Login to MeghaBook
icon 0
icon เติมเงิน
rightIcon
icon ประวัติการอ่าน
rightIcon
icon ออกจากระบบ
rightIcon
icon ดาวน์โหลดแอป
rightIcon
ร้อนรักคุณภรรยาข้ามวัน

ร้อนรักคุณภรรยาข้ามวัน

สรีสามัญ

5.0
ความคิดเห็น
82
ชม
12
บท

ชวนนักอ่านทุกท่านมาพบกับ “ร้อนรักคุณภรรยา (ข้ามวัน) ” นิยายเล่มเล็กฟินจิ้นกระจายกับพระเอกปากแจ๋วอย่างเฮียนนท์ กับ สุรางค์รัตน์นางเอกหน้าสวยจอมยั่วประสาทเขาได้กลายมาเป็นคุณภรรยาข้ามคืนของเขาเสียนี่ เมื่อโลกใบกว้าง เหวี่ยงคนขั้วเดียวกันให้มาพบกันเรื่องราวความรักร้อน ๆ จึงเกิดขึ้นโดยที่หญิงสาวไม่ทันรู้เนื้อรู้ตัวว่าไปตกหลุมรักผู้ชายปากร้าย หน้าหล่อ นิสัยกวนประสาท แถมขี้หึงเป็นบ้า ตรงไหนเช่นกัน มาติดตามเรื่องราวความหวานปนความแซ่บ ผ่านนิยายฟินจิกหมอนเรื่องนี้ “ร้อนรักคุณภรรยา (ข้ามวัน) ” กันได้แล้ว นิยายพาฝันเบา ๆ แต่ฟินเหมือนลอยตัวอยู่นอกจักรวาลทางช้างเผือก โปรยปราย เขาก้าวขึ้นมาบนรถข้างที่นั่งคนขับข้างหญิงสาว เรียวปาก บางเอ่ยเรียกหญิงสาวแกมสั่ง “คาดเข็มขัดสิ” ธนนนท์เอ่ยขึ้น “คาดก็ได้” หญิงสาวเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเข้ม สุรางค์รัตน์อด นึกโมโหในใจไม่ได้ ไวเพียงชั่วขณะความคิด ดวงหน้าคมคายโน้มเข้ามาใกล้ใบหน้าสวยชายหนุ่มเผลอสบสายตากับหญิงสาวอย่างไม่ทันตั้งตัว อารามตกใจทำให้ธนนนท์เบือนหน้าหนีทันที “นายเป็นอะไร” สุรางค์รัตน์ที่เพิ่งอายุครบ 22 ปีบริบูรณ์เอ่ย ถามเขาอย่างไม่เข้าใจ “ต่อไปนี้เรียกฉันว่าเฮียนนท์” เสียงเข้มของธนนนท์เอ่ย กำชับเธอด้วยใบหูแดงเรื่อ “ทำไมต้องให้เรียกเฮียด้วย” สุรางค์รัตน์เอ่ยถามอย่างสงสัย “ก็ฉันอยากให้เธอเรียก” ธนนนท์เอ่ยขึ้น พลางยักคิ้วข้าง หนึ่งอย่างยั่วอารมณ์ของหญิงสาว “ก็ได้” สุรางค์รัตน์เอ่ยเสียงห้วนกว่าเดิม รถคันหรูแล่นทะยานออกไปแล้ว หากแต่เวลานี้สุรางค์รัตน์ ยังคงนั่งอารมณ์เสียข้างคนขับรถผู้หล่อเหลาราวเทพบุตร “เป็นอะไรนั่งหน้าบูด” เสียงเข้มของธนนนท์เอ่ยขึ้นขณะขับ รถยนต์คันหรูให้หญิงสาวนั่ง “เปล่า” สุรางค์รัตน์ตอบเขาเสียงเข้ม “เหรอ” ธนนท์เอ่ยถามอย่างเลียนเสียงของเธอ “ค่ะ” สุรางค์รัตน์กระแทกเสียงใส่ชายหนุ่ม “ถามดี ๆ ก็ตอบดี ๆ ซิครับ” ธนนนท์เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียง ไม่พอใจหญิงสาวเล็กน้อย “ต่อไปนี้เธอต้องมาอยู่กับฉันที่บ้านใหม่” มาเฟียหน้าหล่อ เอ่ยขึ้น ท้ายประโยคชายหนุ่มแสร้งเอ่ยเสียงดุ

