Login to MeghaBook
icon 0
icon เติมเงิน
rightIcon
icon ประวัติการอ่าน
rightIcon
icon ออกจากระบบ
rightIcon
icon ดาวน์โหลดแอป
rightIcon
คุณอา CEO สายเปย์

คุณอา CEO สายเปย์

B.J.BEN

5.0
ความคิดเห็น
2
ชม
14
บท

เขาเป็นคุณอาของเพื่อน เย็นชา หน้านิ่ง แถมยังดุอีกด้วย ในค่ำคืนหนึ่งที่โดนเพื่อนชายวางยา เขากลับช่วยเธอเอาไว้ แล้วกลายเป็นคุณอาหนุ่มคลั่งรักที่ทำเอาเธอกลายเป็นนางฟ้าตัวน้อย ๆ ในอ้อมแขนแข็งแกร่งอบอุ่นอ่อนโยนของเขา

บทที่ 1 1

นันทวดีพยายามแกะมือของเพื่อนชายที่ลวนลามเธอออก เพื่อนของเธอนัดเธอออกมากินข้าวที่ร้านกึ่งผับ แต่เพื่อนกลับโทร. มาแจ้งว่ารถติดยังมาไม่ถึง เธอจึงนั่งรอไปก่อน วิทวัสที่เป็นเพื่อนอีกคนจึงเดินมานั่งคุยด้วย แต่อีกฝ่ายกลับทำไม่ดีไม่ร้ายเธอ

“นี่ปล่อยนะ!”

“เล่นตัวไปได้” วิทวัสไม่สน จะล้วงมือเข้าไปในร่มผ้าของนันทวดีท่าเดียว แม่เลี้ยงของอีกฝ่ายขายหล่อนให้เขาแล้ว เขาก็มีสิทธิ์จะทำอะไรก็ได้

“โอ๊ย!” วิทวัสร้องด้วยความเจ็บเมื่อนันทวดีเอาขวดเครื่องดื่มที่เธอสั่ง ฟาดลงบนศีรษะของเขาเต็ม ๆ แรง

“ไอ้ลามก!” เธอผลักเขาออกก่อนจะวิ่งหนีออกมาแบบไม่คิดชีวิต เธอวิ่งไปตามถนนด้วยความรู้สึกอ่อนล้า เม็ดเหงื่อไหลซึมไปทั่วใบหน้าและตามเนื้อตามตัว

ตอนนี้หญิงสาวรู้สึกร้อนวูบวาบไปหมด

ร่างของเธอถูกดึงเข้าไปในอ้อมแขนแกร่งของใครบางคน เธอหันไปหา ก่อนที่จะหอบหายใจออกมาอย่างรุนแรง

“อาเอง” เสียงทุ้มนุ่มหูแสนคุ้นเคยนั้นทำให้นันทวดีโผเข้ากอดร่างสูงอย่างไร้สติ

“ทำไมถึงมีสภาพเป็นแบบนี้!” เสียงดุเข้มเอ่ยถาม พีรณัฐรีบประคองเพื่อนหลานสาวไปที่รถอย่างรวดเร็ว

“ช่วยด้วยค่ะอาพีร์” เธอร้องขอด้วยน้ำเสียงร้อนรน มือบางลูบไล้สะเปะสะปะไปตามเนื้อตัวของเขา

“อย่าซนสิ” พีรณัฐทำเสียงดุใส่แต่อีกฝ่ายก็ยังไม่ยอมหยุด เขารู้ว่าเธอโดนวางยาจึงรีบพาเธอไปที่ห้องพักส่วนตัวโดยด่วน

เหตุการณ์ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วเมื่อนันทวดีรุกหนักจนพีรณัฐไม่ทันตั้งตัว จึงทำให้ทั้งสองมีค่ำคืนที่แสนวาบหวามด้วยกัน

นันทวดีตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกปวดเมื่อยเนื้อตัวไปหมด พบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงของพีรณัฐ เขาเองก็กำลังนอนมองเธออยู่ก่อนแล้ว

