ภายในจวนอ๋อง มู่หว่านซีพยุงท้องโตโย้ของตัวเองพลางถามสาวใช้ข้างกาย “มีข่าวคราวของจวิ้นอ๋องบ้างหรือไม่?”
“พระชายาเพคะ จวิ้นอ๋องได้กำชับเอาไว้แล้วว่า ให้พระชายาอยู่ที่เรือนดูแลครรภ์อย่างสบายใจ แล้วจวิ้นอ๋องจะจัดการเรื่องที่จวนฉินกั๋วกงอย่างสุดความสามารถ” สาวใช้นามว่าซิ่วเหอเหลือบมองมือตัวเองที่ถูกมู่หว่านซีจับไว้แน่นจนเริ่มขาวซีด นัยน์ตาก็ฉายแววไม่พอใจ จากนั้นก็พลันสะบัดมืออก มู่หว่านซีไม่ทันระวังจึงเกือบจะล้มลงไป
“พระชายาระวังเพคะ” ซิ่วเหอเอื้อมมือไปประคองมู่หว่านซี ทว่าแววตานางกลับเผยแววกำเริบเสิบสาน พ้นวันนี้ไปเจ้าก็หาใช่พระชายาจวิ้นอ๋องแล้ว ส่วนนางเองก็จะไม่ใช้สาวใช้อีกต่อไปแล้ว หากแต่จะกลายเป็นอนุของจวนอ๋องแห่งนี้
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ซิ่วเหอก็ยิ้มจนหน้าบาน เมื่อคิดถึงวันข้างหน้าที่สดใสของตัวเองแล้วก็พลันรู้สึกว่า สิ่งที่นางทุ่มเททำไปตลอดหลายปีมานี้ช่างคุ้มค่านัก
“ซิ่วเหอ แล้วชิงจู๋เล่า? เหตุใดสองวันมานี้ถึงไม่เห็นนางเลย?” มู่หว่านซีถามด้วยความสงสัย นางให้ชิงจู๋ไปสืบข่าวคราว ทว่าจนกระทั่งตอนนี้นางก็ยังไม่กลับมา ไม่รู้ว่าท่านตาจะเป็นอย่างไรบ้าง ไม่รู้ว่าจวิ้นอ๋องจะทูลขอพระราชโองการมาได้หรือไม่ แล้วจะช่วยคนทั้งตระกูลของท่านตาไว้ได้หรือไม่?
“พี่ชิงจู๋ต้องไปช่วยงาน วันนี้ก็น่าจะกลับมาแล้วเพคะ” ซิ่วเหอยิ้มอย่างร้ายกาจ “ไม่รู้ว่าจวนฉินกั๋วกงจะเป็นอย่างไรบ้าง ตอนนี้เพื่อสกุลฉินแล้วจวิ้นอ๋องของเราต้องวิ่งวุ่นไปทั่ว ลำบากจวิ้นอ๋องแล้ว”
“ลำบากท่านพี่แล้วจริง ๆ ” มู่หว่านซีค่อย ๆ นั่งลง ซ่งอิงเจี๋ยเป็นสามีของนาง ทั้งยังเป็นบุตรชายคนโตของเรือนเล็กของซ่งฉินอ๋อง แม้เขาจะเป็นจวิ้นอ๋องที่ฝ่าบาททรงแต่งตั้งด้วยพระองค์เอง แต่มียศถาบรรดาศักดิ์เพียงแค่ในนามเท่านั้น ซ่งอิงเจี๋ยมีผลงาน มีชื่อเสียงเกรียงไกรอย่างทุกวันนี้ได้ มู่หว่านซีเองก็มีส่วนช่วยเขาอยู่ไม่น้อย
เดิมทีซ่งอิงเจี๋ยนั้นเป็นเพียงบุตรอนุในจวนซ่งฉินอ๋องเท่านั้น แม้ธรรมเนียมในจวนซ่งฉินอ๋องจะสืบทอดบรรดาศักดิ์อ๋องโดยยึดหลักอาวุโส มิได้แบ่งแยกว่าบุตรธิดาที่เกิดจากภรรยาเอกหรืออนุ แต่ถึงอย่างไรบุตรชายคนโตของเรือนเล็กก็มิอาจได้รับมรดกสืบทอดใด ๆ นอกเหนือไปจากบรรดาศักดิ์อ๋อง แต่ที่ซ่งอิงเจี๋ยมีผลงานอย่างทุกวันนี้ได้ ก็เพราะจวนฉินกั๋วกงซึ่งเป็นครอบครัวฝั่งภรรยาให้การสนับสนุน