Login to MeghaBook
icon 0
icon เติมเงิน
rightIcon
icon ประวัติการอ่าน
rightIcon
icon ออกจากระบบ
rightIcon
icon ดาวน์โหลดแอป
rightIcon
จันทราเล่ห์ร้าย

จันทราเล่ห์ร้าย

จิรัฐติกาล

5.0
ความคิดเห็น
2.3K
ชม
20
บท

นางตายแล้วฟื้น ฟื้นมากับพรสวรรค์ที่สามารถมองเห็นวิญญาณและคุยกับสัตว์ได้ คุยกับผีว่าแปลกแล้ว ยังต้องมาเจอสามีที่ไม่เอาไหนอีก แบบนี้แล้วจะให้นางเป็นภรรยาที่แสนดีได้ยังไง ใครว่านางร้ายก็เชิญเข้ามา...

บทที่ 0 บทนำ

เรือนทางทิศใต้ตอนนี้มืดสนิท มีเพียงเสียงอีการ้องอยู่หน้าเรือนโดยไม่ยอมจากไปไหน ในเวลาที่จันทราปรากฏแสงสว่างอยู่บนฟ้า แต่ในตัวเรือนกลับเงียบเหมือนไม่มีคนอาศัย

สาวใช้ที่เดินเกาะกันกลม หันมองรอบด้านอย่างระแวง อีกไม่นาน ก็จะถึงเรือนด้านหน้าแล้ว แต่ขาพวกนางกลับไม่กล้าขยับเดินต่อไปอีก สาวใช้ที่หวาดกลัวนั้นหันมองซ้ายขวา ได้ยินเหมือนเสียงคนกำลังลับมีด เมื่อเห็นโต๊ะหินอ่อนใต้ต้นไม้ก็รีบวางถาดอาหาร แล้ววิ่งหนีอย่างรวดเร็ว

ประตูห้องถูกเปิดออกเสียงดัง เอี๊ยดดด ทำให้คนฟังยิ่งสั่นสะท้านจนไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมอง คนในเรือนก้าวเท้าออกมา มองจันทราที่ส่องแสงลงมาในคืนนี้

สตรีนางน้อยที่ว่าหันมองอีกาดำที่อยู่บนต้นไม้

“ตงตงมานี่” เจ้าของชื่อที่ถูกเรียกยังคงเกาะอยู่ที่เดิม จนคนเรียกต้องพูดอีกรอบ “ถ้าเจ้าไม่ลงมา ข้าจะจับกินเป็นนกย่าง อีกอย่างใครใช้ให้เจ้าไปส่งเสียงเรียกสาวตรงนั้น ใช่เวลาที่ไหน”

อีกาดำกระพือปีก หันหน้ามองอีกฝั่ง และไม่ยอมลงไปตามคำสั่ง คนเรียกจึงหันมองรอบกายแล้วหยิบก้อนหินขึ้นปาใส่

“ลงมา เลิกเล่นได้แล้ว ข้าหิวจะแย่อยู่แล้ว ฟงจิวเสร็จหรือยัง”

เสียงลับมีดด้านในเรือนหยุดลง จากนั้นเจ้าของชื่อก็เดินถือมีด เล่มใหญ่ออกมาด้านนอก มือซ้ายชูปลาหนึ่งตัวที่ถืออยู่ให้ดู

“เสร็จแล้วคุณหนู” จากนั้นก็เอาปลาที่ว่าไปวางบนเตาไฟ หันมามองอาหารที่วางอยู่บนโต๊ะ

“พวกเราโดนตัดอาหารอีกแล้ว” จานอาหารที่เหลือเพียงสองจาน มีแค่ผัดเนื้อเค็มกับผักกาดดอง “ขืนเป็นแบบนี้ต่อไป พวกเราได้อดตายแน่ เจ้าค่ะคุณหนู”

