Login to MeghaBook
icon 0
icon เติมเงิน
rightIcon
icon ประวัติการอ่าน
rightIcon
icon ออกจากระบบ
rightIcon
icon ดาวน์โหลดแอป
rightIcon
5.0
ความคิดเห็น
1
ชม
10
บท

คำว่าเมีย” อย่างเธอ เด็กสาวอ่อนต่อโลก “ช่อดมิสา” มีที่มาแบบไม่ขาวสะอาด เพราะถูกอุปถัมภ์โดยหนุ่มใหญ่ อภิวานต์หรือว่าน ที่มีความแค้นแต่อดีตหนหลังระหว่างพ่อแม่ของเธอ คำว่าเมียเลี้ยง” ไม่ต่างจากที่ใครๆกล่าวหา เธอถูกนำมาไว้ที่บ้านสวนเพื่อปรนนิบัติดูแลคุณย่า ผลตอบแทนของเธอที่ได้รับ คือ สติปัญญา คุณค่า และการเอาตัวรอด ท่ามกลางอุปสรรคจากคนรอบข้าง ศัตรูร้าย และเพื่อนที่แสนดี คอยประคับประคองทะนุถนอมให้กำลังใจ ผิดไปจากเขาที่มอบแต่ความเถื่อน เหมือนซาตานร้าย แต่จะทำอย่างไรได้ และไม่อาจปฏิเสธตำแหน่ง ที่เขายัดเยียดให้ ด้วยรัก ช่อดมิสา

บทที่ 1 1

“มีผู้หญิงคนหนึ่งมาขอพบคุณว่านค่ะ เธอบอกว่าเป็นเพื่อนกับคุณว่านชื่อดาววลัย”นางล้อมเข้ามารายงานเจ้านายถึงข้างใน ที่อาคันตุกะมายืนรออยู่ประตูรั้ว

“เหมือนท่าทางร้อนใจยังไงชอบกล”นางล้อมตอบแล้ว สังเกตสีหน้าเจ้านาย ที่นางอยู่ดูแลเขาตลอด คุณอภิวานต์เคยผิดหวังความรักมาแล้วครั้งหนึ่ง

“ดาววลัย”เขาทวนคำชื่อนี้คุ้นและเคยได้ยินมาก่อน ขมวดคิ้ว นั่งกับเก้าอี้หวายตัวโปรดที่บริเวณสวนหลังบ้าน

“ชื่อ ดาววลัยจริงๆหรือ ล้อม”เขาพูดเหมือนไม่เชื่อ จนนางล้อมต้องอธิบาย “ล้อมจะต้องมาโกหกคุณว่านทำไมคะ”

“ฉันอยากแน่ใจ ” นางล้อมเคยพูดเสมอว่า นายจ้างของนางเป็นคนรูปหล่อ หน้าตาสะอาดสะอ้าน จมูกโด่ง เข้ม หน้าตาถือว่าหล่อเหลาแบบสุขุมนุ่มลึกของหนุ่มใหญ่ ที่นางล้อมแอบประทับใจเสมอ เสียเพียงอย่างเดียว ชอบตีสีหน้าเคร่งขรึมไม่ยิ้มและเหมือนคนที่ผ่านความระทมทุกข์ในชีวิตบางอย่าง

และไม่คิดจะเปิดเผยให้ใครฟังนี่ล่ะอุปนิสัยนายจ้างของล้อมล่ะ ชอบอยู่คนเดียวเก็บตัวเงียบ และไว้หนวดเคราจนดูเข้ม นอกจากนั้นยังมีน้ำเสียงที่กังวานทรงพลังดุจคำประกาศิต เธอมีน้องชายอยู่คนหนึ่งคือคุณศามิน เพิ่งเดินทางไปต่างประเทศเมื่ออาทิตย์ก่อนนี้ อายุของคุณศามินเพิ่งจะยี่สิบเอง ไม่จบมหาวิทยาลัยในกรุงเทพ