หญิงสาวสะดุ้งสุดตัว นี่เธอมานอนไร้เสื้อผ้าอยู่บนเตียงเดียวกับอาของเพื่อนสาวคนสนิทได้อย่างไรกันนะ

“ตื่นแล้วเหรอ” เสียงของเขาไม่ได้เข้มดุเหมือนทุกครั้ง แต่ก็ไม่ได้อ่อนโยนหวานหูเช่นเดียวกัน

ประโยคคำถามง่าย ๆ นั้น ทำเอาเธอต้องกำจิกผ้าห่มแน่น ได้แต่มองเขาตาปริบ ๆ ด้วยความรู้สึกมึนงงไม่หาย

“เมื่อคืน...” เธอพูดได้แค่นั้นก่อนจะรำลึกถึงเหตุการณ์เมื่อค่ำคืนที่ผ่านมา แล้วก็ต้องตาโตอ้าปากค้างอีกรอบ

“เมื่อคืนเธอโดนวางยา เดินสะเปะสะปะอยู่ข้างถนน ดีที่ไม่โดนผู้ชายลากไปรุม” ประโยคของเขาอาจจะดูโหดร้ายแต่มันคือเรื่องจริงล้วน ๆ

เขาช่วยเธอเอาไว้ แต่เธอดันเสียตัวให้เขานี่นะ

“วดี เอ่อ... วดี” เธออึกอักไม่รู้จะเริ่มต้นพูดอะไรก่อนดี

“หิวหรือยัง” เขาขยับตัวอย่างเกียจคร้าน ก่อนจะลุกจากเตียง เธอหลับตาปี๋เพราะเขาอยู่ในสภาพล่อแหลม แต่พอแอบดูก็เห็นว่าเขาหยิบเสื้อคลุมมาสวมใส่เรียบร้อยแล้ว

“วดีต้องขอบคุณอาพีร์ไหมคะ” เธออยากจะเขกหัวตัวเองจริงๆ ที่ถามคำถามปัญญาอ่อนแบบนั้นออกไป

“ถ้าไม่อยากขอบคุณก็ไม่เป็นไร อาไม่ชอบบังคับจิตใจใคร”

“เอ่อ... ค่ะ”

“อาสั่งอาหารเอาไว้ให้แล้ว คิดว่าวดีคงจะหิว เพราะเมื่อคืนเราเปลืองแรงไปเยอะ” ประโยคราบเรียบของเขาไม่ได้แสดงอารมณ์อันใด แต่กลับทำให้เธอหน้าแดงร้อนผ่าวลามไปถึงใบหู มันบ่งบอกว่าเธอกับเขาทำอะไรกันเมื่อค่ำคืนที่ผ่านมา

จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนนี่ อยากจะตบหน้าผากตัวเองแรง ๆ นัก

“อาให้คนไปจัดการคนที่วางยาวดีให้แล้วนะ”

“อาพีร์รู้เหรอคะว่าใคร”

“รู้สิ อาอยู่ในร้านนั้นด้วย จนเห็นเธอเดินโซซัดโซเซออกมา เลยรีบตามมาช่วย”

“วดีตีหัววัสเต็ม ๆ เลย น่าจะหัวแตกหรือตายไปแล้ว”

“ไม่ต้องกลัว ร้านนั้นเป็นของเพื่อนอา เขาไม่มีทางมาเอาผิดอะไรวดีได้แน่นอน”

“ขอบคุณค่ะ” ครั้งนี้เธอขอบคุณเขาจริงๆ วิทวัสมีพ่อแม่รวยจึงเอาแต่ใจตัวเองและใช้เงินมือเติบ เลี้ยงเพื่อนฝูง มีพรรคพวกมากมาย ในขณะที่เธอหัวเดียวกระเทียมลีบ ไม่มีเงิน ไม่มีพรรคพวกเหมือนอีกฝ่าย ถ้าเขาจะเอาเรื่องขึ้นมาเธอคงเดือดร้อนแน่ ดีที่พีรณัฐยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ

