5.0
ความคิดเห็น
89
ชม
16
บท

เบญจากับวายุที่รักกันมาหลายปี จนในที่สุดตัดสินใจจะแต่งงานกัน แต่แม่ของทั้งคู่ต่างฝ่ายต่างไม่ชอบอีกฝ่าย ทำให้ในวันเจรจาสู่ขอล่มไม่เป็นท่า... “พวกเราลองทำอย่างที่ท่านต้องการดูไหมคะ” “ห๊ะ! คุณว่าอะไรนะ...ผมไม่ได้หูฝาดไปใช่ไหม” วายุถามอย่างไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง “ไม่หรอกค่ะ เบญคิดอย่างนั้นจริงๆ แม่เบญไม่ชอบคุณ และแม่คุณเองก็...รังเกียจเบญ” ท้ายประโยคน้ำเสียงของหญิงสาวสั่นเครือจนคนฟังใจไม่ดี “ผมขอโทษแทนท่านด้วย ผมรู้ว่าท่านพูดแรงเกินไป” แต่วายุก็ไม่รู้จะพูดอะไรที่มันดูดีกว่านี้ “แต่มันคือเรื่องจริง เรื่องจริงที่ฉันฟังแล้วถึงกับหน้าชา” เบญจาหัวเราะขืนๆ ปาดน้ำตาที่รื่นขึ้นมา ก่อนจะพูดต่อ “เบญรู้ว่าท่านไม่ชอบเบญ แต่ไม่คิดว่าจะมากขนาดนี้...แปดเปื้อนวงศ์ตระกูล” คราวนี้หญิงสาวถึงกลับกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ปล่อยเสียงสะอื้นออกมาจนวายุตกใจ “เบญ...ผมจะไปหาคุณเดี๋ยวนี้” “ไม่ต้องหรอกค่ะ เบญไม่เป็นไร คุณอยู่ที่นั่นดีแล้ว ต่างคนต่างอยู่สักพัก บางทีอะไรๆ มันอาจจะเป็นไปในทางที่ดี” เบญจารีบห้าม ไม่อย่างนั้นเชื่อได้เลยว่าวายุมาหาเธอจริงๆ แน่ “คุณต้องการอย่างนั้นเหรอ” วายุครางถามด้วยน้ำเสียงเจ็บปวด “บางทีสิ่งที่ท่านเลือกให้มันอาจจะดีก็ได้นะคะ”

บทที่ 1 1

1

เสียงรถวิ่งเข้ามาจอดทำให้นางจารุวรรณที่นั่งดูโทรทัศน์อยู่ในบ้านกับสามีรีบลุกขึ้นมาดู แล้วนางก็คลี่ยิ้มออกมาอย่างดีใจ หันไปบอกสามีว่า “ยัยเบญมาถึงแล้ว” จากนั้นก็รีบเดินตรงดิ่งไปหาบุตรสาวที่นานๆ จะกลับบ้านที

“มาถึงแล้วเหรอ” นางจารุวรรณเดินเข้าไปสวมกอดบุตรสาวเพียงคนเดียวอย่างคิดถึงด้วยรอยยิ้มที่เต็มวงหน้า แต่เมื่อมองเห็นร่างสูงของใครบางคนที่เพิ่งจะลงจากรถก็ทำให้รอยยิ้มนั้นหุบฉับลงแทบทันที

“มาด้วยเหรอ” ถามลอยๆ อย่างไม่ได้เจาะจงว่าถามใคร แต่เบญจากลับยิ้มแห้งๆ และตอบกลับอ่อยอย่างรู้ว่าท่านหมายถึงใคร

“ค่ะ”

“สวัสดีครับคุณพ่อคุณแม่” วายุยกมือไหว้พ่อแม่ของคนรักด้วยความนอบน้อมย่างเช่นทุกครั้งที่มาเที่ยวที่นี้ แม้จะรู้อยู่เต็มอกว่าไม่เป็นที่ต้อนรับสักเท่าไหร่

นางจารุวรรณรับไหว้แบบขอไปที่ แล้วรีบลากลูกสาวเข้าบ้าน ซึ่งผิดกับสามีที่เดินเข้าไปพูดคุยทักทายพร้อมกับเข้าไปช่วยวายุและสาธุยกสัมภาระท้ายรถกระบะเข้าบ้าน

“แม่นึกว่าเลิกกันไปแล้วเสียอีก ไม่เห็นเราพูดถึงเลย”

“เบญรู้ว่าแม่ค่อยชอบคุณยุ แล้วเบญจะพูดถึงเขาให้แม่ฟังทำไมละจ๊ะ”

นางจารุวรรณพยักหน้ารับรู้อย่างผิดหวังเล็กๆ ก่อนจะชวนลูกสาวคุยเรื่องอื่น “แล้วนี่เราจะมาอยู่กับแม่กี่วันล่ะ”

“เบญลาพักร้อนมาอาทิตย์หนึ่งค่ะ จะนอนกอดแม่ให้หายคิดถึงเลย” ไม่พูดเปล่าหญิงสาวยังโน้มตัวลงไปสวมกอดร่างอวบพร้อมกับหอมแก้มมารดาอย่างออดอ้อน

“ถ้าคิดถึงก็กลับมาอยู่บ้านเราสิลูก ที่ไร่ที่นาเราก็มีหลายอยู่ เก็บไวกินบางส่วน ที่เหลือก็ขายมันก็ได้พอตัวอยู่นะ ไม่ขัดสนอะไร” ได้ทีคนเป็นแม่เริ่มเกลี่ยกล่อมบุตรสาว

