Login to MeghaBook
icon 0
icon เติมเงิน
rightIcon
icon ประวัติการอ่าน
rightIcon
icon ออกจากระบบ
rightIcon
icon ดาวน์โหลดแอป
rightIcon
ย้อนเวลาไปในยุค80เพื่อร่ำรวยในอนาคต

ย้อนเวลาไปในยุค80เพื่อร่ำรวยในอนาคต

จิรัฐติกาล

5.0
ความคิดเห็น
27
ชม
10
บท

จ้าวหมิงหมิงได้รับเป็นวิทยากรสัมภาษณ์ นักธุรกิจค้าหยกที่ร่ำรวยที่สุดในประเทศ เมื่อพบหน้ากันอีกฝ่ายก็บอกว่าเธอภรรยาของเขาในอดีต จ้าวหมิงหมิงคิดว่าเป็นเรื่องตลก จนกระทั่งตัวเองได้ย้อนเวลากลับไปอีกครั้ง เธอจะสามารถแก้ไขชะตาของตัวเองที่ได้รู้ล่วงหน้าหรือไม่ หรืออาจจะไม่อาจทำอะไรได้เลย

บทที่ 1 No.1

เมืองเทียนจิน มหาวิทยาลัยนานไค

จ้าวหมิงหมิง เป็นนักศึกษาคณะอัญมณีศาสตร์ชั้นปีที่ 3 เธอเป็นหนึ่งในผู้เชี่ยวชาญด้านการดูหยกและแกะสลักหยกเป็นพิเศษ อีกทั้งยังเป็นตัวเต็งในบรรดานักศึกษาทั้งหมดในชั้นปีที่จะได้เกียรตินิยมอันดับหนึ่งเหรียญทองเมื่อจบการศึกษาหากยังสามารถรักษาผลการเรียนเช่นนี้ได้ในอีกหนึ่งปีข้างหน้า

ส่วนอีกสิ่งหนึ่งที่จ้าวหมิงหมิงเชี่ยวชาญคือการส่งอาหารแบบเดลิเวอรี่ ด้วยความเป็นคนสมองดีทำให้ไม่ว่าตรอกซอกซอยเล็กน้อยตรงจุดไหนในเมืองเทียนจินเธอล้วนจำได้จนขึ้นใจทั้งสิ้นคล้ายมีแผนที่อยู่ในหัว การส่งอาหารของหญิงสาวจึงเร็วกว่าพนักงานส่งเจ้าอื่น ประกอบกับเจ้าสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าสีเขียวสดคู่ใจที่เธอตั้งชื่อให้ว่าเจ้า ‘ไป๋ช่าย’[ ผักกาดขาว (Chinese cabbage)] นั้นมีขนาดกะทัดรัดจึงทำให้สามารถเดินทางได้คล่องตัว

วัน ๆ หนึ่งจ้าวหมิงหมิงจึงหาเงินจากการส่งอาหารได้หลายร้อยหยวน หญิงสาวถือคติว่า

‘ขอเพียงตัวเราขยันขันแข็ง โชคชะตาย่อมรับใช้เรา’ [ มาจากสุภาษิตจีน 只要自己努力, 命运会为你效劳的。]

ซึ่งเป็นคำสอนของทวด ทวดสอนพ่อ พ่อก็จำเอามาสอนเธอออีกทีเป็นทอด ๆ

วันนี้จ้าวหมิงหมิงจึงออกมาวิ่งงานในช่วงเช้าก่อนกลับเข้าคณะเพื่อไปเป็นพิธีกรในงานประชุมวิชาการประจำปีของมหาวิทยาลัย

วันนี้เธอได้รับหน้าที่ให้สัมภาษณ์คุณ เซิ่นหวินเผิง นักธุรกิจชื่อดังระดับโลกที่คร่ำหวอดอยู่ในวงการอัญมณีตั้งแต่ยุค 70 เขาประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจเครื่องประดับโดยเฉพาะการส่งออกหยกจนหินชนิดนี้กลายเป็นสินค้าสำคัญของประเทศตั้งแต่อายุเพียงสามสิบเท่านั้น และใช้ชีวิตอย่างยาวนานจนอายุย่างเข้าเจ็บสิบในปีนี้

