Login to MeghaBook
icon 0
icon เติมเงิน
rightIcon
icon ประวัติการอ่าน
rightIcon
icon ออกจากระบบ
rightIcon
icon ดาวน์โหลดแอป
rightIcon
หวงรักคู่หมั้น CEO

หวงรักคู่หมั้น CEO

B.J.BEN

5.0
ความคิดเห็น
11
ชม
14
บท

เธอเป็นคู่หมั้นที่เขาสุดหวงและห่วง ตามรับตามส่งดูแลมาแต่เล็กแต่น้อยเพราะบ้านอยู่ใกล้กัน อดทนอดกลั้นมานานหลายปีจนเธอเรียนจบ อีกไม่กี่เดือนจะแต่งงานกันแล้ว แต่เขาดันตบะแตกเสียก่อนนี่สิ! ตัวอย่างบางช่วงบางตอน "พี่ฤกษ์คะ อย่าค่ะ" "ยังไม่แต่งจะหย่าได้ยังไงกัน" เขาเลื่อนมือไปกอบกุมทรวงอกอวบอิ่มของเธอเอาไว้ ทำเธอสะดุ้งตกใจ "พี่ฤกษ์ อื้อ... อย่าค่ะ เมื่อก่อนไม่เห็นเป็นแบบนี้เลยนี่คะ" "เมื่อก่อนพี่ต้องอดทน รอให้กานต์เรียบจบก่อน แต่ตอนนี้เรียนจบแล้ว อีกไม่กี่เดือนจะแต่งงานกันแล้ว พี่ขอก่อนไม่ได้เหรอครับ ทรมานจะตายอยู่แล้ว" เขากระซิบขอเสียงแหบพร่า เขาอยากรวบหัวรวบหางแต่เกรงใจบิดามารดาของเธอ "พี่ฤกษ์คะ กานต์ก็ขอพี่ฤกษ์เหมือนกันคะ ขอให้รอกานต์ก่อนนะ" หญิงสาวเบี่ยงหลบแต่เขากอดรัดมาทางด้านหลังแนบแน่น "อย่าหนีพี่ ให้พี่กอดเอาไว้แบบนี้ก่อน" เขาพูดเสียงหอบๆ พยายามสงบสติอารมณ์เอาไว้อย่างเต็มที่ แต่ขอให้ได้กอดเธอสักนิด การบูรตัวแข็งทื่ออยู่ในอ้อมแขนของเขา แต่ก็ยอมให้เขากอด สัมผัสได้ถึงลมหายใจร้อนแรง แสดงว่าเขากำลังสงบสติอารมณ์อยู่ เธอก็ควรที่จะตามใจให้เขากอด หญิงสาวคิดว่าควรรู้จักผ่อนหนักผ่อนเบา รู้จักปฏิเสธก็อาจจะต้องรู้จักยอมบ้างตามสถานการณ์ "ดีจังได้กอดกานต์แบบนี้ พี่อยากกอดกานต์ อยากนอนพร้อมกัน ตื่นพร้อมกัน เห็นหน้ากานต์ทุกวันแบบนี้" "ตอนนี้ก็เห็นหน้ากานต์ทุกวันอยู่แล้วนี่คะ"

บทที่ 1 1

ร่างอรชรของการบูรเดินเข้ามาในห้องทำงานอันโอ่อ่าของฤกษ์ด้วยรอยยิ้ม

“สวัสดีค่ะพี่ฤกษ์”

“สวัสดีครับคนสวยของพี่” เขายืนขึ้นเต็มความสูงหนึ่งร้อยแปดสิบห้าเซนติเมตร ก่อนจะเดินไปรับร่างอรชรที่อยู่ในชุดเดรสสีหวานแวว เธอทรงตัวอยู่บนรองเท้าส้นสูงปลายแหลมที่เขาคิดว่าดูดีก็จริง แต่มันทำให้เมื่อยขาเอาเรื่องอยู่ หากต้องใส่เดินทั้งวัน

“วันนี้กานต์ทำมื้อกลางวันมาให้พี่ด้วยนะคะ”