“อาบน้ำแล้วไปกินข้าวกินปลาเสียก่อน จะได้คุยกัน”

“คุยกันเหรอคะ” เธอทำหน้าตาแตกตื่น

“ทำไม ไม่อยากคุยกับอาเหรอ”

“ไม่ใช่นะคะ แต่ถ้าอาพีร์จะคุยเรื่องที่ต้องรับผิดชอบวดี ไม่ต้องก็ได้นะคะ มันเป็นอุบัติเหตุ”

“ไม่อยากให้รับผิดชอบงั้นเหรอ”

“ใช่ค่ะ” เธอพูดอย่างหนักแน่น

“เรื่องนั้นเอาไว้ก่อน ไปอาบน้ำเถอะ เดี๋ยวมากินข้าวกัน” เขาตัดบท

“ค่ะ อุ๊ย!” พอลุกจากเตียงเธอก็ต้องร้องด้วยความเจ็บ ร่างแทบทรุดฮวบลงไปกองกับพื้น พีรณัฐรีบตวัดอุ้มร่างของเธอขึ้นจากพื้น

“อุ๊ย!” อุทานอีกรอบก่อนที่จะคล้องคอหนาเอาไว้ได้ทันท่วงที

“เดี๋ยวอาอุ้มไปส่งที่ห้องน้ำ คิดว่าน่าจะเดินไม่ไหว” สัมผัสอ่อนโยนของเขาทำให้เธอถึงกับเผลอไผลไปกับความใส่ใจนั้น แต่ประโยคของเขานี่สิ ทำเธอหน้าแดงซ่านลามไปถึงใบหู

เขาวางเธอให้เหยียบยืนบนพื้นห้องน้ำ ก่อนจะถอยออกไปจากห้องน้ำ ไม่ทำให้เธอต้องอึดอัดใจ

หัวใจของนันทวดีเต้นแรงราวกลองเพล ความรู้สึกที่ได้อยู่ในอ้อมกอดของผู้ชายที่แอบรักมันเป็นแบบนี้นี่เอง

เธอยืนมองตัวเองหน้ากระจกเงาบานใหญ่ ด้วยใบหน้าแดงก่ำเขินอาย เธอไม่อยากทำให้เขาต้องอึดอัดใจ

