Login to MeghaBook
icon 0
icon เติมเงิน
rightIcon
icon ประวัติการอ่าน
rightIcon
icon ออกจากระบบ
rightIcon
icon ดาวน์โหลดแอป
rightIcon
ชะตารักบุปผางาม

ชะตารักบุปผางาม

จิรัฐติกาล

5.0
ความคิดเห็น
1.2K
ชม
36
บท

ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนมีเหตุผลของตัวมันเอง อย่างเช่นเรื่องชะตารักบุปผางามที่นำพาให้นางเอกต้องย้อนกลับมาในอดีต เพื่อแก้ไขชะตาที่ตัวเองเคยทำเอาไว้โดยไม่รู้ตัว นำพาให้นางต้องพบกับบุรุษชนเผ่าฮู่เหลียนที่ขึ้นชื่อว่าโหดและป่าเถื่อน แต่เธอก็พบว่าเขาไม่ใช่คนแบบนั้น คนทุกคนล้วนมีด้านดีในตัวเองเสมอ แต่เพราะชะตาที่เธอต้องพบทำให้เกิดเรื่องราวมากมายจนเกิดเป็นความรักยิ่งใหญ่โดยที่เธอไม่เคยคิดว่าจะได้พบกับบุรุษถึงสองคน สุดท้ายแล้วเธอจะเลือกใครก็ล้วนขึ้นอยู่กับชะตาลิขิตเท่านั้นหรือเพราะว่าเธอเป็นคนเลือกเองกันแน่

บทที่ 0 บทนำ

ประเทศมองโกเลีย

รั่วหลานหันมองตามเสียงผู้ประกาศข่าวของช่องท้องถิ่นที่กำลังรายงานข่าวเรื่องการค้นพบมัมมี่อายุ 163 ปีก่อนคริสตกาล เธอวางข้าวของในมือแล้วเร่งเสียงอีก

“ศพมัมมี่ที่ค้นพบนั้นมีสภาพสมบูรณ์ร้อยเปอร์เซ็นต์ เนื้อตัวไม่เน่าเปื่อย ถูกบรรจุในโลงหินศิลา รอบด้านเต็มไปด้วยของมีค่ามากมาย”

รั่วหลานมองภาพตรงหน้า พวกเขาถ่ายมัมมี่ที่ถูกกู้ขึ้นมาให้เห็นชัดเจน แม้ใบหน้าจะผุกร่อนไปตามสภาพ แต่ร่างกาย เส้นผม และเนื้อหนังยังคงสภาพเดิม มือมัมมี่กำเส้นผมที่ถักเป็นเปียเอาไว้

เสียงมือถือดังขึ้นทำให้เธอหันไปหยิบมากดรับ

“รั่วหลานอยู่ไหน”

“อยู่ที่ห้องพัก”

“รีบมาเลยตอนนี้ มัมมี่ถูกย้ายมาที่นี่ชั่วคราวแล้ว กรมวิทยาศาสตร์อยากให้เก็บตัวอย่างดีเอ็นเอก่อนวันพรุ่งนี้”

รั่วหลานมองออกไปนอกหน้าต่าง ตอนนี้ตะวันใกล้ตกดิน แสดงว่าเธอต้องอยู่กับศพทั้งคืน แต่ถือเป็นเรื่องที่นักวิทยาศาสตร์อย่างเธอชินชา เสียแล้ว ไม่มีความคิดเรื่องเหนือธรรมชาติอยู่ในหัว

“กำลังไป” เธอวางสายแล้วสะพายกระเป๋าออกจากโรงแรมไปยังรถที่เช่ามาเมื่อวานเพื่อไปยังสถานที่เก็บมัมมี่

รั่วหลานมองรอบด้าน ผู้คนจำนวนมากเริ่มหลั่งไหลกันมา มีทั้งสื่อ ในประเทศ สื่อต่างประเทศ อีกทั้งพวกหวังสมบัติที่ยังหลงเหลืออยู่

ใช้เวลาไม่นานรถก็มาจอดยังที่เก็บมัมมี่ชั่วคราว รั่วหลานจัดการสวมชุดป้องกัน ใส่ถุงมือ หน้ากาก และหมวก เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยจึงเข้าไปในเต็นท์สีขาวใกล้กับสถานที่พบศพ

“มาแล้ว แม่สาวน้อยคนเก่ง” เพื่อนสาว รุ่ยอิง หยอกล้อทักทาย ด้วยรอยยิ้ม แต่เธอเพียงยิ้มบาง ๆ ตอบ “รถติดนิดหน่อย”

