ชีวิตเธอกำลังมีความสุข แต่แล้วก็ประสบอุบัติเหตุมาอยู่ในยุคโบราณ อยู่โบราณไม่ว่าถ้ามาอยู่ในร่างเด็กที่แม่ป่วย พ่อพิการ แถมตัวเองก็เป็นคนเดียวที่พอจะหาอาหารให้พวกเขาได้!!
ชุดกระโปรงยาวสีขาวบริสุทธิ์ฟูฟ่องดุจเจ้าหญิงสวมทับอยู่บนร่างของต้าเหนิง เธอมองภาพสะท้อนตัวเองในกระจกด้วยความรู้สุขปลาบปลื้ม วันที่เธอเฝ้าฝันมาถึงแล้ว เสียงระฆังวิวาห์วันนี้คงถูกจดจำในใจเธอไปตราบนานเท่านาน หญิงสาวหมุนตัวหน้ากระจกด้วยความอิ่มเอมใจ อยากจะจดจำตัวเองในวันนี้ไว้ เพราะเธอคงมีโอกาสใส่มันแค่ครั้งเดียว และเธอก็ปรารถนาให้มันเป็นแค่ครั้งเดียวชั่วชีวิตนี้จริงๆ
หญิงสาวนักพฤษศาสตร์วัยยี่สิบห้าปีขององค์กรเอกชนแห่งหนึ่งกำลังจะได้เริ่มต้นชีวิตครอบครัวอย่างเป็นทางการในอีกไม่กี่ชั่วโมง
"ต้าเหนิง รถพร้อมแล้วนะ" เพื่อนเจ้าสาวคนหนึ่งเดินมาเรียกเธอในห้อง วันนี้เพื่อนๆ ของเธอก็สวยพริ้มทุกคน ต้าเหนิงรู้สึกดีใจมากที่เพื่อนๆ เธอสามารถมากันได้ครบทุกคน เพราะวัยทำงานนั้นโอกาสในการรวมตัวกันกับกลุ่มเพื่อนน้อยยิ่งกว่าน้อย
"วันนี้ขอบใจพวกเธอมากนะ"
"วันสำคัญของเพื่อนทั้งทีนี่นา รีบไปขึ้นเถอะ ราชรถของเจ้าหญิงมาแล้ว" หญิงสาวคนเดิมเอ่ยแซวก่อนจะดันหลังของเธอให้ขึ้นไปนั่งบนรถที่ตกแต่งด้วยผ้ามันวาวอย่างสวยงาม ต้าเหนิงจะนั่งไปกับคนขับรถ และเพื่อนของเธอจะตามมาในภายหลัง
ปลายทางคือโบสถ์ที่ใช้ทำพิธี ซึ่งเจ้าสาวคนนี้ยิ้มกว้างไปตลอดทาง ใครเห็นก็รับรู้ได้ว่าเธอต้องมีความสุขมาแน่ๆ หญิงสาวพยายามทำใจให้สงบแม้เธอจะตื่นเต้นมากก็ตาม
เจ้าบ่าวของเธอคือคนที่คบกันมาตั้งแต่เรียนมหา’ลัยปีหนึ่ง เป็นความมั่นคงอันยาวนานที่ทำให้เธอยอมตกลงสวมแหวนจากเขา
"คุณพ่อคะ หนู...มีความสุขมาก" เธอไม่รู้จะหาคำใดมาบ่งบอกความรู้ตอนนี้ได้ชัดเจนไปกว่านี้อีกแล้ว
"ยินดีกับลูกด้วยนะ เจ้าหนุ่มนั่นเป็นคนดี แต่ถ้าเริ่มไม่ดีก็กลับมาบ้านนะ"
"โธ่ พ่อคะ ไม่เป็นไรหรอกน่า หนูเก่งมากนะ"
"พ่อรู้ลูกรัก แต่คนเราไม่ต้องเข้มแข็งตลอดเวลาก็ได้ พ่อกับแม่ยังอยู่ข้างลูกเสมอนั่นล่ะ"
ชายวัยย่างเข้ากลางคนระบายยิ้มอบอุ่นออกมา วันนี้แล้วที่ลูกจะออกไปจากอ้อมอกของพ่อแม่ สร้างครอบครัวของตัวเอง คนเป็นพ่อก็อดรู้สึกสุขปนเศร้าไม่ได้ สัญญาณไฟจราจรสั่งให้หยุด อีกไม่ไกลก็ถึงสถานที่จัดงานแล้ว ต้าเหนิงใช้ช่วงเวลานี้พยายามเรียกสติตัวเองกลับมา ทว่ากลับสัมผัสได้ถึงหัวใจที่เต้นกระหน่ำอยู่ในอกตัวเองอย่างชัดเจน
"ฮู่~"
"ตื่นเต้นเหรอลูก"
