ย้อนเวลามาพร้อมกับมิติของอนาคต

ย้อนเวลามาพร้อมกับมิติของอนาคต

จิรัฐติกาล

5.0
ความคิดเห็น
6.7K
ชม
20
บท

หนิงอวี่ นักวิทยาศาสตร์สาวคนเก่ง ที่ต้องการทดลองเกี่ยวกับการข้ามมิติจากปัจจุบันสู่อดีต ซึ่งเธอนั้นได้ทำการทดลองเรื่องนี้มาร่วมสองปีแล้ว จนกระทั่งวันหนึ่งมีของตกจากฟ้ากลายเป็นกำไลหยกสีเขียวประกาย เธอจึงเข้าไปทดลองข้ามมิติเป็นครั้งสุดท้าย หากไม่ได้ก็จะล้มเลิกการทดลองนี้ แต่ใครจะคิดว่ามันจะนำพาเธอไปยังห้วงมิติแห่งหนึ่ง ข้ามไปแล้วเธอยังสามารถเอาของที่อยู่ในห้องทดลองออกมาได้ งานนี้ทั้งขนมขบเคี้ยว ข้าวสาร ปลากระป๋องสำเร็จรูปก็ข้ามมิติทำให้เธอไม่อดตายอีกแล้ว *************************** "ถ้าคุณหนูยอมกินข้าวจนหมด บ่าวจะนำเอาลูกอม รสนมให้ด้วยเจ้าค่ะ" "ลูกอมรสนมคือสิ่งใด?" "ขนมอย่างหนึ่งที่ทำมาจากน้ำตาลกวนกับนม ทั้งอมและเคี้ยวได้ หนุบหนับ รสชาติหวานและมีกลิ่นหอม รสชาติเป็นเลิศอย่างมากเจ้าค่ะ" หนิงอวี่บรรยายจนลี่ซือน้ำลายสอในปาก ถึงแม้ว่าจะเอาแต่ใจแค่ไหนแต่ก็ยังเป็นเด็กน้อยอายุเพียงห้าขวบอยู่ดี ******************* นิยายสนุกอบอุ่นหัวใจ กับของวิเศษไม่จำกัดแบบฟิน...

บทที่ 1 ทดลองข้ามภพ

ห้องโถงขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยตู้หนังสือ ซึ่งทำมาจากไม้แกะสลักประดับภาพวาดและลายน้ำ ถัดไปเป็นห้องอาหารที่ถูกตกแต่งอย่างวิจิตร มีโต๊ะไม้กลมใหญ่ ตรงกลางโต๊ะมีอาหารวางไว้หลายอย่าง และห้องที่สะดุดตาที่สุดคงจะหนีไม่พ้นห้องเล็ก ๆ ที่เต็มไปด้วยด้ายสีสันสวยงามและผ้าทอ ที่ถูกปักอย่างประณีต

และห้องอื่น ๆ อีกหลายห้องภายในจวน ก็ล้วนถูกตกแต่งด้วยตู้ เตียง โต๊ะที่ทำด้วยไม้สนอย่างดี และของประดับตกแต่งหรูหราหากไม่รกหูรกตาจนเกิดไป ภายนอกยังมีสวนเขียวขจีสลับกับสีสันของดอกไม้นานาพันธุ์ มีภูเขาจำลองเตี้ย ๆ วางไว้สองลูกเติมเต็มความเป็นธรรมชาติ ด้านหน้าประตูทางเข้ามีป้ายเหนือประตูสลักตัวอักษรแสดงถึงสกุล ด้วยทองคำวาววับบ่งบอกความมั่งคั่งได้เป็นอย่างดี

แต่ความวิเศษของจวนหลังนี้นั้น ไม่ใช่การตกแต่งด้วยของประดับหรูหรา หรือการแสดงออกถึงความร่ำรวยใด ๆ กลับเป็นห้องเก็บของธรรมดา ๆ ห้องหนึ่งที่ภายในห้องได้รวบรวมของกินของใช้ที่ทันสมัยของโลกปัจจุบันเอาไว้มากมาย

“สมบูรณ์แบบมาก”