“มองโกเลียเนี่ยนะรถติด”

“อืม คนเริ่มทยอยมากันเยอะ พวกเราต้องรีบเก็บตัวอย่างแล้วเอาศพไปไว้ในที่ปลอดภัย” น้ำเสียงเธอจริงจัง ดวงตามองศพที่ขุดพบ

“มหัศจรรย์มาก ฉันไม่เคยเจอมัมมี่ที่ไหนสภาพสมบูรณ์ร้อยเปอร์เซ็นต์อย่างนี้” รั่วหลานมองศพสตรีตรงหน้า คิดว่าตอนอยู่ นางคงเป็นสตรีที่งดงามเหนือสตรีใด

“หัวหน้าจะมาเมื่อไร”

“คิดว่าคงอีกสองชั่วโมง” รุ่ยอิงว่า มือก็ส่งเครื่องมือให้เพื่อนเก็บตัวอย่างดีเอ็นเอ

มือที่สวมถุงมือของรั่วหลานค่อย ๆ แตะแขนศพ จู่ ๆ ก็รู้สึกเหมือนมีภาพโฮโลแกรมฉายขึ้นในหัว เธอนิ่งไปครู่หนึ่งแล้วสะบัดความรู้สึกประหลาดนั้นออกไป

คนไม่เชื่อเรื่องลึกลับก้มลงอีกนิด มองไปยังเส้นเลือดบนแขนที่ปูดขึ้นมา “ไม่เพียงแต่สภาพศพจะสมบูรณ์ เลือดในตัวศพก็ยังไม่แห้งด้วย น่าเหลือเชื่อจริง ๆ”

รุ่ยอิงพยักหน้ารัว ๆ “ใช่ไหม เหลือแค่ศพลุกขึ้นมาแล้วพูดสวัสดี เท่านั้นเอง เพราะสภาพร่างแทบไม่ต่างจากคนนอนหลับ”

“ดูจากชุดที่สวมใส่เหมือนจะเป็นชุดชนเผ่ามองโกล แต่ใบหน้า และรูปร่างกลับไม่เหมือนคนจากเผ่ามองโกล” รั่วหลานยังคงพิจารณาศพตรงหน้าต่อ

“หรือจะเป็นองค์หญิงสักองค์ที่ถูกส่งมาแต่งงานกับชนเผ่าแถบมองโกเลีย”

“ชนเผ่ามองโกลมีหลายเผ่า เธอว่าเผ่าไหนล่ะ” รั่วหลานต่อคำเพื่อน ดวงตาจับจ้องสตรีตรงหน้า “ถ้าฉันเป็นเธอ ฉันคงฆ่าตัวตายก่อนถึงเผ่าแน่นอน”

รุ่ยอิงเดินมาใกล้เพื่อนสาว “รั่วหลาน ฉันได้ยินข่าวเรื่องหมั้นหมายแล้ว ว่าแต่หนุ่มที่พ่อหาให้หล่อไหม”

สีหน้ารั่วหลานบึ้งตึงกว่าเดิม “ไม่รู้ ไม่เคยเห็นและไม่อยากแต่ง นี่มันยุคไหนแล้วยังจะมาจับคลุมถุงชนกันอีก”

“แหม ก็พ่อเธออาจจะเห็นว่าวัน ๆ เธอทำแต่งาน เจอแต่ศพ คงไม่มีเวลาหาสามีก็เลยรีบหาหนุ่มมาให้ไง”

“ฉันไม่เอา ยังไงก็ไม่เอา”

รุ่ยอิงพยักหน้าอีกครั้ง “ฉันเชื่อแล้ว ไม่งั้นคงไม่เห็นเธออยู่ตรงนี้แน่” ที่จริงงานนี้ต้องเป็นหน้าที่ของเพื่อนร่วมงานอีกคน แต่รั่วหลานที่อยากหนีงานหมั้นรีบอาสามาทำแทน

รั่วหลานหันมาสนใจงานต่อ ในมือนางมีเส้นผม หยกสีเขียวที่ห้อยอยู่ตรงเอวมีรูปร่างเหมือนหงส์ไฟ

“ดูเหมือนผมเปีย” พอเธอแตะก็เห็นภาพโฮโลแกรมเหมือนชาย ชนเผ่ายืนหันหลัง ทำให้มองเห็นเส้นผมที่ถักเป็นเปีย

