ยอดดวงใจซื่อจื่อ

ยอดดวงใจซื่อจื่อ

ซีไซต์

5.0
ความคิดเห็น
5.9K
ชม
25
บท

ฉางเจียอีได้พบกับบุรุษปากร้ายจอมนินทาผู้หนึ่งซึ่งทำให้นางกับเขามีเรื่องราวจนถึงกับลั่นวาจาว่าชาตินี้จะไม่เผาผีกันอีก แต่ชะตาชีวิตกลับเล่นตลกเมื่อนางต้องเข้าไปพัวพันกับเขาเพราะต้องการช่วยพี่ใหญ่ของตนเองให้รอดพ้นจากความทุกข์อันแสนสาหัส ชีวิตนี้ของนางมิใช่ต้องการสิ่งใดมาก นอกจากการใช้ชีวิตอันหรูหราในบ้านของตนเองไปจนตาย ทว่าสวรรค์กลับไม่เมตตานางเพียงนั้นเมื่อทุกอย่างผิดเพี้ยนจากความตั้งใจเพราะมีคนผู้นั้นเข้ามาเกี่ยวพันในชีวิต ให้ตายเถิดเรื่องไม่ได้ง่ายอย่างที่นางคิดเอาไว้เลยแม้แต่น้อย หมายเหตุ นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายสุขนิยม ปมไม่ซับซ้อนจบสวยงามนะคะ กราบขอบพระคุณทุกท่านมากค่ะ

บทที่ 1 พบกัน

“เร็วเข้าเดี๋ยวใครมาเห็นเข้า”

ฉางเจียอีกำลังเร่งให้เสิ่นเสียนบ่าวรับใช้ของตนเองให้คลายเชือกของม้าที่ผูกเข้ากับต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งที่หน้าวัดไป๋หลาง

วันนี้พ่อค้าใหญ่ฉางหลีบิดาของนางพาครอบครัวมาไหว้พระที่วัดไป๋หลางที่ผู้คนในลั่วหยางให้ความศรัทธาอย่างที่สุดเพื่อเป็นสิริมงคลในวันขึ้นปีใหม่

ฉางเจียอีเพิ่งฝึกขี่ม้าได้ไม่นานจึงบังเกิดความฮึกเหิมเพราะก่อนหน้านี้นางเพียงแต่ได้ขี่ม้าวนอยู่ในสนามฝึกขี่ม้าในจวนเท่านั้น บัดนี้เมื่อได้โอกาสออกมาข้างนอกทั้งด้านหลังวัดไป๋หลางยังเป็นทุ่งกว้างเหมาะอย่างยิ่งที่นางจะได้ลองฝีมือ

บ่าวบุรุษที่เฝ้าม้าบัดนี้มีสีหน้าไม่สู้ดี เขามิได้ช่วยฉางเจียอีเพียงแต่ยืนมองเฉย ๆ เกรงว่าหากลงมือช่วยเหลือจะเป็นการสมรู้ร่วมคิดและทำให้ตนเองมีความผิดจนถูกนายท่านลงโทษ

“คุณหนูอันตรายนะขอรับ”

“ข้าขี่ม้าเป็นแล้วจะอันตรายได้อย่างไร”

ฉางเจียอีถลึงตาใส่บ่าวผู้นั้นเมื่อเห็นว่าสีหน้าของเขาซีดเซียวไม่สู้ดีจึงเอ่ยว่า

“ไม่ต้องห่วงข้าจะพามันกลับมาให้เจ้าก่อนที่ท่านพ่อกับท่านแม่จะกลับจวน ไม่เกิดเรื่องกับเจ้าแน่นอนหรือหากเกิดเรื่องข้าก็จะออกหน้ารับแทนเจ้าเอง”

วันนี้บิดาของนางได้เข้าพบกับท่านเจ้าอาวาสแล้วปกติจะใช้เวลาไม่ต่ำกว่าครึ่งวันเพื่อสนทนาธรรม จากนั้นครอบครัวจะรับประทานอาหารเจที่วัดแล้วค่อยกลับจวน

ฉางเจียอีคิดว่าตนเองมีเวลามากพอที่จะไปขี่ม้าอย่างสบายอารมณ์และย่อมกลับมาทันเวลารับประทานอาหารอย่างแน่นอน

สาวใช้ของนางเสิ่นเสียนขี่ม้าได้คล่องกว่าฉางเจียอีนั่นเป็นเพราะบิดาของเสิ่นเสียนมีหน้าที่ดูแลม้าในของสกุลฉาง นางจึงได้ฝึกฝนมาไม่น้อย

ยามนี้สองนายบ่าวขี่ม้าเคียงกันตามเส้นทางเล็ก ๆ ระหว่างทางก็พบชาวบ้านจำนวนไม่น้อยทั้งเดินเท้าและนั่งรถม้า บ้างก็ขี่ม้ามาเพื่อไหว้พระในวันขึ้นปีใหม่

จุดหมายก็คือทุ่งกว้างหลังวัดไป๋หลางพวกเขาเพียงแต่ไปให้ถึงทางแยกข้างหน้าแล้วเลี้ยวซ้ายก็จะไร้ผู้คนแล้ว

เพราะคนเริ่มมากขึ้นเสิ่นเสียนจึงหันไปบอกกับฉางเจียอีให้ระวังตัว

“ระวังนะคะคุณหนู คนเยอะมากอย่าให้ม้าตื่นตระหนก”

“ไม่เป็นไร ข้าควบคุมได้”

กล่าวยังไม่ทันขาดคำ เบื้องหน้าก็พบคนกลุ่มหนึ่งกำลังฮ้อม้าตรงมาด้วยความรวดเร็ว ฉางเจียอีคิดจะให้ม้าของตนเองหลบไปข้างทางแต่แล้วกลุ่มม้าของคนพวกนั้นกลับเบียดม้าของนางจนตื่นตระหนก

ม้าตัวใหญ่ยกสองเท้าขึ้นร้องฮี้ ฉางเจียอีเกือบจะตกลงจากหลังม้าแล้วดีที่นางทรงตัวเอาไว้ได้ทัน ทว่าหลังจากนั้นมันกลับพุ่งตัวไปข้างหน้าด้วยความเร็วจนนางตกใจ

มีชาวบ้านกลุ่มหนึ่งหลบไม่ทันทำให้บางคนถึงกับล้มลงไปโชคดีที่ม้าไม่ได้เหยียบจึงได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย

ฉางเจียอีตกใจยิ่งนัก เพราะม้ากำลังวิ่งด้วยความเร็วที่นางไม่อาจควบคุม นางกรีดร้องอยู่บนหลังม้าไม่ได้ยินเสียงอันใดนอกจากเสียงของลมหวีดหวิวอยู่ข้างหู

ฉางเจียอีคิดหาวิธีหยุดม้าทว่าสมองกลับขาวโพลนคิดสิ่งใดไม่ออก

แต่แล้วบุรุษผู้หนึ่งก็ขี่ม้ามาประชิดข้างม้าของนาง ฉางเจียอีมองเขาแวบหนึ่งคนผู้นั้นก็กระโดดมานั่งบนหลังม้าตัวเดียวกันกับนางแล้ว

แผ่นหลังของนางพลันอุ่นขึ้นมาเมื่อเขากำลังโอบรอบร่างของนางแล้วจังมือที่กำบังเหียนของนางเอาไว้

เขาร้อง ย๊า ออกมาคำหนึ่ง เริ่มบังคับม้าของนางด้วยความเชี่ยวชาญ เพียงไม่นานฝีเท้าของม้าก็ลดลงจนกระทั่งเปลี่ยนเป็นวิ่งเหยาะๆ ในที่สุด