เธอโอนย้ายที่เรียนจากเมืองไทยไปสหรัฐอเมริกา เธอเป็นลูกหลาน ทายาทของอภิมหาเศรษฐี ตระกูลเศรษฐโภคา แต่ปัจจุบัน คุณดุลชิต บิดาของทั้งศามินและคุณอภิวานต์ ได้ตัดสินใจแต่งงานใหม่เดินทางไปอยู่ที่ประเทศสิงคโปร์กับภรรยาชาวไทยชื่อเพียงตรอง

หลังจากที่คุณนายผู้หญิงลิลวดีเสียชีวิตลงเพราะโรคร้าย ที่คร่าชีวิตเธอไปเมื่อห้าปีที่ผ่านมา คฤหาสน์ใหญ่หลังนี้จึงตกอยู่ในความครอบครอง ดูแลของคุณอภิวานต์ ทายาทคนโตของอดีตนายหญิงและนายผู้ชาย

“ไปเปิดประตูให้เขาเข้ามา ล้อม” คำสั่งของเจ้านายหนุ่ม

นางล้อมรีบลุกก้าวไปเปิดประตูด้านหน้าพอประตูอัลลอยด์หน้าคฤหาสน์หลังงามตระหง่านซึ่งทั้งโดดเด่นกว่าหลังใดในละแวกถนนสายเศรษฐกิจที่ดินราคาแพงลิบลิ่ว อย่างถนนสุขุมวิท เปิดออกโดยอัตโนมัติประตูรั้วเหล็กที่ทาด้วยสีทองก็ตัดแสงกับดวงอาทิตย์จนเกิดประกายสะท้อนวับวาว

“เข้ามาเถอะ คุณว่านเธอรออยู่ข้างในขอโทษหน่อยนะเข้าไปนาน”

“ไม่เป็นไรค่ะ”หญิงนางนั้นตอบ ท่าทางเธอเจียมตัวและเนื้อตัวดูจะผอมแห้ง

“พักอยู่ที่ไหนล่ะ”

“แถวรามคำแหงค่ะ ”ดาววลัยเดินตามแม่บ้านของอภิวานต์ นี่คือครั้งแรกที่เหยียบย่าง เมื่อสังเกตดูจากสายตาก็แน่ใจว่า ดูเหมือนแม่บ้านของที่นี่ไม่อยากจะต้อนรับสักเท่าใดเหมือนจำใจแต่แกล้งซ่อนความรู้สึก เพราะแม้จะใช้คำถามเรียบๆถามแล้วยิ้มอย่างหวังดี แต่ลึกๆนั้น มันเจือบางสิ่งบางอย่างที่ดูน่ากลัว ดาววลัยรู้สึกได้ดาววลัยจึงนิ่ง

หล่อนเคยได้ยินอภิวานต์พูดถึงแม่บ้านของเขาว่า เขาอยู่กับแม่บ้านของเขา หลังจากที่คุณหญิงมารดาแท้ๆของเขาเสียชีวิตไป แต่ตอนนี้ ดาววลัยเดือดเนื้อร้อนใจจนต้องบากหน้า เข้ามาพึ่งพาเขา เพื่อนเก่าในสมัยที่เรียนมหาวิทยาลัยเจอหน้าเขาแล้ว ดาววลัยดีใจและตื้นตันอย่างที่สุด

จนอยากจะร้องไห้ ชีวิตตอนนี้ของหล่อนเขาจะรู้บ้างไหมหนอว่ามันตกอับสุดขีดแค่ไหน สามีที่เป็นลูกชายมหาเศรษฐีตกอับก็เหมือนกัน ทวิชได้ทำร้ายครอบครัวอย่างสาหัสสากรรจ์

เขาจะเอาดาววลัยไปขายที่บ่อน ทั้งๆที่หล่อนกำลังท้องด้วย ท้องลูกคนที่สอง ซึ่งคลอดต่อมา เป็นผู้ชาย ส่วนเด็กหญิงก้านแพร ลูกสาวคนโตฝากไว้ให้คนข้างบ้านเลี้ยง แล้วจะมารับกลับคืน

