Login to MeghaBook
icon 0
icon เติมเงิน
rightIcon
icon ประวัติการอ่าน
rightIcon
icon ออกจากระบบ
rightIcon
icon ดาวน์โหลดแอป
rightIcon
เล่ห์รักในรอยทราย

เล่ห์รักในรอยทราย

ศิรารัย

5.0
ความคิดเห็น
66.8K
ชม
76
บท

เธอเดินทางกลับจากเยี่ยมน้องชายกระทันหันจากการถูกเรียกตัวมาเข้าร่วมสัมมนาที่วิชาการพิเศษจากต่างประเทศมาให้ความรู้ แต่เข้านอนยังไม่ทันหลับดีก็มีวัตถุหนักอืึ้งล้มทับลงกลางตัว และจากที่นอนปิดไฟมืดเธอต้องตกใจสุดขีดเมื่อรู้ว่ามีผู้บุกรุกและคว้าปืนขึ้นมาป้องกันตัว แต่กลายกลับว่า...บุรุษผู้นั้นเป็นแขกพิเศษของโรงแรม...และจากวันนี้ชีวิตเธอเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง **************************************** เขาคือผู้บุกรุก ที่เธอคิดว่าเป็นโจรย่ามใจเข้ามาปล้นสวาท เธอคือสาวงาม ที่เขาคิดว่าเป็นของแถมเข้ามานอนรออยู่ในห้อง เขาคือจอมโอหัง ที่บังอาจกอดจูบเธอโดยไม่ไถ่ถามความสมัครใจ เธอคือสาวสวย ที่สามารถปลุกความรู้สึกด้านชาของหัวใจให้เต้นระทึก เขาวางแผน พาเธอมายังบ้านเมืองเพื่อพิสูจน์รักแท้ในหัวใจ เธอถูกลักพาตัว เพื่อฆ่าทิ้งกลางทะเลทราย มาลุ้นกันว่า...เจ้าชายคริสตินกับมินทราภา จะผ่านพ้นภัยร้ายน่าระทึกใจได้ครองรักกันหรือไม่... **************************

บทที่ 1 บังเอิญเจอกัน

หลังจากเดินทางมาพักอยู่กับน้องชายที่ออสเตรเลียได้ไม่ถึงสองสัปดาห์ มินทราภา สุรารักษ์ ก็ได้รับแจ้งด่วนจากทางบ้านให้กลับมาร่วมสัมมนาวาระสำคัญที่มีวิทยากรรับเชิญระดับสูงจากต่างประเทศมาให้ความรู้เกี่ยวกับการพัฒนาดิน และพืชไร่เขตร้อน จึงต้องรีบเร่งเดินทางกลับอย่างเร่งด่วน

มินทราภามาถึงโรงแรมเป็นเวลาค่ำมืดพอดี โดยได้รับรายงานว่าผู้จัดการและผู้ช่วยกำลังต้อนรับแขกพิเศษอยู่ จึงให้พนักงานยกกระเป๋าขนสัมภาระของเธอไปยังห้องชุดที่เธอเคยพักอยู่ประจำทันที หลังจากเก็บข้าวของเข้าที่เรียบร้อยแล้ว เธอเพิ่งนึกได้ว่าต้องโทรบอกทางบ้านตามที่มารดาสั่งไว้ด้วยความเป็นห่วงเป็นใยบุตรสาวคนเดียว แล้วอาบน้ำเข้านอนด้วยความเหน็ดเหนื่อยและอ่อนล้าจากการเดินทางไกล

ขณะที่มินทราภากำลังนอนหลับลึกจากความฝันน่าสะพรึงกลัวด้วยลำตัวยาวของพญานาคราชสีเขียวคล้ำจนเกือบดำพันล้อมอยู่รอบปราสาทหินทราย เศียรใหญ่ชะโงกเงื้อมเห็นหงอนแดงต้องแสงอาทิตย์ร้อนสะท้อนเลื่อมพราย ต่างจากสีดำสนิทของดวงตารียาวกะพริบไหว ปากใหญ่อ้าแยกกว้างเห็นเขี้ยวยาวโง้งขาววับวาวแหลมคมชวนหวาดหวั่น

ในความฝันร่างของมินทราภาถูกพันธนาการด้วยโซ่ตรวนสีทองอร่ามยืนโดดเดี่ยวอยู่ท่ามกลางผืนทรายกว้างไกลสุดสายตา อากาศรอบกายร้อนแรงด้วยแสงแดดแผดกล้าราวกับจะเผาร่างเธอกับเจ้าพญานาคให้มอดไหม้เป็นเถ้าธุลี

มินทราภากรีดร้องสุดเสียง เมื่อเศียรใหญ่โตผงกโฉบลงมาหายังร่างของตน พลางดิ้นรนจนสุดแรงกำลังอย่างไม่ลืมหูลืมตา ฉับพลันกลับรู้สึกเสมือนจริงว่าสิ่งที่โถมลงมาทาบทับร่างของตนไม่ใช่ลำตัวพญานาคราช แต่เป็นร่างมนุษย์

หญิงสาวลืมตาตื่นขึ้นมองดูของหนักที่บ่งบอกชัดว่าเป็นร่างกายบุรุษตัวสูงใหญ่ชะโงกง้ำอยู่เหนือร่างของเธอที่ถูกพันธนาการไว้ด้วยผ้าห่มผืนหนาจากลำตัวจรดปลายเท้า

“กรี๊ดดด...ว้ายอะไรเนี่ย !" มินทราภาเพ่งสายตามองเห็นใบหน้ามนุษย์ผู้ชายตัวโตด้วยใจก็เต้นระทึกรู้สึกกลัวมากขึ้น

“อะไรกัน...คุณเป็นใคร...เข้ามาได้ยังไง"