ฉางเจียอีพ่นลมหายใจยาวเมื่อสักครู่นางรู้สึกว่าตนเองกำลังวิ่งเข้าสู่ความตายด้วยความเร็วที่ไม่เคยได้สัมผัสมาก่อนในชีวิตภาพต่าง ๆ ในอดีตผุดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เขาว่ากันว่าคนเราก่อนจะตายมักจะเห็นภาพในอดีตนางในตอนนั้นก็เห็นเป็นเช่นนั้นเช่นกัน

โชคดีที่มีคนมาช่วยเอาไว้ได้ทัน

“ขอบคุณคุณชายที่ช่วยเหลือข้า”

เขาไม่ตอบรับคำขอบคุณของนาง กลับเงียบขรึมจนฉางเจียอีประหลาดใจเขาบังคับให้ม้าหยุดเดินพร้อมกับยื่นมือทั้งโน้มตัวมาลูบแผงคอของม้าพร้อมกับกล่าวว่า

“เด็กดี”

แน่นอนว่าการกระทำนี้ของเขาทำให้นางต้องโน้มตัวตามและถูกเขารัดรึงเข้าไปในอ้อมกอด กลิ่นหอมสะอาดของเขาทำให้ฉางเจียอีรู้สึกหัวใจเต้นระรัว ช่วงหน้าอกของเขานี้ก็ช่างแข็งและกว้างให้ความรู้สึกปลอดภัยได้อย่างน่าประหลาด

นางไม่เคยใกล้ชิดบุรุษใดมาก่อน ความช่วยเหลือของเขานางย่อมซาบซึ้งใจยิ่งนัก

แล้วบุรุษผู้หนึ่งก็ขี่ม้าตามมาในมือของเขาจูงสายบังคับม้าอีกตัวที่บนหลังไม่มีคนขี่ตามมาด้วย

“ซื่อจื่อเป็นอันใดหรือไม่ขอรับ”

คนผู้นั้นส่ายหน้าตอบน้ำเสียงราบเรียบชัดเจน

“ไม่”

บุรุษร่างสูงที่อยู่ข้างหลังนางเอ่ยหนัก ๆ ฉางเจียอีเห็นหน้าคนผู้มาใหม่ชัดเจนก็จำได้ว่าเขาคือกลุ่มคนนั้นที่เบียดม้าของนางจนทำให้ม้าตกใจ

“ที่แท้ก็พวกเดียวกัน พวกท่านทำให้ม้าของข้าตกใจจนเป็นแบบนี้”

ฉางเจียอีกล่าวโทษคนทันที โม่หนิงหลงที่นั่งอยู่ข้างหลังนางถึงกับส่ายหน้า เขาขยับตัวเล็กน้อยจากนั้นก็เหวี่ยงตัวเองลงจากหลังม้า เขายืนบนพื้นอย่างมั่นคงก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองนางกล่าวเสียงเย็น

“เป็นเจ้าที่ขี่ม้าไม่เป็นยังจะมากล่าวโทษผู้อื่น ตนเองผิดแท้ ๆ ยังคิดโยนความผิดให้คนอื่นอีก เห็นได้ชัดว่าคนเช่นเจ้าช่างไร้สมอง”

ฉางเจียอีถึงกับพูดไม่ออก เมื่อสักครู่นางยังรู้สึกใจเต้นกับเขาอยู่เลย บัดนี้คนผู้นี้กลับเป็นหนึ่งในตัวต้นเหตุที่ทำให้นางเกือบตายและเขาก็ยังเป็นผู้ที่ช่วยชีวิต

แต่หากไม่ใช่เพราะเขานางก็ไม่ต้องตกอยู่ในสถานการณ์นี้ นางคิดว่าการที่เขาช่วยนางเอาไว้ย่อมนับว่าเหมาะสมแล้วไม่นับเป็นบุญคุณอันใด

“เจ้าเพิ่งขี่ม้าเป็นไม่ควรเที่ยวขี่ม้าไปทั่วเช่นนี้ เส้นทางมายังวัดไป๋หลางผู้คนพลุกพล่านและใช้ม้าและรถม้าเป็นจำนวนไม่น้อย หากเจ้าบังคับม้าไม่ได้ก็อย่ามาเที่ยวเกะกะทำให้ผู้อื่นได้รับความเดือดร้อน”

ฉางเจียอีจ้องเขาเขม็งจู่ ๆ ก็ถูกตำหนิและถูกต่อว่าทั้ง ๆ ที่พวกเขาเป็นตัวต้นเหตุแท้ ๆ ก็ทำให้นางมีโทสะ

ดวงตาคมยังจ้องนางอย่างคาดโทษ บุรุษผู้นี้ใบหน้าคมคายหล่อเหลาสะดุดตา ผิวขาวเนียนละเอียด ร่างกายสูงโปร่งสง่างาม สวมอาภรณ์สีน้ำเงินเข้มยังสวมกวานสีเงินบ่งบอกว่าเป็นคนชนชั้นสูง

ถึงจะหล่อเหลาสูงส่งแล้วอย่างไร ทำผิดอย่างไรก็ต้องรับผิดชอบ

ฉางเจียอีลงจากหลังม้า ครานี้เสิ่นเสียนตามมาทันแล้วเสิ่นเสียนย่อมตระหนกเมื่อเห็นคุณหนูของตนกำลังยืนเผชิญหน้ากับคุณชายผู้หล่อเหลาผู้หนึ่งทั้งยังทำท่าจะกัดกินคนผู้นั้น

“ข้าขี่ม้ามาดี ๆ เป็นเพราะพวกท่านทำให้ม้าของข้าตื่นตระหนก มองอย่างไรก็เป็นพวกท่านที่ผิด”

โม่หนิงหลงจ้องใบหน้างามของนางแล้วส่ายหน้า เขาไม่คิดจะโต้เถียงกับสตรีที่ดื้อรั้นไม่ยอมรับผิดคนนี้แล้ว

คงอย่างที่เขาเคยได้ยินมาว่าสตรีที่งดงามมักจะไม่มีสมองนั้น นางผู้นี้เห็นจะเป็นเช่นนี้

เขาหันหลังและคิดจะเดินหนี แต่ฉางเจียอีกลับไม่ยินยอม

“ทำผิดแล้วคิดจะหนีหรือ ท่านต้องขอโทษข้าด้วย”

“ทำคุณบูชาโทษข้าน่าจะปล่อยให้เจ้าตกม้าตายไปเสีย ไม่เห็นบุญคุณก็ช่าง แต่ยังมากล่าวหาคนอื่นเช่นนี้ที่บ้านแม่นางสั่งสอนมาเช่นไร”

“นี่ท่าน”

ฉางเจียอีหัวคิ้วขมวดดวงหน้างามแดงก่ำ โกรธจนอยากกระทืบเท้า นางรีบลงจากหลังม้าคิดจะขวางเขาเอาไว้ไม่ให้หนีแล้วต่อเขาอีกสักหลายคำ ทว่าเสิ่นเสียนเข้ามาขวางหน้านางเอาไว้แล้วเอ่ยอย่างร้อนรน

“คุณหนู เพราะม้าตื่นทำให้มีคนเจ็บไม่น้อยให้ทำอย่างไรเจ้าคะ”

ฉางเจียอีจ้องเขาราวกับจะกินคน

“เห็นหรือไม่ว่าเพราะท่านจึงทำให้เกิดเรื่องเช่นนี้”

เขายกมุมปากน้อย ๆ

“ทักษะการขี่ม้าของเจ้าไม่ได้เรื่องจึงทำให้คนบาดเจ็บ ผู้ใดทำความผิดก็ต้องรับผิดชอบด้วยตนเองจะมาโยนความผิดให้คนอื่นไม่ได้”

“หากพวกท่านไม่ขี่ม้าไม่ดูตาม้าตาเรือจนเบียดม้าข้าจะเกิดเรื่องเช่นนี้หรือ”

“ข้าขี่มาตามถนนและม้าของผู้อื่นก็หลบหลีกได้เป็นอย่างดี สตรีไร้สมองไร้ฝีมือเช่นเจ้าคงคิดไม่ได้กระมังว่าสมควรจะหลบอย่างไร”

เขากล่าวจบก็กระโดดขึ้นบนหลังม้าของตนเองแล้วจากไปทันใดโดยไม่แม้กระทั่งจะชายตาแลนางอีก

ฉางเจียอีได้แต่ก่นด่าเขาตามหลังด้วยโทสะ

“หน้าตาดีเสียเปล่าแต่กลับเป็นคนเช่นนี้ เพ้ย! กล้าว่าข้าไร้สมองหรือ คนบ้า ข้าขอสาปแช่งท่านให้ได้แต่งงานกับสตรีพิการตาบอด หรือไม่ก็ง่อยเปลี้ยเสียขาทุกข์ทรมานไปตลอดชีวิต คนบ้า!”

