ยอดดวงใจซื่อจื่อ

ยอดดวงใจซื่อจื่อ

ซีไซต์

5.0
ความคิดเห็น
5.8K
ชม
25
บท

ฉางเจียอีได้พบกับบุรุษปากร้ายจอมนินทาผู้หนึ่งซึ่งทำให้นางกับเขามีเรื่องราวจนถึงกับลั่นวาจาว่าชาตินี้จะไม่เผาผีกันอีก แต่ชะตาชีวิตกลับเล่นตลกเมื่อนางต้องเข้าไปพัวพันกับเขาเพราะต้องการช่วยพี่ใหญ่ของตนเองให้รอดพ้นจากความทุกข์อันแสนสาหัส ชีวิตนี้ของนางมิใช่ต้องการสิ่งใดมาก นอกจากการใช้ชีวิตอันหรูหราในบ้านของตนเองไปจนตาย ทว่าสวรรค์กลับไม่เมตตานางเพียงนั้นเมื่อทุกอย่างผิดเพี้ยนจากความตั้งใจเพราะมีคนผู้นั้นเข้ามาเกี่ยวพันในชีวิต ให้ตายเถิดเรื่องไม่ได้ง่ายอย่างที่นางคิดเอาไว้เลยแม้แต่น้อย หมายเหตุ นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายสุขนิยม ปมไม่ซับซ้อนจบสวยงามนะคะ กราบขอบพระคุณทุกท่านมากค่ะ

บทที่ 1 พบกัน

“เร็วเข้าเดี๋ยวใครมาเห็นเข้า”

ฉางเจียอีกำลังเร่งให้เสิ่นเสียนบ่าวรับใช้ของตนเองให้คลายเชือกของม้าที่ผูกเข้ากับต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งที่หน้าวัดไป๋หลาง

วันนี้พ่อค้าใหญ่ฉางหลีบิดาของนางพาครอบครัวมาไหว้พระที่วัดไป๋หลางที่ผู้คนในลั่วหยางให้ความศรัทธาอย่างที่สุดเพื่อเป็นสิริมงคลในวันขึ้นปีใหม่

ฉางเจียอีเพิ่งฝึกขี่ม้าได้ไม่นานจึงบังเกิดความฮึกเหิมเพราะก่อนหน้านี้นางเพียงแต่ได้ขี่ม้าวนอยู่ในสนามฝึกขี่ม้าในจวนเท่านั้น บัดนี้เมื่อได้โอกาสออกมาข้างนอกทั้งด้านหลังวัดไป๋หลางยังเป็นทุ่งกว้างเหมาะอย่างยิ่งที่นางจะได้ลองฝีมือ

บ่าวบุรุษที่เฝ้าม้าบัดนี้มีสีหน้าไม่สู้ดี เขามิได้ช่วยฉางเจียอีเพียงแต่ยืนมองเฉย ๆ เกรงว่าหากลงมือช่วยเหลือจะเป็นการสมรู้ร่วมคิดและทำให้ตนเองมีความผิดจนถูกนายท่านลงโทษ

“คุณหนูอันตรายนะขอรับ”

“ข้าขี่ม้าเป็นแล้วจะอันตรายได้อย่างไร”

ฉางเจียอีถลึงตาใส่บ่าวผู้นั้นเมื่อเห็นว่าสีหน้าของเขาซีดเซียวไม่สู้ดีจึงเอ่ยว่า

“ไม่ต้องห่วงข้าจะพามันกลับมาให้เจ้าก่อนที่ท่านพ่อกับท่านแม่จะกลับจวน ไม่เกิดเรื่องกับเจ้าแน่นอนหรือหากเกิดเรื่องข้าก็จะออกหน้ารับแทนเจ้าเอง”

วันนี้บิดาของนางได้เข้าพบกับท่านเจ้าอาวาสแล้วปกติจะใช้เวลาไม่ต่ำกว่าครึ่งวันเพื่อสนทนาธรรม จากนั้นครอบครัวจะรับประทานอาหารเจที่วัดแล้วค่อยกลับจวน

ฉางเจียอีคิดว่าตนเองมีเวลามากพอที่จะไปขี่ม้าอย่างสบายอารมณ์และย่อมกลับมาทันเวลารับประทานอาหารอย่างแน่นอน

สาวใช้ของนางเสิ่นเสียนขี่ม้าได้คล่องกว่าฉางเจียอีนั่นเป็นเพราะบิดาของเสิ่นเสียนมีหน้าที่ดูแลม้าในของสกุลฉาง นางจึงได้ฝึกฝนมาไม่น้อย

ยามนี้สองนายบ่าวขี่ม้าเคียงกันตามเส้นทางเล็ก ๆ ระหว่างทางก็พบชาวบ้านจำนวนไม่น้อยทั้งเดินเท้าและนั่งรถม้า บ้างก็ขี่ม้ามาเพื่อไหว้พระในวันขึ้นปีใหม่