จะกล้าบอกกับอภิวานต์ได้อย่างไรกัน ว่าสามีติดหนี้การพนันฟุตบอลมีมาเฟีย ตามมารบกวนข่มขู่จะฆ่าเขาทิ้ง มันเป็นหนี้กรรมหนี้เวร ที่หล่อนร่วมก่อกับเขาไว้ ดาววลัย เห็นหน้าของอภิวานต์ เหมือนกับพ่อพระมาโปรด

ไหนล่ะ น้องชายของเขาน้องชายใจชั่วที่เคยคิดจะทำมิดีมิร้ายกับหล่อนในคราวนั้นหล่อนตั้งใจมาที่นี่แล้ว ต้องข่มความกลัว แม้นึกสั่น ประหม่า อย่าได้เจอกับศามิน ผู้ชายที่มองเห็นผู้หญิงเป็นของเล่นชั่วคราว

ส่วนทวิชเขาไม่ใช่คนแข็งแกร่ง แข็งแรงที่จะปกป้องหล่อนและลูกน้อยได้ เขาอ่อนแอเกินไป ถือว่าหล่อนเลือกคนผิด

“ว่านคะดาวขอโทษด้วยที่มารบกวนคุณ ตอนนี้ดาวหมดหนทางแล้วค่ะ”

หล่อนยอมรับ ว่าหักความด้านอาย ไปหมดเพื่อพูดกับเขา

“ดาว”อภิวานต์อุทานออกมาด้วยความรู้สึก สงสารจับใจ ท่าทางของดาววลัยเหมือนคนอ่อนล้ากับชีวิตเต็มที่

“แล้วเจ้าวิช สามีของคุณล่ะ อย่าบอกนะว่า ลายมัน ออกแล้ว แล้วคุณเพิ่งมารู้จักมันดิบดีก็ตอนนี้”

ผู้หญิงคนนี้คือคนที่เขาเคยรักมาก่อน เมื่อครั้งเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัย ดาววลัยเป็นคนสวยและเรียนเก่งด้วย แต่เมื่อเขารู้ว่าเธอมาพลาดพลั้งเสียทีให้กับทวิชเพื่อนรักของเขา เขาจึงปลีกตัวออกมา ยอมรับว่าทำใจยากเขาเองก็หลงรักดาววลัยเหมือนกันเคยเกี้ยวจีบหล่อนมาก่อน ทวิช ดาววลัยก็รู้ซึ้งแก่ใจ ทวิชทำลงไปก็เพราะความรัก ความรักที่ปนกับความใคร่

“ผมรู้ว่าคุณอึดอัด เอาล่ะค่อยๆพูดมาเถอะ”

อ่านต่อ

หนังสืออื่นๆ ของ thunyawee

ข้อมูลเพิ่มเติม

หนังสือที่คุณอาจชอบ

คุณท่าน คุณนายมาหาอีกแล้ว

คุณท่าน คุณนายมาหาอีกแล้ว

Thacher
5.0

ในวันครบรอบแต่งงาน เหวินซือถูกเมียน้อยของสามีวางยาและไปมีอะไรกับคนแปลกหน้า เธอสูญเสียความบริสุทธิ์ไป แต่เมียน้อยคนนั้นกลับตั้งท้องลูกของสามี ภายใต้ความกดดันต่างๆ เหวินซื่อสูญรู้สึกสิ้นหวังและตัดสินใจหย่า แต่สามีของเธอกลับไม่แยแสโดยคิดว่าเธอกำลังเล่นลูกไม้อยู่ หลังจากการหย่ากัน เหวินซือกลายเป็นจิตรกรที่มีชื่อเสียงและมีผู้ชายนับไม่ถ้วนที่ตามจีบเธอ อดีตสามีไม่ยอมและขอคืนดีไปถึงที่ จากนั้นก็ว่า เธออยู่ในอ้อมแขนของคนใหญคนโตคนหนึ่ง และชายคนนั้นก็พูดอย่างสงบว่า "ดูให้ดี นี่คือพี่สะใภ้ของนาย"

