Relazione เจ้าหัวใจสายใยรัห

Relazione เจ้าหัวใจสายใยรัห

ไรท์เกว

5.0
ความคิดเห็น
14.8K
ชม
22
บท

“เหนื่อยทั้งกายเหนื่อยทั้งใจค่ะ แต่ม่อนไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ อยู่แล้วค่ะ หัวใจของเค้าเป็นของม่อนมาตั้งแต่แรก แค่ตอนนี้กำลังล่องลอยไม่รู้จุดหมาย แต่ม่อนจะตามหัวใจของเค้ากลับมาอยู่ที่ม่อนเหมือนเดิมให้ได้ค่ะ” เนื้อหาในนิยายล้วนเกิดจากจินตนาการไม่ได้มีเจตนาอ้างอิงถึงใครหรือสิ่งใด ขอทำความเข้าใจ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ ติดตามอัพเดตนิยายใหม่ๆ หรือพูดคุยกับไรท์ได้ที่ FB: ไรท์เกว ตัวอย่างบางตอน “แผล...แอล” หญิงสาวรีบพลิกตัวชายหนุ่มเพื่อดูรอยแผลเป็นตรงหัวไหล่ข้างซ้ายของเขา รอยแผลของเขายังอยู่ เธอคิดไม่ผิดจริงๆ ว่ายังไงเขาก็คือแอลคนรักของเธอ “ผมไม่ใช่แอล” ลอเลนโซพลิกตัวกลับมาพูดกับหญิงสาวเสียงเข้ม อันที่จริงเขาตื่นก่อนเธอนานแล้วและสามารถออกไปจากบ้านของเธอได้แต่ไม่คิดจะทำ เพราะอยากจะรู้เท่านั้นว่าหากเธอตื่นมาเจอเขาอยู่ข้างๆ จะมีปฏิกิริยาอย่างไร “ถ้าไม่ใช่ แล้วคุณมายุ่งกับฉันทำไม” หญิงสาวตวาดเสียงสั่นเพราะโมโหที่เธอจับเขาได้ขนาดนี้ยังจะมาปฏิเสธหน้าด้านๆ มือเรียวกำหมัดกันแน่น ดวงตาคู่สวยเริ่มมีน้ำตาคลอจ้องมองค้อนคนข้างกายไม่วางตา “ผมเป็นผู้ชาย คุณเสนอมาผมก็แค่สนองไปก็เท่านั้น อ่อ... ถ้าติดใจครั้งหน้าผมก็น่าจะแอบมาเจอคุณได้” “อย่ามาดูถูกฉันนะ” “ก็คุณ...ทำตัวให้ผมดูถูกเอง ถ้าไม่อยากถูกผมมองอย่างดูถูกอีก ก็อยู่ให้ห่างผมเข้าไว้เข้าใจใช่ไหม” เขายื่นหน้าเข้ามากระซิบข้างหูของคนที่กำลังมีน้ำตาด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ออกไปจากบ้านฉัน อ๊าย... ฮือๆๆๆ...” ม่อนไหมผลักใบหน้าลอเลนโซเต็มแรง เธอกรีดร้องลั่นด้วยความเจ็บใจและฟุบหน้ากอดเข่าร้องสะอึกสะอื้นไม่ยอมเงยหน้ามองความเป็นจริง

บทที่ 1 หายตัวไป

‘ไม่ต้องตามหาผม ขอโทษที่ต้องหายไปแบบนี้’ ต้นสายพยาบาลสาวหน้าสวยอ่านข้อความในจดหมายแผ่นเล็กจบก็กัดฟันบุ้ยปากสีหน้าเคร่งเครียด เพราะคิดเอาไว้แล้วว่าสามีของเพื่อนตัวเองนั้นเป็นคนที่ไม่ค่อยน่าไว้ใจสักเท่าไหร่

“ว่าแล้วเชียวไอ้ฝรั่งคนนี้มันดูลึกลับแปลกๆ” หญิงสาวยื่นจดหมายแผ่นเล็กคืนให้กับม่อนไหมที่เอาแต่นั่งกอดเข่าสะอึกสะอื้นอยู่ข้างๆ

“สาย เงียบปากเดี๋ยวนี้เลย” นิลน้ำนางพยาบาลสาวแว่นผลักหัวไหล่ต้นสายเบาๆ ทั้งขมวดคิ้วปรามให้ต้นสายได้รู้ว่าไม่ควรพูดอะไรที่สะเทือนจิตใจของม่อนไหมในตอนนี้ เพราะตอนนี้รู้ดีว่าหัวใจของม่อนไหมเจ็บปวดจนแทบจะสลาย ด้วยแต่งงานกับคนรักได้ไม่นานเขาก็หนีหน้าไปไม่ลาเสียอย่างนั้น

“ฮื่อ ฮื่อ ฮือๆๆ...” ม่อนไหมก้มหน้างุดสะอึกสะอื้นเสียงดังขึ้นเรื่อยๆ หัวใจของเธอตอนนี้ถูกความเครียดความเสียใจบีบคั้นจนรู้สึกปวดหนึบ เจ็บปวดจนพูดอะไรไม่ออก ได้แต่ระบายความเจ็บปวดออกมาผ่านน้ำตาและเสียงร้องให้เท่านั้น

ม่านแก้วมองหลานรักของตัวเองด้วยสายตสงสารและเหนื่อยใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น เธอพูดอะไรไม่ออกเหมือนกัน คราแรกที่ยอมให้ม่อนไหมให้แต่งงานกับฝรั่งตาน้ำข้าวที่ไม่รู้หัวนอนปลายเท้าก็เพราะเห็นว่าม่อนไหมน่าจะเห็นความดีอะไรในตัวของผู้ชายคนนั้น แต่ดูท่าตอนนี้หลานของเธอน่าจะดูคนผิดไป หวังว่าบทเรียนครั้งนี้จะทำให้ม่อนไหมไม่ไว้ใจใครได้ง่ายๆ อีก