เขารีบรับปิ่นโตที่เธอหิ้วมาด้วยอย่างยินดี เธอทำอาหารอร่อยและเขาก็ติดใจรสมือของเธอเป็นอันมาก

“กำลังหิวอยู่พอดีครับ” เขาโอบเอวบางไปนั่งที่โซฟามุมห้องด้วยกัน

“อุ๊ย! พี่ฤกษ์” เธออุทานตาโตเมื่อโดนเขาหอมแก้มเข้าให้ ก่อนที่มือหนาจะจับมือเธอไปกุมเอาไว้

“คิดถึงจังครับ” เขายกมือเธอมาจุมพิตเบาๆ ก่อนจะมองเธอตาหวาน

“อย่ามาปากหวานเลยนะคะ เดี๋ยวกานต์จัดอาหารใส่จานให้นะคะ วันนี้ทำราดหน้าหมูหมักทะเลที่พี่ฤกษ์อยากกินมาให้ค่ะ”

“อยากกินคนตรงหน้ามากกว่า” เขาดึงเธอมากอด ก่อนจะช้อนอุ้มมานั่งบนตัก

“ไม่เอานะคะพี่ฤกษ์ เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า” เธอดันใบหน้าของเขาออกห่าง

“งั้นล็อกประตูก่อนไหม ขอชื่นใจหน่อย”

“ไม่ได้ค่ะ เดี๋ยวเสื้อผ้ายับ” เธอดิ้นลงจากตักของเขา ทำให้ฤกษ์ถอนใจเฮือกใหญ่

“พี่ฤกษ์โกรธกานต์เหรอคะ”

“เมื่อไหร่จะใจอ่อนกับพี่สักทีครับ เราเป็นคู่หมั้นกันนะครับ ไม่ใช่คนอื่นคนไกล อีกไม่กี่เดือนก็จะแต่งงานกันแล้ว” เขาเว้าวอน เป็นคู่หมั้นกันตั้งแต่เล็ก คอยเฝ้าตามหวงตามห่วงอยู่ไม่ห่าง เธอให้เขาได้เพียงจับมือถือแขน โตขึ้นมาหน่อยก็ได้แค่หอมแก้ม แค่กอดยังยาก เธอรักนวลสงวนตัวเขาเข้าใจ และคิดว่าดีเสียด้วย เพราะเธอไม่นอกกายนอกใจเขาแน่นอน แต่เธอก็ยังหวงตัวกับเขาซึ่งเป็นคู่หมั้นด้วย

“รอให้แต่งงานกันก่อนสิคะพี่ฤกษ์” เธอยิ้มหวานให้เขา

“งั้นขอจูบหน่อย” เขาเขยิบเข้าไปหา รั้งเธอมาอยู่ตรงหน้า

“อุ๊ย! อื้อ” ช่วงที่เธอหลุดอุทาน เขาก็จุมพิตเข้ามาหาแบบไม่ทันตั้งตัว มือหนาข้างหนึ่งโอบกอดรอบร่างบอบบางเอาไว้ อีกข้างจับท้ายของเธอเอาไว้เพื่อให้เขาจูบเธอได้อย่างถนัดถนี่

ลิ้นหนาสอดแทรกเข้าไปในโพรงปากนุ่ม ก่อนที่จะแตะสัมผัสกับเกลียวลิ้นเล็กๆ ที่หลบหลีกอย่างตื่นกลัว

“อื้อ... พี่ฤกษ์” เธอครางออกมาเหมือนประท้วง เมื่อเขาถอนปากออกห่าง ก่อนที่จะบดจูบลงมาใหม่ จนเธอปราชัย

ร่างหนาหนักบดเบียดเข้ามาแนบชิด ดันเธอไปจนชิดกับพนักโซฟา เขาขบกัดริมฝีปากบนล่าง รุกเร้าหนักขึ้น ด้วยการสัมผัสทรวงอกสาวอวบอิ่ม

