รอยรักรอยร้าว
สามีเป็นถึงเศรษฐีพันล้าน
ธิดาแค้นต้องเอาคืน
คุณกู้ คุณนายทอดทิ้งท่านไปแล้ว
เกิดใหม่ในเงามืด
สัญญารักลวงใจ
ทะลุมิติมาเป็นภรรยาตัวน้อยของสามีพิการ
คู่ทาสของกษัตริย์ผู้โหดร้าย
เสด็จอาเลิกตามใจพระชายาสักทีเถอะ
เมียผมน่ารักจัง
ค่ำคืนนี้มีการฉลองชัยชนะครั้งยิ่งใหญ่ในพระราชวัง ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นของอดีตศัตรูมาก่อน เขารอโอกาสที่จะโค่นล้มบัลลังก์ขององค์ราชากำมะลอ โอมาร์ ราสชิด อัลฟาฮาร์ มานานนับยี่สิบปี ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง วันที่เขาสามารถล้างแค้นให้กับคนในครอบครัวและคนในเผ่าได้สำเร็จ แต่ศึกมันยังไม่จบเพียงเท่านี้ ยังมีอีกคนที่เขาจะต้องจัดการ ‘ทายาทอีกคนของอดีตองค์ราชากำมะลอ’ ที่เกิดจากพระสนมแห่งรัฐบาร์การู
‘ได้ข่าวว่าลูกชายของมัน กำลังศึกษาอยู่ที่ฝรั่งเศส ไม่รู้ว่าจบหรือยัง’
ทายาทคนเล็กของศัตรูที่มีใบหน้าหวานละมุนราวกับผู้หญิง ไม่น่าจะเป็นชายแท้ได้เลย จากคำบอกเล่าของทหารสายสืบรายงานว่า ลูกชายคนเล็กของโอมาร์คนนี้มีรูปร่างสูงโปร่งบอบบางราวกับผู้หญิง หากไม่แต่งกายด้วยชุดนักศึกษาชายก็คงดูไม่ออกว่าเป็น ‘ผู้ชาย’ ชีคซาฮิมมองดูรูปถ่ายในมือด้วยสายตาอำมหิต
‘น่าจะเป็นชายใจหญิงล่ะสิ’
แต่แว่นสายตากรอบใหญ่ที่บดบังครึ่งหน้าของเจ้าของรูปถ่าย ทำให้คิ้วเข้มดุจปีกกาขมวดเข้าหากันด้วยความขัดใจ เมื่อทหารสายสืบของเขามารายงานครั้งล่าสุดว่ายังตามหาตัวราเชลไม่พบ
‘ไม่ว่าลูกชายของแกจะไปซ่อนตัวอยู่มุมไหนของโลก ข้าก็จะตามไปกำจัดมันให้สิ้นซาก ให้เหมือนกับที่แกสั่งให้ทหารมาฆ่าพ่อแม่ของข้าและทำให้น้องชายที่ข้ารักหายสาบสูญไป ข้าจะล้างแค้นให้กับทุกคน รวมทั้งญาติคนอื่นๆ ในเผ่าของข้าด้วย เพราะฉะนั้น สายเลือดของแกเพียงคนเดียวข้าก็จะไม่ละเว้น’
รอยยิ้มเหี้ยมเกรียมฉายวาบขึ้นมาบนใบหน้าคมเข้มหล่อเหลาที่แดงก่ำเต็มไปด้วยเพลิงแค้น ดวงตาคมแข็งกร้าววาวโรจน์ขึ้นราวกับมีไฟนรกหลายกองสุมอยู่ในนั้นเมื่อมองรูปถ่ายใบเล็กในมือ ไม่ยากหรอกที่เขาจะกำจัดมัน ‘ไอ้ผู้ชายบอบบาง’ คนนี้
‘แต่ว่ามันไปมุดหัวอยู่ที่ไหนวะ’
“ซาฮิม ข้าว่าเจ้าควรหยุดทำหน้าบึ้งสักวันเถอะนะ วันนี้เป็นวันฉลองชัยชนะของเรา อีกสักครู่จะมีนางระบำจากปันจาร์ที่เขาเล่าลือว่านางสวยงามหยาดฟ้ามาดิน จะมาแสดงโชว์เพื่อร่วมแสดงความยินดีกับเรา เจ้าตรากตรำการศึกมานาน ควรจะหาความสำราญให้กับตนเองบ้างนะสหายรัก” ไฮซาลทหารคู่ใจเปรยยิ้มๆ