เสียงใสของผู้หญิงพูดขึ้นมาพร้อมกับสายตาเปล่งประกายทอดมองไปยังเมืองจำลองโบราณเบื้องหน้าที่ตัวเองตัวเองกับผู้ช่วยคนสนิทตั้งใจสรรค์สร้างขึ้นมา เพื่อใช้ในการทดลองเรื่องการข้ามมิติ

ซึ่งหญิงสาวผู้นี้นั้นก็มีนามว่า หนิงอวี่ นักวิทยาศาสตร์สาวคนเก่ง ที่ต้องการทดลองเกี่ยวกับการข้ามมิติจากปัจจุบันสู่อดีต ซึ่งเธอนั้นได้ทำการทดลองเรื่องนี้มาร่วมสองปีแล้ว แต่ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จสักที ทั้งที่ทุกอย่างที่เธอสร้างขึ้นมาล้วนแล้วแต่ขาดความบกพร่องทั้งสิ้น

แต่หนิงอวี่ก็ไม่เคยย่อท้อ วันนี้เป็นอีกวันที่เธอจะทำการทดลองเรื่องการข้ามมิตินี้อีกครั้ง และก็มีความหวังว่าครั้งนี้จะประสบความสำเร็จเสียที จึงเอ่ยบอกผู้ช่วยสาวคนสนิทที่ยืนอยู่ข้างกายด้วยน้ำเสียงจริงจังและมั่นใจ หลังจากที่หย่อนถุงขนมหลายถุงเพิ่มลงไปในห้องเก็บของทันสมัยขนาดใหญ่ที่ตัวเองสร้างขึ้นมาเรียบร้อย

“เตรียมเครื่องได้เลย”

ผู้ควบคุมระบบนั่งอยู่ในคอกคอมพิวเตอร์ที่เต็มไปด้วยปุ่มและแสงไฟกระพริบ ทั้งหมดนี้เพื่อควบคุมการทดลองเดินทางข้ามมิติของมนุษย์

“ได้ค่ะ”

เมื่อผู้ช่วยตอบรับคำสั่งก็จัดการเตรียมความพร้อมของเครื่องทดลองในทันที โดยการกดปุ่มเปิดสีขาวเปิดเครื่อง หลังจากนั้นหญิงสาวรูปร่างสัดทัดที่สวมเสื้อกาวน์และแว่นตานิรภัยสำหรับปฏิบัติการก็ขึ้นมายืนตัวตรงในเครื่องทดลองเครื่องใหญ่

ก่อนจะหยิบเอาเครื่องสวมหัวที่คล้ายกับเครื่องสแกนสมองมาใส่บนศีรษะของตัวเอง ซึ่งมีสายเลเซอร์เชื่อมต่ออุปกรณ์และข้อมูลแต่ละชิ้นเข้าหากันห้อยระโยงระยางหลายสาย ที่สำคัญยังเชื่อมกับเมืองจำลองที่หนิงอวี่กับผู้ช่วยสร้างขึ้นมาอีกด้วย

เมื่อทุกอย่างถูกเตรียมพร้อมทั้งหมดแล้ว ใบหน้าสวยก็หันไปพยักหน้าให้กับสาวผู้ช่วยคนสนิท เพื่อให้เธอกดปุ่มเริ่มสีเขียวเริ่มการทดลองได้เลย ผู้ช่วยสาวที่รู้ดีว่าหนิงอวี่ต้องการจะสื่อสารอะไร ก็พยักหน้าขึ้นลงเบา ๆ เป็นการตอบรับ ก่อนที่มือบางจะกดปุ่มเพื่อเริ่มขั้นตอนต่อไปตามคำสั่ง

ปึก!

เมื่อปุ่มเริ่มการทำงานของเครื่องทดลองถูกกดแล้ว เสียงทำงานของเครื่องทดลองก็ดังขึ้นพร้อมกับหัวใจที่เต้นรัว ตึก! ตัก! ซ้ำ ๆ ของผู้ทำการทดลองทั้งสอง

ตืด! ตืด! ตืด!

