Login to MeghaBook
icon 0
icon เติมเงิน
rightIcon
icon ประวัติการอ่าน
rightIcon
icon ออกจากระบบ
rightIcon
icon ดาวน์โหลดแอป
rightIcon
จางม่านอวี้ นางสนมล่มเมือง

จางม่านอวี้ นางสนมล่มเมือง

อัญญาณี

5.0
ความคิดเห็น
81.2K
ชม
93
บท

ด้วยหน้าที่ทำให้จางม่านอวี้ต้องมายืนอยู่ในตำแหน่งพระสนม ทั้งที่รู้ว่าไม่คู่ควรกับตำแหน่งนี้ และเชื่อว่านางจะไม่เป็นที่พอพระทัยของฮ่องเต้ แต่คงไม่มีใครคาดคิดว่า พระสนมนอกสายตาที่ไม่มีความงามเฉิดฉาย จะเป็นนางสนมล่มเมือง ที่ฮ่องเต้ องค์ชายและแม่ทัพหนุ่ม หวังชิงดวงใจนาง “ต้าเหว่ย” พระสนมจางม่านอวี้เรียกชื่อเพื่อนสนิทที่ก้มลงคำนับ “ทำไมต้องพิธีรีตองด้วย เจ้าเป็นเพื่อนข้านะ” “ตอนนี้มันไม่เหมือนเดิมแล้วพ่ะย่ะค่ะ เวลานี้ท่านเป็นพระสนม กระหม่อมจะปฏิบัติตัวเช่นเดิมมิได้” แม่ทัพเฉินต้าเหว่ยกล่าวอย่างเจียมตน รู้สึกเหมือนคมมีดกรีดหัวใจ เจ็บปวดกับสถานะที่ไกลเกินเอื้อม จางม่านอวี้หน้าเศร้า ในดวงตามีน้ำใสๆ คลอ “เช่นเดียวกับหัวใจของเจ้าใช่ไหมที่ไม่เหมือนเดิม” คำพูดตัดพ้อเอ่ยถาม “หัวใจของกระหม่อมยังคงเช่นเดิม แน่นหนักดังหินผา ต่อให้พระสนมเป็นของชายใด หัวใจกระหม่อมมิเคยเปลี่ยนแปลง” ดวงตาของทั้งคู่สบประสาน เปิดเผยความรู้สึกให้อีกฝ่ายได้รับรู้ จางม่านอวี้ไม่คิดว่า ตนเองจะตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ หากนางรู้มาก่อนว่า จะต้องเป็นสนมของฮ่องเต้ นางจะเปิดใจรับเฉินต้าเหว่ย และอยู่กินฉันผัวเมีย ไม่ใช่เป็นพระสนมของฮ่องเต้จูหมิง ผู้ชายที่แก่คราวพ่อ “ข้าดีใจที่ได้ยินคำนี้” จางม่านอวี้รู้สึกเช่นนั้นจริงๆ ความเหี่ยวเฉาในหัวใจ เสมือนต้นไม้ไร้น้ำมาชโลมรด ตอนนี้เหมือนมีน้ำพรมให้ชุ่มฉ่ำ แม้ว่าน้ำจะเพียงบางเบา ทว่ามีอณุภาพใหญ่หลวง ชะตาความรักของทั้งคู่จะลงเอยเช่นไร ไม่มีใครล่วงรู้ นอกจากสวรรค์เบื้องบนที่ลิขิตเส้นทางให้ทั้งสองก้าวเดิน

บทที่ 1 1

1

พิธีแต่งงานอันยิ่งใหญ่แห่งเมืองหลานหยู หนึ่งในเมืองใหญ่ของแคว้นจ้านที่อยู่ใต้การปกครองของฮ่องเต้จูหมิง ฮ่องเต้ที่ถูกขนานนามว่า มีสนมมากที่สุดในบรรดาผู้ปกครองแคว้นทั้งหมด นางสนมของเขามีจำนวนนับร้อย นางสนมเกินครึ่งเป็นบรรณาการจากเมืองต่างๆ ที่อยู่ใต้อาณัติของแคว้นจ้าน จะมีนางสนมไม่กี่คนที่ได้มาจากความลุ่มหลงส่วนตัว และมีฮองเฮานามว่า จิวหยวน ฮองเฮาที่เปี่ยมล้นไปด้วยความสวยและความเฉลียวฉลาดพิธีแต่งงานถูกจัดขึ้นในจวนของจางเฟย เจ้าเมืองหลานหยู

เจ้าสาวในงานคือจางเหว่ย คุณหนูสามของตระกูลจาง ผู้มีรูปโฉมงดงามราวกับนางฟ้า ส่วนเจ้าบ่าวคือ หลิงเปียว ลูกชายคนรองของอำมาตย์หลิงฮวยเถา อำมาตย์คนสนิทของฮ่องเต้ การแต่งงานของเขาและเธอไม่ได้เกิดขึ้นเพราะความรัก แต่เกิดจากการเมือง เช่นเดียวกับการออกเรือนของคุณหนูใหญ่และคุณหนูรองก็มาจากเหตุผลเดียวกัน เหลือเพียงคุณหนูสี่ คนเดียวที่ยังไม่ได้แต่งงาน

แขกเหรื่อที่มาร่วมแสดงความยินดี เกินครึ่งหนึ่งเป็นบุคคลที่มียศศักดิ์ เป็นขุนนางในราชสำนักที่ไม่ได้เดินทางมาร่วมงานเพียงอย่างเดียว แต่มาร่วมหารือเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่งด้วย

พิธีแต่งงานดำเนินมาจนจบพิธี แขกที่มาร่วมงานพากันเดินทางกลับบ้าน จางม่านอวี้มองพี่สาวคนที่สามที่ออกเรือนไปด้วยสายตาเศร้าสร้อย ในใจของนางเกิดความว้าเหว่ขึ้นมาทันใด ในบ้านหลังใหญ่หลังนี้ นับวันจะมีคนอาศัยเหลืออยู่น้อยลงทุกที หากไม่รวมบ่าวไพร่ในบ้าน ก็เหลือเพียงแค่บิดา มารดา ท่านย่าและตัวนาง

หลังเสร็จสิ้นงาน จางม่านอวี้เดินไปนั่งเล่นอยู่ศาลาหลังบ้าน เป็นสระบัวขนาดใหญ่ ที่ตรงนั้นมีพิณตัวโปรดของนางตั้งอยู่ อีกไม่นานเสียงพิณที่บ่งบอกถึงความเศร้าดังขึ้น

“วันนี้เป็นวันดี เหตุใดเสียงพิณของเจ้า จึงเต็มไปด้วยความเศร้าเช่นนี้”

ผู้ถามเดินเข้ามาหาคนเล่นพิณ จางม่านอวี้เงยหน้ามองเจ้าของเสียง นางยิ้มให้รองแม่ทัพเฉินต้าเหว่ยรองแม่ทัพรูปงามที่บุกไปพิชิตชัยชนะข้าศึกนับไม่ถ้วน เขาเก่งกาจรอบด้าน กำชัยชนะไม่รู้จักกี่หน ทว่ามีเพียงเรื่องเดียวที่เขาไม่สามารถพิชิตได้ เรื่องนั้นคือ พิชิตใจจางม่านอวี้ ลูกสาวคนที่สี่ของจางเฟย

“ต้าเหว่ย เจ้ากลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่”