บทที่ 1 จับตัว

ชิงช้าสวรรค์ตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้าของหญิงสาว ดวงตาคู่กลมโตของสุรางค์รัตน์เบิกกว้างยามเมื่อเห็นเครื่องจักรหมุนด้วยแรงของมือมนุษย์กำลังหมุนอย่างเชื่องช้า

“ออยดูอะไรอยู่ลูก” อมรเดช เอ่ยถามบุตรสาวเพียงคนเดียวของเขา

“เปล่าค่ะพ่อ…ออยว่าจะไปดูร้านกิ๊บติดผมค่ะ” สุรางค์รัตน์เอ่ยบอกบิดาของตนเอง

“งั้นเดี๋ยวพ่อเดินไปเป็นเพื่อน” อมรเดชกล่าวพลางเดินจูงมือบุตรสาวไปยังร้านขายอุปกรณ์ทำผมที่สุรางค์รัตน์ชอบไป

“ได้มาเดินงานวัดแบบนี้ก็ดีเหมือนกันนะออย” ชายวัยกลางคนเอ่ยขึ้นพลางหันมามองบุตรสาวหัวแก้วหัวแหวนของตนเอง

เด็กสาวตากลมโตแป๋วในวันวานถูกกาลเวลาเปลี่ยนผ่านให้เป็นหญิงสาวอายุครบยี่สิบสองปีบริบูรณ์ ผู้เป็นพ่อได้แต่ปลื้มใจอยู่ไม่น้อยที่เขาสามารถเลี้ยงสุรางค์รัตน์ให้เติบใหญ่มาได้คนเดียว

ภรรยาของเขาจากไปตั้งแต่ลูกสาวของเขาเพิ่งเข้าโรงเรียนไปได้ไม่นาน แม้กระนั้นเขาจำได้ดี สุรางค์รัตน์มักถูกล้ออยู่เป็นประจำที่ไม่มีมารดาเหมือนคนอื่นเขา

สองข้างทางเป็นร้านค้าขายหอยทอดกลิ่นควันหอมคลุ้งของอาหารจานโปรดลอยมาแตะจมูกของอมรเดช

“ออยกินหอยทอดไหมลูก” อมรเดชเสนอ

“เอาสองห่อค่ะ” สุรางค์รัตน์เอ่ยขึ้น

ไม่นานนักก็มีรถมาจอดข้างหลังของสองพ่อลูก รถยนต์สีดำคันหรูทว่าอมรเดชที่หันไปเห็นทะเบียนของรถยนต์คันนั้นพอดี ทำให้เขาตัดสินใจจับมือบุตรสาววิ่งหนีฝ่าฝูงชนเข้าไปทันที

อากัปกิริยาเมื่อครู่ทำให้ร่างสูงโปร่งที่ลอบมองกิริยาของสองพ่อลูกผ่านแว่นกันแดดสีดำยกยิ้มที่มุมปากบางอย่างสมใจ

“มันหนีไปแล้วครับนาย” เสียงเข้มของบุรุษหนุ่มเอ่ยขึ้นอย่างกังวลใจ

มือหนาของธนนนท์ยกขึ้นปรามลูกน้องด้วยรอยยิ้มที่มุมปาก เรียวปากบางขยับเป็นคำพูดสองคำ

“จับมัน” เสียงนุ่มเอ่ยขึ้นอย่างใจเย็น

สุรางค์รัตน์กวาดสายตาไปมองรอบด้านอย่างหวาดกลัว เวลานี้เธอและพ่อของเธอถูกโจรชั่วจับตัวมา