จ้าวหมิงหมิงตื่นเต้นมากที่จะได้สัมภาษณ์คนที่เธอยกให้เป็นต้นแบบในการทำงาน อีกทั้งผลงานของเขายังเป็นแรงบันดาลใจให้เธอมาเรียนที่คณะอัญมณีศาสตร์แห่งนี้ด้วย

หญิงสาวทำการบ้านเกี่ยวกับประวัติของเซิ่นหวินเผิงโดยละเอียดและเตรียมคำถามจนดึกดื่น วันนี้เช้าจึงต้องซัดกาแฟไปถึงสองแก้วกว่าจะขุดตัวเองขึ้นจากเตียงออกมาส่งอาหารได้

อีกหนึ่งชั่วโมงจะต้องขึ้นเวทีจ้าวหมิงหมิงจึงรีบบึ่งเจ้าไป๋ช่ายน้อยไปทางหอประชุมใหญ่ซึ่งตั้งอยู่บริเวณใจกลางมหาวิทยาลัย แต่แล้วหางตาของเธอก็เหลือบไปเห็นผู้หญิงคนหนึ่งที่หน้าตาเหมือนเธอไม่ผิดเพี้ยนราวกับเป็นคนคนเดียวกัน!

ต่างกันแค่เพียงผู้หญิงคนนั้นสวมชุดฉีผาว หรือชุดกี่เพ้าสีเขียวใบไผ่ ผมที่ยาวถึงกลางหลังเปียแกละสองข้างพาดอยู่บนหน้าอก เธอยิ้มอ่อนให้จ้าวหมิงหมิงพร้อมชี้ไปทางหอประชุม

แต่พอจ้าวหมิงหมิงกะพริบตาผู้หญิงคนนั้นก็หายไปแล้วเหลือเพียงเจ้าหมาน้อยตัวขาวขนปุยที่ยืนหน้าแป้นอยู่กลางถนนทำเอาเธอหักรถหลบเกือบไม่ทัน

“ว๊าย!”

โครม!

รถสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าของจ้าวหมิงหมิงล้มเค้เก้อยู่บนพื้นทับขาข้างซ้ายของเธอเต็ม ๆ จนเป็นแผลบาดยาวเลือดไหลเป็นทาง หญิงสาวกัดฟันยกรถขึ้นเธอรู้สึกเจ็บจี๊ดจนหน้าเบ้

“เธอเป็นอะไรไหม ฉันขอโทษจริง ๆ นะที่ปล่อยให้หมาหลุดมายืนอยู่กลางถนน” นักศึกษาสาวที่คงเป็นเจ้าของหมาน้อยตัวนั้นรีบมาขอโทษขอโพย

“ไม่เป็นไร” แม้ขาจะเต็มไปด้วยเลือดแต่จ้าวหมิงหมิงก็ยังไม่โกรธตามนิสัยที่เป็นคนโกรธยาก หายง่ายมาตั้งแต่ไหนแต่ไร

“ให้ฉันพาไปทำแผลที่ห้องพยาบาลนะ”

“ไม่เป็นไร ฉันมีสัมภาษณ์นักธุรกิจที่หอประชุมต้องรีบไป” พิธีกรสาวปฏิเสธ

“แต่เธอก็ไม่สามารถขึ้นเวทีทั้ง ๆ ที่ขาโชกเลือดแบบนี้ได้อยู่ดีไม่ใช่เหรอ คนในหอประชุมคงตกใจกันแย่เลย”

...ก็จริงของเพื่อนนักศึกษา

สุดท้ายจ้าวหมิงหมิงก็จำต้องให้เจ้าของสุนัขตัวน้อยประคองไปทำแผลที่ห้องพยาบาลแต่โดยดี กว่าหญิงสาวจะมาถึงเวทีก็เหลือเวลาอีกเพียงห้านาทีเท่านั้นก็จะถึงคิวของเธอ เธอจึงไม่มีเวลาพอที่จะตระเตรียมซักซ้อมคำถามกับแขกที่จะสัมภาษณ์เหมือนที่เคยทำกับท่านอื่น ๆ ที่เธอเคยผ่านมา

“ฉันนึกว่าเธอจะมาไม่ทันแล้วหมิงหมิง ทีมงานใจหายใจคว่ำกันหมด” เพื่อนชายที่รับหน้าที่เป็นผู้กำกับเวทีพูดอย่างโล่งใจ “ว่าแต่ขาของเธอเป็นอะไรมากไหม เดินขึ้นเวทีไหวหรือเปล่า”

“ไหวสิ โชคดีที่วันนี้เป็นการนั่งสัมภาษณ์ ฉันจึงคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร...แล้วคุณเซิ่นหวินเผิงล่ะอยู่ที่ไหน” พิธีกรสาวถามเมื่อไม่เห็นว่าแขกมาสแตนบายที่ข้างเวทีด้วยกัน

“คุณหวินเผิงอายุมากแล้ว ร่างกายไม่ค่อยแข็งแรงเลยให้รออยู่ที่ห้องพักด้านในกับผู้ดูแล ระหว่างที่ท่านยังเดินมาไม่ถึงเธอก็ช่วยพูดถ่วงเวลาไปก่อนแล้วกัน”

“ได้สิ”

เมื่อได้รับสัญญาณจ้าวหมิงหมิงก็ก้าวขึ้นเวทีอย่างมั่นใจด้วยท่าทางไม่ต่างจากพิธีกรมืออาชีพในรายการโทรทัศน์

“สวัสดีค่ะ คณาจารย์และเพื่อนนักศึกษาทุกท่าน” เธอกล่าวทักทายเสียงดังฟังชัดเพื่อเรียกความสนใจของผู้ชมทุกคนให้มารวมอยู่ที่เธอเป็นจุดเดียว “ดิฉันจ้าวหมิงหมิง รับหน้าที่เป็นพิธีกรของทุกท่านในช่วงสัมภาษณ์อันมีค่านี้ค่ะ”

เสียงปรบมือดังกระหึ่มขึ้นทั่วทั้งห้องประชุมหญิงสาวก้มหัวรับ ก่อนเล่าประวัติคร่าว ๆ ของแขกที่เธอศึกษามาเพื่อซื้อเวลาจนกว่าเขาจะเดินมาถึง

“คุณเซิ่นหวินเผิง เป็นนักธุรกิจชาวจีนคนแรก ๆ ที่ก่อตั้งบริษัทเพื่อทำการส่งออกหยกเนื้อดี อันถือเป็นอัญมณีที่มีค่าควรเมืองของเราไปเป็นสินค้ายังต่างประเทศ ท่านทำหน้าที่เป็นดั่งตัวแทนทางวัฒธรรมของประเทศชาติเรา อีกทั้งยังเป็นหัวเรือใหญ่ที่ทำให้หยกได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย ช่วยกอบกู้เศรษฐกิจที่ตกต่ำหลังสงครามให้กลับมาเจริญรุ่งเรืองอีกครั้ง ดังนั้นท่านจึงถือว่าเป็นผู้มีคุณูปการกับวงการอัญมณีของเราเป็นอย่างมาก...

นอกเหนือไปจากนั้นคุณเซิ่นหวินเผิงยังได้ชื่อว่าเป็นผู้ที่ทำงานอย่างเต็มที่ไม่มีวันย่อท้อ สอดคล้องกับคำกล่าวที่ว่า...ขอเพียงตัวเราขยันขันแข็ง โชคชะตาย่อมรับใช้เรา...”

ชายชราที่แม้จะอายุมากแล้วแต่ท่าทางยังดูภูมิฐาน ใบหน้าเรียวเล็ก ดวงตายาวรีซ่อนอยู่ใต้กรอบแว่นทรงเหลี่ยมสีทอง แม้ผิวหนังจะเหี่ยวย่นตามเวลาที่ผันผ่านไปแต่ก็ยังเหลือเค้าความหล่อเมื่อวัยหนุ่ม

“เมื่อกี้แม่หนูบนเวทีเธอพูดว่าอะไรนะ” เซิ่นหวินเผิงถามเสียงเบาหวิว...ต่อให้เวลาผันผ่านไปนานแค่ไหนเขาก็ไม่มีวันลืมประโยคนั้นไปจากใจได้