“พี่ฤกษ์ อย่าค่ะ พอก่อน” การบูรร้องประท้วง ตัวสั่นระริกเมื่อเขาเบียดกายเข้ามาแนบชิดจนเธอไม่มีช่องว่างให้หนีอีกแล้ว

“ปากหวานจัง ตัวก็หอมมากด้วย” ฤกษ์กระซิบชิดใบหน้าของเธอ ลมหายใจของคนทั้งสองเป่ารดกันถนัดถนี่

ท่าทีของเขาดูคลั่งไคล้คุกคามจนการบูรใจสั่น ปกติแล้วเขาจะเป็นสุภาพบุรุษ แต่พออยู่ต่อหน้าคนอื่น แต่เวลาอยู่ด้วยกัน เธอก็ยอมรับว่าหลังๆ มานี้เขาถึงเนื้อถึงตัวพอสมควร

“พี่ฤกษ์ไม่หิวเหรอคะ เดี๋ยวราดหน้าเย็นชืดหมด” เธอตั้งใจทำมาให้เขาโดยเฉพาะ เขาควรกินมันตอนนี้เลย

“หิวครับ แต่หิวคนตรงหน้าพี่มากกว่า” เขาใช้นิ้วโป้งเกลี่ยไปมากับริมฝีปากนุ่มสีสด

“ไม่ทำแบบนี้นะคะพี่ฤกษ์ มันไม่ดีค่ะ”

“อะไรที่ว่าไม่ดีครับ” เสียงเขาออดอ้อน จนใจเธอสั่นรัวอีกรอบ

“ก็เราไม่ควรชิงสุกก่อนห่ามยังไงล่ะคะ” เพราะครอบครัวของเธอเลี้ยงให้ลูกสาวรักนวลสงวนตัว มารดาบอกว่าหากมีลูกชายเพิ่มอีกคนก็จะสอนให้ลูกชายเป็นสุภาพบุรุษ ไม่รังแกผู้หญิงก่อนถึงวันที่สมควร แต่จนแล้วจนรอดมารดาก็มีลูกแค่คนเดียวคือเธอ

“พี่ทรมานจะตายอยู่แล้ว ทนมาตั้งหลายปีแล้วนี่ครับ” เขาพ้อเสียงน่าสงสาร ทั้งยังไล้มือของเธอเล่น

การบูรขนลุกเกลียว เธอเองก็เกือบใจอ่อนยอมทอดกายให้เขาหลายครั้ง แต่นึกถึงคำพูดของบิดามารดา ก็ทำให้เธอยั้งใจเอาไว้ได้ แต่ถ้าต้องตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้อีก เธออาจจะไม่รอดมือเขา เพราะใจเธอนี่แหละ ตกหลุมรักเขาเหมือนกัน

ไม่รักคงไม่ยอมให้ถึงเนื้อถึงตัวขนาดนี้ กับคนอื่นเธอไม่เคยยินยอม แม้แต่จับมือยังไม่เคย

“ก็ทนต่ออีกนิดสิคะ อีกไม่กี่เดือนเอง” เธอจะขยับลุกหนี เขาก็โอบกอดเอวบางเอาไว้

“อุ๊ย!” เธอหลุดอุทานเขาก็ตรงเข้ามาทำท่าจะจุมพิต เธอรีบดันใบหน้าของเขาเอาไว้

“พี่รอกานต์มาตั้งแต่เด็ก ทั้งหวง ทั้งห่วงมาตลอดเลยรู้ไหม” เขาไล้แก้มสาวเล่น เธอมองสบตาเขาแล้วสะเทิ้นอาย หลบสายตาเป็นพัลวัน

“เอ่อ...” เธออึกอักเพราะไม่รู้จะตอบรับว่าอย่างไรดี เขาหวงเธอคือเรื่องจริง ผู้ชายคนไหนเข้าใกล้เธอ ได้มีเรื่องแน่ ๆ