สาวผู้ช่วยของหนิงอวี่รู้ดีว่าถ้าผลการทดลองสำเร็จ หนิงอวี่สามารถทะลุมิติไปยุคโบราณได้จริง ขอแค่เวลาผ่านไปได้ประมาณห้านาทีเท่านั้น เธอก็ต้องกดปุ่มสีเหลืองเพื่อดึงสติของหนิงอวี่กลับมาในทันที ป้องกันความผิดพลาดของการทดลอง และเมื่อหนิงอวี่กลับมาได้แล้วก็กดปุ่มสีแดงหยุดการทดลอง ทุกอย่างต้องทำตามขั้นตอนอย่างมีสติเท่านั้น

เมื่อเสียงสัญญาณเตือนว่าเครื่องทดลองกำลังจะทำงานในไม่ช้าเริ่มดังถี่รัวพร้อมกับแสงไฟสีเขียวสีแดงกระพริบไว ๆ ร่างกายของหญิงสาวที่ยืนอยู่ในเครื่องทดลองก็เริ่มค่อย ๆ หมุนจากช้าไปเร็วพร้อมกับมีควันสีขาวถูกฉีดออกมาจนฟุ้งกระจายออกมานอกเครื่อง

ผ่านไปชั่วพริบตาเดียว เมื่อควันฟุ้งสีขาวบริเวณแท่นทดลองมลายสลายหายไปจนหมดก็เผยให้เห็นว่าหนิงอวี่ยังยืนอยู่ที่เดิมและมีสติสัมปชัญญะครบถ้วน ก็สรุปผลการทดลองในครั้งนี้ได้ทันทีว่าล้มเหลวอีกเช่นเคย แน่นอนว่าทุกอย่างไม่ได้เป็นดั่งใจหวังเสมอไป

หนิงอวี่ถอดเครื่องสวมศีรษะออก ก่อนจะลงมาจากเครื่องทดลองด้วยใบหน้าที่ห่อเหี่ยว แล้วแกะอุปกรณ์ที่ใช้ทำการทดลองที่ตัวเองสวมใส่อยู่ออกจนหมดอย่างคนที่กำลังจะหมดหวัง ก่อนจะปล่อยตัวพิงกับโต๊ะใบหน้าแสดงออกถึงความสิ้นหวังอย่างเห็นได้ชัด ทำเอาผู้ช่วยสาวต้องเดินเข้ามาปลอบใจโดยการตบที่บ่าแคบของหนิงอวี่เบา ๆ หลายที เธอเองก็เศร้าใจไม่แพ้กันที่ผลการทดลองในครั้งนี้ไม่ประสบความสำเร็จอีกแล้ว

“อย่าคิดมากไปเลยนะคะพี่หนิงอวี่ เดี๋ยวเอาไว้เราทดลองกันใหม่ก็ได้ค่ะ หนูเชื่อว่าสักวันต้องสำเร็จอย่างแน่นอน”

“อืม ขอบใจมากนะ วันนี้ก็เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว เราแยกย้ายกันกลับไปพักผ่อนเถอะ”

“ค่ะพี่ ถ้าอย่างนั้นหนูขอตัวกลับบ้านก่อนนะคะ”

“อืม”

หนิงอวี่เดินคอตก เท้าเตะฝุ่นไปตลอดทาง แต่หลังจากพบเจอกับความผิดหวังมาหลายครั้งก็ทำให้จิตใจเข้มแข็งขึ้นได้เร็ว หนิงอวี่สลัดความเศร้าออกไปจากจิตใจ ก่อนที่จะเดินไปถึงรถยนต์ส่วนตัวของตัวเองที่จอดอยู่ในบริเวณลานจอดรถกว้างไร้หลังคาปกคลุมของสำนักงาน จึงทำให้เห็นว่าวันนี้ท้องฟ้ามีสีแปลก ๆ

เมฆสีเทาหม่นก่อตัวเป็นกลุ่มก้อนขนาดใหญ่ราวกับว่าจะมีพายุฝน ทำให้หนิงอวี่จินตนาการไปถึงมิติเวท เนื่องจากเมฆที่รวมตัวกันนั้นเริ่มเปลี่ยนเป็นสีดำทมิฬ ให้ความรู้สึกพิศวงอยู่ไม่น้อยสำหรับคนที่พึ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรกและชื่นชอบในด้านนี้มาก

