ลมหายใจแห่งวายุ

ลมหายใจแห่งวายุ

วรนิษฐา / Miss sexy

5.0
ความคิดเห็น
4.4K
ชม
55
บท

เขาคือเพื่อนพี่ชายที่แอบหลงรักน้องสาวของเพื่อนโดยไม่รู้ตัว ส่วนเธอคือเด็กสาวที่เอาแต่แอบหลงรักรุ่นพี่! โดยมองข้ามใครบางคนไปเช่นกัน เรื่องชุลมุนของคนแอบรักจึงเริ่มต้นขึ้น -------------------------------------- สามเดือน! คือเวลาที่ฉันอยากมาอยู่ใกล้กับเขาก่อนจะห่างกันไป สามเดือน! คือเวลาที่มันสั้นมากสำหรับฉัน แต่เพราะไม่อาจปลอมตัวไปเป็นคนรับใช้เหมือนในละคร นั่นเพราะเป้าหมายอยู่คอนโดมิเนียม จะไปสมัครเป็นแม่บ้านก็เต็ม ถามย้ำกี่ทีนิติบุคคลก็ยังไม่รับเพิ่ม ยามรักษาความปลอดภัยเองก็ด้วย จะไปซื้อห้องอยู่ข้างๆ หรือชั้นเดียวกันเพื่อส่งสายตาปิ๊งๆ หรือหาจังหวะขอความช่วยเหลือห้องก็เต็มอีก…เฮ้อ! รักครั้งนี้ของฉันมันช่างมีอุปสรรคเหลือเกิน ทางออกเดียวที่คิดได้ในตอนนั้นคือมาใกล้ชิดกับพลังงานลึกลับที่มีอิทธิพลต่อใจฉันที่ทำงานมันเสียเลย ถึงขนาดไปบนบานศาลกล่าวก็ยอม นี่คงต้องหาเวลาไปวิ่งแก้บนสักวัน...อิอิ เนื่องจากมีเวลาแค่สามเดือน ฉันจึงต้องทำทุกวันให้มีค่ามากที่สุด ฉันเริ่มวางแผนอันชั่วร้ายในหัว คิดไปคิดมาจึงเตะปลั๊กพ่วงและนั่นทำให้คอมพิวเตอร์ฉันดับสนิททันที “พี่อ้อยคะ คอมหนูพังจะติดต่อฝ่ายไอทีได้ที่เบอร์ไหนบ้างคะ” สีหน้าและแววตาของฉันใสซื่อสุดๆ แต่ในใจนั้นลิงโลด เพราะฉันจะได้เจอคนที่อยากเจอแบบใกล้ๆ ได้สบตา ได้คุย ได้บอกว่าฉันก็ทำงานที่นี่เหมือนกัน อยากรู้จังว่าถ้าเขารู้จะทำหน้ายังไงนะ -------------------------------------- ผมจงใจมอมเหล้าจิณณ์ ใช่แล้วครับ คุณอ่านไม่ผิดหรอก นั่นก็เพราะผมมีอะไรจะสารภาพแต่กลับไม่กล้าพอที่จะพูดออกไปตรงๆ เหล้าที่มีก็ร่อยหรอ เพิ่งรู้ว่าจิณณ์ก็คอทองแดงเหมือนกัน ส่วนสันต์นั้นไม่ต้องพูดถึง เพราะต่อให้ขนเหล้ามาทั้งโรงงานก็มอมมันไม่ได้ นั่งดื่มกันไปมา โดยผมแอบเทเหล้าทิ้งเสียเป็นส่วนใหญ่ นั่นเพราะกลัวจะเป็นฝ่ายเมาเสียเอง กระทั่งเห็นว่าจิณณ์เริ่มกรึ่มๆ ครึ่งเมาครึ่งมีสติ ผมรีบยกเหล้าในแก้วขึ้นดื่มเพื่อดึงความกล้าชนิดรวดเดียวหมด “จิณณ์ ข้ามีอะไรจะสารภาพว่ะ” “อะไร” “ข้าคิดว่าข้าคิดไม่ซื่อกับน้องสาวเอ็ง” “ยังไงที่ว่าคิดไม่ซื่อ” “ข้าชอบปาย” “อืมม์…ข้าก็ไม่ได้ว่าอะไร เดี๋ยวๆ ตะกี้เอ็งว่าอะไรนะไอ้ลม” จิณณ์มันหันมามองหน้าผมนิ่ง แววตาของมันราบเรียบไม่โกรธไม่ได้แสดงความรู้สึกใดๆ แบบนี้มันยิ่งน่ากลัว แต่ผมมาถึงขั้นนี้แล้ว เป็นไงเป็นกัน “ข้าบอกว่า ข้าชอบปาย น้องสาวเอ็ง” “ไอ้เพื่อนสารเลว นี่เอ็งคิดจะกินบนเรือนขี้รดบนหลังคาบ้านข้าเหรอวะ ปายคือน้องสาวข้าเป็นเหมือนน้องสาวเอ็งนะเว้ย” จิณณ์โถมตัวเข้าหาผมทันที ขนาดมันเมาแรงยังเยอะราวกับช้างตกมัน “น้องสาวเอ็งคนเดียวไม่เกี่ยวกับข้า” “อ้าว! ไอ้นี่”

บทที่ 1 พนักงานใหม่

“บอสขาบอส”

“บอส”

“บอสขา เจ้านายขา เจ้านายคะ อย่างหลังเข้ากว่ากันตั้งเยอะ เรียกพี่เขาว่าเจ้านายแล้วกัน จะเติมคะ เติมขาก็ปล่อยไปตามสถานการณ์ ถึงตอนนี้จะยังไม่ชินปาก แต่อีกหน่อยก็คงชินไปเองเนอะ” ฉันพูดเองเออเองอยู่ภายในลิฟต์ของบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านการนำเข้าส่งออก บริษัทที่มีพลังงานลึกลับบางสิ่งบางอย่างดึงดูดให้ฉันสมัครเข้ามาทำงานด้วย

มาทำงานวันแรกก็นินทาเจ้าของบริษัทซะแล้ว ท่าทางอนาคตฉันจะรุ่งริ่งแทนรุ่งเรืองแน่นอน อันที่จริงช่วงนี้ฉันยุ่งพอสมควร เพราะเหลือเวลาอีกแค่สามเดือน ฉันก็ต้องบินไปเรียนต่อที่ต่างประเทศแล้ว แต่ก็เซ้าซี้ขอผู้มีอุปการะคุณว่าฉันอยากทำงานมากถึงมากที่สุด โดยหยิบยกเหตุผลที่แสนจะน่าฟังว่าทำงานเพื่อหาประสบการณ์ แต่ถ้าผู้มีอุปการะคุณรู้เหตุผลที่แท้จริง อาจกระโดดตัวลอยแล้วถีบสองขาคู่ฉันเอาได้ง่ายๆ เหมือนกับที่เพื่อนรักฉันได้ทำมาแล้ว

“โอ๊ย! นี่แกถีบฉันจริงๆ เหรอไอ้พุฒิ”

“เออดิ ก็แกมันโง่งมงาย คิดว่ารักมันสวยงามเหมือนในนิยายหรือไง...ฮะ”

“ก็เปล่าคิดแบบนั้น แต่ฉันแค่อยากอยู่ใกล้พี่เขาก่อนจะบินไปเรียนต่อเท่านั้นจริงๆ”

“อยากอยู่ใกล้แล้วแกจะทำอะไรได้ ขนาดอยู่ใกล้มาตั้งสามปี แกยังได้แค่เฉียด ไม่สิ ได้แค่มองเอง”

