หนิงอวี่ นักวิทยาศาสตร์สาวคนเก่ง ที่ต้องการทดลองเกี่ยวกับการข้ามมิติจากปัจจุบันสู่อดีต ซึ่งเธอนั้นได้ทำการทดลองเรื่องนี้มาร่วมสองปีแล้ว จนกระทั่งวันหนึ่งมีของตกจากฟ้ากลายเป็นกำไลหยกสีเขียวประกาย เธอจึงเข้าไปทดลองข้ามมิติเป็นครั้งสุดท้าย หากไม่ได้ก็จะล้มเลิกการทดลองนี้ แต่ใครจะคิดว่ามันจะนำพาเธอไปยังห้วงมิติแห่งหนึ่ง ข้ามไปแล้วเธอยังสามารถเอาของที่อยู่ในห้องทดลองออกมาได้ งานนี้ทั้งขนมขบเคี้ยว ข้าวสาร ปลากระป๋องสำเร็จรูปก็ข้ามมิติทำให้เธอไม่อดตายอีกแล้ว *************************** "ถ้าคุณหนูยอมกินข้าวจนหมด บ่าวจะนำเอาลูกอม รสนมให้ด้วยเจ้าค่ะ" "ลูกอมรสนมคือสิ่งใด?" "ขนมอย่างหนึ่งที่ทำมาจากน้ำตาลกวนกับนม ทั้งอมและเคี้ยวได้ หนุบหนับ รสชาติหวานและมีกลิ่นหอม รสชาติเป็นเลิศอย่างมากเจ้าค่ะ" หนิงอวี่บรรยายจนลี่ซือน้ำลายสอในปาก ถึงแม้ว่าจะเอาแต่ใจแค่ไหนแต่ก็ยังเป็นเด็กน้อยอายุเพียงห้าขวบอยู่ดี ******************* นิยายสนุกอบอุ่นหัวใจ กับของวิเศษไม่จำกัดแบบฟิน...
ห้องโถงขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยตู้หนังสือ ซึ่งทำมาจากไม้แกะสลักประดับภาพวาดและลายน้ำ ถัดไปเป็นห้องอาหารที่ถูกตกแต่งอย่างวิจิตร มีโต๊ะไม้กลมใหญ่ ตรงกลางโต๊ะมีอาหารวางไว้หลายอย่าง และห้องที่สะดุดตาที่สุดคงจะหนีไม่พ้นห้องเล็ก ๆ ที่เต็มไปด้วยด้ายสีสันสวยงามและผ้าทอ ที่ถูกปักอย่างประณีต
และห้องอื่น ๆ อีกหลายห้องภายในจวน ก็ล้วนถูกตกแต่งด้วยตู้ เตียง โต๊ะที่ทำด้วยไม้สนอย่างดี และของประดับตกแต่งหรูหราหากไม่รกหูรกตาจนเกิดไป ภายนอกยังมีสวนเขียวขจีสลับกับสีสันของดอกไม้นานาพันธุ์ มีภูเขาจำลองเตี้ย ๆ วางไว้สองลูกเติมเต็มความเป็นธรรมชาติ ด้านหน้าประตูทางเข้ามีป้ายเหนือประตูสลักตัวอักษรแสดงถึงสกุล ด้วยทองคำวาววับบ่งบอกความมั่งคั่งได้เป็นอย่างดี
แต่ความวิเศษของจวนหลังนี้นั้น ไม่ใช่การตกแต่งด้วยของประดับหรูหรา หรือการแสดงออกถึงความร่ำรวยใด ๆ กลับเป็นห้องเก็บของธรรมดา ๆ ห้องหนึ่งที่ภายในห้องได้รวบรวมของกินของใช้ที่ทันสมัยของโลกปัจจุบันเอาไว้มากมาย
“สมบูรณ์แบบมาก”