หลังจากคนพวกนั้นจากไปแล้ว ฉางเจียอียิ่งโมโหหนักขึ้นเมื่อตนเองต้องเสียเงินทองไปไม่น้อยเพื่อจ่ายค่าทำขวัญชาวบ้านที่ตื่นตกใจเพราะนาง

ด้วยฐานะบุตรสาวของพ่อค้าเสิ่นผู้ร่ำรวยและมีกิจการมากมายที่สุดในลั่วหยาง เงินทองของนางมีมากมายล้นฟ้าย่อมไม่คิดเสียดาย เพียงแต่นางเจ็บใจที่ต้องมาสูญเสียเงินให้กับเรื่องไร้สาระอันเกิดจากการกระทำของคนกลุ่มนั้นที่เป็นตัวต้นเรื่อง

คอยดูเถิดหากนางได้พบเขาอีกครั้ง นางไม่มีวันปล่อยเขาไปอย่างแน่นอน

อ่านต่อ

หนังสืออื่นๆ ของ ซีไซต์

ข้อมูลเพิ่มเติม
หงส์คืนฟ้า ชะตารัก

หงส์คืนฟ้า ชะตารัก

โรแมนติก

5.0

"พี่เจี๋ยข้าอยากได้อีกจุมพิตเพิ่มพลังของท่าน" ฉีเย่ว์กล่าวงึมงำบนริมฝีปากของเขา นางเป็นฝ่ายดูดกลีบปากของหยางเจี๋ยเบา ๆ ซุกไซร้ซอกซอนแหย่ลิ้นเข้าไปในปากของเขา สัมผัสอ่อนนุ่มในคราแรกเริ่มโหมกระหน่ำร้อนแรงมากขึ้น ฉีเย่ว์ปลดสายรัดเอวของเขาออกสอดมือล้วงเข้าไปในกางเกงของหยางเจี๋ยพบเนื้อร้อนของเขาแข็งแกร่งขึ้นเต็มลำ นางขยำแรง ๆ พร้อมกับรูดมือเบา ๆ "อ๊า คนดีของพี่" หยางเจี๋ยมือหนึ่งประคองศีรษะของนางให้แนบชิดกับปากของเขาอีกมือล้วงเข้าไปในสาบเสื้อของนาง ฉีเย่ว์ไร้อาภรณ์กางกั้นด้านในนางใส่เพียงเสื้อคลุมนอนสีขาวเท่านั้น เขาลูบแผ่นหลังเปลือยเปล่าของนางไล้นิ้วลงไปจนถึงแก้มก้มแล้วขยำเบา หนัก สลับกัน "พี่เจี๋ยให้ข้ารักท่านเถิด" ฉีเย่ว์กัดปากข่มเสียงครางเอาไว้ นางดึงกางเกงของเขาออกโดยมีหยางเจี๋ยคอยช่วยเหลือ นางขึ้นคร่อมเขาอย่างกระหายไม่บัดนี้ตื่นอย่างเต็มตาในขณะที่ควงเอวควบขี่เขาเป็นจังหวะ หยางเจี๋ยขยับรับจังหวะที่องค์ราชินีของตนเองควบขี่ เขาเด้งสะโพกขึ้นรับนางมือดึงผ้ารัดเอวของนางออกแล้วทิ้งไว้ด้านข้าง แหวกสาบเสื้อของนางแล้วผวาศีรษะขึ้นมาอ้าปากดูดรับเนื้ออวบของนางที่กระเด้งเป็นจังหวะ ฉีเย่ว์ดันร่างของตนเองเข้าหาปากเขามือช่วยประคองศีรษะของหยางเจี๋ยให้แนบชิด หยางเจี๋ยดูดปทุมถันคู่งามอย่างกระหาย เสียงหอบหายใจของฉีเย่ว์สั่นสะท้านหัวใจแทบจะหลุดออกมาจากอก เขาคือหัวหน้าหน่วยจู่โจมที่ตายในสงคราม และได้ย้อนเวลากลับมาหลายร้อยปีกระทั่งฟื้นขึ้นมาในร่างเด็กน้อยนาม หยางเจี๋ย เด็กผู้อาภัยจากตระกูลใหญ่ ที่บิดาและมารดาถูกใส่ความว่าทุจริตจนต้องจบชีวิตลง หยางเจี๋ยเป็นเด็กกำพร้าที่ถูกเลี้ยงดูให้เติบโตในจวนราชครู สหายของบิดา และที่นี่เขาได้พบกับเด็กน้อยผู้หนึ่งนาม ฉีเย่ว์ ธิดาของท่านราชครูฉีผู้สูงส่ง พวกเขาเติบโตมาด้วยกัน ความใกล้ชิดทำให้เขาหวั่นไหว หยางเจี๋ยจะทำเช่นไรเมื่อได้พบว่า ตัวเอง ตกหลุมรักคุณหนูผู้สูงส่งจนหมดหัวใจไปเสียแล้ว เขารักนาง ต้องการทำให้นางตกเป็นของเขา และทำลายขวากหนามทุกอย่างที่ขัดขวางให้หมดสิ้นไป เพื่อนางเพียงคนเดียว

เด็กร่านของเฮียเดช

เด็กร่านของเฮียเดช

โรแมนติก

5.0

สาเหตุที่เขาได้ดูแลเด็กคนนี้นั่นเป็นเพราะพ่อแม่ของเอยและพี่ชายของเอยเป็นเพื่อนสนิทของเขา ครอบครัวเอยจากไปด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ตั้งแต่เอยอายุได้เพียงสิบขวบเท่านั้น ญาติของเอยก็ไม่มีใครเหลียวแลทำให้เขาซึ่งสนิทกับครอบครัวของเอยที่เห็นเอยมาตั้งแต่เล็ก ๆ เกิดความสงสารจึงได้ขอให้พ่อแม่ของเขารับเอยมาเลี้ยงดู และพ่อแม่ของเขาก็ตกลง หลังจากนั้นพ่อแม่ของเขาก็ย้ายไปอยู่ต่างประเทศ จึงทิ้งให้เขาและเอยอยู่ด้วยกันที่เมืองไทยตามลำพัง นับตั้งแต่นั้นเขาก็กลายเป็นพี่ชายของเอยเต็มตัว แต่วันนี้เมื่อเอยโตขึ้น เธอกลับไม่เห็นบุญคุณและคิดจะจากเขาไปง่าย ๆ ทั้ง ๆ ที่นับวันเขาจะรักเธอจนกระทั่งถอนตัวไม่ขึ้นและเฝ้ารอเธอเติบโตมานานขนาดนี้ ++++++ “อ๊า...เฮียอย่านะ อย่าทำหนู” สาวน้อยส่งเสียงครางเล็ดลอดออกมาเพราะความเสียวซ่าน และเอ่ยห้ามแต่น้ำเสียงของเธอคล้ายกระตุ้นเขายิ่งขึ้นไปอีก “เอยอยากใช่หรือเปล่า หนูก็ต้องการเฮียใช่ไหม” “ไม่...อย่านะเฮีย หนูไม่ได้ต้องการเฮีย เฮียเป็นพี่ชายหนูนะ” “ต่อไปเฮียจะเป็นผัวหนู แล้วจะเอาหนูแรง ๆ ให้หนูไปไหนไม่ได้ต้องร้องหาเฮียเท่านั้น” คำพูดของเขาทำให้เอยหวาดกลัว แต่ในความรู้สึกนี้กลับมีความอยากรู้อยากเห็นอย่างประหลาด หญิงสาวผลักเขาออกเมื่อธนเดชดึงชุดนอนของเธอจนขาด แต่แรงของเขามีมากกว่าตอนนี้เธอจึงยืนเปลือยต่อหน้าเขา เอยยืนน้ำตาไหลพราก เมื่อเขาเห็นเขาจึงเหยียดยิ้มมุมปากอย่างผู้ชนะ “ฉันเกลียดแก อื้อ อื้อ”