“อาก็เห็นด้วยกับไฮซาลนะหลานรัก เจ้าควรเปิดหูเปิดตามองสิ่งสวยๆ งามๆ เสียบ้าง” ญาติเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ของซาฮิมเอ่ยสำทับ แต่ชีคหนุ่มที่หัวใจด้านชาดูเหมือนจะไม่เห็นด้วยกับใครทั้งนั้น
“ข้าไม่สนใจพวกนางระบำมานานแล้ว เจ้าก็รู้” ผู้ที่ได้รับฉายาว่า ‘สิงห์แห่งทะเลทราย’ ยิ่งหน้าบึ้งมากกว่าเดิมเมื่อหันไปพูดกับมือขวาคนสนิท ภาพแห่งความหลังที่เจ็บปวดยังไม่เลือนหาย พวกผู้หญิงร้อยเล่ห์มารยา หลอกล่อให้เขาหลงระเริงจนเกิดเรื่องที่ไม่น่าให้อภัยครั้งแล้วครั้งเล่า เขาจะไม่ยอมให้มันเกิดขึ้นซ้ำอีกแน่
“แต่นางระบำคนนี้ เป็นลูกครึ่งไทย-ซาร์เนเวียร์นะสหายรัก และเพิ่งเรียนจบแฟชั่นดีไซน์จากฝรั่งเศสมาหมาดๆ ด้วย แบบนี้เจ้าไม่คิดจะสนใจนางจริงๆ หรือซาฮิม”
ทหารผู้รู้ใจถามด้วยนัยน์ตาเป็นประกาย ความจริงตัวเขาเองก็สนใจนักท่องเที่ยวสาวลูกครึ่งที่มีความสามารถในการเต้นระบำหน้าท้องคนที่พูดถึงไม่น้อย และอยากจะจัดการซักฟอกนางให้ได้ความก่อนที่จะมาถึงมือของซาฮิม แต่พอมาคิดๆ ดูแล้ว เขาคิดว่าหญิงสาวผู้นี้อาจจะสร้างความสำราญให้กับสหายรักผู้เย็นชาของเขาได้
ดวงตาสีสนิมมีแววครุ่นคิด ก่อนจะหันมามองหน้าสหายรักที่คอยเจ้ากี้เจ้าการหาผู้หญิงมาบรรณาการเขาแทบทุกอาทิตย์คล้ายไม่พอใจ เพราะผู้หญิงทุกคนที่ไฮซาลพามาปรนนิบัติเขา พวกนางมีนิสัยเหมือนกันหมด น่าเบื่อ น่ารำคาญ และเขาก็ไม่เคยมีความสัมพันธ์กับผู้หญิงคนไหนเกินหนึ่งครั้ง แล้วผู้หญิงที่ไฮซาลกำลังพูดถึงคนนี้จะน่าสนใจสักแค่ไหนกัน
‘เพราะนางเป็นลูกครึ่งไทย-ซาร์เนเวียร์ ที่เพิ่งจบมาจากฝรั่งเศสอย่างนั้นหรือ เขาถึงต้องสนใจ ก็อาจจะใช่ แต่ว่าการศึกษาของนางก็สูง แล้วทำไมนางถึงมาเป็นนางระบำเต้นยั่วผู้ชายด้วยล่ะ’
“ก็ได้ ข้าจะลองเชื่อเจ้าว่านางน่าสนใจ แต่ขอให้ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายนะไฮซาลที่เจ้าจะพาผู้หญิงมาบรรณาการข้า เพราะข้าหาผู้หญิงที่ข้าสนใจเองได้”
