“ออกไปให้พ้นจากชีวิตพราว คนอย่างคุณมันไม่เคยรักใครนอกจากตัวเอง” “ไม่ว่าจะยังไงผมก็ไม่ยอมปล่อยคุณไปจากชีวิตเด็ดขาด เพราะผมต้องการให้คุณเป็นเมียน้อยผมต่อไป” ตัวอย่างบางตอน “จะรีบไปไหนเรายังไม่ได้คุยกันเลย” “ปล่อย พราวไม่มีอะไรจะคุยกับคุณ” สาวเจ้าพยายามสะบัดมือหนาที่น่าขยะแขยงหมายจะให้มันหลุดพ้นไปจากแขนของเธอ ทว่าคนที่มือเหนียวปานตุ๊กแกก็ไม่ยอมปล่อยแขนเธอให้หลุดมือไปง่ายๆ ไม่พอแค่นั้นเขายังรวบอุ้มเธอพาดบ่าแล้วเดินดุ่มไม่อายสายตาของคนที่อยู่ระแวกนี้แม้แต่น้อย หากเขาไม่อายเธอเองก็จะแหกปากร้องอย่างให้คนช่วยอย่างไม่อายเช่นกัน เพราะไม่อยากจะอยู่แนบชิดกับตะวันวาดแม้แต่นาทีเดียว “ช่วยด้วยค่า ไอ้บ้านี่มันลักพาตัวฉันค่า ช่วยด้วย...” ปากเล็กตะโกนร้องให้คนช่วย ในขณะที่มือน้อยฟาดกำปั้นทุบไปที่แผ่นหลังกว้างไม่ขาดช่วง “แหกปากไปเถอะไม่มีใครช่วยคุณ ที่นี่มีแต่คนของผมทั้งนั้น” ตะวันวาดยังคงเดินเยื้องย่างสบายอารมณ์จนไปถึงลานจอดรถ หลังจากนั้นเขาก็จับพราวจันทร์ยัดเข้าไปในรถตู้ที่นครินทร์จอดรอพวกเขาอยู่แล้ว “ทำชั่วกันเป็นขบวนการจริงๆ” นครินทร์สะดุ้งเล็กน้อยเมื่อพราวจันทร์สบถขณะมาถึงรถ ไม่รู้ว่าเจ้านายตนไปมีเรื่องอะไรกับหญิงสาวก่อนหน้า แต่เขาก็ต้องพยายามทำตัวให้นิ่งที่สุดเท่าที่จะทำได้ และทำหน้าที่ขับรถต่อไปตามที่เจ้านายสั่งเท่านั้น “ถ้าอยากกลับถึงกรุงเทพอย่างปลอดภัยผมขอให้คุณสงบปากสงบคำเอาไว้ดีกว่า” พูดจบตะวันวาดก็ปรับเบาะนอนสบายอารมณ์ พราวจันทร์หันไปมองคนที่นอนอยู่เบาะข้างๆ ด้วยสีหน้าแววตาไม่สบอารมณ์บวกกับความฉงนหนัก ไม่อยากจะเชื่อว่าตะวันวาดจะหลับตาลงได้ในขณะที่เธอยังคงกระวนกระวายใจเพราะความเผด็จการของเขา ท่าทางคงจะทำไม่ดีกับคนอื่นจนชินเป็นนิสัยถึงได้ทำไม่รู้ร้อนรู้หนาวได้เก่งในเวลาที่ต้องบังคับคนอื่น
ในเมืองใหญ่ของกรุงเทพมหานครยามหัวค่ำเป็นเวลาที่ท้องถนนครึกครื้นไปด้วยรถยนต์ ตามข้างถนนหรือร้านค้าร้านอาหารที่เปิดก็ครึกครื้นไปด้วยผู้คนเพราะเป็นเวลาเลิกงานของวันสุดสัปดาห์
สามสาวเพื่อนรักที่เพิ่งเรียนจบมาหมาดๆ จากมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งย่านชานเมืองกรุงเทพมหานคร พราวจันทร์ เมขลาและล้อมรัก นัดกันมาที่ที่หนึ่งในย่านห้วยขวางเพื่อสักการะเทพที่ศักดิ์สิทธิ์ เพราะต้องการขอพรเพื่อเป็นสิริมงคลก่อนที่จะเริ่มสมัครงานและเข้าสู่วัยทำงานเต็มตัว