มินทราภาร้องถามพร้อมกับกิริยาดิ้นขลุกขลักและออกแรงผลักไสคนที่ล้มหงายลงพาดทับด้วยน้ำหนักที่ทำให้จุกแน่นในอกอยู่เกือบหนึ่งอึดใจ เมื่อเห็นเขายังนอนตะลึงจ้องมองนิ่งไม่ขยับหรือเคลื่อนกายออกก็ยิ่งอกสั่นขวัญหาย เริ่มทุบแรงผลักแรงมากขึ้นจนคนบนกายส่งเสียงร้อง

“...โอ้ย...นี่...หยุดทุบผมเดี๋ยวนี้นะ"

เสียงพูดด้วยภาษาอังกฤษสำเนียงชัด ทำให้คนออกแรงทุบระรัวหยุดชะงัก แล้วต่างคนต่างจ้องหน้ามองตากันอย่างตกตะลึงพรึงเพริด

“ คุณมาทำอะไรในห้องนอนผม"

“ คุณมาทำอะไรในห้องนอนฉัน"

เสียงทุ้มกับเสียงหวานถามออกมาพร้อมกันราวกับนัด แล้วฝ่ายเสียงหวานก็เพิ่มแรงผลักให้เจ้าของเสียงทุ้มที่ตัวโตกว่าพลิกออกไปพ้นจากร่างอย่างทุลักทุเล และรีบหดขาขยับตัวเอื้อมมือไปเปิดไฟหัวเตียง พร้อมกับหยิบปืนขนาดเหมาะมือที่มักจะพกติดตัวจากชั้นข้างหัวเตียงออกมา พลางกระโดดผลุงลงไปยืนจังก้าแบบแม่เสือสาวปักหลักมั่น ปากก็ร้องขู่คนตัวโตที่กำลังนอนเค้เก้อยู่ปลายเตียง

“...อย่าขยับนะ...ถ้าขยับฉันยิงจริงๆ...บอกมาว่าคุณเข้ามาในห้องของฉันทำไม"

คริสตินได้สติคืนมาจากแรงผลักแรงทุบจากเสียงผู้หญิงที่ไพเราะที่สุดเท่าที่เคยได้ยินมา เบิ่งตามองหญิงสาวสวยร่างเพรียวบางในชุดนอนเนื้อบางที่ต้องแสงไฟสว่างเผยเรือนร่างที่มีส่วนเว้าส่วนโค้งสมส่วนเย้ายวนตาชวนมองด้วยความพึงพอใจ

เขายิ้มให้เจ้าของใบหน้าสวยคลาสสิกที่ติดจะบึ้งเคียดขึงเอาจริงเอาจังในสภาพผมยาวสลวยยุ่งเหยิงรุ่ยร่ายที่ยิ่งมองก็ยิ่งดูเซ็กซี่สะดุดใจ ขนาดอยู่ในสถานการณ์คับขันเขายังแทบจะอดใจคว้าตัวเธอลงมานอนกอดก่าย แล้วจูบปากอิ่มสีกุหลาบที่เอ่ยเอื้อนคำขู่คำถามตามใจปรารถนาไม่ได้

ช่วงเวลาที่ผ่านมากว่าสองปี คริสตินยังไม่เคยเจอผู้หญิงสวยมากพอที่จะทำให้หัวใจเต้นระทึกอย่างนี้ ตอนที่ล้มตัวลงนอนทับตัวเธอยังรู้สึกได้ถึงความอ่อนนุ่มละมุนละไม เขาไม่รู้ว่าเธอเป็นใคร ทำไมจึงมานอนในห้องชุดที่เขาสั่งจองกับทางโรงแรมไว้ ดูสถานการณ์แล้วคงไม่ใช่อภินันทนาการพิเศษจากทางโรงแรมส่งมาให้อย่างแน่นอน

“...โอ๊ะ...โอ...ทางที่ดี...ผมคิดว่าเราสองคนมาพูดกันดีๆโดยไม่ต้องใช้อาวุธอันตรายดีกว่า สภาพผมคงไม่ทำให้คุณคิดว่าเป็นโจรหรือเป็นขโมยที่ไหนหรอกนะ”

คริสตินพูดอยู่ในท่าเอนกายเค้เก้ยกสองมือหรา สายตาจ้องจับอยู่กับอาวุธในมือหญิงสาวอย่างทึ่งจัด คิดว่าผู้หญิงสวยจัดกับอาวุธร้ายแรงในมือช่างไม่เข้ากันเสียเลย

เขาเลื่อนสายตามองพินิจใบหน้างามกับเรือนร่างอรชรสวยสมส่วนด้วยใจเต้นแรงระทึก แล้ววกกลับมามองปากอิ่มจิ้มลิ้มน่าจูบ ตอนได้ยินเสียงหวานร้องขู่ฟ่อ

“อย่าขยับนะ แต่ไม่ว่าคุณจะเป็นอะไร เอ้อ เป็นใคร ก็ไม่สมควรเข้ามาในห้องของฉัน”

มินทราภารับรู้ถึงสายตาคมปราบอาบความชื่นชมที่กวาดมองโลมไล้ส่งกระแสวาบหวามไปทั่วร่าง หญิงสาวถอยหลังก้าวห่างออกมาจนชิดข้างฝาใกล้ประตูห้องนอน ยกมือสั่นกดเปิดสวิตช์ไฟกลางห้องที่เอื้อมถึง ทำให้เห็นชัดว่าเขาเป็นชายหนุ่มต่างชาติหน้าตาหล่อคมคายมากคนหนึ่ง

เมื่อมองจับจ้องกันอยู่ในระยะใกล้ท่ามกลางแสงไฟส่องสว่าง เห็นชัดถึงไรเคราเขียวครึ้มกับคางผ่ายิ่งช่วยให้ใบหน้าชายหนุ่มดูหล่อมีเสน่ห์ชวนมองและสามารถเรียกร้องความสนใจจากหญิงสาวมาหลงใหลได้ปลื้มอย่างง่ายๆ

โดยเฉพาะท่านอนเค้เก้ยกมือหราในสภาพที่สวมเสื้อผ้าเพียงเชิ้ตสีขาวสะอาดปล่อยชายและปลดกระดุมลงมาเกือบถึงสะเอวจนมองเห็นไรขนดำบางๆที่พาดผ่านจากแผงอกลงมาอย่างน่าระทึกใจ และมีอิทธิพลทำให้หน้าตาเนื้อตัวของมินทราภาร้อนผ่าวขึ้นมาอย่างมหัศจรรย์