“เบญยังสนุกกับการทำงานอยู่เลยคะแม่ ขอเวลาเบญหน่อยนะคะ”

ได้ยินคำตอบนางจารุวรรณก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองชายหนุ่มร่างสูง ไม่ว่าจะเป็นการแต่งตัวหรือรูปร่างหน้าตาผิวพรรณที่ดูดีไปเสียทุกอย่าง แล้วทำเสียงฮึขึ้นจมูกก่อนจะเดินกระฟัดกระเฟียดเข้าครัวไปอย่างขัดใจ เมื่อคิดว่าคนที่ทำให้ลูกสาวของนางไม่ยอมกลับมาอยู่บ้านนอกนั่นก็คือ แฟนหนุ่มเจ้าสำอางผู้รากมากดีอย่างวายุ

หลังจากหายเข้าไปในครัวไม่นานนางจารุวรรณก็กลับออกมาพร้อมน้ำดื่มเย็นๆ และใบหน้าที่เหมือนจะดูดีขึ้นกว่าตอนเข้าไป

“เพิ่งมาถึงเหนื่อยๆ ดื่มน้ำเย็นๆ กันก่อนนะ” นางรินน้ำใส่แก้วยื่นให้บุตรสาว จากนั้นก็รินอีกแก้วไปวางตรงหน้าวายุ ส่วนแก้วสุดท้ายนางนำมันไปยื่นให้กับพลขับที่ทำหน้าที่ไปรับเบญจาที่ท่ารถทัวร์ตามคำร้องขอของนาง

“น้ำเย็นจ๊ะ...ขอบใจนะที่เป็นธุระไปรับยัยเบญให้ป้าน่ะ”

“ไม่เป็นไรหรอกครับ ยังไงวันนี้ผมก็ว่างอยู่แล้ว” สาธุเจ้าของไร่ดาวเรืองที่ใหญ่ที่สุดในหมู่บ้านบอกพลางยกน้ำขึ้นดื่มแล้วจะขอตัวกลับ

“อย่าเพิ่งกลับสิ อยู่กินข้าวด้วยกันก่อน นี่ป้าทำกับข้าวไว้เยอะเลยนะ”

“นั่นสิพี่ธุ นานๆ เบญญจะกลับมาบ้านที่อยู่กินข้าวด้วยกันก่อนสินะคะ”

เมื่อทั้งแม่ทั้งลูกสาวเอ่ยปากชวน ก็ใช่ว่าเขาจะเกรงใจจนต้องตอบตกลงทันที คนที่เขาหันไปมองก่อนตัดสินใจคือวายุ เมื่อเห็นอีกฝ่ายพยักหน้าพร้อมกับยิ้มให้อย่างไม่ติดใจอะไร คนที่ตั้งใจจะกลับไปหาอะไรกินที่บ้านตัวเองก็ตกปากรับคำอย่างเสียไม่ได้ แม้ในใจจะรู้สึกเกรงใจวายุอยู่มากก็ตาม

“เดินทางมาเหนื่อยๆ ก็เอาของไปเก็บอาบน้ำอาบท่ากันก่อนนะ แม่จะตั้งสำรับรอ...ห้องนอนคุณก็ห้องเดิมใช้ได้เลยนะ” นางจารุวรรณหันไปบอกแฟนหนุ่มของบุตรสาว ก่อนจะเดินเข้าห้องครัวเพื่อเตรียมสำรับอาหารเช้าด้วยรอยยิ้มเมื่อสาธุอาสาไปช่วยนางตั้งสำรับ

ตกกลางคืนสิ่งแรกที่วายุมักจะทำก่อนเข้านอนคือการมานั่งสูดอากาศบริสุทธิ์เย็นสดชื่นพร้อมกับแหงนหน้ามองดูดาว ที่หน้าระเบียงบ้าน

“ดาวสวยนะคะ”

วายุยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะละสายตาจากท้องฟ้าสีดำหากแต่มันระยิบระยับจากแสงของดวงดาวน้อยใหญ่มามองคนรักที่ทรุดตัวลงนั่งข้างๆ

“แต่น้อยกว่าคนข้างๆ”

“รู้ตัวค่ะว่าสวย” พูดจบเบญจาก็หัวเราะคิกคักอย่างชอบใจ วายุที่พลอยขำกับมุกหลงตัวเองเลยอดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นไปโยกศีรษะของแฟนสาวอย่างรักใคร่เอ็นดู

แต่ไม่นานเสียงหัวเราะนั้นก็เลือนหายไป ทั้งคู่นั่งเงยหน้ามองฟ้าเงียบๆ อยู่พักใหญ่ ก่อนเบญจาจะหันมามองเสี้ยวหน้าของแฟนหนุ่มแล้วถอนหายใจพลางเม้มปาก

“เบญขอโทษแทนแม่ด้วยนะคะ” มันเป็นประโยคเดิมๆ ที่หญิงสาวจะได้พูดมันทุกครั้งที่พาแฟนหนุ่มมาเที่ยวบ้าน

“ผมว่าผมเริ่มชินกับมันแล้วละ” วายุตอบเสียงกลั้วหัวเราะเพื่อให้แฟนสาวคลายกังวล

“เบญว่าเรื่องนั้นเบญจะคุยกับคุณพ่อคุณแม่เองดีกว่านะคะ”