"ค่ะ"
"ไม่เป็นไร มันจะผ่านไปด้วยดี วันที่แต่งงานกับแม่ พ่อก็ตื่นเต้นมากเหมือนกัน"
หลังจากผู้เป็นพ่อพูดจบ สัญญาณไฟก็เปลี่ยนสี รถยนต์ประดับผ้าเคลื่อนตัวไปช้าๆ ทว่าหางตาหญิงสาวในชุดขาวก็สังเกตเห็นความผิดปกติบางอย่างเข้าเสียก่อน
"คุณพ่อคะ!" เธอร้องลั่นด้วยความตกใจเมื่อรถซุปเปอร์คาร์จากฝั่งตรงข้ามเสียหลักพุ่งเข้ามาขณะที่เธอกับพ่ออยู่ตรงกลางแยก
พาหนะเหล็กกระแทกกันเสียงดังสนั่น ยังไม่ทันรับรู้เหตุการณ์ต่อจากนั้นเธอก็รู้สึกได้ถึงความเจ็บแปลบที่แล่นขึ้นมาของตัวเองก่อนแล้ว ร่างของต้าเหนิงลอยเคว้งอยู่ในอากาศ สะบัดตามแรงเหวี่ยงของรถที่กระแทกมาจนไถลร่วงลงพื้น
หูของเธออื้ออึงไปชั่วขณะ ไม่อาจขยับร่างกายได้ดั่งใจ ทิวทัศน์เดียวในคลองสายตาเวลานั้นคือรถยนต์สีขาวที่เธอกับพ่อนั่งมายับเยินจากอุบัติเหตุ เสียงโวยวายของผู้คนโดยรอบที่ฟังไม่ได้ศัพท์ ร่างกายเจ็บจนชาไปถึงอวัยวะภายใน ชุดเจ้าสาวถูกย้อมเป็นสีแดง แล้วสติของเธอก็ค่อยๆ เลือนหายไป
บางทีนั่นอาจเป็นแค่ฝันร้าย หรือไม่เธอก็กำลังฝันซ้อนฝัน ความอึดอัดที่แสนคุ้นเคยนี้เหมือนเคยเกิดขึ้นมาก่อนในวัยเด็ก ร่างทั้งร่างเย็นเฉียบจากสิ่งเร้าภายนอก สัมผัสแรกของฝ่ามือคือดินโคลนเหลวๆ ของก้นแม่น้ำ เปลือกตาที่ปิดสนิทค่อยๆ เปิดขึ้นตามสติการรับรู้ที่ค่อยๆ กลับมา ความอึดอัดจนทรมาณเสียดอกทำให้ดวงตาคู่นั้นเบิกโพลงขึ้นทันที เด็กหญิงผู้หนึ่งตะเกียกตะกายขึ้นจากน้ำสุดแรง รอบข้างมืดมิดจนน่าขนลุก เห็นแต่เพียงแสงสะท้อนของพระจันทร์ที่ทอดผ่านลงมานำทาง
อากาศหลุดลอยออกจากปากจนไปหมดจนไม่มีอะไรให้ออกมาแล้ว ทำให้นางต้องกัดฟันใช้แรงเฮือกสุดท้ายพาตัวเองขึ้นไป มือเล็กบางของมนุษย์วัยต้นอ่อนไขว่คว้าอากาศและผืนน้ำพาตัวเองขึ้นมาสูดอากาศจนเต็มปอดได้สำเร็จ
นางพาตัวเองว่ายเข้าหาฝั่ง ทันทีที่พาตัวเองขึ้นไปได้ก็สำลักน้ำออกมาหลายคำ ไอจนเจ็บอกเจ็บคอก่อนจะทิ้งตัวนอนแผ่อยู่แบบนั้น เด็กหญิงหายใจหอบเหมือนใช้เรี่ยวแรงส่วนของวันนี้ทั้งวันนี้หมดไปแล้วกับการเอาชีวิตรอด หลังจากสติได้เล็กน้อยก็พึ่งได้มีเวลาสังเกตตัวเอง
"นี่มัน...อะไร"
มองมือตัวเองที่เล็กจิ๋วไม่ต่างจากมือเด็ก ทั้งยอมผอมแห้งติดกระดูกเหมือนไม่เคยได้กินอะไรดีๆ ตั้งแต่เกิด ปากเล็กๆ อ้ากว้างด้วยความตื่นตะลึง ต้าเหนิงพุ่งไปที่ริมน้ำอีกครั้ง แล้วหญิงสาวก็ได้เห็นภาพสะท้อนเต็มตา บุคคลตรงหน้านี้ต้าเหนิงไม่รู้จักอย่างแน่นอน
ทำไมฉันถึงกลายเป็นเด็กไปได้!?