เธอกับเขาอยู่บ้านใกล้กัน ดังนั้นจึงสนิทกันตั้งแต่เด็ก บิดามารดาก็เป็นเพื่อนกัน

ยิ่งโตยิ่งสวย ยิ่งน่ารัก ทำเอาเขาหวงจนแทบไม่เป็นอันทำอะไร

ยิ่งตอนเรียนมหาวิทยาลัย เขายิ่งหวง ต้องไปรับไปส่งทุกวันเพราะเห็นหนุ่มๆ มองเธอแล้วรู้สึกหงุดหงิดทุกครั้ง

อ่านต่อ

หนังสืออื่นๆ ของ B.J.BEN

ข้อมูลเพิ่มเติม
ทาสรักมาเฟียเถื่อน

ทาสรักมาเฟียเถื่อน

โรแมนติก

5.0

เขา...คือมาเฟียเถื่อน ผู้เย็นชา โหดเหี้ยม และไม่เคยปล่อยให้ใคร “รอด” หากข้ามเส้นของเขา เธอ...คือสาวสวยธรรมดา ที่ดันเข้าไปเห็น "บางอย่าง" ในคลับใต้ดินของเขาเข้าโดยไม่ได้ตั้งใจ เพื่อ “ปิดปาก” เขาใช้ร่างกายของเธอเป็นข้อแลกเปลี่ยน แต่แทนที่จะลบเธอจากชีวิต... เขากลับ ขังเธอไว้ในหัวใจ แบบถอนตัวไม่ขึ้น “ฉันจะไม่ปล่อยให้เธอหนีไปไหนอีกแล้ว เธอต้องอยู่...เพื่อให้ฉันรัก และปั๊มลูกทุกคืน!” จากเพียงแค่ “ทาสรักในเตียงมาเฟีย” เขากลับรักเธอ...จนกลายเป็นสามีที่คลั่งรักที่สุดในโลก ท่ามกลางแรงรัก อารมณ์ดิบ และคำว่า ‘กรรม’ ที่ผูกมัดทั้งสองไว้ เรื่องราวของเขาและเธอจะลงเอยเช่นไร... เมื่อหัวใจของคนเถื่อน ถูกผู้หญิงคนเดียวทำให้ “อ่อนโยน” ได้เพียงแค่รอยยิ้มของเธอ

แกล้งนักรักหมดใจ

แกล้งนักรักหมดใจ

โรแมนติก

5.0

เมื่อ ภูผา ทายาทนักธุรกิจพันล้าน ถูกส่งตัวมาอยู่ที่บ้านนอกกลางทุ่งนา เขาต้องใช้ชีวิตร่วมชายคากับ ดาหลา ลูกสาวกำนันจอมแก่นที่มองเขาเป็นแค่ "หนุ่มกรุงไม่เอาไหน" จากความหมั่นไส้ กลายเป็นความห่วงใย... จากแผงผักริมตลาดนัด สู่แผนเปิดโปงที่เขย่าทั้งวงการธุรกิจ เมื่อหนุ่มเจ้าสำอางต้องมาเลี้ยงน้องควายทองแท้ที่ชอบให้ขัดหลังเสียเหลือเกิน แท้จริงคือ CEO ตัวจริงเสียงจริง! ความรัก ความลับ และแผนร้ายที่ซ่อนอยู่หลังรอยยิ้มจะพาทุกหัวใจอบอุ่นไปพร้อมกลิ่นหอมของไอดิน และคำว่ารักที่งอกงามกลางทุ่งนา เพราะบางที...ควายตัวเดียว ก็พาเราพบรักแท้ได้