สามสาวฝ่าฝูงชนเข้าไปไหว้องค์เทพอยู่พักใหญ่ก็ออกมาหาอะไรรับประทานเพราะตั้งแต่ออกจากบ้านมาก็ยังไม่มีอะไรตกถึงท้อง หลังจากเดินลัดเลาะริมฟุตบาทอยู่พักใหญ่พวกเธอก็มาหยุดอยู่กันที่ร้านก๋วยเตี๋ยวแฟรนไชส์เจ้าดังที่ตั้งร้านอยู่ในซอยเล็กๆ
“ป้าคะเอาหมี่หมูน้ำตกพิเศษลูกชิ้นสามค่ะ แคปหมูสามถุงนะคะ”
“นั่งเลยลูก อีกสามคิวเดี๋ยวป้าทำให้”
“ค่ะ”เป็นเมขลาหญิงสาวร่างสูงเพรียวเดินเข้าไปสั่งอาหารที่หน้าร้านก่อนจะกลับมานั่งรวมกับเพื่อนทั้งสองที่นั่งรออยู่ที่โต๊ะก่อนแล้ว
“สั่งแคปหมูมาด้วยเปล่าเม”
“ของโปรดป้าแว่นเพื่อนรักเพื่อนเลิฟจะลืมได้ยังไง”
ที่เมขลาสั่งแคปหมูมาสามถุงไม่ใช่ว่าเธอจะเอามาแบ่งกันคนละถุง แต่เธอสั่งมาให้พราวจันทร์เพียงคนเดียว เพราะรู้ว่าเพื่อนจะรับประทานก๋วยเตี๋ยวมื้อนี้ไม่อร่อยแน่ หากไม่มีแคปหมูมาคอยเคี้ยวไปกับก๋วยเตี๋ยวในทุกๆ คำ
“เออ..พวกแกเห็นหรือเปล่าตรงที่เราไปไหว้องค์เทพเมื่อกี้ ข้างๆ มีคนไปนั่งดูหมอดูกันเต็มเลย ฉันอยากรู้ว่าหมอที่นี่เค้าแม่นจริงไหม” ล้อมรักสาวเจ้าเนื้อเอ่ยขึ้นมาในระหว่างที่นั่งรออาหาร สงสัยพอสมควรว่าทำไมคนถึงแห่กันมาดูดวงที่นี่มากมายนัก
“ก็คงแม่นจริงๆ นั่นแหละ ไม่อย่างงั้นคนจะรอต่อคิวกันเยอะขนาดนั้นเลยเหรอ” เมขลาเชื่ออย่างไม่มีข้อกังขา ด้วยเพราะเธอเองก็เป็นคนเชื่อเรื่องที่เหนือธรรมชาติมากพอตัวอยู่แล้ว อีกทั้งหากเป็นหมอดูที่ไม่แม่นคงไม่มีคนมารอต่อคิวกันมากมายอย่างที่เห็น
“อยากรู้ว่าแม่นไม่แม่น แกก็ไม่ลองไปต่อคิวดูล่ะล้อม” พราวจันทร์หันมาสะกิดไหล่ล้อมรัก
“ฉันไม่รู้จะดูเรื่องอะไร” ล้อมรักนั่งบุ้ยปากส่ายหัว เพราะตอนนี้ในหัวของเธอว่างเปล่าเรื่องการอยากรู้อนาคต
“งานไง เราไปถามเค้ากันดีไหมว่ายื่นสมัครงานแถวไหนแล้วจะมีโอกาสได้งานสูง จะได้ไม่ต้องเสี่ยงยื่นไปหลายที่” เมขลาออกความเห็น
“อืม...ก็ดีนะ” ล้อมรักเริ่มคลายสีหน้าฉงนและเริ่มแสยะยิ้มร่าดวงตามีประกายแห่งความหวัง หากเธอรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าคร่าวๆ จะได้ทำให้เธอวางแผนอะไรๆ ได้ง่ายขึ้น