จุดหมายก็คือทุ่งกว้างหลังวัดไป๋หลางพวกเขาเพียงแต่ไปให้ถึงทางแยกข้างหน้าแล้วเลี้ยวซ้ายก็จะไร้ผู้คนแล้ว

เพราะคนเริ่มมากขึ้นเสิ่นเสียนจึงหันไปบอกกับฉางเจียอีให้ระวังตัว

“ระวังนะคะคุณหนู คนเยอะมากอย่าให้ม้าตื่นตระหนก”

“ไม่เป็นไร ข้าควบคุมได้”

กล่าวยังไม่ทันขาดคำ เบื้องหน้าก็พบคนกลุ่มหนึ่งกำลังฮ้อม้าตรงมาด้วยความรวดเร็ว ฉางเจียอีคิดจะให้ม้าของตนเองหลบไปข้างทางแต่แล้วกลุ่มม้าของคนพวกนั้นกลับเบียดม้าของนางจนตื่นตระหนก

ม้าตัวใหญ่ยกสองเท้าขึ้นร้องฮี้ ฉางเจียอีเกือบจะตกลงจากหลังม้าแล้วดีที่นางทรงตัวเอาไว้ได้ทัน ทว่าหลังจากนั้นมันกลับพุ่งตัวไปข้างหน้าด้วยความเร็วจนนางตกใจ

มีชาวบ้านกลุ่มหนึ่งหลบไม่ทันทำให้บางคนถึงกับล้มลงไปโชคดีที่ม้าไม่ได้เหยียบจึงได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย

ฉางเจียอีตกใจยิ่งนัก เพราะม้ากำลังวิ่งด้วยความเร็วที่นางไม่อาจควบคุม นางกรีดร้องอยู่บนหลังม้าไม่ได้ยินเสียงอันใดนอกจากเสียงของลมหวีดหวิวอยู่ข้างหู

ฉางเจียอีคิดหาวิธีหยุดม้าทว่าสมองกลับขาวโพลนคิดสิ่งใดไม่ออก

แต่แล้วบุรุษผู้หนึ่งก็ขี่ม้ามาประชิดข้างม้าของนาง ฉางเจียอีมองเขาแวบหนึ่งคนผู้นั้นก็กระโดดมานั่งบนหลังม้าตัวเดียวกันกับนางแล้ว

แผ่นหลังของนางพลันอุ่นขึ้นมาเมื่อเขากำลังโอบรอบร่างของนางแล้วจังมือที่กำบังเหียนของนางเอาไว้

เขาร้อง ย๊า ออกมาคำหนึ่ง เริ่มบังคับม้าของนางด้วยความเชี่ยวชาญ เพียงไม่นานฝีเท้าของม้าก็ลดลงจนกระทั่งเปลี่ยนเป็นวิ่งเหยาะๆ ในที่สุด

ฉางเจียอีพ่นลมหายใจยาวเมื่อสักครู่นางรู้สึกว่าตนเองกำลังวิ่งเข้าสู่ความตายด้วยความเร็วที่ไม่เคยได้สัมผัสมาก่อนในชีวิตภาพต่าง ๆ ในอดีตผุดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เขาว่ากันว่าคนเราก่อนจะตายมักจะเห็นภาพในอดีตนางในตอนนั้นก็เห็นเป็นเช่นนั้นเช่นกัน

โชคดีที่มีคนมาช่วยเอาไว้ได้ทัน

“ขอบคุณคุณชายที่ช่วยเหลือข้า”

เขาไม่ตอบรับคำขอบคุณของนาง กลับเงียบขรึมจนฉางเจียอีประหลาดใจเขาบังคับให้ม้าหยุดเดินพร้อมกับยื่นมือทั้งโน้มตัวมาลูบแผงคอของม้าพร้อมกับกล่าวว่า

“เด็กดี”

แน่นอนว่าการกระทำนี้ของเขาทำให้นางต้องโน้มตัวตามและถูกเขารัดรึงเข้าไปในอ้อมกอด กลิ่นหอมสะอาดของเขาทำให้ฉางเจียอีรู้สึกหัวใจเต้นระรัว ช่วงหน้าอกของเขานี้ก็ช่างแข็งและกว้างให้ความรู้สึกปลอดภัยได้อย่างน่าประหลาด

นางไม่เคยใกล้ชิดบุรุษใดมาก่อน ความช่วยเหลือของเขานางย่อมซาบซึ้งใจยิ่งนัก

แล้วบุรุษผู้หนึ่งก็ขี่ม้าตามมาในมือของเขาจูงสายบังคับม้าอีกตัวที่บนหลังไม่มีคนขี่ตามมาด้วย

“ซื่อจื่อเป็นอันใดหรือไม่ขอรับ”

คนผู้นั้นส่ายหน้าตอบน้ำเสียงราบเรียบชัดเจน

“ไม่”

บุรุษร่างสูงที่อยู่ข้างหลังนางเอ่ยหนัก ๆ ฉางเจียอีเห็นหน้าคนผู้มาใหม่ชัดเจนก็จำได้ว่าเขาคือกลุ่มคนนั้นที่เบียดม้าของนางจนทำให้ม้าตกใจ