คุณหนูนั่งลงแล้วคีบอาหารขึ้นกิน “ก็ดีกว่าไม่มีกิน” นางคีบอาหารใส่จานเจ้ากาดำไปด้วย เจ้ากามองเพียงครู่ก่อนสะบัดหน้าไม่ไยดี

“เอ๊ ถ้าเจ้าเลือกมากก็อดไปเลย” เจ้าอีกาดำดูเหมือนจะลังเล มันหันมามองอย่างทำใจอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะจิกลงไปบนเนื้อเค็มที่ค้างอยู่หลายวัน

“คุณหนูเจ้าขา กว่านายท่านจะกลับมา พวกเราไม่อดตายกันก่อนหรือเจ้าคะ ฮูหยินใหญ่รังแกพวกเราเกินไปแล้ว ถึงยังไงคุณหนูก็เป็นบุตรีของฮูหยินเอกนะเจ้าคะ”

หวังซูเหยามองวิญญาณมารดาที่กำลังนั่งถอนใจอยู่ข้าง ๆ นาง แสดงสีหน้าชัดเจนว่ากำลังโมโหตัวเองที่ตายไปเสียก่อน

“ท่านแม่อย่าโทษตัวเองเลย” นางกล่าวเช่นนี้ หากเป็นคนอื่นได้ยินคงวิ่งหนี แต่เพราะสาวใช้นาง และเจ้าอีกาดำนั้นเห็นภาพนั้นชินตาจึงหันไปทางอื่นแทน

ซูเหยานึกถึงเรื่องตั้งแต่สามเดือนก่อนตอนที่นางตกน้ำ และฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง จำได้ว่าตอนนั้นนางมองเห็นมารดาตน จึงร้องเรียก และพูดคุยอยู่นาน แต่ก็ไม่ได้ยินเสียงตอบรับกลับมา

คนรอบข้างนางต่างคิดว่านางเสียสติ แต่นางรู้ตัวว่าตัวเองไม่ได้บ้า มีสติครบถ้วนดี เพียงแต่นางสามารถมองเห็นคนตายได้ ได้ยินความคิดของคนอื่นได้ อีกทั้งยังสามารถคุยกับ...

“ถ้าอิ่มแล้วก็ไปที่อื่น” อีกาดำหันมองนางแล้วผงกหัว จากนั้นก็บินไปยังต้นไม้ต้นเดิมเพื่อที่จะหลีสาวอีกครั้ง

ซูเหยานึกสถานการณ์ตอนนี้ นางต้องระเห็จมาอยู่ท้ายจวน ถูกลิดรอนอาหารการกิน แล้วยังถูกปล่อยข่าวลือว่า นางเป็นบ้าเสียสติอีก

รู้สึกว่าแม่เลี้ยงนางจะรังแกนางมากไปจริง ๆ แต่การอยู่ท้ายจวน ก็ไม่ใช่เรื่องแย่ อย่างน้อยนางก็ได้คุยกับมารดาอย่างเปิดเผย

“กว่าท่านพ่อจะกลับจากชายแดนก็คงอีกหลายเดือน ถึงอย่างไร พวกเราก็ต้องอดทน ถึงไม่มีเนื้อให้กินก็ยังมีปลา” นางชี้ไปยังสระบัว เจ้าปลาที่ว่าตอนนี้กำลังกระโดดหนีหายเกือบหมด เหตุเพราะถูกนางจับกินทุกวัน

ฟงจิวถอนใจอีกรอบ “พวกเราจะยอมถูกรังแกเช่นนี้หรือเจ้าคะ” ใบหน้าสาวใช้บูดบึ้งด้วยความไม่พอใจ พลางมองคุณหนูที่ไม่รู้ร้อนรู้หนาว

“หรือพวกเราจะออกไปเผชิญชะตากรรมด้านนอก ข้ารับหน้าที่เป็นหมอดูดีหรือไม่”