“นี่สาวๆ อยากดูดวงกันเหรอ” แม่ค้าก๋วยเตี๋ยวร่างท้วมเดินถือถาดที่วางชามก๋วยเตี๋ยวทั้งสามพร้อมแคปหมูมาให้เหล่าสามสาวด้วยตัวเอง
“ค่ะคุณป้า คุณป้าพอจะรู้ไหมคะว่าหมอดูแถวนี้คนไหนแม่น” ล้อมรักเงยหน้ามองคนที่กำลังวางชามก๋วยเตี๋ยวตรงหน้าพวกเธอ
“อยู่ตรงหน้าพวกหนูไง”
“คุณป้าดูดวงเป็นเหรอคะ” เมขลาเริ่มมองแม่ค้าร่างท้วมด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความสงสัย
“คิดว่าป้าดูเป็นไหมล่ะ ป้าว่าป้าก็พอจะรู้เรื่องของพวกเราอยู่นะ”
สายตาของสามสาวจ้องมองกองถุงแคปหมูกันเป็นตาเดียว เมื่อมันกองอยู่ตรงหน้าของพราวจันทร์เพียงแค่คนเดียวโดยที่พวกเธอไม่ได้บอกก่อน
“ระดับจิตสัมผัสเลยนะเนี่ย” เมขลากระซิบกระซาบกับล้อมรัก ตอนนี้สามสาวเริ่มขนลุกซู่ไปทั้งตัว รู้สึกเหมือนมีพลังงานอะไรบางอย่างที่ทำให้พวกเธอรู้สึกหนาวขั้นมากะทันหัน
“จะกินกันก่อนหรือจะคุยกับป้าก่อนดีล่ะ”
“ขนาดนี้แล้วต้องคุยก่อนแล้วค่ะ” เมขลาไม่ได้สนในชามก๋วยเตี๋ยวที่ส่งกลิ่นหอมเตะจมูกตรงหน้าแล้ว ตอนนี้เธอสนใจมากกว่าว่าแม่ค้าขายก๋วยเตี๋ยวคนนี้รู้อะไรบ้างเกี่ยวกับพวกเธอ
อีกทั้งที่อยากจะคุยตอนนี้ก็เพราะเห็นว่ายังไม่มีลูกค้าเดินเข้ามาในร้าน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเธอก็ต้องถามให้แน่ใจก่อนว่าจะถูกเรียกเก็บค่าครูกันเท่าไหร่ หากเป็นจำนวนที่พวกเธอจ่ายไม่ไหวเธอก็จะขอผ่านปฏิเสธไปก่อน
“แล้วป้าจะเก็บค่าครูคนละเท่าไหร่คะ”
“หนูสะดวกเท่าไหร่ก็เอาเงินไปไว้ที่กระถางผ้าป่าตรงนั้นก็พอ”
แม้ค้าร่างท้วมชี้ไปยังกระถางผ้าป่าที่มีเงินแบงค์ยี่สิบแบงค์ร้อยเหน็บอยู่กับไม้ก้านยาวเรียวเล็กที่เสียบเข้าไว้กับต้นผ้าป่าหญ้าคาใต้ต้นโพธิ์ใหญ่ที่อยู่ข้างร้านก๋วยเตี๋ยว
สามสาวรู้เช่นนั้นก็พอจะเบาใจเรื่องค่าครูในการดูดวง เพราะพวกเธอก็เป็นแค่เด็กที่เพิ่งเรียนจบใหม่ ไม่ได้อยากใช้เงินฟุ่มเฟือยโดยที่ไม่จำเป็น
“โอเคค่ะ”
หลังจากทั้งสามเอาเงินไปติดที่ถังผ้าป่าคนละหนึ่งร้อยบาท แม่ค้าร่างท้วมก็พาพวกเธอเดินไปที่หลังต้นโพธิ์ บรรยากาศความเงียบงันเย็นยะเยือกที่สามสาวสัมผัสได้ทำเอาพวกเธอขนลุกมาพร้อมๆ กัน เพราะบรรยากาศหน้าร้านก๋วยเตี๋ยวและหลังต้นโพธิ์ใหญ่นี้เหมือนเป็นคนละโลกกันก็ว่าได้