บรรยากาศในห้องค่อนข้างอับ หญิงสาวได้กลิ่นสีที่ทายังไม่เสร็จดีลอยปะทะจมูก บนฝ้าเพดานห้องมีโคมไฟเก่าคร่ำคร่าที่ปลายโคมไฟมีหยากไย่เกาะเสียจนรกรุงรัง

“ปล่อยผมนะ ผมไม่รู้เรื่อง” เสียงเข้มของอมรเดช ชายวัยกลางคนเอ่ยขึ้นอย่างโวยวายขณะนั่งอยู่อีกฟากของฝาห้องเดียวกันกับสุรางค์รัตน์

หากสุรางค์รัตน์คาดคะเนไม่ผิดเธอเชื่อว่ากลุ่มชายฉกรรจ์ที่สวมหมวกคลุมหน้าที่จับพวกเธอมาคงเป็นผู้ทรงอิทธิพลของบิดาของเธอเป็นแน่

“เอาตัวมันมา” เสียงเข้มดังขึ้นนอกห้องของที่หญิงสาวอยู่

ประตูบานใหญ่เปิดผาง ไม่นานนักกลุ่มชายสวมโม่งก็กรูกันเข้ามาจับชายวัยกลางคนและบุตรสาวของเขา

“คุณพ่อ” เสียงของหญิงสาวเอ่ยด้วยความหวาดกลัว เวลาในหัวใจของสุรางค์รัตน์หล่นวูบไปถึงตาตุ่ม ความเย็นเหยียบแทรกผ่านหัวใจของเธอยามเมื่อได้ยินเสียงของบิดาเธอ

“ออย” อมรเดชเอ่ยเรียกชื่อหญิงสาวที่ร้องเรียกหาเขาด้วยความตกใจ

กลุ่มชายสวมโม่งสวมชุดสีดำสนิทจับสุรางค์รัตน์แยกออกจากอมรเดชได้สำเร็จ

“เดินไป” เสียงของชายในชุดสีดำสนิทเอ่ยขึ้นพลางดันหลังให้ชายวัยกลางคนเดินไปก่อน

ชายวัยกลางคนจำต้องเดินไปอย่างเสียไม่ได้ อีกใจของเขาเป็นห่วงบุตรสาวเพียงคนเดียวไม่น้อย

สุรางค์รัตน์เดินตามหลังบิดาอย่างห่าง ๆ ไปตามทางแคบเล็กอย่างจำนน ด้วยความหวาดกลัวในปืนของชายสวมโม่งที่จ่อด้านหลังของเธอ

“นั่งลง” เสียงเข้มเอ่ยบอกชายวัยกลางคนพลางหันมาทางสุรางค์รัตน์อย่างพยักพเยิดให้หญิงสาวรับรู้

หญิงสาวจำต้องนั่งลงอย่างเสียไม่ได้ สุรางค์รัตน์มองบรรยากาศรอบ ๆ ห้องอย่างตื่นตะลึง

โซฟาสีแดงขนสัตว์นุ่มฟูที่เธอกำลังนั่งอยู่นี้ หากหญิงสาวคะเนไม่ผิดนัก โซฟาตัวนี้น่าจะทำจากขนสัตว์ทั้งตัว ใครหนอช่างใจร้ายอำมหิตใจดำกับเหล่าสัตว์ที่แสนน่ารักได้มากถึงเพียงนี้

เธอชักอยากเห็นใบหน้าของคนสั่งซื้อเสียแล้วซิยังไม่ทันที่ สุรางค์รัตน์จะได้คิดอะไรต่อ ประตูบานใหญ่สลักลายวิจิตรพลันเปิดออกกว้างตามด้วยร่างสูงโปร่งที่สาวเท้าเข้ามาแล้วนั่งลงตรงหน้าอมรเดชเละสุรางค์รัตน์