หนิงอวี่ยืนเงยหน้ามองท้องฟ้าอยู่อย่างนั้นไม่ขยุกหยิกไปไหน ในใจคิดไปอีกว่านี่มันมหัศจรรย์มาก คล้ายกับท้องฟ้าจำลองที่เธอเคยไปดูอยู่บ่อย ๆ แต่ท้องฟ้าที่ไม่มีเมฆหมอก แสงจันทร์ และแสงไฟฟ้ารบกวนเช่นนี้ หนิงอวี่ที่เป็นนักวิทยาศาสตร์รู้ดีว่าอาจจะเกิดดาวตกได้

‘แต่วันนี้มันไม่ใช่วันที่จะเกิดดาวตกได้เลยนะ’

หนิงอวี่คิดในใจ แต่บนโลกใบนี้ก็มีสิ่งที่เหนือความคาดหมายอยู่มาก เธอจึงอยากจะยืนดูให้แน่ชัดว่าจะเกิดดาวตกอย่างที่เธอคิดจริง ๆ หรือไม่

แต่ไม่นานสิ่งที่เธอคาดการณ์เอาไว้ก็เกิดขึ้นจริง มีลูกไฟตกลงมาจากท้องฟ้าเป็นแสงสายสีขาวที่เรียกว่าดาวตก ก่อนที่แสงสีขาวนั้นจะร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้าตกลงสู่พื้นดิน หนิงอวี่ที่เคลื่อนใบหน้าตามแสงไฟลูกนี้อยู่ตลอดเบิกดวงตากว้างด้วยความตกตะลึง นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เธอได้เห็นดาวตกร่วงหล่นจากฟ้ามาสู่ดินได้

ในตอนนี้วัตถุอะไรบางอย่างจากฟ้าที่ตกลงมามีแสงไฟสีขาวระยิบระยับส่องแสงอยู่บนพื้นดินล่อตาล่อใจหนิงอวี่เป็นอย่างมาก ทำให้เกิดความอยากรู้อยากเห็นหยิบขึ้นมาดูด้วยความสงสัย

เมื่อหยิบวัตถุประหลาดส่องแสงนี่ขึ้นมาไว้ในมือ หินนั้นก็ยังคงส่องแสงสวยงาม แต่กลับเปลี่ยนเป็นส่องแสงหลายสีจนหนิงอวี่ตกใจและงงงันหนักไปกว่าเดิม ซึ่งหนิงอวี่เชื่อหมดใจว่าสิ่งนี้น่าจะเป็นประกายของดาวตกที่เกิดการระเบิดระหว่างพุ่งฝ่าบรรยากาศโลก เรียกว่าลูกไฟ หนิงอวี่จึงเก็บลูกไฟนี้ไว้แล้วเดินกลับไปยังห้องทดลองของตัวเอง เพราะสิ่งนี้ไม่ได้จะเจอกันง่าย ๆ

แสงไฟของห้องทดลองถูกเปิดให้สว่างวาบขึ้นมาอีกครั้งด้วยฝีมือของหนิงอวี่ ก่อนที่เธอนั้นจะเปิดเครื่องทดลองให้ทำงาน และระหว่างที่รอให้เครื่องเตรียมการณ์อยู่นั้น เธอก็จัดการนำชุดปฏิบัติการมาสวมใส่ ก่อนที่จะขึ้นไปยืนบ่นแท่นทดลอง และกดเริ่มโดยที่กำลูกไฟไว้ในมืออยู่ตลอด

ครั้งนี้ไม่มีผู้ช่วยใด ๆ แต่หนิงอวี่ก็ตัดสินใจว่าจะทำการทดลองนี้อีกครั้งคนเดียวในวันนี้ ลูกไฟประหลาดในมือคล้ายจะปลุกเร้าความมุ่งมั่นในตัวของเธอออกมาอย่างไรอย่างนั้น

ตืด! ตืด! ตืด!