ทหารมือขวาหนุ่มยิ้มมุมปากนิดๆ มองผู้ที่เป็นทั้งเจ้านายเป็นทั้งสหายรักแล้วก็โคลงศีรษะไปมาอย่างระอา ซาฮิมน่ะหรือจะยอมเสียเวลาไปหาผู้หญิงที่ไหนที่ถูกใจ เวลาว่างก็แทบจะไม่มี หากว่างเมื่อไหร่ถ้าไม่ชวนกันไปแข่งม้า ก็ต้องไปตลาดค้าอูฐ แล้วท่านชีคของเขาซึ่งตอนนี้ก็มีฐานะไม่ต่างกับพระราชาที่ปกครองนครซาร์เนเวียร์แทนราชากำมะลอองค์ก่อนที่ถูกปลงพระชนม์ไปแล้ว จะมีชายาเคียงข้างและจะมีทายาทสืบทอดราชบัลลังก์ต่อไปได้อย่างไรหากชีคหนุ่มไม่คิดจะสนใจผู้หญิง
อายุอานามของชีคซาฮิม อัล ฟาร์ฮาน ก็ไม่น้อยแล้ว หากเป็นรุ่นเดียวกันก็คงแต่งงานมีลูกไปหลายคนแล้วเช่นเดียวกับเขาที่มีภรรยาถึงสามคน มีลูกตั้งครึ่งโหล จึงอดรู้สึกเป็นห่วงสหายรักที่เป็นถึงเจ้าผู้ครองนครไม่ได้ ที่ยังครองความโสด ไม่ยอมเปิดใจรับผู้หญิงคนไหนเข้ามาเป็นชีคคาสักคน อย่าว่าแต่ชีคคาเลย ตั้งแต่คบกันเป็นเพื่อนรักกันมาตั้งนานเขาก็ยังไม่เคยเห็นซาฮิมทำท่าสนใจผู้หญิงคนไหนเลยสักคน
“ตกลงสหายรัก ตอนนี้เจ้าเป็นถึงเจ้าผู้ครองนคร ข้าจะขัดใจเจ้าได้อย่างไรล่ะ ฟีน่า เจ้าไปบอกให้นางระบำที่ข้าพามา ให้เข้ามาแสดงโชว์ได้” ท้ายประโยคหันไปออกคำสั่งกับสาวใช้เก่าแก่ที่เปลี่ยนมาสวามิภักดิ์ต่อราชาองค์ใหม่ของซาร์เนเวียร์ ซึ่งก็คือนางกำนัลขององค์ราชาองค์ก่อนที่ยังรักตัวกลัวตายและไม่มีที่ซุกหัวนอนนั่นเอง ที่เต็มใจจะเป็นสาวใช้ให้กับเจ้าผู้ครองนครคนใหม่ เพราะนางไม่มีที่ไป
“เจ้าค่ะ”
เมื่อคล้อยหลังสาวใช้วัยสี่สิบต้นๆ ท่านชีคจากรัฐโอลัลนาร์และรัฐบาร์การูและผู้นำของประเทศเพื่อนบ้านใกล้เคียงก็เริ่มทยอยกันมาร่วมงานเลี้ยงฉลองชัยชนะครั้งนี้ด้วย ตามจดหมายเชิญของผู้ครองนครซาร์เนเวียร์คนใหม่ ไม่นานนักในท้องพระโรงก็คึกคักไปด้วยอาคันตุกะคนสำคัญและผู้ติดตามมากมาย รวมถึงคนสนิทที่ร่วมสู้รบกับชีคซาฮิมก็มากันพร้อมหน้า
พรีมรตายืนกอดอกอยู่ตรงหน้าต่างด้วยสีหน้าหงุดหงิด การเข้ามาเยือนประเทศที่อยู่ท่ามกลางทะเลทรายที่ร้อนจัดแบบนี้เธอคิดว่ายุ่งยากใจพอแล้ว แต่การถูกจับมาเป็นเชลยด้วยข้อหางี่เง่า ว่าเธอเป็นพวกของกบฏ มันทำให้เธอปวดหัวและปวดใจเกินจะบรรยายจริงๆ ทั้งที่พ่อของเธอก็สั่งห้ามแล้วว่าไม่ควรมาประเทศนี้ แต่เธอก็ไม่ฟัง เพราะกำลังตามหาคนๆ หนึ่ง ที่ได้ข่าวว่าเขาอาจจะกลับมาที่ประเทศซาร์เนเวียร์ ‘บ้านเกิด’ ของเขา