เสียงใสของผู้หญิงพูดขึ้นมาพร้อมกับสายตาเปล่งประกายทอดมองไปยังเมืองจำลองโบราณเบื้องหน้าที่ตัวเองตัวเองกับผู้ช่วยคนสนิทตั้งใจสรรค์สร้างขึ้นมา เพื่อใช้ในการทดลองเรื่องการข้ามมิติ
ซึ่งหญิงสาวผู้นี้นั้นก็มีนามว่า หนิงอวี่ นักวิทยาศาสตร์สาวคนเก่ง ที่ต้องการทดลองเกี่ยวกับการข้ามมิติจากปัจจุบันสู่อดีต ซึ่งเธอนั้นได้ทำการทดลองเรื่องนี้มาร่วมสองปีแล้ว แต่ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จสักที ทั้งที่ทุกอย่างที่เธอสร้างขึ้นมาล้วนแล้วแต่ขาดความบกพร่องทั้งสิ้น
แต่หนิงอวี่ก็ไม่เคยย่อท้อ วันนี้เป็นอีกวันที่เธอจะทำการทดลองเรื่องการข้ามมิตินี้อีกครั้ง และก็มีความหวังว่าครั้งนี้จะประสบความสำเร็จเสียที จึงเอ่ยบอกผู้ช่วยสาวคนสนิทที่ยืนอยู่ข้างกายด้วยน้ำเสียงจริงจังและมั่นใจ หลังจากที่หย่อนถุงขนมหลายถุงเพิ่มลงไปในห้องเก็บของทันสมัยขนาดใหญ่ที่ตัวเองสร้างขึ้นมาเรียบร้อย
“เตรียมเครื่องได้เลย”
ผู้ควบคุมระบบนั่งอยู่ในคอกคอมพิวเตอร์ที่เต็มไปด้วยปุ่มและแสงไฟกระพริบ ทั้งหมดนี้เพื่อควบคุมการทดลองเดินทางข้ามมิติของมนุษย์
“ได้ค่ะ”
เมื่อผู้ช่วยตอบรับคำสั่งก็จัดการเตรียมความพร้อมของเครื่องทดลองในทันที โดยการกดปุ่มเปิดสีขาวเปิดเครื่อง หลังจากนั้นหญิงสาวรูปร่างสัดทัดที่สวมเสื้อกาวน์และแว่นตานิรภัยสำหรับปฏิบัติการก็ขึ้นมายืนตัวตรงในเครื่องทดลองเครื่องใหญ่
ก่อนจะหยิบเอาเครื่องสวมหัวที่คล้ายกับเครื่องสแกนสมองมาใส่บนศีรษะของตัวเอง ซึ่งมีสายเลเซอร์เชื่อมต่ออุปกรณ์และข้อมูลแต่ละชิ้นเข้าหากันห้อยระโยงระยางหลายสาย ที่สำคัญยังเชื่อมกับเมืองจำลองที่หนิงอวี่กับผู้ช่วยสร้างขึ้นมาอีกด้วย
เมื่อทุกอย่างถูกเตรียมพร้อมทั้งหมดแล้ว ใบหน้าสวยก็หันไปพยักหน้าให้กับสาวผู้ช่วยคนสนิท เพื่อให้เธอกดปุ่มเริ่มสีเขียวเริ่มการทดลองได้เลย ผู้ช่วยสาวที่รู้ดีว่าหนิงอวี่ต้องการจะสื่อสารอะไร ก็พยักหน้าขึ้นลงเบา ๆ เป็นการตอบรับ ก่อนที่มือบางจะกดปุ่มเพื่อเริ่มขั้นตอนต่อไปตามคำสั่ง
ปึก!
เมื่อปุ่มเริ่มการทำงานของเครื่องทดลองถูกกดแล้ว เสียงทำงานของเครื่องทดลองก็ดังขึ้นพร้อมกับหัวใจที่เต้นรัว ตึก! ตัก! ซ้ำ ๆ ของผู้ทำการทดลองทั้งสอง
ตืด! ตืด! ตืด!