บอสเถื่อนหลงเมีย

บอสเถื่อนหลงเมีย

โรแมนติก

5.0

เพราะเธอช่วยชีวิตเขาไว้...โดยไม่หวังสิ่งใดตอบแทน ในนาทีที่เธอคิดว่าเป็นแค่การทำดีธรรมดา กลับกลายเป็นการสะกิดหัวใจของชายหนุ่มผู้เย็นชาที่ไม่เคยเปิดใจให้ใคร "ธามกร วัฒนเดช" บอสหนุ่มผู้เก็บงำความเจ็บปวดไว้ใต้ท่าทีเรียบนิ่ง เขาไม่เคยเชื่อในน้ำใจของใคร...จนวันที่หญิงสาวตัวเล็กคนหนึ่งยอมเสี่ยงอันตรายเพื่อช่วยเขา และเธอ... "แก้วจอมขวัญ อินทราวงศ์" พนักงานบัญชีคนใหม่ ที่ไม่รู้เลยว่าแค่ ความดีเล็ก ๆ ในวันนั้น จะเปลี่ยนชีวิตเธอไปตลอดกาล จากคำขอบคุณ กลายเป็นความห่วงใย จากเจ้านายผู้เย็นชา กลายเป็นผู้ชายที่เดินเข้ามาทำให้หัวใจของเธอสั่นไหวทุกวินาที เขาค่อย ๆ เติมเต็มรอยร้าวในชีวิตของเธอ และเธอกลายเป็นคนเดียวที่เขาอยากปกป้องไปตลอดชีวิต "ถ้าคุณยังไม่กล้ารักผม งั้นขอให้ผมได้รักคุณก่อนนะ แก้วจอมขวัญ"

หนังสือที่คุณอาจชอบ

ตำหนักรัก ฮ่องเต้อำมหิต

ตำหนักรัก ฮ่องเต้อำมหิต

จ้าวฮุ่ยอิง
5.0

เว่ยหลินหลางบุตรีราชครูเว่ยอี้ ฝาแฝดคนพี่ที่ถูกปกปิดไร้สิ้นตัวตนว่าไม่เคยถือกำเนิดบนผืนแผ่นดิน ด้วยนางเกิดมาพร้อมดวงชะตาอันแข็งกล้าเป็นดวงล้มบัลลังก์หงส์ของแคว้นต้าโจว นางจึงถูกส่งตัวไปพำนักอยู่ที่หอดวงดาวให้ผู้คุมกฎเลี้ยงดู และนางก้าวออกจากหอดวงดาวในรอบ 17 ปี เพื่อกลับมาล้มบัลลังก์หงส์ที่ทำลายตระกูลของนางจนล่มสลาย โดยไม่รู้ตัวเลยว่าการก้าวออกมาจากหอดวงดาวครั้งนี้ ทำให้นางได้พานพบกับดาวคู่ชะตา ซึ่งเป็นนักรบปีศาจผู้เลื่องลือและก้าวขึ้นครองบัลลังก์ของแคว้นเทียนอวี๋อันยิ่งใหญ่ ลี่หยวนฮ่องเต้ผู้มีสมญานามฮ่องเต้อำมหิต ข้าจะต้องค้นหาและตามไปช่วยนางให้ได้ ไม่ว่าจะอยู่แห่งหนใดต่อให้บุกน้ำลุยไฟ ข้ามทะเลทราย มหาสมุทรนับหมื่นลี้ ข้าก็จะนำหัวใจของข้ากลับคืนมาเคียงคู่ที่ ตำหนักเย่วเชียงแห่งนี้ด้วยกันดั่งเดิม!!!!