“เอาน่า ฉันรู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่”

“เออๆ ในเมื่อแกตัดสินใจแล้วก็ตามนั้นล่ะ งั้นแค่นี้นะ พาสามีไปฟิตเนสก่อน”

“ย่ะ”

คิดถึงบทสนทนาระหว่างฉันกับเพื่อนสนิทที่นิยมชมชอบไม้ป่าเดียวกันก็ถึงกับเบ้ปากให้ตัวเองในกระจกที่ติดตั้งอยู่ภายในตัวลิฟต์

แม้พุฒิชัยจะมีคำนำหน้าชื่อว่านาย แต่จิตใจกลับสวนทาง ถึงอย่างนั้นพุฒิชัยคือเพื่อนแท้ของเธอคนหนึ่งก็ว่าได้ เพราะเป็นเพื่อนกันตั้งแต่อนุบาลถึงตอนนี้ เพื่อนแท้ขนาดกระโดดถีบกันมาตั้งแต่เพิ่งรู้จักกันจนถึงตอนนี้และคงเป็นเช่นนี้ไปอีกนาน

ฉันหยุดคิดเรื่องในหัว ก่อนจะมองสำรวจความเรียบร้อยของเสื้อผ้าหน้าผมเสียหน่อย ที่นี่มีชุดยูนิฟอร์มให้พนักงานแม้จะยังไม่ผ่านการทดลองงานก็ใส่ได้ ฉันก็เลยสะดวกไม่ต้องมานั่งคิดนอนคิดว่าทำงานแต่ละวันต้องใส่ชุดอะไร ยังไง แบบไหน สะดวกและประหยัดไปอีกแบบ

สายสีน้ำเงินที่คล้องอยู่บนคอคือสายที่คล้องติดกับบัตรพนักงาน บนบัตรมีรูปสองนิ้วของฉันหนึ่งใบติดอยู่ ใต้รูประบุชื่อและนามสกุล วันเดือนปีที่เข้าทำงานรวมทั้งรหัสพนักงานพร้อม

เภตรา บุตราภา คือชื่อของฉันเอง ส่วนวันนี้คือวันที่ฉันเข้ามาทำงานวันแรก ถึงแม้ฉันจะรู้จักกับผู้บริหารของที่นี่เป็นการส่วนตัว แต่ทำไม๊ทำไมถึงไม่ค่อยอยากเจอพี่เขาเอาเสียเลยก็ไม่รู้ เพราะเจอกันทีไรชอบทำหน้าดุใส่ฉันตลอด จนอยากถามว่าปีทั้งปีพี่เขายิ้มกี่ครั้ง

“หรือจะยิ้มวันที่หนึ่งกับสิบหกเหมือนเรา...ฮ่าๆ” ฉันหัวเราะกับตัวเอง แต่พักหลังๆ วันที่หนึ่งกับสิบหกดูเหมือนจะเป็นวันน้ำตาตกในสำหรับฉันเสียมากกว่า เพราะมันมักจะเสียมากกว่าได้นี่สิ สงสัยฟ้าจะไม่อยากให้ฉันรวยทางนี้

ตึ๊ง!

เสียงลิฟต์ดังขึ้นตามด้วยประตูลิฟต์ที่กำลังเปิดออกเพื่อให้คนที่ยืนรออยู่ด้านนอกเข้ามา ฉันเงยหน้าขึ้นมองจึงรู้ว่านี่คือชั้นสี่ของตึกที่มีทั้งหมดสิบชั้น และคนที่ฉันไม่ค่อยอยากเจอก็ยืนอยู่ตรงหน้า

“พี่ลม” ฉันอุทานชื่อเขาออกมาเบาๆ อย่างลืมตัว เพราะเพิ่งจะนินทาเจ้าของชื่อไปหยกๆ จู่ๆ ก็โผล่พรวดมาแบบนี้ใครจะไม่ตกใจ ไม่เอาข้าวสารเสกปาให้ก็บุญเท่าไหร่แล้ว

อ้อ...ใช่แล้วค่ะ ผู้ชายตรงหน้าฉันคือพี่ลมหรือวายุ เป็นเจ้าของบริษัทแห่งนี้ แถมยังรั้งตำแหน่งเพื่อนสนิทของพี่ชายฉันอีกด้วย อะไรมันจะเจอกันตั้งแต่วันแรกที่มาทำงานแบบนี้ ทำไมฉันถึงไม่เจอคนที่อยากเจอ...หืม

แต่พอรู้ตัวว่าฉันเอ่ยชื่อที่ไม่ควรเอ่ยออกไป นั่นทำให้ฉันรีบเปลี่ยนท่าทีมาเอ่ยเรียกคำที่ฟังดูเหมาะสมกว่า รวมทั้งยกมือไหว้ด้วย

“สวัสดีค่ะบอส” พูดไปแล้วฉันก็อยากเขกกระบาลตัวเอง ไหนบอกจะเรียกพี่เขาว่าเจ้านาย ไหงมาลงได้ที่คำว่าบอส แต่บอสก็บอสอ่ะ ความหมายมันก็เหมือนๆ กันนั่นแหละ

“บอส!” สีหน้าพี่เขาดูแปลกใจที่ฉันเอ่ยเรียกแบบนี้ เอ้!...หรือฉันพูดอะไรผิด

“ค่ะ…บอส”

“อืมม์” พี่เขาเอ่ยรับแค่นั้นแล้วก็ก้าวเข้ามายืนในลิฟต์ที่เวลานี้ไม่มีใครนอกจากเราสองคน บรรยากาศมันชวนอึดอัดแปลกๆ จนฉันอยากเดินออกไปจากลิฟต์เสียตอนนี้ แต่หากทำมันคงเสียมารยาทเกินไป สิ่งที่ฉันทำได้คือขยับไปยืนตัวลีบอยู่ข้างๆ ผนังลิฟต์ ทั้งๆ ที่เหลือพื้นที่ตั้งมากมาย

แต่จู่ๆ ฉันก็ต้องสะดุ้งเมื่อรับรู้ว่ามือยาวๆ ของพี่ลมเอื้อมมากดลิฟต์ชั้นที่สิบ ซึ่งฉันเดาว่าต้องเป็นชั้นที่พี่เขานั่งทำงานแน่นอน ฉันชอบกลิ่นน้ำหอมผู้ชายหรืออะไรก็ตามที่โชยมาเตะจมูกเมื่อครู่นี้จัง กลิ่นมันสดชื่นน่าซบเอ้ย! น่าซื้อให้ใครบางคนได้ใช้บ้าง

ตึ๊ง!