“ที่แท้ก็พวกเดียวกัน พวกท่านทำให้ม้าของข้าตกใจจนเป็นแบบนี้”

ฉางเจียอีกล่าวโทษคนทันที โม่หนิงหลงที่นั่งอยู่ข้างหลังนางถึงกับส่ายหน้า เขาขยับตัวเล็กน้อยจากนั้นก็เหวี่ยงตัวเองลงจากหลังม้า เขายืนบนพื้นอย่างมั่นคงก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองนางกล่าวเสียงเย็น

“เป็นเจ้าที่ขี่ม้าไม่เป็นยังจะมากล่าวโทษผู้อื่น ตนเองผิดแท้ ๆ ยังคิดโยนความผิดให้คนอื่นอีก เห็นได้ชัดว่าคนเช่นเจ้าช่างไร้สมอง”

ฉางเจียอีถึงกับพูดไม่ออก เมื่อสักครู่นางยังรู้สึกใจเต้นกับเขาอยู่เลย บัดนี้คนผู้นี้กลับเป็นหนึ่งในตัวต้นเหตุที่ทำให้นางเกือบตายและเขาก็ยังเป็นผู้ที่ช่วยชีวิต

แต่หากไม่ใช่เพราะเขานางก็ไม่ต้องตกอยู่ในสถานการณ์นี้ นางคิดว่าการที่เขาช่วยนางเอาไว้ย่อมนับว่าเหมาะสมแล้วไม่นับเป็นบุญคุณอันใด

“เจ้าเพิ่งขี่ม้าเป็นไม่ควรเที่ยวขี่ม้าไปทั่วเช่นนี้ เส้นทางมายังวัดไป๋หลางผู้คนพลุกพล่านและใช้ม้าและรถม้าเป็นจำนวนไม่น้อย หากเจ้าบังคับม้าไม่ได้ก็อย่ามาเที่ยวเกะกะทำให้ผู้อื่นได้รับความเดือดร้อน”

ฉางเจียอีจ้องเขาเขม็งจู่ ๆ ก็ถูกตำหนิและถูกต่อว่าทั้ง ๆ ที่พวกเขาเป็นตัวต้นเหตุแท้ ๆ ก็ทำให้นางมีโทสะ

ดวงตาคมยังจ้องนางอย่างคาดโทษ บุรุษผู้นี้ใบหน้าคมคายหล่อเหลาสะดุดตา ผิวขาวเนียนละเอียด ร่างกายสูงโปร่งสง่างาม สวมอาภรณ์สีน้ำเงินเข้มยังสวมกวานสีเงินบ่งบอกว่าเป็นคนชนชั้นสูง

ถึงจะหล่อเหลาสูงส่งแล้วอย่างไร ทำผิดอย่างไรก็ต้องรับผิดชอบ

ฉางเจียอีลงจากหลังม้า ครานี้เสิ่นเสียนตามมาทันแล้วเสิ่นเสียนย่อมตระหนกเมื่อเห็นคุณหนูของตนกำลังยืนเผชิญหน้ากับคุณชายผู้หล่อเหลาผู้หนึ่งทั้งยังทำท่าจะกัดกินคนผู้นั้น

“ข้าขี่ม้ามาดี ๆ เป็นเพราะพวกท่านทำให้ม้าของข้าตื่นตระหนก มองอย่างไรก็เป็นพวกท่านที่ผิด”

โม่หนิงหลงจ้องใบหน้างามของนางแล้วส่ายหน้า เขาไม่คิดจะโต้เถียงกับสตรีที่ดื้อรั้นไม่ยอมรับผิดคนนี้แล้ว

คงอย่างที่เขาเคยได้ยินมาว่าสตรีที่งดงามมักจะไม่มีสมองนั้น นางผู้นี้เห็นจะเป็นเช่นนี้

เขาหันหลังและคิดจะเดินหนี แต่ฉางเจียอีกลับไม่ยินยอม

“ทำผิดแล้วคิดจะหนีหรือ ท่านต้องขอโทษข้าด้วย”

“ทำคุณบูชาโทษข้าน่าจะปล่อยให้เจ้าตกม้าตายไปเสีย ไม่เห็นบุญคุณก็ช่าง แต่ยังมากล่าวหาคนอื่นเช่นนี้ที่บ้านแม่นางสั่งสอนมาเช่นไร”

“นี่ท่าน”

ฉางเจียอีหัวคิ้วขมวดดวงหน้างามแดงก่ำ โกรธจนอยากกระทืบเท้า นางรีบลงจากหลังม้าคิดจะขวางเขาเอาไว้ไม่ให้หนีแล้วต่อเขาอีกสักหลายคำ ทว่าเสิ่นเสียนเข้ามาขวางหน้านางเอาไว้แล้วเอ่ยอย่างร้อนรน