“น่าจะพูดสุภาษิตเกี่ยวกับความขยันครับท่าน เมื่อกี้ผมไม่ได้ตั้งใจฟังเลยจำไม่ค่อยได้” บุรุษพยาบาลผู้รับหน้าที่เป็นผู้ช่วยหนุ่มบอก

“ขอเพียงตัวเราขยันขันแข็ง โชคชะตาย่อมรับใช้เรา...เธอพูดแบบนี้ใช่ไหม” ชายชราถามย้ำ

“ใช่ครับใช่ ประโยคนี้เลย”

เซิ่นหวินเผิงน้ำตาคลอ ความหวังในใจกลับมาลุกโชน...ประโยคนั้นเป็นประโยคติดปากที่ภรรยาของเขามักหยิบยกขึ้นมาพูดเสมอเวลาเหนื่อยล้ากับการทำงานเพื่อให้กำลังใจทั้งเขาและตัวเธอเอง

ชายชราแทบรอเวลาที่จะขึ้นไปบนเวทีไม่ไหว กระทั่งพิธีกรสาวประกาศเรียกชื่อเขาให้ขึ้นไป

“ขอเสียงปรบมือต้อนรับคุณเซิ่นหวินเผิงค่า” จ้าวหมิงหมิงประกาศก่อนปรบมือรับ

ชายชราเกาะแขนผู้ช่วยเดินขึ้นไปบนเวทีกว้าง เขารู้สึกมีเรี่ยวแรงมากกว่าทุกวัน ยิ่งเดินเข้าไปใกล้หญิงสาวที่ยืนรอเขาอยู่ใต้แสงไฟตรงกลางเวทีดวงใจที่แห้งแล้งมานานนับทศวรรษก็กลับมาเต้นแรงอีกครั้งหนึ่ง

เหมือน...ช่างเหมือนเหลือเกิน...เซิ่นหวินเผิงตะโกนก้องอยู่ในใจ

“สวัสดีค่ะคุณเซิ่นหวินเผิง เชิญนั่งค่ะ” พิธีกรสาวผายมือไปยังโซฟาตัวใหญ่ที่ดูนั่งสบาย

“หมิงหมิง เป็นคุณจริง ๆ เหรอ” ชายชราถามเหมือนคนละเมอ ดวงตาใต้กรอบแว่วจ้องไปที่พิธีกรสาวแทบไม่กะพริบ

“คะ?” หญิงสาวรับคำอย่างแปลกใจที่จู่ ๆ นักธุรกิจระดับโลกก็เรียกเธออย่างสนิทสนมทั้ง ๆ เพิ่งเคยพบกันครั้งแรก แต่ด้วยความเจนเวทีเธอจึงปรับสีหน้าและดำเนินรายการต่อได้อย่างไม่สะดุด “ค่ะดิฉันจะรับหน้าที่เป็นผู้สัมภาษณ์คุณเซิ่นในวันนี้ค่ะ”

“ขาของเธอ” เขาชี้ไปที่ผ้าปิดแผลสีขาวขนาดใหญ่ที่ติดอยู่ตรงขาข้างซ้าย...เป็นบริเวณเดียวกันกับที่ภรรยาผู้ล่วงลับของเขามีแผลเป็นไม่มีผิดเพี้ยน!

“อ้อ ฉันประสบอุบัติเหตุเล็กน้อยค่ะ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ขอบคุณคุณเซิ่นที่เป็นห่วง...เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาเรามาเริ่มพูดคุยกันเลยดีไหมคะ”

เซิ่นหวินเผิงไม่ได้ฟังคำถาม เขาเอาแต่พินิจใบหน้าของนักศึกษาสาวที่นั่งอยู่ตรงหน้าห่างกันเพียงเอื้อมมืออย่างละเอียด ไฝที่ใต้ตาขวาก็เป็นตำแหน่งเดียวกันกับอดีตภรรยา...เป็นเธอไม่ผิดแน่ เธอปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าเขาอีกครั้งที่นี่ ในปีนี้อย่างที่เคยบอกเอาไว้จริง ๆ