“หึ่ม...นี่”

“หยุด” นิลน้ำชี้หน้าต้นสายเมื่อเห็นว่าเพื่อนของเธอกำลังจะเอ่ยพูดออกมา ด้วยรู้นิสัยเพื่อนเธอคนนี้ดีว่าไม่น่าจะเป็นคำพูดที่ปลอบใจม่อนไหมที่กำลังเสียใจอยู่แน่นอน ปรามต้นสายเรียบร้อยก็เข้าไปทิ้งตัวนั่งลงข้างๆ ม่อนไหมโอบกอดคนที่กำลังสะอื้นตัวสั่นเทาเงียบๆ

“วุ้ย...” ต้นสายลุกขึ้นเดินไปยืนกอดอกอยู่ที่หน้าประตูบ้าน เธออยากจะพูดออกมาเสียเหลือเกินว่าเห็นหรือยังผลของการไว้ใจคนง่ายมันเป็นเช่นไร

ย้อนไปเมื่อสามสี่เดือนก่อนหน้านี้ม่อนไหมได้พบเจอกับชายหนุ่มต่างชาติที่นอนจมกองเลือดอยู่ริมถนนหน้าปากทางเข้าบ้านของเธอ หลังจากนั้นก็ได้ช่วยชีวิตของเขาและดูแลจนหายดี แต่มีปัญหาตรงที่ชายหนุ่มบอกว่าตัวเองจำอะไรไม่ได้และไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใคร ม่อนไหมจึงให้เขาอาศัยอยู่ที่บ้านอีกหลังของเธอ

หลังจากนั้นทั้งคู่ก็สนิทสนมกันมากขึ้นจนเกิดเป็นความรัก และเลือกที่จะตัดสินใจแต่งงานด้วยกันอย่างรวดเร็วท่ามกลางเสียงคัดค้านของคนรอบข้าง เพราะไม่มีใครรู้ที่ไปที่มาของชายต่างชาติคนนี้แต่ม่อนไหมก็ไม่เชื่อฟังใครทั้งนั้น

เธอเลือกที่จะแต่งงานกับผู้ชายที่เพิ่งรู้จักได้ไม่นาน เพราะเชื่อในสัญชาติญาณของตัวเองว่าคนที่เธอเลือกไม่ใช่คนเลวร้ายและเธอก็อยากจะฝากชีวิตเอาไว้กับเขาดูแลกันและกันแบบนี้ตลอดไป

แต่สุดท้ายก็ต้องมานั่งผิดหวังเสียใจ เพราะหลังจากตกลงแต่งงานไม่เท่าไหร่ คนรักของเธอก็หนีหน้าไปทิ้งเพียงจดหมายที่ไม่มีความกระจ่างในการหายตัวไปให้เธอต้องมานั่งร้องให้เสียใจอยู่เช่นตอนนี้

“จะไปไหนม่อน” ม่านแก้วรีบรั้งตัวของม่อนไหมเอาไว้เมื่อจู่ๆ หลานเธอก็ลุกขึ้นพรวดเตรียมจะเดินดุ่มออกไปจากบ้าน

“จะไป ฮือ ฮือ... ตามหาแอล”

“มันหายหัวข้ามน้ำข้ามทะเลไปถึงไหนต่อไหนแล้วมั้ง ลงได้เขียนจดหมายไว้แบบนี้แสดงว่าวางแผนที่จะไปตั้งนานแล้วเชื่อฉันสิ” ต้นสายพูดเสียงขุ่น

“ฮือ ฮือ ฮือๆๆ...” คำพูดของต้นสายทำม่อนไหมเข่าอ่อนฟุบลงกับพื้น ก้มหน้าปล่อยน้ำตาไหลลงพรมจนเปียก

ครั้งนี้นิลน้ำไม่ได้ค้านอะไรกับคำพูดของต้นสายเพราะเธอก็คิดเช่นเดียวกับต้นสายเช่นกัน ตอนนี้ทุกคนมองไปยังหญิงสาวตัวเล็กด้วยสายตาเวทนา ไม่รู้จะช่วยหรือปลอบยังไงให้ม่อนไหมหายเสียอกเสียใจ เห็นว่าสิ่งเดียวที่จะปลอบม่อนไหมได้ก็คือเวลาเท่านั้น

“เป็นแบบนี้ก็ดีนะคะน้าแก้ว เพราะถ้าร้ายกว่านี้อีตาฝรั่งที่เราไม่รู้หัวนอนปลายเท้าเกิดมีลูกมีเมียแล้ว ลูกเมียมาตามเรื่องอาจจะเลวร้ายกว่านี้ก็ได้” ต้นสายพูดสิ่งที่คิดอยู่ในใจกับม่านแก้วและนิลน้ำหลังจากที่ม่อนไหมร้องให้จนหลับไปแล้ว

“น้าก็ไม่รู้เหมือนกันนะว่าทำไมม่อนถึงได้เลือกแต่งงานกับคนที่เพิ่งรู้จักกันได้ไม่เท่าไหร่ ทั้งที่หลานน้าก็ไม่ใช่คนที่รักใครง่ายๆ ไม่รู้ว่าจะเสียใจอีกนานเท่าไหร่เหมือนกัน” ม่านแก้วมองไปยังหน้าประตูห้องนอนของหลานสาวที่เธอเลี้ยงมาแต่อ้อนแต่ออกจนรักเสมือนเป็นลูกสาวในไส้ไปแล้ว