จางม่านอวี้ถามด้วยความดีใจที่ได้เห็นหน้า ทุกครั้งที่เขาออกศึก นางนอนไม่หลับ ใจนึกเป็นห่วงเพื่อนสนิท เกรงว่าเขาจะพลาดพลั้งกลศึก แม้รู้ว่า เขามีฝีมือมากแค่ไหน

“ข้ากลับมาเมื่อวานนี้ วันนี้เลยรีบมาหาเจ้าพร้อมไอ้นี่” เขาชูห่อผ้าขึ้นสูง จางม่านอวี้หน้ามู่เมื่อเห็นห่อผ้า เพราะรู้ดีว่า อะไรอยู่ในนั้น

“เจ้านี่นะ มาหาข้าทีไรก็เอาแต่หมั่นโถวมาให้ ข้ากินจนหน้าจะเป็นหมั่นโถวแล้วนะ” ปากว่า มือก็ยื่นไปรับห่อผ้ามาวางไว้ข้างพิณ ก่อนจะแก้ห่อผ้าออก

“แล้วเจ้าจะกินไหมล่ะ ข้าทำสุดฝีมือเลยนะ” แม่ทัพหนุ่มพูด

“เจ้าทำให้ข้ากิน ข้าก็ต้องกินสิ”

นอกจากเฉินต้าเหว่ยจะเก่งเรื่องกลศึก เขายังเป็นคนทำหมั่นโถวได้อร่อยที่สุดในเมืองนี้ เฉินต้าเหว่ยไม่ได้เป็นพ่อครัวที่ทำให้ใครกินเรื่อยเปื่อย รองแม่ทัพหนุ่มทำให้นางทานคนเดียว มีหรือที่จางม่านอวี้ นางตะกละแห่งเมืองหลานหยูจะไม่กิน นางเคี้ยวตุ้ยๆ จนคนทำยิ้มแก้มปริ

“พี่สาวเจ้ามีคู่ไปกันหมดแล้ว เหลือแต่เจ้าคนเดียว เจ้ามาแต่งงานกับข้าดีไหม ข้ายอมเสียสละความโสดแต่งงานกับเจ้า” เฉินต้าเหว่ยกล่าวทีเล่นทีจริง

“เพราะข้าไม่สวยใช่ไหม ข้าถึงยังไม่ได้มีคู่ ข้าสวยสู้พี่ใหญ่ พี่รองและพี่สามไม่ได้”

เป็นปมด้อยเรื่องหนึ่งของจางม่านอวี้ ที่พี่สาวทั้งสามคนของนางมีความงามละบือไกล เป็นที่หมายปองของลูกหลานเหล่าขุนนางและเจ้าเมืองอื่น ต่างกับนางที่มีรูปโฉมไม่เป็นที่หมายปองของชายใด

“ใครว่าเจ้าไม่สวย เจ้าสวยมากเลยรู้ตัวไหมม่านอวี้” น้ำเสียงที่แสดงให้รู้สึกถึงความอ่อนโยนดังผ่านปากรองแม่ทัพหนุ่ม จางม่านอวี้มองหน้าคนพูด แต่ปากก็ยังเคี้ยวหมั่นโถว “สวยที่สุดในสายตาของข้า ดวงตาเจ้าเปล่งประกายเหมือนดวงดาว ริมฝีปากเจ้าสวยอิ่มเหมือนกลีบดอกบัว แก้มเจ้าขึ้นสีเรื่อเหมือนผลลูกท้อ ความงามของเจ้าประทับในใจข้า”

หากเป็นชายอื่นมาพูดคำหวานเช่นนี้ต่อหน้านาง จางม่านอวี้คงรู้สึกดีกว่านี้ แล้วนางก็รู้ว่า ที่เขาเอ่ยประโยคนี้เพราะต้องการให้ตนสบายใจ

“แต่เราเป็นเพื่อนกันนะต้าเหว่ย เจ้าจะมาพูดจาเกี้ยวข้าแบบนี้ไม่ได้” จางม่านอวี้รีบพูด แต่ใจกลับแอบดีใจ “แล้วเราก็แต่งงานกันไม่ได้ด้วย”

“ข้าก็พูดให้เจ้าหายกังวล ข้ารู้นะว่า เจ้ากับข้าเป็นเพื่อนรักกัน คงแต่งงานกันไม่ได้” รองแม่ทัพหนุ่มไม่กล้าเปิดเผยความในใจมากกว่านี้ได้ เขารู้อยู่เต็มอกว่า จางม่านอวี้ไม่มีทางคิดกับตนมากเกินกว่าคำว่าเพื่อน เขาจึงเก็บความรักไว้อยู่แค่ในใจ “ข้าดีดพิณให้เจ้าฟังนะ เจ้าจะได้กินไปด้วยฟังพิณที่ข้าบรรเลงไปด้วย”

จางม่านอวี้ไม่ปฏิเสธรองแม่ทัพหนุ่ม นางขยับตัวไปนั่งม้านั่งฝั่งตรงข้าม หยิบหมั่นโถวลูกใหม่มากินอย่างมีความสุข ลืมเรื่องความทุกข์ในใจไปชั่วขณะ

จางม่านอวี้ หญิงเดียวในใจข้า

ความงามเจ้าแม้ว่าไม่สะดุดตา

แต่ทว่ากลับสะดุดใจข้ามิลืมเลือน

ตอนเช้าของวันใหม่จวนของจางเฟยมีแขกกลุ่มหนึ่งมาเยือน ซึ่งเจ้าของบ้านต้อนรับขับสู้อย่างดี ก่อนจะพากันเข้าไปนั่งคุยในห้องส่วนตัว เพราะเรื่องที่ทั้งหมดจะสนทนากันนั้นเป็นความลับ

“เจ้าคิดเช่นนี้จริงรึถางเจียน”

เจ้าบ้านถามถางเจียน ขุนนางฝ่ายในที่กำลังจะส่องสุมอำนาจเพื่อก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งอำมาตย์

“มันเป็นวิธีเดียวที่เราจะรู้เขารู้เรา หากเราไม่ส่งคนเข้าไปสอดแนมในวังได้ งานของเราก็จะล้มไม่เป็นท่า” ถางเจียนยกชาขึ้นจิบ ตวัดสายตามองคู่สนทนา “ตอนนี้พระสนมมู่กำลังขยายอำนาจ เราต้องคานอำนาจนางให้ได้ ไม่เช่นนั้นแคว้นจ้านก็คงเหลือแค่ชื่อ และข้าก็ได้ข่าวมาว่า แคว้นเซียงซี่กำลังรวบรวมทหารนับพันนาย มันไม่น่าไว้ใจนะ”

“แต่ข้ากลัวว่า ม่านอวี้จะทำงานนี้ไม่ได้ และไม่คิดว่าฮ่องเต้จะรับนางไว้เป็นสนม”

จางเฟยบอกเรื่องที่ตัวเองเป็นกังวล พระสนมแต่ละคนของฮ่องเต้ เลื่องลือเรื่องความงาม ที่ล้วนแต่เป็นสาวงามจากเมืองต่างๆ รวมทั้งแคว้นใกล้เคียงที่ส่งมากระชับสันติไมตรี จางม่านอวี้มีความงามไม่ถึงครึ่งของเหล่าพระสนม การที่จะให้ฮ่องเต้ชายตาแลและหลงใหล จึงเป็นไปได้ยาก