เสียงตึ๊งที่ดังขึ้นช่วยดึงสติของฉันกลับมา แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็ยังไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมองอยู่ดี กระทั่งเสียงคนที่ยืนอยู่ในลิฟต์ดังขึ้น

“ฝ่ายจัดซื้อภายในองค์กรอยู่ชั้นนี้”

“อ้อ…ค่ะ” ฉันเอ่ยรับงงๆ พอเงยหน้าจากพื้นขึ้นก็มองเห็นว่าเป็นชั้นที่ฉันต้องลง ฉันหันมาโค้งให้พี่ลมที่ยืนหล่อเต็มยศด้วยชุดสูทเร็วๆ แล้วรีบจ้ำออกไปจากลิฟต์ทันที

เมื่อประตูลิฟต์ปิดลง คำถามหนึ่งก็พุ่งเข้ามาในหัวของฉันว่าพี่ลมรู้ได้ยังไงว่าฉันทำงานแผนกอะไร แต่ไม่รู้สิแปลกเพราะพี่เขาเป็นถึงเจ้าของบริษัท จะรับใครเข้าทำงานต้องเซ็นรับรอง แต่ที่นี่เดือนๆ หนึ่งรับคนเข้าทำงานก็ใช่ว่ามีแค่คนสองคน แล้วจะมาจำข้อมูลฉันทำไมหรือพี่เขาจำข้อมูลได้หมด

“ฟุ้งซ่าน” ฉันเขกหัวตัวเองแรงๆ เพื่อให้เลิกคิดเองเออเองเสียที แล้วตัดสินใจเดินเข้าแผนกตรงไปรายงานตัวกับผู้จัดการ ซึ่งก็คือคนที่รับฉันเข้ามาทำงาน จากนั้นผู้จัดการก็พาฉันไปแนะนำกับพี่ๆ ฝ่ายจัดซื้อภายในองค์กร ฉันสัมผัสได้ว่าพี่ๆ ทุกคนดูเป็นกันเองมาก

พี่ๆ ใจดีพาฉันไปดูจุดนั้นจุดนี้ว่ามีอะไรในชั้นนี้บ้าง ห้องน้ำ ห้องครัว ห้องถ่ายเอกสารอยู่มุมไหน ใครนั่งโต๊ะไหนมีหน้าที่อย่างไร แต่ที่ทำให้ใจฉันเต้นแรงคือการได้รู้ว่าที่ชั้นนี้นอกจากมีฝ่ายจัดซื้อภายในองค์กรแล้วยังมีฝ่ายไอทีรวมอยู่ด้วย

“ฝ่ายไอที!” ฉันรำพึงรำพันประโยคนี้อยู่ในหัวจนแทบไม่มีสมาธิคิดเรื่องอื่น เมื่อครู่ที่เดินสำรวจถึงได้รู้ว่าโต๊ะที่ฉันนั่งคือโต๊ะทางเดินกลางที่ใครจะเข้าหรือออกในฝ่ายไอทีต้องผ่านโต๊ะฉันก่อนเสมอ

เพราะฉะนั้นถ้าเป้าหมายฉันเดินผ่านไปผ่านมา ฉันก็ต้องมองเห็นหรือไม่เขาก็ต้องมองเห็นฉันด้วยเช่นเดียวกัน...อ๊ากกก แค่คิดใจฉันก็เต้นรัว มือไม้เย็นเฉียบด้วยความตื่นเต้น กระทั่งประโยคของพี่ในแผนกดังขึ้น

“น้องปายคะ อีกห้านาทีหนูต้องไปปฐมนิเทศพนักงานใหม่ที่ห้องประชุมใหญ่นะคะ เดี๋ยวพี่พาไปจ้ะ”

“ขอบคุณค่ะพี่สวย” ฉันยิ้มให้พี่สวยหรือพี่อรอนงค์ รุ่นพี่ในแผนกที่ฉันสัมผัสได้ว่าพี่เขาใจดีมาก สวยแล้วยังใจดีแบบนี้น่าแนะนำให้พี่จิณณ์รู้จักจังเลย แต่…ขืนทำแบบนั้น ฉันอาจถูกเขกหัวจนโนเอาได้แน่ๆ

ห้านาทีไม่ขาดไม่เกิน พี่สวยก็พาฉันไปห้องประชุมใหญ่ที่อยู่ชั้นแปด พอเปิดประตูเข้าไปฉันก็เห็นพนักงานชายหญิงนั่งอยู่ก่อนแล้วสิบกว่าคนได้ ถามไถ่กันไปมาถึงรู้ว่านี่คือพนักงานใหม่ที่เริ่มงานวันนี้ทั้งหมด ทุกคนขึ้นมาที่นี่เพื่อปฐมนิเทศและกล่าวต้อนรับโดยตรงจากผู้บริหารที่ชื่อว่า…วายุ

อ่านต่อ

หนังสืออื่นๆ ของ วรนิษฐา / Miss sexy

ข้อมูลเพิ่มเติม
ปล้นรัก(ว่าที่)คุณสามี

ปล้นรัก(ว่าที่)คุณสามี

มหาเศรษฐี

5.0

เธอคือ....นางโจร ส่วนเขาคือนายตำรวจ...มือหนึ่ง แต่พรหมลิขิตกลับชักพาให้นางโจรอย่างเธอปล้นความรักไปจากผู้พิทักษ์สันติราษฎร์อย่าง...เขา +++++ “ผมบอกไปหรือยังว่าผมรักคุณ” “ยังค่ะ” มีนาเอ่ยตอบด้วยหัวใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะ เมื่อคืนเหมือนเธอจะได้ยินเมฆาบอกรัก แต่มันก็แผ่วเบาเสียจนคิดว่าเธอคงฝันหรือไม่ก็เพ้อไปเองคนเดียว “โอเค...ผมรักคุณ” เมฆาบอกรักคนในอ้อมกอด มันคือคำว่ารักที่แสนเรียบง่ายแต่ทว่ากลับตราตรึงอยู่ในความรู้สึก ทั้งจากคนพูดและคนที่ได้ยิน เพราะหากไม่แน่ใจว่ารักเมฆาหรือจะพูดคำนี้ออกมา “ผู้ชายเขาบอกรักกันง่ายๆ แบบนี้เหรอคะ” “ใครบอกว่าง่าย เมื่อคืนกว่าผมจะบอกรักคุณมีนด้วยภาษากายได้ก็ใช้เวลาเกือบสองชั่วโมงเชียวนะ” “ทะลึ่ง” มีนามองค้อนมาให้ นั่นเพราะรู้ความหมายที่เมฆาเอ่ยว่าคืออะไร “ผมพูดเรื่องจริง” “แต่ฉันเป็นโจรที่เคยยกเค้าบ้านคุณนะคะ ถูกแจ้งจับอีก แบบนี้คุณยังจะรักฉันอย่างนั้นเหรอ” “มีกฎหมายข้อไหน ห้ามไม่ให้ตำรวจรักกับโจรบ้าง” “ก็...” คนฟังแย้งไม่ออก “ผมว่าความรักมันไม่มีกฎเกณฑ์อะไรตายตัว รักก็คือรัก” “แต่เราต่างกันเกินไป ฉันคิดว่า...” “โลกนี้ไม่มีคำว่าต่าง ต่อให้มีเราก็ค่อยๆ ปรับตัวเข้าหากันก็ได้นี่ครับ ผมขอแค่โอกาส” “ฉัน...” “ผมรักคุณมีน ต่อให้จะนอนคิดนั่งคิดหรือตีลังกาคิดก็ยังรัก” เมฆาเอ่ยคำว่ารักให้คนในอ้อมกอดได้ยินและได้รับรู้ถึงความรู้สึกของเขาอีกครั้ง “แล้วถ้าฉันปฏิเสธละคะ คุณจะว่ายังไง” “ผมคงเสียใจหนักมากแน่” เมฆาเสียใจจริงๆ แต่เขาคงไม่ถอดในจากเธอด้วยเรื่องแค่นี้แน่ แต่ทว่าคำพูดหลังจากนั้นของมีนากลับทำให้คนฟังยิ้มกว้างออกมา “แต่ฉันไม่อยากเห็นคุณเสียใจ” “งั้นก็รับรักผม ได้ไหม” “เฮ้อ! ไหนๆ ฉันก็ได้คุณแล้วก็คงต้องแมนๆ รับผิดชอบ ฉันรับรักคุณก็ได้อะ คุณจะได้ไม่ร้องไห้เสียใจเพราะฉัน” มีนาพูดติดตลก นั่นเพราะไม่อยากให้บรรยากาศตอนนี้อึดอัด คำพูดของเธอทำให้เมฆาถึงกับหัวเราะ ก่อนจะรั้งผ้าห่มขึ้นมาห่มคลุมโปงทั้งเธอและเขา แล้วเริ่มปฏิบัติการยืนยันว่าแท้จริงแล้วใครได้ใครกันแน่ และใครต้องรับผิดชอบใคร