ขย่มรักอาจารย์ฮอตเนิร์ด

ขย่มรักอาจารย์ฮอตเนิร์ด

โรแมนติก

5.0

หนานอันพริตตี้สาวสู้ชีวิตอายุยี่สิบปีแอบชอบผู้ชายคนหนึ่งอย่างหนักและอยากได้เขามาเป็นแฟนใจจะขาด แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่สนใจเธอ หญิงสาวได้ไปดูดวงแม่หมอคนนั้นจึงบอกให้เธอมาขอพรที่ศาลเจ้าเล็ก ๆ ในอำเภอแห่งหนึ่งที่ห่างไกลเพื่อให้เธอสมหวังและต้องไปในวันที่ฟ้ามืดที่สุดของเดือนในอีกสองวันข้างหน้าถึงจะเห็นผล หนานอันเชื่อแม่หมอเพราะอยากได้ผัว เธอจึงไม่รอช้ารีบคว้ากระเป๋าเป้เดินทางมายังศาลเจ้าทันที เมื่อหนานอันเข้าไปภายในศาลเจ้าก็พบว่า มีสตรีสูงวัยคนหนึ่งอายุราวหกสิบกว่าปีกำลังกวาดศาลเจ้าอยู่ ...... "ได้ของสิ่งนี้ไปต้องสมหวังอย่างแน่นอน" คุณยายพูดพร้อมกับรอยยิ้ม น้ำเสียงนี้ฟังดูเยือกเย็นเป็นอย่างยิ่ง หนานอันยิ้มให้คุณยายจู่ ๆ ขนแขนของเธอก็ตั้งชันขึ้นมา เธอกำลังจะลุกขึ้นในตอนนั้นก็เกิดฟ้าผ่าเปรี้ยงลงมา หนานอันหวีดร้องด้วยความตกใจทว่าเมื่อหันไปมองคุณยายเธอไม่เห็นแม้แต่เงาแล้ว หนานอันประหลาดใจมากร้องเรียกคุณยายอยู่หลายคำ แต่ว่าในตอนนี้เธอก็ไม่มีเวลาให้คิดสิ่งใดแล้วเพราะเกิดสิ่งที่ไม่คาดคิดขึ้นเมื่อฟ้าผ่าลงมาที่ศาลเจ้าเข้าอย่างจังหนานอันที่อยู่ด้านในจึงถูกฟ้าผ่าไปด้วยและสติดับวูบลงไปทันใด ไม่รู้ว่านานเท่าใดที่หนานอันตกอยู่ในความมืดมิด และเมื่อเธอตื่นขึ้นมาทุกอย่างรอบกายของเธอก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป...

ข้าอยู่บน ท่านอ๋องอยู่ล่าง

ข้าอยู่บน ท่านอ๋องอยู่ล่าง

โรแมนติก

5.0

เซียวหนานอยู่ในระดับต่ำสุดขององค์กรลับที่แผ่ขยายสายข่าวไปทุกแว่นแคว้น นางเป็นเด็กกำพร้าไร้บิดามารดาที่ถูกเก็บมาให้เป็น นกกระจอกสืบข่าว เรียกได้ว่าเป็นชนชั้นที่วรยุทธ์ต่ำต้อยและต้องทำงานเอาตัวเข้าแลกเพื่อหาข่าวให้กับเบื้องบน ดังนั้นนกกระจอกเช่นนางจึงมีมากมายแทรกซึมเข้าไปในจวนขุนนางต่าง ๆ โดยที่ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ สิ่งที่นางฝึกฝนมาตลอดหลายปีมานี้ก็คือการเอาใจบุรุษ บำรุงร่างกาย ฝึกฝนศาสตร์ทั้งห้าให้เชี่ยวชาญ และฝึกวิชาเสพสังวาสให้บุรุษติดใจ แม้ว่าจะไม่เคยทำกับบุรุษจริง ๆ แต่ขนาดของแท่งหยกของบุรุษนางล้วนได้สัมผัสมาแล้วจากแท่งหยกของเทียมและแท่งหยกบุรุษของจริงที่นางไม่เคยเห็นหน้าว่าคนพวกนั้นคือผู้ใด เพราะพวกนางต้องมอบกายให้กับเหยื่อคนแรกที่นับว่าส่วนใหญ่จะเป็นชนชั้นสูง ดังนั้นจึงไม่อาจร่วมประเวณีกับบุรุษอื่นก่อนที่จะได้รับมอบเหยื่อจากนายใหญ่

ต้องทำเช่นใดให้พวกท่านลุ่มหลง

ต้องทำเช่นใดให้พวกท่านลุ่มหลง

โรแมนติก

5.0

องค์หญิงใหญ่รั่วเสียน ต้องปกป้องบัลลังก์ของน้องชายที่ขึ้นครองราชย์ในวัยเพียงแค่ 4 ขวบ ดังนั้นนางจึงต้องหาทางมัดใจเสนาบดีกัวผู้กุมอำนาจราชสำนักเอาไว้ให้ได้ ทว่าบุรุษผู้นี้กลับไม่ต้องการแต่งงานกับนาง เขายังทำตัวดั่งบิดาหาบุรุษไว้ให้นางอีก รั่วเสียนจึงต้องฝึกฝนการยั่วยวนเขาเพื่อหาวิธีมัดใจบุรุษผู้นี้เอาไว้ให้ได้ และนางก็ต้องตกใจเมื่อเสนาบดีกัวกลับมีถึงสองคน! +++ นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายจีนโบราณประเภทนิยายรักสำหรับผู้ใหญ่ เป็นเรื่องแต่งขึ้นจากจินตนาการไม่ได้อ้างอิงจากประวัติศาสตร์ใด ๆ ดังนั้นภายในจะมีฉาก เนื้อหา เน้นหนักที่เรื่องเพศระหว่างชายหญิง มีการร่วมรักกันตั้งแต่ 3 คนขึ้นไป (3P) และอาจมีความไม่สมเหตุสมผลบ้าง ขอให้ผู้อ่านใช้วิจารณญาณในการอ่านนะคะ