อ่านต่อ

หนังสืออื่นๆ ของ B.J.BEN

ข้อมูลเพิ่มเติม

หนังสือที่คุณอาจชอบ

เจ้าสาวจำยอม สามีเศรษฐีนอกสายตา

เจ้าสาวจำยอม สามีเศรษฐีนอกสายตา

Roana Javier
4.9

ชูจี้ถูกเก็บไปอุปการะตั้งแต่ยังเด็ก ซึ่งถือเป็นความฝันของเด็กกำพร้าทั่วไปอย่างชูจี้ แต่ชีวิตหลังจากนั้นมันไม่ได้มีความสุขดั่งที่ชูจี้คิดฝันไว้เลย เธอต้องอดทนถูกเย้ยหยันและการทำทารุณจากแม่บุญธรรมของเธอ แต่ก็ยังโชคดีที่เธอได้รับความเมตตาจากคนใช้สูงวัยคนหนึ่งในบ้านหลังนั้น ชึ่งเป็นคนคอยดูแลและเอาใส่เธอเหมือนแม่แท้ ๆ ของเธอ จนกระทั่งคนใช้จากไปด้วยอาการป่วย ชูจี้ก็ถูกบังคับให้แต่งกับผู้ชายที่ไม่เอาการเอางานแทนลูกสาวแท้ ๆ ของพ่อแม่บุญธรรมของเธอเพื่อชดใช้ค่ารักษาพยาบาลของคนใช้ เรื่องราวจะเป็นเช่นเดียวกับซินเดอเรลล่าหรือไม่? อย่างไรก็ตาม ชายที่เธอจะแต่งงานด้วยนั้นไม่เหมือนเจ้าชายเลยสักนิดนอกจากรูปร่างหน้าตาของเขาที่สามารถเทียบเท่ากับเจ้าชายได้เท่านั้นเอง ลู่เหยี่ยนเป็นลูกชายนอกสมรสของครอบเศรษฐีครอบครัวหนึ่ง เขาใช้ชีวิตไปวันๆ (พอลอดไปด้วยค่ะ)มาโดยตลอด ที่เขาตกลงแต่งกับชูจี้ก็เพราะอยากจะทำให้ความปรารถนาสุดท้ายของแม่ของเขาสมหวังเท่านั้น แต่ในคืนวันแต่งงาน เขากลับพบว่าเจ้าสาวคนนี้มีพฤติกรรมที่ผิดกับที่เคยได้ยินได้ฟังมา โชคชะตาจะบันดาลให้พวกเขาเป็นอย่างไร และลู่เหยี่ยนจะเป็นดั่งที่เราคิดหรือไม่ สิ่งที่น่าประหลาดใจคือลู่เหยี่ยนมีหลายอย่างที่คล้ายๆ กับมหาเศรษฐีที่ใหญ่ที่สุดในเมืองนี้อย่างพิลึก สุดท้ายแล้ว ลู่เหยี่ยนจะสามารถรู้ได้หรือไม่ว่าชูจี้ คือเจ้าสาวจำเป็นที่ต้องได้แต่งงานแทนพี่สาวของเธอ การแต่งงานของพวกเขาจะเป็นจุดเริ่มต้นเรื่องราวสุดโรแมนติกหรือวิบากกรรมของชีวิต โปรด ติดตามและค้นหาชีวิตและเรื่องราวของทั้งสองคนด้วยกันเถอะ

ท่านแม่ทัพข้าคือศรีภรรยา NC25+

ท่านแม่ทัพข้าคือศรีภรรยา NC25+

ซีไซต์
5.0

องค์หญิงสิบสามนามหลินฮุ่ยหมินสตรีผู้ที่งดงามโดดเด่นไม่เป็นรองผู้ใดแต่กลับมีฐานะต่ำต้อยในวังหลวงด้วยพระมารดาเสียชีวิตตั้งแต่นางยังเด็ก ท่ามกลางความคับแค้นใจนางยังต้องคำสาปร้ายต้องกลายร่างเป็นสัตว์ทุกคืนวันพระจันทร์เต็มดวง เขาคือ หยางเอ้อหลาง แม่ทัพหนุ่มผู้มีความสามารถรูปโฉมสง่างามและเป็นวีรบุรุษคนสุดท้ายของสกุลหยาง ทั้งยังเป็นที่รักเคารพของชาวเมือง ทว่าด้วยความสามารถและตำแหน่งใหญ่โต ฮ่องเต้มิอาจวางใจจึงได้คิดกำจัดเขาให้พ้นตำแหน่งเสีย โดยมอบสมรสพระราชทานให้หยางเอ้อหลางกับพระธิดาของตน เดิมทีชีวิตของคนสองคนย่อมไม่บรรจบ เมื่อสตรีที่หมายหมั้นกับหยางเอ้อหลางคือองค์หญิงใหญ่ที่ปักใจรักเขาตั้งแต่เยาว์วัย ทว่าเรื่องไม่เป็นเช่นนั้น เมื่อคนทั้งคู่เกิดอุบัติเหตุจนคนเข้าพิธีสมรสกลายเป็นองค์หญิงสิบสาม ท่ามกลางความหวาดกลัวขององค์หญิงสิบสามที่กลัวความลับจะเปิดเผย ท่ามกลางหยางเอ้อหลางที่พยายามพาสกุลหยางให้รอดพ้น ท่ามกลางการแตกหักของความสัมพันธ์พี่น้องที่แสนรักใคร่ระหว่างองค์หญิงใหญ่และองค์หญิงสิบสามเพราะบุรุษเพียงผู้เดียว หลินฮุ่ยหมินจะทำเช่นใด เพื่อจะยุติเรื่องราวน่าเวียนหัวนี้