...เขาเป็นใคร ท่าทางดูมีสง่าราศีแบบที่หายากในบุรุษทั่วไป...และความรู้สึกนี้ก็ไม่เคยเกิดกับการมองผู้ชายหล่อคนไหน แต่จะดูดีอย่างไรมินทราภาก็ไม่คิดจะวางใจ อดหวาดระแวงไม่ได้เพราะสมัยนี้โจรผู้ร้ายรูปร่างหน้าตาดีแฝงตัวอยู่ในคราบผู้ดีมีเยอะแยะไป

“แต่ควรจะเป็นผมนะ ที่ต้องถามว่าคุณเข้ามาทำอะไรในห้องนอนผม"

คริสตินพูดพร้อมขยับกายทำน่าจะลุกนั่งให้สบายตัวขึ้น แต่ต้องชะงักกึกทิ้งตัวลงในท่าเดิมจากคำร้องขู่

“หยุดนะ อย่าขยับนะ ฉันยิงจริงๆด้วย"

มินทราภาร้องเตือนเสียงดัง กระชับสองมือกุมอาวุธมาดมั่นจริงจังเตรียมพร้อมที่จะลั่นไกทุกขณะ

“อ่ะ อ่ะ ผมจะไม่ขยับ คุณจะเอายังไงก็ว่ามา”

คริสตินเห็นท่าเอาจริงยิ่งนึกชื่นชมในใจ เขาไม่ได้หวั่นกลัวความร้ายแรงของอาวุธในมือนั่นสักเท่าไร เพราะเขารู้จักการเซฟตัวเองให้รอดจากคมกระสุนได้ แต่การที่เขายอมตามง่ายๆ เพราะไม่อยากให้แม่เสือสาวแสนสวยตรงหน้าหวั่นกลัวตัวเขาไปมากกว่านี้

“ห้องนี้จะเป็นของคุณได้ยังไง ปกติทางโรงแรมไม่เคยเปิดให้ใครเข้ามาใช้...มันเป็นห้องชุดส่วนตัวของครอบครัวฉันนะทางคุณจะมาอ้างลอยๆไม่ได้"

“ฉันมีกุญแจ/ผมก็มีกุญแจ"

ราวกับนัดหมายเมื่อสองหนุ่มสาวกล่าวขึ้นพร้อมกันและเบนสายตาไปยังโต๊ะใกล้หัวเตียงที่เพิ่งจะเห็นว่ามีพวงกุญแจสองพวงวางอยู่ไม่ห่างกันมากนัก

“...เอ๊ะ...”

“ไม่ต้องมาเอ๊ะ...ผมจองห้องพักบนชั้นนี้เอาไว้...แล้วทางโรงแรมก็จัดเป็นห้องชุดทางปีกขวาให้”

ชายหนุ่มเปลี่ยนมาพูดภาษาไทยชัดแจ๋ว แล้วบอกชั้นกับเลขที่ห้องแก่หญิงสาวที่กำลังยืนจ้องในอาการตะลึงงัน

“เราพลาดอะไรไปหรือเปล่า" มินทราภารำพึงในใจ

แต่เมื่อเขามีกุญแจไขเข้ามาในห้องนอนของเธอได้ก็แสดงว่าทางโรงแรมต้องให้กุญแจมา...เกิดผิดพลาดอะไร?...ทำไมทางผู้จัดการโรงแรมถึงให้กุญแจห้องชุดนี้แก่แขกผู้เข้ามาพัก เพราะปกติห้องพักชั้นนี้จะเป็นที่พักประจำของครอบครัวและไม่เคยมีปัญหาแบบนี้

อ่านต่อ

หนังสืออื่นๆ ของ ศิรารัย

ข้อมูลเพิ่มเติม
จอมขวัญเจ้าบัลลังก์ทราย

จอมขวัญเจ้าบัลลังก์ทราย

โรแมนติก

5.0

นิยายแนวทะเลทรายเรื่องนี้ เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่เชิญชวนให้อ่าน เพราะเป็นนิยายที่มีหลากหลายอารมณ์ในเรื่องเดียวกัน นักเขียนได้พาผู้อ่านไปสัมผัสกับชีวิตนางเอกที่ต้องเผชิญภัยจากผู้ปองร้ายโดยมีพระสวามีคอยปกป้องด้วยความรักห่วงใยต่างจากนิยายแนวทะเลทรายอื่นๆที่ให้ความสุขใจกับผู้อ่านอีกรูปแบบหนึ่ง *****...มกุฎราชกุมารีพระธิดาสุลต่านองค์ประมุขแห่งสหราชอาณาจักรต้องเข้าพิธีอภิเษกโดยไม่รู้ตัวและเดินทางสู่พระราชวังของพระสวามีเพื่อลี้ภัยจากผู้ปองร้าย แต่กลับต้องมาเจอศึกรักจากความริษยาของเหล่านางห้ามในพระราชวังและแผนร้ายของพระญาติฝ่ายพระสวามีกับผู้ปองร้ายหมายชิงบัลลังก์ร่วมมือกันวางแผนปลิดชีวิต...ชีวิตรักของพระ-นางคู่นี้จะเป็นอย่างไรไปติดตามด้วยกัน ...**** **********************