ท่านอาเจ้าขา...ข้าอยากเป็นภรรยาของท่าน

ท่านอาเจ้าขา...ข้าอยากเป็นภรรยาของท่าน

โรแมนติก

5.0

คำโปรย หลังจากบิดามารดาเสียชีวิต จูเมยได้ถูกท่านอาบุญธรรมรับเลี้ยง ท่านอาผู้เปี่ยมด้วยความอ่อนโยนและเมตตา ได้กลายเป็นเสาหลักเพียงหนึ่งในชีวิตนาง หัวใจที่อ่อนโยนของจูเมยเริ่มเต้นแรงเมื่ออยู่ใกล้ท่านอา แต่ท่านอาคิดอย่างไรกับนางกันแน่? หรือว่าความรักนี้เป็นเพียงความรู้สึกที่นางมีอยู่เพียงฝ่ายเดียว? เมื่อหัวใจต้องเผชิญกับความไม่แน่นอน จูเมยกลับรู้สึกเจ็บปวดกับความรู้สึกนี้ "ท่านอา...อย่าดีต่อข้ามากนักได้หรือไม่" นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายรักจีนโบราณ มีดราม่าเล็กน้อยช่วงเริ่มต้น จบสุขนิยม ไม่มีนอกกายนอกใจ เป็นความรักฟิน ๆ ระหว่างท่านอาและหลานสาว(บุญธรรม)ตัวน้อยของตนเอง

หนังสือที่คุณอาจชอบ

“สวิงของต้นกับอ้อ” ฉบับครบรอบ 13

“สวิงของต้นกับอ้อ” ฉบับครบรอบ 13

Saranon Writer
5.0

“สวิงของต้นกับอ้อ” ถูกเขียนขึ้นในวันที่ 10 เดือนมิถุนายน ปี พ.ศ. 2555 โดยลงในเว็บไซต์ Sudswing ที่ปัจจุบันปิดตัวถาวรไปนานแล้ว แต่เชื่อว่ายังอยู่ในความทรงจำของใครหลาย ๆ คน ซึ่งหากนับเวลาแล้วก็ครบรอบ 13 ปี พอดี ณ วันที่กำลังเริ่มต้นลงฉบับพิเศษของนิยายเรื่องนี้ โดยมีการปรับปรุงเนื้อหาในแต่ละตอนให้สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น รวมถึงการรวมตอนพิเศษและตอนที่หายไปเอามาไว้ในเรื่องนี้ สำหรับไรต์แล้ว “สวิงของต้นกับอ้อ” คือลูกคนโตและลูกรักที่นำพาให้ไรต์ก้าวมาเป็นนักเขียนอย่างเต็มตัวในนิยายสายอีโรติกแนวสวิงกิ้ง NTR, Cuckold, 3P, นิยายแนวเมียสาวเหงารัก รวมถึงแนวที่สามีอยากเห็นภรรยาของตัวเองไปมีอะไรกับชายอื่น ยังไงขอฝากนิยาย “สวิงของต้นกับอ้อ” ฉบับครบรอบ 13 ปีนี้ เอาไว้ให้นักอ่านได้ติดตามกันด้วย ขอบคุณสำหรับทุกการสนับสนุนที่ทำให้ไรต์ยังคงเดินต่อไปได้บนถนนสายตัวอักษรนี้ครับ

คุณนาย ประธานมาขอคืนดีอีกแล้ว

คุณนาย ประธานมาขอคืนดีอีกแล้ว

Apogean Spark
5.0

【สาวน้อยผู้มีความรักในใจกลายเป็นหญิงสาวที่มีสติปัญญา vs ซีอีโอผู้ตามรักอย่างบ้าคลั่ง】 ในปีที่ห้าของการแต่งงานแบบลับๆ ของเธอ เสิ่นจาวหนิงเห็นสามีของไปเปิดห้องที่โรงแรมกับรักแรกของเขากับตาตนเอง จากนั้นเธอเพิ่งรู้ว่าลี่เยี่ยนซิวแต่งงานกับเธอเพราะเธอดูคล้ายกับรักแรกของเขา เสิ่นจาวหนิงตายใจและหลอกให้ลี่เยี่ยนซิวเซ็นสัญญาหย่า หนึ่งเดือนต่อมา เธอประกาศต่อหน้าผู้คนว่า “ลี่เยี่ยนซิว ฉันไม่ต้องการคุณอีกแล้ว อให้คุณกับรักแรกของคุณจะอยู่ด้วยกันตลอดไป” ลี่เยี่ยนซิวกอดเธอพร้อมน้ำตาคลอเบ้า “เสิ่นจาวหนิง คุณเป็นคนที่เข้ามาหาผมก่อน แล้วตอนนี้คุณจะทิ้งผมง่ายๆ ได้ยังไง?” ****** หลังจากที่เสิ่นจาวหนิงหย่า งานของเธอไปได้ดีขึ้นเรื่อยๆ บริษัทก็เตรียมที่จะเข้าตลาดหลักทรัพย์ ในงานเลี้ยงฉลอง ลี่เยี่ยนซิวก็เข้าร่วมด้วย เขามองอดีตภรรยาที่จับมือผู้ชายอื่นด้วยความหึงหวงอย่างแรง ขณะที่เสิ่นจาวหนิงเตรียมเปลี่ยนชุด เขาก็ตรงเข้ามาหาเธอในห้องลองเสื้อ “ผู้ชายคนนั้นดีขนาดนั้นเลยเหรอ?” เสิ่นจาวหนิงถึงสังเกตเห็นว่าลี่เยี่ยนซิวร้องไห้แล้ว น้ำตาของเขาตกลงบนกระดูกไหปลาร้าของเธอและมันรู้สึกร้อนๆ “เสิ่นจาวหนิง ผมเสียใจแล้ว เราคืนดีกันได้ไหม?”