ในตอนนี้สัญญาณเตือนว่าเครื่องทดลองกำลังจะทำงานก็ดังขึ้น หนิงอวี่กดปุ่มเริ่ม หลังจากนั้นหมอกควันสีขาวก็ฟุ้งขึ้นมาพร้อมกับร่างกายของหนิงอวี่กำลังหมุน ก่อนที่ดวงตากลมของเธอจะค่อย ๆ ปิดลงจนสนิท

หมอกสีขาวปกคลุมไปทั่วร่างของหญิงสาวมากกว่าทุกครัังที่ทำการทดลอง ในตอนนี้หนิงอวี่คล้ายกำลังติดอยู่ในวังวนอะไรสักอย่าง หัวคิ้วขมวดเข้าหากันยุ่งเหยิง ร่างกายรู้สึกวูบวาบขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ความรู้สึกทั้งหมดนี้ไม่เคยเกิดขึ้นกับตัวของเธอเลยสักครั้งเวลาที่ทำการทดลองข้ามมิติ

หลังจากนั้นหนิงอวี่ก็รู้สึกเหมือนว่าสติของตัวเองดับวูบไป ก่อนที่จะมีแรงกระชากแรง ๆ ดึงให้เธอตื่นขึ้นกลับมามีสติอีกครั้ง เหมือนกับว่าตัวเองกำลังหลุดออกจากวงแหวนมิติอย่างไรอย่างนั้นตามที่เคยดูในหนังในละคร และเมื่อร่างกระแทกกับพื้นอย่างจัง ดวงตาไข่ห่านก็ค่อย ๆ เปิดขึ้นจนเต็มตา แต่ทว่ากลับมองเบื้องหน้าไม่ชัด เนื่องจากมีหมอกขาวบดบังทัศนียภาพ จนหนิงอวี่ไม่สามารถมองออกไปทางไหนได้เลยนอกจากบริเวณรอบตัวของตัวเองเท่านั้น

ร่างบางค่อย ๆ เดินฝ่าฝูงควันไปเรื่อย ๆ มือทั้งสองข้างก็ปัดป่ายหมอกควันตรงหน้าให้มลายหายไปด้วย จนกระทั่งหนิงอวี่พบเข้ากับโลกใบใหม่ที่แปลกหูแปลกตาอย่างยิงยวด

‘นะ นี่มันทำไมเหมือนกับเมืองโบราณที่ฉันสร้างขึ้นมาเลยล่ะ ฉันทะลุมิติมาได้สำเร็จแล้วอย่างนั้นหรือ’

‘นี่มันคือฮอโลกราฟี ภาพสามมิติที่นักวิทยาศาสตร์อย่างฉันกำลังพยายามทดลองกับสมองของมนุษย์อยู่ใช่ไหม หรือว่าฉันทะลุมิติมาที่เมืองโบราณจริง ๆ แต่ถึงจะเป็นแบบไหนมันก็มหัศจรรย์และวิเศษมากอยู่ดี เพราะมันบ่งบอกว่าฉันได้ทำการทดลองสำเร็จแล้ว’

หนิงอวี่คิดไปตกตะลึงไป ก้มมองดูตัวเองก็พบว่าไม่ได้ใส่ชุดปฏิบัติการแต่กลับเป็นชุดของสตรีจีนโบราณตัวยาวสีขาวและสีเขียวอ่อนสวยงาม ลูกไฟจากดาวตกในมือตอนนี้ก็ไม่อยู่แล้ว แต่กลับแปรเปลี่ยนเป็นกำไลหยกสีเขียวส่องประกายงดงามสวมอยู่ที่ข้อมือเล็กแทน

หัวใจดวงน้อย ๆ ของหนิงอวี่เต้นระรัวด้วยความตื่นเต้น จนเผลอลืมไปว่าไม่มีผู้ช่วยคอยดึงสติของเธอกลับไป แต่ถึงอย่างไรในตอนนี้หนิงอวี่ก็ไม่ได้สนใจในเรื่องนั้นมาก เพราะเธอกำลังรู้สึกสนุกที่จะได้อยู่ในยุคโบราณต่อไปอีกสักหน่อย อย่างไรในตอนเช้าผู้ช่วยสาวก็ต้องมาทำงานและช่วยดึงเธอกลับไปจนได้อยู่ดี เธอจึงไม่รอช้าที่จะกระโดดโลดเต้นเข้าไปในจวนขนาดใหญ่ตรงหน้าด้วยรอยยิ้มของความดีใจเหมือนกับเด็กน้อยที่กำลังจะได้เข้าไปเที่ยวเล่นในสวนสนุก