แวมไพร์มือใหม่หัวใจมังสวิรัติ

แวมไพร์มือใหม่หัวใจมังสวิรัติ

มนุษย์หมาป่า

5.0

‘เขาเป็นแวมไพร์ที่ปฏิเสธการดื่มเลือด แต่กลับไม่ปฏิเสธหากจะได้กลืนกินเธอ’ ------------ “วันนี้นายริทเป็นอะไร ดูเหม่อๆ” “นั่นนะสิ” คนงานอีกคนเห็นด้วย ก่อนจะหยุดการสนทนาใดๆ แล้วตัดดอกไม้ต่ออย่างขะมักเขม้น ส่วนคนที่พวกเขาเอ่ยถึงนั้น ตอนนี้ก็กำลังง่วนอยู่กับงานตรงหน้าเช่นเดียวกัน กระทั่งได้ดอกไม้ครบตามจำนวน เชโรมจึงเดินไปยังรถที่ตอนนี้มีดอกไม้แสนสวยอยู่ท้ายกระบะเต็มไปหมด แต่จังหวะนั้น สายตาของเชโรมกลับมองไปเห็นกระต่ายสีขาวที่เขาเลี้ยงไว้หลุดออกมาจากกรง จึงเดินไปอุ้มมันขึ้น ท่าทางเขาดูอ่อนโยนเสียจนมาศิตาที่ผ่านมาเห็น คิดว่าตัวเองตาฝาด จนต้องขยี้ตาแรงๆ สามสี่ครั้ง “ผู้ชายหน้าโหดกับกระต่ายสีขาว ดูยังไงก็ไม่เห็นจะเข้ากันสักนิด สงสัยจะเลี้ยงกระต่ายไว้กินแน่ๆ” “เลี้ยงไว้ดูจ้ะ นายริทชอบกระต่ายสีขาว ตรงนู่นเป็นกรงกระต่าย มีหลายสิบตัว” คนงานสาวคนหนึ่งเอ่ยแย้งให้ผู้เป็นเจ้านาย “ชีวิตดูมุ้งมิ้งกิงก่องแก้วขัดแย้งกับหน้าตาสุดๆ แวมไพร์ตนอื่นๆ มีแต่จะเลี้ยงกระต่ายไว้ดื่มเลือด นี่อะไร เลี้ยงไว้ดูเล่น โอ๊ย! พ่อมังสวิรัติ” มาศิตาบ่นคนเดียวอีกตามเคย ตามมาด้วยอีกประโยค “สอนแวมไพร์ให้ดื่มเลือด มันจะเหมือนสอนจระเข้ว่ายน้ำปะวะเนี่ย ของมันเป็น มันอยู่ในสายเลือด จะให้เรามาสอนเขาทำไม หืม” คนข้างๆ ที่เผลอได้ยินทั้งสองประโยคนี้เข้า กลับมีสีหน้างุนงงอย่างเห็นได้ชัด พอจะถามมาศิตาก็เดินตัวปลิวไปเสียแล้ว “ใครเป็นแวมไพร์หว่า หรือเราจะหูฝาดไป” คนงานสาวที่เพิ่งจะเอ่ยแก้ต่างเรื่องกระต่ายให้เชโรมไปเมื่อครู่ถึงกับคิ้วขมวด พูดกับตัวเองตามมาศิตาไปอีกคน ------------------ “แต่ศิตาไม่ยอมให้พี่ริทตายเด็ดขาด เพราะศิตารักพี่ริท” เอ่ยจบก็โน้มใบหน้าลงไปจูบเชโรม จูบที่ต่างฝ่ายต่างต้องการจากกันและกันมาโดยตลอด จูบที่ฝันว่าครั้งแรกมันต้องโรแมนติกและน่าจดจำ ไม่ใช่จูบที่ได้กลิ่นคาวเลือดจากริมฝีปากเขาเช่นนี้ แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่ได้รังเกียจแต่อย่างใด เลือด! ใช่…เลือด คำๆ นี้ทำให้มาศิตานึกอะไรขึ้นมาได้ เธอคือผู้พิทักษ์ เลือดของเธอแวมไพร์ที่ยืนจ้องอยู่ตรงนั้นยังต้องการ แล้วทำไมเธอถึงไม่ให้เชโรมชิงดื่มเลือดของเธอเสีย ไม่แน่ว่า หากเขาได้ดื่มเลือดมนุษย์จริงๆ เชโรมอาจมีพลังขึ้นมาก็เป็นได้ มาศิตาถอนจูบออก แล้วแสร้งโอบกอดเชโรม ก่อนจะกระซิบให้เขาฝังคมเขี้ยวลงไปบนลำคอเพื่อจะได้ดื่มเลือดเธอ แต่เหมือนเชโรมกลับส่ายหน้าปฏิเสธกับแผนนี้ กระทั่งมาศิตาชิงลงมือก่อน เธอกัดริมฝีปากตัวเองสุดแรงจนเลือดไหล แม้จะเจ็บแต่ก็ยอมทน จากนั้นก็โน้มใบหน้าลงไปจูบเชโรมอีกครั้ง ทันทีที่ได้สัมผัสเลือดของผู้พิทักษ์ นั่นทำให้เลือดในกายของแวมไพร์หนุ่ม ผู้ที่ไม่เคยลิ้มรสชาติของเลือดใดๆ มาก่อน พลันพลุ่งพล่านราวกับเปลวไฟ “เจ้าทำอะไร” แดนเองก็ได้กลิ่นเลือดของมาศิตาเช่นเดียวกัน รวมทั้งจ้องมองความผิดปกติของเชโรมอย่างไม่กะพริบตา เลือดเพียงหนึ่งหยด กลับทำให้นัยน์ตาที่เคยเป็นสีน้ำตาลอ่อนแปรเปลี่ยนมาเป็นสีแดงเพลิงในทันที ร่างกายที่เคยเจ็บปวดกลับค่อยๆ หาย และรู้สึกถึงพลังที่ไม่เคยสัมผัสได้มาก่อนวิ่งพล่านไปทั่วร่าง “แววตาแบบนั้น เจ้าเป็นใครกัน หรือว่า…”