กลร้ายทรายเสน่หา

กลร้ายทรายเสน่หา

โรแมนติก

5.0

นิยายแนว...ทะเลทรายสวีต...ที่ยิ่งอ่านยิ่งสนุกของนักเขียนเล่มนี้ ได้พานางเอกไปผจญภัยร้ายท่ามกลางทะเลทรายร้อนระอุจากโจรทะเลทรายตัวปลอมและโจรทะเลทรายตัวจริงที่กักขฬะด้วยการเอาคืนของพระเอกที่ถูกนางเอกใส่ร้ายให้เสื่อมเสียชื่อเสียงและทำให้รู้ความจริงว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นการกระทำด้วยความเข้าใจผิด แต่การเดินทางที่ใกล้ชิดทำให้ความรู้สึกของทั้งสองเปลี่ยนจากคู่กัดเป็นคู่ที่ถูกตาต้องใจกัน เกล็ดทรายอันร้อนระอุจากแสงแดดแผดเผาจึงกลายเป็นเกล็ดน้ำตาล ...***...“นายก็พูดได้สิ ลองมาเป็นฉันดูบ้าง จะได้รู้ว่าต้องกระตือรือร้นไปทำไม" เธอย้อนอย่างโมโห “เลิกอยากรู้อยากเห็นเสียที แล้วฟังฉัน ระหว่างพักอยู่ที่นี่ทุกคนต้องมีหน้าที่ หล่อนก็ต้องทำงานเหมือนกัน" เขาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงปกติที่เธอไม่ค่อยจะได้ยินนัก “นี่นายโจร ฉันไม่ใช่ลูกน้องหรือคนรับใช้ของนายนะ นายเป็นคนจับตัวฉันมา ก็ต้องเลี้ยงดูให้ฉันอยู่สุขสบาย จะมาใช้งานกินแรงกันไม่ได้นะ" เธอโวยลั่น “ฉันไม่สน ถ้าไม่ทำก็ไม่ต้องกิน อาหารมีไว้ให้คนที่ต้องออกแรงทำงานเท่านั้น" เขาข่มขวัญ คงคิดว่าเธอกลัวอดตายแล้วจะยอมทำตามทุกอย่างละสิ...ฝันไปเถอะ...เธอเชิดหน้าใส่ “แต่ไม่ใช่ฉัน ดูปากฉันนะ..." เธอชี้ที่ปากตัวเองอย่างที่น้องณัชชาลูกสาวพี่บ๊อบชอบทำ “ฉัน...ไม่...ทำงาน...อะไร...ทั้งนั้น..." เธอเน้นทุกถ้อยคำให้เขาฟังก่อนจะหันหลังเดินจากมาพร้อมไฟโกรธลุกท่วมตัว ...ตาบ๊องเอ๊ย...จิตสำนึกเข่นเขี้ยวเหมือนอยากจะเคี้ยวเขาให้แหลกคาปาก เธอไม่ได้เป็นฝ่ายร้องตามเขามาถึงจะต้องยอมทำทุกอย่างที่เขา...สั่ง...สั่ง...สั่ง... โดยเฉพาะการทำงานแลกข้าวน้ำประทังชีวิต...เขาสิต้องรับผิดชอบหาข้าวหาปลามาเลี้ยงดูให้อิ่มหนำสำราญ หากเขาต้องการใช้ประโยชน์จาก ตัวเธอ... “งานแรก..." เขาพูดต่ออย่างไม่สนใจ “หล่อนต้องซักเสื้อผ้าให้ฉัน งานอย่างที่สอง-ต้องทำความสะอาดกระโจมที่เราพักด้วยกันทุกเช้ากลางวันเย็น เก็บที่นอน ปูที่นอน กวาดพื้น ถูพื้น และปัดฝุ่นทำความสะอาดตากเครื่องนอนทุกชิ้นทุกวัน อย่างที่ สาม-ต้องนำอาหารมาเสิร์ฟให้ฉันทุกมื้อ เสร็จงานแล้วหล่อนจึงจะได้อาหารกิน ถ้าไม่ทำก็ไม่ได้กิน เข้าใจไหม” มิลินยืนอ้าปากค้าง อยากจะกรี๊ดให้ลั่น เขามันจอมบงการสิ้นดี แล้วถือดีอย่างไรมาใช้งานเธอเยี่ยงนางทาสีประจำตัวแบบนี้ เธอยืนกำหมัดแน่น อยากจะแล่นเข้าข่วนหน้ารกเคราของเขาให้สาสมกับความโกรธที่ถูกโยนตำแหน่งทาสรับใช้ใส่แล้วเดินหนีไปซึ่งๆหน้า ...ตาบ้า...ตาบ๊อง...ตาบื้อ...ตา...ขี้เก๊ก...เธอก่นว่าเป็นชุด สุดจะทนพฤติการณ์แบบเจ้าใหญ่นายโต...สั่ง...สั่ง...สั่ง...โดยไม่ฟังเสียงใคร คิดว่าตัวเองเป็นใหญ่มาจากไหนกัน...ฮึ...***... **************************************************** นิยายเรื่องนี้เป็นความคิดสร้างสรรค์ของนักเขียนอย่างแท้จริง สงวนลิขสิทธิ์โดย : ศิรารัย-ศิรารัยนิยายรัก ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์คอมพิวเตอร์และสิ่งพิมพ์ ห้ามลอกเลียนทุกส่วนของหนังสือเล่มนี้ ห้ามเผยแพร่-จำหน่าย-ดัดแปลง-ทำซ้ำ-จัดพิมพ์ หรือห้ามกระทำการใดๆทุกประการกับนิยายเรื่องนี้ ก่อนได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากผู้เขียน **************************************************