ฟงจิวส่ายหน้าอย่างรวดเร็ว “ไม่เอาเจ้าค่ะ คุณหนูของบ่าวเป็นถึงบุตรสาวคนโตของเสนาบดีสกุลหวัง จะให้ออกไปเดินเร่ปราบผีได้เช่นไร”

ซูเหยาได้ยินคำว่าปราบผีก็รู้สึกเข้าทาง “แต่ข้ามองเห็นวิญญาณได้ จะไม่ดีได้เช่นไร อีกอย่าง พวกเขาก็ไม่ได้น่ากลัวเสียหน่อย เพียงแต่พูดไม่ได้ และสื่อสารกับพวกเราไม่ได้”

วิญญาณมารดาพยักหน้าเห็นด้วย พอมองบุตรสาวตนที่กินอยู่อย่างลำบากก็ยิ่งเสียใจ ไม่ทันจะทำอะไรต่อก็มีบ่าวรับใช้หิ้วตะกร้าผ้ามากองใหญ่

“ฮูหยินใหญ่บอกให้คุณหนูปักผ้าพวกนี้ให้เสร็จภายในสามวัน”

เพราะว่าทำอะไรนางไม่ได้ แถมเรื่องผีก็ถูกลือไปทั่ว ฮูหยินใหญ่ จึงหาเรื่องเพิ่มจากการทรมานเรื่องข้าวปลาอาหาร ด้วยการมอบงานปักผ้าให้นางอีก

จวนเสนาบดีร่ำรวยเพียงนี้ จะปักผ้าไปขายทำไม ข้ออ้างเพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายดูจะมีแต่คนโง่เขลาเท่านั้นที่เข้าใจ ซูเหยามองกองผ้านั้นแล้วก็ลุกขึ้น

“คุณหนู ผ้าพวกนี้ทำยังไงเจ้าคะ”

“วางไว้ตรงนั้นแหละ”

ทำหรือไม่ทำนางก็ถูกลงโทษอยู่ดี แล้วเหตุใดจะต้องลงแรงให้เมื่อยตัวด้วยเล่า ฟงจิวเห็นแบบนั้นก็ร้อน ๆ หนาว ๆ

และเป็นอย่างที่คิด สามวันถัดมาเมื่อแม่นมหลิว คนของฮูหยินใหญ่มาเห็น

“จับนางออกมาลงโทษ”

“ไม่ได้นะเจ้าคะ” ฟงจิวรีบมาขวางทาง แต่ก็ถูกบ่าวพวกนั้นขวางเอาไว้ สุดท้ายก็จับคุณหนูออกมาด้านนอกจนได้

ซูเหยาถูกจับกดลงพื้นหมายจะเฆี่ยนให้ตาย ระหว่างที่แม่นมหลิวของฮูหยินใหญ่สั่งการนั้น บ่าวชายที่กำลังยกไม้ขึ้นมาก็พบว่า

“ทำไมไม่ยก”

“มันหนักขอรับ”

“ไม้แค่นั้นจะหนักเท่าไรเชียว” แม่นมหลิวไม่เชื่อก็รีบเข้ามาคว้า หมายจะนำไปฟาดลงหลังซูเหยาเอง แต่กลับยกไม่ได้เช่นกัน

คนกำลังจะถูกเฆี่ยนเงยหน้า ก็เห็นวิญญาณมารดากำลังนั่งทับ ไม้นั้นอยู่ จากนั้นก็มีลมและฝนมืดฟ้ามัวดิน พร้อมกับเสียงร้องของอีกา แม่นมหลิวและบ่าวพวกนั้นก็มองอย่างระวัง พอเห็นเงาสีดำลอยมาก็ร้องลั่นกระท่อม แล้ววิ่งหนีกันกระเจิง

ฟงจิวรีบประคองคุณหนูขึ้นมา และช่วยปัดฝุ่นออก “ทีแบบนี้ละวิ่งเร็วนัก ดูสิว่าต่อไปจะมาหาเรื่องคุณหนูอีกหรือเปล่า”