ที่แท้เป็นผู้มีอิทธิพลระดับโลก

ที่แท้เป็นผู้มีอิทธิพลระดับโลก

Odey Jagoe
5.0

เสิ่นซือหนิงซ่อนตัวตนไว้ยอมทำทุกอย่างให้ แต่ความจริงใจของเธอกลับถูกสามีทำลายไปหมด และสิ่งที่เธอได้รับนั้นคือข้อตกลงการหย่า ด้วยความผิดหวังเธอจึงหันหลังจากไปและกลายเป็นตัวเองที่แท้จริงอีกครั้ง หลังจากได้เห็นความใกล้ชิดของสามีกับคนรักของเขา เธอก็จากไปด้วยความผิดหวัง จากนั้นเปิดเผยตัวตนที่เป็นนักปรุงน้ำหอมอัจฉริยะระดับนานาชาติ ผู้ก่อตั้งองค์กรข่าวกรองที่มีชื่อเสียง และผู้สืบทอดในโลกแฮ็กเกอร์ อดีตสามีของเธอเลยเสียใจมาก เมื่อเมิ่งซือเฉินรู้ว่าตัวเองทำผิด เขาก็เสียใจมาก หนิง ผมผิดไปแล้ว ให้โอกาสผมอีกครั้งเถอะ ทว่าฮั่วจิ่งชวนขาพิการนั้นกลับลุกขึ้นยืนและจับมือกับเธอว่า "อยากคบกับเธอ นายยังไม่มีค่าพอ"

ไฟรักมาเฟียร้าย [เจ้านาย VS เลขา]

ไฟรักมาเฟียร้าย [เจ้านาย VS เลขา]