เสน่ห์รักข้ามศตวรรษ

เสน่ห์รักข้ามศตวรรษ

โรแมนติก

5.0

นิยายเรื่องนี้เป็นงานเขียนล่าสุดของศิรารัยที่สร้างเรื่องราวความรักจากปัจจุบันสู่อดีตและกลับมาจบสมบูรณ์ในยุคปัจจุบันที่อยากให้ผู้อ่านได้เปลี่ยนบรรยากาศที่เคยอ่านนิยายไทย-ไทย ไทย-อาหรับ ไทย-จีน มาเป็นนิยายไทย-อินเดียดูบ้าง โดยสร้างคู่พระนางให้นางเอกเดินทางไปประเทศอินเดียและได้ไปพบพระเอกในอดีตเพื่อช่วยเหลือให้ได้ขึ้นครองราชย์ แต่ความรักของคนในโลกอดีตกับคนในโลกปัจจุบันจะสมหวังได้ก็เกินความเป็นจริงจึงต้องทำให้นางเอกมาสมหวังในความรักกับพระเอกในโลกปัจจุบันที่สืบเชื้อสายมาจากเขาผู้นั้น และนักเขียนเชื่อว่า...ถ้าเพื่อนนักอ่านเปิดใจอ่านนิยายเรื่องนี้ จะได้รับทั้งความสนุกสนานและความซาบซึ้งใจในความรักของคนในโลกอดีตและคนในโลกปัจจุบัน... ************************************* เพียงสบตาในอุราก็หวั่นไหว เลือดเนื้อกายร้อนรุมดังสุมไข้ ยิ่งใกล้ชิดยิ่งขัดเขินสะเทิ้นอายใยไพ ใจหนอใจทำไมสั่นไหวเช่นนี้เอย *************************************** ความรัก... ไม่ใช่นํ้าหมึกจากปลายปากกา ที่ผ่านวันเวลา ไม่นานก็เจือจาง ความรัก... ไม่ใช่นํ้าหอมที่กลิ่นจางหายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง ความรัก... ไม่ใช่เสื้อผ้าอาภรณ์หรือข้าวของเครื่องใช้ ที่เก่า แล้วก็เปลี่ยนใหม่ ความรัก... ไม่ใช่อาหารที่กินหลายมื้อก็เบื่อหน่าย ฯลฯ ************************************** ''เธอเป็นใครถึงจะมาสอนสั่งว่าฉันกินอะไรได้หรือกินอะไรไม่ได้ เป็นแม่ครัวก็ควรทำหน้าที่แม่ครัวของเธอ ไม่ต้องมาวิจารณ์คนกิน ไป ไปทำอาหารที่ฉันต้องการมา ต่อไปไม่ต้องเอาผักหญ้าพวกนี้มาให้ฉันกินอีก” อาหารจานหนึ่งถูกโยนแตกเพล้งตรงหน้าผู้ที่ถูกเรียกว่า...แม่ครัว...สลัดผักธัญพืชและนํ้าสลัดที่วัสสิกาต้องใช้เวลาคำนวณแคลอรี่ว่าต้องมีผักธัญพืชมากน้อยเท่าไรและสรรหาผักสดๆใหม่ๆมาทำอย่างประณีตหกกระจายเกลื่อนอยู่ตรงหน้าเหมือนเศษขยะ ที่วัสสิกาแทบจะร้องกรี๊ดออกมาด้วยความโมโห เพราะเจ้าชายจอมยโสไม่ได้ทำลายแค่อาหารจานสองจานแต่ได้ทำลายความตั้งใจดีของเธอจนหมดสิ้น “ตาหมีอ้วน" วัสสิการ้องว่าในใจ ความโกรธวิ่งจี๊ดขึ้นสมองวัสสิกาแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อนในชีวิต เธอไม่เคยโกรธใครมากมายอย่างนี้ บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าโกรธทำไม่นักหนา แต่ตอบโต้ออกมาได้เพียงกรีดเสียงอยู่ในความนึกคิด..ตาหมีอ้วน ฉันอุตส่าห์ตั้งใจทำมาให้กิน ยังจะมาว่ามาทำแบบนี้อีก...เพราะสิ่งที่เจ้าชายอาทิตยสุเรนทรากระทำ...โยนจานอาหารใส่หน้า...เป็นการทำร้ายจิตใจแบบที่ไม่เคยมีใครทำกับเธอมาก่อน วัสสิกาหมดความอดทนต่อผู้สูงศักดิ์ จึงโต้กลับทันควัน ฯลฯ ********************************

หนังสือที่คุณอาจชอบ

เสด็จอาเลิกตามใจพระชายาสักทีเถอะ

เสด็จอาเลิกตามใจพระชายาสักทีเถอะ

โรแมนติก

4.7

ในชีวิตชาติที่แล้ว เพื่อช่วยรักแรกของตัวเอง คนชั่วสามคนได้ทำลายพลังการต่อสู้ของนาง ตัดแขนขาของนางออก ตัดเส้นเลือดของนางและปล่อยเลือดของนางไหลออกมาทั้งอย่างนั้น และทรมานนางจนตาย เมื่อเกิดใหม่ครั้งนี้ นางวางแผนอย่างรอบคอบ โดยสาบานว่าจะให้พวกเขาได้สัมผัสกับความทุกข์ทรมานที่นางเคยประสบมา! รักแรกที่ไร้เดียงสาอะไรกัน ที่จริงก็เป็นเพียงผู้หญิงที่ตีสองหน้าเก่ง อยากจะไต่ขึ้นไปสูงเหรอ งั้นก็จะให้เจ้าปีนขึ้นไป ยิ่งปีนขึ้นสูงมากเท่าไร ตอนตกลงมาก็จะยิ่งเจ็บมากเท่านั้น! พวกสวะสมควรได้รับบาปกรรมของพวกสวะ พวกมันทำชั่วกับนางไปชั่วชีวิตหนึ่ง นางจะทำให้พวกมันไม่ตายดี พวกคนที่เจ้าเล่ห์ ตีสองหน้าเก่ง นางจะจัดการกับทุกคน! แต่นางไม่เคยคิดเลยว่าในการแก้แค้นของนาง นางจะไปมีเรื่องกับเสด็จอาที่เป็นเจ้าแผนการเข้า ที่วัน ๆ ต้องการให้นางจูบและกอดเขาตลอดทั้งวัน ในขณะที่นางแก้แค้นคนชั่วนั้นยังสามารถสนิทสนมกับเสด็จอาด้วย ในความจริงแล้ว การที่เป็นผู้หญิงชั่วๆ ก็มีความสุขมาทีเดียวกว่าที่คิดเลย!