“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงไปหรอกท่านจางเฟย อย่าลืมสิว่า อำนาจที่แต่งตั้งพระสนมอยู่ในมือใคร” หลี่เซ้าเถียนขุนนางฝ่ายทหารเอ่ยขึ้น “ข้ากับถางเจียนจัดการทุกอย่างไว้แล้ว เหลือเพียงเจ้าไปบอกม่านอวี้เท่านั้น”

“ฮองเฮารู้เรื่องนี้ด้วยรึ” จางเฟยถาม ถางเจียนพยักหน้า

“ฮองเฮาเห็นด้วยที่จะให้ม่านอวี้มาเป็นพระสนม”

“ข้าขอเหตุผลได้หรือไม่ ว่าทำไมฮองเฮาจึงคิดเช่นนั้น”

“ข้าตอบตรงๆ เจ้าอย่างเคืองโกรธข้านะ” ถางเจียนออกตัว และเมื่อจางเฟยพยักหน้า ถางเจียนจึงตอบคำถามของคนต้องการรู้คำตอบ “อย่างที่เรารู้กันว่า ฮ่องเต้จูหมิงหลงใหลอิสตรีที่มีความงดงาม และเมื่อมีพระสนมคนใหม่ที่มีความงามเกินหน้าเกินตาพระสนมมู่ พระสนมมู่ก็จะจัดการให้พ้นทาง กีดกันไม่ให้ฮ่องเต้เข้าใกล้พระสนมคนนั้นๆ ซึ่งพระสนมหลายคนที่ถูกกำจัดเป็นคนของฮองเฮา ฮองเฮาจึงเปลี่ยนแผนใหม่ ให้ส่งพระสนมที่มีหน้าตาไม่ดีเข้าไปอยู่ในวัง เพื่อให้สนมคนนี้ซึ่งก็คือม่านอวี้ เข้าไปดูความเคลื่อนไหวของพระสนมมู่ที่แน่นอนว่า พระสนมมู่ต้องไม่ระแวงม่านอวี้ อาจมองข้ามไปเลยก็ได้ และนั่นก็จะทำให้งานของเราง่ายขึ้น”

พระสนมมู่เซียนเป็นธิดาคนรองของมู่ม้านเชียงแคว้นเซียงซี่ ที่ส่งบุตรสาวมาเป็นบรรณาการแก่ฮ่องเต้จูหมิง ถือเป็นการสวามิภักดิ์แก่แคว้นจ้านไปในที และสงบศึกที่ยืดเยื้อมากกว่าสิบปี ความงดงามของมู่เซียน ต้องตาต้องใจฮ่องเต้จูหมิงตั้งแต่แรกเห็น จนกระทั่งถึงวันนี้ความลุ่มหลงนั้นยังมิจางหาย แล้วยังมีพระโอรสให้ฮ่องเต้จูหมิงหนึ่งคน พระธิดาอีกหนึ่งคน และนั่นทำให้อำนาจของพระสนมมีเพิ่มมากขึ้น ฮองเฮาจิวหยวนจึงต้องคานอำนาจมู่เซียน ด้วยการดึงเหล่าอำมาตย์และขุนนางมาเป็นพวก เพราะหากปล่อยให้มู่เซียนมีอำนาจมากกว่านี้ ต่อไปภายภาคหน้าอาจไม่มีแคว้นจ้าน และตำแหน่งของนางอาจสั่นคลอน

“ม่านอวี้ต้องทำยังไงบ้าง” จางเฟยเอ่ยถามหลังเข้าใจเหตุผล

“ทำตามนี้...”

ถางเจียนบอกเรื่องที่จางม่านอวี้ต้องทำให้จางเฟยรับรู้ จางเฟยมีสีหน้าหนักใจกับเรื่องที่บุตรสาวต้องทำ นั่นไม่ร้ายเท่าเขาจะทำอย่างไรให้จางม่านอวี้ยอมเป็นพระสนมของฮ่องเต้ที่แก่คราวพ่อ

อ่านต่อ

หนังสืออื่นๆ ของ อัญญาณี

ข้อมูลเพิ่มเติม
สวาทรัก อสูรร้าย

สวาทรัก อสูรร้าย

มหาเศรษฐี

5.0

"คนอย่างเธอความเจ็บปวดแค่นี้มันยังน้อยเกินไป เธอต้องเจ็บเหมือนกับที่มินามิเจ็บ และต้องเจ็บยิ่งกว่าหลายร้อยเท่า ฉันจะทำให้เธอตายอย่างช้าๆ แต่ทุกข์ทรมานแสนสาหัส เธอจะไม่ได้ยินหรือสัมผัสกับความอ่อนโยนเมตตาจากฉัน สิ่งที่ฉันจะมอบให้เธอมีเพียงความเกลียดชังเท่านั้น จำใส่กะโหลกไว้" เรียวเหวี่ยงร่างงามไปที่เตียงนอนอย่างแรง มือหนาจับที่ข้อเท้าของเธอไว้แน่นเมื่อรู้ว่าเธอกำลังกระเถิบตัวหนี "หนีสิ หนีเลย ถ้าเธอหนี คนที่ตายเป็นคนแรกคือแม่ของเธอ ฉันจะให้แม่เธอตายเหมือนหมูเหมือนหมาข้างถนน เหมือนกับที่เธอฆ่าแม่ของฉัน" ดวงตาเขาเปล่งแสงแรงกล้าของความอาฆาต เมื่อนึกถึงข้อนี้อยากจะฆ่าหญิงสาวตรงหน้าให้ตายตามมารดาและคนที่เขารัก แต่ความตายอาจจะไม่ทำให้เขาสะใจ นอกจากกระกระทำต่อไปนี้ที่สะใจเขามากที่สุด ทรรศิกาหยุดดิ้นรนขัดขืน เขาจึงปล่อยข้อเท้าของเธอให้เป็นอิสระ จัดการปลดเปลื้องเสื้อผ้าต่อหน้าเธอ ความกลัวเริ่มเกาะกินจิตใจของเธอมากขึ้นเรื่อยๆ อยากจะวิ่งหนีออกไปจากที่นี่ แต่เมื่อนึกถึงมารดา ทำให้เธอก้มหน้ารับชะตากรรมที่กำลังจะเกิดขึ้น เรื่องที่คุณน่าจะสน

ชิงรัก

ชิงรัก

มหาเศรษฐี

5.0

ความอิจฉาน้องสาวต่างมารดาคือจุดเริ่มต้นของแผนการ “ชิงไอศูรย์” มาเป็นของตน เธอจึงใช้เล่ห์เหลี่ยมง่ายๆ คือวางยานอนหลับเขา พอตื่นขึ้นมาก็จะติ๋งต่างว่า เขากับเธอมีอะไรกัน ทว่าแผนเกิดผิดพลาด ยาที่ผสมในไวน์กลับเป็นยาปลุกเซ็กซ์ ผลที่ออกมาคือ ไอศูรย์มีความสัมพันธ์ทางกายกับเธอจริงๆ ในที่สุด ชเนตตีได้แต่งงานกับเขาตามตั้งใจ ทว่าผลที่ออกมา ไม่ได้เป็นไปตามที่คิดไว้ “เนยใส่อะไรในแก้วไวน์ของพี่ใช่ไหม ไม่อย่างนั้นพี่จะไม่มีวันอยู่ในสภาพแบบนี้” เขาถามอีกครั้งเมื่อเห็นอีกฝ่ายเงียบ เสียงที่ถามเข้มห้วน ใบหน้ายังคงเรียบตึง สายตาถมึงทึงใส่ร่างอวบที่ย่นคอหนีน้ำเสียงแผดกร้าว “ตอบพี่มา” “ใส่อะไร เนยไม่รู้เรื่อง…ฮือ…พี่เจย์ทำผิดแล้วอย่ามาโทษว่าเนยวางยาพี่นะ…ฮือ” เธอยังคงปากแข็งต่อไป หลบสายตาแข็งกร้าวพัลวัน

