“อารักศรัย รักศรัยมากๆ รู้ไหม อาถึงอยากมีลูกกับศรัยหลายๆ คน” “รักมากนะหนูรู้ แต่มันไม่เกี่ยวกันเลยที่ต้องมีลูกหลายคน” “ก็จริงค่ะ ไม่ว่าจะมีลูกมากหรือน้อยหรือไม่มีเลยความรักที่อามีต่อยายหนูของอาก็ไม่ได้ลดลงเลย แต่ที่อยากมีลูกหลายคนเพราะนึกถึงตัวเอง นึกถึงหนู การเป็นลูกคนเดียวไม่มีพี่น้องอยู่ใกล้ๆ มันเหงาค่ะหรือหนูไม่เหงา” เขาถามในตอนท้าย “ไม่เหงาเลยเพราะอาศิลาอยู่ใกล้หนูตลอดเวลา ถึงตัวจะไกลกันแต่หนูรู้ว่าหัวใจอาศิลาอยู่กับหนู” “รู้ได้ยังไงคะ” “เพราะหนูสวย หนูเก่ง หนูคือศรัย ชัชวาลโชติเด็กหัวแข็งของบ้านไงคะ” “ฮ่าๆ มันเกี่ยวกันได้ยังไงนี่” “หรืออาจะเถียง” หล่อนหันไปจ้องตาเขา ศิลาก้มลงมาจูบแก้มนวลเนียนแล้วพูด “ไม่เถียงครับเพราะหัวใจของอาอยู่กับเด็กหัวแข็งคนนี้มานานแล้วจริงๆ อารักศรัยนะครับ” “หนูก็รักอาศิลาค่ะ”
พรหมลวง
บทนำ
อาคารสองชั้นดูเก่าทรุดโทรมด้วยคราบน้ำฝนเหลืองปนเขียวคล้ำของตะไคร่เกาะผนังภายนอก ต้นไม้ใหญ่ริมหน้าต่างยืนต้นตายทิ้งใบเหี่ยวแห้งกองเต็มพื้นเหลือไว้แต่กิ่งแห้งผุคาต้น เถาวัลย์เหี่ยวเฉาโรยเถาย้อยลงเรี่ยเกลี่ยดิน โคนต้นสุมด้วยใบไม้เหี่ยวแห้งทับถมจนเน่าเปื่อยน่าขยะแขยงหากจะเดินย่ำไป
มองไม่เห็นความเจริญหูเจริญตาจนหญิงสาวเผลอคิดในใจ
‘บ้านคนแน่หรือ’
ทันใดนั้นก็มีเสียงตอบดังขึ้นทันที
“ถ้าหล่อนเป็นคน ที่นี่ก็บ้านคนย่ะ”
หญิงสาวสะดุ้งสุดตัวกับเสียงคุ้นหูแต่น้ำเสียงกระโชกโฮกฮากเหมือนโกรธกันมาสักสิบชาติ แต่ที่แน่ๆ หล่อนมาที่นี่คนเดียว แล้วใครกันที่มาตะคอกใส่
หญิงสาวหันกลับไปช้าๆ ใจสั่นมือเย็นเหงื่อชื้น แล้วเบิกตาโพรงกับเจ้าของคำพูดที่เป็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ นั่งห้อยขาอยู่บนยอดไม้สูงจนไม่คิดว่าจะมีใครปีนขึ้นไปเล่น เด็กคนนั้นค่อยๆ ลุกขึ้นยืนและเติบโตเป็นหญิงสาวที่หน้าตาเหมือนหล่อนราวกับส่องกระจก
“กรี๊ด!”