ทะลุมิติมาเป็นบุตรสาวหญิงหม้าย

ทะลุมิติมาเป็นบุตรสาวหญิงหม้าย

l3oonm@
5.0

จือหลินเธอเป็นเด็กกำพร้า ที่ถูกมารดาทอดทิ้งไว้ที่โรงพยาบาลตั้งแต่วันแรกที่ลืมตามาดูโลก ต่อมาทางโรงพยาบาลจึงส่งตัวเธอให้กับสถานสงเคราะห์ พออายุได้สามปี ก็มีองค์กรหนึ่งมารับเลี้ยงตัวเธอ แต่พวกเขาเลี้ยงเธอและเด็กคนอื่นๆ ไว้เพื่อเป็นหนูทดลองเท่านั้น ครั้งแรกที่ถูกนำตัวมา ต่างก็โดนจับฉีดยาเข้าสู่ร่างกาย เพื่อหาเด็กที่เลือดต้านเชื้อที่ฉีดเข้าไปได้เท่านั้น หากร่างกายทนรับไม่ไว้สิ่งที่ทางองค์กรมอบให้คือความตาย จือหลินอาจเป็นเพราะเลือดของเธอพิเศษกว่าเด็กคนอื่น ไม่ว่าฉีดยาตัวไหนเข้าสู่ร่างกายเธอก็ทนรับได้ทั้งนั้น นับจากนั้นมาเธอจึงถูกเลี้ยงดูจากองค์กรมาอย่างดี เรื่องการศึกษาเธอก็สามารถเรียนรู้ทุกสิ่งได้อย่างเต็มที่ แต่เพราะความฉลาดของเธอจึงถูกส่งให้เรียนวิทยาศาสตร์การแพทย์และเรียนแพทย์ควบคู่ไปด้วย เมื่อเรียนจบมาแล้ว จือหลินยังคงทำการให้องค์กรเช่นเดิม แม้จะไม่ได้เป็นนักฆ่าเช่นเพื่อนคนอื่นที่มาพร้อมกัน แต่เธอก็ต้องฝึกไม่ต่างจากพวกเขา ยิ่งเมื่อต้องนำเด็กเข้ามาเป็นหนูทดลองเช่นเดียวกับเธอในตอนเล็ก ต่อให้ไม่อยากทำก็ต้องทำ หากฝ่าฝืนไม่ทำการชิปที่ถูกฝังอยู่ในตัวจะถูกกระตุ้นให้ได้รับความทรมานทันที นานวันเข้า ความดำมืดก็ก่อเกิดในใจ ไม่ว่าจะฉีดยาให้เด็กร้ายแรงเพียงใดจือหลินก็เลิกรู้สึกผิดไปเสียแล้ว เพราะการทำงานของเธอตลอดหลายปีที่ผ่านมาทำให้ทางองค์กรยกย่องและมักจะให้สิ่งดีๆ กับเธอเสมอ เมื่อมีชิปตัวหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อฝังมิติอีกห้วงหนึ่งไว้ภายในร่างกาย จือหลินนางก็ได้รับเลือกให้ทดลองใช้สิ่งนี้ด้วยเช่นกัน จือหลินถูกฝังชิปมิติเข้าที่แกนสมองของเธอ ความเจ็บปวดที่ได้รับทำให้เธอแทบสิ้นสติ เมื่อชิปถูกฝังลงไปแล้ว เพียงไม่นานก็มีเสียงจากระบบให้เธอยืนยันตัวตน ก่อนที่จะปรากฏภาพต่างๆ ภายในหัวของเธอ ของจากภายนอกล้วนแต่ถูกส่งเข้าไปเก็บไว้ด้านในได้ทั้งสิ้น หากเป็นเนื้อสด ผักผลไม้ ยังคงความสดอยู่เช่นเดิมแม้จะเก็บไว้นานมากเพียงใด ห้วงมิติของจือหลินเหมือนเป็นห้องสูทในคอนโดของเธอเองที่มีทุกอย่างพร้อมใช้อยู่ภายใน แม้แต่ห้องทดลอง ห้องทำงานของเธอก็ปรากฏอยู่ในนั้นเช่นกัน นับจากนั้นจือหลินจึงซื้อของเขาเก็บภายในมิติของเธอเป็นจำนวนมาก ตัวเธอเพียงผู้เดียวที่สามารถเข้าออกในห้วงมิติได้ วันเวลาผ่านไปจนจือหลินล่วงเข้าวัยสามสิบปี เธอสามารถผลิตยาที่ทำให้ทั่วโลกจับตามองออกมาได้ ยายื้อชีวิตจากความตาย แต่การทดลองของเธอที่ผ่านมาต้องใช้คนจำนวนมากในการเข้าทดลอง จือหลินสามารถยื้อชีวิตของชายชราที่กำลังจะหมดลมหายใจให้กลับมามีชีวิตปกติได้ เมื่อเธอกักตัวเขาไว้ได้หกเดือนเห็นว่าไม่มีสิ่งใดที่ผิดปกติจึงคิดจะปล่อยเขาออกไปใช้ชีวิตเช่นเดิม แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อชายชราที่กำลังจะเดินออกจากห้องทดลองล้มลงต่อหน้าทุกคนที่เข้าร่วมชื่นชมผลงานของเธอ จือหลินรีบเข้าไปตรวจดูความผิดปกติทันที ก็พบว่าเขาหยุดหายใจเสียแล้ว เจ้าหน้าที่ทั้งหมดจึงต้องพาชายชราคนนั้นกลับเข้าไปในห้องทดลองเพื่อหาสาเหตุ ผ่านไปเพียงสองครึ่งชั่วโมงเขากลับลืมตาขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ แต่แววตาที่มองมาทางทุกคนได้เปลี่ยนไป ในดวงตาของชายชราผู้นั้นมีเพียงตาขาวไม่มีตาดำเช่นคนมีชีวิต “เกิดเรื่องอะไรขึ้น” ผู้อำนวยการองค์กรเดินเข้ามาหาจือหลินแล้วเอ่ยถามอย่างตื่นตระหนก เพราะนักข่าวที่ข่าวเชิญมายังอยู่ที่ด้านนอกเพื่อรอฟังคำตอบ “ขอดิฉันตรวจสอบก่อนค่ะ” จือหลินกุมหน้าผากอย่างมึนงง เธอก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร คนทั้งหมดยืนมองชายชราที่เดินท่าทางประหลาดอยู่ในห้องทดลอง ในตอนนี้เขาเริ่มหยิบสิ่งของทำร้ายตัวเองอย่างบ้าคลั่ง เจ้าหน้าที่คนหนึ่งรีบวิ่งเข้าไปในห้องทดลองเพื่อห้ามไม่ให้เขาทำร้ายตัวเอง ชายชราเมื่อได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาก็พุ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว และเริ่มกัดกินเนื้อตัวของเขาอย่างโหดร้าย คนที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดต่างยกมือขึ้นปิดปากอย่างตกใจ เพราะกลัวข่าวเรื่องนี้จะรั่วไหล ผู้อำนวยการสั่งให้คนไปแจ้งนักข่าวให้กลับไปก่อน ทางองค์กรจะแถลงการณ์เรื่องนี้ในภายหลัง เจ้าหน้าที่ที่ถูกทำร้ายล้มลงเสียชีวิตไม่นานก็มีสภาพไม่ต่างจากชายชราคนนั้น เสียงวุ่นวายไม่ได้จบลงที่ห้องทดลองของจือหลินเพียงแห่งเดียว เพราะห้องทดลองอื่นก็ล้วนพบเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ต่างกัน ผู้อำนวยการจำต้องส่งสัญญาณเคลื่อนย้ายเจ้าหน้าที่ออกจากตึกทดลองให้เร็วที่สุด จือหลินไม่รู้ว่ายาของนางจะสร้างผลเสียมากถึงเพียงนี้ เพราะเจ้าหน้าที่หลายคนล้วนจบชีวิตจนกลายเป็นซอมบี้ไปเสียแล้ว ตึกทดลองถูกปิดตาย เพื่อไม่ให้ซอมบี้ที่อยู่ด้านในออกมาสร้างความเสียหายภายนอกได้ “เรื่องนี้ดิฉันขอจัดการด้วยตนเองค่ะ” จือหลินเดินเข้าไปหาผู้อำนวยการที่ห้องทำงานของเขา เพื่อบอกสิ่งที่เธอคิดว่าอย่างดีแล้วในหลายวันที่ผ่านมา เมื่อเห็นว่าผู้อำนวยการไม่ห้ามในสิ่งที่เธอจะทำจือหลินจึงเดินไปที่หน้าตึกทดลองพร้อมระเบิดเวลาในมือ เธอคิดจะทำลายสิ่งของทุกอย่างที่เธอสร้างขึ้นมาลงด้วยมือของเธอเอง จือหลินเปิดประตูตึกทดลองแล้วรีบปิดลงทันที เธอเดินเข้าไปที่กลางตึกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะระหว่างทางเธอต้องคอยต่อสู้กับซอมบี้ที่จะเข้ามาทำร้ายเธอไปด้วย เสียงสัญญาณระเบิดดังขึ้น จือหลินหลับตาลง พร้อมทั้งถอนหายใจให้กับเรื่องราวในชีวิตที่ผ่านมา เสียงระเบิดดังไปทั่วบริเวณพร้อมทั้งตึกทดลองที่ถล่มลงมาจนแทบไม่เหลือซาก “เจ็บชะมัด” จือหลินร้องครางออกมาเบาๆ แต่เมื่อรู้สึกตัวได้เธอก็รีบพยุงตัวขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วพร้อมมองไปรอบๆ อย่างไม่อยากเชื่อ เธอคิดว่าตายไปแล้วเสียอีก แต่ทำไมถึงได้มีความรู้สึกเจ็บได้ “นี้มันเรื่องบ้าอะไรอีกว่ะเนี่ย” จือหลินเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ รอบๆ ตัวเธอในตอนนี้เป็นป่าทึบ มือของเธอก็ไม่ใช่ของเธออย่างแน่นอนเพราะมีขนาดเล็กราวกับเป็นเด็กน้อยคนหนึ่งเท่านั้น ตอนที่เธอมึนงงสับสน เรื่องราวความทรงจำของเจ้าของร่างก็ไหลเข้าสู่หัวของเธอจนต้องลงไปนอนดิ้นกับพื้น