“มันแปลกตั้งแต่อีตานั่นไม่ยอมให้แจ้งความแล้วให้ตำรวจตามสืบว่าตัวเองเป็นใครมาจากไหนแล้วล่ะค่ะ ไม่รู้ว่าคิดอยากจะฟันม่อนแล้วทิ้งหรือเปล่า” ต้นสายเน้นเขี้ยวเน้นฟัน ยิ่งนึกถึงหน้าสามีของเพื่อนก็ยิ่งโมโห

“จบๆ ไปเถอะน่า ไหนๆ เค้าก็ไปแล้ว ตอนนี้คิดว่าจะทำยังไงให้ม่อนกลับมาสดใสเร็วๆ ดีกว่า” นิลน้ำเริ่มตัดบทเพราะตอนนี้ต้นสายเริ่มที่จะพูดเรื่องไม่ดีขึ้นเรื่อยๆ

“เราไปลางานแล้วพาม่อนไปเที่ยวที่อื่นไหมล่ะ ไม่ต้องให้อยู่บ้านสักอาทิตย์ไม่ต้องเห็นอะไรเดิมๆ น่าจะดีขึ้นไม่มากก็น้อย”

“อันนี้ฉันเห็นด้วยกับแกนะสาย น้าแก้วว่ายังไงคะ” นิลน้ำหันมาถามความเห็นจากม่านแก้ว

“ดีเหมือนกัน แต่น้าต้องฝากเราสองคนดูยัยม่อนนะ เพราะงานที่คาเฟ่ช่วงนี้ยุ่งมาก”

“ได้ค่ะน้าแก้ว พวกเราจะดูแลม่อนเองค่ะไม่ต้องห่วง”

หลังจากตกลงกันได้สองสาวก็ขอตัวกลับ เพราะพรุ่งนี้พวกเธอจะต้องไปทำงานที่โรงพยาบาลเอกชนในตัวเมืองช่วงเช้า

วันเวลาแห่งความเลวร้ายพ้นผ่านนานร่วมครึ่งเดือน ตอนนี้ม่อนไหมไม่ได้ร้องห่มร้องให้ฟูมฟายเช่นวันแรกๆ ที่เธอสูญเสียคนรักไปแล้ว เพราะหลังจากวันนั้นทั้งเพื่อนๆ และน้าของเธอช่วยกันหากิจกรรมให้เธอทำเพื่อทำให้ลืมเรื่องทุกข์ใจ

ตอนนี้ถึงเธอจะมีสภาพจิตใจดีขึ้นมามากแล้ว แต่ก็เลือกที่จะลาออกจากการเป็นพยาบาลในโรงพยาบาลเอกชนเพื่อพักกายพักใจอีกสักพักใหญ่ เพราะหากเธอยังเลือกที่จะดูแลคนป่วยในขณะที่ตัวเองยังสภาพใจยังไม่แข็งแรงดี งานของเธอก็จะออกมาไม่ดีด้วยเหมือนกัน

ม่อนไหม เกียรติภูมิอนันต์ พยาบาลสาววัย26 เธอเป็นคนตัวเล็กหุ่นนาฬิกาทรายไม่สูงมาก มีผิวขาวอมชมพู เรือนผมดกดำยาวสลวยจนถึงกลางหลัง ใบหน้ารูปไข่ คิ้วเรียวบางได้รูปดวงตากลมโตขนตางอนยาว มีพวงแก้มเล็กน้อยจมูกเรียวตรงไม่โด่งมากริมฝีปากอวบอิ่มมีรอยยิ้มสวยแฝงไปด้วยเสน่ห์

ชีวิตของหญิงสาวค่อนข้างอาภัพตั้งแต่เล็ก จากที่เคยได้ฟังม่านแก้วน้าสาวของตัวเองเล่าเรื่องราวให้ฟัง ตอนนั้นแม่ของเธอท้องแล้วถูกพ่อของเธอทิ้งจึงซมซานจากกรุงเทพมหานครกลับมาอยู่ที่เชียงใหม่ พอคลอดเธอได้ก็หนีหน้าหายไปไม่เคยหวนคืน เธอจึงถูกม่านแก้วเลี้ยงมาตั้งแต่เด็ก ไม่ใช่แม่ก็เหมือนแม่ไปแล้ว

ดีที่ยายและน้าของเธอเป็นคนที่มีฐานะปานกลางเลยเลี้ยงเธอมาได้อย่างไม่ต้องลำบาก เมื่อเธออายุย่างเข้า15 ยายของเธอก็มาเสียด้วยโรคชรา เธอจึงได้อาศัยอยู่กับน้าสาวสองคน ที่มีกินมีใช้ไม่ขัดสนก็เพราะมีที่ทางเป็นมรดกอยู่หลายไร่ ที่ส่วนมากก็ปล่อยให้คนเช่าแล้วเก็บค่าเช่ากิน อีกอย่างก็มีกิจการคาเฟ่ที่กำลังไปได้สวยทำเงินได้ดีด้วย

หลังจากเรียนจบม่อนไหมก็เข้าทำงานเป็นพยาบาลในโรงพยาบาลเอกชนในตัวเมืองพร้อมนิลน้ำและต้นสายเพื่อนรักที่สนิทกันมาตั้งแต่มัธยมต้น

ชีวิตของม่อนไหมราบรื่นมาโดยตลอด แม้จะมีหนุ่มๆ มาขายขนมจีบไม่ขาดสายแต่เธอก็ไม่เคยที่จะคิดสนใจ กลับมาตกหลุมรักคนที่เธอช่วยชีวิตเอาไว้ภายในในระยะเวลาไม่กี่เดือนที่ได้อยู่ใกล้ชิดกัน และแล้วก็ต้องผิดหวังที่จู่ๆ คนที่เธอรักและอยากจะอยู่ด้วยกันไปตลอดชีวิตกลับหนีหน้าหายไปไม่คิดแม้แต่จะบอกลากันต่อหน้า...