“เอาน่า ถึงพวกนั้นไม่มาหาเรื่องข้า ก็ยังหาโอกาสแกล้งข้าได้อยู่นั่นแหละ” ซูเหยาคิดว่าอยู่แบบนี้ต่อไปไม่ดีแน่นอน

เรือนตะวันออกซึ่งเป็นเรือนของเจียงฮูหยินในตอนนี้ ซูเหมยผู้เป็นบุตรสาวกำลังวุ่นวายกับการเลือกเสื้อผ้าที่จะไปงานวันเกิดสกุลเหยียนพรุ่งนี้

“ท่านแม่ ท่านว่าชุดนี้ดีหรือไม่”

“ดีที่สุด เสื้อผ้าพวกนี้แม่ล้วนเลือกมาเพื่อเจ้าอย่างดี”

สีหน้าซูเหมยดูมีความสุข “ลูกจะต้องทำให้คุณชายรองเฉิงเคอพอใจในตัวลูกให้ได้”

คุณชายรองเฉิงเคอที่บุตรสาวนางพูดถึงนั้น คือคู่หมายของซูเหยาบุตรสาวคนโตของฮูหยินคนก่อน ที่จริงแล้วเรื่องพวกนี้มีความผิดพลาดอยู่ ตามหลักแล้วซูเหยาต้องหมั้นหมายกับคุณชายจือหยวนมากกว่า แต่เพราะว่านิสัยไม่เอาไหนของอีกฝ่าย เหนียงฮูหยินเลยหมั้นหมายบุตรสาวตนให้กับคุณชายรองเฉิงเคอแทน

เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว นางก็แค่ทวงสิ่งที่เป็นของตนจะผิดอะไร ในเมื่อ ซูเหยาไม่สามารถไปได้ และบุตรสาวตนก็เพียบพร้อมพอที่จะออกหน้า ออกตาได้

พวกนางสองคนไปร่วมงานกันอย่างมีความสุข ซูเหมยได้พบกับคุณชายเฉิงเคอสองต่อสอง ก็เลยได้สนทนากันครู่หนึ่ง

“แล้วซูเหยาเล่า ไม่ได้มาด้วยรึ” เฉิงเคอหันมองรอบ ๆ พยายามมองหาซูเหยา แต่ก็ไม่เห็น

คนเป็นน้องสาวหงุดหงิด แต่ก็รู้ว่าตัวเองสามารถทำให้อีกฝ่ายสนใจได้ จึงทำทีเหมือนเป็นลมให้อีกฝ่ายประคองลงนั่ง

“ขอบพระคุณท่านพี่มากเจ้าค่ะ”

“เจ้าควรพักผ่อน” แต่เฉิงเคอกลับไม่ได้สนใจนางสักนิด จึงทำให้นางไม่พอใจ นึกแค้นใจจนพาลมายังกระท่อมท้ายเรือน

ซูเหยาที่กำลังเอามือผิงไฟเพราะหนาวจัด กำลังรู้สึกดีก็มีเสียงประตูเปิดเข้ามา เมื่อหันไปมองก็พบว่าเป็นซูเหมย น้องสาวคนดีของนาง

อีกฝ่ายเดินเข้ามา หันมองฟืนในเตาแล้วก็เดินไปหยิบกาน้ำชามาสาดลงไป

“คุณหนูรอง” ฟงจิวรีบห้าม แต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว กองไฟสุดท้าย ดับไปแล้ว ความหนาวเหน็บเข้ามาแทนที่

“ข้าเกลียดท่าน จำเอาไว้ สิ่งใดที่เป็นของท่าน ข้าจะเอามันมาเป็นของข้าให้ได้!”