คลั่งรักร้ายนายวิศวะ

คลั่งรักร้ายนายวิศวะ

วัยรุ่น

5.0

"ไง...หลบหน้าผัวมาหลายวัน" คนตัวโตกดเสียงมาอย่างไม่น่าฟัง ยิ่งเธอขัดขืนเขายิ่งเพิ่มแรงบีบที่ข้อมือ "ปล่อยนะพี่ริว พี่ไม่ใช่ ผัว..." เสียงเล็กถูกกลื้นหายในลำคอ เมื่อโดนคนใจร้ายตรงหน้าระดมจูบไปทั้งใบหน้า อย่างไม่ทันตั้งตัว ริวถอนจูบออก เสมองคนตรงหน้าอย่างเย้ยหยัน "ผัว...ที่เอาเธอคนแรกหนะ" "พี่ริว..." เจนิสตะเบ่งเสียงด้วยสีหน้าอันโกรธจัด "ทำไม เรียกชื่อพี่บ่อยแบบนี้ละครับ" ริวเอ่ยพร้อมกับสบตาคนตรงหน้าด้วยสายตาดุดัน "คิดว่าคืนนี้เธอจะรอดเหรอ" ริวตะเบ่งเสียงขึ้นมา จนร่างบางถึงกับชะงัก "ปล่อย...นะ คนเลว" ยิ่งเธอต่อต้านเขายิ่งรุนแรงกับเธอมากขึ้น "เอาดิ...เธอตบ ฉันจูบ..." ริวเอ่ยพร้อมกับจ้องมองด้วยสายตาดุดัน

ฉันแต่งงานกับศัตรูของอดีตสามี

ฉันแต่งงานกับศัตรูของอดีตสามี

โรแมนติก

4.9

เจียงเหว่ยยี่ และ กู้เหยียนอันเป็นคู่รักในวัยเด็กมา 12 ปีแล้ว และคบกันมา 3 ปีแล้ว การแต่งงานระหว่างตระกูลเจียง และตระกูลกู้นั้นยิ่งใหญ่มากจนผู้หญิงทุกคนในเมืองเอต่างก็อิจฉา ในวันแต่งงาน สถานที่จัดงานเลี้ยงเต็มไปด้วยแขกและเพื่อนต่างๆ แต่แล้วเมื่อมีโทรศัพท์สายหนึ่งโทรเข้ามาทำให้กู้เหยียนอันละทิ้งเจียงเหว่ยยี่ ซึ่งแต่งตัวอย่างหรูหราสวยงามแล้ว การหลบหนีจากงานแต่งงานของกู้เหยียนอันทำให้เจียงเหว่ยยี่ดลายเป็นตัวตลกของเมืองเอ อย่างไรก็ตาม ยังไม่ทันที่คนในเมืองเหล่านั้นได้หัวเราะเยาะเท่าไร ก็เห็นเจียงเหว่ยยี่โพสต์ใบทะเบียนสมรสระหว่างเธอกับเสิ่นจินโจว: "แต่งงานแล้ว" จากนั้นไม่นาน เสิ่นจินโจวที่ไม่ได้โพสต์ข้อความมาหลายปีก็โพสต์ว่า "อ่านแล้ว" บางคนบอกว่าครั้งนี้เจียงเหว่ยยี่โชคเข้าข้าง และสูญเสียของเล็กน้อยไป แต่กลับได้ของมีค่ามากกลับมา เพราะกู้เหยียนอันเทียบไม่ติดเสิ่นจินโจวแม้แต่นิดเลย เมื่อเผชิญกับคำพูดที่เต็มไปด้วยความอิจฉาเหล่านี้ เจียงเหว่ยยี่ก็ตอบเห็นด้วยทุกครั้งอย่างตรงไปตรงมา จนกระทั่งวันหนึ่ง นักข่าวการเงินตัวกล้าถามเสิ่นจินโจวว่าเขาคิดอย่างไรกับการแต่งงานของเขา เมื่อทุกคนคิดว่าเสิ่นจินโจวจะเยาะเย้ยเจียงเหว่ยยี่อย่างหยิ่งผยอง แต่เขากลับพูดอย่างใจเย็นว่า: "ผมสมหวังแล้ว"