“คุณหนู เพราะม้าตื่นทำให้มีคนเจ็บไม่น้อยให้ทำอย่างไรเจ้าคะ”

ฉางเจียอีจ้องเขาราวกับจะกินคน

“เห็นหรือไม่ว่าเพราะท่านจึงทำให้เกิดเรื่องเช่นนี้”

เขายกมุมปากน้อย ๆ

“ทักษะการขี่ม้าของเจ้าไม่ได้เรื่องจึงทำให้คนบาดเจ็บ ผู้ใดทำความผิดก็ต้องรับผิดชอบด้วยตนเองจะมาโยนความผิดให้คนอื่นไม่ได้”

“หากพวกท่านไม่ขี่ม้าไม่ดูตาม้าตาเรือจนเบียดม้าข้าจะเกิดเรื่องเช่นนี้หรือ”

“ข้าขี่มาตามถนนและม้าของผู้อื่นก็หลบหลีกได้เป็นอย่างดี สตรีไร้สมองไร้ฝีมือเช่นเจ้าคงคิดไม่ได้กระมังว่าสมควรจะหลบอย่างไร”

เขากล่าวจบก็กระโดดขึ้นบนหลังม้าของตนเองแล้วจากไปทันใดโดยไม่แม้กระทั่งจะชายตาแลนางอีก

ฉางเจียอีได้แต่ก่นด่าเขาตามหลังด้วยโทสะ

“หน้าตาดีเสียเปล่าแต่กลับเป็นคนเช่นนี้ เพ้ย! กล้าว่าข้าไร้สมองหรือ คนบ้า ข้าขอสาปแช่งท่านให้ได้แต่งงานกับสตรีพิการตาบอด หรือไม่ก็ง่อยเปลี้ยเสียขาทุกข์ทรมานไปตลอดชีวิต คนบ้า!”

หลังจากคนพวกนั้นจากไปแล้ว ฉางเจียอียิ่งโมโหหนักขึ้นเมื่อตนเองต้องเสียเงินทองไปไม่น้อยเพื่อจ่ายค่าทำขวัญชาวบ้านที่ตื่นตกใจเพราะนาง

ด้วยฐานะบุตรสาวของพ่อค้าเสิ่นผู้ร่ำรวยและมีกิจการมากมายที่สุดในลั่วหยาง เงินทองของนางมีมากมายล้นฟ้าย่อมไม่คิดเสียดาย เพียงแต่นางเจ็บใจที่ต้องมาสูญเสียเงินให้กับเรื่องไร้สาระอันเกิดจากการกระทำของคนกลุ่มนั้นที่เป็นตัวต้นเรื่อง

คอยดูเถิดหากนางได้พบเขาอีกครั้ง นางไม่มีวันปล่อยเขาไปอย่างแน่นอน

อ่านต่อ

หนังสืออื่นๆ ของ ซีไซต์

ข้อมูลเพิ่มเติม
ท่านแม่ทัพข้าคือศรีภรรยา NC25+

ท่านแม่ทัพข้าคือศรีภรรยา NC25+

โรแมนติก

5.0

องค์หญิงสิบสามนามหลินฮุ่ยหมินสตรีผู้ที่งดงามโดดเด่นไม่เป็นรองผู้ใดแต่กลับมีฐานะต่ำต้อยในวังหลวงด้วยพระมารดาเสียชีวิตตั้งแต่นางยังเด็ก ท่ามกลางความคับแค้นใจนางยังต้องคำสาปร้ายต้องกลายร่างเป็นสัตว์ทุกคืนวันพระจันทร์เต็มดวง เขาคือ หยางเอ้อหลาง แม่ทัพหนุ่มผู้มีความสามารถรูปโฉมสง่างามและเป็นวีรบุรุษคนสุดท้ายของสกุลหยาง ทั้งยังเป็นที่รักเคารพของชาวเมือง ทว่าด้วยความสามารถและตำแหน่งใหญ่โต ฮ่องเต้มิอาจวางใจจึงได้คิดกำจัดเขาให้พ้นตำแหน่งเสีย โดยมอบสมรสพระราชทานให้หยางเอ้อหลางกับพระธิดาของตน เดิมทีชีวิตของคนสองคนย่อมไม่บรรจบ เมื่อสตรีที่หมายหมั้นกับหยางเอ้อหลางคือองค์หญิงใหญ่ที่ปักใจรักเขาตั้งแต่เยาว์วัย ทว่าเรื่องไม่เป็นเช่นนั้น เมื่อคนทั้งคู่เกิดอุบัติเหตุจนคนเข้าพิธีสมรสกลายเป็นองค์หญิงสิบสาม ท่ามกลางความหวาดกลัวขององค์หญิงสิบสามที่กลัวความลับจะเปิดเผย ท่ามกลางหยางเอ้อหลางที่พยายามพาสกุลหยางให้รอดพ้น ท่ามกลางการแตกหักของความสัมพันธ์พี่น้องที่แสนรักใคร่ระหว่างองค์หญิงใหญ่และองค์หญิงสิบสามเพราะบุรุษเพียงผู้เดียว หลินฮุ่ยหมินจะทำเช่นใด เพื่อจะยุติเรื่องราวน่าเวียนหัวนี้