ลิขิตรักพญามาร

ลิขิตรักพญามาร

มหาเศรษฐี

5.0

“ว้าย!!..” เธอร้องได้เพียงเท่านั้น ก่อนที่ปากของหยาดน้ำค้างจะถูกมือใหญ่ของใครบางคนปิดเอาไว้ ลำแขนอีกข้างรัดร่างน้อยไว้แน่น ก่อนจะลากไปที่พุ่มไม้รกข้างทาง “อย่าดิ้น อย่าร้อง ไม่งั้นจะจับปล้ำมันตรงนี้แหละ” เสียงที่พูดชิดเรียวหูสะอาด ทำให้เธอรู้ว่าเจ้าของเสียงนั้นคือใคร..เหมันต์ วิเศษเดโช เขาดันร่างเล็กให้แผ่นหลังแนบชิดกับต้นไม้ใหญ่ขนาดสี่คนโอบ ใช้ลำแขนกักร่างบางเอาไว้ “ปล่อยนะ” หญิงสาวพูดเสียงเบาทว่าหนักแน่น เธอไม่กล้าพูดเสียงดังมาก เพราะกลัวว่าคนที่เดินผ่านไปผ่านมาจะได้ยิน “ไปกล่อมพ่อหรือกล่อมลูกมาล่ะ ถึงได้อ้อยอิ่งเป็นชั่วโมงแบบนี้” น้ำเสียงของเหมันต์เขียวเหมือนกับใบหน้าที่เขียวคล้ำด้วยความโกรธ “มันเรื่องของฉัน..คุณไม่เกี่ยว..เราไม่มีอะไรต่อกันแล้ว คุณก็ได้ในสิ่งที่คุณต้องการแล้วนี่ จะมาเอาอะไรกับฉันอีก ปล่อยนะ ฉันจะกลับที่พัก” หยาดน้ำค้างพยายามดิ้นรนหนีพันธนาการที่รัดร่างอยู่ แต่ทว่าลำแขนของเขานั้นหาได้คลายออกไม่ ยิ่งรัดแน่นมากกว่าเก่า เมื่อได้ยินวลีของเธอ “ทำไมผมจะไม่เกี่ยว ในเมื่อน้ำค้างเป็นเมียของผม..เป็นเมีย หรือว่าจำไม่ได้ว่าเราสองคนมีความสุขกันมากแค่ไหน” เขาเท้าความหนหลังให้เธอได้ฟัง ฝ่ายหญิงนิ่งเงียบกับคำพูดของเขา เธอไม่เถียงว่ามีความสุขมากแค่ไหนเวลาได้อยู่ใกล้ชิดกับเรือนกายที่แสนแข็งแรงและอบอุ่น หากแต่ความทุกข์และความเสียใจที่เธอได้รับนั้นมันก็มากมายเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นความสุขหรือว่าความทุกข์ เธอก็ไม่มีวันลืมเช่นกัน และไม่มีทางจะกลับไปจมกับความทุกข์อีกแล้ว “ฉันไม่ใช่เมียคุณ..ถ้าคุณคิดว่าการที่เรามีอะไรกันแล้วฉันจะเป็นเมียคุณ พี่ว่านก็ต้องเป็นสามีของฉันเหมือนกัน” หยาดน้ำค้างคิดว่าวิธีนี้เป็นวิธีที่ดีที่สุด วิธีที่เขาไม่มีทางมายุ่งเกี่ยวกับเธออีก อ้อมแขนที่รัดร่างนิ่มคลายออกโดยอัตโนมัติ หัวใจของคนที่ฟังเต้นเร็ว ดวงตาคมเข้มสีดำเรืองแสงในความมืดที่โรยตัวไปทั่วบริเวณ บ่งบอกอะไรหลายอย่างในแววตา เสียใจ ไม่คาดฝัน ไม่แน่ใจ

สะใภ้สุดขั้ว แม่ผัวสุดขอบ

สะใภ้สุดขั้ว แม่ผัวสุดขอบ

มหาเศรษฐี

5.0

จะกี่หมัดก็ไม่หวั่น กี่ยกก็ไม่กลัว เธอจะ Knock Out ด้วยหัวใจติดปลายนวม ภัทรียายินดีสานต่อค่ายมวยและรับผิดชอบหนี้สินรุงรังต่อจากพ่อซึ่งเสียชีวิต แต่ ณ วันนี้หนี้สินสามปีที่ผัดผ่อนมาตลอดทำให้เธอมืดแปดด้าน ไม่ว่าความหวังแสนริบหรี่แค่ไหน เธอก็คว้าไว้อย่างไม่รอช้า ไม่เว้นแม้แต่การเป็นภรรยาหลอกๆ ต่อให้ต้องโดนแม่สามีดูถูกทุกขณะ น้องสาวสามีจ้องเหยียดชาติกำเนิดทุกครั้งที่เจอหน้า ภัทรียาก็ไม่หวั่นเกรงแม้แต่น้อย เพราะเธอคือ... ‘มะปราง ลูกจ่าดาบ ศิษย์จอมทอง’ นักมวยสาวหุ่นกระชากใจหนุ่มๆ หากไม่เพราะกำลังจะถูกแม่จับคลุมถุงชน ธัชธรรมจึงต้องเลือกใช้วิธีสิ้นคิด จ้างนักมวยสาวหมัดหนักที่กำลังร้อนเงินมาเป็นภรรยากำมะลอ จดทะเบียนจริง อยู่ด้วยกันจริง...และทำท่าว่าจะต้องอยู่ด้วยกันอีกนาน รออีกอย่างเดียวเท่านั้น... รอให้สะใภ้กำมะลอยอมเป็นภรรยาตัวจริงของเศรษฐีหนุ่มหล่อ

หนังสือที่คุณอาจชอบ

ฟาร์มสุข

ฟาร์มสุข

พนิดา
5.0

เว่ยเว่ย นักศึกษาฝึกงานทะลุมิติ เว่ยเว่ยขับเวสป้าตกเหว แต่ดันทะลุมิติตกน้ำอยู่ตรงหน้าชายหนุ่ม ที่กำลังหาปลาอยู่ที่บึงน้ำ ลู่เหวินเยียนอาศัยกับมารดาอยู่ที่กระท่อมเชิงเขา บิดาเสียชีวิตในสนามรบ เขามักจะออกไปล่าสัตว์ป่ามาขาย วันนี้เขามาดูกับดักปลาและบังเอิญเห็นบางสิ่งตกลงมาจากฟ้าต่อหน้าต่อตาเขา คำเตือน นิยายเรื่องนี้แต่งขึ้นตามจินตนาการของผู้แต่ง บุคคล สถาน องค์กรและเนื้อเรื่องทั้งหมดในนิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องสมมติ ผู้อ่านโปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน ผู้เขียนขอสงวนลิขสิทธิ์ทางปัญญาตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์พ.ศ.2537และเพิ่มเติมพ.ศ.2538 ห้ามทำการคัดลอก หรือดัดแปลงเนื้อหาของนิยายโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของที่เป็นผู้แต่งเป็นลายลักษณ์อักษร