อ่านต่อ

หนังสืออื่นๆ ของ ไหมขวัญ

ข้อมูลเพิ่มเติม
สามีรีเทิร์น

สามีรีเทิร์น

โรแมนติก

5.0

“จะไปไหน เรามีเรื่องต้องคุยกัน” “แต่มิ้นไม่มี ปล่อยค่ะ มิ้นจะกลับไปทำงาน” หญิงสาวพยายามบิดข้อมือให้หลุดพ้นจากการบีบรัดของมือใหญ่ แต่ก็ไม่สำเร็จยิ่งเธอขัดขืนมือนั้นก็ยิ่งรัดแน่นจนรู้สึกเจ็บ “อย่าหวังว่าจะได้กลับ ถ้าวันนี้เรายังคุยกันไม่รู้เรื่อง” บอกแล้วก็เหวี่ยงร่างบางให้กลับไปนั่งที่โซฟาเหมือนเดิม “เรามีเรื่องต้องคุยกันด้วยเหรอคะ” มินรญาถามแล้วยิ้มเยาะ คำพูดเมื่อวันนั้นยังทิ่งแทงใจจนวันนี้ แม้จะบอกตัวเองว่าอย่าใส่ใจ แต่สุดท้ายก็ทำไม่ได้ จนกลายเป็นประชดด้วยการยอมคบกับภูมิน “คบกับไอ้หมอนั่นเมื่อไหร่” คูเปอร์ที่ยืนอยู่หันมาถามเสียงเข้ม และเมื่อหญิงสาวยังเงียบ ชายหนุ่มเลยตะคอกใส่อีกครั้ง “ตอบ!" “สามวันที่แล้ว” มินรญาที่เริ่มจะกลัวใจของคนตรงหน้ารีบตอบทันที บอกตรงๆ สมัยก่อนตั้งแต่คบกันมาเธอไม่เคยเห็นชายหนุ่มในโหมดนี้เลยสักครั้ง ทั้งสีหน้าและน้ำเสียงดูน่ากลัวจนน่าวิ่งหนี “คบกันแค่สามวันแต่มันกล้าขอแต่งงานมันหมายความว่าไง” คูเปอร์ถามเสียงลอดไรฟัน พร้อมกับโน้มตัวเอาแขนทั้งสองข้างไปค้ำที่พนักโซฟา เลยกลายเป็นว่าตอนนี้มินรญาได้โดยกักตัวเอาไว้แล้ว “แล้วพี่คู้ปจะสนใจไปทำไมคะ ในเมื่อเราไม่ได้เป็นอะไรกัน” มินรญาเน้นเสียงหนักในท้ายประโยคอย่างต้องการย้ำสถานะของตัวเอง “เวลาเปลี่ยนคนเราก็เปลี่ยน” คูเปอร์มองหญิงสาวตรงหน้าด้วยสายตาหยามเหยียด ไม่เท่านั้นมันยังตามมาด้วยคำพูดที่เสียดแทงใจ “แม้แต่คนที่นอนด้วยกันกี่ครั้งต่อกี่ครั้งมาแล้วยังพูดออกมาได้ว่าไม่ได้เป็นอะไรกัน” “มิ้นไม่เคยเปลี่ยน มีแต่พี่นั่นแหละที่เปลี่ยน มิ้นผิดเหรอที่พยายามจะไม่สนใจคนที่ไม่เคยคิดอะไรกับตัวเองมากกว่าคนรู้จัก แม้จะนอนด้วยกันหลายต่อหลายครั้ง” มินรญาตะโกนใส่หน้ารัวเป็นพร้อมกับผลักอกอีกฝ่ายอย่างฉุนเฉียว “แล้วทำไมต้องแต่งงานกับมันด้วย” “มิ้นจะได้ออกไปจากชีวิตคนใจร้ายอย่างพี่ไงคะ ลืมให้หมดลืมทุกสิ่งทุกอย่าง ลืมแม้กระทั่งว่ารักผู้ชายใจร้ายอย่างพี่...อุ๊บ...” เสียงตะคอกเมื่อครู่ถึงกลืนหายลงไปในลำคอ เมื่อชายหนุ่มฉกวูบเปิดปากด้วยปาก และมันก็เป็นวิธีที่ได้ผลมากเลยทีเดียว เมื่อทั้งสองคนต่างรู้สึกว่าอาการฉุนเฉียวรุนแรงเมื่อครู่ค่อยๆ จากหายและมันก็ค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นความวาบหวามทราบซ่านรัญจวนใจ “อย่าคิดแม้แต่จะออกไปจากชีวิตพี่” คูเปอร์บอกเสียงนุ่มทุ้มกว่าเดิมพลางประคองใบหน้านวลที่แดงปลั่ง ก่อนจะเอียงหน้าก้มลงไปบดจูบกัดเม้มริมฝีปากอิ่มนั้นอีกครั้ง คราวนี้อารมณ์กรุ่นโกรธได้มลายหายไปจนสิ้น ความหอมหวานที่ห่างหายไปไม่กี่วันกลับทำให้คูเปอร์ที่คะนึงหาอยากจะสูบจะกลืนกินเก็บผู้หญิงคนนี้เอาไว้ไม่ให้ใครหน้าไหนเห็นหรือชื่นชมมันนอกจากตัวเขา