ส่วนอีกด้านในขณะนี้ศูนย์ที่มีหน้าจอฮาโลกราฟีขนาดใหญ่กำลังฉายภาพมิติที่แตกต่างออกไปโดยไร้ผู้ควบคุมอยู่ในห้องทดลองห้องใหญ่อยู่สักพักก่อนที่จะดับวูบไป แม้กระทั่งไฟในห้องทดลองก็ดับไปด้วย คล้ายกับว่าไม่เคยมีผู้ใดกลับเข้ามาใช้งานห้องทดลองแห่งนี้ เหลือไว้เพียงแค่ร่างไร้จิตวิญญาณของหนิงอวี่ที่ยืนหลับตาและคอตกนิ่งสนิทอยู่บนแท่นทดลองเท่านั้น

อ่านต่อ

หนังสืออื่นๆ ของ จิรัฐติกาล

ข้อมูลเพิ่มเติม

หนังสือที่คุณอาจชอบ

พันธกานต์เลขาเฉิ่ม

พันธกานต์เลขาเฉิ่ม

เนื้อนวล
4.8

อนลควรจะทำยังไง เมื่อจู่ๆ แม่เลขาเฉิ่มของพี่ชาย เข้ามาในห้องพักของเขาด้วยความเมามาย และก็ชักชวนให้เขาเป็นคนแรกของเธอ...!!! เขาควรปฏิเสธ หรือว่าเดินหน้าขย่มแม่สาวแว่นให้จมเตียงดีล่ะ?!!! “อ๊ะ... อย่า... คุณอนล... อื้อ...” เขาไม่สนใจการต่อต้านของหล่อนเลย เพราะวินาทีต่อจากนั้น ปากร้อนจัดก็กลืนกินทุกเสียงต่อต้าน พร้อมกับความเป็นชายที่ถูกปลดปล่อยจากเป้ากางเกง และพุ่งทะยานเข้ามาในกายสาว ทุกอย่างมันเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว และเต็มไปด้วยความเร่าร้อนรุนแรง การต่อต้านขัดขืนจางหายไป เมื่อปากถูกจูบดูดดื่ม พร้อมกับบั้นเอวแกร่งที่โยกคลึงเข้าหาอย่างหนักหน่วง อา... สติของหล่อนจางหายไปหมดแล้ว ตอนนี้สิ่งเดียวที่หล่อนรับรู้ถึงมันได้ ก็คือความแข็งแกร่งที่กำลังดำผุดดำว่ายอยู่ภายในร่องสาวเท่านั้น แต่พอเช้าวันต่อมา แม่เจ้าประคุณดันหนีหน้าหายไป แถมพอเจอกันก็บอกให้ลืมๆ เรื่องเร่าร้อนเมื่อคืนไปซะ เหอะ!!! คิดว่าเขาจะยอมหรือไง ในเมื่อแม่สาววัตถุโบราณ หวานฉ่ำไปทั้งตัวทั้งตัวแบบนี้...

