด ๆ “ท่านพี่ต่อไปท่านอย่าทำเช่นนี้อีกนะเจ้าคะ ข้ากับน้องเล็กจะทำอย่างไร ถ้าท่านไม่อยู่” เซี่ยซานซานปล่อยเสียงร้องไห้ในทันที

หลินซือเยว่ผู้นี้ มีสามชะตาในคราเดียว

หลินซือเยว่ผู้นี้ มีสามชะตาในคราเดียว

มาชาวีร์
5.0

หลังผ่าตัดนักพรตเฒ่าผู้หนึ่งนั้น นางวูบหมดสติและเสียชีวิตลงไป ลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที ก็อยู่ในร่างของคุณหนูปัญญาอ่อนที่มีชื่อเดียวกันผู้นี้เสียแล้วทั้งยังจำอดีตชาติยามเป็นปรมาจารย์เต๋าได้อีกด้วย +++ 1 : ไล่ออกจากอารามไท่ผิงกวน แคว้นจิ้น ราชวงศ์เซวียน อารามไท่ผิงกวน “ไป ๆ อาจารย์ขับไล่พวกท่านออกจากอารามแล้ว อย่าได้มาเหยียบที่นี่อีก” “ศิษย์พี่รองรีบปิดประตูเร็วเข้า !” ตุบ ! ห่อผ้าสองห่อถูกโยนออกมาจากประตูอาราม ปัง ! ตามด้วยเสียงปิดประตูลงสลักอย่างหนาแน่น สตรีนางหนึ่งยืนตัวตรงเป็นสง่า เสื้อผ้ากับเส้นผมของนางปลิวไสวดั่งไผ่ลู่ลม หลินซือเยว่เงยหน้าขึ้นมองป้ายชื่ออารามไท่ผิงกวนด้วยสายตาเลื่อนลอย อาศัยอยู่ที่นี่มานานเท่าใดแล้วนะ บางครั้งนางเองก็ลืมเลือนวันเวลาไปเหมือนกัน “คุณหนูเจ้าคะ ศิษย์น้องทั้งสองของท่านทำเกินไปแล้วนะเจ้าคะ เหตุใดถึงไล่พวกเราสองคนออกจากอารามได้เล่า” เผิงฉือกระทืบเท้าเบา ๆ ตรงไปฉวยห่อผ้าทั้งสองบนพื้น ขึ้นมาคล้องแขนตัวเองไว้ “หากไม่ได้รับคำสั่งจากอาจารย์ ศิษย์น้องทั้งสองคงไม่กล้าขับไล่ข้าออกจากอารามหรอก” น้ำเสียงของนางสงบนิ่งฟังแล้วสบายหูยิ่งนัก หาได้มีความโกรธเกลียดแต่อย่างใด “นั่นรถม้า” นิ้วเรียวสวยชี้ไปยังรถม้าคันที่มีคนนั่งเฝ้าอยู่ “ป้าเผิงไปถามดูว่าใช่รถม้าของเราหรือไม่” เผิงฉือไม่รอช้ารีบตรงไปหาคนเฝ้ารถม้าที่อยู่ใต้ต้นไผ่ในทันที ไม่ช้านางก็กลับมาพร้อมกับรอยยิ้มนิด ๆ “เป็นรถม้าของเราจริง ๆ เจ้าคะคุณหนู คนขับบอกว่าเป็นคนของตระกูลหลินเจ้าค่ะ ได้รับคำสั่งจากท่านพ่อของคุณหนู ให้มารับคุณหนูกลับตระกูลหลินเพื่อไปแต่งงานเจ้าค่ะ” “กลับไปแต่งงานนี่เอง” นางเอ่ยเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่ หันหลังกลับไปทางประตูอาราม ประสานมือค้อมตัวคำนับลาอาจารย์ เผิงฉือเห็นเช่นนั้นก็อดที่จะคำนับตามนางไม่ได้ ภายในอารามไท่ผิงกวน “อาจารย์เหตุใดถึงไม่บอกลากับศิษย์พี่ใหญ่ไปตรง ๆ ล่ะ ทำเช่นนี้นางไม่โกรธท่านไปจนวันตายเลยรึ” เหอกุ้ยแม้มีอายุยี่สิบแปดปีแล้ว ทว่าเขากราบเป็นศิษย์เจ้าอาวาสชุนหวังเหล่ยหลังสตรีผู้นั้น จึงได้เป็นเพียงแค่ศิษย์พี่รองเท่านั้น “นั่นสิอาจารย์ ศิษย์พี่ใหญ่นางไม่เคยออกจากอารามไปไหนไกล ท่านทำเช่นนี้ไม่ใช่ขับไล่นางไปสู่ความตายหรอกรึ” จางเจียเฟิ่งเห็นด้วยกับศิษย์พี่รองของเขา “ให้มันน้อย ๆ หน่อยเจ้าศิษย์โง่ทั้งสอง พวกเจ้าคิดว่าอารามไท่ผิงกวนแห่งนี้ สามารถอยู่รอดมาได้เพราะใครกัน หากไม่ใช่เพราะฝีมือของศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้า เห็นนางเงียบ ๆ แบบนั้น ความคิดนางกว้างไกลยิ่งนัก อาจารย์อย่างข้ายังเทียบนางไม่ติดด้วยซ้ำไป” เจ้าอาวาสชุนปีนี้อายุอานามปาเข้าไปหกสิบห้าปีแล้ว ทว่าร่างกายยังแข็งแรง อารามเต๋าแห่งนี้มีวิถีแบบไม่เคร่งครัด ใช้ชีวิตเยี่ยงฆราวาสผู้หนึ่ง สามารถแต่งงานมีครอบครัวได้ “อาจารย์นางอยู่ในอารามวาดยันต์กันภัยให้ชาวบ้านที่มากราบไหว้ ตั้งโต๊ะรักษาโรคภัยให้ผู้คนในตัวอำเภอฝู แต่หนนี้นางต้องกลับบ้านไปเพื่อแต่งงาน นางบริสุทธิ์ถึงเพียงนั้นมิถูกสามีจับกลืนกินจนไม่เหลือกระดูกหรอกรึ” เหอกุ้ยนึกภาพเทพเซียนผู้สูงส่งอย่างหลินซือเยว่ หากต้องร่วมเตียงกับบุรุษหยาบกระด้าง เพียงเท่านั้นเขาก็ทำใจไม่ได้จริง ๆ แทบอยากจะไปแย่งตัวศิษย์พี่ใหญ่ของตัวเองกลับคืนมา “เลิกคร่ำครวญได้แล้ว กลับไปกวาดลานอารามกับตรวจดูน้ำมันตะเกียงให้เรียบร้อย ศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้าไม่อยู่ เจ้าทั้งสองต้องรีบร่ำเรียนศึกษาหาความรู้ อารามไท่ผิงกวนจะได้เจริญรุ่งเรืองในภายภาคหน้าต่อไปได้” เจ้าอาวาสชุนทำเสียงดังใส่ลูกศิษย์ทั้งสอง “ไป ๆ ข้าจะสวดมนต์” โบกมือไล่ทั้งคู่ให้ออกจากห้องสวดมนต์ไป เจ้าอาวาสชุนรีบลุกไปปิดประตูลั่นกลอน ท่าทางลุกลี้ลุกลนจนผิดปกติ ย่องเบา ๆ ไปที่ใต้เตียงนอน ดึงหีบไม้เก่าเก็บออกมา ครั้นกดสลักเปิดออก ก็พบตั๋วเงินจำนวนสามพันตำลึงอยู่ในนั้น