นี่ซูเหมยไปกินตีนหมีที่ไหนมา มาถึงก็ด่านางไม่หยุดปาก จากนั้นก็ทำลายข้าวของ ซูเหยาไม่ได้ห้าม นางเพียงแต่จดจำการกระทำของน้องสาวคนดีให้ขึ้นใจ

นางเชื่อคำว่าทีใครทีมัน และเชื่อว่าอีกไม่นานนางจะได้ทำแบบนั้น

“ข้าจะให้ท่านแม่งดส่งอาหารพวกเจ้า พวกเจ้าจะได้อดตายไปเลย”

พูดเสร็จก็กระทืบเท้าจากไป คงเป็นฟงจิวที่ด่าตามหลังไม่หยุด

“ที่พวกเราอยู่ตอนนี้ก็เหมือนตายอยู่แล้ว ไม่ต้องมาขู่”

ถ้าคุณหนูไม่ให้นางแอบเอาเครื่องประดับออกไปขาย พวกนางก็ตายตั้งแต่สามเดือนก่อนแล้ว แต่ตอนนี้สิ เงินที่มีแทบไม่เหลือแล้ว แล้วพวกนางจะเอาอะไรกิน

“คุณหนู พวกเราจะทำยังไงดีเจ้าคะ”

นั่นสิ ขืนอยู่อย่างนี้ต่อไปได้อดตายแน่

“ขอเวลาข้าคิดอีกนิด อาจจะมีทางอื่นอีก”

เสียงอีกาด้านนอกดังขึ้น นางก็เดินออกไปมอง เห็นเจ้าตงตงคาบอะไรในปาก เมื่อมันทิ้งลงมาก็พบว่าเป็นเครื่องประดับ

“เจ้าไปขโมยใครมา”

“ข้าไม่ได้ขโมย เพียงเอาของของเจ้าคืนมา”

อ้า... แสดงว่ามันเข้าไปในห้องสินสมรสมารดานางแน่ นั่นเป็น สิ่งสุดท้ายที่ทำให้นางอยากมีชีวิตอยู่ อยู่เพื่อรักษาสมบัติของมารดา

“ถ้าอย่างนั้นก็เอามามากหน่อย”

“เจ้าเห็นปากข้าหรือไม่ ที่คาบมานี่ก็เกือบบินไม่รอด”

เจ้านกช่างเถียงนี่ “เลี้ยงเสียข้าวสุก ข้าว่าเอาเจ้าไปย่างกินยังได้ประโยชน์มากกว่าอีก”

“กา กา ใจร้าย ใจร้าย”

ตะโกนร้องไปเลย อย่างไรนางก็ไม่สน เพราะถึงเจ้าตงตงจะช่วยนาง แต่ก็ยังแอบมาแย่งอาหารนางกินอยู่ดี นกอะไร ตัวเท่านี้ แต่กินยังกับควายหนึ่งตัว บ้าไปแล้ว!!