เธอกลับมายังโลกความเป็นจริง หัวคิ้วรั่วหลานยิ่งขมวดมุ่น ในใจก็ปลอบตัวเอง อาจจะเพราะพักผ่อนน้อย

“เธอไปพักก่อน ที่เหลือฉันทำต่อเอง” เธอหันไปบอกรุ่ยอิง หญิงสาวพยักหน้าแล้วออกไป ปล่อยให้เธออยู่กับศพ

“รั่วหลาน หวังว่าฉันกลับมาเธอจะยังอยู่นะ ไม่ใช่หายไปกับศพ จนหาไม่เจอ” รั่วหลานหันมองคนชอบพูดเล่น

“รีบไปเลย” รั่วหลานขำคนพูด เธอน่ะหรือจะหายไปกับศพ

เธอเลิกสำรวจร่างกายศพ หันมาหยิบอุปกรณ์เพื่อเก็บตัวอย่าง ดีเอ็นเอ เลือดสีดำถูกดูดเข้าหลอดทดลอง จากนั้นก็หันไปหยิบกรรไกรมาตัดเส้นผมของมัมมี่

ฉึบ! กระแสบางอย่างแล่นปราด ภาพโฮโลแกรมปรากฏขึ้นในสมองอย่างรวดเร็ว รั่วหลานสลบล้มลงกับพื้นดิน

เส้นผมในมือมัมมี่ลอยมายังร่างของรั่วหลาน ไม่นานร่างของเธอก็สลายหายไปพร้อมกับศพของมัมมี่จนเหลือเพียงฝุ่นละอองเหมือนไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น เหมือนไม่เคยมีเธออยู่ในภพนี้

รั่วหลานลืมตาขึ้นมองรอบตัว นางอยู่ที่ไหนสักแห่ง สภาพเหมือน รถม้าโบราณที่ตกแต่งประดับประดาอย่างสวยงาม

สภาพรถม้าสมบูรณ์กว่าที่นางเคยเห็นมามากนัก ไม่ใช่ว่านางกำลังทำงานอยู่หรือ เหตุใดถึงได้มาอยู่ในรถม้าสวยหรูเช่นนี้ นางจับพรมที่รองนั่งจึงเพิ่งสังเกตเห็นเสื้อผ้าที่ตัวเองสวมใส่ ชุดสีแดงปักด้ายสีทอง

นางจับกระโปรงขึ้นมาสำรวจลายปัก “ลายหงส์” เป็นลายสำหรับฮองเฮาในสมัยก่อนไม่ผิดแน่ บนพื้นมีผ้าปิดใบหน้าสีแดงตกอยู่พร้อมกับเครื่องประดับมงคลและขวดกระเบื้องสีขาว

หมายความว่าอย่างไร นางอยู่ที่ไหน? เหตุใดจึงมาอยู่ในชุดแบบนี้ แถมยังอยู่บนรถม้าโบราณ เมื่อมีคำถามก็ต้องหาคำตอบ รั่วหลานรีบเปิดผ้าม่านมองออกไปด้านนอกก็พบว่ารอบด้านเต็มไปด้วยต้นไม้

ด้านหน้านางมีคนอยู่บนหลังม้า เมื่อมองไปด้านหลังก็มีคนติดตามและหีบข้าวของเครื่องใช้จำนวนมาก นางหันกลับมาด้านหน้าอีกครั้ง พิจารณาธงที่กำลังโบกสะบัด

งานมงคล งานแต่งงาน! นี่พ่อกับแม่ตีหัวนางแล้วส่งเข้าเกี้ยวเจ้าสาว เหตุใดต้องเล่นใหญ่ถึงเพียงนี้

รั่วหลานนั่งคิดทบทวนอยู่นาน จู่ ๆ ก็ปวดหัวอย่างหนัก นางยกมือขึ้นเกาะกุมศีรษะก่อนจะล้มลงกับพื้น ภาพโฮโลแกรมแล่นเข้ามาอีกแล้ว แต่คราวนี้ยาวนานถึงหนึ่งคืน

ยามรุ่งเช้าวันถัดมา เมื่อนางลืมตาขึ้นอีกครั้ง ภาพความทรงจำ ทั้งภพเดิมและภพใหม่ก็ไหลรวมเป็นหนึ่งเดียว ตัวนางในภพนี้เป็นองค์หญิงแห่งแคว้นต้าเหลียว ชื่อ องค์หญิงรั่วหลาน กำลังจะเดินทางไปแต่งงานกับคู่หมั้น ซึ่งก็คือองค์ชายเฟิงหวงแห่งแคว้นต้าหมิง