ตระกูลหลินที่ไม่ได้บริจาคน้ำมันตะเกียงมาหลายปี จู่ ๆ ก็ส่งตั๋วเงินมาให้ พร้อมกับขอรับคนกลับไปเพื่อแต่งงาน ช่วงนี้ชาวบ้านมาทำบุญที่อารามน้อยลง หลินซือเยว่ก็ไม่รู้ว่าเกิดอันใดขึ้นกับนาง ถึงไม่ยอมลงจากอารามไปรักษาผู้คน รายได้เลยหายหดแทบจ่ายอาหารการกิน(สุรานารี)ไม่พอ ตั๋วเงินสามพันตำลึงนี่มาได้ทันเวลาพอดี ! แครก ๆ ๆ ๆ เสียงกวาดลานหน้าอารามดังขึ้นพร้อมกับเสียงบ่นของเหอกุ้ย “ข้ารู้ว่านางเก่งเอาตัวรอดได้ ข้าเพียงไม่อยากให้นางไปก็เท่านั้น” “ศิษย์พี่รองท่านอย่าได้เสียใจไปเลย ไม่ใช่ว่ามีแต่นางที่ต้องแต่งงานมีครอบครัว ท่านเองก็เถอะที่บ้านส่งคนมารับทุกปีไม่ใช่รึ” จางเจียเฟิ่งรู้ดีว่าตนและเหอกุ้ย ถูกครอบครัวลงโทษด้วยการส่งมาอยู่ยังอารามแห่งนี้ ทว่าเพียงชั่วคราวเท่านั้น “ตัวข้านั้นไม่เป็นไรหรอก เจ้านั่นแหละศิษย์น้องสาม ข้าได้ยินว่าที่บ้านของเจ้า เพิ่งหาคู่หมั้นหมายคนใหม่ให้เจ้าอีกคนแล้วไม่ใช่รึ” สองศิษย์พี่น้องหยุดกวาดลานอาราม แล้วหันหน้าไปมองตากัน จากนั้นพวกเขาก็ถอนหายใจดัง ๆ พร้อมกัน ไม่มีศิษย์พี่ใหญ่อยู่ด้วย นับจากนี้ไปยามทำความผิดใครจะออกหน้าคอยช่วยเหลือ ยามเงินหมดใครจะให้หยิบยืม ยิ่งคิดพวกเขาก็ยิ่งไม่สบายใจเป็นอย่างมาก บนถนนมุ่งหน้าสู่เมืองหลวง รถม้าไม้ธรรมดาไม่เล็กไม่ใหญ่ ไร้ป้ายชื่อตระกูลบอกกล่าว คล้ายไม่อยากให้ผู้อื่นล่วงรู้ว่าคนที่นั่งอยู่ด้านในเป็นใคร เผิงฉือพยายามหลอกถามคนขับรถม้าอยู่หลายหน ถึงสถานการณ์ของตระกูลหลินในยามนี้ นางไม่เคยไปที่นั่นมาก่อนไม่รู้จักใครสักคน คนขับรถม้าตอบว่า เขามีหน้าที่มารับคุณหนูรองกลับบ้านเท่านั้น เรื่องอื่นนั้นเขาไม่รู้จริง ๆ “ได้ถามหรือไม่ ใช้เวลากี่วันในการเดินทาง” หลินซือเยว่เอ่ยเสียงเนิบ ๆ “ถามแล้วเจ้าค่ะ เขาบอกว่าราว ๆ สิบวันก็ถึงเมืองหลวงแล้ว” “สิบวันเชียวรึ” หลินซือเยว่มองห่อผ้าที่วางอยู่ด้านข้าง มีเพียงของใช้จำเป็นของนางไม่กี่ชิ้น พร้อมกับก้อนเงินจำนวนห้าสิบตำลึง “คงต้องแวะซื้อของในอำเภอฝูเสียก่อน” เผิงฉือรีบเปิดม่านบอกกับคนขับรถม้า แต่เขากลับทำเสียงฮึดฮัดคล้ายไม่พอใจ “เสียเวลาเดินทางเปล่า ๆ” น้ำเสียงเขากระด้างกระเดื่อง

