Login to MeghaBook
icon 0
icon เติมเงิน
rightIcon
icon ประวัติการอ่าน
rightIcon
icon ออกจากระบบ
rightIcon
icon ดาวน์โหลดแอป
rightIcon
เมียสวาทพันหัวใจ

เมียสวาทพันหัวใจ

เฌอเลียร์

5.0
ความคิดเห็น
1.4K
ชม
20
บท

“ลี...” เจตวัฒน์ครางพลางหอบเมื่อการขยับครั้งสุดท้ายจบลงพร้อมปลดปล่อยสายธารแห่งรักไว้ภายใน มัณฑลีบนเตียงในเวลานี้ยั่วยวนที่สุด ผมดำยาวสยายเต็มหมอน ดวงตาปรือฉ่ำ ใบหน้าแดงนิดๆ ริมฝีปากเอิบอิ่มเพราะฝีมือเขา “คุณยอดไปเลย” ความอัดอั้นสะสมที่ไม่กล้าแตะต้องเธอมานาน เพราะกลัวจะรบกวนคนป่วยแสดงออกมาเป็นความหนักหน่วงในคืนนี้ กายแกร่งยังดิ้นรนอยู่แม้จะอ่อนแรงแล้ว ราบกับดาบแกร่งที่สมัครใจจะอยู่ในฝักอันอบอุ่น “ออกไป” มัณฑลีไล่เจ้าของบ้านด้วยเสียงที่แหบโหย มือเปลี่ยนมาเป็นดันอกแข็งแรง หน้าแดงแต่ตาดุวาว “ใจร้ายจัง ... เสร็จแล้วก็ไล่เลยเหรอ บอกแล้วยังไงคืนนี้ผมก็ไม่นอนบนพื้นเด็ดขาด” เจตวัฒน์เรียกร้องทวงสิทธิ์ของเขาอีกครั้งแบบทบต้นดอก มัณฑลีเพลียจนหลับเปลือยซุกหน้ากับอกแกร่งนั้นก่อนตื่นเช้ามาอย่างเจ็บใจที่เสียทีซ้ำสอง ... ต้องมีวิธีสิน่า ที่เธอจะหนีให้พ้นจากสภาพนี้

บทที่ 1 1

มือเล็กคลำสะเปะสะปะเอื้อมไปหยิบโทรศัพท์ที่กดเลื่อนปลุกแล้ว... ปลุกอีกบนโต๊ะข้างเตียง หยีตาเต็มไปด้วยฤทธิ์ความง่วงมองดู ตีห้าครึ่ง! มัณฑลีกรีดร้องอยู่ในใจ สลัดผ้าห่มออกจากร่าง รวบผมดำขลับยาวสยายด้วยกิ๊ฟตัวใหญ่ ข้างโทรศัพท์ รีบเข้าห้องน้ำล้างหน้าแปลงฟันโดยไว จากนั้นวิ่งจี๋ไปที่ครัว จัดการเตรียมกาแฟและโจ๊กมื้อเช้า ตายล่ะ! หมูหมด ไม่เป็นไรเอาไก่สับใส่แทน เจตวัฒน์กินง่าย เขาคงไม่สนหรอกว่าเป็นเนื้ออะไร ขอให้ทุกอย่างพรั่งพร้อมบนโต๊ะอาหารก็พอ

หกโมงเช้า มัณฑลีใช้ทัพพีกระบวยค่อยๆ ตักโจ๊กจากหม้อบนเตาแบ่งใส่ชามเล็ก โรยต้นหอมและพริกไทยป่นนิดหน่อย เจตวัฒน์ไม่ชอบกินขิง สังเกตได้จากการที่เขาชะงักมือทุกครั้งเมื่อเจอเจ้าสมุนไพรเหลืองอ่อนหั่นบางเป็นเส้นบนโจ๊ก เขามักเขี่ยไปไว้อีกฟากหนึ่งของชามโดยที่ไม่พูดอะไร อา...ใช่ เจตวัฒน์เป็นคนไม่ช่างพูดตามที่คฑาวุฒิบอกเปี๊ยบ มัณฑลีแบ่งโจ๊กไว้ให้ตัวเองถ้วยหนึ่งซึ่งเล็กกว่า ตามปรกติเธอไม่ค่อยทานอาหารพวกนี้ตอนเช้า จะกินแค่ขนมปัง กาแฟ กับผลไม้มากกว่า ก็ตั้งแต่มาอยู่กับเขานี่แหละที่ชีวิตมัณฑลี ‘เปลี่ยน’ ไปมาก

