ภรรยากระดูกเหล็ก
ห้องนั่งเล่นเงียบสงบลงแล้ว ฉวี่ชิงเกอนั่งลงบนโซฟาด้วยความสิ้นหวัง พอเธอนึกถึงลูกที่ตายไป เธอก็รู้สึกเศร้าใจมาก
ช่วงห้าปีที่ผ่านมา เธอพยายามสืบหาข้อมูลมาตั้งไม่รู้กี่รอบแล้ว แต่แพทย์ที่เป็นคนดูแลเคสของเธอกลับหายตัวไปนานแล้ว ฉวี่ชิงเกอเชื่อว่าการตายของลูกเธอต้องเกี่ยวข้องกับเจี่ยนหล่านแน่นอน
ทำไมเจี่ยนหล่านถึงอยู่ได้อย่างเย่อหยิ่งแบบนั้น ดวงตาของฉวี่ชิงเกอฉายแววความเศร้าหมองขึ้นมา เธอจะไม่มีวันปล่อยเจี่ยนหล่านไปแน่!
ในขณะเดียวกัน ภายในรถ
เจี่ยนหล่านตื่นตระหนกมาก เธอคิดว่าฉวี่ชิงเกอจะเสียชีวิตที่โรงพยาบาลไปตั้งนานแล้วซะอีก เธอไม่คาดคิดเลยว่าผู้หญิงคนนี้จะยังมีชีวิตอยู่ เธอพูดอย่างเป็นกังวลใจว่า “หนานจิ่น เป้าหมายของฉวี่ชิงเกอจะต้องไม่ธรรมดาแน่นอน เรากำลังจะแต่งงานกัน แล้วจู่ ๆ เธอก็ปรากฏตัวขึ้นมาแถมยังเอาลูกไปแบบนี้อีก มันต้องไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่ ฉวี่ชิงเกอจะต้องยังทำใจเรื่องคุณไม่ได้ เธอจะต้องมาทำลายงานแต่งงานของพวกเราแน่ ๆ เลย
ฟู่หนานจิ่นไม่ตอบรับอะไรกับคำพูดของเธอ แต่กลับย้อนถามไปว่า “ทำไมเธอต้องต่อว่าเวินสือด้วย?” ทำไมเขาถึงหนีออกไปคนเดียวได้โดยที่คุณไม่รู้อะไรเลย?”
พอได้ยินแบบนั้น สีหน้าของเจี่ยนหล่านก็แสดงอาการเลิ่กลั่กออกมาทันที แล้วเธอก็รีบพูดว่า “หนานจิ่น ฉันก็แค่ดุลูกที่ดึกมากแล้วแต่เขายังไม่ยอมนอนแค่ไม่กี่ประโยคเอง ฉันไม่คิดไม่ถึงจริง ๆ นะว่าเขาจะหนีออกไปคนเดียวแบบนี้”
พอพูดจบ เจี่ยนหล่านก็มองไปที่ฟู่เวินสือที่นั่งอยู่เบาะหลัง “ลูกรัก แม่ไม่ได้ตั้งใจทำอย่างนั้นหรอกนะ ต่อไปลูกห้ามทำแบบนี้อีกนะ พ่อกับแม่เป็นห่วงแทบตายเลยนะ”
ฟู่เวินสือมองออกไปนอกหน้าต่าง ไม่สนใจคำพูดของเจี่ยนหล่านเลยสักนิด
เจี่ยนหล่านจึงยิ่งโมโหมากขึ้นกว่าเดิม เด็กคนนี้เป็นออทิสติก ตั้งแต่เล็กจนโตไม่เคยพูดอะไรเลยสักคำ เขาไม่สนิทกับใครเลย นอกจากฟู่หนานจิ่นคนเดียว แต่ตอนนี้เขากลับออกไปกับฉวี่ชิงเกอ แถมยังปกป้องฉวี่ชิงเกอแบบนั้นอีกด้วย พอคิด ๆ ดูแล้ว สีหน้าของเจี่ยนหล่านก็ยิ่งเขียวมากขึ้นเรื่อย ๆ
ตอนแรก เธอน่าจะจบชีวิตของฉวี่ชิงเกอที่ต่างประเทศเองกับมือ
“หนานจิ่น ฉันขอโทษนะ ฉันอ่อนไหวเกินไปจริง ๆ อันที่จริงตอนแรกฉันแค่........ ฉันแค่กลัวที่จะสูญเสียคุณและลูกไป”
ฟู่หนานจิ่นเม้มริมฝีปาก แล้วก็พูดขึ้นว่า “งานแต่งงานจะจัดขึ้นตามกำหนด คุณไม่ต้องคิดมากหรอก”
หน้าตาที่ดูมีความสุขฉายแววขึ้นมาอีกครั้งบนใบหน้าของเจี่ยนหล่าน “จริงด้วย ฉันได้ยินมาว่าสาขาย่อยของบริษัทเยว่หนิงจะมาเปิดที่เมือง A แล้ว หนานจิ่น พวกเราให้ Emily ออกแบบชุดแต่งงานให้พวกเราดีไหม?”