เล่ห์รักฉบับ CEO

เล่ห์รักฉบับ CEO

มหาเศรษฐี

5.0

จูบแรกก็เป็นของเขา จูบครั้งที่สอง สาม สี่ ก็ยังคงเป็นของเขา แบบนี้โสภิตาจะหนีจาก CEO หนุ่มที่เธอบังเอิญผ่านไปช่วยชีวิตเขาไว้ได้อย่างไร ++++++++++++++++ **โปรย 1 “เท่าที่ได้คุยกันฉันว่านายเชนคนนี้นิสัยก็ใช้ได้” “อึนๆ มึนๆ นี่เหรอใช้ได้” โสภิตาอยากจะบอกเหลือเกินว่าบางครั้งราเชนก็กวนตีนเธอ “อื้อ...นายเชนเขาให้ความพิเศษกับแกนะ ขนาดปลายังแกะก้างออกให้ นี่ถามจริงๆ แกไม่รู้สึกอะไรบ้างเลยเหรอ” “ก็...” โสภิตาอ้ำๆ อึ้งๆ เธอนั้นไม่มีประสบการณ์เรื่องความรัก เรียกได้ว่าชั่วโมงบินน้อยมากๆ ใครมาดีหรือมาร้ายบางครั้งก็มองไม่ออกอย่างทะลุปรุโปร่ง อาศัยเพียงแค่สัญชาตญาณของตัวเองซึ่งบางครั้งมันอาจผิดพลาด “หรือคิดมากเรื่องฐานะที่นายเชนมีน้อยกว่าแก” “ไม่ใช่เรื่องนั้น ถามว่าฉันรู้สึกดีกับเขาไหมก็...อื้ม บางครั้งเวลาฉันอยู่กับเขาแล้วเหมือนตัวเองเป็นง่อย จากที่ทำอะไรได้เองก็เริ่มอยากให้เขาทำให้ อยากให้เขาช่วย” นั่นคือความเปลี่ยนแปลงที่โสภิตารู้ตัวเองดี “ไม่แปลกหรอก เพราะผู้หญิงเราต่อให้แข็งแกร่งยังไงลึกๆ ในหัวใจก็อยากมีใครสักคนมาดูแล” “แกก็เป็นเหรอ” “เป็นสิ บางครั้งฉันยังงอแงให้บอสจับแมลงสาบเลย ทั้งๆ ที่เมื่อก่อนเห็นตอนไหนฉันกระโดดกระทืบตอนนั้น” คำพูดของรติชาทำให้โสภิตาหัวเราะออกมาเพราะนึกภาพออกทันที เวลานั้นปิลันธน์คงทั้งกลัวทั้งอยากกำจัดให้คนรักส่วนรติชาก็คงหัวเราะชอบใจแน่ๆ “นึกว่าฉันเป็นอยู่คนเดียว” “แกนะเข้มแข็งมากนะหวาน เป็นหัวหน้าครอบครัว เป็นหัวหน้าคนงาน รับผิดชอบเรื่องนั้นเรื่องนี้มากมาย ที่ผ่านมาอาจเพราะแกยังไม่เจอใครที่สามารถฝากชีวิตเอาไว้ได้แกเลยไม่เปิดใจ แต่ถ้าตอนนี้แกเจอคนคนนั้นแล้วฉันแนะนำว่าแกควรฟังเสียงหัวใจของตัวเองให้มาก ว่าอยากอยู่แบบที่ผ่านๆ มาหรืออยากจับมือกับใครสักคนไปจนวันตาย” นั่นคือคำแนะนำจากใจของรติชาเพราะเธอเคยลังเลแบบนี้มาแล้ว หากเวลานั้นตัดสินใจผิดตอนนี้เธออาจโกนหัวบวชชีที่วัดป่าที่ไหนสักแห่ง “ฉันอยากจับมือใครสักคน” ++++++++++++++++ ***โปรย 2 “ฉันเกลียดที่สุดคือคนโกหก ที่ผ่านมาฉันรู้สึกดีกับนายเพราะเข้าใจมาตลอดมานั่นคือนาย แต่ตอนนี้ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผู้ชายตรงหน้าเป็นใครกันแน่ นายจะโกหกอะไรฉันอีกไหม ฉันต้องโง่ไปอีกกี่ครั้ง” น้ำเสียงของโสภิตานั้นสั่นเครือ “ผมสัญญาว่าจะไม่โกหกอะไรคุณอีกแล้ว สาบานให้ตาย...” จังหวะที่ราเชนกำลังจะสาบานให้ตัวเองตาย โสภิตาก็ยกมือขึ้นมาปิดปากของเขาไว้เสียก่อน “ลองตายดูสิ ฉันจะลากตัวนายขึ้นมาแล้วสับๆ” ราเชนอึ้งกับประโยคที่ได้ยินก่อนจะหัวเราะออกมาเมื่อรู้ว่าโสภิตาไม่ยอมให้เขาตายง่ายๆ สินะ “โอเคๆ ผมไม่ตายแล้วก็ได้ ยกโทษให้ผมเถอะนะคุณหวาน ผมไม่ได้ตั้งใจจริงๆ” “นายนี่มัน ทำฉันทั้งสุขทั้งทุกข์เหมือนคนเป็นไบโพลาร์แบบนี้ได้ยังไง รับผิดชอบสติฉันมาเลย” “ถ้าผมรับผิดชอบจริงๆ คุณหวานจะตอบตกลงไหมครับ” “อื้อ” “จริงๆ นะ” ราเชนถามย้ำ ส่วนคนที่ตามความเจ้าเล่ห์ของเขาไม่ทันก็ไม่ได้เอะใจอะไรแม้แต่น้อยเช่นกัน “จะรับผิดชอบอะไรว่ามา” “แต่งงานกันไหม”

รักร้อนซ่อนใจรัก

รักร้อนซ่อนใจรัก

โรแมนติก

5.0

เขาคือพระเอกดาวค้างฟ้า เล่นละครเรื่องไหนเรตติ้งพุ่งแรงเสมอ ในขณะที่เธอก็เป็นแค่เอ็กตร้าในกองถ่าย ที่เอ๋อๆ เด๋อๆ เพราะไม่ได้เป็นแฟนคลับของเขาเธอจึงไม่ได้แสดงออกว่าปลื้ม แต่ยิ่งเธอเฉยเขายิ่งสนใจ กระทั่งมีเหตุการณ์ให้ทั้งคู่ได้ทำงานร่วมกัน จูบแรกของทั้งคู่เกิดขึ้นก็เพราะงาน แต่หัวใจของเธอกลับถูกริมฝีปากนุ่มและแสนร้ายกาจของพระเอกกระชากจนหลุดลอยและมันมักจะลอยไปหาเขาโดยที่ตัวเธอเองก็ไม่รู้ตัวเช่นกัน ของขวัญวันเกิดปีนี้ของเธอก็ยังเป็นจูบจากเขา จูบที่ทำให้ใจสาวหวั่นไหวและยากจะต้านทาน หัวใจเธอถูกเขาไล่ต้อนจนมุม ทางเดียวที่จะรับมือคือพุ่งเข้าชนแล้วเอาหัวใจเป็นเดิมพัน

หัวใจแพ้ทางรัก

หัวใจแพ้ทางรัก

โรแมนติก

5.0

ถึงอาดิน เรารู้จักกันมาสิบกว่าปีแล้วนะคะ เป็นสิบปีที่มิลค์มีความสุขมาก ตั้งแต่วันแรกที่ได้รู้จักจนถึงวันนี้ ไม่มีวันไหนที่มิลค์จะหยุดรักอาดินได้เลย นอกจากจะหยุดรักไม่ได้แล้ว ยังรักมากขึ้นๆ ทุกๆ วัน สิบปีมานี้มิลค์ได้บอกรักอาดินไปหลายครั้ง ทุกๆ ครั้งที่บอกไปมิลค์มีความสุขมากค่ะ ถึงแม้อาดินจะไม่ตอบรับมันเลยแม้แต่ครั้งเดียว แต่มิลค์ก็ยังพยายามต่อ เพราะหวังว่าสักวันอาดินจะหันมามองเห็นความรักที่มิลค์มีให้และรับมันไป แต่ว่า...มันคงไม่มีวันนั้นแล้วจริงๆ มิลค์ขอโทษนะคะที่เอาแต่ใจ ที่ตามกวนใจอาดิน หลังจากนี้เราคงไม่ได้เจอกันสักพัก มิลค์ขอให้อาดินเจอคนที่ใช่ คนที่อาดินรัก ส่วนมิลค์จะขอเฝ้ามองอาดินอยู่ห่างๆ แทน ลาก่อนค่ะ มิลค์