ข้าอยู่บน ท่านอ๋องอยู่ล่าง

ข้าอยู่บน ท่านอ๋องอยู่ล่าง

โรแมนติก

5.0

เซียวหนานอยู่ในระดับต่ำสุดขององค์กรลับที่แผ่ขยายสายข่าวไปทุกแว่นแคว้น นางเป็นเด็กกำพร้าไร้บิดามารดาที่ถูกเก็บมาให้เป็น นกกระจอกสืบข่าว เรียกได้ว่าเป็นชนชั้นที่วรยุทธ์ต่ำต้อยและต้องทำงานเอาตัวเข้าแลกเพื่อหาข่าวให้กับเบื้องบน ดังนั้นนกกระจอกเช่นนางจึงมีมากมายแทรกซึมเข้าไปในจวนขุนนางต่าง ๆ โดยที่ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ สิ่งที่นางฝึกฝนมาตลอดหลายปีมานี้ก็คือการเอาใจบุรุษ บำรุงร่างกาย ฝึกฝนศาสตร์ทั้งห้าให้เชี่ยวชาญ และฝึกวิชาเสพสังวาสให้บุรุษติดใจ แม้ว่าจะไม่เคยทำกับบุรุษจริง ๆ แต่ขนาดของแท่งหยกของบุรุษนางล้วนได้สัมผัสมาแล้วจากแท่งหยกของเทียมและแท่งหยกบุรุษของจริงที่นางไม่เคยเห็นหน้าว่าคนพวกนั้นคือผู้ใด เพราะพวกนางต้องมอบกายให้กับเหยื่อคนแรกที่นับว่าส่วนใหญ่จะเป็นชนชั้นสูง ดังนั้นจึงไม่อาจร่วมประเวณีกับบุรุษอื่นก่อนที่จะได้รับมอบเหยื่อจากนายใหญ่

หนังสือที่คุณอาจชอบ

รักนี้ไม่ยอมหย่า

รักนี้ไม่ยอมหย่า

Gabbie Viana
5.0

ทุกคนคิดว่าวิลเลียมไม่ได้แต่งงานกับรีนีด้วยความเต็มใจ โดยคิดว่าเมื่อรักแท้ของเขากลับมาและตั้งครรภ์ เขาจะทิ้งรีนีโดยไม่ลังเล น่าแปลกที่รีนีพูดตรงไปตรงมาเกี่ยวกับสถานการณ์นี้ "พูดตรงๆ นะ ฉันเป็นคนที่ขอหย่าทุกวัน ฉันรีบร้อนจะหย่ามากกว่าพวกคุณทุกคน" แต่สำหรับคนอื่น คำพูดของเธอดูเหมือนเป็นความพยายามที่ไร้ประโยชน์ในการหลอกลวงตัวเอง จนกระทั่งวันหนึ่ง วิลเลียมออกแถลงการณ์ "ไม่มีทางหย่า ใครก็ตามที่ปล่อยข่าวลือที่ไม่มีมูลความจริงจะต้องเผชิญกับผลทางกฎหมาย" รีนีสับสน คนบ้าคนนี้กำลังวางแผนจะทำอะไรกันแน่