ผู้อยู่ในร่างเด็กน้อยเริ่มสติหลุดอีกหน ใจเย็นแทบไม่อยู่ แต่ก็ระลึกได้ว่ายิ่งเสียสติจะยิ่งแย่ เธอต้องใจเย็นๆ ก่อน มือน้อยๆ ตบแก้มตัวเองเบาๆ เรียกสติ ต้าเหนิงนั่งอยู่อย่างนั้นครู่หนึ่งเพื่อปรับลมหายใจให้เข้าที่ คิดย้อนไปถึงเหตการณ์ที่เกิดขึ้นอีกครั้ง
ในห้วงคะนึงหนึ่งสักแห่งหนหนึ่งที่เธอไม่รู้จัก หญิงสาวในชุดเจ้าสาวสีขาวบริสุทธิ์เหมือนไม่เคยมีเลือดเปรอะเปื้อนมาก่อนยืนอยู่ต่อหน้าบุรุษผมยาว เขาสวมชุดฮั่นฝูดูสง่างาม ใบหน้าเข้ารูปไร้ที่ติเหมือนพระเจ้าตั้งใจแกะสลักอย่างบรรจง
ชายคนนั้นโบกมือพัดในมือด้วยท่าทีเอื่อยเฉื่อย เดินวนรอบนางเหมือนสำรวจวัตถุแปลกตา
"แม่นางน้อยผู้นี้ เจ้าช่างประหลาด อยู่ต่อหน้าข้ากลับไม่มีท่าทีตกใจเลยนะ"
"จริงๆ แล้วฉันตกใจมากค่ะ แค่สติไม่มากพอจะตกใจไปกว่านี้แล้ว" เธอตอบตามจริง เพราะตอนนี้ก็ยังไม่รู้เลยว่าสติเธอกลับมาหรือยัง ตอนนี้เธอพูดอยู่ใช่หรือเปล่า ที่นี่ที่ไหน หลายคำถามสาดซัดใส่ในหัวจนเหมือนระบบประมวลผลขัดข้องอย่างไรอย่างนั้น
บุรุษผู้นั้นหัวเราะเบาๆ ไม่รู้ว่าชอบใจหรือตลกสิ่งที่เธอพูดอยู่จริงๆ กันแน่ มองดูดีๆ แล้วตัวเขาคล้ายว่าเรืองแสงอยู่ตลอดเวลา และเวลาที่เปิดปากเอื้อนเอ่ยสักคำรัศมีรอบกายนั้นก็ยิ่งสว่างขึ้นวาบขึ้นไปอีก
ผู้ชายคนนี้เป็นสิ่งที่นอกเหนือจากมนุษย์ไปแล้วอย่างไม่ต้องสงสัย หรือถ้าเป็นมนุษย์ ก็ไม่ใช่คนธรรมดาแบบเธอแน่ๆ
"คุณมารับวิญญาณฉันหรือคะ?"
ต้าเหนิงคิดความเป็นไปได้อื่นไม่ออกจริงๆ ในเมื่อเธอตายแล้วก็ควรต้องข้ามทางหวงเฉวียนใช่หรือเปล่า
เขาไม่ได้ตอบคำถามเธอในทันที แต่ยื่นน้ำแกงถ้วยหนึ่งมาให้
"นี่คือ?"