หนังสือที่คุณอาจชอบ

ทะลุมิติมาเป็นบุตรสาวหญิงหม้าย

ทะลุมิติมาเป็นบุตรสาวหญิงหม้าย

l3oonm@
5.0

จือหลินเธอเป็นเด็กกำพร้า ที่ถูกมารดาทอดทิ้งไว้ที่โรงพยาบาลตั้งแต่วันแรกที่ลืมตามาดูโลก ต่อมาทางโรงพยาบาลจึงส่งตัวเธอให้กับสถานสงเคราะห์ พออายุได้สามปี ก็มีองค์กรหนึ่งมารับเลี้ยงตัวเธอ แต่พวกเขาเลี้ยงเธอและเด็กคนอื่นๆ ไว้เพื่อเป็นหนูทดลองเท่านั้น ครั้งแรกที่ถูกนำตัวมา ต่างก็โดนจับฉีดยาเข้าสู่ร่างกาย เพื่อหาเด็กที่เลือดต้านเชื้อที่ฉีดเข้าไปได้เท่านั้น หากร่างกายทนรับไม่ไว้สิ่งที่ทางองค์กรมอบให้คือความตาย จือหลินอาจเป็นเพราะเลือดของเธอพิเศษกว่าเด็กคนอื่น ไม่ว่าฉีดยาตัวไหนเข้าสู่ร่างกายเธอก็ทนรับได้ทั้งนั้น นับจากนั้นมาเธอจึงถูกเลี้ยงดูจากองค์กรมาอย่างดี เรื่องการศึกษาเธอก็สามารถเรียนรู้ทุกสิ่งได้อย่างเต็มที่ แต่เพราะความฉลาดของเธอจึงถูกส่งให้เรียนวิทยาศาสตร์การแพทย์และเรียนแพทย์ควบคู่ไปด้วย เมื่อเรียนจบมาแล้ว จือหลินยังคงทำการให้องค์กรเช่นเดิม แม้จะไม่ได้เป็นนักฆ่าเช่นเพื่อนคนอื่นที่มาพร้อมกัน แต่เธอก็ต้องฝึกไม่ต่างจากพวกเขา ยิ่งเมื่อต้องนำเด็กเข้ามาเป็นหนูทดลองเช่นเดียวกับเธอในตอนเล็ก ต่อให้ไม่อยากทำก็ต้องทำ หากฝ่าฝืนไม่ทำการชิปที่ถูกฝังอยู่ในตัวจะถูกกระตุ้นให้ได้รับความทรมานทันที นานวันเข้า ความดำมืดก็ก่อเกิดในใจ ไม่ว่าจะฉีดยาให้เด็กร้ายแรงเพียงใดจือหลินก็เลิกรู้สึกผิดไปเสียแล้ว เพราะการทำงานของเธอตลอดหลายปีที่ผ่านมาทำให้ทางองค์กรยกย่องและมักจะให้สิ่งดีๆ กับเธอเสมอ เมื่อมีชิปตัวหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อฝังมิติอีกห้วงหนึ่งไว้ภายในร่างกาย จือหลินนางก็ได้รับเลือกให้ทดลองใช้สิ่งนี้ด้วยเช่นกัน จือหลินถูกฝังชิปมิติเข้าที่แกนสมองของเธอ ความเจ็บปวดที่ได้รับทำให้เธอแทบสิ้นสติ เมื่อชิปถูกฝังลงไปแล้ว เพียงไม่นานก็มีเสียงจากระบบให้เธอยืนยันตัวตน ก่อนที่จะปรากฏภาพต่างๆ ภายในหัวของเธอ ของจากภายนอกล้วนแต่ถูกส่งเข้าไปเก็บไว้ด้านในได้ทั้งสิ้น หากเป็นเนื้อสด ผักผลไม้ ยังคงความสดอยู่เช่นเดิมแม้จะเก็บไว้นานมากเพียงใด ห้วงมิติของจือหลินเหมือนเป็นห้องสูทในคอนโดของเธอเองที่มีทุกอย่างพร้อมใช้อยู่ภายใน แม้แต่ห้องทดลอง ห้องทำงานของเธอก็ปรากฏอยู่ในนั้นเช่นกัน นับจากนั้นจือหลินจึงซื้อของเขาเก็บภายในมิติของเธอเป็นจำนวนมาก ตัวเธอเพียงผู้เดียวที่สามารถเข้าออกในห้วงมิติได้ วันเวลาผ่านไปจนจือหลินล่วงเข้าวัยสามสิบปี เธอสามารถผลิตยาที่ทำให้ทั่วโลกจับตามองออกมาได้ ยายื้อชีวิตจากความตาย แต่การทดลองของเธอที่ผ่านมาต้องใช้คนจำนวนมากในการเข้าทดลอง จือหลินสามารถยื้อชีวิตของชายชราที่กำลังจะหมดลมหายใจให้กลับมามีชีวิตปกติได้ เมื่อเธอกักตัวเขาไว้ได้หกเดือนเห็นว่าไม่มีสิ่งใดที่ผิดปกติจึงคิดจะปล่อยเขาออกไปใช้ชีวิตเช่นเดิม แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อชายชราที่กำลังจะเดินออกจากห้องทดลองล้มลงต่อหน้าทุกคนที่เข้าร่วมชื่นชมผลงานของเธอ จือหลินรีบเข้าไปตรวจดูความผิดปกติทันที ก็พบว่าเขาหยุดหายใจเสียแล้ว เจ้าหน้าที่ทั้งหมดจึงต้องพาชายชราคนนั้นกลับเข้าไปในห้องทดลองเพื่อหาสาเหตุ ผ่านไปเพียงสองครึ่งชั่วโมงเขากลับลืมตาขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ แต่แววตาที่มองมาทางทุกคนได้เปลี่ยนไป ในดวงตาของชายชราผู้นั้นมีเพียงตาขาวไม่มีตาดำเช่นคนมีชีวิต “เกิดเรื่องอะไรขึ้น” ผู้อำนวยการองค์กรเดินเข้ามาหาจือหลินแล้วเอ่ยถามอย่างตื่นตระหนก เพราะนักข่าวที่ข่าวเชิญมายังอยู่ที่ด้านนอกเพื่อรอฟังคำตอบ “ขอดิฉันตรวจสอบก่อนค่ะ” จือหลินกุมหน้าผากอย่างมึนงง เธอก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร คนทั้งหมดยืนมองชายชราที่เดินท่าทางประหลาดอยู่ในห้องทดลอง ในตอนนี้เขาเริ่มหยิบสิ่งของทำร้ายตัวเองอย่างบ้าคลั่ง เจ้าหน้าที่คนหนึ่งรีบวิ่งเข้าไปในห้องทดลองเพื่อห้ามไม่ให้เขาทำร้ายตัวเอง ชายชราเมื่อได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาก็พุ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว และเริ่มกัดกินเนื้อตัวของเขาอย่างโหดร้าย คนที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดต่างยกมือขึ้นปิดปากอย่างตกใจ เพราะกลัวข่าวเรื่องนี้จะรั่วไหล ผู้อำนวยการสั่งให้คนไปแจ้งนักข่าวให้กลับไปก่อน ทางองค์กรจะแถลงการณ์เรื่องนี้ในภายหลัง เจ้าหน้าที่ที่ถูกทำร้ายล้มลงเสียชีวิตไม่นานก็มีสภาพไม่ต่างจากชายชราคนนั้น เสียงวุ่นวายไม่ได้จบลงที่ห้องทดลองของจือหลินเพียงแห่งเดียว เพราะห้องทดลองอื่นก็ล้วนพบเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ต่างกัน ผู้อำนวยการจำต้องส่งสัญญาณเคลื่อนย้ายเจ้าหน้าที่ออกจากตึกทดลองให้เร็วที่สุด จือหลินไม่รู้ว่ายาของนางจะสร้างผลเสียมากถึงเพียงนี้ เพราะเจ้าหน้าที่หลายคนล้วนจบชีวิตจนกลายเป็นซอมบี้ไปเสียแล้ว ตึกทดลองถูกปิดตาย เพื่อไม่ให้ซอมบี้ที่อยู่ด้านในออกมาสร้างความเสียหายภายนอกได้ “เรื่องนี้ดิฉันขอจัดการด้วยตนเองค่ะ” จือหลินเดินเข้าไปหาผู้อำนวยการที่ห้องทำงานของเขา เพื่อบอกสิ่งที่เธอคิดว่าอย่างดีแล้วในหลายวันที่ผ่านมา เมื่อเห็นว่าผู้อำนวยการไม่ห้ามในสิ่งที่เธอจะทำจือหลินจึงเดินไปที่หน้าตึกทดลองพร้อมระเบิดเวลาในมือ เธอคิดจะทำลายสิ่งของทุกอย่างที่เธอสร้างขึ้นมาลงด้วยมือของเธอเอง จือหลินเปิดประตูตึกทดลองแล้วรีบปิดลงทันที เธอเดินเข้าไปที่กลางตึกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะระหว่างทางเธอต้องคอยต่อสู้กับซอมบี้ที่จะเข้ามาทำร้ายเธอไปด้วย เสียงสัญญาณระเบิดดังขึ้น จือหลินหลับตาลง พร้อมทั้งถอนหายใจให้กับเรื่องราวในชีวิตที่ผ่านมา เสียงระเบิดดังไปทั่วบริเวณพร้อมทั้งตึกทดลองที่ถล่มลงมาจนแทบไม่เหลือซาก “เจ็บชะมัด” จือหลินร้องครางออกมาเบาๆ แต่เมื่อรู้สึกตัวได้เธอก็รีบพยุงตัวขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วพร้อมมองไปรอบๆ อย่างไม่อยากเชื่อ เธอคิดว่าตายไปแล้วเสียอีก แต่ทำไมถึงได้มีความรู้สึกเจ็บได้ “นี้มันเรื่องบ้าอะไรอีกว่ะเนี่ย” จือหลินเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ รอบๆ ตัวเธอในตอนนี้เป็นป่าทึบ มือของเธอก็ไม่ใช่ของเธออย่างแน่นอนเพราะมีขนาดเล็กราวกับเป็นเด็กน้อยคนหนึ่งเท่านั้น ตอนที่เธอมึนงงสับสน เรื่องราวความทรงจำของเจ้าของร่างก็ไหลเข้าสู่หัวของเธอจนต้องลงไปนอนดิ้นกับพื้น