หญิงสาวไม่คิดเลยว่าประเทศนี้จะมีความป่าเถื่อนซ่อนอยู่ในสถานที่ที่เธอคิดว่ามันน่าจะปลอดภัย ‘ปันจาร์’ หมู่บ้านเล็กๆ ที่ปู่ของเธอบอกว่าอีกไม่นานก็คงจะขึ้นเป็นรัฐที่สามของประเทศซาร์เนเวียร์เร็วๆ นี้ เพราะที่นี่มีโอเอซิสที่อุดมสมบูรณ์พอสมควร และชาวบ้านมีอาชีพเป็นของตนเอง ไม่ว่าจะเป็นอาชีพปลูกผักสวนครัว เลี้ยงสัตว์ ทอผ้าจากขนสัตว์ การทำเครื่องปั้นดินเผา มีตลาดนัดเล็กๆ กลางหมู่บ้าน ที่สำคัญปู่ของเธอได้ข่าวแว่วๆ มาว่าสันทรายที่อยู่ไม่ห่างไปจากหมู่บ้านมากนักอาจมีน้ำมันดิบจำนวนมากมายอยู่ใต้ผืนทราย
ในปันจาร์ทุกคนในหมู่บ้านดูเป็นกันเองและอัธยาศัยดีกันทุกคน จนเธอไม่คิดว่าภัยจะมาถึงตัว กระทั่งในวันคล้ายวันเกิดของปู่เธอในคืนที่ผ่านมา เธอได้แสดงโชว์เต้นระบำหน้าท้องเพื่อเพิ่มความสนุกสนานให้กับทุกคนในงาน จนกระทั่งงานเลิกเธอจึงขอตัวไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อพักผ่อน แต่กลับถูกโจรชุดดำจับตัวมาที่นี่เสียก่อน
มันจับเธอมาขังไว้ในบ้านของมันก่อน นอนได้งีบหนึ่งมันก็สั่งให้คนรับใช้พาเธอไปอาบน้ำ ขัดสีฉวีวรรณแล้วก็ให้เธอกลับมาใส่ชุดเดิม แล้วสั่งว่าเธอจะต้องใส่ชุดส่าหรีประยุกต์ที่เธอออกแบบเองเต้นระบำหน้าท้องให้เจ้านายของมันดู
‘แล้วเจ้านายของมันเป็นใคร’
ตอนแรกพรีมรตาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าที่นี่คือที่ไหน เพราะตอนที่ถูกจับตัวมาเธอถูกพวกโจรเอาผ้าดำมาปิดตาเธอเอาไว้ตลอดทาง เมื่อลืมตาขึ้นมาได้อีกครั้ง เธอก็มาอยู่ในบ้านของมันแล้ว และเมื่อเธออาบน้ำแต่งตัวตามที่มันสั่งแล้วเสร็จ ก่อนที่จะออกจากบ้านของมัน ไอ้หัวหน้าโจรซึ่งเป็นเจ้าของบ้านก็เอาผ้าดำมาปิดตาเธอเอาไว้อีกครั้งก่อนจะพาเธอมาที่วังหลวงแห่งนี้ เธอรู้ว่าที่นี่คือวังก็เพราะมองไปทางไหนมันก็เรียกว่าบ้านไม่ได้
รอบกายมีแต่สาวใช้ที่แต่งกายแบบสาวชาววังคอยเฝ้ามองเธออยู่ มองออกไปนอกหน้าต่างก็เห็นทหารในชุดสีน้ำตาลอมเขียวเดินสวนสนามกันไปมาอยู่ด้านล่าง และเมื่อกวาดสายตามองภายในห้องที่เธอถูกขังอยู่ในตอนนี้ เฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นไม่ว่าจะเป็นโต๊ะ ตู้ เตียงที่มีส่วนประกอบของทองคำเหลืองอร่ามแกะสลักลวดลายงดงามตระการตา ภาพวาดที่สวยงามบนฝาผนัง ผ้าม่านที่คลุมตั้งแต่หัวเสาจนถึงพื้น รวมถึงผ้าม่านหน้าต่าง แม้แต่พรมเปอร์เซียที่ปูพื้น ล้วนดูหรูหรามีราคาเกินกว่าที่สามัญชนคนธรรมดาจะใช้เงินซื้อหามาตกแต่งในบ้านของตนเองได้
“แกจับฉันมาที่นี่ทำไม ไอ้โจรชั่ว!”