เจ้าสาว(ไม่)ปรารถนารัก

เจ้าสาว(ไม่)ปรารถนารัก

คุณธิดา
5.0

นุชพินตา ควรเป็นเจ้าสาวที่น่าอิจฉาที่สุดที่ได้แต่งงานกับ ปุลวัชร เจ้าบ่าวที่ทั้งหล่อ รวย เนื้อหอม เป็นเจ้าชายในฝันของสาวๆ ทั้งเมือง แต่ใครจะรู้ว่าเจ้าบ่าวในฝันนั้น...ทั้งไร้หัวใจ และไม่ได้รักเธอสักนิด! การแต่งงานที่ไร้รัก อยู่กันไปก็มีแต่เจ็บปวดเท่านั้น แต่จะทำยังไงได้ ในเมื่อเธอไม่อาจปฏิเสธ แม้จะต้องถูกเขาทำร้ายหัวใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า จะทำอย่างไรหากใจที่ไม่คิดปรารถนารักกลับอยากได้ความรักจากเขา ------------------------------ “เธอเคยนอนกับผู้ชายหรือเปล่า” เขาถามออกมาจากปากร้าย ตอนที่เธอได้ยินถึงกับสะอึก ไม่คิดว่าเขาจะถามตรง ๆ และในนาทีต่อมา นุชพินตาก็รู้สึกโกรธมาก หญิงสาวโต้เขากลับ “ทำไมผู้ชายดี ๆ การศึกษาดี ๆ ถึงได้พูดจาแบบนี้คะ มาพูดดูถูกกัน เมื่อกี้ก็หาว่าพวกเราขายตัว และตอนนี้ยังมากล่าวหาฉันอีกว่าฉันสำส่อน คุณถามคำถามแบบนี้กับผู้หญิงทุกคน ที่คุณเคยนอนด้วยหรือยังไงคะ” ความเจ็บปวดระบายออกมาทางสายตา เขาเป็นบ้าอะไรกันนี่ คำพูดแบบนี้มาจากสันดานข้างในหรือเพราะว่าเขาเมา “แล้วเธอเคยมีอะไรกับผู้ชายหรือเปล่าล่ะ” เขาย้ำอีกครั้ง จ้องสบตาด้วยนัยน์ตาแดงก่ำ “ปากร้าย ประโยคนี้คุณไม่ควรถามออกมาด้วยซ้ำไป” จากที่เรียกเขาว่าพี่ปุ่น ชักขุ่นและมีอารมณ์โมโหขึ้นมาเปลี่ยนสรรพนามที่คนฟังก็รู้ว่าห่างเหิน “ผู้หญิงที่ดี ๆ ที่ไหน จะตอบตกลงแต่งงานกันชายแปลกหน้าอย่างรวดเร็วโดยไม่คิด เวลาเพียงแค่หนึ่งเดือนเท่านั้น” “แล้วมันยังไงคะ” นุชพินตาก็ไม่ยอมเหมือนกัน “เธออาจจะเป็นมือสองก็ได้” ‘เมื่อคืนเขาไปนอนที่ไหน แล้วไปนอนกับใคร’ ‘อ้อ… ก็คงจะเป็นผู้หญิงคนนั้นสินะ’ ดวงตาเศร้าลง เธอลุกขึ้นไปเปิดม่านหน้าต่าง และมองออกไปยังท้องทะเล แสงอาทิตย์กระทบกับระลอกคลื่นที่ไล่เรียงกันกระทบเข้าฝั่ง นุชพินตาถึงกับถอนหายใจดังเฮือก ‘ฉันมาทำอะไรอยู่ตรงนี้ มาให้เขาย่ำยีเล่นใช่หรือไม่’ เฝ้าถามตัวเองซ้ำไปซ้ำมา ‘ยะหยาอย่าเสียใจไปเลยนะ เธอต้องทำตัวเองให้เข้มแข็ง แข็งแรงเถอะ ในเมื่อเธอก็ไม่ได้รักเขาเหมือนกัน’ คำพูดปลอบโยนตัวเอง ‘ใช่… ฉันไม่ได้รักเขา และจะเกลียดเขาให้มากกว่านี้’ เธอตอกย้ำคำนี้เข้าไปในหัวใจของตัวเองด้วยความมุ่งมั่นและสายตาที่แน่วแน่ แม้จะรู้สึกเจ็บแน่นในหัวอก ------------------------------ “ฉันจะหย่ากับเธอ” เขาเอ่ยอย่างใจดำ หญิงสาวถึงกับใจหล่นวูบ เธอเม้มขบริมฝีปาก กลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่แล้ว นุชพินตาพูดอะไรไม่ออกแม้แต่คำเดียว “นางผู้หญิงไร้ยางอาย แพศยาฉันเกลียดผู้หญิงหลายใจ ฉันเกลียดผู้หญิงที่นอกใจ ไปให้พ้นจากบ้านของฉัน ไปให้พ้นจากหน้าฉัน พรุ่งนี้จะให้ทนายทำใบหย่า” “พี่ปุ่นคะ” เธอยกมือขึ้นมาไหว้เขาปลก ๆ “เราสองคนเพิ่งแต่งงานกันเองนะคะ ยะหยาไม่อยากให้คุณลุงและคุณย่าเสียใจ” “แต่สิ่งที่เธอทำล่ะ มันน่าอาย แล้วเธอไม่ละอายบ้างเหรอ หน้าด้าน” เขามีอาการเสียใจ และหัวเสีย นุชพินตาเอง เธอไม่คิดว่าปุลวัชรจะปากร้ายด่าทอเธอได้ถึงเพียงนี้ “ฉันจะหย่ากับเธอแน่นอน เตรียมปากกาไว้เซ็นใบหย่าในวันพรุ่งนี้ก็แล้วกัน” พูดจบ เขาเดินเข้าไปใช้มือปัดแจกันที่อยู่ใกล้ และชกบานกระจกที่ใช้ตกแต่งอยู่ในห้องโถงด้วย จนกระจกแตกละเอียดทั้งบาน มือของปุลวัชรมีเลือดไหลซึม เขาจะเดินเข้าห้องทำงานและปิดประตูตามหลังดังโครม นุชพินตาตกใจ และหวาดกลัวกับสิ่งที่เธอได้เห็น ความดีใจที่สามีจะกลับมา เธอจะบอกข่าวดีเขา และกินข้าวด้วยกัน ได้มลายหายไปสิ้น มีเพียงความเศร้าเข้ามาทับถมอยู่ในจิตใจของนุชพินตา แล้วหญิงสาวยกมือขึ้นมาปิดหน้าปิดตาปล่อยโฮ