หลินซือเยว่ผู้นี้ มีสามชะตาในคราเดียว

หลินซือเยว่ผู้นี้ มีสามชะตาในคราเดียว

มาชาวีร์
5.0

หลังผ่าตัดนักพรตเฒ่าผู้หนึ่งนั้น นางวูบหมดสติและเสียชีวิตลงไป ลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที ก็อยู่ในร่างของคุณหนูปัญญาอ่อนที่มีชื่อเดียวกันผู้นี้เสียแล้วทั้งยังจำอดีตชาติยามเป็นปรมาจารย์เต๋าได้อีกด้วย +++ 1 : ไล่ออกจากอารามไท่ผิงกวน แคว้นจิ้น ราชวงศ์เซวียน อารามไท่ผิงกวน “ไป ๆ อาจารย์ขับไล่พวกท่านออกจากอารามแล้ว อย่าได้มาเหยียบที่นี่อีก” “ศิษย์พี่รองรีบปิดประตูเร็วเข้า !” ตุบ ! ห่อผ้าสองห่อถูกโยนออกมาจากประตูอาราม ปัง ! ตามด้วยเสียงปิดประตูลงสลักอย่างหนาแน่น สตรีนางหนึ่งยืนตัวตรงเป็นสง่า เสื้อผ้ากับเส้นผมของนางปลิวไสวดั่งไผ่ลู่ลม หลินซือเยว่เงยหน้าขึ้นมองป้ายชื่ออารามไท่ผิงกวนด้วยสายตาเลื่อนลอย อาศัยอยู่ที่นี่มานานเท่าใดแล้วนะ บางครั้งนางเองก็ลืมเลือนวันเวลาไปเหมือนกัน “คุณหนูเจ้าคะ ศิษย์น้องทั้งสองของท่านทำเกินไปแล้วนะเจ้าคะ เหตุใดถึงไล่พวกเราสองคนออกจากอารามได้เล่า” เผิงฉือกระทืบเท้าเบา ๆ ตรงไปฉวยห่อผ้าทั้งสองบนพื้น ขึ้นมาคล้องแขนตัวเองไว้ “หากไม่ได้รับคำสั่งจากอาจารย์ ศิษย์น้องทั้งสองคงไม่กล้าขับไล่ข้าออกจากอารามหรอก” น้ำเสียงของนางสงบนิ่งฟังแล้วสบายหูยิ่งนัก หาได้มีความโกรธเกลียดแต่อย่างใด “นั่นรถม้า” นิ้วเรียวสวยชี้ไปยังรถม้าคันที่มีคนนั่งเฝ้าอยู่ “ป้าเผิงไปถามดูว่าใช่รถม้าของเราหรือไม่” เผิงฉือไม่รอช้ารีบตรงไปหาคนเฝ้ารถม้าที่อยู่ใต้ต้นไผ่ในทันที ไม่ช้านางก็กลับมาพร้อมกับรอยยิ้มนิด ๆ “เป็นรถม้าของเราจริง ๆ เจ้าคะคุณหนู คนขับบอกว่าเป็นคนของตระกูลหลินเจ้าค่ะ ได้รับคำสั่งจากท่านพ่อของคุณหนู ให้มารับคุณหนูกลับตระกูลหลินเพื่อไปแต่งงานเจ้าค่ะ” “กลับไปแต่งงานนี่เอง” นางเอ่ยเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่ หันหลังกลับไปทางประตูอาราม ประสานมือค้อมตัวคำนับลาอาจารย์ เผิงฉือเห็นเช่นนั้นก็อดที่จะคำนับตามนางไม่ได้ ภายในอารามไท่ผิงกวน “อาจารย์เหตุใดถึงไม่บอกลากับศิษย์พี่ใหญ่ไปตรง ๆ ล่ะ ทำเช่นนี้นางไม่โกรธท่านไปจนวันตายเลยรึ” เหอกุ้ยแม้มีอายุยี่สิบแปดปีแล้ว ทว่าเขากราบเป็นศิษย์เจ้าอาวาสชุนหวังเหล่ยหลังสตรีผู้นั้น จึงได้เป็นเพียงแค่ศิษย์พี่รองเท่านั้น “นั่นสิอาจารย์ ศิษย์พี่ใหญ่นางไม่เคยออกจากอารามไปไหนไกล ท่านทำเช่นนี้ไม่ใช่ขับไล่นางไปสู่ความตายหรอกรึ” จางเจียเฟิ่งเห็นด้วยกับศิษย์พี่รองของเขา “ให้มันน้อย ๆ หน่อยเจ้าศิษย์โง่ทั้งสอง พวกเจ้าคิดว่าอารามไท่ผิงกวนแห่งนี้ สามารถอยู่รอดมาได้เพราะใครกัน หากไม่ใช่เพราะฝีมือของศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้า เห็นนางเงียบ ๆ แบบนั้น ความคิดนางกว้างไกลยิ่งนัก อาจารย์อย่างข้ายังเทียบนางไม่ติดด้วยซ้ำไป” เจ้าอาวาสชุนปีนี้อายุอานามปาเข้าไปหกสิบห้าปีแล้ว ทว่าร่างกายยังแข็งแรง อารามเต๋าแห่งนี้มีวิถีแบบไม่เคร่งครัด ใช้ชีวิตเยี่ยงฆราวาสผู้หนึ่ง สามารถแต่งงานมีครอบครัวได้ “อาจารย์นางอยู่ในอารามวาดยันต์กันภัยให้ชาวบ้านที่มากราบไหว้ ตั้งโต๊ะรักษาโรคภัยให้ผู้คนในตัวอำเภอฝู