โอนรักใส่บัญชีใจ

โอนรักใส่บัญชีใจ

โรแมนติก

5.0

จู่ๆ ก็มีเงินห้าหมื่นมานอนอยู่ในบัญชีของ'กัญชรส'สาวห้าวบ้านิยายที่ตกงานแถมยังถังแตก แน่นอนเธอกดมันมาปลดหนี้ให้ตัวเองแต่ปัญหาก็ดันมาเกิดเมื่อหนุ่มหล่อเจ้าของเงินอย่าง'อิงครัต'มาทวงเงินที่โอนผิดนั้นคืน +++++++++ “แต่ว่า...ตอนนี้ฉันยังตกงานอยู่เลย เรื่องเงินสามหมื่นที่ว่าจะคืน...ฉันขอเวลาหน่อยได้ไหมคะ” ชายหนุ่มเริ่มชักสีหน้า แววจะไม่ได้เงินส่วนนี้คืนเห็นอยู่รำไร จะยกให้เลยก็ใช่ที่ เพราะเขาก็ไม่ได้ร่ำรวยมากจากไหน เงินสามหมื่นกว่าจะได้มามันก็ไม่ใช่ง่ายๆ “นานแค่ไหน” “ก็จนกว่าฉันจะได้งานน่ะค่ะ” และในชั่วขณะนั้นเอง หางตาของกัญชรสก็เหลือบไปเห็นป้ายประกาศรับสมัครงานติดอยู่ตรงหน้าอู่ ซึ่งมันก็ทำให้นัยน์ตาของหญิงสาวเป็นประกายขึ้นมาทันที “หรือไม่อย่างนั้นคุณก็รับฉันเข้าทำงานที่นี่เลยสิคะ อู่ของคุณเปิดรับอยู่ไม่ใช่เหรอนั่นฉันเห็น” นิ้วเรียวชี้ไปที่กระดาษปิดประกาศ ที่เพิ่งจะถูกนำมาติดเมื่อเช้านี้เอง ด้านอิงครัตรีบหันขวับไปมองตามแล้วก็ต้องร้องเสียงหลง “เฮ๊ย! ไม่ได้ คุณเดินเข้าไปอ่านตำแหน่งที่ผมเปิดรับชัดๆ หรือยัง อู่ผมไม่ได้เปิดรับพนักงานบัญชี พนักงานทำเอกสาร หรือว่าแม่บ้านนะ” “มันไม่ได้ไกลมาก ตัวหนังสือก็ใหญ่เบ้อเริ่มเทิ่มซะขนาดนั้น และที่สำคัญสายตาฉันดีพอ นั่งอยู่ตรงนี้ฉันก็อ่านออกว่าคุณรับสมัครผู้ช่วยช่าง” “นั่นไง คุณเข้าใจแล้วใช่ไหมว่า คุณเป็นผู้หญิงสมัครไม่ได้หรอก ไปหางานอย่างอื่นทำดีกว่า เรื่องเงินผมรอได้” อิงครัตแนะนำอย่างใจกว้าง ตอนนี้รู้สึกเห็นใจผู้หญิงตัวเล็กๆ ตรงหน้าไม่น้อย ที่คงจะอยากได้งานเพื่อเอาเงินมาคืนเขามาก จนต้องออกปากขอทำงานผู้ช่วยช่าง ที่เป็นงานของคนที่ต้องเรียนด้านนี้มาหรือไม่ก็ชื่นชอบอยากหาประสบการณ์ ซึ่งก็เป็นผู้ชาย ดังนั้นเพื่อลดความกดดัน เขาจึงไม่อยากเร่งรัดเรื่องเงินที่หญิงสาวเอาไปใช้ แต่ดูเหมือนความหวังดีของเขาจะถูกปฏิเสธ เมื่อได้ยินอีกฝ่ายตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น อิงครัตแทบอยากจะเอาหัวโขกโต๊ะให้กับความดื้อดึงของหญิงสาวมาดทอมบอยคนนี้ ให้รู้แล้วรู้รอดไป “ไม่ค่ะ! ฉันยังยืนยันที่จะสมัครเป็นผู้ช่วยช่างที่อู่ของคุณ”

คุณพ่อหนูโสดโปรดจีบเถอะค่ะ

คุณพ่อหนูโสดโปรดจีบเถอะค่ะ

โรแมนติก

5.0

ณิชานันท์คือครูอนุบาลที่โสดและโสดมานาน นานจนเธอเองก็งงว่าทำไมถึงโสดมาจนทุกวันนี้ ทั้งที่ก็สวยและรวยมากอยู่นะ แต่จู่ๆ โชคชะตาก็เล่นตลก ส่งลูกศิษย์ตัวน้อยมาทาบทามว่า "ครูมาเป็นแฟนกับพ่อหนูไหมคะ" +++++++ "อะไร ตัวแค่นี้คิดจะเป็นแม่สื่อเหรอเรา" "แม่สื่อ?" เด็กน้อยเอียงหน้ามองพ่อ "คิวปิด" พอบอกแบบนี้เด็กน้อยก็ตาเป็นประกายพยักหน้าหงึกหงัก เพราะเคยเห็นในการ์ตูนและรู้ว่ามันถือลูกศรยิงให้คนรักกัน "อ้อ ก็หนูชอบครูณิชานี่คะ" "แล้วครูคนอื่นล่ะ" "ก็ชอบ แต่น้อยกว่าครูณิชาค่ะ" "ทำไมกันนะ" ตุลาชวนลูกสาวคุยไปเรื่อยอย่างที่ชอบทำเป็นปกติอยู่แล้ว จริงๆ เรื่องครูณิชาก็บ่นให้เขาฟังตั้งแต่เมื่อวันศุกร์ไปแล้วหนึ่งรอบ "เพราะครูณิชาตลก สวย ใจดี เหมือนนางฟ้าเลยค่ะ" "ขนาดนั้นเลย" "ค่ะขนาดนั้นเลย หนูอยากได้" หนูน้อยกอดอกเอียงหน้ามองพ่อพร้อมกับทำแก้มป่องๆ "อยากได้อะไรครับ" "อยากได้คุณครูณิชามาเป็นแม่ค่ะ"