หลินซือเยว่ผู้นี้ มีสามชะตาในคราเดียว

หลินซือเยว่ผู้นี้ มีสามชะตาในคราเดียว

มาชาวีร์
5.0

หลังผ่าตัดนักพรตเฒ่าผู้หนึ่งนั้น นางวูบหมดสติและเสียชีวิตลงไป ลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที ก็อยู่ในร่างของคุณหนูปัญญาอ่อนที่มีชื่อเดียวกันผู้นี้เสียแล้วทั้งยังจำอดีตชาติยามเป็นปรมาจารย์เต๋าได้อีกด้วย +++ 1 : ไล่ออกจากอารามไท่ผิงกวน แคว้นจิ้น ราชวงศ์เซวียน อารามไท่ผิงกวน “ไป ๆ อาจารย์ขับไล่พวกท่านออกจากอารามแล้ว อย่าได้มาเหยียบที่นี่อีก” “ศิษย์พี่รองรีบปิดประตูเร็วเข้า !” ตุบ ! ห่อผ้าสองห่อถูกโยนออกมาจากประตูอาราม ปัง ! ตามด้วยเสียงปิดประตูลงสลักอย่างหนาแน่น สตรีนางหนึ่งยืนตัวตรงเป็นสง่า เสื้อผ้ากับเส้นผมของนางปลิวไสวดั่งไผ่ลู่ลม หลินซือเยว่เงยหน้าขึ้นมองป้ายชื่ออารามไท่ผิงกวนด้วยสายตาเลื่อนลอย อาศัยอยู่ที่นี่มานานเท่าใดแล้วนะ บางครั้งนางเองก็ลืมเลือนวันเวลาไปเหมือนกัน “คุณหนูเจ้าคะ ศิษย์น้องทั้งสองของท่านทำเกินไปแล้วนะเจ้าคะ เหตุใดถึงไล่พวกเราสองคนออกจากอารามได้เล่า” เผิงฉือกระทืบเท้าเบา ๆ ตรงไปฉวยห่อผ้าทั้งสองบนพื้น ขึ้นมาคล้องแขนตัวเองไว้ “หากไม่ได้รับคำสั่งจากอาจารย์ ศิษย์น้องทั้งสองคงไม่กล้าขับไล่ข้าออกจากอารามหรอก” น้ำเสียงของนางสงบนิ่งฟังแล้วสบายหูยิ่งนัก หาได้มีความโกรธเกลียดแต่อย่างใด “นั่นรถม้า” นิ้วเรียวสวยชี้ไปยังรถม้าคันที่มีคนนั่งเฝ้าอยู่ “ป้าเผิงไปถามดูว่าใช่รถม้าของเราหรือไม่” เผิงฉือไม่รอช้ารีบตรงไปหาคนเฝ้ารถม้าที่อยู่ใต้ต้นไผ่ในทันที ไม่ช้านางก็กลับมาพร้อมกับรอยยิ้มนิด ๆ “เป็นรถม้าของเราจริง ๆ เจ้าคะคุณหนู คนขับบอกว่าเป็นคนของตระกูลหลินเจ้าค่ะ ได้รับคำสั่งจากท่านพ่อของคุณหนู ให้มารับคุณหนูกลับตระกูลหลินเพื่อไปแต่งงานเจ้าค่ะ” “กลับไปแต่งงานนี่เอง” นางเอ่ยเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่ หันหลังกลับไปทางประตูอาราม ประสานมือค้อมตัวคำนับลาอาจารย์ เผิงฉือเห็นเช่นนั้นก็อดที่จะคำนับตามนางไม่ได้ ภายในอารามไท่ผิงกวน “อาจารย์เหตุใดถึงไม่บอกลากับศิษย์พี่ใหญ่ไปตรง ๆ ล่ะ ทำเช่นนี้นางไม่โกรธท่านไปจนวันตายเลยรึ” เหอกุ้ยแม้มีอายุยี่สิบแปดปีแล้ว ทว่าเขากราบเป็นศิษย์เจ้าอาวาสชุนหวังเหล่ยหลังสตรีผู้นั้น จึงได้เป็นเพียงแค่ศิษย์พี่รองเท่านั้น “นั่นสิอาจารย์ ศิษย์พี่ใหญ่นางไม่เคยออกจากอารามไปไหนไกล ท่านทำเช่นนี้ไม่ใช่ขับไล่นางไปสู่ความตายหรอกรึ” จางเจียเฟิ่งเห็นด้วยกับศิษย์พี่รองของเขา “ให้มันน้อย ๆ หน่อยเจ้าศิษย์โง่ทั้งสอง พวกเจ้าคิดว่าอารามไท่ผิงกวนแห่งนี้ สามารถอยู่รอดมาได้เพราะใครกัน หากไม่ใช่เพราะฝีมือของศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้า เห็นนางเงียบ ๆ แบบนั้น ความคิดนางกว้างไกลยิ่งนัก อาจารย์อย่างข้ายังเทียบนางไม่ติดด้วยซ้ำไป” เจ้าอาวาสชุนปีนี้อายุอานามปาเข้าไปหกสิบห้าปีแล้ว ทว่าร่างกายยังแข็งแรง อารามเต๋าแห่งนี้มีวิถีแบบไม่เคร่งครัด ใช้ชีวิตเยี่ยงฆราวาสผู้หนึ่ง สามารถแต่งงานมีครอบครัวได้ “อาจารย์นางอยู่ในอารามวาดยันต์กันภัยให้ชาวบ้านที่มากราบไหว้ ตั้งโต๊ะรักษาโรคภัยให้ผู้คนในตัวอำเภอฝู