ความรู้สึกโหยหา คิดถึงจนใจแทบขาดทำให้ชายชราลืมเลือนทุกอย่างรอบตัวไปสิ้น เขาค่อย ๆ พยุงตัวลุกขึ้นแล้วเดินช้า ๆ ไปกอดเธอเอาไว้แน่น

“หมิงหมิง เป็นคุณจริง ๆ ผมคิดถึงคุณเหลือเกิน”

ทุกคนในหอประชุมต่างตกใจกับเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่เกิดขึ้น ตัวจ้าวหมิงหมิงเองก็ตกใจจนทำอะไรไม่ถูกเช่นเดียวกัน แต่ก่อนที่เธอจะทันปัดป้องเซิ่นหวินเผิงที่ร่างกายไม่แข็งแรงเป็นทุนเดิมอยู่แล้วก็เป็นลมทรุดลงไปบนตักของหญิงสาวนั้นเอง!

อ่านต่อ

หนังสืออื่นๆ ของ จิรัฐติกาล

ข้อมูลเพิ่มเติม

หนังสือที่คุณอาจชอบ

ลิขิตรักภรรยาตัวร้าย

ลิขิตรักภรรยาตัวร้าย

จิ้งจอกสะท้านหม้อไฟ
5.0

เว่ยจื้อโหยวลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งพบว่าตนอยู่ในยุคสมัยที่ไม่คุ้นเคยสิ่งรอบกายดูโบราณล้าหลัง โลกโบราณที่ไม่มีในประวัติศาสตร์โลก ยังไม่ทันได้เตรียมใจก็ถูกส่งให้ไปแต่งงานกับชายยากจนที่ท้ายหมู่บ้าน สาเหตุที่เว่ยจื้อโหย่วถูกส่งมาให้แต่งงานกับชายที่ขึ้นชื่อว่ายากจนที่สุดในหมู่บ้านนั้น เพราะนางเกิดไปต้องตาต้องใจเศรษฐีผู้มักมากในกามเข้า เพื่อหาทางหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกบ้านใหญ่ขายไปเป็นอนุภรรยาของเศรษฐีเฒ่า พ่อแม่ของนางจึงยอมแตกหักจากบ้านใหญ่และท่านย่าที่เห็นแก่ตัวและลำเอียงเป็นที่สุด ด้วยเหตุนี้พ่อแม่ของนางจึงตัดสินใจยกนางให้กับอวิ๋นเซียว ชายหนุ่มที่แสนยากจนข้นแค้น ที่เพิ่งเสียบิดามารดาไป อีกทั้งยังทิ้งน้องชายน้องสาวเอาไว้ให้เขาเลี้ยงดู นอกจากนี้ยังมีป้าสะใภ้มหาภัยที่คอยแต่จะมารังแกเอารัดเอาเปรียบสามพี่น้อง สิ่งที่ย่ำแย่ที่สุดไม่ใช่ป้าสะใภ้มหาภัย แต่ มันคืออะไรแต่งงานนางไม่ว่ายังไม่ทันได้เข้าหอสามีหมาดๆ ก็ถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารในสงครามระหว่างแคว้น มันไม่มีอะไรเลวร้ายไปมากว่านี้อีกแล้วสำหรับ เว่ยจื้อโหยว หากสามีทางนิตินัยของนางตายในสนามรบ ก็ไม่เท่ากับว่านางเป็นหม้ายสามีตายทั้งที่ยังบริสุทธิ์หรอกหรือ แถมยังต้องเลี้ยงดูน้องชายน้องสาวของอดีตสามีอีก สวรรค์เหตุใดถึงได้ส่งนางมาเกิดใหม่ในที่แบบนี้