หกโมงยี่สิบ อาหารเช้าขึ้นตั้งโต๊ะบริเวณเทอเรซข้างสวน จะเรียกว่าสวนก็ไม่ค่อยถูกนัก เรียกว่าเป็นที่รวมของต้นไม้ซึ่งเจ้าของบ้านซื้อมาเพราะถูกใจมากกว่า การจัดวางแต่ก่อนระเกะระกะ เช่น กระถางต้นปรงวางไว้คู่กับกุหลาบแดง หรือพลูด่างคู่กับดอกไฮเดรนเยีย ตอนนี้เป็นระเบียบเรียบร้อยขึ้นด้วยฝีมือมัณฑลี ความจริงเธอก็ไม่อยากยุ่งนักหรอก แต่เสียดายดอกไม้สวยๆ จะอดอวดโฉมเต็มที่เพราะความไม่เอาใจใส่ของเขา

เสียงแตรรถดังที่ประตูรั้ว มัณฑลีเงยหน้าจากโต๊ะ รถเก๋งคันงามคุ้นตารออยู่

“สวัสดีครับ” ผู้มาใหม่ยิ้มยิงฟันขาว หลังเลี้ยวรถเข้าบ้าน เขาสวมสูทสีเทาขี้บุหรี่ เชิ้ตขาว ผูกเนคไทด์ ผมเสยเรียบ ดูภูมิฐาน แต่ไม่อาจกลบบุคลิก คล่องแคล่ว ร่าเริงของเจ้าตัวได้

“คุณหนึ่งคงจะตื่นแล้ว ไปดูที่ห้องทดลองสิคะ ทานอะไรมาหรือยัง ถ้ายังเดี๋ยวลียกมาให้” มัณฑลียิ้มตอบ

“โอ๊ะ... ลาภปากตอนเช้า ยกมาเลยครับ ผมหิวพอดี” คฑาวุฒิเอามือลูบท้องแล้วเดินลับหายไปในตัวบ้าน สักพักก็เดินกลับมาพร้อมกับร่างสูงของเจตวัฒน์

“คุณลีทานข้าวเช้าด้วยกันสิครับ” ทนายหนุ่มชวนเมื่อเห็นเธอยกชามโจ๊กอีกใบมาให้

“ไม่หรอกค่ะ ลีมีงานอื่นต้องทำในครัว”

มัณฑลีขอตัวอย่างสุภาพ คฑาวุฒิยิ้มอย่างเข้าใจตามเคย ส่วนอีกคนก็ทำหน้านิ่ง ไม่แสดงอารมณ์เหมือนที่ผ่านมา

มัณฑลีไม่สนและไม่อยากรู้ด้วยว่าทั้งสองคุยเรื่องอะไรกันบ้าง ... ไม่ใช่เรื่องของเธอ ตราบใดที่เขายังทำตามสัญญาและจ่ายเงินตรงทุกเดือน ใช่แล้ว... เงิน เพราะเจ้าสิ่งนี้แหละที่ทำให้มัณฑลีมาอยู่ที่นี่ ในบ้านหลังนี้กับผู้ชายแปลกหน้าในฐานะภรรยา! เธอเดินกลับไปห้องนอน หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดู มีสายไม่ได้รับจากมณียา ... ภรรยาจิรกัณผู้เป็นพี่ชายสามสาย โทร.มาเช้าตรู่อย่างนี้คงไม่พ้นมีเรื่องร้อนแน่ๆ ... เงินอีกตามเคย จิรกัณและมัณฑลีเป็นพี่น้องอายุห่างกันมากถึงสิบห้าปี ตอนพ่อแม่เสียก็ได้เขาเลี้ยงดูจนเธอเรียนจบมหาวิทยาลัย จิรกัณแต่งงานกับมณียา พี่สะใภ้ผู้คิดแต่เรื่องความร่ำรวย ยุให้สามีทำธุรกิจโน่นนี่ไปหมด ซึ่งแต่ละอย่างสองสามีภรรยาก็ไม่ได้เข้าใจลึกซึ้งเอาเสียเลย จนธุรกิจล่ม หนี้สินพอกพูน จิรกัณเป็นคนปากหนักหยิ่งในศักดิ์ศรี เรื่องจะมาขอร้องให้น้องสาวช่วยเหลือนั้นเป็นไม่มี แต่มณียาไม่ใช่