แต่หนนี้นางต้องกลับบ้านไปเพื่อแต่งงาน นางบริสุทธิ์ถึงเพียงนั้นมิถูกสามีจับกลืนกินจนไม่เหลือกระดูกหรอกรึ” เหอกุ้ยนึกภาพเทพเซียนผู้สูงส่งอย่างหลินซือเยว่ หากต้องร่วมเตียงกับบุรุษหยาบกระด้าง เพียงเท่านั้นเขาก็ทำใจไม่ได้จริง ๆ แทบอยากจะไปแย่งตัวศิษย์พี่ใหญ่ของตัวเองกลับคืนมา “เลิกคร่ำครวญได้แล้ว กลับไปกวาดลานอารามกับตรวจดูน้ำมันตะเกียงให้เรียบร้อย ศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้าไม่อยู่ เจ้าทั้งสองต้องรีบร่ำเรียนศึกษาหาความรู้ อารามไท่ผิงกวนจะได้เจริญรุ่งเรืองในภายภาคหน้าต่อไปได้” เจ้าอาวาสชุนทำเสียงดังใส่ลูกศิษย์ทั้งสอง “ไป ๆ ข้าจะสวดมนต์” โบกมือไล่ทั้งคู่ให้ออกจากห้องสวดมนต์ไป เจ้าอาวาสชุนรีบลุกไปปิดประตูลั่นกลอน ท่าทางลุกลี้ลุกลนจนผิดปกติ ย่องเบา ๆ ไปที่ใต้เตียงนอน ดึงหีบไม้เก่าเก็บออกมา ครั้นกดสลักเปิดออก ก็พบตั๋วเงินจำนวนสามพันตำลึงอยู่ในนั้น ตระกูลหลินที่ไม่ได้บริจาคน้ำมันตะเกียงมาหลายปี จู่ ๆ ก็ส่งตั๋วเงินมาให้ พร้อมกับขอรับคนกลับไปเพื่อแต่งงาน ช่วงนี้ชาวบ้านมาทำบุญที่อารามน้อยลง หลินซือเยว่ก็ไม่รู้ว่าเกิดอันใดขึ้นกับนาง ถึงไม่ยอมลงจากอารามไปรักษาผู้คน รายได้เลยหายหดแทบจ่ายอาหารการกิน(สุรานารี)ไม่พอ ตั๋วเงินสามพันตำลึงนี่มาได้ทันเวลาพอดี ! แครก ๆ ๆ ๆ เสียงกวาดลานหน้าอารามดังขึ้นพร้อมกับเสียงบ่นของเหอกุ้ย “ข้ารู้ว่านางเก่งเอาตัวรอดได้ ข้าเพียงไม่อยากให้นางไปก็เท่านั้น” “ศิษย์พี่รองท่านอย่าได้เสียใจไปเลย ไม่ใช่ว่ามีแต่นางที่ต้องแต่งงานมีครอบครัว ท่านเองก็เถอะที่บ้านส่งคนมารับทุกปีไม่ใช่รึ” จางเจียเฟิ่งรู้ดีว่าตนและเหอกุ้ย ถูกครอบครัวลงโทษด้วยการส่งมาอยู่ยังอารามแห่งนี้ ทว่าเพียงชั่วคราวเท่านั้น “ตัวข้านั้นไม่เป็นไรหรอก เจ้านั่นแหละศิษย์น้องสาม ข้าได้ยินว่าที่บ้านของเจ้า เพิ่งหาคู่หมั้นหมายคนใหม่ให้เจ้าอีกคนแล้วไม่ใช่รึ” สองศิษย์พี่น้องหยุดกวาดลานอาราม แล้วหันหน้าไปมองตากัน จากนั้นพวกเขาก็ถอนหายใจดัง ๆ พร้อมกัน ไม่มีศิษย์พี่ใหญ่อยู่ด้วย นับจากนี้ไปยามทำความผิดใครจะออกหน้าคอยช่วยเหลือ ยามเงินหมดใครจะให้หยิบยืม ยิ่งคิดพวกเขาก็ยิ่งไม่สบายใจเป็นอย่างมาก บนถนนมุ่งหน้าสู่เมืองหลวง รถม้าไม้ธรรมดาไม่เล็กไม่ใหญ่ ไร้ป้ายชื่อตระกูลบอกกล่าว คล้ายไม่อยากให้ผู้อื่นล่วงรู้ว่าคนที่นั่งอยู่ด้านในเป็นใคร เผิงฉือพยายามหลอกถามคนขับรถม้าอยู่หลายหน ถึงสถานการณ์ของตระกูลหลินในยามนี้ นางไม่เคยไปที่นั่นมาก่อนไม่รู้จักใครสักคน คนขับรถม้าตอบว่า เขามีหน้าที่มารับคุณหนูรองกลับบ้านเท่านั้น เรื่องอื่นนั้นเขาไม่รู้จริง ๆ “ได้ถามหรือไม่ ใช้เวลากี่วันในการเดินทาง” หลินซือเยว่เอ่ยเสียงเนิบ ๆ “ถามแล้วเจ้าค่ะ เขาบอกว่าราว ๆ สิบวันก็ถึงเมืองหลวงแล้ว” “สิบวันเชียวรึ” หลินซือเยว่มองห่อผ้าที่วางอยู่ด้านข้าง มีเพียงของใช้จำเป็นของนางไม่กี่ชิ้น พร้อมกับก้อนเงินจำนวนห้าสิบตำลึง “คงต้องแวะซื้อของในอำเภอฝูเสียก่อน” เผิงฉือรีบเปิดม่านบอกกับคนขับรถม้า แต่เขากลับทำเสียงฮึดฮัดคล้ายไม่พอใจ “เสียเวลาเดินทางเปล่า ๆ” น้ำเสียงเขากระด้างกระเดื่อง