ทะลุมิติมาเป็นภรรยาตัวน้อยของสามีพิการ

ทะลุมิติมาเป็นภรรยาตัวน้อยของสามีพิการ

มาชาวีร์
4.8

เจ้าของร่างเดิมถูกท่านย่าตัวเอง ขายให้ชายพิการด้วยเงินเพียงห้าตำลึง จึงคิดสั้นไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทำให้วิญญาณของเซี่ยซือซือทะลุมิติมาเข้าร่างแทน ชีวิตในโลกนี้บิดามารดาล้วนตายไปแล้ว เหลือเพียงน้องสาวกับน้องชายร่างกายผอมแห้งหิวโซสองคน เธอต้องช่วยพวกเขาให้รอด ก่อนจะถูกคนชั่วพวกนี้ขายทิ้งไปแบบเธอ 1 : ทะลุมิติ แคว้นจ้าว หมู่บ้านตระกูลแซ่อวี่ ภายในบ้านสกุลเซี่ย “ท่านพี่รีบกินเร็วเข้า” เสียงเด็กเล็กดังก้องอยู่ข้างหูอย่างน่ารำคาญ ว่าแต่ฉันมีน้องชายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน รู้สึกได้ถึงอะไรแข็ง ๆ มาแตะที่ริมฝีปาก ทว่ายังลืมตาไม่ขึ้น “ท่านพี่กินสิ ๆ” เซี่ยซือซือรู้สึกหนักอึ้งไปทั้งศีรษะ พยายามที่จะเปิดดวงตาขึ้นมอง เจ้าของเสียงเล็ก ๆ ด้านข้าง “ท่านพี่ ๆ ท่านพี่อย่าตายนะ ลืมตาสิท่านพี่” “นังตัวดีออกมาเดี๋ยวนี้นะ !” เสียงเอะอะโวยวายดังหนวกหูเซี่ยซือซือเป็นอย่างมาก ปัง ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นเรื่อย ๆ เซี่ยซือซือลืมตาขึ้นจนได้ พลันสมองกลับมีเรื่องราวพรั่งพรูเข้ามาไม่ขาดสาย จนต้องกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด อ๊าก ! “พี่รอง !” เด็กน้อยเซี่ยซือหยางในวัยสามหนาวเรียกพี่สาวพร้อมเบะปากอยากร้องไห้ “ท่านพี่ !” เซี่ยซานซานทิ้งบานประตูที่ตัวเองดันไว้ หันกลับมาดูพี่สาวด้วยความตกใจ “ท่านพี่ ๆ ท่านเป็นอะไร อย่าทำให้พวกข้าตกใจสิท่านพี่ !” ผลัวะ ! มีคนถีบประตูบานเก่าผุพังเข้ามาภายในห้อง เด็กทั้งสองรีบเข้าไปขวางผู้บุกรุกไม่ให้ทำร้ายพี่สาว แม่เฒ่าเซี่ย เซี่ยจิ่วเม่ย หน้าตาแลดูดุร้าย ไม่ใช่หญิงชราใจดีแต่อย่างใด ด้านหลังของแม่เฒ่าเซี่ยยังมีลูกสะใภ้บ้านใหญ่ กับบ้านรองเดินตามมา ท่าทางดุดันเอาเรื่อง “ไอ้พวกบ้านสามตัวดี กล้าลักขโมยอาหารเอาไว้กินเอง ยังเห็นแม่เฒ่าอย่างข้าอยู่ในสายตาหรือไม่ ไอ้พวกหมาป่าตาขาว ดูซิวันนี้ข้าจะจัดการพวกเจ้าอย่างไร” “ท่านย่าพวกข้าไม่ได้ขโมยนะ นี่เป็นหมั่นโถวของท่านพี่ ท่านพี่ไม่สบายข้าแค่เก็บไว้ให้ท่านพี่เท่านั้นเอง” เซี่ยซานซานยังเป็นเด็กหญิงวัยสิบหนาว แต่นางข่มความกลัวตอบโต้ผู้ใหญ่ในบ้านออกไป “หึ กฎบ้านก็มีบอกอยู่แล้วถ้าพลาดมื้ออาหารไปก็คืออด แต่พวกเจ้ากลับแหกกฎ แอบยักยอกอาหารเก็บไว้กินเอง ยังมีหน้ามาเถียงท่านแม่อีก ท่านแม่ท่านต้องลงโทษคนบ้านสามนะเจ้าคะ ไม่เช่นนั้นข้าไม่ยอมจริง ๆ ด้วย ตอนนั้นยวี่เฟยของข้านางได้พลาดมื้อเย็นไป ท่านก็ไม่ให้นางกินนะเจ้าคะ” สะใภ้บ้านรองนามว่าจงอี้ซิน ย้อนรำลึกถึงเรื่องลูกสาววัยแปดปีของตัวเองขึ้นมา “ดูเจ้าเด็กพวกนี้สิท่านแม่ กางแขนปกป้องพี่สาวตัวเอง ช่างน่าสมเพชไม่รู้จักสำเหนียกกำลังตัวเอง ถุย !” หลินพ่านเอ๋อสะใภ้บ้านใหญ่มองดูเด็กทั้งสองพร้อมถ่มน้ำลายใส่ตรงหน้า แม่เฒ่าเซี่ยมองลูกสะใภ้ทั้งสองสลับกันไปมา เดินตรงไปกระชากหมั่นโถวเย็นชืดแถมแข็งปานหิน ออกจากมือของเซี่ยซือหยาง “แง ๆ ๆ” เด็กน้อยถูกแย่งของกินของพี่สาวไป ถึงกับแผดเสียงร้องลั่น “เจ้าคนชั่ว ! เอามานะ ของท่านพี่ข้า” กำปั้นน้อย ๆ ทุบไปยังต้นขาของแม่เฒ่เซี่ย “เจ้าเด็กเนรคุณกล้าตีข้ารึ นี่นะ !” แม่เฒ่าเซี่ยเตะทีเดียวเซี่ยซือหยางก็กระเด็นไปติดกับผนังห้อง “น้องเล็ก !” เซี่ยซานซานรีบวิ่งไปอุ้มน้องชายขึ้นมากอดไว้ด้วยความตกใจ “ท่านย่า น้องเล็กยังเด็กไม่รู้ความ เหตุใดท่านถึงได้ใจร้ายเช่นนี้” “แง ๆ ๆ” เสียงร้องไห้ของเด็กน้อยฟังแล้วน่าสงสารจับใจ ดวงตาที่ปิดไว้ก่อนหน้าของเซี่ยซือซือ ลืมขึ้นหลังจากค้นพบว่า ตัวเองได้ทะลุมิติมายังอดีตอันไกลโพ้นแล้วจริง ๆ หลังจากหลับตาลืมตาอยู่หลายหน เรียบเรียงความคิดที่ไหลเข้ามาไม่ยอมหยุด เมื่อค่อย ๆ จัดการกับมันได้ ความเจ็บปวดที่ศีรษะก่อนหน้าจึงบางเบาลง และมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างเฉยชา ครบสูตรของการทะลุมิติจริง ๆ มีท่านย่าผู้ชั่วร้าย ขนาบข้างด้วยป้าสะใภ้เลวทั้งสอง ครั้นหันไปมองน้องสาวในวัยสิบขวบของตัวเองกับน้องชายตัวน้อย ทั้งตัวดำเมี่ยมเหมือนไม่ได้อาบน้ำมาเป็นเดือน ร่างกายผอมแห้งเหลือแต่กระดูก เสื้อผ้าเก่าขาดมีรอยปะชุนเต็มไปหมด เส้นผมแห้งกรังเหมือนไม่ผ่านน้ำมานาน ยกมือของตัวเองขึ้นมาดู ไม่ได้มีสภาพต่างกันแม้แต่น้อย ครั้นเงยหน้ามองป้าสะใภ้ใหญ่ร่างกายอวบอ้วนเต็มไปด้วยก้อนไขมัน ป้าสะใภ้รองแม้ไม่ได้อ้วนแต่ก็ไม่ได้ผอม ยิ่งแม่เฒ่าเซี่ยด้วยแล้ว ร่างกายบึกบึนเหมือนคนกินดูอยู่ดีมาตลอด “ท่านแม่ดูอาซือมองท่านสิเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่เห็นสายตาเย็นเยียบของคนที่นอนอยู่บนเตียงก็อดแปลกใจไม่ได้ ดูเยือกเย็นจนไม่น่าไว้ใจ “เจ้าอย่าคิดว่ากระโดดน้ำตายแล้วทุกอย่างจะจบนะอาซือ ข้ารับเงินคนบ้านถานมาแล้ว ถ้าเจ้าตายข้าจะให้อาซานไปแทนเจ้า” คำพูดของแม่เฒ่าเซี่ยทำให้ดวงตาของเซี่ยซือซือเบิกกว้าง ท่านย่าของนางขายนางให้คนบ้านถานในราคาแค่ห้าตำลึง เจ้าของร่างเดิมไม่อยากไปเป็นเมียคนพิการ เลยไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทว่าเธอที่มาจากยุคปัจจุบันกลับเข้ามาแทนที่เจ้าของร่างนี้ เจ้าของร่างเดิมว่ายน้ำไม่เป็น จึงได้ขาดอากาศตายใต้น้ำ แต่เธอที่เข้ามาสวมร่างกลับพาร่างนี้ขึ้นมาจากน้ำได้ โชคชะตาคงเล่นตลกให้เธอกับเจ้าของร่างเดิมมีชื่อเดียวกัน “ท่านย่าอาซานยังเด็กนัก ท่านอย่าได้ทำเช่นนั้นเลย” นานมากกว่าที่นางจะเอ่ยออกมา “มันอยู่ที่เจ้าอาซือ ข้าขอเตือนเอาไว้ อีกสองวันคนบ้านถานจะมารับตัวเจ้าแล้ว อย่าให้เกิดเรื่องขึ้น ไม่อย่างนั้นข้าจะส่งอาซานไปแทนเจ้า แล้วขายซือหยางทิ้งเสีย” แม่เฒ่าเซี่ยจ้องหน้าเซี่ยซือซือแบบอาฆาต เด็กนี่ก่อนหน้าดูอ่อนแอไร้ทางสู้ ทำไมวันนี้ถึงได้ดูแปลกตาไปนัก “ท่านแม่เจ้าคะ ท่านจะลงโทษคนบ้านสามเรื่องหมั่นโถวนี่อย่างไรเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่ยังไม่ยอมปล่อยสามพี่น้องไปง่าย ๆ “พรุ่งนี้งดอาหารบ้านสาม” แม่เฒ่าเซี่ยเอ่ยแล้วหันหลังเดินออกจากห้องของเด็กน้อยทั้งสามไป โดยมีสะใภ้ใหญ่เดินตามไปด้วย “พวกเจ้าได้ยินแล้วใช่ไหม จำใส่หัวเอาไว้ดี ๆ ด้วยล่ะ” สะใภ้รองหมุนตัวตามหลังไปติด ๆ “ท่านพี่ต่อไปท่านอย่าทำเช่นนี้อีกนะเจ้าคะ ข้ากับน้องเล็กจะทำอย่างไร ถ้าท่านไม่อยู่” เซี่ยซานซานปล่อยเสียงร้องไห้ในทันที