ล่อลวงภรรยาเข้าสู่อ้อมกอด : สามีลึกลับคือมหาเศรษฐีอันดับหนึ่ง

ล่อลวงภรรยาเข้าสู่อ้อมกอด : สามีลึกลับคือมหาเศรษฐีอันดับหนึ่ง

Nevsa Ybarra
5.0

คุณลู่ผู้เย่อหยิ่งแสร้งทำตัวเป็นช่างซ่อมรถเพื่อแต่งงานกับเจียงวานก็เพียงเพื่อแก้แค้น ในสายตาของเขา เธอเป็นผู้หญิงใจแคบที่รังเกียจความพิการของเขา เขาแสร้งทำท่าทางเอาอกเอาใจ ดูเหมือนรักใคร่ แต่ในใจกลับเฉยชาไร้ความรู้สึก ทว่าไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไร เขากลับตกหลุมรักเธอโดยไม่รู้ตัว หลังหย่าขาด เขากลับรู้สึกเสียดาย พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อขอคืนดี ทว่ากลับได้รับเพียงเสียงหัวเราะเย้ยหยันจากเธอ “คุณลู่คงจำคนผิดแล้วมั้ง อดีตสามีของฉันเขา... เป็นแค่ช่างซ่อมรถคนหนึ่ง ไม่ใช่เจ้าของบริษัทลู่ซื่อกรุ๊ปผู้ร่ำรวยอันดับหนึ่งของประเทศแบบคุณ ฉันเอื้อมไม่ถึงหรอก” คุณลู่หัวเราะหึ ๆ สองเสียง “ไม่ต้องเอื้อมหรอก งั้นฉันจะลาออกจากตำแหน่งประธานบริษัทแล้วไปเป็นช่างซ่อมรถก็ได้” “??”

ข้าคือดาวมงคลน้อยหลินลู่ฉี

ข้าคือดาวมงคลน้อยหลินลู่ฉี

มาชาวีร์
4.4

เมื่อยมทูตหน้าใหม่ดึงวิญญาณมาผิดดวง เพื่อรักษาไว้ซึ่งสมดุลของโลกวิญญาณ หลินลู่ฉีผู้มีปราณมงคลในยุคปัจจุบัน จึงถูกส่งไปยังต่างโลก สวมร่างเด็กน้อยวัยสามขวบ ที่เพิ่งถูกงูกัดตายด้านหลังอารามเต๋า เจ้าอาวาสไม่อาจยอมรับวิญญาณสวมร่างได้ แต่เมื่อขับไล่วิญญาณร้ายออกจากร่างกายไม่ได้ จึงจำเป็นต้องขับไล่คน ออกจากอารามแทน ++++ "อนิจจาวาสนาเด็กน้อยได้ดับสิ้นลงแล้ว จี้คงเตรียมพิธีสวดส่งวิญญาณให้นางเถอะ" นักพรตเฒ่าสั่งการลูกศิษย์ตัวน้อย หันหลังหมายจะเดินกลับไปยังที่พักของตน "ขอรับท่านอาจารย์" จี้คงขานรับคำสั่ง หันไปเตรียมสิ่งของสำหรับทำพิธีสวดส่งวิญญาณผู้ตาย ทว่าผ่านไปเพียงอึดใจเดียว "อ๊ากกก ! มีผี !" เสียงกรีดร้องดังลั่น ร่างเล็ก ๆ ของเขาวิ่งไปหลบอยู่ด้านหลังผู้เป็นอาจารย์ "จี้คงมีอะไร" "นะนางลืมตาขอรับท่านอาจารย์" เด็กน้อยชี้นิ้วสั่น ๆ ไปที่ศพบนพื้น "ว่าอย่างไรนะ" นักพรตเฒ่ารีบตรงไปคุกเข่าอยู่ด้านข้างศพ เห็นเปลือกตาของนางขยับไปมา ก่อนจะปรือลืมขึ้นอย่างลำบากยากเย็น "นี่มัน...เป็นไปไม่ได้" รีบคว้าข้อมือของเด็กน้อยมาจับชีพจรดู ดวงตาของนักพรตเฒ่ามืดมนลงในทันที แตะนิ้วทำนายชะตา นี่มันคือการสลับร่างเปลี่ยนวิญญาณ ดึงตัวลูกศิษย์ถอยหลังไปสามก้าว "ผีร้ายตนไหนกล้ามาสวมร่างคนตาย จงออกไปเสีย !" ผีร้ายที่ว่ากำลังมึนงงกับเหตุการณ์ตรงหน้า จำได้ว่าเธอกำลังขับรถกลับบ้าน ใช่แล้ว เกิดอุบัติเหตุขึ้น มีรถบรรทุกเสียหลัก พุ่งมาชนรถของเธอ จากนั้นทุกอย่างก็ดับวูบไป ท่าทางเหม่อลอยไร้สติของนางทำนักพรตเฒ่าหวาดระแวงในทันที เตรียมหยิบยันต์ป้องกันภูตผีออกมา ขณะที่เด็กน้อยยกฝ่ามือของตัวเองขึ้นเพ่งมองอย่างประหลาดใจ ดวงตาคู่กลมน้อยกลอกกลิ้งไปมาอย่างสับสน นิ้วมือสั้น ๆ นี่มันอะไร ขยับปลายเท้าเข้าหากัน ขาก็สั้น พลิกฝ่ามือตัวเองไปมา สีหน้าคล้ายคนอยากร้องไห้ นี่มันโลกถล่มใส่หัวของเธอหรืออย่างไรกัน เปรี๊ยะ ! ยันต์ขับไล่ภูตผีถูกปาใส่นางสุดแรง ก่อนที่มันจะปลิวร่อนลงไปกองอยู่บนพื้น ยันต์ไม่เกิดการเผาไหม้ ผีร้ายยังคงอยู่ในร่างกายของเด็กน้อย "เจ้า ๆ ๆ ออกไปจากร่างของนางเดี๋ยวนี้ !" นักพรตเฒ่าชี้นิ้วพร้อมดึงยันต์สายฟ้าฟาดออกมาอีกแผ่น นี่นับเป็นยันต์ที่ทรงพลังที่สุดของเขาแล้ว รีบปาใส่เด็กน้อยสุดแรง เปรี๊ยะ ! ทว่าไร้ผลอยู่ดี... ตาเฒ่านี่เล่นตลกอะไรกัน... [นิยาย3เล่มจบ 252ตอน]