แต่หนนี้นางต้องกลับบ้านไปเพื่อแต่งงาน นางบริสุทธิ์ถึงเพียงนั้นมิถูกสามีจับกลืนกินจนไม่เหลือกระดูกหรอกรึ” เหอกุ้ยนึกภาพเทพเซียนผู้สูงส่งอย่างหลินซือเยว่ หากต้องร่วมเตียงกับบุรุษหยาบกระด้าง เพียงเท่านั้นเขาก็ทำใจไม่ได้จริง ๆ แทบอยากจะไปแย่งตัวศิษย์พี่ใหญ่ของตัวเองกลับคืนมา “เลิกคร่ำครวญได้แล้ว กลับไปกวาดลานอารามกับตรวจดูน้ำมันตะเกียงให้เรียบร้อย ศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้าไม่อยู่ เจ้าทั้งสองต้องรีบร่ำเรียนศึกษาหาความรู้ อารามไท่ผิงกวนจะได้เจริญรุ่งเรืองในภายภาคหน้าต่อไปได้” เจ้าอาวาสชุนทำเสียงดังใส่ลูกศิษย์ทั้งสอง “ไป ๆ ข้าจะสวดมนต์” โบกมือไล่ทั้งคู่ให้ออกจากห้องสวดมนต์ไป เจ้าอาวาสชุนรีบลุกไปปิดประตูลั่นกลอน ท่าทางลุกลี้ลุกลนจนผิดปกติ ย่องเบา ๆ ไปที่ใต้เตียงนอน ดึงหีบไม้เก่าเก็บออกมา ครั้นกดสลักเปิดออก ก็พบตั๋วเงินจำนวนสามพันตำลึงอยู่ในนั้น ตระกูลหลินที่ไม่ได้บริจาคน้ำมันตะเกียงมาหลายปี จู่ ๆ ก็ส่งตั๋วเงินมาให้ พร้อมกับขอรับคนกลับไปเพื่อแต่งงาน ช่วงนี้ชาวบ้านมาทำบุญที่อารามน้อยลง หลินซือเยว่ก็ไม่รู้ว่าเกิดอันใดขึ้นกับนาง ถึงไม่ยอมลงจากอารามไปรักษาผู้คน รายได้เลยหายหดแทบจ่ายอาหารการกิน(สุรานารี)ไม่พอ ตั๋วเงินสามพันตำลึงนี่มาได้ทันเวลาพอดี ! แครก ๆ ๆ ๆ เสียงกวาดลานหน้าอารามดังขึ้นพร้อมกับเสียงบ่นของเหอกุ้ย “ข้ารู้ว่านางเก่งเอาตัวรอดได้ ข้าเพียงไม่อยากให้นางไปก็เท่านั้น” “ศิษย์พี่รองท่านอย่าได้เสียใจไปเลย ไม่ใช่ว่ามีแต่นางที่ต้องแต่งงานมีครอบครัว ท่านเองก็เถอะที่บ้านส่งคนมารับทุกปีไม่ใช่รึ” จางเจียเฟิ่งรู้ดีว่าตนและเหอกุ้ย ถูกครอบครัวลงโทษด้วยการส่งมาอยู่ยังอารามแห่งนี้ ทว่าเพียงชั่วคราวเท่านั้น “ตัวข้านั้นไม่เป็นไรหรอก เจ้านั่นแหละศิษย์น้องสาม ข้าได้ยินว่าที่บ้านของเจ้า เพิ่งหาคู่หมั้นหมายคนใหม่ให้เจ้าอีกคนแล้วไม่ใช่รึ” สองศิษย์พี่น้องหยุดกวาดลานอาราม แล้วหันหน้าไปมองตากัน จากนั้นพวกเขาก็ถอนหายใจดัง ๆ พร้อมกัน ไม่มีศิษย์พี่ใหญ่อยู่ด้วย นับจากนี้ไปยามทำความผิดใครจะออกหน้าคอยช่วยเหลือ ยามเงินหมดใครจะให้หยิบยืม ยิ่งคิดพวกเขาก็ยิ่งไม่สบายใจเป็นอย่างมาก บนถนนมุ่งหน้าสู่เมืองหลวง รถม้าไม้ธรรมดาไม่เล็กไม่ใหญ่ ไร้ป้ายชื่อตระกูลบอกกล่าว คล้ายไม่อยากให้ผู้อื่นล่วงรู้ว่าคนที่นั่งอยู่ด้านในเป็นใคร เผิงฉือพยายามหลอกถามคนขับรถม้าอยู่หลายหน ถึงสถานการณ์ของตระกูลหลินในยามนี้ นางไม่เคยไปที่นั่นมาก่อนไม่รู้จักใครสักคน คนขับรถม้าตอบว่า เขามีหน้าที่มารับคุณหนูรองกลับบ้านเท่านั้น เรื่องอื่นนั้นเขาไม่รู้จริง ๆ “ได้ถามหรือไม่ ใช้เวลากี่วันในการเดินทาง” หลินซือเยว่เอ่ยเสียงเนิบ ๆ “ถามแล้วเจ้าค่ะ เขาบอกว่าราว ๆ สิบวันก็ถึงเมืองหลวงแล้ว” “สิบวันเชียวรึ” หลินซือเยว่มองห่อผ้าที่วางอยู่ด้านข้าง มีเพียงของใช้จำเป็นของนางไม่กี่ชิ้น พร้อมกับก้อนเงินจำนวนห้าสิบตำลึง “คงต้องแวะซื้อของในอำเภอฝูเสียก่อน” เผิงฉือรีบเปิดม่านบอกกับคนขับรถม้า แต่เขากลับทำเสียงฮึดฮัดคล้ายไม่พอใจ “เสียเวลาเดินทางเปล่า ๆ” น้ำเสียงเขากระด้างกระเดื่อง