สามสาวมองหน้ากันด้วยแววตาฉงน เพราะไม่คิดว่าหลังต้นโพธิ์ใหญ่นี้จะมีโต๊ะดูดวงวางตั้งอยู่ข้างหลังด้วย เดาได้เลยนว่าแม่ค้าคนนี้คงทำสองอาชีพในเวลาเดียวกันแน่นอน
และที่น่าแปลกใจไปกว่านั้นตรงหน้าโต๊ะสีแดงตอนนี้มีเก้าอี้อยู่สามตัวเท่ากับจำนวนของพวกเธอพอดี เหมือนตั้งเอาไว้รอพวกเธออย่างไงอย่างงั้น
“นั่งสิ”
เสียงของป้าขายก๋วยเตี๋ยวเริ่มมีน้ำเสียงที่ต่ำและเชื่องช้าลง นั่นยิ่งเพิ่มความน่าขนลุกให้กับสามสาวเข้าไปใหญ่ แต่ก็ไม่มีใครกระโตกกระตากพูดถึงความน่ากลัวออกมาได้แต่มองหน้าและใช้สายตาสื่อสารกันเท่านั้น
“อยากยื่นใบสมัครงานอยู่ใช่ไหม”
“ใช่ค่ะ”
พราวจันทร์พยักหน้าหงึกๆ เพราะเธอยังไม่ทันที่จะได้พูดอะไรแม่ค้าร่างท้วมที่กำลังอยู่ในสถานะของหมอดูก็ทักสิ่งที่อยู่ในใจของเธอออกมาแล้ว
“อืมของหนูคนนี้...” แม่ค้าร่างท้วมมองมายังพราวจันทร์
บทที่ 1 อยากรู้เหตุการณ์ล่วงหน้า
13/04/2024
บทที่ 2 เป็นใครกันแน่
13/04/2024
บทที่ 3 สัมภาษณ์งาน
13/04/2024
บทที่ 4 คำทำนายเป็นจริง
13/04/2024
บทที่ 5 งานเลี้ยงต้อนรับ
13/04/2024
บทที่ 6 เปลี่ยนเป็นคนละคน
13/04/2024
บทที่ 7 เปลี่ยนแผน
13/04/2024
บทที่ 8 ค้างคืนบนเรือ
13/04/2024
บทที่ 9 รู้สึกต้องการ
13/04/2024
บทที่ 10 เลวกว่าที่คิด
13/04/2024
บทที่ 11 ไม่รักแม้แต่นิดเดียว
13/04/2024
บทที่ 12 เลิกเรียกว่าเมีย
13/04/2024
บทที่ 13 ผัวชั่ว
13/04/2024
บทที่ 14 ถ่ายพรีเวดดิ้ง
13/04/2024
บทที่ 15 รีบแต่งงาน
13/04/2024
บทที่ 16 ชิงสุกก่อนห่าม
13/04/2024
บทที่ 17 บีบบังคับ
13/04/2024
บทที่ 18 ตราหน้าว่าเป็นเมียน้อย
13/04/2024
บทที่ 19 เรื่องร้าย
13/04/2024
บทที่ 20 แย่งความรัก
13/04/2024
บทที่ 21 ไม่ปล่อยไปง่ายๆ
13/04/2024
บทที่ 22 ถูกพิษ
13/04/2024
บทที่ 23 รู้สึกผิด
13/04/2024
บทที่ 24 แม่
13/04/2024
บทที่ 25 รู้สึกพิเศษ
13/04/2024
บทที่ 26 อยากหอมเมีย
13/04/2024
บทที่ 27 ขอให้ห่างจากลูกสาว
13/04/2024
บทที่ 28 หาเรื่อง
13/04/2024
บทที่ 29 ขอโทษจากใจจริง
13/04/2024
บทที่ 30 ปวดหัวใจ
13/04/2024
บทที่ 31 ปัญหาหัวใจ
13/04/2024
บทที่ 32 คิดถึงใจจะขาด
13/04/2024
บทที่ 33 ตอนจบ
13/04/2024
หนังสืออื่นๆ ของ ไรท์เกว
ข้อมูลเพิ่มเติม