ทะลุมิติมาเป็นบุตรสาวหญิงหม้าย

ทะลุมิติมาเป็นบุตรสาวหญิงหม้าย

l3oonm@
5.0

จือหลินเธอเป็นเด็กกำพร้า ที่ถูกมารดาทอดทิ้งไว้ที่โรงพยาบาลตั้งแต่วันแรกที่ลืมตามาดูโลก ต่อมาทางโรงพยาบาลจึงส่งตัวเธอให้กับสถานสงเคราะห์ พออายุได้สามปี ก็มีองค์กรหนึ่งมารับเลี้ยงตัวเธอ แต่พวกเขาเลี้ยงเธอและเด็กคนอื่นๆ ไว้เพื่อเป็นหนูทดลองเท่านั้น ครั้งแรกที่ถูกนำตัวมา ต่างก็โดนจับฉีดยาเข้าสู่ร่างกาย เพื่อหาเด็กที่เลือดต้านเชื้อที่ฉีดเข้าไปได้เท่านั้น หากร่างกายทนรับไม่ไว้สิ่งที่ทางองค์กรมอบให้คือความตาย จือหลินอาจเป็นเพราะเลือดของเธอพิเศษกว่าเด็กคนอื่น ไม่ว่าฉีดยาตัวไหนเข้าสู่ร่างกายเธอก็ทนรับได้ทั้งนั้น นับจากนั้นมาเธอจึงถูกเลี้ยงดูจากองค์กรมาอย่างดี เรื่องการศึกษาเธอก็สามารถเรียนรู้ทุกสิ่งได้อย่างเต็มที่ แต่เพราะความฉลาดของเธอจึงถูกส่งให้เรียนวิทยาศาสตร์การแพทย์และเรียนแพทย์ควบคู่ไปด้วย เมื่อเรียนจบมาแล้ว จือหลินยังคงทำการให้องค์กรเช่นเดิม แม้จะไม่ได้เป็นนักฆ่าเช่นเพื่อนคนอื่นที่มาพร้อมกัน แต่เธอก็ต้องฝึกไม่ต่างจากพวกเขา ยิ่งเมื่อต้องนำเด็กเข้ามาเป็นหนูทดลองเช่นเดียวกับเธอในตอนเล็ก ต่อให้ไม่อยากทำก็ต้องทำ หากฝ่าฝืนไม่ทำการชิปที่ถูกฝังอยู่ในตัวจะถูกกระตุ้นให้ได้รับความทรมานทันที นานวันเข้า ความดำมืดก็ก่อเกิดในใจ ไม่ว่าจะฉีดยาให้เด็กร้ายแรงเพียงใดจือหลินก็เลิกรู้สึกผิดไปเสียแล้ว เพราะการทำงานของเธอตลอดหลายปีที่ผ่านมาทำให้ทางองค์กรยกย่องและมักจะให้สิ่งดีๆ กับเธอเสมอ เมื่อมีชิปตัวหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อฝังมิติอีกห้วงหนึ่งไว้ภายในร่างกาย จือหลินนางก็ได้รับเลือกให้ทดลองใช้สิ่งนี้ด้วยเช่นกัน จือหลินถูกฝังชิปมิติเข้าที่แกนสมองของเธอ ความเจ็บปวดที่ได้รับทำให้เธอแทบสิ้นสติ เมื่อชิปถูกฝังลงไปแล้ว เพียงไม่นานก็มีเสียงจากระบบให้เธอยืนยันตัวตน ก่อนที่จะปรากฏภาพต่างๆ ภายในหัวของเธอ ของจากภายนอกล้วนแต่ถูกส่งเข้าไปเก็บไว้ด้านในได้ทั้งสิ้น หากเป็นเนื้อสด ผักผลไม้ ยังคงความสดอยู่เช่นเดิมแม้จะเก็บไว้นานมากเพียงใด ห้วงมิติของจือหลินเหมือนเป็นห้องสูทในคอนโดของเธอเองที่มีทุกอย่างพร้อมใช้อยู่ภายใน แม้แต่ห้องทดลอง ห้องทำงานของเธอก็ปรากฏอยู่ในนั้นเช่นกัน นับจากนั้นจือหลินจึงซื้อของเขาเก็บภายในมิติของเธอเป็นจำนวนมาก ตัวเธอเพียงผู้เดียวที่สามารถเข้าออกในห้วงมิติได้ วันเวลาผ่านไปจนจือหลินล่วงเข้าวัยสามสิบปี เธอสามารถผลิตยาที่ทำให้ทั่วโลกจับตามองออกมาได้ ยายื้อชีวิตจากความตาย แต่การทดลองของเธอที่ผ่านมาต้องใช้คนจำนวนมากในการเข้าทดลอง จือหลินสามารถยื้อชีวิตของชายชราที่กำลังจะหมดลมหายใจให้กลับมามีชีวิตปกติได้ เมื่อเธอกักตัวเขาไว้ได้หกเดือนเห็นว่าไม่มีสิ่งใดที่ผิดปกติจึงคิดจะปล่อยเขาออกไปใช้ชีวิตเช่นเดิม แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อชายชราที่กำลังจะเดินออกจากห้องทดลองล้มลงต่อหน้าทุกคนที่เข้าร่วมชื่นชมผลงานของเธอ จือหลินรีบเข้าไปตรวจดูความผิดปกติทันที ก็พบว่าเขาหยุดหายใจเสียแล้ว เจ้าหน้าที่ทั้งหมดจึงต้องพาชายชราคนนั้นกลับเข้าไปในห้องทดลองเพื่อหาสาเหตุ ผ่านไปเพียงสองครึ่งชั่วโมงเขากลับลืมตาขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ แต่แววตาที่มองมาทางทุกคนได้เปลี่ยนไป ในดวงตาของชายชราผู้นั้นมีเพียงตาขาวไม่มีตาดำเช่นคนมีชีวิต “เกิดเรื่องอะไรขึ้น” ผู้อำนวยการองค์กรเดินเข้ามาหาจือหลินแล้วเอ่ยถามอย่างตื่นตระหนก เพราะนักข่าวที่ข่าวเชิญมายังอยู่ที่ด้านนอกเพื่อรอฟังคำตอบ “ขอดิฉันตรวจสอบก่อนค่ะ” จือหลินกุมหน้าผากอย่างมึนงง