หญิงสาวลืมตาโพรง ตกใจตื่นกับเสียงกรีดร้องในความฝันที่ยังจำติดตา
นางสาวศรัย ชัชวาลโชติมองหน้ามารดาแทนคำถามว่าแน่ใจหรือ พูดอีกครั้งได้ไหมและพูดจริงๆ หรือนี่ เพราะมัทนาแม่วัยกลางคนของหล่อนบอกในสิ่งที่ตรงกันข้ามกับการกระทำในอดีตที่เคยหลีกหนีมาจากอาณาจักรชัชวาลโชติของผู้เป็นปู่ตั้งแต่หล่อนยังอยู่ในท้องเสียด้วยซ้ำ แม่ไม่ได้บอกเหตุผลว่าทำไมหอบท้องมาอยู่กับตายายที่ออสเตรเลียทั้งที่พ่อกับแม่ก็ยังรักกันดี พ่อบินมาหาเยี่ยมเยียนพวกเราบ่อยๆ บางครั้งก็พาแม่กับหล่อนกลับไปเยี่ยมปู่กับย่า แต่แม่ไม่เคยพำนักในคฤหาสน์หลังใหญ่ของปู่เลย เราเข้าพักที่โรงแรมแล้วไปหาปู่กับย่าอยู่ปรนนิบัติท่านทั้งสองทั้งวันจนค่ำมืดจึงกลับมานอนที่โรงแรมโดยมีพ่อตามมานอนด้วย
อันที่จริงหล่อนก็เห็นว่าแม่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับคนในครอบครัวของพ่อซึ่งประกอบไปด้วย ปู่แสวง ย่าคิ้ม อาศิตาน้องสาวแสนสวยของพ่อกับอามานิตย์สามี ที่อยู่รวมกันในบ้านหลังใหญ่พร้อมด้วยอสิตาลูกสาวที่อายุน้อยกว่าหล่อนหนึ่งปี แบบนี้เรียกว่าลูกอิจฉาก็คงไม่ผิด เพราะอาศิตาอยู่กินกับอามานิตย์ก่อนพ่อกับแม่จะแต่งงานกันเสียด้วยซ้ำแต่ไม่มีลูกเสียที พอแม่มีหล่อนอาศิตาก็มีอสิตา แต่หล่อนกับลูกผู้น้องคนนี้ก็รักใคร่สนิทสนมกันดี
แม้กระทั่งย่าน้อยประยงค์ภรรยารองของปู่หรือที่อาศิตาเรียกว่านังเมียน้อย กับอาศิลาลูกชายคนเล็กที่เกิดจากย่าน้อยซึ่งอายุมากกว่าหล่อนประมาณห้าหกปี ทั้งสองคนพักในตึกเล็กหลังคฤหาสน์ใหญ่ ก็สนิทสนมกันดีกับแม่
ทุกคนต่างเป็นมิตรที่ดียามกลับไปเยี่ยมเยียน หากพ่อบินมาหาพวกเราคนที่ชัชวาลโชติต่างก็ฝากของมาให้สม่ำเสมอ และอาศิลาเองเมื่อครั้งที่มาเรียนต่อก็แวะมาหาเยี่ยมเยียนบ่อยๆ เรียกได้ว่าสนิทสนมกันมากทีเดียว ขนาดหล่อนโตเป็นสาวแล้วอาศิลายังฝากขนมมาให้เรื่อยๆ จนเมื่อพ่อบินมาหาครั้งล่าสุดก่อนพ่อจะจากไปก็ยังฝากขนมที่หล่อนชอบมามากมาย
เมื่อพ่อเสียชีวิตจากเหตุคาดไม่ถึงทุกอย่างเหมือนจะเปลี่ยนไป พวกเรากลับไปร่วมงานศพพ่อท่ามกลางความห่างเหินของคนในครอบครัว พวกเขามองเหมือนเราทำให้พ่อตายเหมือนแม่เป็นฆาตกรทั้งที่ตอนพ่อทำอัตวินิบาตกรรมนั้นหล่อนกับแม่อยู่ต่างประเทศ ส่วนพ่อก็ยิงตัวตายในห้องทำงานที่โรงงานแปรรูปอาหารทะเลซึ่งเป็นกิจการของครอบครัวซึ่งปู่แสวงเป็นผู้บุกเบิกและริเริ่ม การกระทำของพ่อไม่มีเค้ารางใดๆ ให้คิดว่าพ่อมีเรื่องอัดอั้นตันใจหรือหาทางออกไม่ได้จนต้องตัดช่องน้อยลาโลกไปตามลำพัง
เมื่อตอนได้รับข่าวร้ายหล่อนแทบช็อกร้องไห้ฟูมฟายกอดอาศิลาที่มาส่งข่าวด้วยตนเองเพราะมาติดต่อการค้าให้ปู่ที่ออสเตรเลียพอดี แต่แม่กลับนิ่งงันไปชั่วครู่ก่อนบอกให้เตรียมตัวเดินทางกลับ แล้วแม่ก็รีบไปบอกตากับยาย ส่วนอาศิลารีบจองตั๋วเครื่องบินให้พวกเรา