สาวผู้ช่วยของหนิงอวี่รู้ดีว่าถ้าผลการทดลองสำเร็จ หนิงอวี่สามารถทะลุมิติไปยุคโบราณได้จริง ขอแค่เวลาผ่านไปได้ประมาณห้านาทีเท่านั้น เธอก็ต้องกดปุ่มสีเหลืองเพื่อดึงสติของหนิงอวี่กลับมาในทันที ป้องกันความผิดพลาดของการทดลอง และเมื่อหนิงอวี่กลับมาได้แล้วก็กดปุ่มสีแดงหยุดการทดลอง ทุกอย่างต้องทำตามขั้นตอนอย่างมีสติเท่านั้น
เมื่อเสียงสัญญาณเตือนว่าเครื่องทดลองกำลังจะทำงานในไม่ช้าเริ่มดังถี่รัวพร้อมกับแสงไฟสีเขียวสีแดงกระพริบไว ๆ ร่างกายของหญิงสาวที่ยืนอยู่ในเครื่องทดลองก็เริ่มค่อย ๆ หมุนจากช้าไปเร็วพร้อมกับมีควันสีขาวถูกฉีดออกมาจนฟุ้งกระจายออกมานอกเครื่อง
ผ่านไปชั่วพริบตาเดียว เมื่อควันฟุ้งสีขาวบริเวณแท่นทดลองมลายสลายหายไปจนหมดก็เผยให้เห็นว่าหนิงอวี่ยังยืนอยู่ที่เดิมและมีสติสัมปชัญญะครบถ้วน ก็สรุปผลการทดลองในครั้งนี้ได้ทันทีว่าล้มเหลวอีกเช่นเคย แน่นอนว่าทุกอย่างไม่ได้เป็นดั่งใจหวังเสมอไป
หนิงอวี่ถอดเครื่องสวมศีรษะออก ก่อนจะลงมาจากเครื่องทดลองด้วยใบหน้าที่ห่อเหี่ยว แล้วแกะอุปกรณ์ที่ใช้ทำการทดลองที่ตัวเองสวมใส่อยู่ออกจนหมดอย่างคนที่กำลังจะหมดหวัง ก่อนจะปล่อยตัวพิงกับโต๊ะใบหน้าแสดงออกถึงความสิ้นหวังอย่างเห็นได้ชัด ทำเอาผู้ช่วยสาวต้องเดินเข้ามาปลอบใจโดยการตบที่บ่าแคบของหนิงอวี่เบา ๆ หลายที เธอเองก็เศร้าใจไม่แพ้กันที่ผลการทดลองในครั้งนี้ไม่ประสบความสำเร็จอีกแล้ว
“อย่าคิดมากไปเลยนะคะพี่หนิงอวี่ เดี๋ยวเอาไว้เราทดลองกันใหม่ก็ได้ค่ะ หนูเชื่อว่าสักวันต้องสำเร็จอย่างแน่นอน”
“อืม ขอบใจมากนะ วันนี้ก็เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว เราแยกย้ายกันกลับไปพักผ่อนเถอะ”
“ค่ะพี่ ถ้าอย่างนั้นหนูขอตัวกลับบ้านก่อนนะคะ”
“อืม”
หนิงอวี่เดินคอตก เท้าเตะฝุ่นไปตลอดทาง แต่หลังจากพบเจอกับความผิดหวังมาหลายครั้งก็ทำให้จิตใจเข้มแข็งขึ้นได้เร็ว หนิงอวี่สลัดความเศร้าออกไปจากจิตใจ ก่อนที่จะเดินไปถึงรถยนต์ส่วนตัวของตัวเองที่จอดอยู่ในบริเวณลานจอดรถกว้างไร้หลังคาปกคลุมของสำนักงาน จึงทำให้เห็นว่าวันนี้ท้องฟ้ามีสีแปลก ๆ
เมฆสีเทาหม่นก่อตัวเป็นกลุ่มก้อนขนาดใหญ่ราวกับว่าจะมีพายุฝน ทำให้หนิงอวี่จินตนาการไปถึงมิติเวท เนื่องจากเมฆที่รวมตัวกันนั้นเริ่มเปลี่ยนเป็นสีดำทมิฬ ให้ความรู้สึกพิศวงอยู่ไม่น้อยสำหรับคนที่พึ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรกและชื่นชอบในด้านนี้มาก
หนิงอวี่ยืนเงยหน้ามองท้องฟ้าอยู่อย่างนั้นไม่ขยุกหยิกไปไหน ในใจคิดไปอีกว่านี่มันมหัศจรรย์มาก คล้ายกับท้องฟ้าจำลองที่เธอเคยไปดูอยู่บ่อย ๆ แต่ท้องฟ้าที่ไม่มีเมฆหมอก แสงจันทร์ และแสงไฟฟ้ารบกวนเช่นนี้ หนิงอวี่ที่เป็นนักวิทยาศาสตร์รู้ดีว่าอาจจะเกิดดาวตกได้
‘แต่วันนี้มันไม่ใช่วันที่จะเกิดดาวตกได้เลยนะ’