‘ช่วยพี่กัณใช้หนี้หน่อยนะ ยังไงพี่กัณก็ส่งเสียลีมาตั้งแต่เล็ก’

เป็นการทวงบุญคุณนิ่มๆ ที่มัณฑลีไม่ถือ ตอนเธอยังทำงานบริษัทอยู่ก็ช่วยเท่าที่ช่วยได้ แต่มณียายังไปยืมเงินกู้นอกระบบมาอีก

‘ลีคราวนี้ต้องช่วยพี่กัณแล้วนะไม่อย่างนั้นตายแน่ เจ้าหนี้เขาต้องการเงินคืนเป็นก้อนใหญ่’

มณียามาขอร้องทั้งน้ำตา มัณฑลีในตอนนั้นก็อยากจะร้องไห้เหมือนกันเพราะสงสารพี่ เธอเอาเรื่องนี้ไปปรึกษากับสโรชาเพื่อนที่คบกันตั้งแต่เด็ก สโรชาฐานะทางบ้านไม่ดีนัก และตอนนี้ยึดอาชีพสาวนั่งดริ๊งในสถานบันเทิงแห่งหนึ่ง ทีแรกสโรชาเสนองานแบบเจ้าตัวให้แต่มัณฑลีปฏิเสธ ต่อมาจึงพาไปพบเสี่ยกฤตซึ่งเป็นเพื่อนของคฑาวุฒิ แล้วข้อเสนองานที่แปลกประหลาดก็ตามมา

‘เงินดี ทำสัญญาเมื่อไร จ่ายทันทีเมื่อนั้น มีเงินรายเดือนให้ด้วย สัญญาสามปี’ คฑาวุฒิอธิบาย

‘เนื้อหางานคือไปดูแลคนๆ หนึ่ง แบบใกล้ชิด ยี่สิบสี่ชั่วโมง กินอยู่ด้วยพร้อม’ ทีแรกเธอนึกว่าเป็นงานดูแลคนป่วย แต่...

‘คุณต้องไปดูแลเขาในฐานะภรรยา’

มัณฑลีหน้าถอดสีแล้วผุดลุกขึ้นเตรียมจะชิ่งหนีอยู่แล้วเชียว ถ้าสโรชากับเสี่ยกฤตไม่ดึงมือไว้ก่อน

‘เดี๋ยวๆ ฟังอธิบายก่อน ความหวังของเพื่อนผมตอนนี้อยู่ที่คุณ’

คฑาวุฒิขอร้องเสียงน่าสงสงสาร แล้วเธอก็ได้รับรู้ถึงความยุ่งยากในชีวิตของชายหนุ่มผู้แสนมั่งคั่ง ดร.เจตวัฒน์เป็นนักวิทยาศาสตร์ จบนอก ปริญญาหลายใบ หน้าที่การงานดี มีชาติตระกูล แต่มีปัญหาเรื่องบ้างาน อายุจนจะสามสิบห้าอยู่แล้วยังไม่แต่งงาน กระทั่งคุณย่าผู้ดีเก่าต้องลั่นคำขาดว่าหากไม่แต่งภายในสามปีจะไม่ให้สมบัติแม้แต่ชิ้นเดียว แล้วสามปีที่ว่ามันก็มาครบเอาปีนี้พอดี

‘พวกผมอยากช่วยจริงๆ นะ สงสารแล้วก็เห็นใจมัน’

คฑาวุฒิกับเสี่ยกฤตเป็นเพื่อนตั้งแต่เด็กของเจตวัฒน์ ครอบครัวของเขาซับซ้อน แม่ตาย พ่อแต่งงานใหม่ แม่เลี้ยงร้าย น้องใหม่ก็แย่ สรุปโดยรวมคือถ้าไม่ได้สมบัติจากคุณย่าแล้วเจตวัฒน์จะไม่เหลืออะไรเลย

‘เราต้องช่วยกันรักษาสิทธิ์ของเขาจริงไหมครับ’

คฑาวุฒิมีวาทศิลป์เก่งสมเป็นทนาย เขากล่อมจนมัณฑลียอมมาพบกับเจตวัฒน์เพื่อ ‘สัมภาษณ์’ ในตำแหน่งภรรยา

อ่านต่อ

หนังสือที่คุณอาจชอบ

หนังสืออื่นๆ ของ เฌอเลียร์

ข้อมูลเพิ่มเติม
บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