สนพ. อิ่มรัก
4.8

ปลัมน์ นักธุรกิจหนุ่มหล่อลูกครึ่ง ถูกแม่สั่งให้ทำยังไงก็ได้ ที่จะกัน พลอยหยก ออกไปจากชีวิตน้องชายของเขา แต่หารู้ไม่ว่า พอถึงคราวของตัวเอง เขากลับกันเธอออกจากชีวิตตัวเองไม่ได้ ซ้ำร้ายไปกว่านั้นก็คือ เขาไม่อาจจะมีชีวิตอยู่ได้ โดยไม่มีเธอ ----------------------- “ปวดแผลจัง สงสัยต้องนอนพัก คุณล่ะทำอะไรตั้งหลายอย่างผมว่านอนพักก่อนดีกว่ามั้ย” เขาเอ่ยเมื่อพลอยหยกกลับจากเอาทุกอย่างไปล้างในทะเลเรียบร้อยแล้ว “ฉันยังไม่เหนื่อยเท่าไหร่ค่ะ แต่คุณนอนก็ดี เดินไกลกว่าทุกวันแล้วค่ะ” พลอยหยกเห็นด้วยอย่างยิ่งเลยเดินมาคอยประคองให้เขานอนลงได้อย่างสะดวก โดยมีเสื้อชูชีพสองตัววางซ้อนกันเป็นหมอนให้ หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะอีกแล้วเมื่อจ้องมองใบหน้าของเขาที่หล่อเหลากว่าทุกวัน ยิ่งเขาจ้องมองมาหาด้วยแล้วก็ยิ่งเกิดอาการประหม่าจนทำอะไรไม่ถูก “คุณนอนพักก่อนดีกว่านะแกว จะได้มีแรงไว้สู้กับการสอยมะพร้าวไง” มือข้างขวาของเขารั้งเอวเธอเอาไว้ไม่ให้ลุกไปไหน แถมยังออกแรงกดบังคับให้เธอโน้มกายลงไปหาพื้นข้างๆ อย่างไม่ยอมแพ้ แม้จะเจ็บแผลอยู่บ้างแขนข้างขวาของเขาก็ยังมีเรี่ยวแรงมาพอที่จะหยัดตัวให้นอนตะแคงไปหาเธอ ดวงตาคู่คมจ้องมองใบหน้าที่เขาเดาว่าคงจะแดงเพราะความอายที่ได้อยู่ใกล้ๆ เขาเป็นแน่ และเขาก็ช่วยให้ห้วงเวลาที่เธอคงจะอึดอัดนั้นสั้นลงด้วยการก้มลงไปหาริมฝีปากนุ่มช้าๆ มอบจุมพิตอันแผ่วเบาให้เจ้าของริมฝีปากที่ไม่ได้ขัดขืนใดๆ อีกทั้งยังโอบกอดตัวเขาไว้อย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัวด้วย ใบหน้าสวยก็แหงนเงยขึ้นเพื่อให้เขาได้ดอมดมปลายคาง ลำคองามระหงอย่างสะดวก ก่อนจะกลับขึ้นไปดูดดื่มริมฝีปากอีกวาระ แขนข้างซ้ายที่เคยเจ็บบัดนี้ดูเหมือนเขาจะไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไปแล้ว และใช้มันยกสอดเข้าไปใต้เสื้อยืด แถมมันยังมีเรี่ยวแรงมากพอที่จะถลกบราเซียออกจากสองบัวงามได้อย่างไม่น่าเชื่อ และเมื่อไม่ใคร่ถนัดนักเขาเลยเลื่อนมือขวาลงมาช่วยด้วยการถลกเสื้อยืดขึ้น โดยเจ้าของเสื้อคอยให้ความร่วมมือพยุงกายขึ้นจากพื้น แล้วแอ่นอกให้กับอุ้งปากอุ่นของเขาได้ลิ้มลองอย่างไม่หวงแหน แม้ใจจะบอกตัวเองว่าต้องห้ามเขา แต่พลอยหยกก็ไม่อาจจะทำได้ ไม่รู้เป็นเพราะอะไร รู้แต่ว่าตอนนี้เป็นสุขใจจนลืมทุกอย่างเพียงเพราะมีเขาอยู่แนบชิดขณะนี้ จนไม่อาจจะผลักไสเขาไปไหนได้นอกจากยินยอมพร้อมใจให้เขาได้เชยชมเพื่อชดเชยความสุขสมที่พึงมีด้วยกันนับตั้งแต่วันได้นอนแนบชิดกันโดยไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้ว ปลัมน์ก็ไม่คิดจะห้ามตัวเองด้วยเช่นกัน เขาไม่แคร์ด้วยซ้ำว่าตอนนี้ไม่มีแม้แต่ถุงยางอนามัยติดตัว และไม่แคร์ด้วยว่าเธอคืออดีตคนรักของหลานชาย ด้วยหัวใจไม่อาจจะหักห้ามความต้องการทั้งทางกายและทางใจได้อีกต่อไปแล้ว ผ่านมาหลายค่ำคืนที่เขามีสติล้วนแล้วแต่เป็นการกล้ำกลืนฝืนทนสุดๆ สำหรับเขาแล้ว แผงอกเปลือยทั้งสองบดเบียดแนบชิดกันเนิ่นนานกว่าปลัมน์จะค่อยๆ เลื่อนมือขวาลงไปหาหน้าท้องแบนราบจนพานพบตะขอกางเกงยีนส์ เขาใช้เวลาปลดไม่นานพอๆ กับการรูปซิปออก แล้วส่งนิ้วเรียวเข้าไปลูบไล้ผิวกายนุ่มนวลนอกแพนตี้สีหวานที่ชวนให้หลงใหลจนเขาปล่อยใจให้เตลิดเปิดเปิงไปเลยขั้นที่เกินจะควบคุมได้อีกต่อไป ไม่แตกต่างจากพลอยหยกนักที่เป็นสุขใจเกินคณากับการมีเขามาแนบชิดอยู่อย่างนี้ สองฝ่ามือนุ่มลูบไล้ไปตามแผ่นหลังกว้างบึกบึนของเขาอย่างลืมตัว ริมฝีปากนุ่มก็จูบตอบเขาด้วยความปรารถนาอันแรงกล้า แม้จะไร้ซึ่งประสบการณ์ก็ตามที แต่การถูกเขามอบจุมพิตให้บ่อยครั้งก็คือเป็นความคุ้นเคยกับเขาในระดับหนึ่งแล้ว หญิงสาวสะดุ้งเฮือกกับอุ้งปากอุ่นของเขาที่กำลังครอบครองปลายยอดชูช่อประหนึ่งรอให้เขามาเยี่ยมเยือนก็ไม่ปาน แผ่นหลังนุ่มแทบไม่ติดพื้นใบมะพร้าวเมื่อเธอเผลอแอ่นกายขึ้นเพื่อให้เขาได้ดูดดื่มอย่างสะดวก เธอรับรู้ได้ว่ากายเขาสะดุ้งน้อยๆ เมื่อมือบางเผลอออกแรงบีบตรงหัวไหล่ซ้ายของเขาเพราะความเจ็บร้าวไปทั่วกายจากความต้องการที่จะมีเขาเข้าครอบครอง “แกว! ตัวผมจะแตกเป็นเสี่ยงๆ อยู่แล้ว ผมต้องการคุณเดี๋ยวนี้” น้ำเสียงเขาแหบพร่าอยู่ใกล้ๆ หู ก่อนจะซอกไซ้ปลายจมูกไปกับซอกคอระหงแล้วเลื่อนลงไปหาอกอวบอิ่ม อ้อยอิ่งอยู่กับปลายยอดอีกข้างอย่างหลงใหลอีกครั้ง พลอยหยกรับรู้ถึงความต้องการของเขาได้ตรงสะโพกผายตึงเมื่อความแข็งแกร่งของเขาส่งสัญญาณมาหาโดยไม่ต้องบอกกล่าวทางวาจาเพราะด้วยภาษาทางกายแจ้งอย่างชัดเจนกว่าเรียบร้อยแล้ว “คุณปลัมน์คะ!” พลอยหยกส่งเสียงติดๆ ขัดๆ ไปหาเขา สองมือบางก็พยายามจะดันอกเขาออกอย่างยากลำบาก “แกว! อย่าห้ามผมเลยนะ เราต่างก็ต้องการกันและกัน อย่าสนใจอะไรอีกเลยนะ” เขาส่งน้ำเสียงอ้อนวอนมาให้ขณะพรมจูบไปตามผิวกายขาวและกำลังเลื่อนต่ำลง พลอยหยกต้องพยายามสะกัดกลั้นความรู้สึกวาบหวานเอาไว้และพยายามใช้สองแขนหยัดกายให้ลุกขึ้น “คุณปลัมน์คะ! ฟังสิคะ” “บนเกาะนี้มีแค่เราสองคน ไม่รู้ว่าจะมีใครมาช่วยเราหรือเปล่า และไม่แน่ว่าเราอาจจะต้องติดอยู่นี่ไปเป็นปีๆ ก็ได้ ถ้าถึงตอนนั้นเราก็คงไม่พ้นต้องทำเรื่องนี้ด้วยกันอยู่ดี แล้วจะให้ผมรออะไรอีกแกวคุณอยากให้ผมลงแดงตายเพราะต้องการคุณหรือไง” แต่ก็ถูกกายกำยำเขาทาบทับไว้ ส่วนมือขวาที่ใช้การได้ก็กำลังเลื่อนขอบกางเกงยีนส์ออกจากสะโพกผายตึง “แต่เสียงนั่นค่ะ คุณฟังสิคะ” แม้จะเป็นเสียงแห่งความช่วยเหลือกำลังมาถึง แต่ปลัมน์ก็ไม่อยากให้เป็นอย่างนั้น และอยากฆ่าคนที่กำลังมาด้วย เพราะมันไม่ถูกเวลาเอาเสียเลย “คุณหูฝาดไปเอง ผมไม่เห็นได้ยินอะไรสักนิด” เขางับยอดบัวงามไว้ในอุ้งปากแล้วดูดดื่มอย่างหิวกระหายและควบคุมตัวเองแทบไม่อยู่ “คุณปลัมน์คะ แต่เสียงนั่นใช่เสียงเครื่องบินหรือเปล่าคะ ฉันได้ยินค่ะ คุณฟังสิคะ”

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