วิวาห์ครั้งใหม่กับพ่อหนุ่มเศรษฐีแสนร้ายกาจ

วิวาห์ครั้งใหม่กับพ่อหนุ่มเศรษฐีแสนร้ายกาจ

Rabbit
5.0

[นักธุรกิจหนุ่มระดับต้นแสนร้ายกาจ VS นักปรุงน้ำหอมสาวพิการเลอโฉม บริสุทธิ์ทั้งคู่] บุคคลลึกลับส่งคลิปวิดีโอสามีนอกใจมาให้ ทำลายชีวิตที่ดูสงบของยูหยุนหนิง ทำให้เธอเข้าใจเรื่องหนึ่ง คนรักที่รู้จักกันมาตั้งแต่เด็กจะหลอกเรา เพื่อนที่เติบโตมาด้วยกันจะหลอกเรา แต่นายแบบไหล่กว้างเอวคอดขายาวไม่มีทางหลอกเรา เพียงแต่ชายหนุ่มรูปหล่อขายตัวเพื่อเลี้ยงสุนัขคนนี้ กลิ่นน้ำหอมบนตัวของคุณ ทำไมถึงเหมือนกับนักธุรกิจหนุ่มระดับต้นของตระกูลเสี่ยวเลย? * ตอนที่เธอเปล่งประกายเจิดจรัส เขาเป็นลูกที่ถูกทอดทิ้งของตระกูล กล้าแค่ขโมยจูบแรกของเธอในความมืด เมื่อเธอตกจากที่สูง เขาทิ้งทุกอย่างกลับประเทศ แต่กลับเห็นเธอตอบตกลงคำขอแต่งงานของคนอื่นทั้งน้ำตา ตอนเธอถูกหักหลังอย่างเจ็บปวด เขามีอำนาจอยู่ในมือ เขาคือคนที่สนับสนุนอยู่เบื้องหลัง เป็นคนที่ช่วยชีวิตตอนที่เธอเสี่ยงอันตราย เป็นกำลังใจที่มั่นคงที่สุดของเธอ เมื่อเธอลุกขึ้นยืนอีกครั้ง เขาคุกเข่าข้างหนึ่ง จริงใจเป็นอย่างมาก “ได้โปรดแต่งงานกับผม” * “อยากรู้ไหมว่า ตอนที่เธอตอบตกลงคำขอแต่งงานของผู้ชายสารเลวคนนั้น ผมกำลังคิดอะไรอยู่? ” “คิดอะไรอยู่เหรอคะ? ” “อย่าให้ผมมีโอกาสนะ” “แล้วถ้าไม่มีโอกาสละคะ? ” “ถ้าอย่างนั้นก็สร้างโอกาสขึ้นมา” เพราะในโลกนี้ ไม่มีใครรักยูหยุนหนิงได้มากกว่าเสี่ยวฉืออีกแล้ว

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