อ่านต่อ

หนังสืออื่นๆ ของ ไรท์เกว

ข้อมูลเพิ่มเติม
กรงรักรามินทร์

กรงรักรามินทร์

โรแมนติก

5.0

เขาพรากแม่ของเธอไปยังไม่พอ ยังมาพรากอิสระของชีวิตโดยการให้เธอแต่งงานกับเขาอีก ดวงตาของเธอ...มองไม่เห็น เพราะผลพวงจากการเกิดอุบัติเหตุครั้งนั้น อุบัติเหตุที่พรากแม่ของเธอไปตลอดกาล หากเป็นไปได้เธอก็อยากจะจากโลกนี้ไปพร้อมกับแม่ จะได้ไม่ต้องมาถูกคนเป็นพ่อบังคับให้แต่งงานกับคนที่พรากชีวิตแม่ของเธอไป เพราะต้องการเงินมาใช้หนี้ นิยายเรื่องนี้เกิดจากจินตนาการของผู้เขียนไม่ได้มีเจตนาจงใจอ้างอิงถึงใครหรือสิ่งใด ขอทำความเข้าใจ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ พูดคุยและติดตามอัพเดตนิยายเรื่องใหม่ๆ ได้ที่ FB: ไรท์เกว

บ่วงรักมาเฟียลวง

บ่วงรักมาเฟียลวง

โรแมนติก

5.0

“ออกไปให้พ้นจากชีวิตพราว คนอย่างคุณมันไม่เคยรักใครนอกจากตัวเอง” “ไม่ว่าจะยังไงผมก็ไม่ยอมปล่อยคุณไปจากชีวิตเด็ดขาด เพราะผมต้องการให้คุณเป็นเมียน้อยผมต่อไป” ตัวอย่างบางตอน “จะรีบไปไหนเรายังไม่ได้คุยกันเลย” “ปล่อย พราวไม่มีอะไรจะคุยกับคุณ” สาวเจ้าพยายามสะบัดมือหนาที่น่าขยะแขยงหมายจะให้มันหลุดพ้นไปจากแขนของเธอ ทว่าคนที่มือเหนียวปานตุ๊กแกก็ไม่ยอมปล่อยแขนเธอให้หลุดมือไปง่ายๆ ไม่พอแค่นั้นเขายังรวบอุ้มเธอพาดบ่าแล้วเดินดุ่มไม่อายสายตาของคนที่อยู่ระแวกนี้แม้แต่น้อย หากเขาไม่อายเธอเองก็จะแหกปากร้องอย่างให้คนช่วยอย่างไม่อายเช่นกัน เพราะไม่อยากจะอยู่แนบชิดกับตะวันวาดแม้แต่นาทีเดียว “ช่วยด้วยค่า ไอ้บ้านี่มันลักพาตัวฉันค่า ช่วยด้วย...” ปากเล็กตะโกนร้องให้คนช่วย ในขณะที่มือน้อยฟาดกำปั้นทุบไปที่แผ่นหลังกว้างไม่ขาดช่วง “แหกปากไปเถอะไม่มีใครช่วยคุณ ที่นี่มีแต่คนของผมทั้งนั้น” ตะวันวาดยังคงเดินเยื้องย่างสบายอารมณ์จนไปถึงลานจอดรถ หลังจากนั้นเขาก็จับพราวจันทร์ยัดเข้าไปในรถตู้ที่นครินทร์จอดรอพวกเขาอยู่แล้ว “ทำชั่วกันเป็นขบวนการจริงๆ” นครินทร์สะดุ้งเล็กน้อยเมื่อพราวจันทร์สบถขณะมาถึงรถ ไม่รู้ว่าเจ้านายตนไปมีเรื่องอะไรกับหญิงสาวก่อนหน้า แต่เขาก็ต้องพยายามทำตัวให้นิ่งที่สุดเท่าที่จะทำได้ และทำหน้าที่ขับรถต่อไปตามที่เจ้านายสั่งเท่านั้น “ถ้าอยากกลับถึงกรุงเทพอย่างปลอดภัยผมขอให้คุณสงบปากสงบคำเอาไว้ดีกว่า” พูดจบตะวันวาดก็ปรับเบาะนอนสบายอารมณ์ พราวจันทร์หันไปมองคนที่นอนอยู่เบาะข้างๆ ด้วยสีหน้าแววตาไม่สบอารมณ์บวกกับความฉงนหนัก ไม่อยากจะเชื่อว่าตะวันวาดจะหลับตาลงได้ในขณะที่เธอยังคงกระวนกระวายใจเพราะความเผด็จการของเขา ท่าทางคงจะทำไม่ดีกับคนอื่นจนชินเป็นนิสัยถึงได้ทำไม่รู้ร้อนรู้หนาวได้เก่งในเวลาที่ต้องบังคับคนอื่น