สุรางค์รัตน์เงยหน้ามองไปรอบ ๆห้องที่ใหญ่โตโอ่งโถงด้วยอารมณ์สงสัยใคร่รู้ไปเสียหมด

“อะเเฮ่ม” ชายหนุ่มกระเเอมไอเพื่อเรียกสติของหญิงสาวตรงหน้าให้หันมาสบสายตาของเขา

หญิงสาวเบือนหน้ากลับมาทางเดิมพลันต้องตกใจสุดขีด ยามเมื่อเวลานี้ใบหน้าของเทพบุตรหนุ่มอยู่ใกล้เธอแค่คืบ

“ว้าย” สุรางค์รัตน์กรีดเสียงดังลั่นพลางถอยกรูดจนไปชิดพนักของโซฟาสีแดงหนานุ่มที่เธอนั่งอยู่

“นี่นะเหรอลูกสาวนาย” เสียงเข้มของชายหนุ่มหันมามองดวงหน้าหวานของหญิงสาวอย่างพินิจพิเคราะห์

“ฉันเป็นลูกสาวของเขาแล้วยังไงล่ะลุง” สุรางค์รัตน์เหลืออดในการกระทำของชายหนุ่มตรงหน้าเธอ หญิงสาวเลิกคิ้วตามประสาคนเลือดร้อนอย่างยียวน

ตั้งแต่เกิดมาธนนนท์ไม่เคยเห็นสตรีคนไหนมีกิริยาหยาบกระด้างเช่นเธอมาก่อน แม้แต่เส้นผมของหญิงสาวยังยุ่งเหยิงฟูฟ่องเสียจนธนนนท์แอบถอนหายใจ

“เธอเรียกใครว่าลุงหะ” เสียงเข้มของธนนนท์เอ่ยขึ้นอย่างฉุนเฉียว

“หมาละมั้ง” สุรางค์รัตน์เอ่ยขึ้นด้วยเสียงแหวว

“ไหนหมา” ธนนนท์เหลืออด ชายหนุ่มเถียงหญิงสาวกลับอย่างไม่ยอมแพ้

“ก็นายไง” หญิงสาวยกมือเท้าสะเอวพลางพยักเพยิกดวงหน้าง้ำไปทางชายหนุ่ม

ธนนนท์ ชายวัยกลางคนก้มลงมองตนเองอย่างไม่เชื่อสายตาว่าลูกสาวของลูกหนี้จะปากคอเราะร้ายได้มากมายขนาดนี้ เขากัดฟันกรอดอย่างลืมตัว

ดวงหน้าของหญิงสาวในเวลานี้ไร้ซึ่งการแต่งแต้มสีสันฉูดฉาดเสมือนสตรีคนอื่น ๆ ที่เขาเคยได้เจอ

ธนนนท์ลอบมองริมฝีปากของหญิงสาวชวนหลงใหลอย่างกรุ่นไปด้วยอารมณ์เกรี้ยวกราด

“หนี้ที่คุณติดผมไว้ คุณยังไม่จ่ายผม” เสียงเข้มของชายหนุ่มตรงหน้ากดลงต่ำสุด ดวงตาของเขาทอดมองไปยังชายวัยกลางคนอย่างเหี้ยม

หญิงสาวอดรู้สึกถึงรังสีอำมหิตของเขาแผ่ซ่านออกมาไม่ได้ ทว่าเขาไม่ได้มีควันสีดำเหมือนในภาพยนตร์ สุรางค์รัตน์กลับจับ ออร่าของชายหนุ่มผู้นี้ได้

สีหน้าของหญิงสาวเมื่อครู่ไม่อาจทำให้เขาสงบลงได้เลย แววตาของสุรางค์รัตน์บ่งบอกว่าหวาดกลัวเขาถึงที่สุด

“ส่วนหนี้ที่ก่อเพิ่มก็ยังไม่ได้ชำระ” ชายหนุ่มพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉยราวกับว่าเป็นเรื่องปกติท้ายประโยคเขาเน้นเสียงต่ำกว่าเดิม