หนิงอวี่คิดในใจ แต่บนโลกใบนี้ก็มีสิ่งที่เหนือความคาดหมายอยู่มาก เธอจึงอยากจะยืนดูให้แน่ชัดว่าจะเกิดดาวตกอย่างที่เธอคิดจริง ๆ หรือไม่
แต่ไม่นานสิ่งที่เธอคาดการณ์เอาไว้ก็เกิดขึ้นจริง มีลูกไฟตกลงมาจากท้องฟ้าเป็นแสงสายสีขาวที่เรียกว่าดาวตก ก่อนที่แสงสีขาวนั้นจะร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้าตกลงสู่พื้นดิน หนิงอวี่ที่เคลื่อนใบหน้าตามแสงไฟลูกนี้อยู่ตลอดเบิกดวงตากว้างด้วยความตกตะลึง นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เธอได้เห็นดาวตกร่วงหล่นจากฟ้ามาสู่ดินได้
ในตอนนี้วัตถุอะไรบางอย่างจากฟ้าที่ตกลงมามีแสงไฟสีขาวระยิบระยับส่องแสงอยู่บนพื้นดินล่อตาล่อใจหนิงอวี่เป็นอย่างมาก ทำให้เกิดความอยากรู้อยากเห็นหยิบขึ้นมาดูด้วยความสงสัย
เมื่อหยิบวัตถุประหลาดส่องแสงนี่ขึ้นมาไว้ในมือ หินนั้นก็ยังคงส่องแสงสวยงาม แต่กลับเปลี่ยนเป็นส่องแสงหลายสีจนหนิงอวี่ตกใจและงงงันหนักไปกว่าเดิม ซึ่งหนิงอวี่เชื่อหมดใจว่าสิ่งนี้น่าจะเป็นประกายของดาวตกที่เกิดการระเบิดระหว่างพุ่งฝ่าบรรยากาศโลก เรียกว่าลูกไฟ หนิงอวี่จึงเก็บลูกไฟนี้ไว้แล้วเดินกลับไปยังห้องทดลองของตัวเอง เพราะสิ่งนี้ไม่ได้จะเจอกันง่าย ๆ
แสงไฟของห้องทดลองถูกเปิดให้สว่างวาบขึ้นมาอีกครั้งด้วยฝีมือของหนิงอวี่ ก่อนที่เธอนั้นจะเปิดเครื่องทดลองให้ทำงาน และระหว่างที่รอให้เครื่องเตรียมการณ์อยู่นั้น เธอก็จัดการนำชุดปฏิบัติการมาสวมใส่ ก่อนที่จะขึ้นไปยืนบ่นแท่นทดลอง และกดเริ่มโดยที่กำลูกไฟไว้ในมืออยู่ตลอด
ครั้งนี้ไม่มีผู้ช่วยใด ๆ แต่หนิงอวี่ก็ตัดสินใจว่าจะทำการทดลองนี้อีกครั้งคนเดียวในวันนี้ ลูกไฟประหลาดในมือคล้ายจะปลุกเร้าความมุ่งมั่นในตัวของเธอออกมาอย่างไรอย่างนั้น
ตืด! ตืด! ตืด!
ในตอนนี้สัญญาณเตือนว่าเครื่องทดลองกำลังจะทำงานก็ดังขึ้น หนิงอวี่กดปุ่มเริ่ม หลังจากนั้นหมอกควันสีขาวก็ฟุ้งขึ้นมาพร้อมกับร่างกายของหนิงอวี่กำลังหมุน ก่อนที่ดวงตากลมของเธอจะค่อย ๆ ปิดลงจนสนิท
หมอกสีขาวปกคลุมไปทั่วร่างของหญิงสาวมากกว่าทุกครัังที่ทำการทดลอง ในตอนนี้หนิงอวี่คล้ายกำลังติดอยู่ในวังวนอะไรสักอย่าง หัวคิ้วขมวดเข้าหากันยุ่งเหยิง ร่างกายรู้สึกวูบวาบขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ความรู้สึกทั้งหมดนี้ไม่เคยเกิดขึ้นกับตัวของเธอเลยสักครั้งเวลาที่ทำการทดลองข้ามมิติ
หลังจากนั้นหนิงอวี่ก็รู้สึกเหมือนว่าสติของตัวเองดับวูบไป ก่อนที่จะมีแรงกระชากแรง ๆ ดึงให้เธอตื่นขึ้นกลับมามีสติอีกครั้ง เหมือนกับว่าตัวเองกำลังหลุดออกจากวงแหวนมิติอย่างไรอย่างนั้นตามที่เคยดูในหนังในละคร และเมื่อร่างกระแทกกับพื้นอย่างจัง ดวงตาไข่ห่านก็ค่อย ๆ เปิดขึ้นจนเต็มตา แต่ทว่ากลับมองเบื้องหน้าไม่ชัด เนื่องจากมีหมอกขาวบดบังทัศนียภาพ จนหนิงอวี่ไม่สามารถมองออกไปทางไหนได้เลยนอกจากบริเวณรอบตัวของตัวเองเท่านั้น