ลวงรักเจ้าสาวบ้านไร่

ลวงรักเจ้าสาวบ้านไร่

โรแมนติก

5.0

คราแรกเข้ามาทำเป็นรักเพื่อผลประโยชน์ ทว่าความน่ารักอ่อนโยนของเธอก็ทำให้หัวใจที่ถูกทำร้ายจนเหี่ยวเฉากลับมามีความสดชื่นอีกครั้ง ชีวิตรักของธารดาวและแสนรักไม่ได้สวยงามดั่งใจที่หวัง เพราะแผนการร้ายที่ชายหนุ่มเริ่มต้นเอาไว้ มันย้อนกลับมาทำร้ายความสัมพันธ์ของพวกเขาจนไม่เหลือชิ้นดี เมื่อคำว่ารักจากลมปากชายหนุ่มกลายเป็นแค่คำหลอกลวงสำหรับหญิงสาวที่กำลังอุ้มท้องลูกของคนใจร้าย เธอจะจัดการชีวิตยังไงต่อไป ติดตามอ่านเรื่องราวของพวกเขาทั้งสองได้ในเรื่อง ลวงรักเจ้าสาวบ้านไร่ ได้เลยนะคะ เนื้อหาในนิยายไม่ว่าจะเป็นชื่อคนหรือสถานที่ล้วนเกิดจากจินตนาการ ไม่ได้มีเจตนาอ้างอิงถึงใครหรือสิ่งใด ขอทำความเข้าใจ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ ติดตามการอัปเดตนิยายใหม่ๆ หรือพูดคุยกับไรท์ได้ที่ FB: ไรท์เกว นะคะ ธารดาวในชุดคลุมท้องสีชมพูหวานยืนโอบกอดหน้าท้องที่เพิ่งนูนออกมาเล็กๆ หญิงสาวยิ้มทั้งน้ำตาเพราะรู้สึกมีความสุขและทุกข์ใจไปในคราวเดียวกัน ไม่ได้อยากส่งพลังงานไม่ดีไปยังลูกน้อยในท้อง แต่ไม่ว่าจะทำอย่างไรเธอก็ไม่สามารถลืมความข่มขื่นใจใจที่เพิ่งเจอมาได้เลย “แม่ขอโทษนะลูก แม่จะพยายามเข้มแข็งให้เร็วที่สุด แม่สัญญา” ธารดาวนึกย้อนกลับไปในอดีตที่ผ่านมาไม่นานนัก ก่อนหน้านี้เธอและพี่ชายได้ใช้ชีวิตอยู่อย่างมีความสุขในไร่แสงฟ้า ไร่ที่เป็นมรดกตกทอดมาจากยายของเธอ ชีวิตของเธอเป็นไปอย่างเรียบง่ายในวิถีชีวิตที่ชนบท จนกระทั่งมีใครบางคนเข้ามาในชีวิต เขาให้ทั้งความสุขที่เธอไม่เคยพานพบ และก็ให้ความทุกข์ระทมใจที่เธอไม่เคยได้รับมาก่อนเช่นกัน

กลรักรณพีย์

กลรักรณพีย์

โรแมนติก

5.0

“อย่ามาแตะตัวฉัน” พลอยชมพูถอยห่างและส่งเสียงแข็งปรามอีกฝ่ายเมื่อเขากำลังยื่นมือหมายจะเชยคางของเธอ “อย่าหวงตัวไปหน่อยเลย เพราะถ้าคุณหวงตัวกับผม พ่อของคุณนั่นแหละจะเจ็บตัว” นี่หรือคนที่เธอเคยชื่นชมว่าเป็นสุภาพบุรุษ ตอนนี้เขาทำกับเธออย่างป่าเถื่อนและโหดร้าย เพียงเพราะต้องการที่จะใช้เธอเป็นเครื่องมือแก้แค้นพ่อของเธอ ผิดด้วยหรือที่เขาใจร้าย ในเมื่อเขาถูกกระทำให้เป็นแพะรับบาปว่าฆ่าพ่อตัวเองก่อน และเธอ...ก็เป็นเครื่องมือที่ดีที่สุดที่เขาจะใช้ในการแก้แค้น เนื้อหาในนิยายล้วนเกิดจากจินตนาการของนักเขียน ไม่ได้มีเจตนาอ้างอิงถึงใครหรือสิ่งใด ขอทำความเข้าใจ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ

ประธานคนนี้สามีของฉัน

ประธานคนนี้สามีของฉัน

โรแมนติก

5.0

“ไม่ขายแล้วโว้ยนิยาย ขายตัวดีกว่า” เพราะคำที่ตะโกนออกไปในตอนที่เมา เป็นผลพวงทำให้เธอได้ป่าวประกาศว่า “ประธานคนนี้สามีของฉัน” ในวันแต่งงาน เธอ นักเขียนนิยายที่เริ่มย่อท้อในการเป็นนักเขียน เพราะไม่ว่าจะทำยังไงเธอก็ไม่ประสบผลสำเร็จในเส้นทางนี้เสียที เธอนั่งดื่มคลายเครียดแล้วตะโกนว่าอยากขายตัวในขณะที่ไม่มีสติ... เขา ประธานผู้บริหารโรงพยาบาลเอกชนยักษ์ใหญ่ ผู้ที่เชื่อมั่นในรักแรกพบ ในเมื่อคนที่ถูกตาต้องใจเสนอขายตัวมาแล้ว มีหรือเขาจะไม่สนอง... เนื้อหาในนิยายล้วนเกิดจากจินตนาการ ไม่มีเจตนาอ้างอิงถึงใครหรือสิ่งใด ขอทำความเข้าใจ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ ติดตามอัพเดตนิยายใหม่ๆ หรือพูดคุยกับไรท์ได้ที่ FB: ไรท์เกว