“ผมเคยให้เวลาคุณมานานแล้วนะอมรเดช” ชายหนุ่มกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจังพลางโบกมือขึ้นเป็นสัญญาณบางอย่าง

ภาพที่ปรากฏตรงหน้าสุรางค์รัตน์ชวนให้อารมณ์ของหญิงสาวเกรี้ยวกราดถึงขีดสุด หญิงสาวกระโดดพรวดเข้าขวางการกระทำของชายหนุ่มที่จะเดินมาถึงบิดาของเธอพอดิบพอดี

“หยุดถ้านายแตะต้องพ่อฉัน ฉันจะเรียกตำรวจ” สุรางค์รัตน์เอ่ยขึ้นอย่างไม่รอรี

ร่างสูงโปร่งเหลียวมองสตรีร่างเล็กที่เข้าขวางทางกระสุนอย่างไม่มีทีท่าว่าจะเกรงกลัวในอิทธิพลของเขาเลยสักนิด

ปืนกระบอกหนึ่งถูกดึงขึ้นจากด้านหลังเล็งมายังศีรษะของ สุรางค์รัตน์อย่างรวดเร็ว บอดี้การ์ดของธนนนท์เล็งปืนหมายจะยิงทิ้ง

“ไม่ต้อง” เสียงเข้มของธนนนท์เอ่ยเกรี้ยวกราดใส่บอดี้การ์ดหนุ่มที่ต้องการจะปลิดชีวิตหญิงสาวที่เข้าขวางทางการกระทำของเขา

“แต่นังนี่…” บอดี้การ์ดเอ่ยขึ้นด้วยท่าทีตกใจกว่าเดิมเมื่อเห็นสีหน้าของธนนนท์

“ปล่อยเธอซะ” เสียงเข้มของธนนท์ดังขึ้นเป็นอีกหนึ่งคำรบใหญ่ ทั่วทั้งห้องโอ่งโถงเงียบกริบจนสุรางค์รัตน์ได้ยินเสียงของลมหายใจตนเอง

ปืนด้ามที่ถูกขึ้นนกเพื่อยิงปลดล็อคกระสุนให้ลูกระสุนร่วงหล่นลงมาอย่างเชื่องช้า

เสียงของลูกกระสุนที่ร่วงหล่นทำให้หญิงสาวตัวสั่นอยู่ไม่น้อย ทว่าวินาทีนี้เธอยังต้องรักษาชีวิตครอบครัวของเธอเอาไว้

แม้จะมีบิดาที่ไม่เอาไหน แต่บิดาก็คือบิดา เช่นนั้นสุรางค์รัตน์จึงคิดหาคำตอบอย่างรวดเร็วในสมองของหญิงสาวประมวลผลอย่างหนัก หากเธอไม่ทำอะไรสักอย่างบิดาของเธอจะต้องแย่แน่ ๆ

“ฉันขอถาม” เรียวปากอวบอิ่มขยับขึ้นอย่างรวดเร็ว

“ว่ามา” เจ้าหนี้หนุ่มกล่าวด้วยสีหน้าบึ้งตึงสุดขีด เวลานี้เขาเริ่มจะหมดความอดทนกับหญิงสาวเสียแล้ว

“พ่อฉันติดหนี้คุณอยู่เท่าไหร่” สุรางค์รัตน์เอ่ยถามเขาในสิ่งที่ค้างคาใจหล่อนมานานแสนนาน

“ยี่สิบล้าน” เสียงเข้มของธนนท์เอ่ยชัดถ้อยชัดคำแต่นั่นก็มากพอที่จะทำให้มือเรียวบางของคนตัวเล็กสั่นระรัวไม่ได้

“ฉันต้องการแลกตัวฉันกับเงินยี่สิบล้าน” สุรางค์รัตน์เอ่ยขึ้นอย่างจนมุมในการกระทำบิดาของเธอ