รักใหม่พันล้าน

รักใหม่พันล้าน

Hilarius Erikson
5.0

เสิ่นชิงชิว หลานสาวของเศรษฐีที่รวยที่สุดในเมืองไห้ คบหาอยู่กับลู่จั๋วมาเป็นเวลาสามปีแล้ว แต่ความจริงใจของเธอกลับสูญเปล่า ลู่จั๋วปฏิบัติกับเธอเพียงในฐานะหญิงบ้านนอกคนหนึ่ง และทอดทิ้งเธอในวันแต่งงาน โดยไปหารักแรกของเขา หลังจากเลิกรากันอย่างเด็ดขาด เสิ่นชิงชิวก็กลับมามีสถานะเป็นสาวรวยอีกครั้ง ได้รับมรดกมูลค่าหลายร้อยพันล้าน และเริ่มต้นชีวิตที่รุ่งโรจน์ที่สุด แต่แล้วมักจะมีคนโผล่มาทไให้กับเธอหงุดหงิดอยู่เสมอ! ขณะที่เธอกำลังจัดการกับผู้ร้าย คุณชายฟู่ผู้มีอำนาจนั้นก็ปรบมือและโห่ร้องว่า "ที่รักของฉันสุดยอดมากจริงๆ"

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ
พรหมลายรัก
1

บทที่ 1 พรหมลายรัก...บทนำ

21/07/2022

2

บทที่ 2 พรหมลายรัก บทที่ 1…..จำเป็นต้องช่วย

21/07/2022

3

บทที่ 3 พรหมลายรัก บทที่ 2.....ทำงานร่วมกัน

21/07/2022

4

บทที่ 4 พรหมลายรัก บทที่ 3…..ได้รับความช่วยเหลือโดยไม่คาดคิด

21/07/2022

5

บทที่ 5 พรหมลายรัก บทที่ 4…..บทลงโทษคนปากดี

21/07/2022

6

บทที่ 6 พรหมลายรัก บทที่ 5.....ความจริงที่ได้รับรู้

21/07/2022

7

บทที่ 7 พรหมลายรัก บทที่ 6…..พบญาติทางแม่

21/07/2022

8

บทที่ 8 พรหมลายรัก บทที่ 7.....กันชน

21/07/2022

9

บทที่ 9 พรหมลายรัก บทที่ 8.....พ่อสื่อจำเป็น และไม่เต็มใจ

21/07/2022

10

บทที่ 10 พรหมลายรัก บทที่ 9…..มิตรภาพของคนสองคน

21/07/2022

11

บทที่ 11 พรหมลายรัก บทที่ 10…..เพราะเธอคือคนของฉัน

21/07/2022

12

บทที่ 12 พรหมลายรัก บทที่ 11…..แผนการณ์ร้ายที่อยู่ในใจ

21/07/2022

13

บทที่ 13 พรหมลายรัก บทที่ 12…..ปราบพยศ

21/07/2022

14

บทที่ 14 พรหมลายรัก บทที่ 13…..ความหึงหวงภายในใจ

21/07/2022

15

บทที่ 15 พรหมลายรัก บทที่ 14.....การชดใช้ที่ยินยอมพร้อมใจ

21/07/2022

16

บทที่ 16 พรหมลายรัก บทที่ 15.....ข้อเสนอและข้อตกลง

21/07/2022

17

บทที่ 17 พรหมลายรัก บทที่ 16.....เริ่มต้นทำตามข้อตกลง

21/07/2022

18

บทที่ 18 พรหมลายรัก บทที่ 17…..ความรู้สึกลึกๆที่อยู่ในใจ

21/07/2022

19

บทที่ 19 พรหมลายรัก บทที่ 18…..หวง

21/07/2022

20

บทที่ 20 พรหมลายรัก บทที่ 19.....ความห่วงใยที่มีให้กัน

21/07/2022

21

บทที่ 21 พรหมลายรัก บทที่ 20…..อ้อน

21/07/2022

22

บทที่ 22 พรหมลายรัก บทที่ 21…..คุณลุงผู้เมตตา

21/07/2022

23

บทที่ 23 พรหมลายรัก บทที่ 22…..สะเทือนใจและความจริงที่เจ็บปวด

21/07/2022

24

บทที่ 24 พรหมลายรัก บทที่ 23.....การตัดสินใจของเธอ

21/07/2022

25

บทที่ 25 พรหมลายรัก บทที่ 24.....คำสารภาพที่ไม่น่าเชื่อถือ

21/07/2022

26

บทที่ 26 พรหมลายรัก บทที่ 25.....เรื่องที่ไม่คาดคิด

21/07/2022

27

บทที่ 27 พรหมลายรัก บทที่ 26.....เจ็บครั้งนี้มันทรมานกว่าครั้งแรก

21/07/2022

28

บทที่ 28 พรหมลายรัก บทที่ 27.....ง้อแบบเป็นทางการ

21/07/2022

29

บทที่ 29 พรหมลายรัก บทที่ 28.....ช่วยออกไปจากชีวิตของฉัน

21/07/2022

30

บทที่ 30 พรหมลายรัก บทที่ 29…..ลองใจ

21/07/2022

31

บทที่ 31 พรหมลายรัก บทที่ 30.....เวลาแห่งรักเริ่มขึ้นและมันยังคงดำเนินต่อไป

21/07/2022