อ่านต่อ

หนังสืออื่นๆ ของ จิรัฐติกาล

ข้อมูลเพิ่มเติม

หนังสือที่คุณอาจชอบ

ไม่เล่นแล้ว ฉันคือคุณนาย

ไม่เล่นแล้ว ฉันคือคุณนาย

zongheng
5.0

ในช่วงสามปีที่หลูเฉียนหนิงอยู่ข้างๆ เขา โจวเป่ยจิ้งคิดอยู่เสมอว่าเธอเป็นเพียงผู้ช่วยพิเศษ เธอต้องการเงินเพื่อรักษาอาการป่วยของแม่ และจะไม่มีวันจากตนเองไป ครั้งแล้วครั้งเล่า ให้เงินแลกกับความต้องการอย่างชัดเจน ในที่สุด เมื่อเขาเกือบจะหลงใหลนั้น หลูเฉียนหนิงก็ไม่อดทนอีกต่อไป "มีคนรักในใจแล้ว ยังนอนกับฉันทุกวัน คุณชั่วชัดๆ" เมื่อข้อตกลงการหย่าถูกโยนต่อหน้าต่อตา โจวเป่ยจิ้งก็ตระหนักว่าภรรยาลึกลับที่เขาแต่งงานเมื่อหกปีที่แล้วกลับคือเธอ? จากนั้นเป็นต้นมา เขาก็ขึ้นชื่อเป็นชายเจ้าชู้อละตามจีบภรรยาทั้งยังเอาเปรียบเธอ! เขาอุ้มเธอไว้ในอ้อมแขนด้วยทัศนคติที่เผด็จการและเอาใจเธออย่างเต็มที่ เมื่อทุกคนรังเกียจที่เธอมีภูมิหลังที่ต่ำต้อย เขาก็มอบทรัพย์สินและหุ้นของตระกูลทั้งหมดอย่างตรงๆ และเข้าไปอยู่บ้านของตระกูลหลู จู่ๆ เธอก็กลายเป็นประธานหลู ซึ่งเป็นเจ้าของทรัพย์สินนับไม่ถ้วน และทุกคนอิจฉา แต่โจวเป่ยจิ้งกลับตกลงไปในวังวนที่ใหญ่กว่านั้น...

ไม่เป็นทาสรักอีกต่อไป

ไม่เป็นทาสรักอีกต่อไป

Frannie Bettuzzi
5.0

คุณท่านเสียว คุณชายยอดเยี่ยมที่โด่งดังในเมือง B ได้แต่งงาน แต่มีข่าวลือว่าเจ้าสาวมีรูปร่างหน้าตาที่น่าเกลียดและมีฐานะต่ำต้อย สามปีมานี้ เขาปฏิบัติกับเธออย่างเย็นชาและทำเหมือนเป็นคนแปลกหน้า เจียงซิงซิงอดทนกับความเย็นชาอย่างเงียบ ๆ เธอยังคงรักเขาอย่างสุดหัวใจ เสียสละความนับถือตนเองและยอมละทิ้งตัวตนของเธอเอง จนกระทั่งวันหนึ่ง สุดที่รักของเขากลับประเทศ เขได้สารภาพว่าเขาแต่งงานกับเธอเพียงเพื่อช่วยชีวิตคนรักในใจของเขาเท่านั้น เจียงซิงซิงเสียใจและผิดหวังมาก เธอจึงเซ็นเอกสารหย่าและจากไปด้วยความเศร้าใจ สามปีต่อมา เจียงซิงซิงผู้สวยงามจนน่าทึ่งกลับมาอีกครั้ง ได้กลายมาเป็นศัลยแพทย์ที่ดีที่สุดและเป็นยอดฝีมือด้านเปียโน อดีตสามีรู้สึกเสียใจ และกอดเธอแน่นท่ามกลางสายฝน เสียงของเขาสั่นเครือ "ที่รัก คุณเป็นของผม..."

คุณนายยอมหย่าแล้ว

คุณนายยอมหย่าแล้ว

Calv Momose
4.9

หลังจากแต่งงานกันมาสามปี เวินเหลี่ยงก็ยังไม่เคยได้ความรักจากฟู่เจิ้งแต่อย่างใดเลย เมื่อรักแรกของเขากลับมา สิ่งที่รอเธออยู่คือหนังสือการหย่า "ถ้าฉันมีลูก คุณยังเลือกหย่าไหม?" เธออยากจับโอกาสสุดท้ายนี้ไว้ แต่แล้วมีแต่คำตอบที่เย็นชาว่า "ใช่" เวินเหลี่ยงหลับตาและเลือกที่จะปล่อยมือ ...ต่อมาเธอนอนอยู่บนเตียงคนไข้ด้วยความสิ้นหวังและลงนามในข้อตกลงการหย่า "ฟู่เจิ้ง เราไม่ได้เป็นหนี้กันอีกต่อไปแล้ว..." ชายที่มีความเด็ดขาดและเย็นชามาโดยตลอดนอนอยู่ข้างเตียงขอร้องให้อีกฝ่ายกลับมาด้วยเสียงแผ่วเบา "เหลียง ได้โปรดอย่าหย่าได้ไหม?"

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