จากเมียส้มหล่นสู่หญิงแกร่ง

จากเมียส้มหล่นสู่หญิงแกร่ง

Arvin Bikoff
5.0

หลังจากที่แต่งงานเข้ามาในตระกูลมู่ หลินซีได้ทำหน้าที่เป็นคุณนายมู่ที่ยอมอดทนกับทุกอย่างโดยไม่ปริปากเป็นเวลาสามปี เธอรักมู่จิ่วเซียว จึงยอมอดทนดูแลเขาอย่างเต็มใจ แม้ว่าเขาจะมีคนอื่นอยู่ข้างนอกก็ตามแต่เขากลับไม่เคยเห็นค่าของเธอ เหยียบย่ำความรักของเธอให้แหลกสลาย และถึงขั้นปล่อยให้น้องสาวของเขามอมเหล้าเธอแล้วส่งไปยังเตียงของลูกค้า หลินซีนั้นถึงเพิ่งจะตาสว่างเมื่อรู้ว่าความรักที่มีมานานนั้นช่างน่าขันและน่าเศร้าในใจของเขา เธอไม่ต่างอะไรกับผู้หญิงคนอื่นๆ ที่เข้ามาเกาะเขา เธอจึงทิ้งข้อตกลงการหย่าไว้แล้วจากไปโดยไม่ลังเล มู่จิ่วเซียวมองดูเธอประสบความสำเร็จ กลายเป็นดวงดาวที่ส่องแสงในสายตาของผู้คนเมื่อได้เจอกันอีกครั้ง เธอเต็มไปด้วยความมั่นใจและสงบเสงี่ยม โดยมีผู้ชายที่มีฐานะสูงส่งอยู่เคียงข้าง มู่จิ่วเซียวมองดูใบหน้าของคู่แข่งหัวใจที่ดูคล้ายกับของเขามาก จากนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าในสายตาเธอ เขาเป็นเพียงตัวแทนของคนอื่นในมุมแห่งหนึ่ง เขาขวางทางเธอไว้ “หลินซี คุณเล่นตลกกับผมใช่ไหม”