ร่างบางค่อย ๆ เดินฝ่าฝูงควันไปเรื่อย ๆ มือทั้งสองข้างก็ปัดป่ายหมอกควันตรงหน้าให้มลายหายไปด้วย จนกระทั่งหนิงอวี่พบเข้ากับโลกใบใหม่ที่แปลกหูแปลกตาอย่างยิงยวด
‘นะ นี่มันทำไมเหมือนกับเมืองโบราณที่ฉันสร้างขึ้นมาเลยล่ะ ฉันทะลุมิติมาได้สำเร็จแล้วอย่างนั้นหรือ’
‘นี่มันคือฮอโลกราฟี ภาพสามมิติที่นักวิทยาศาสตร์อย่างฉันกำลังพยายามทดลองกับสมองของมนุษย์อยู่ใช่ไหม หรือว่าฉันทะลุมิติมาที่เมืองโบราณจริง ๆ แต่ถึงจะเป็นแบบไหนมันก็มหัศจรรย์และวิเศษมากอยู่ดี เพราะมันบ่งบอกว่าฉันได้ทำการทดลองสำเร็จแล้ว’
หนิงอวี่คิดไปตกตะลึงไป ก้มมองดูตัวเองก็พบว่าไม่ได้ใส่ชุดปฏิบัติการแต่กลับเป็นชุดของสตรีจีนโบราณตัวยาวสีขาวและสีเขียวอ่อนสวยงาม ลูกไฟจากดาวตกในมือตอนนี้ก็ไม่อยู่แล้ว แต่กลับแปรเปลี่ยนเป็นกำไลหยกสีเขียวส่องประกายงดงามสวมอยู่ที่ข้อมือเล็กแทน
หัวใจดวงน้อย ๆ ของหนิงอวี่เต้นระรัวด้วยความตื่นเต้น จนเผลอลืมไปว่าไม่มีผู้ช่วยคอยดึงสติของเธอกลับไป แต่ถึงอย่างไรในตอนนี้หนิงอวี่ก็ไม่ได้สนใจในเรื่องนั้นมาก เพราะเธอกำลังรู้สึกสนุกที่จะได้อยู่ในยุคโบราณต่อไปอีกสักหน่อย อย่างไรในตอนเช้าผู้ช่วยสาวก็ต้องมาทำงานและช่วยดึงเธอกลับไปจนได้อยู่ดี เธอจึงไม่รอช้าที่จะกระโดดโลดเต้นเข้าไปในจวนขนาดใหญ่ตรงหน้าด้วยรอยยิ้มของความดีใจเหมือนกับเด็กน้อยที่กำลังจะได้เข้าไปเที่ยวเล่นในสวนสนุก
ส่วนอีกด้านในขณะนี้ศูนย์ที่มีหน้าจอฮาโลกราฟีขนาดใหญ่กำลังฉายภาพมิติที่แตกต่างออกไปโดยไร้ผู้ควบคุมอยู่ในห้องทดลองห้องใหญ่อยู่สักพักก่อนที่จะดับวูบไป แม้กระทั่งไฟในห้องทดลองก็ดับไปด้วย คล้ายกับว่าไม่เคยมีผู้ใดกลับเข้ามาใช้งานห้องทดลองแห่งนี้ เหลือไว้เพียงแค่ร่างไร้จิตวิญญาณของหนิงอวี่ที่ยืนหลับตาและคอตกนิ่งสนิทอยู่บนแท่นทดลองเท่านั้น
บทที่ 1 ทดลองข้ามภพ
14/11/2024
บทที่ 2 รับบทสาวใช้
14/11/2024
บทที่ 3 นายท่านสกุลจาง
14/11/2024
บทที่ 4 ใครสนใจท่านกันเล่า
14/11/2024
บทที่ 5 ครอบครัวสกุลจางประสบภัย
14/11/2024
บทที่ 6 ข้าไม่ผิด
14/11/2024
บทที่ 7 ออกนอกวัง
14/11/2024
บทที่ 8 รักษาคนป่วย
14/11/2024
บทที่ 9 สงสัย
14/11/2024
บทที่ 10 ถึงชายแดน
14/11/2024
บทที่ 11 ผู้คุมนิสัยไม่ดี
14/11/2024
บทที่ 12 กลายเป็นผู้ประสบภัย
14/11/2024
บทที่ 13 ทางการมาตรวจสอบ
14/11/2024
บทที่ 14 ช่วยเหลือ
14/11/2024
บทที่ 15 เติบโต
14/11/2024
บทที่ 16 กราบไหว้ฟ้าดิน
14/11/2024
บทที่ 17 กลับมาทำไม
14/11/2024
บทที่ 18 คู่หมั้นหมาย
14/11/2024
บทที่ 19 พบเจอครอบครัว
14/11/2024
บทที่ 20 ความจริง
14/11/2024
หนังสืออื่นๆ ของ จิรัฐติกาล
ข้อมูลเพิ่มเติม