หลินซือเยว่ผู้นี้ มีสามชะตาในคราเดียว

หลินซือเยว่ผู้นี้ มีสามชะตาในคราเดียว

โรแมนติก

5.0

หลังผ่าตัดนักพรตเฒ่าผู้หนึ่งนั้น นางวูบหมดสติและเสียชีวิตลงไป ลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที ก็อยู่ในร่างของคุณหนูปัญญาอ่อนที่มีชื่อเดียวกันผู้นี้เสียแล้วทั้งยังจำอดีตชาติยามเป็นปรมาจารย์เต๋าได้อีกด้วย +++ 1 : ไล่ออกจากอารามไท่ผิงกวน แคว้นจิ้น ราชวงศ์เซวียน อารามไท่ผิงกวน “ไป ๆ อาจารย์ขับไล่พวกท่านออกจากอารามแล้ว อย่าได้มาเหยียบที่นี่อีก” “ศิษย์พี่รองรีบปิดประตูเร็วเข้า !” ตุบ ! ห่อผ้าสองห่อถูกโยนออกมาจากประตูอาราม ปัง ! ตามด้วยเสียงปิดประตูลงสลักอย่างหนาแน่น สตรีนางหนึ่งยืนตัวตรงเป็นสง่า เสื้อผ้ากับเส้นผมของนางปลิวไสวดั่งไผ่ลู่ลม หลินซือเยว่เงยหน้าขึ้นมองป้ายชื่ออารามไท่ผิงกวนด้วยสายตาเลื่อนลอย อาศัยอยู่ที่นี่มานานเท่าใดแล้วนะ บางครั้งนางเองก็ลืมเลือนวันเวลาไปเหมือนกัน “คุณหนูเจ้าคะ ศิษย์น้องทั้งสองของท่านทำเกินไปแล้วนะเจ้าคะ เหตุใดถึงไล่พวกเราสองคนออกจากอารามได้เล่า” เผิงฉือกระทืบเท้าเบา ๆ ตรงไปฉวยห่อผ้าทั้งสองบนพื้น ขึ้นมาคล้องแขนตัวเองไว้ “หากไม่ได้รับคำสั่งจากอาจารย์ ศิษย์น้องทั้งสองคงไม่กล้าขับไล่ข้าออกจากอารามหรอก” น้ำเสียงของนางสงบนิ่งฟังแล้วสบายหูยิ่งนัก หาได้มีความโกรธเกลียดแต่อย่างใด “นั่นรถม้า” นิ้วเรียวสวยชี้ไปยังรถม้าคันที่มีคนนั่งเฝ้าอยู่ “ป้าเผิงไปถามดูว่าใช่รถม้าของเราหรือไม่” เผิงฉือไม่รอช้ารีบตรงไปหาคนเฝ้ารถม้าที่อยู่ใต้ต้นไผ่ในทันที ไม่ช้านางก็กลับมาพร้อมกับรอยยิ้มนิด ๆ “เป็นรถม้าของเราจริง ๆ เจ้าคะคุณหนู คนขับบอกว่าเป็นคนของตระกูลหลินเจ้าค่ะ ได้รับคำสั่งจากท่านพ่อของคุณหนู ให้มารับคุณหนูกลับตระกูลหลินเพื่อไปแต่งงานเจ้าค่ะ” “กลับไปแต่งงานนี่เอง” นางเอ่ยเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่ หันหลังกลับไปทางประตูอาราม ประสานมือค้อมตัวคำนับลาอาจารย์ เผิงฉือเห็นเช่นนั้นก็อดที่จะคำนับตามนางไม่ได้ ภายในอารามไท่ผิงกวน “อาจารย์เหตุใดถึงไม่บอกลากับศิษย์พี่ใหญ่ไปตรง ๆ ล่ะ ทำเช่นนี้นางไม่โกรธท่านไปจนวันตายเลยรึ” เหอกุ้ยแม้มีอายุยี่สิบแปดปีแล้ว ทว่าเขากราบเป็นศิษย์เจ้าอาวาสชุนหวังเหล่ยหลังสตรีผู้นั้น จึงได้เป็นเพียงแค่ศิษย์พี่รองเท่านั้น “นั่นสิอาจารย์ ศิษย์พี่ใหญ่นางไม่เคยออกจากอารามไปไหนไกล ท่านทำเช่นนี้ไม่ใช่ขับไล่นางไปสู่ความตายหรอกรึ” จางเจียเฟิ่งเห็นด้วยกับศิษย์พี่รองของเขา “ให้มันน้อย ๆ หน่อยเจ้าศิษย์โง่ทั้งสอง พวกเจ้าคิดว่าอารามไท่ผิงกวนแห่งนี้ สามารถอยู่รอดมาได้เพราะใครกัน หากไม่ใช่เพราะฝีมือของศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้า เห็นนางเงียบ ๆ แบบนั้น ความคิดนางกว้างไกลยิ่งนัก อาจารย์อย่างข้ายังเทียบนางไม่ติดด้วยซ้ำไป” เจ้าอาวาสชุนปีนี้อายุอานามปาเข้าไปหกสิบห้าปีแล้ว ทว่าร่างกายยังแข็งแรง อารามเต๋าแห่งนี้มีวิถีแบบไม่เคร่งครัด ใช้ชีวิตเยี่ยงฆราวาสผู้หนึ่ง สามารถแต่งงานมีครอบครัวได้ “อาจารย์นางอยู่ในอารามวาดยันต์กันภัยให้ชาวบ้านที่มากราบไหว้ ตั้งโต๊ะรักษาโรคภัยให้ผู้คนในตัวอำเภอฝู แต่หนนี้นางต้องกลับบ้านไปเพื่อแต่งงาน นางบริสุทธิ์ถึงเพียงนั้นมิถูกสามีจับกลืนกินจนไม่เหลือกระดูกหรอกรึ” เหอกุ้ยนึกภาพเทพเซียนผู้สูงส่งอย่างหลินซือเยว่ หากต้องร่วมเตียงกับบุรุษหยาบกระด้าง เพียงเท่านั้นเขาก็ทำใจไม่ได้จริง ๆ แทบอยากจะไปแย่งตัวศิษย์พี่ใหญ่ของตัวเองกลับคืนมา “เลิกคร่ำครวญได้แล้ว กลับไปกวาดลานอารามกับตรวจดูน้ำมันตะเกียงให้เรียบร้อย ศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้าไม่อยู่ เจ้าทั้งสองต้องรีบร่ำเรียนศึกษาหาความรู้ อารามไท่ผิงกวนจะได้เจริญรุ่งเรืองในภายภาคหน้าต่อไปได้” เจ้าอาวาสชุนทำเสียงดังใส่ลูกศิษย์ทั้งสอง “ไป ๆ ข้าจะสวดมนต์” โบกมือไล่ทั้งคู่ให้ออกจากห้องสวดมนต์ไป เจ้าอาวาสชุนรีบลุกไปปิดประตูลั่นกลอน ท่าทางลุกลี้ลุกลนจนผิดปกติ ย่องเบา ๆ ไปที่ใต้เตียงนอน ดึงหีบไม้เก่าเก็บออกมา ครั้นกดสลักเปิดออก ก็พบตั๋วเงินจำนวนสามพันตำลึงอยู่ในนั้น ตระกูลหลินที่ไม่ได้บริจาคน้ำมันตะเกียงมาหลายปี จู่ ๆ ก็ส่งตั๋วเงินมาให้ พร้อมกับขอรับคนกลับไปเพื่อแต่งงาน ช่วงนี้ชาวบ้านมาทำบุญที่อารามน้อยลง หลินซือเยว่ก็ไม่รู้ว่าเกิดอันใดขึ้นกับนาง ถึงไม่ยอมลงจากอารามไปรักษาผู้คน รายได้เลยหายหดแทบจ่ายอาหารการกิน(สุรานารี)ไม่พอ ตั๋วเงินสามพันตำลึงนี่มาได้ทันเวลาพอดี ! แครก ๆ ๆ ๆ เสียงกวาดลานหน้าอารามดังขึ้นพร้อมกับเสียงบ่นของเหอกุ้ย “ข้ารู้ว่านางเก่งเอาตัวรอดได้ ข้าเพียงไม่อยากให้นางไปก็เท่านั้น” “ศิษย์พี่รองท่านอย่าได้เสียใจไปเลย ไม่ใช่ว่ามีแต่นางที่ต้องแต่งงานมีครอบครัว ท่านเองก็เถอะที่บ้านส่งคนมารับทุกปีไม่ใช่รึ” จางเจียเฟิ่งรู้ดีว่าตนและเหอกุ้ย ถูกครอบครัวลงโทษด้วยการส่งมาอยู่ยังอารามแห่งนี้ ทว่าเพียงชั่วคราวเท่านั้น “ตัวข้านั้นไม่เป็นไรหรอก เจ้านั่นแหละศิษย์น้องสาม ข้าได้ยินว่าที่บ้านของเจ้า เพิ่งหาคู่หมั้นหมายคนใหม่ให้เจ้าอีกคนแล้วไม่ใช่รึ” สองศิษย์พี่น้องหยุดกวาดลานอาราม แล้วหันหน้าไปมองตากัน จากนั้นพวกเขาก็ถอนหายใจดัง ๆ พร้อมกัน ไม่มีศิษย์พี่ใหญ่อยู่ด้วย นับจากนี้ไปยามทำความผิดใครจะออกหน้าคอยช่วยเหลือ ยามเงินหมดใครจะให้หยิบยืม ยิ่งคิดพวกเขาก็ยิ่งไม่สบายใจเป็นอย่างมาก บนถนนมุ่งหน้าสู่เมืองหลวง รถม้าไม้ธรรมดาไม่เล็กไม่ใหญ่ ไร้ป้ายชื่อตระกูลบอกกล่าว คล้ายไม่อยากให้ผู้อื่นล่วงรู้ว่าคนที่นั่งอยู่ด้านในเป็นใคร เผิงฉือพยายามหลอกถามคนขับรถม้าอยู่หลายหน ถึงสถานการณ์ของตระกูลหลินในยามนี้ นางไม่เคยไปที่นั่นมาก่อนไม่รู้จักใครสักคน คนขับรถม้าตอบว่า เขามีหน้าที่มารับคุณหนูรองกลับบ้านเท่านั้น เรื่องอื่นนั้นเขาไม่รู้จริง ๆ “ได้ถามหรือไม่ ใช้เวลากี่วันในการเดินทาง” หลินซือเยว่เอ่ยเสียงเนิบ ๆ “ถามแล้วเจ้าค่ะ เขาบอกว่าราว ๆ สิบวันก็ถึงเมืองหลวงแล้ว” “สิบวันเชียวรึ” หลินซือเยว่มองห่อผ้าที่วางอยู่ด้านข้าง มีเพียงของใช้จำเป็นของนางไม่กี่ชิ้น พร้อมกับก้อนเงินจำนวนห้าสิบตำลึง “คงต้องแวะซื้อของในอำเภอฝูเสียก่อน” เผิงฉือรีบเปิดม่านบอกกับคนขับรถม้า แต่เขากลับทำเสียงฮึดฮัดคล้ายไม่พอใจ “เสียเวลาเดินทางเปล่า ๆ” น้ำเสียงเขากระด้างกระเดื่อง