ขอความรักที

ขอความรักที

โรแมนติก

5.0

ร้อยรัก ผู้เชื่อมั่นในรัก แต่ไฉนเลยกลับถูกโชคชะตากลั่นแกล้งอยู่ร่ำไป คนที่คิดว่าใช่ กลับไม่ใช่ สุดท้ายยังต้องเข้าพิธีวิวาห์กับน้องชายของเจ้าบ่าว! +++++++++ ‘นี่คุณมานอนบนนี้ตั้งแต่เมื่อไร’ ร้อยรัก ถามเสียงห้วนแล้วก้มสำรวจตัวเองตามสัญชาตญาณ ‘ก็ตั้งแต่เมื่อคืนนั่นแหละครับ’ ‘ฉะ...ฉันนึกว่าคุณจะนอนข้างล่างเสียอีก’ คีรินทร์ หัวเราะขำ แล้วตอบกลับตรงๆ ‘ฝันไปเถอะ เหนื่อยจะตายมีที่นอนนุ่มๆ จะไปนอนที่พื้นเพื่อ...’ ‘ก็...เราไม่ได้เป็นอะไรกัน และคิดว่าคุณจะเป็นสุภาพบุรุษกว่านี้เสียอีก’ ‘ตื่นจากมโนได้แล้วคุณ คนที่แต่งงานกับคุณไม่ใช่ผู้ชายอ่อนโยน แสนดี และเป็นสุภาพบุรุษอย่างที่ต้องการหรอกนะ มีแต่ผม...ผู้ชายที่สันดานไม่ดีคนนี้แหละ’

เกมรักบรรณาการร้อน

เกมรักบรรณาการร้อน

โรแมนติก

5.0

“อย่ามาทำเป็นเล่นตัว ได้เวลาทำหน้าที่ของตัวเองแล้ว” ไมก้าห์ตามไปนั่งคร่อมร่างบางที่ตอนนี้มือทั้งสองข้างของหญิงสาวถูกเขาตรึงไว้เหนือศีรษะด้วยมือข้างเดียวแล้ว “นะ…หน้าที่บ้าบออะไรจะมาทำกันตอนนี้ คุณต้องการกาแฟเพิ่ม ปล่อยฉันสิเดี๋ยวจะไปชงให้ค่ะ” ไออุ่นพยายามพูดคุยอย่างใจเย็น ทั้งที่มาอีหรอบนี้หรือจะต้องการดื่มกาแฟ “ไม่ได้จะกินกาแฟ” “งั้นคุณจะเอาอะไร นี่มันดึกแล้ว จะใช้อะไรฉันก็รอพรุ่งนี้เซ่!” เธอตะโกนสุดเสียงดิ้นสุดฤทธิ์แต่ก็ไม่สามารถหลุดออกจากการควบคุมของมือใหญ่ของไมก้าห์ได้ “หน้าที่กลางคืนก็ต้องทำกลางคืนสิ” ไม่พูดเปล่าไมก้าห์ยังก้มลงไปสูดกลิ่นสาวจากซอกคอหอมกรุ่นอย่างพอใจ แม้รูปร่างจะห่างไกลจากสเปกของเขาแต่กลิ่นเนื้อสาวนี้ถูกใจเขาอย่างประหลาด ดูท่ากลิ่นหอมอ่อนๆ ดูจะถูกจริตเขามากกว่ากลิ่นฉุนๆ ของน้ำหอมยี่ห้อดัง “ไม่ ไม่ มันไม่ใช่แบบนี้” ไออุ่นที่ขนลุกซู่บอกเสียงสะอื้น แต่ไมก้าห์ไม่คิดจะสน ผู้หญิงที่ชอบทำตัวอ่อนประสบการณ์เรียกร้องความใจแบบนี้เขาเจอมาเยอะแล้ว ร้อยทั้งร้อยเครื่องร้อนเต็มที่พวกเธอเหล่านั้นก็กลายร่างเป็นแม่เสือสาวพราวสวาททั้งนั้น “แบบนี้แหละถูกต้องที่สุดแล้ว” ตอบเสียงอู้อี้ ก่อนจะลากไล้ปลายจมูกและริมฝีปากไปทั่วลำคอขาวผ่อง ก่อนจะไล้ขึ้นมายังแก้มใสที่…เปียกชื่นน้ำตา และนั่นทำให้ไมก้าห์ที่กำลังเมากับกลิ่นกายสาวถึงนิ่ง แล้วค่อยๆ ยันตัวขึ้น “อย่ามาเรียกร้องความสนใจด้วยน้ำตา” เขาคำรามอย่างไม่สบอารมณ์ ให้ตาย เขาเกลียดที่สุดคือน้ำตาของผู้หญิง “ก็คุณกำลังจะข่มขื่นฉัน ฉันต้องดีใจหรือไง” ตะคอกกลับเสียงสะอื้น “ข่มขื่นเหรอ พูดให้ถูกมันคือหน้าที่ของเธอต่างหาก”