"ไม่ใช่ของอันตรายอะไรหรอก เจ้าไม่มีพันธะผูกพันกับที่นั่นแล้ว จึงต้องไปที่อื่นก็เท่านั้น"
เขากล่าวด้วยท่าทีสบายๆ แต่หญิงสาวขมวดคิ้วขึ้นมาทันทีที่ฟังจบ เธอรับถ้วยใบนั้นมาถือไว้ด้วยมือสั่นเทา อยู่ๆ ดวงตาก็ร้อนผ่าวขึ้น
"หมายความว่ายังงที่ว่าไม่มีพันธะผูกพันแล้ว ฉันพึ่งตกลงแต่งงานกับคนรัก ยังไม่ทันได้แต่งก็เป็นแบบนี้ ท่านคิดว่าฉันจะยอมรับได้หรือ" เธอร้องออกมาพร้อมหยาดน้ำตาพรั่งพรู ที่ยืนอยู่ตรงนี้ก็ยังทำใจไม่ได้ด้วยซ้ำ ยังยืนอยู่ได้ก็ปาฏิหาริย์แล้ว แล้วพ่อของเธออีกล่ะ ไม่รู้เขาจะเป็นอย่างไร ปลอดภัยไหม
ทำไมเธอจะไม่มีพันธะ ทำไมเธอจะไม่ผูกพันกับใคร ชีวิตยี่สิบห้าปีมันว่างเปล่าขนาดพูดคำนั้นออกมาได้เชียวหรือ นี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นอยู่กันแน่
ชีวิตมนุษย์มันแค่นี้อย่างนั้นหรือ ไม่เข้าใจเลยสักนิด และไม่อยากเข้าใจด้วย ต้าเหนิงไม่แน่ใจว่าตัวเองโกรธหรือเศร้าอยู่กันแน่ อาจจะเป็นทั้งสองอารมณ์ปะปนกันอยู่ตอนนี้ แต่เธอรู้แน่ชัดว่าตัวเองกำลังไม่พอใจ
"มีภพมีจาก โชคชะตาวนเวียน เช่นนี้คือมนุษย์ ความตายไม่อาจเรียกคืนได้ แม้แต่เดรัจฉานยังรู้เรื่องนี้ แม่นางน้อยปล่อยวางเถิด"
บทที่ 1 1
06/08/2024
บทที่ 2 2
06/08/2024
บทที่ 3 3
06/08/2024
บทที่ 4 4
06/08/2024
บทที่ 5 5
06/08/2024
บทที่ 6 6
06/08/2024
บทที่ 7 7
06/08/2024
บทที่ 8 8
06/08/2024
บทที่ 9 9
06/08/2024
บทที่ 10 10
06/08/2024
บทที่ 11 11
06/08/2024
บทที่ 12 12
08/08/2024
บทที่ 13 13
09/08/2024
บทที่ 14 14
09/08/2024
บทที่ 15 15
09/08/2024
บทที่ 16 16
10/08/2024
บทที่ 17 17
10/08/2024
บทที่ 18 18
10/08/2024
บทที่ 19 19
11/08/2024
บทที่ 20 20
11/08/2024
บทที่ 21 21
11/08/2024
บทที่ 22 22
12/08/2024
บทที่ 23 23
12/08/2024
บทที่ 24 24
12/08/2024
บทที่ 25 25
13/08/2024
บทที่ 26 26
13/08/2024
บทที่ 27 27
13/08/2024
บทที่ 28 28
14/08/2024
บทที่ 29 29
14/08/2024
บทที่ 30 30
14/08/2024
บทที่ 31 31
15/08/2024
บทที่ 32 32
13/08/2024
บทที่ 33 33
13/08/2024
บทที่ 34 34
13/08/2024
บทที่ 35 35
13/08/2024
บทที่ 36 36
13/08/2024
บทที่ 37 37
13/08/2024
บทที่ 38 38
13/08/2024
บทที่ 39 39
13/08/2024
บทที่ 40 40
13/08/2024
หนังสืออื่นๆ ของ จิรัฐติกาล
ข้อมูลเพิ่มเติม