“คุณหมายความว่าอย่างไร” ธนนท์เอ่ยถามเสียงแผ่วเบา เขาพยายามสงบสติอารมณ์ของเขาต่อหญิงสาวสวยตรงหน้า

“ในเมื่อคุณจับฉันมาด้วยนั่นหมายถึงฉันย่อมมีส่วนที่ต้องรับผิดชอบในการกระทำครั้งนี้ของพ่อฉันด้วย” หญิงสาวกล่าวด้วยน้ำเสียงฉะฉาน

“แต่คนก่อหนี้ไม่ใช่เธอ” ชายหนุ่มพูดราวกับว่าเขาเป็นเครื่องจักรยนต์ที่ไร้ชีวิตและจิตวิญญาณ

ดวงตาของสุรางค์รัตน์เปล่งประกายวาววับทอประกายกล้า ทว่าเวลานี้เธอยังต้องหาข้อเสนอที่คุ้มค่าเพื่อแลกบางสิ่งกับเขา

“ต่อให้คุณฆ่าพ่อฉันตาย คุณก็ไม่ได้เงินคืนอยู่ดี” สุรางค์รัตน์เอ่ยอย่างเหลืออด เรียวปากอวบอิ่มยังขยับเอ่ยประโยคต่อไป

“แต่ถ้าคุณเลือกฉันฉันก็ยังหาเงินให้คุณได้” หญิงสาวเอ่ยด้วยไพ่ใบสุดท้ายที่เธอมั่นใจว่าถือเหนือกว่า

ดวงตาของชายหนุ่มเปล่งประกายวิบวับ ยามเมื่อธนนนท์ได้ยินข้อเสนอสุดแสนจะแปลกประหลาดของหญิงสาว

‘ยัยนี่ ถ้าจะเพี้ยนแต่ก็อาจจะจริงของยัยนี่’ ธนนท์คิดในใจ

“ตกลง…แต่เธอจะต้องลงลายเซ็นเป็นลายลักษณ์อักษรด้วยการจดทะเบียนสมรสกับฉัน” ธนนนท์เอ่ยด้วยน้ำเสียงเข้มจนเกือบจะตวาดหญิงสาวตรงหน้าของเขา

“ฉันตกลง” สุรางค์รัตน์เอ่ยด้วยแววตาเป็นประกายอย่างสมใจ

“ปล่อยตัวพวกเขาได้” เสียงเข้มเกือบคำรามของชายหนุ่มทำให้ลูกน้องของเขาถอยกลับไปยืนตามเดิม

“ออยทำไมทำแบบนี้ล่ะลูก” บิดาของออยเอ่ยถามเสียงอ่อน

“ออยต้องถามพ่อมากกว่าเมื่อไหร่จะหยุดสร้างปัญหาให้ครอบครัวเราสักทีคะ พ่อไม่ต้องพูดแล้วค่ะ กลับบ้านค่ะ เรามีเรื่องต้องคุยกัน” สุรางค์รัตน์กล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง

มือเรียวขาวนวลละเอียดของหญิงสาวลากบิดาของตนเองออกจากห้องนั้นอย่างทุลักทุเล

ประตูบานกว้างปิดลงไปแล้ว หากแต่ชายหนุ่มยังกรุ่นด้วยอารมณ์โกรธเมื่อครู่อยู่

“เงินก็ไม่ได้แต่กลับได้จดทะเบียนสมรสแทน โธ่เว้ย” ธนนนท์เอ่ยขึ้นพลางปัดเอกสารหล่นกระจายเต็มพื้นห้อง

มือหนาของชายหนุ่มหยิบสัญญามากำไว้แน่นพลางเขวี้ยงทิ้งอย่างอารมณ์เสียแล้วทุบโต๊ะปังใหญ่สามครั้ง แววตาของฉายหนุ่มวาวโรจน์กว่าเดิมเป็นพันทวี

อ่านต่อ

หนังสือที่คุณอาจชอบ

หนังสืออื่นๆ ของ สรีสามัญ

ข้อมูลเพิ่มเติม
บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