งานศพพ่อผ่านไปอย่างอาดูรแต่บรรยากาศในครอบครัวดูห่างเหินแตกแยก และแม่พาพวกเราบินกลับออสเตรเลียทันทีที่เก็บเถ้ากระดูกพ่อไปลอยอังคารเสร็จ จากวันนั้นมาร่วมสองปีแล้วที่ไม่ได้กลับไปเยี่ยมปู่ย่าเลย แต่มาบัดนี้แม่ทำให้หล่อนแปลกใจด้วยการเดินเข้ามาบอกว่าจะย้ายกลับไปอยู่เมืองไทย กลับไปดูแลปู่ย่าและพักในคฤหาสน์ชัชวาลโชติ
“อยากถามแม่ใช่ไหมว่าทำไม” แม่ถามอย่างรู้ใจ ศรัยจึงพยักหน้าพร้อมยิ้มขวยเขินที่ไม่เคยเก็บสีหน้าหรือแววตาได้
“แม่กลับไปดูแลปู่กับย่า ศรัยก็ต้องไปช่วยทำงานที่บริษัท ปู่จะให้ลูกทำงานแทนพ่อ ไหวหรือเปล่า” แม่มีคำถามต่อท้าย
“ทำงานนะไหวอยู่แล้วค่ะ แต่งานที่พ่อเคยทำมีคนอื่นทำแล้วไม่ใช่หรือคะ”
“แต่ปู่บอกให้ลูกกลับไปทำ เพราะศรัยคือทายาทคนเดียวที่จะรับสืบทอดกิจการของชัชวาลโชติ”
“เอ๊ะ! ทำไมปู่พูดแบบนี้ละคะ อาศิตากับอาศิลาก็ยังอยู่”
“ไม่รู้สิ อาจหมายถึงทายาทรุ่นหลานกระมัง”
“รุ่นหลานยังมีอสิอีกคนนะคะแม่”
“แม่ไม่รู้ใจปู่หรอกหนูอย่าถามให้มากเรื่องเลย เตรียมตัวเดินทาง แล้วไปลาคุณตาคุณยายกัน”
“ต้องรีบขนาดนั้นเลยหรือคะ”
“ปู่จองตั๋วเครื่องบินให้แล้ว” แม่บอกแล้วเดินกลับเข้าห้องนอน คงจะเตรียมของเพื่อเดินทางกลับเมืองไทย ซึ่งย่อมไม่เหมือนการกลับไปในช่วงสั้นๆ อย่างที่ผ่านมา
บทที่ 1 พรหมลวง
12/12/2023
บทที่ 2 พรหมลวง
12/12/2023
บทที่ 3 พรหมลวง
12/12/2023
บทที่ 4 พรหมลวง
12/12/2023
บทที่ 5 พรหมลวง
12/12/2023
บทที่ 6 พรหมลวง
12/12/2023
บทที่ 7 พรหมลวง
12/12/2023
บทที่ 8 พรหมลวง
12/12/2023
บทที่ 9 พรหมลวง
12/12/2023
บทที่ 10 พรหมลวง
12/12/2023
บทที่ 11 พรหมลวง
12/12/2023
บทที่ 12 พรหมลวง
12/12/2023
บทที่ 13 พรหมลวง
12/12/2023
บทที่ 14 พรหมลวง
12/12/2023
บทที่ 15 พรหมลวง
12/12/2023
บทที่ 16 พรหมลวง
12/12/2023
บทที่ 17 พรหมลวง
12/12/2023
บทที่ 18 พรหมลวง
12/12/2023
บทที่ 19 พรหมลวง
12/12/2023
บทที่ 20 พรหมลวง
12/12/2023
บทที่ 21 พรหมลวง
12/12/2023
บทที่ 22 พรหมลวง
12/12/2023
บทที่ 23 พรหมลวง
12/12/2023
บทที่ 24 พรหมลวง
12/12/2023
บทที่ 25 พรหมลวง
12/12/2023
บทที่ 26 พรหมลวง
12/12/2023
บทที่ 27 พรหมลวง
12/12/2023
บทที่ 28 พรหมลวง
12/12/2023
บทที่ 29 พรหมลวง
12/12/2023
บทที่ 30 พรหมลวง
12/12/2023
บทที่ 31 พรหมลวง
12/12/2023
บทที่ 32 พรหมลวง
12/12/2023
บทที่ 33 พรหมลวง
12/12/2023
บทที่ 34 พรหมลวง
12/12/2023
บทที่ 35 พรหมลวง
12/12/2023
บทที่ 36 พรหมลวง
12/12/2023
บทที่ 37 พรหมลวง
12/12/2023
บทที่ 38 พรหมลวง
12/12/2023
บทที่ 39 พรหมลวง
12/12/2023
บทที่ 40 พรหมลวง
12/12/2023
หนังสืออื่นๆ ของ Mookreang
ข้อมูลเพิ่มเติม