Amore โซ่รักซ่อนสายใย

Amore โซ่รักซ่อนสายใย

โรแมนติก

5.0

“จำเอาไว้ ถ้าคุณมีลูกเมื่อไหร่ วันนั้นผมจะพรากลูกคุณไปให้ไกลแสนไกล คุณจะต้องเจ็บปวดทรมานเจียนตาย ให้สาสมกับที่เข้ามาหลอกลวงผม” เพราะคำประกาศิตนี้เธอถึงให้เขารู้เรื่องลูกไม่ได้ ชื่อตัวละคร ชื่อสถานที่ และเนื้อหาในนิยายล้วนเกิดขึ้นจากจินตนาการของนักเขียน ไม่ได้มีเจตนาอ้างอิงถึงใครหรือสิ่งใด ขอทำความเข้าใจ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ ติดตามการอัพเดตนิยายใหม่ๆ หรือพูดคุยกับไรท์ได้ที่ FB: ไรท์เกว ตัวอย่างบางตอน เจ้าเอยเดินหน้าเศร้ามายืนอยู่ที่หน้าห้องทำงานของมานูแอล เธอยืนถอนหายใจครู่หนึ่งก่อนที่จะตัดสินใจเคาะประตู ก๊อก ก๊อก ก๊อก เธอเคาะประตูเรียบร้อยก็เปิดประตูเดินก้มหน้าก้มตาเข้าไปด้านใน “ไปไหนมา” เสียงแข็งที่เอ่ยทักทายทำเข้าเอยเริ่มกำมือกันแน่น ประหม่ากับเรื่องที่จะพูดกับมานูแอลพอสมควร “เอยขอยืมเงินคุณสักห้าหมื่นได้ไหมคะ แล้วเอยจะรีบหามาคืนค่ะ” เธอไม่อยากลงรายละเอียดว่าจะเอาเงินไปจ่ายค่ารักษาของพ่อ เดี๋ยวจะถูกมองสิ่งที่เธอต้องการจากเขาก็มีเพียงแค่เงินเท่านั้น “หึ่...” มานูแอลละสายตาจากการมองหน้าจอไปแพดในมือ เขาสบถในลำคอเสมือนกำลังเยาะเย้ยตัวเองและหญิงสาวไปพร้อมๆ กัน เขารู้ความจริงเรื่องที่เธอเข้ามาในชีวิตจเขาเพราะเงินไม่เท่าไหร่ วันนี้หญิงสาวก็แบกหน้ามาขอให้เขาช่วยเหลือเรื่องเงินอย่างหน้าไม่อาย “ผมไม่ให้ยืม แต่ผมจะให้เป็นค่าตัว แค่คุณนอนอ้าขาให้ผมระบายอารมณ์ ผมจะให้คุณครั้งละสองหมื่น” สิ้นเสียงของมานูแอเสมือนมีก้อนอะไรแข็งๆ ติดอยู่ที่คอของเจ้าเอย เธอกลืนน้ำลายไม่ลงคอ ทั้งยังต้องพยายามกลั้นน้ำตาเพราะรู้ตัวว่ากำลังถูกดูถูกค่าความเป็นคน แต่ยังไงเธอก็ต้องยอม “ครั้งนี้ผมจะให้ห้าหมื่นตามที่คุณขอก็แล้วกัน อีกสองชั่วโมงผมจะเข้าไปที่ห้องนอนคุณก็จัดการตัวเองให้เรียบร้อยก็แล้วกัน” เจ้าเอยพยักหน้าน้อยๆ รับคำของมานูแอล หลังจากนั้นจึงรีบหันหลังให้เขาและเดินออกไปจากห้องทำงานของชายหนุ่ม เพราะไม่อยากให้เขาได้เห็นน้ำตาจากความอ่อนแอของเธอ