รอยรักรอยร้าว

รอยรักรอยร้าว

Del Goodman
5.0

เซียวหลิ่นตาบอดจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ ลูกสาวคนรวยทุกคนต่างหลีกเลี่ยงเขา มีแต่สวี่โยวหรานยอมแต่งงานกับเขาโดยไม่ลังเล สามปีต่อมา เซียวหลิ่นกลับมามองเห็นได้อีกครั้ง จากนั้รเขา็ยื่นข้อตกลงการหย่าเพื่อยุติการแต่งงานนี้ เขากล่าวอย่างเย็นชาว่า "ฉันพลาดกับชิงชิงมานนานมากพอแล้ว ฉันไม่อยากให้เธอต้องรอนานกว่านี้!" สวี่โยวหรานลงนามในข้อตกลงการหย่าโดยไม่ลังเล ทุกคนต่างก็หัวเราะเยาะเธอตลอด - หัวเราะเยาะว่าที่เธอแต่งเข้าตระกูลเซียวถือว่าเกาะผู้มีอิทธิพลเข้า จากนั้นก็มาหัวเราะเยาะเธอที่ถูกทอดทิ้ง เป็นหญิงที่ไร้ค่า แต่ทุกคนกลับไม่รู้ว่า เธอคือหมออัศจรรย์ที่รักษาดวงตาของเซียวหลิ่นให้หายดี เป็นผู้ออกแบบเครื่องประดับมูลค่าหลักร้อยล้าน ผู้เป็นมือหนึ่งแห่งหุ้นที่ครองตลาดหุ้น และแม้แต่แฮกเกอร์ระดับแนวหน้าและลูกสาวแท้ๆ ของผู้มีอิทธิพล อดีตสามีมาขอร้องขอคืนดี ซีอีโอผู้เผด็จการก็โยนเซียวหลิ่นออกไปนอกประตูอย่างเย็นชา "ดูดีๆ นี่ภรรยาของผม"

คุณท่าน คุณนายมาหาอีกแล้ว

คุณท่าน คุณนายมาหาอีกแล้ว

Thacher
5.0

ในวันครบรอบแต่งงาน เหวินซือถูกเมียน้อยของสามีวางยาและไปมีอะไรกับคนแปลกหน้า เธอสูญเสียความบริสุทธิ์ไป แต่เมียน้อยคนนั้นกลับตั้งท้องลูกของสามี ภายใต้ความกดดันต่างๆ เหวินซื่อสูญรู้สึกสิ้นหวังและตัดสินใจหย่า แต่สามีของเธอกลับไม่แยแสโดยคิดว่าเธอกำลังเล่นลูกไม้อยู่ หลังจากการหย่ากัน เหวินซือกลายเป็นจิตรกรที่มีชื่อเสียงและมีผู้ชายนับไม่ถ้วนที่ตามจีบเธอ อดีตสามีไม่ยอมและขอคืนดีไปถึงที่ จากนั้นก็ว่า เธออยู่ในอ้อมแขนของคนใหญคนโตคนหนึ่ง และชายคนนั้นก็พูดอย่างสงบว่า "ดูให้ดี นี่คือพี่สะใภ้ของนาย"

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ
ยอดดวงใจซื่อจื่อ
1

บทที่ 1 พบกัน

19/02/2024

2

บทที่ 2 คนขี้นินทา

19/02/2024

3

บทที่ 3 ข้าไม่ปล่อยเจ้าแน่

19/02/2024

4

บทที่ 4 เลิกแล้วต่อกันได้หรือไม่

19/02/2024

5

บทที่ 5 แต่งงานกับผู้มีพระคุณ

19/02/2024

6

บทที่ 6 พี่สาวที่น่าสงสาร

19/02/2024

7

บทที่ 7 ข้าจะแต่งเอง

19/02/2024

8

บทที่ 8 ขัดจังหวะ

19/02/2024

9

บทที่ 9 รู้ทัน

19/02/2024

10

บทที่ 10 บีบบังคับ

19/02/2024

11

บทที่ 11 กลับบ้านเดิม

19/02/2024

12

บทที่ 12 เข้าหอ NC

19/02/2024

13

บทที่ 13 เก่งเกินไปแล้ว NC

19/02/2024

14

บทที่ 14 แผนของมารดา

19/02/2024

15

บทที่ 15 ท่านย่าผู้รู้ทัน

19/02/2024

16

บทที่ 16 หวานนัก NC

19/02/2024

17

บทที่ 17 ลงโทษ

19/02/2024

18

บทที่ 18 บังเอิญได้ยิน

19/02/2024

19

บทที่ 19 เผยความในใจ

19/02/2024

20

บทที่ 20 เพลิงไหม้และการหายตัวไปของคน

19/02/2024

21

บทที่ 21 ข้อแลกเปลี่ยน

19/02/2024

22

บทที่ 22 ผู้อยู่เบื้องหลัง

19/02/2024

23

บทที่ 23 ตามแผน

19/02/2024

24

บทที่ 24 จุดจบ

19/02/2024

25

บทที่ 25 ครอบครัวอบอุ่น ตอนจบ

19/02/2024