ตัวนางมีรักมั่นกับอีกฝ่าย แล้วเหตุใดถึงได้ฆ่าตัวตาย รั่วหลานหยิบขวดกระเบื้องขึ้นมาดมกลิ่น กำลังจะเรียกคนด้านนอกมาสอบถามก็ได้ยินเสียงม้าเร็วดังมาจากด้านหลัง เมื่อเปิดผ้าม่านออกดูก็พบว่าเป็นกองทัพม้าที่เคลื่อนมาอย่างรวดเร็ว

“คนร้าย มีคนร้าย!!” เสียงรอบด้านดังขึ้น คนที่ไม่มีฝีมือก็วิ่งหนี เอาตัวรอด คนที่มีฝีมือก็ยกดาบขึ้นฟาดฟันศัตรู ผ้าม่านถูกเปิดออก เป็นนางกำนัลของนางเอง

ชุนเออร์มีสายตาตื่นกลัว “องค์หญิง พวกเราต้องหนีเพคะ”

ชุนเออร์จับเสื้อผ้าเจ้าสาวที่ยาวเฟื้อยรวบมัดไว้ด้วยกัน พอออกจากรถม้าก็พบว่าคนชุดดำจำนวนมากกำลังยกดาบเข่นฆ่าทหารของนาง

“ทางนี้เพคะ” รั่วหลานไม่มีเวลามาหันมองคนตายแล้ว นางต้องรีบหนี นางกับชุนเออร์วิ่งด้วยฝีเท้าที่เร็วที่สุด หากแต่จะสู้ม้าตัวใหญ่ที่กำลังวิ่งตามหลังมาได้เช่นไร

นางถูกคนบนม้าคว้าตัวไปพาดบนคอม้า

“ย่ะ!!” คนชิงตัวนางรีบควบม้าออกจากพื้นที่ ชุนเออร์ร้องเรียก ชื่อนาง เท้าบางวิ่งตามมาไม่หยุด

นางคิดจะเงยหน้ามองคนลักพาตัวก็ถูกมือหนากดหัวลงไปอีกรอบ “เจ้าบ้า ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้นะ”

“อยู่นิ่ง ๆ อย่าขยับ” เสียงทุ้มภายใต้หน้ากากสีเงินพูดกับนาง แต่นางหรือจะฟัง “ช่วยด้วย!!” นางจะร้องให้ใครช่วย ในเมื่อรอบด้านตอนนี้ มีแต่ต้นไม้หนาทึบแทบจะร้างไร้ผู้คน สิ่งเดียวที่นางจะช่วยได้ก็คือตัวนางเอง นางต้องกระโดด

ว่าแล้วก็พยายามจะลุก แต่กลับถูกคนลักพาตัวกดหัวลงไป

“ไอ้บ้า!!” นางหลุดด่าเป็นคำของภพก่อน ไม่รู้หรอกว่าคนฟังจะเข้าใจไหมเพราะตอนนี้เลือดกำลังตกหัว ทำนางเริ่มหน้าแดงก่ำ

“หากไม่รีบยกหัวข้า เจ้ารู้หรือไม่ว่าหากไม่มีเลือดไปเลี้ยงสมองจะทำให้ความดันเพิ่มขึ้น อาจส่งผลให้เกิดอาการตาบอด (retinal detachment), เส้นเลือดแตกในสมอง ส่งผลให้เกิดก้อนเลือดไปกดเนื้อสมองจนเป็นสาเหตุ ให้มีอาการอื่น ๆ ตามมาตามตำแหน่งที่ก้อนเลือดไปกดทับ ได้ยินที่ข้าพูดหรือไม่” โอ๊ย นางกลัวเส้นเลือดในสมองแตก

นักวิทยาศาสตร์คนเก่งยังบ่นต่อไป นางเริ่มหอบเพราะต้องคุยกับคนโบราณ “เจ้าเข้าใจหรือไม่ หากหัวข้ายังห้อยอย่างนี้ เลือดจะไม่ไปเลี้ยงสมองจนข้าต้องตาย”