ทางใหม่ เริ่มใหม่

ทางใหม่ เริ่มใหม่

Beckett Grey
4.5

ซ่งจิ่งถังรักฮั่วอวิ๋นเซินอย่างลึกซึ้งนานถึงสิบห้าปี แต่ในวันที่เธอคลอดลูกกลับตกอยู่ในอาการโคม่า ขณะที่ฮั่วอวิ๋นเซินกระซิบข้างหูเธออย่างอ่อนโยนว่า "ถังถัง อย่าฟื้นขึ้นมาอีกเลย สำหรับฉัน เธอไม่มีค่าอะไรอีกแล้ว" ซ่งจิ่งถังเคยคิดว่าสามีของเธอเป็นคนอ่อนโยนและรักใคร่ตัวเอง แต่จริงๆ แล้วเขามีแต่ความเกลียดชังและใช้ประโยชน์จากเธอเท่านั้น และลูกๆ ที่เธอเสี่ยงชีวิตให้กำเนิด กลับเรียกหญิงสาวคนอื่นว่า 'แม่' ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนต่อหน้าที่เตียงคนไข้ของเธอ เมื่อซ่งจิ่งถังฟื้นขึ้นมา สิ่งแรกที่เธอทำคือการตัดสินใจหย่าขาดอย่างเด็ดขาด! แต่หลังจากหย่าแล้ว ฮั่วอวิ๋นเซินจึงเริ่มตระหนักว่า ชีวิตที่ผ่านมาของเขาเต็มไปด้วยเงาของซ่งจิ่งถัง หญิงคนนี้กลายเป็นความเคยชินของเขา เมื่อพบกันอีกครั้ง ซ่งจิ่งถังปรากฏตัวในที่ประชุมในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ เธอเปล่งประกายจนทุกคนต้องหันมามอง หญิงคนนี้ที่เคยมีแต่เขาในใจ บัดนี้กลับไม่แม้แต่จะมองเขาอีก ฮั่วอวิ๋นเซินคิดว่าเธอแค่ยังโกรธอยู่ ถ้าเขาเอ่ยปากพูดนิดหน่อย ซ่งจิ่งถังจะต้องกลับไปหาเขาแน่นอน เพราะเธอรักเขาหมดหัวใจ แต่ต่อมา ในงานหมั้นของผู้นำคนใหม่ของตระกูลเพ่ย เขาเห็นซ่งจิ่งถังสวมชุดแต่งงานหรูหรา ยิ้มอย่างเปี่ยมสุขและกอดแน่นเพ่ยตู้พร้อมสายตาที่เต็มไปด้วยความรักใคร่ ฮั่วอวิ๋นเซินอิจฉาจนแทบคลั่ง เขาตาแดงก่ำและบีบแก้วจนแตก เลือดไหลไม่หยุด...

ฮูหยินของข้า แซ่บไม่เบา

ฮูหยินของข้า แซ่บไม่เบา

Burke Gee
5.0

ทุกคนรู้ดีว่า บุตรีคนโตที่ไม่เป็นที่โปรดปรานในจวนโหวอันติ้งแห่งเมืองหลวง ทำให้แม่แท้ๆ ของตนต้องเสียชีวิต เป็นคนที่ถูกมองว่าเป็นตัวโชคร้าย ก่อนแต่งงานก็ทำให้แม่เลี้ยงฝันร้ายอยู่หลายวัน ออกเดินทางไปทำบุญนอกเมืองก็ถูกโจรจับตัวไป แต่ใครจะคิดว่าโชคร้ายกลับกลายเป็นโชคดี นางเปลี่ยนนิสัยไปอย่างสิ้นเชิง ไม่ยอมให้ใครมารังแกอีกต่อไปที่แท้ซูชิงซวู่ ผู้สุดยอดสายลับที่ทะลุมิติมาเผชิญกับพ่อที่เย็นชา แม่เลี้ยงที่ชั่วร้าย คู่หมั้นที่นอกใจน้องสาวต่างแม่ แต่ไม่เป็นไร คอยดูว่าเธอจะจัดการพวกชั่วช้า และเอาคืนทุกอย่าง ทว่าทำไมท่านอ๋องผู้นั้นถึงมองมาที่เธอด้วยสายตาแปลกๆ นั่นล่ะเผ่ยเสวียนจู: บุญคุณที่ช่วยชีวิต ไม่มีสิ่งใดตอบแทนได้ นอกจากเอาตัวไปแลก