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ
เล่ห์รักในรอยทราย
1

บทที่ 1 บังเอิญเจอกัน

21/03/2023

2

บทที่ 2 แม่เสือแสนสวย

21/03/2023

3

บทที่ 3 จูบแรกของชีวิต

21/03/2023

4

บทที่ 4 เข้าใจผิด

21/03/2023

5

บทที่ 5 เข้าใจผิด2

21/03/2023

6

บทที่ 6 อาหารเช้า

21/03/2023

7

บทที่ 7 อาหารเช้า2

21/03/2023

8

บทที่ 8 สื่อหัวใจ

21/03/2023

9

บทที่ 9 สานใยรัก

21/03/2023

10

บทที่ 10 คิดคนละอย่าง

21/03/2023

11

บทที่ 11 รับปาก

21/03/2023

12

บทที่ 12 หวั่นไหว

21/03/2023

13

บทที่ 13 สองจิตสองใจ

21/03/2023

14

บทที่ 14 ไปก็ได้

21/03/2023

15

บทที่ 15 เรื่องลับของเจ้าชาย

21/03/2023

16

บทที่ 16 พระคู่หมั้น

21/03/2023

17

บทที่ 17 บอกเลิก

21/03/2023

18

บทที่ 18 มายา

21/03/2023

19

บทที่ 19 ปลดปล่อย(NC)

21/03/2023

20

บทที่ 20 ข่าว

21/03/2023

21

บทที่ 21 วางแผน

21/03/2023

22

บทที่ 22 วันเดินทาง

21/03/2023

23

บทที่ 23 วันเดินทาง2

21/03/2023

24

บทที่ 24 วันเดินทาง3

21/03/2023

25

บทที่ 25 ถึงที่หมาย

21/03/2023

26

บทที่ 26 ต้อนรับคนพิเศษ

21/03/2023

27

บทที่ 27 รอฟังข่าว

21/03/2023

28

บทที่ 28 แผนการใกล้ชิด

21/03/2023

29

บทที่ 29 โทรจากน้องชาย

21/03/2023

30

บทที่ 30 งานต้อนรับ

21/03/2023

31

บทที่ 31 ดาวเด่นในงาน

21/03/2023

32

บทที่ 32 ร่วมโต๊ะเสวย

21/03/2023

33

บทที่ 33 ร่วมโต๊ะเสวย2

21/03/2023

34

บทที่ 34 อากาศสดชื่น

21/03/2023

35

บทที่ 35 บรรยากาศแสนหวาน

21/03/2023

36

บทที่ 36 มารขัดคอ

21/03/2023

37

บทที่ 37 มิตรภาพ

21/03/2023

38

บทที่ 38 มิตรภาพ-โอกาส

21/03/2023

39

บทที่ 39 คู่เขาเราคู่กัน

21/03/2023

40

บทที่ 40 อุทยานดอกไม้งาม

21/03/2023