ย้อนเวลากลับมาเป็นท่านแม่

ย้อนเวลากลับมาเป็นท่านแม่

Zuey
5.0

เฉียวลู่ นักแสดงแถวหน้าของจีนมีข่าวฉาวออกมาทำให้ทางต้นสังกัดของเธอสั่งให้เธองดออกสื่อชั่วคราว จึงเป็นโอกาสที่หาได้ยากสำหรับคนงานยุ่งตลอดทั้งปีของเธอที่จะได้พักผ่อน เฉียวลู่เดินทางกลับบ้านเกิดของเธอและการกลับไปครั้งนี้ทำให้ชีวิตของเฉียวลู่เปลี่ยนไปตลอดการ ฉีหมิงเยี่ยน อนุชาองค์เล็กของฮ่องเต้แห่งแคว้นฉี ถูกลอบปลงพระชนม์ระหว่างที่เดินทางมาทำหน้าที่เจรจาสงบศึกกับเเเคว้นเซียว เพราะได้รับบาดเจ็บสาหัสทำให้ชินอ๋องความจำเสื่อมและได้รับการช่วยเหลือจากพ่อลูกตระกูลเฉียว เซียวยิ่น ฮ่องเต้แคว้นเซียวมีพระสนมมากมายเเต่กลับไม่สามารถให้กำเนิดพระโอรสได้โหรหลวงได้ทำนายเอาไว้ว่า ในอนาคตองค์รัชทายาทที่แท้จริงจะกลับมาเซียวยิ่นจึงมีรับสั่งให้ทหารออกตามหาพระโอรสและอดีตฮองเฮาของตนอย่างลับๆ ฉินอี้เหยา ได้รับบาดเจ็บสาหัสร่างลอยตามแม่น้ำมาพร้อมกับเด็กทารกในอ้อมแขนเมื่อฟื้นขึ้นมานางจึงแสร้งจำเรื่องราวในอดีตไม่ได้ เพื่อให้นางและบุตรชายมีชีวิตรอดต่อไป

สวยเก่งอย่างฉันไม่ง้อคุณหรอก

สวยเก่งอย่างฉันไม่ง้อคุณหรอก

Amye Hochschild
5.0

ตลอดระยะเวลาสามปีที่หยุยเอินแต่งงานกับฝู้ถิงหย่วน เธอพยายามทำหน้าที่ภรรยาให้ดีที่สุด เธอคิดว่าความอ่อนโยนของตนจะสามารถละลายใจที่เย็นชาของฝู้ถิงหย่วนได้ แต่ต่อมาเธอก็รู้ตัวว่าไม่ว่าเธอจะพยายามแค่ไหน ผู้ชายคนนี้ก็ไม่มีวันจะตกหลุมรักเธอได้ ด้วยความสิ้นหวังของเธอ สุดท้ายเธอตัดสินใจที่จะยุติการแต่งงานครั้งนี้ ในสายตาของฝู้ถิงหย่วน หยุยเอิน ภรรยาของเขาเป็นผู้หญิงที่โง่ ไม่มีอะไรดีเลยสักอย่าง แต่เขาก็คิดไม่ถึงว่าภรรยาของเขาจะกล้าโยนใบหย่าใส่เขาต่อหน้าคนมากมายในงานเลี้ยงวันครบรอบฝู้ซื่อ กรุ๊ป หลังจากหย่าร้าง ทุกคนต่างคิดว่าพวกเขาจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีกต่อไป แต่เรื่องราวระหว่างทั้งสองคงไม่ได้จบลงอย่างง่าย ๆ แบบนี้ หยุยเอินได้รับรางวัลบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และคนที่เป็นผู้มอบถ้วยรางวัลให้กับเธอก็คือฝู้ถิงหย่วน หยุยเอินคิดไม่ถึงว่าผู้ชายที่สูงส่งและแสนเย็นชาคนนี้จะลดตัวลงอ้อนวอนเธอต่อหน้าผู้ชมทั้งหมด"หยุยเอิน ก่อนหน้านี้คือผมผิดเอง ขอโอกาสให้ผมอีกครั้งได้ไหม"หยุยเอินยิ้มด้วยความมั่นใจ"ขอโทษนะคุณฝู้ ตอนนี้ฉันสนใจแต่เรื่องงาน"ชายหนุ่มคว้ามือเธอไว้ ดวยตานั้นเต็มไปด้วยความผิดหวัง หยุยเอินสบัดมือเขาและเดินจากไปโดยปราศจากความลังเลใด ๆ

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