บริษัทเยว่หนิงเป็นบริษัทออกแบบเครื่องแต่งกายระดับไฮเอนด์ของต่างประเทศ ท่านประธานที่อยู่เบื้องหลังของพวกเขาก็คือ Emily ที่เป็นนักดีไซเนอร์ชั้นนำ แบรนด์นี้ก่อตั้งขึ้นเมื่อสามปีที่แล้ว แต่ตอนนี้ได้รับความนิยมไปทั่วประเทศ
ฟู่หนานจิ่นตอบกลับมาเบา ๆ ว่า “ก็ได้นะถ้าคุณชอบ”
...........
สามวันต่อมา ฉวี่ชิงเกอกลับไปที่บ้านตระกูลฉวี่ แล้วเธอก็ตื่นนอนตั้งแต่เช้า
คุณแม่ฉวี่ถามด้วยความเป็นห่วงเป็นใยว่า “ลูกรัก ทำไมถึงได้ตื่นเช้าแบบนี้ล่ะ นอนไม่ค่อยหลับเหรอ?”
“แม่คะ พอดีวันนี้หนูต้องทำงานแล้วค่ะ”
“ลูกคนนี้หนิ เพิ่งจะกลับประเทศมาได้ไม่กี่วันก็จะไปทำงานซะแล้ว แม่ล่ะเสียดายจริง ๆ ที่ยกบริษัทให้หนู ไม่ใช่ว่าตระกูลฉวี่ของพวกเราเลี้ยงดูหนูไม่ไหวสักหน่อย หนูจะทำตัวเป็นเหมือนเด็กคนอื่นไม่ได้เลยหรือไงนะ ที่ทำตัวเป็นคุณหนู ไปช้อปปิ้ง เสริมสวย หรือสังสรรค์อะไรทำนองนี้......”
พอได้ยินคุณแม่ฉวี่บ่นจู้จี้ ฉวี่ชิงเกอก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา
หลังกินอาหารเช้าเสร็จ เธอก็ไปที่บริษัทชิงหย่า บริษัทชิงหย่าเป็นบริษัทภาพยนตร์และโทรทัศน์แห่งหนึ่งที่อยู่ภายใต้เครือฉวี่ซื่อ กรุป ก่อนหน้านี้มีคุณแม่ฉวี่เป็นคนบริหารงานมาโดยตลอด ตอนนี้อำนาจของผู้สืบทอดบริษัทได้ถูกส่งมอบให้ฉวี่ชิงเกอเรียบร้อยแล้ว
พนักงานในบริษัทชิงหย่าพอรู้ข่าวว่าคุณหนูของตระกูลฉวี่จะเริ่มเข้ามาบริหารบริษัทตั้งแต่วันนี้ คนจากทุกแผนกต่างก็มารออยู่ที่ชั้นล่าง
ฉวี่ชิงเกอลงมาจากรถ เธอแต่งหน้าได้สวยงดงาม สวมชุดสูทสีขาว ตัวเธอดูมีออร่าเปล่งประกาย ผู้ช่วยรีบเข้ามาทักทายเธอ รองเท้าส้นสูงเมื่อเหยียบลงบนพื้นก็ดังขึ้นเป็นเสียงที่คมชัด ในห้องโถงใหญ่ ทุกคนพูดพร้อมกันเป็นเสียงเดียวกันว่า: “สวัสดีค่ะคุณฉวี่”
“สวัสดีค่ะทุกคน ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป บริษัทชิงหย่าจะถูกบริหารโดยฉันเอง ต่อไปมีอะไรโปรดให้คำชี้แนะกับฉันด้วยนะคะ”