หนังสือที่คุณอาจชอบ

ซูเจิน นายหญิงแห่งพฤกษา

ซูเจิน นายหญิงแห่งพฤกษา

l3oonm@
5.0

“ท่านผู้อำนวยการคะ ทางทีมสำรวจแจ้งว่าคนไม่เพียงพอที่จะเข้าไปเก็บตัวอย่างพันธุ์พืชในป่าเมืองเหอหนานค่ะ” ซูเจิน ที่ได้ยินก็หูผึ่งทันที เธอนั่งทำการอยู่ในห้องวิจัยตั้งแต่เรียนจบ ถึงตอนนี้ก็สี่ปีได้แล้ว ผู้อำนวยที่เข้ามาตรวจงานวิจัยล่าสุด ก็มองไปรอบห้อง เพื่อดูว่ามีใครต้องการเสนอตัวไปทำงานในครั้งนี้หรือไม่ แต่หลายคนที่เขามองไป ต่างหลบสายตาของเขา จะมีใครอยากออกไปเสี่ยงอันตราย เดินป่าขึ้นเขาให้เหนื่อยสู้นั่งทำงานในห้องปรับอากาศเย็นๆ ดีกว่า เมื่อไม่มีใครคิดจะเสนอตัว เขาจึงได้สอบถามหาผู้ที่สมัครใจทันที “มีใครอยากจะอาสาไปไหม” ไว้กว่าความคิด ซูเจินยกมือขึ้น “ฉันค่ะ” เพื่อนสนิทรีบดึงเสื้อของเธอเพื่อจะห้ามปราม “จะบ้าหรอ เธอไม่เคยไปสักครั้ง ไม่รู้หรือว่างานนี้เสี่ยงแค่ไหน” เสียงกระซิบของเสี่ยวชิง เอ่ยลอดไรฟันออกมา เมื่อปีที่แล้ว ที่ทีมสำรวจเดินทางเข้าไปที่ป่าเหอหนาน พื้นป่าที่ไม่อาจสำรวจได้อย่างทั่วถึง สร้างความท้าทายให้เหล่านักพฤกษศาสตร์จากทุกองค์กร แต่ไม่ว่าจะส่งเข้าไปกี่ครั้งก็ไปไม่ถึงป่าชั้นกลางเสียที แม้จะใช้เทคโนโลยีที่ล้ำหน้าเข้าช่วยเพียงได้ ก็สำรวจได้เพียงป่าชั้นนอก แถมยังพาชีวิตคนไปทิ้งอีกนับไม่ถ้วน ปีนี้ทางองค์กรของซูเจิน หยิบโครงการสำรวจป่าเหอหนานขึ้นมาใหม่ แต่กว่าจะหาทีมสำรวจได้ครบคนก็กินเวลาไปหลายเดือน ถึงตอนนี้คนก็ยังไม่พอจนต้องมาถามหาจากทีมวิจัยให้ช่วยเหลือ “คุณอยากไปจริงหรือ” เขาเอ่ยถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง “ค่ะ ฉันอยากลองทำงานนี้” ซูเจินยิ้มออกมา “ได้ อีกสองวัน คุณก็เตรียมตัวให้พร้อม” เมื่อมีคนเสนอตัวแล้ว ผู้อำนวยการก็ออกไปพบทีมสำรวจ เพื่อวางแผนการทำงาน ทั้งยังให้ซูเจินตามเขาไปเข้ารวมการประชุมในครั้งนี้ด้วย “เธอมันบ้าไปแล้ว” เพื่อร่วมงานต่างเดินเข้ามาหาซูเจิน แล้วตำหนิเธอที่กล้ายกมือเสนอตัว “เอาน่า ไว้กลับมาฉันจะเอาเรื่องสนุกมาเล่าให้พวกเธอฟัง” ซูเจินยิ้มหวานออกมา ก่อนที่จะเก็บของแล้วไปเข้าร่วมประชุมกับทีมสำรวจ สองวันต่อมาซูเจินก็แบกกระเป๋าเดินทางมาที่จุดนัดพบ เธอออกเดินทางด้วยรถตู้ขององค์กร พร้อมทีมสำรวจอีกเกือบยี่สิบชีวิต ยังดีที่เธอได้แบกกระเป๋าเพียงใบเดียว หากต้องแบกเต็นท์นอน อาหารด้วย คงได้เป็นภาระของคนอื่นอย่างแน่นอน ภายในป่าเหอหนาน น่ากลัวว่าที่ซูเจินคิดไว้เยอะ พอตะวันตกดิน หากไม่มีแสงไฟที่ทีมสำรวจนำมาด้วยคงจะมืดจนมองไม่เห็นอะไร เสียงแมลงทั้งสัตว์ป่าร้องตลอดทั้งคืน สร้างความหวาดกลัวให้กับคนที่ไม่เคยเข้าป่าสักครั้งอย่างเธอได้อย่างดี ยังดีที่เจ้าหน้าที่ผู้นำทางติดตามมาด้วยอีกหลายคน พวกเขาจึงได้อยู่ผลัดเปลี่ยนเวรยาม เพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์ป่าเข้ามาถึงตัวพวกเขา หลายวันที่อยู่ในป่า ซูเจินเก็บตัวอย่างพันธุ์ได้หลายชนิด แต่ทั้งทีม ยังเดินไม่หลุดป่าชั้นนอกเลย ยังดีที่อาหารที่เตรียมมาเพียงพอให้พวกเขาอยู่ไปได้อีกหลายวัน “เอ๊ะ” เข้าวันที่เจ็ดของการสำรวจป่า ซูเจิน เห็นดอกไม้แปลกตา ที่ขึ้นอยู่ท่ามกลางพงหญ้ารก เธอจึงเดินห่างจากกลุ่มทีมสำรวจเข้าไปดูทันที เพราะไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องอะไรได้ ระยะห่างที่อยู่ไกลจากพวกเขา หากร้องเรียกก็ยังได้ยินอยู่ เธอหยิบกล้องถ่ายรูปขึ้นมา พร้อมทั้งจดรายละเอียดก่อนที่จะดึงต้นไม้เก็บเข้าถุงเก็บตัวอย่างที่เตรียมมา แต่เมื่อมือของซูเจินสัมผัสไปที่ดอกไม้ เธอก็ต้องตกตะลึง เหมือนมีกระแสไฟวิ่งผ่านปลายนิ้วไปจนทั่วทั้งตัว “โอ๊ยย” เสียงร้องอย่างเจ็บปวดของซูเจิน เรียกความสนใจให้คนทั้งหมดรีบวิ่งมาทางที่เธออยู่ ซูเจินเห็นเพียงแสงสีขาวที่สว่างวาบไปทั่ว แล้วภาพตรงหน้าของเธอก็ดำมืดลง

คุณท่าน คุณนายมาหาอีกแล้ว

คุณท่าน คุณนายมาหาอีกแล้ว

Thacher
5.0

ในวันครบรอบแต่งงาน เหวินซือถูกเมียน้อยของสามีวางยาและไปมีอะไรกับคนแปลกหน้า เธอสูญเสียความบริสุทธิ์ไป แต่เมียน้อยคนนั้นกลับตั้งท้องลูกของสามี ภายใต้ความกดดันต่างๆ เหวินซื่อสูญรู้สึกสิ้นหวังและตัดสินใจหย่า แต่สามีของเธอกลับไม่แยแสโดยคิดว่าเธอกำลังเล่นลูกไม้อยู่ หลังจากการหย่ากัน เหวินซือกลายเป็นจิตรกรที่มีชื่อเสียงและมีผู้ชายนับไม่ถ้วนที่ตามจีบเธอ อดีตสามีไม่ยอมและขอคืนดีไปถึงที่ จากนั้นก็ว่า เธออยู่ในอ้อมแขนของคนใหญคนโตคนหนึ่ง และชายคนนั้นก็พูดอย่างสงบว่า "ดูให้ดี นี่คือพี่สะใภ้ของนาย"