เธอก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร คนทั้งหมดยืนมองชายชราที่เดินท่าทางประหลาดอยู่ในห้องทดลอง ในตอนนี้เขาเริ่มหยิบสิ่งของทำร้ายตัวเองอย่างบ้าคลั่ง เจ้าหน้าที่คนหนึ่งรีบวิ่งเข้าไปในห้องทดลองเพื่อห้ามไม่ให้เขาทำร้ายตัวเอง ชายชราเมื่อได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาก็พุ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว และเริ่มกัดกินเนื้อตัวของเขาอย่างโหดร้าย คนที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดต่างยกมือขึ้นปิดปากอย่างตกใจ เพราะกลัวข่าวเรื่องนี้จะรั่วไหล ผู้อำนวยการสั่งให้คนไปแจ้งนักข่าวให้กลับไปก่อน ทางองค์กรจะแถลงการณ์เรื่องนี้ในภายหลัง เจ้าหน้าที่ที่ถูกทำร้ายล้มลงเสียชีวิตไม่นานก็มีสภาพไม่ต่างจากชายชราคนนั้น เสียงวุ่นวายไม่ได้จบลงที่ห้องทดลองของจือหลินเพียงแห่งเดียว เพราะห้องทดลองอื่นก็ล้วนพบเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ต่างกัน ผู้อำนวยการจำต้องส่งสัญญาณเคลื่อนย้ายเจ้าหน้าที่ออกจากตึกทดลองให้เร็วที่สุด จือหลินไม่รู้ว่ายาของนางจะสร้างผลเสียมากถึงเพียงนี้ เพราะเจ้าหน้าที่หลายคนล้วนจบชีวิตจนกลายเป็นซอมบี้ไปเสียแล้ว ตึกทดลองถูกปิดตาย เพื่อไม่ให้ซอมบี้ที่อยู่ด้านในออกมาสร้างความเสียหายภายนอกได้ “เรื่องนี้ดิฉันขอจัดการด้วยตนเองค่ะ” จือหลินเดินเข้าไปหาผู้อำนวยการที่ห้องทำงานของเขา เพื่อบอกสิ่งที่เธอคิดว่าอย่างดีแล้วในหลายวันที่ผ่านมา เมื่อเห็นว่าผู้อำนวยการไม่ห้ามในสิ่งที่เธอจะทำจือหลินจึงเดินไปที่หน้าตึกทดลองพร้อมระเบิดเวลาในมือ เธอคิดจะทำลายสิ่งของทุกอย่างที่เธอสร้างขึ้นมาลงด้วยมือของเธอเอง จือหลินเปิดประตูตึกทดลองแล้วรีบปิดลงทันที เธอเดินเข้าไปที่กลางตึกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะระหว่างทางเธอต้องคอยต่อสู้กับซอมบี้ที่จะเข้ามาทำร้ายเธอไปด้วย เสียงสัญญาณระเบิดดังขึ้น จือหลินหลับตาลง พร้อมทั้งถอนหายใจให้กับเรื่องราวในชีวิตที่ผ่านมา เสียงระเบิดดังไปทั่วบริเวณพร้อมทั้งตึกทดลองที่ถล่มลงมาจนแทบไม่เหลือซาก “เจ็บชะมัด” จือหลินร้องครางออกมาเบาๆ แต่เมื่อรู้สึกตัวได้เธอก็รีบพยุงตัวขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วพร้อมมองไปรอบๆ อย่างไม่อยากเชื่อ เธอคิดว่าตายไปแล้วเสียอีก แต่ทำไมถึงได้มีความรู้สึกเจ็บได้ “นี้มันเรื่องบ้าอะไรอีกว่ะเนี่ย” จือหลินเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ รอบๆ ตัวเธอในตอนนี้เป็นป่าทึบ มือของเธอก็ไม่ใช่ของเธออย่างแน่นอนเพราะมีขนาดเล็กราวกับเป็นเด็กน้อยคนหนึ่งเท่านั้น ตอนที่เธอมึนงงสับสน เรื่องราวความทรงจำของเจ้าของร่างก็ไหลเข้าสู่หัวของเธอจนต้องลงไปนอนดิ้นกับพื้น

ทัณฑ์รักสวาทร้าย

ทัณฑ์รักสวาทร้าย

ปูริดา
5.0

หน้าตาก็หล่อเหลา เท่าที่ปั้นหยาอยู่ด้วยก็คิดว่าคงจะดูไม่ผิด ฐานะคุณไม่ใช่ธรรมดา แต่ปั้นหยาก็ยังไม่รู้หรอกนะว่าถึงขั้นไหน จะหาผู้หญิงมานอนด้วยเมื่อไหร่ก็ได้ แต่จะบอกอะไรให้นะคะคุณฮัมดีนขา...” ปัณฑารีย์เขย่งเท้าขึ้นเล็กน้อย เพื่อให้ริมฝีปากแนบชิดกับใบหูฮัมดีน “ถึงปั้นหยาจะไม่ใช่ผู้หญิงที่ดีนัก แต่ก็รักตัวเองเป็น แล้วผู้ชายอย่างคุณ ปั้นหยาไม่เลือกมาดูแลชีวิตปั้นหยาหรอกค่ะ คุณแก่และน่าเบื่อเกินไป” ปึก!! เข่าเล็กกระทุ้งขึ้นไปเตะกึ่งกลางกายใหญ่ ถึงจะไม่รุนแรงอะไรมากนัก แต่ก็ทำให้ฮัมดีนเจ็บได้ไม่น้อย “ช่วยไม่ได้นะคะคุณฮัมดีน คุณเป็นคนสอนให้ปั้นหยาทำแบบนี้เอง”

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