โธ่เว้ย ทำไมพูดกับคนโบราณถึงยากเย็นเหลือเกิน นางบ่นไปก็พยายามยกหัวขึ้นเพื่อให้เลือดไหลกลับ แต่ก็ถูกคนลักพาตัวกดหัวลงไปดังเดิม มือหยาบนั้นกระทำรุนแรงเหมือนเห็นนางเป็นเนื้อกวาง ไม่คิดปรานีเลย

“เจ้ารู้จักไหมคำว่าถนอมบุปผา”

คนจับตัวนางมาก้มลงมองคนถูกจับตัว เหตุใดนางถึงพูดจาไม่รู้เรื่องซ้ำยังพูดมาก มากกว่าจะร้องให้คนช่วยเสียอีก เขาหยุดม้ากำลังจะประคองเอวนางลงพื้น คนถูกจับมาอาศัยจังหวะนี้กระโดดลงหมายจะรีบหนี แต่คนลักพาตัวก็ตามมาคว้าตัวเอาไว้ได้อีก ทำไมนางถึงได้ตัวเล็ก ขณะที่เขาตัวใหญ่ว่องไวเพียงนี้

รั่วหลานหันมองคนจับตัวหมายจะกระชากหน้ากาก เขาก็ยังหลบหลีกได้ทันแล้วโยนนางลงพื้น

“โอ๊ย ข้าว่าเจ้าไม่เคยเรียนหนังสือถึงได้ไม่เข้าใจคำว่าถนอมบุปผา” ตัวนางจะหักอยู่แล้ว ทั้งโยนทั้งกระชากทิ้งลงพื้น ไม่คอหักตายก็สมองขาดเลือดตายแน่นอน

คนลักพาตัวย่อเข่าลงมองนางที่บ่นไม่หยุดปากจึงบีบคางไว้มั่น “ถ้าองค์หญิงไม่หยุดพูด ข้าจะใช้ดาบตัดลิ้นเสียเดี๋ยวนี้”

โหดเหี้ยมเกินไปแล้ว ถึงกับจะตัดลิ้นนาง “เจ้าไม่กล้า” สิ้นคำเขาก็ดึงดาบสั้นตรงเอวออกมา นางมองดาบคมกริบตรงหน้าแล้วเม้มปากแน่น ไม่ให้พูดก็ไม่เห็นต้องขู่จริงทำจริงเลย

“ขึ้นรถม้า” นางหันมองเกี้ยวสีดำ “หรือจะให้ข้ามัดเจ้ายัดใส่รถม้า” ว่าแล้วก็ปลดผ้าตรงเอวออก หมายจะทำอย่างที่พูดจริง ๆ

นางรีบลุกขึ้นปัดฝุ่นที่เปื้อนตัว “ไม่ต้อง ข้าเดินเองได้” จากนั้นก็เชิดหน้าก้าวขึ้นรถม้า ให้ตายเถิด อย่างน้อยการไม่ถูกมัดก็ยังพอหาทางหลบหนีได้ นางจึงต้องแสร้งทำเหมือนไม่กลัวคนที่จับตัวมา ทั้งที่ในใจกำลังหวาดหวั่น

เขาทิ้งม้าที่ตัวเองขี่เปลี่ยนมาบังคับรถม้าให้เคลื่อนออกไปอย่างรวดเร็ว กว่าบุรุษของนางจะมาพบก็เหลือเพียงรอยล้อและรอยเท้าม้าเท่านั้น

องค์ชายเฟิงหวงทิ้งดาบด้วยความโมโห ใครมันบังอาจกล้าชิงตัวเจ้าสาวของเขา “ส่งคนติดตามรถม้าที่ต้องสงสัยในระยะสิบลี้ ไม่พบนาง พวกเจ้าห้ามกลับมาให้ข้าเห็นหน้า”

“พ่ะย่ะค่ะ” เหตุการณ์ผ่านไปสองชั่วยามเขาถึงได้รับข่าว เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุก็พบว่าคนของนางถูกฆ่าตายจนหมด

องค์ชายเฟิงหวงขึ้นม้าตัวโปรดจากนั้นก็มุ่งหน้าไปยังทิศตะวันตก ทิศทางเดียวกับรถม้าที่ลักพาตัวเจ้าสาวเขาไป

รอข้าหน่อยหลานเออร์ ข้ากำลังจะรีบไปช่วยเจ้า

อ่านต่อ

หนังสือที่คุณอาจชอบ

หนังสืออื่นๆ ของ จิรัฐติกาล

ข้อมูลเพิ่มเติม
บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