ทะลุมิติมาเป็นภรรยาตัวน้อยของสามีพิการ

ทะลุมิติมาเป็นภรรยาตัวน้อยของสามีพิการ

มาชาวีร์
4.8

เจ้าของร่างเดิมถูกท่านย่าตัวเอง ขายให้ชายพิการด้วยเงินเพียงห้าตำลึง จึงคิดสั้นไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทำให้วิญญาณของเซี่ยซือซือทะลุมิติมาเข้าร่างแทน ชีวิตในโลกนี้บิดามารดาล้วนตายไปแล้ว เหลือเพียงน้องสาวกับน้องชายร่างกายผอมแห้งหิวโซสองคน เธอต้องช่วยพวกเขาให้รอด ก่อนจะถูกคนชั่วพวกนี้ขายทิ้งไปแบบเธอ 1 : ทะลุมิติ แคว้นจ้าว หมู่บ้านตระกูลแซ่อวี่ ภายในบ้านสกุลเซี่ย “ท่านพี่รีบกินเร็วเข้า” เสียงเด็กเล็กดังก้องอยู่ข้างหูอย่างน่ารำคาญ ว่าแต่ฉันมีน้องชายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน รู้สึกได้ถึงอะไรแข็ง ๆ มาแตะที่ริมฝีปาก ทว่ายังลืมตาไม่ขึ้น “ท่านพี่กินสิ ๆ” เซี่ยซือซือรู้สึกหนักอึ้งไปทั้งศีรษะ พยายามที่จะเปิดดวงตาขึ้นมอง เจ้าของเสียงเล็ก ๆ ด้านข้าง “ท่านพี่ ๆ ท่านพี่อย่าตายนะ ลืมตาสิท่านพี่” “นังตัวดีออกมาเดี๋ยวนี้นะ !” เสียงเอะอะโวยวายดังหนวกหูเซี่ยซือซือเป็นอย่างมาก ปัง ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นเรื่อย ๆ เซี่ยซือซือลืมตาขึ้นจนได้ พลันสมองกลับมีเรื่องราวพรั่งพรูเข้ามาไม่ขาดสาย จนต้องกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด อ๊าก ! “พี่รอง !” เด็กน้อยเซี่ยซือหยางในวัยสามหนาวเรียกพี่สาวพร้อมเบะปากอยากร้องไห้ “ท่านพี่ !” เซี่ยซานซานทิ้งบานประตูที่ตัวเองดันไว้ หันกลับมาดูพี่สาวด้วยความตกใจ “ท่านพี่ ๆ ท่านเป็นอะไร อย่าทำให้พวกข้าตกใจสิท่านพี่ !” ผลัวะ ! มีคนถีบประตูบานเก่าผุพังเข้ามาภายในห้อง เด็กทั้งสองรีบเข้าไปขวางผู้บุกรุกไม่ให้ทำร้ายพี่สาว แม่เฒ่าเซี่ย เซี่ยจิ่วเม่ย หน้าตาแลดูดุร้าย ไม่ใช่หญิงชราใจดีแต่อย่างใด ด้านหลังของแม่เฒ่าเซี่ยยังมีลูกสะใภ้บ้านใหญ่ กับบ้านรองเดินตามมา ท่าทางดุดันเอาเรื่อง “ไอ้พวกบ้านสามตัวดี กล้าลักขโมยอาหารเอาไว้กินเอง ยังเห็นแม่เฒ่าอย่างข้าอยู่ในสายตาหรือไม่ ไอ้พวกหมาป่าตาขาว ดูซิวันนี้ข้าจะจัดการพวกเจ้าอย่างไร” “ท่านย่าพวกข้าไม่ได้ขโมยนะ นี่เป็นหมั่นโถวของท่านพี่ ท่านพี่ไม่สบายข้าแค่เก็บไว้ให้ท่านพี่เท่านั้นเอง” เซี่ยซานซานยังเป็นเด็กหญิงวัยสิบหนาว แต่นางข่มความกลัวตอบโต้ผู้ใหญ่ในบ้านออกไป “หึ กฎบ้านก็มีบอกอยู่แล้วถ้าพลาดมื้ออาหารไปก็คืออด แต่พวกเจ้ากลับแหกกฎ แอบยักยอกอาหารเก็บไว้กินเอง ยังมีหน้ามาเถียงท่านแม่อีก ท่านแม่ท่านต้องลงโทษคนบ้านสามนะเจ้าคะ ไม่เช่นนั้นข้าไม่ยอมจริง ๆ ด้วย ตอนนั้นยวี่เฟยของข้านางได้พลาดมื้อเย็นไป ท่านก็ไม่ให้นางกินนะเจ้าคะ” สะใภ้บ้านรองนามว่าจงอี้ซิน ย้อนรำลึกถึงเรื่องลูกสาววัยแปดปีของตัวเองขึ้นมา “ดูเจ้าเด็กพวกนี้สิท่านแม่ กางแขนปกป้องพี่สาวตัวเอง ช่างน่าสมเพชไม่รู้จักสำเหนียกกำลังตัวเอง ถุย !” หลินพ่านเอ๋อสะใภ้บ้านใหญ่มองดูเด็กทั้งสองพร้อมถ่มน้ำลายใส่ตรงหน้า แม่เฒ่าเซี่ยมองลูกสะใภ้ทั้งสองสลับกันไปมา เดินตรงไปกระชากหมั่นโถวเย็นชืดแถมแข็งปานหิน ออกจากมือของเซี่ยซือหยาง “แง ๆ ๆ” เด็กน้อยถูกแย่งของกินของพี่สาวไป ถึงกับแผดเสียงร้องลั่น “เจ้าคนชั่ว ! เอามานะ ของท่านพี่ข้า” กำปั้นน้อย ๆ ทุบไปยังต้นขาของแม่เฒ่เซี่ย “เจ้าเด็กเนรคุณกล้าตีข้ารึ นี่นะ !” แม่เฒ่าเซี่ยเตะทีเดียวเซี่ยซือหยางก็กระเด็นไปติดกับผนังห้อง “น้องเล็ก !” เซี่ยซานซานรีบวิ่งไปอุ้มน้องชายขึ้นมากอดไว้ด้วยความตกใจ “ท่านย่า น้องเล็กยังเด็กไม่รู้ความ เหตุใดท่านถึงได้ใจร้ายเช่นนี้” “แง ๆ ๆ” เสียงร้องไห้ของเด็กน้อยฟังแล้วน่าสงสารจับใจ ดวงตาที่ปิดไว้ก่อนหน้าของเซี่ยซือซือ ลืมขึ้นหลังจากค้นพบว่า ตัวเองได้ทะลุมิติมายังอดีตอันไกลโพ้นแล้วจริง ๆ หลังจากหลับตาลืมตาอยู่หลายหน เรียบเรียงความคิดที่ไหลเข้ามาไม่ยอมหยุด เมื่อค่อย ๆ จัดการกับมันได้ ความเจ็บปวดที่ศีรษะก่อนหน้าจึงบางเบาลง และมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างเฉยชา ครบสูตรของการทะลุมิติจริง ๆ มีท่านย่าผู้ชั่วร้าย ขนาบข้างด้วยป้าสะใภ้เลวทั้งสอง ครั้นหันไปมองน้องสาวในวัยสิบขวบของตัวเองกับน้องชายตัวน้อย ทั้งตัวดำเมี่ยมเหมือนไม่ได้อาบน้ำมาเป็นเดือน ร่างกายผอมแห้งเหลือแต่กระดูก เสื้อผ้าเก่าขาดมีรอยปะชุนเต็มไปหมด เส้นผมแห้งกรังเหมือนไม่ผ่านน้ำมานาน ยกมือของตัวเองขึ้นมาดู ไม่ได้มีสภาพต่างกันแม้แต่น้อย ครั้นเงยหน้ามองป้าสะใภ้ใหญ่ร่างกายอวบอ้วนเต็มไปด้วยก้อนไขมัน ป้าสะใภ้รองแม้ไม่ได้อ้วนแต่ก็ไม่ได้ผอม ยิ่งแม่เฒ่าเซี่ยด้วยแล้ว ร่างกายบึกบึนเหมือนคนกินดูอยู่ดีมาตลอด “ท่านแม่ดูอาซือมองท่านสิเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่เห็นสายตาเย็นเยียบของคนที่นอนอยู่บนเตียงก็อดแปลกใจไม่ได้ ดูเยือกเย็นจนไม่น่าไว้ใจ “เจ้าอย่าคิดว่ากระโดดน้ำตายแล้วทุกอย่างจะจบนะอาซือ ข้ารับเงินคนบ้านถานมาแล้ว ถ้าเจ้าตายข้าจะให้อาซานไปแทนเจ้า” คำพูดของแม่เฒ่าเซี่ยทำให้ดวงตาของเซี่ยซือซือเบิกกว้าง ท่านย่าของนางขายนางให้คนบ้านถานในราคาแค่ห้าตำลึง เจ้าของร่างเดิมไม่อยากไปเป็นเมียคนพิการ เลยไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทว่าเธอที่มาจากยุคปัจจุบันกลับเข้ามาแทนที่เจ้าของร่างนี้ เจ้าของร่างเดิมว่ายน้ำไม่เป็น จึงได้ขาดอากาศตายใต้น้ำ แต่เธอที่เข้ามาสวมร่างกลับพาร่างนี้ขึ้นมาจากน้ำได้ โชคชะตาคงเล่นตลกให้เธอกับเจ้าของร่างเดิมมีชื่อเดียวกัน “ท่านย่าอาซานยังเด็กนัก ท่านอย่าได้ทำเช่นนั้นเลย” นานมากกว่าที่นางจะเอ่ยออกมา “มันอยู่ที่เจ้าอาซือ ข้าขอเตือนเอาไว้ อีกสองวันคนบ้านถานจะมารับตัวเจ้าแล้ว อย่าให้เกิดเรื่องขึ้น ไม่อย่างนั้นข้าจะส่งอาซานไปแทนเจ้า แล้วขายซือหยางทิ้งเสีย” แม่เฒ่าเซี่ยจ้องหน้าเซี่ยซือซือแบบอาฆาต เด็กนี่ก่อนหน้าดูอ่อนแอไร้ทางสู้ ทำไมวันนี้ถึงได้ดูแปลกตาไปนัก “ท่านแม่เจ้าคะ ท่านจะลงโทษคนบ้านสามเรื่องหมั่นโถวนี่อย่างไรเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่ยังไม่ยอมปล่อยสามพี่น้องไปง่าย ๆ “พรุ่งนี้งดอาหารบ้านสาม” แม่เฒ่าเซี่ยเอ่ยแล้วหันหลังเดินออกจากห้องของเด็กน้อยทั้งสามไป โดยมีสะใภ้ใหญ่เดินตามไปด้วย “พวกเจ้าได้ยินแล้วใช่ไหม จำใส่หัวเอาไว้ดี ๆ ด้วยล่ะ” สะใภ้รองหมุนตัวตามหลังไปติด ๆ “ท่านพี่ต่อไปท่านอย่าทำเช่นนี้อีกนะเจ้าคะ ข้ากับน้องเล็กจะทำอย่างไร ถ้าท่านไม่อยู่” เซี่ยซานซานปล่อยเสียงร้องไห้ในทันที

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ
ยอดดวงใจซื่อจื่อ
1

บทที่ 1 พบกัน

19/02/2024

2

บทที่ 2 คนขี้นินทา

19/02/2024

3

บทที่ 3 ข้าไม่ปล่อยเจ้าแน่

19/02/2024

4

บทที่ 4 เลิกแล้วต่อกันได้หรือไม่

19/02/2024

5

บทที่ 5 แต่งงานกับผู้มีพระคุณ

19/02/2024

6

บทที่ 6 พี่สาวที่น่าสงสาร

19/02/2024

7

บทที่ 7 ข้าจะแต่งเอง

19/02/2024

8

บทที่ 8 ขัดจังหวะ

19/02/2024

9

บทที่ 9 รู้ทัน

19/02/2024

10

บทที่ 10 บีบบังคับ

19/02/2024

11

บทที่ 11 กลับบ้านเดิม

19/02/2024

12

บทที่ 12 เข้าหอ NC

19/02/2024

13

บทที่ 13 เก่งเกินไปแล้ว NC

19/02/2024

14

บทที่ 14 แผนของมารดา

19/02/2024

15

บทที่ 15 ท่านย่าผู้รู้ทัน

19/02/2024

16

บทที่ 16 หวานนัก NC

19/02/2024

17

บทที่ 17 ลงโทษ

19/02/2024

18

บทที่ 18 บังเอิญได้ยิน

19/02/2024

19

บทที่ 19 เผยความในใจ

19/02/2024

20

บทที่ 20 เพลิงไหม้และการหายตัวไปของคน

19/02/2024

21

บทที่ 21 ข้อแลกเปลี่ยน

19/02/2024

22

บทที่ 22 ผู้อยู่เบื้องหลัง

19/02/2024

23

บทที่ 23 ตามแผน

19/02/2024

24

บทที่ 24 จุดจบ

19/02/2024

25

บทที่ 25 ครอบครัวอบอุ่น ตอนจบ

19/02/2024