ปรารถนาราคะ

ปรารถนาราคะ

โรแมนติก

5.0

“ไปเสม็ด” เกวิลนทวนคำเสียงตื่นแล้วรีบถามต่อ “ไปกลับหรือค้างคืน” “ค้างคืน” ชมพูนุชตอบอย่างไม่คิดจะปิดบัง นั่นทำให้เกวลินตาโต เดินเข้าไปจับต้นแขนของชมพูนุชเพื่อให้อีกฝ่ายมองหน้าของเธอ “นี่อย่าบอกนะว่าเธอกับแทน...” “แล้วถ้าใช้เธอจะทำไม” ชมพูนุชถามกลับด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ แต่คนฟังกลับนิ่งไม่ได้ “เธอก็รู้ว่าแทนคือผู้ชายที่ฉันรัก แล้วเธอจะยัง...” พูดยังไม่ทันจบชมพูนุชก็พูดแทรกขึ้นทันควัน “ยังกล้าพูดเหรอว่าแทนคือผู้ชายที่เธอรัก ทั้งๆ ที่เพิ่งกลับมาจากหาผู้ชายอีกคน และอีกอย่างเธอเป็นคนพูดเองไม่ใช่เหรอว่าถ้าสงสารเขาก็เอาไว้เอง ตอนนี้ฉันเอาเขาไว้แล้วเธอจะมาทวงคืนอีกทำไม”

หนังสือที่คุณอาจชอบ

ที่แท้เป็นคุณหนูตัวจริง

ที่แท้เป็นคุณหนูตัวจริง

Nadia Lada
5.0

เสิ่นชิงกลายเป็นลูกสาวของชาวนาจากคุณหนูที่ร่ำรวยของตระกูลเสิ่นในชั่วข้ามคืน ลูกสาวตัวจริงใส่ร้ายเธอ คู่หมั้นของเธอทำให้เธออับอาย และพ่อแม่บุญธรรมของเธอก็ไล่เธอออกจากบ้าน... ทุกคนต่างรอที่จะหัวเราะเยาะเธอ ทว่าเธอกลับกลายเป็นทายาทของตระกูลเศรษฐีในเมืองอย่างกะทันหัน นอกจาดนี้ เธอยังมีตัวตนหลากหลาย เช่น หัวหน้าแฮ็กเกอร์ระดับนานาชาติ นักออกแบบเครื่องประดับชั้นนำ นักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ที่ลึกลับ และอัจฉริยะด้านการแพทย์! พ่อแม่บุญธรรมเสียใจกับการตัดสินใจของตนและบังคับให้เธอแบ่งทรัพย์สินครึ่งหนึ่งให้เพราะพวกเขาเลี้ยงดูเธอมา เมื่อเสิ่นชิงหยิบกล้องออกมาแล้วบันทึกท่าทางอันน่าเกลียดของพวกเขา อดีตคู่หมั้นรู้สึกเสียใจและพยายามจะคืนดีกับเธอ เสิ่นชิงหัวเราะเยาะ "เขาคู่ควรงั้นเหรอ" จากนั้นก็ไล่เขาออกจากเมือง ในที่สุด ผู้มีอำนาจแห่งเมืองก็พูดอ้อนวอนเบาๆ "ไม่จำเป็นต้องแต่งเข้าตระกูลผม เดี๋ยวผมไปหาเอง"