ฉันหนีไม่พ้นแล้ว

ฉันหนีไม่พ้นแล้ว

Fiona Lynx
5.0

ที่งานหมั้น มู่ซินยวี่ดื่มเหล้าเข้าไปจนรู้สึกร้อนรุ่มไปทั้งตัว เมื่อเห็นเงาร่างที่คุ้นเคย เธอจึงพุ่งเข้าไปหาและจูบอย่างหลงใหล “คุณสามีจ๋า ฉันอยาก...” หลังจากเกิดอะไรบ้าคลั่งมาคืนหนึ่ง เมื่อตื่นขึ้นมาก็พบว่าชายที่อยู่ข้างกายเธอคือ เสิ่นเจียสวี่ ลูกพี่ลูกน้องนักบินของคู่หมั้น! “ตอดรัดแน่นมาก ชอบมากเลยเหรอ?”พอเสียงแหบ ๆ เบา ๆ นี้ลอยเข้าหูมา ที่น่ากลัวกว่านั้นคือเสียงคู่หมั้น เสิ่นเจียหวิน ตะโกนโวยวายอยู่หน้าประตู เสิ่นเจียสวี่เอาเสื้อสูทคลุมหัวเธอเพื่อพาเธอออกมาแต่ก็ยื่นเงื่อนไขโหดร้าย “มาเป็นกิ๊กของฉัน ไม่งั้น...ลองเดาดูสิว่าตระกูลเสิ่นจะมองเธอเป็นหญิงสำส่อนยังไง ?” มู่ซินยวี่กัดฟันรับข้อเสนอ แค่อยากจะหลุดพ้นจากสถานการณ์นี้ แต่กลับพบว่าเสิ่นเจียสวี่คือกัปตันเครื่องบินของเธอ ในห้องพักบนเครื่องบินสูงหมื่นเมตร เขาจับเอวเธอ "คิดหนีเหรอ? เที่ยวบินนี้ฉันเป็นเป็นหลัก" เธอกล้ำกลืนเอาไว้เพื่อรักษาบริษัทที่แม่ทิ้งไว้และพ่อที่ป่วยหนักของเธอ แต่กลับได้ยินเสิ่นเจียหวินเยาะเย้ยว่า “คุณหนูที่ตกอับ เล่นสนุกแค่แป๊บเดียวก็เบื่อแล้ว!” และเห็นเขากอดมู่อยู่อู่ น้องสาวบุญธรรม พร้อมทุ่มเงินฟุ่มเฟือย! มู่ซินยวี่รู้สึกใจหาย เอาล่ะ การหมั้นนี้ เธอไม่เอาแล้ว เธอหันหลังไปหาเสิ่นเจียสวี่ที่มีอำนาจมากกว่า “ช่วยฉันถอนหมั้น ฟื้นฟูบริษัท แล้วฉันจะยอมตามใจคุณ” ชายหนุ่มมีประกายตาแห่งความต้องการเป็นเจ้าของ “ตกลง จำไว้ จากนี้ไป เธอต้องเป็นของฉันเท่านั้น” ตั้งแต่นั้น ชีวิตของมู่ซินยวี่ก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง

คุณนายยอมหย่าแล้ว

คุณนายยอมหย่าแล้ว

Calv Momose
4.9

หลังจากแต่งงานกันมาสามปี เวินเหลี่ยงก็ยังไม่เคยได้ความรักจากฟู่เจิ้งแต่อย่างใดเลย เมื่อรักแรกของเขากลับมา สิ่งที่รอเธออยู่คือหนังสือการหย่า "ถ้าฉันมีลูก คุณยังเลือกหย่าไหม?" เธออยากจับโอกาสสุดท้ายนี้ไว้ แต่แล้วมีแต่คำตอบที่เย็นชาว่า "ใช่" เวินเหลี่ยงหลับตาและเลือกที่จะปล่อยมือ ...ต่อมาเธอนอนอยู่บนเตียงคนไข้ด้วยความสิ้นหวังและลงนามในข้อตกลงการหย่า "ฟู่เจิ้ง เราไม่ได้เป็นหนี้กันอีกต่อไปแล้ว..." ชายที่มีความเด็ดขาดและเย็นชามาโดยตลอดนอนอยู่ข้างเตียงขอร้องให้อีกฝ่ายกลับมาด้วยเสียงแผ่วเบา "เหลียง ได้โปรดอย่าหย่าได้ไหม?"

ภรรยาหวานใจคือบอสตัวจริง ได้รับความรักเอาใจสุด ๆ!

ภรรยาหวานใจคือบอสตัวจริง ได้รับความรักเอาใจสุด ๆ!

Devi Frair
5.0

ได้ข่าวว่าเจ้าเด็กสาวหน้าตาจิ้มลิ้มที่ทำให้ครอบครัวลี่ล่มสลาย ถูกขับไล่ออกจากประเทศไปหลายปี… ตอนนี้กลับมาแล้ว คืนนั้น หลี่ เย่ถิงจับเอวเธอแน่นแล้วกดเธอเข้ากับมุมกำแพงอย่างแรง ดวงตาเย็นเยียบมืดลึก “ฉันอนุญาตเธอตั้งแต่เมื่อไหร่?” เฉียวเว่ยยี่ยิ้มเย้ยเย็น “คุณหลี่ คำคนมันน่ากลัวนะคะ เราสองคนจบกันไปนานแล้ว กรุณารักษามารยาทด้วยค่ะ” วันถัดมา เหล่าบรรดาผู้มีอำนาจทั่วทั้งเมืองจิงก็ได้รับบัตรแดงคำเตือนจากครอบครัวลี่ทันทีว่า “คุณนายรองของพวกเราอารมณ์ไม่ค่อยดีนัก ไม่ชอบได้ยินคำซุบซิบนินทา” พวกคนที่นั่งรอให้เฉียวเว่ยยี่ตกต่ำแล้วหนีไปแบบหมดรูป ??? พวกคุณไปจดทะเบียนกันตั้งแต่เมื่อไหร่?

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