ที่แท้เป็นผู้มีอิทธิพลระดับโลก

ที่แท้เป็นผู้มีอิทธิพลระดับโลก

Odey Jagoe
5.0

เสิ่นซือหนิงซ่อนตัวตนไว้ยอมทำทุกอย่างให้ แต่ความจริงใจของเธอกลับถูกสามีทำลายไปหมด และสิ่งที่เธอได้รับนั้นคือข้อตกลงการหย่า ด้วยความผิดหวังเธอจึงหันหลังจากไปและกลายเป็นตัวเองที่แท้จริงอีกครั้ง หลังจากได้เห็นความใกล้ชิดของสามีกับคนรักของเขา เธอก็จากไปด้วยความผิดหวัง จากนั้นเปิดเผยตัวตนที่เป็นนักปรุงน้ำหอมอัจฉริยะระดับนานาชาติ ผู้ก่อตั้งองค์กรข่าวกรองที่มีชื่อเสียง และผู้สืบทอดในโลกแฮ็กเกอร์ อดีตสามีของเธอเลยเสียใจมาก เมื่อเมิ่งซือเฉินรู้ว่าตัวเองทำผิด เขาก็เสียใจมาก หนิง ผมผิดไปแล้ว ให้โอกาสผมอีกครั้งเถอะ ทว่าฮั่วจิ่งชวนขาพิการนั้นกลับลุกขึ้นยืนและจับมือกับเธอว่า "อยากคบกับเธอ นายยังไม่มีค่าพอ"

เทพเจ้าแห่งอสูร: พิชิตทุกพิภพด้วยหมื่นภูตผี

เทพเจ้าแห่งอสูร: พิชิตทุกพิภพด้วยหมื่นภูตผี

Daniel
5.0

-- ในศตวรรษที่ 26 ทหารรับจ้างอันดับหนึ่งได้กลับชาติมาเกิดใหม่ กลายเป็นลูกเลี้ยงที่ไร้ค่าของตระกูลผู้มีชื่อเสียง แต่เมื่อนางลืมตาขึ้นอีกครั้ง โลกก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ย่ำยีชายทรยศ ข่มเหงหญิงเลว จัดการกับพวกที่ทำให้ชีวิตติดขัด เปลี่ยนแปลงทุกสิ่งตามใจปรารถนา ควบคุมเทพสัตว์นับพัน ถลุงยาวิเศษ วางข่ายศักดิ์สิทธิ์ วาดยันต์ผี ทุกอย่างนางทำได้อย่างชำนาญ อยู่เหนือกว่าอัจฉริยะทั้งห้าภพ โลกนี้นางครอบครอง ไม่สามารถบำเพ็ญตบะงั้นหรือ แต่นางเป็นผู้ครอบครองพลังครบทุกธาตุ ไม่มีคุณสมบัติมากพอบำเพ็ญลัทธิหรือ นางนอกจากบำเพ็ญลัทธิอสูรลัทธิเทพลัทธิวิญญาณลัทธิมารทั้งสีแล้ว ยังสร้างลัทธิภูตผีอีกด้วย ไร้ค่า ไม่มีความสามารถงั้นหรือ นางคือราชาผี ที่สืบทอดพลังหยินขั้นสูง แค่กระดิกนิ้ว พญาวิญญาณแค้นนับหมื่นก็พรั่งพรูมาปรนนิบัติ เพียงแต่ว่าจักรพรรดิผู้ลึกลับที่ตามตื้อนางนั้น มันคือยังไงกัน เฝิงอี้ "เพิ่งเจอหน้ากันก็ถอดเสื้อข้า เช่นนั้นเราสู้กันบนเตียงอีกรอบดีหรือไม่" เย่วเฉิงเฟิงยิ้มยั่ว "ผู้ชายมีแต่จะเป็นตัวถ่วงของข้า ท่านจักรพรรดิ ท่านเดินทางดีๆ ลาก่อนนะ"

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ
ลมหายใจแห่งวายุ
1

บทที่ 1 พนักงานใหม่

28/02/2023

2

บทที่ 2 เจอคนที่อยากเจอ

28/02/2023

3

บทที่ 3 ความหวังดีล้วนๆ 

28/02/2023

4

บทที่ 4 ชายในฝันที่แท้จริง

28/02/2023

5

บทที่ 5 จัดหนักจัดเต็มกันหน่อยสิ!  

28/02/2023

6

บทที่ 6 ความรู้สึกบางอย่าง

28/02/2023

7

บทที่ 7 เรียนรู้หลายอย่าง

28/02/2023

8

บทที่ 8 ขืนดีกว่านี้คงได้ขึ้นหิ้ง

28/02/2023

9

บทที่ 9 ระแวงตลอดเวลา

28/02/2023

10

บทที่ 10 ทำหน้าที่เลขาส่วนตัว

28/02/2023

11

บทที่ 11 พลังแห่งความดุ

28/02/2023

12

บทที่ 12 อันตราย

28/02/2023

13

บทที่ 13 เพื่อความสบายใจ

28/02/2023

14

บทที่ 14 พูดอะไรมากเกินไป 

28/02/2023

15

บทที่ 15 คุยฆ่าเวลา

28/02/2023

16

บทที่ 16 ถูกปฏิเสธ  

28/02/2023

17

บทที่ 17 ไม่ใช่เรื่องแปลก   

28/02/2023

18

บทที่ 18 เข้าไปหาอย่างไม่ลังเล

28/02/2023

19

บทที่ 19 มีแต่สาวๆ กรี๊ด

28/02/2023

20

บทที่ 20 Busy

28/02/2023

21

บทที่ 21 อยากจะร้องไห้

28/02/2023

22

บทที่ 22 บอสไม่รับแขก

28/02/2023

23

บทที่ 23 คว้าน้ำเหลว

28/02/2023

24

บทที่ 24 เห็นแล้วก็ยิ่งหงุดหงิด

28/02/2023

25

บทที่ 25 ตัวก็เท่านี้ริจะมาเป็นโจร

28/02/2023

26

บทที่ 26 กระตือรือร้นเป็นพิเศษ

28/02/2023

27

บทที่ 27 ปล่อยให้เรื่องวุ่นวาย

28/02/2023

28

บทที่ 28 เต็มไปด้วยความสงสัย

28/02/2023

29

บทที่ 29 ลมหายใจแห่งวายุ

28/02/2023

30

บทที่ 30 ลมหายใจแห่งวายุ

28/02/2023

31

บทที่ 31 ลมหายใจแห่งวายุ

28/02/2023

32

บทที่ 32 ลมหายใจแห่งวายุ

28/02/2023

33

บทที่ 33 รักไปจนวันตาย 

28/02/2023

34

บทที่ 34 ลมหายใจแห่งวายุ

28/02/2023

35

บทที่ 35 ลมหายใจแห่งวายุ

28/02/2023

36

บทที่ 36 ลมหายใจแห่งวายุ

28/02/2023

37

บทที่ 37 ลมหายใจแห่งวายุ

28/02/2023

38

บทที่ 38 ลมหายใจแห่งวายุ

28/02/2023

39

บทที่ 39 ลมหายใจแห่งวายุ

28/02/2023

40

บทที่ 40 ลมหายใจแห่งวายุ

28/02/2023