ทะลุมิติมาเป็นบุตรสาวหญิงหม้าย

ทะลุมิติมาเป็นบุตรสาวหญิงหม้าย

l3oonm@
5.0

จือหลินเธอเป็นเด็กกำพร้า ที่ถูกมารดาทอดทิ้งไว้ที่โรงพยาบาลตั้งแต่วันแรกที่ลืมตามาดูโลก ต่อมาทางโรงพยาบาลจึงส่งตัวเธอให้กับสถานสงเคราะห์ พออายุได้สามปี ก็มีองค์กรหนึ่งมารับเลี้ยงตัวเธอ แต่พวกเขาเลี้ยงเธอและเด็กคนอื่นๆ ไว้เพื่อเป็นหนูทดลองเท่านั้น ครั้งแรกที่ถูกนำตัวมา ต่างก็โดนจับฉีดยาเข้าสู่ร่างกาย เพื่อหาเด็กที่เลือดต้านเชื้อที่ฉีดเข้าไปได้เท่านั้น หากร่างกายทนรับไม่ไว้สิ่งที่ทางองค์กรมอบให้คือความตาย จือหลินอาจเป็นเพราะเลือดของเธอพิเศษกว่าเด็กคนอื่น ไม่ว่าฉีดยาตัวไหนเข้าสู่ร่างกายเธอก็ทนรับได้ทั้งนั้น นับจากนั้นมาเธอจึงถูกเลี้ยงดูจากองค์กรมาอย่างดี เรื่องการศึกษาเธอก็สามารถเรียนรู้ทุกสิ่งได้อย่างเต็มที่ แต่เพราะความฉลาดของเธอจึงถูกส่งให้เรียนวิทยาศาสตร์การแพทย์และเรียนแพทย์ควบคู่ไปด้วย เมื่อเรียนจบมาแล้ว จือหลินยังคงทำการให้องค์กรเช่นเดิม แม้จะไม่ได้เป็นนักฆ่าเช่นเพื่อนคนอื่นที่มาพร้อมกัน แต่เธอก็ต้องฝึกไม่ต่างจากพวกเขา ยิ่งเมื่อต้องนำเด็กเข้ามาเป็นหนูทดลองเช่นเดียวกับเธอในตอนเล็ก ต่อให้ไม่อยากทำก็ต้องทำ หากฝ่าฝืนไม่ทำการชิปที่ถูกฝังอยู่ในตัวจะถูกกระตุ้นให้ได้รับความทรมานทันที นานวันเข้า ความดำมืดก็ก่อเกิดในใจ ไม่ว่าจะฉีดยาให้เด็กร้ายแรงเพียงใดจือหลินก็เลิกรู้สึกผิดไปเสียแล้ว เพราะการทำงานของเธอตลอดหลายปีที่ผ่านมาทำให้ทางองค์กรยกย่องและมักจะให้สิ่งดีๆ กับเธอเสมอ เมื่อมีชิปตัวหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อฝังมิติอีกห้วงหนึ่งไว้ภายในร่างกาย จือหลินนางก็ได้รับเลือกให้ทดลองใช้สิ่งนี้ด้วยเช่นกัน จือหลินถูกฝังชิปมิติเข้าที่แกนสมองของเธอ ความเจ็บปวดที่ได้รับทำให้เธอแทบสิ้นสติ เมื่อชิปถูกฝังลงไปแล้ว เพียงไม่นานก็มีเสียงจากระบบให้เธอยืนยันตัวตน ก่อนที่จะปรากฏภาพต่างๆ ภายในหัวของเธอ ของจากภายนอกล้วนแต่ถูกส่งเข้าไปเก็บไว้ด้านในได้ทั้งสิ้น หากเป็นเนื้อสด ผักผลไม้ ยังคงความสดอยู่เช่นเดิมแม้จะเก็บไว้นานมากเพียงใด ห้วงมิติของจือหลินเหมือนเป็นห้องสูทในคอนโดของเธอเองที่มีทุกอย่างพร้อมใช้อยู่ภายใน แม้แต่ห้องทดลอง ห้องทำงานของเธอก็ปรากฏอยู่ในนั้นเช่นกัน นับจากนั้นจือหลินจึงซื้อของเขาเก็บภายในมิติของเธอเป็นจำนวนมาก ตัวเธอเพียงผู้เดียวที่สามารถเข้าออกในห้วงมิติได้ วันเวลาผ่านไปจนจือหลินล่วงเข้าวัยสามสิบปี เธอสามารถผลิตยาที่ทำให้ทั่วโลกจับตามองออกมาได้ ยายื้อชีวิตจากความตาย แต่การทดลองของเธอที่ผ่านมาต้องใช้คนจำนวนมากในการเข้าทดลอง จือหลินสามารถยื้อชีวิตของชายชราที่กำลังจะหมดลมหายใจให้กลับมามีชีวิตปกติได้ เมื่อเธอกักตัวเขาไว้ได้หกเดือนเห็นว่าไม่มีสิ่งใดที่ผิดปกติจึงคิดจะปล่อยเขาออกไปใช้ชีวิตเช่นเดิม แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อชายชราที่กำลังจะเดินออกจากห้องทดลองล้มลงต่อหน้าทุกคนที่เข้าร่วมชื่นชมผลงานของเธอ จือหลินรีบเข้าไปตรวจดูความผิดปกติทันที ก็พบว่าเขาหยุดหายใจเสียแล้ว เจ้าหน้าที่ทั้งหมดจึงต้องพาชายชราคนนั้นกลับเข้าไปในห้องทดลองเพื่อหาสาเหตุ ผ่านไปเพียงสองครึ่งชั่วโมงเขากลับลืมตาขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ แต่แววตาที่มองมาทางทุกคนได้เปลี่ยนไป ในดวงตาของชายชราผู้นั้นมีเพียงตาขาวไม่มีตาดำเช่นคนมีชีวิต “เกิดเรื่องอะไรขึ้น” ผู้อำนวยการองค์กรเดินเข้ามาหาจือหลินแล้วเอ่ยถามอย่างตื่นตระหนก เพราะนักข่าวที่ข่าวเชิญมายังอยู่ที่ด้านนอกเพื่อรอฟังคำตอบ “ขอดิฉันตรวจสอบก่อนค่ะ” จือหลินกุมหน้าผากอย่างมึนงง เธอก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร คนทั้งหมดยืนมองชายชราที่เดินท่าทางประหลาดอยู่ในห้องทดลอง ในตอนนี้เขาเริ่มหยิบสิ่งของทำร้ายตัวเองอย่างบ้าคลั่ง เจ้าหน้าที่คนหนึ่งรีบวิ่งเข้าไปในห้องทดลองเพื่อห้ามไม่ให้เขาทำร้ายตัวเอง ชายชราเมื่อได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาก็พุ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว และเริ่มกัดกินเนื้อตัวของเขาอย่างโหดร้าย คนที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดต่างยกมือขึ้นปิดปากอย่างตกใจ เพราะกลัวข่าวเรื่องนี้จะรั่วไหล ผู้อำนวยการสั่งให้คนไปแจ้งนักข่าวให้กลับไปก่อน ทางองค์กรจะแถลงการณ์เรื่องนี้ในภายหลัง เจ้าหน้าที่ที่ถูกทำร้ายล้มลงเสียชีวิตไม่นานก็มีสภาพไม่ต่างจากชายชราคนนั้น เสียงวุ่นวายไม่ได้จบลงที่ห้องทดลองของจือหลินเพียงแห่งเดียว เพราะห้องทดลองอื่นก็ล้วนพบเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ต่างกัน ผู้อำนวยการจำต้องส่งสัญญาณเคลื่อนย้ายเจ้าหน้าที่ออกจากตึกทดลองให้เร็วที่สุด จือหลินไม่รู้ว่ายาของนางจะสร้างผลเสียมากถึงเพียงนี้ เพราะเจ้าหน้าที่หลายคนล้วนจบชีวิตจนกลายเป็นซอมบี้ไปเสียแล้ว ตึกทดลองถูกปิดตาย เพื่อไม่ให้ซอมบี้ที่อยู่ด้านในออกมาสร้างความเสียหายภายนอกได้ “เรื่องนี้ดิฉันขอจัดการด้วยตนเองค่ะ” จือหลินเดินเข้าไปหาผู้อำนวยการที่ห้องทำงานของเขา เพื่อบอกสิ่งที่เธอคิดว่าอย่างดีแล้วในหลายวันที่ผ่านมา เมื่อเห็นว่าผู้อำนวยการไม่ห้ามในสิ่งที่เธอจะทำจือหลินจึงเดินไปที่หน้าตึกทดลองพร้อมระเบิดเวลาในมือ เธอคิดจะทำลายสิ่งของทุกอย่างที่เธอสร้างขึ้นมาลงด้วยมือของเธอเอง จือหลินเปิดประตูตึกทดลองแล้วรีบปิดลงทันที เธอเดินเข้าไปที่กลางตึกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะระหว่างทางเธอต้องคอยต่อสู้กับซอมบี้ที่จะเข้ามาทำร้ายเธอไปด้วย เสียงสัญญาณระเบิดดังขึ้น จือหลินหลับตาลง พร้อมทั้งถอนหายใจให้กับเรื่องราวในชีวิตที่ผ่านมา เสียงระเบิดดังไปทั่วบริเวณพร้อมทั้งตึกทดลองที่ถล่มลงมาจนแทบไม่เหลือซาก “เจ็บชะมัด” จือหลินร้องครางออกมาเบาๆ แต่เมื่อรู้สึกตัวได้เธอก็รีบพยุงตัวขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วพร้อมมองไปรอบๆ อย่างไม่อยากเชื่อ เธอคิดว่าตายไปแล้วเสียอีก แต่ทำไมถึงได้มีความรู้สึกเจ็บได้ “นี้มันเรื่องบ้าอะไรอีกว่ะเนี่ย” จือหลินเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ รอบๆ ตัวเธอในตอนนี้เป็นป่าทึบ มือของเธอก็ไม่ใช่ของเธออย่างแน่นอนเพราะมีขนาดเล็กราวกับเป็นเด็กน้อยคนหนึ่งเท่านั้น ตอนที่เธอมึนงงสับสน เรื่องราวความทรงจำของเจ้าของร่างก็ไหลเข้าสู่หัวของเธอจนต้องลงไปนอนดิ้นกับพื้น