อย่าไปยุ่งกับทายาทสาวลึกลับ

อย่าไปยุ่งกับทายาทสาวลึกลับ

Tripp Zakarison
5.0

อวิ๋นเจินอาศัยอยู่ในตระกูลอวิ๋นมาเป็นเวลา 20 ปี กลับพบว่าเธอเป็นลูกสาวปลอม พ่อแม่บุญธรรมของเธอวางยาเธอเพื่ออยากจะได้เงินมาลงทุน หลังจากที่อวิ๋นเจินรู้เรื่องนี้ เธอก็ถูกไล่กลับไปที่ชนบท จากนั้นเธอก็ค้นพบว่าตัวเองคือลูกสาวแท้ๆ ของตระกูลเฉียวและมีชีวิตที่หรูหราสุด ๆ หลังจากกลับมา เธอได้รับความรักจากครอบครัวและมีชื่อเสียงโด่งดัง น้องสาวจอมปลอมใส่ร้ายอวิ๋นเจิน แต่เธอไม่คาดคิดว่าอวิ๋นเจินจะมีความสามารถต่างๆ เมื่อต้องเผชิญกับการยั่วยุ เธอได้แสดงความสามารถและทักษะต่างๆ มากมายเพื่อจัดการผู้รังแก มีข่าวลือกันว่าอวิ๋นเจินยังคงโสด และชายหนุ่มชื่อดังแห่งเมืองงก็ผลักเธอไปเข้ากำแพง "คุณนายกู้ ถึงตามราเปิดเผยตัวตนได้แล้วนะ"

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