“ไม่ต้องถาม หากไม่อยากถูกข่มขืนแล้วฆ่า จงทำตามที่ข้าสั่ง”
“แกต้องการให้ฉันทำอะไร”
“เต้นระบำ ทำให้เจ้านายของข้าพอใจ ตอบคำถามในสิ่งที่เจ้านายของข้าต้องการรู้ ชีวิตของเจ้านับจากนี้ จะอยู่ในกำมือของเจ้านายของข้าเท่านั้น”
“แล้วเจ้านายของแกเป็นใคร ชื่ออะไร”
“จะบอกให้เอาบุญก็ได้สาวน้อย เจ้านายของข้าก็คือ ท่านชีคซาฮิม อัล ฟาร์ฮาน ราชาแห่งซาร์เนเวียร์”
“ถ้าที่นี่คือซาร์เนเวียร์ พระราชาของประเทศนี้ก็ต้องเป็นองค์ราชา โอมาร์ มิใช่หรือ มันจะกลายเป็นท่านชีคของเจ้าไปได้อย่างไร”
“ไม่ต้องถามมาก หากเจ้ายังอยากมีชีวิตอยู่รอดปลอดภัย ก็จงเต้นระบำให้เป็นที่พอใจของเจ้านายข้า หากท่านใจดี ท่านอาจจะปล่อยเจ้าให้เป็นอิสระ”
พรีมรตายังจดจำบทสนทนาระหว่างตนกับไอ้โจรชั่วนั่นได้ มันคงเป็นข้ารับใช้ของชีคซาฮิมจอมทมิฬคนนั้นแน่ คนที่เธอได้ยินข่าวลือมาว่าเขาเป็น ‘ปีศาจทรายที่ป่าเถื่อน ร้ายกาจ!’ เธอเคยถามปู่ของเธอเหมือนกันว่าเรื่องนี้มันเป็นข่าวจริงหรือว่าข่าวลือ ปู่ของเธอบอกว่าถ้ามีเวลาจะเล่าให้ฟัง เพราะเธอเพิ่งเดินทางมาถึงปันจาร์เหนื่อยๆ แล้วพอมาได้ยินชื่อของผู้ชายคนนี้อีกครั้ง ก็ทำให้หญิงสาวรู้สึกหวาดหวั่นในหัวใจไม่น้อย
ป่านนี้ปู่ของเธอจะรู้หรือยังว่าเธอถูกจับตัวมา แต่ภาวนาขออย่าเพิ่งให้พ่อกับแม่ของเธอที่อยู่เมืองไทยรู้เลย เพราะกลัวว่าท่านทั้งสองจะไม่สบายใจเอาได้
‘เอาน่า ทำใจดีสู้เสือเข้าไว้พรีมรตา เธอมาถูกที่แล้วไม่ใช่หรือ แค่เต้นระบำให้เขาพอใจ เขาถามอะไรมาก็ตอบไปตามความจริง แค่นี้ก็จบ’ สาวน้อยปลอบใจตัวเอง และสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงประตูเปิดเข้ามา