เจ้าหญิงน้อยของพี่ๆ ทั้งสาม

เจ้าหญิงน้อยของพี่ๆ ทั้งสาม

Silas Thorn
5.0

ซูหลีพยายามทำทุกอย่างเพื่อเอาใจตระกูลซูมาตลอดห้าปี แต่ก็ต้องพ่ายแพ้ต่อคำใส่ร้ายของน้องสาวเพียงคำเดียว เรื่องที่ซูหลีเป็นคุณหนูปลอมก็ถูกเปิดเผย ทำให้คู่หมั้นทิ้งเธอ เพื่อนๆ ก็ห่างเหิน และพี่ชายขับไล่เธอออกจากบ้าน บอกให้เธอกลับไปหาพ่อแม่ชาวนาของเธอ ในที่สุดซูหลีก็สิ้นหวังและตัดสินใจตัดขาดความสัมพันธ์กับตระกูลซู ยึดความช่วยเหลือทุกอย่างคืนและไม่อดทนอีกต่อไป แต่เธอไม่คาดคิดเลยว่าชาวนาที่พี่ชายพูดถึงนั้นกลับกลายเป็นตระกูลลั่วผู้มั่งคั่งที่สุดในประเทศ ในคืนเดียวเธอเปลี่ยนจากคุณหนูตัวปลอมที่ถูกทุกคนรังเกียจเป็นลูกสาวของมหาเศรษฐีที่มีพี่ชายสามคนที่รักเธอ พี่ชายคนโตที่เป็นผู้บริหารใหญ่“เลิกประชุม จองตั๋วเครื่องบินกลับประเทศ ฉันอยากดูสิว่าใครกล้าแกล้งน้องสาวฉัน” พี่ชายคนที่สองที่เป็นนักวิทยาศาสตร์ยอดเยี่ยมระดับโลก“หยุดการวิจัย ฉันจะไปรับน้องสาวกลับบ้านเดี๋ยวนี้ ” พี่ชายคนที่สามที่เป็นนักดนตรีระดับโลก “เลื่อนคอนเสิร์ต ไม่มีอะไรสำคัญเท่าน้องสาวของฉัน” จู่ๆ คนทั้งเมืองจิงก็ต้องตกใจช็อก ตระกูลซูเสียใจจนสุดขีด คู่หมั้นก็กลับมาขอคืนดี ผู้คนที่มาขอจีบเธอก็แห่กันมาถึงหน้าบ้าน ไม่ทันที่ซูหลีจะตอบสนอง ตระกูลชือซึ่งเป็นตระกูลสูงสุดในเมืองจิงและมีตำแหน่งสูงสุดในกองทัพเรือ ก็เสนอใบสมรสให้เธอ ทำให้เธอกลายเป็นคนดังในสังคมชั้นสูง!

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