พระชายาสารพัดพิษ

พระชายาสารพัดพิษ

เกาะครีต
5.0

"นางเป็นบุตรีผู้สูงศักดิ์ของฮูหยินเอกของจวนเสนาบดี นางมีหน้าตาโดดเด่น ทั้งอ่อนโอนและมีน้ำใจไมตรีต่อผู้อื่น แต่... นางทำดีต่อป้าของนาง นางกลับฆ่าแม่ของนางตาย นางรักเอ็นดูน้องสาวของนาง แต่น้องสาวกลับแย่งสามีของนางไป นางคอยสนับสนุนและดูแลสามีของนางอย่างสุดหัวใจ แต่สามีกลับทำให้นางตายทั้งกลม...ตระกูลฝ่ายมารดาของนางก็ถูกประหารชีวิตทั้งตระกูลด้วย นางตายตาไม่หลับและสาบานว่าหากมีชาติหน้า นางจะไม่เมตาตาต่อใครอีก ใครก็ตาม กล้ามาทำร้ายข้า ข้าจะล้างแค้นด้วยชีวิตทั้งตระกูลของพวกเจ้า เมื่อเกิดใหม่อีกครั้ง นางอายุได้สิบสี่ปี นางสาบานว่าจะต้องเปลี่ยนชะตากรรมและแก้แค้นชาติก่อน ป้านางใจ้ร้าย นางจะใจร้ายกลับยิ่งกว่านาง นางคิดจะได้ครองตำแหน่งฮูหยินงั้นเหรอ บอกเลยไม่มีทาง! ส่วนน้องสาวชอบผู้ชายชั่ว ๆ นักไม่ใช่หรือ ได้!ข้าจะยกให้เลย ส่วนชายชั่วนั่น ข้าจะทำให้เจ้าไม่สามารถมีทายาทได้อีกตลอดทั้งชาติ!แต่ข้าจะแก้แค้น เหตุใดเจ้าต้องมาช่วยข้าด้วย?"

ซูเจิน นายหญิงแห่งพฤกษา

ซูเจิน นายหญิงแห่งพฤกษา

l3oonm@
5.0

“ท่านผู้อำนวยการคะ ทางทีมสำรวจแจ้งว่าคนไม่เพียงพอที่จะเข้าไปเก็บตัวอย่างพันธุ์พืชในป่าเมืองเหอหนานค่ะ” ซูเจิน ที่ได้ยินก็หูผึ่งทันที เธอนั่งทำการอยู่ในห้องวิจัยตั้งแต่เรียนจบ ถึงตอนนี้ก็สี่ปีได้แล้ว ผู้อำนวยที่เข้ามาตรวจงานวิจัยล่าสุด ก็มองไปรอบห้อง เพื่อดูว่ามีใครต้องการเสนอตัวไปทำงานในครั้งนี้หรือไม่ แต่หลายคนที่เขามองไป ต่างหลบสายตาของเขา จะมีใครอยากออกไปเสี่ยงอันตราย เดินป่าขึ้นเขาให้เหนื่อยสู้นั่งทำงานในห้องปรับอากาศเย็นๆ ดีกว่า เมื่อไม่มีใครคิดจะเสนอตัว เขาจึงได้สอบถามหาผู้ที่สมัครใจทันที “มีใครอยากจะอาสาไปไหม” ไว้กว่าความคิด ซูเจินยกมือขึ้น “ฉันค่ะ” เพื่อนสนิทรีบดึงเสื้อของเธอเพื่อจะห้ามปราม “จะบ้าหรอ เธอไม่เคยไปสักครั้ง ไม่รู้หรือว่างานนี้เสี่ยงแค่ไหน” เสียงกระซิบของเสี่ยวชิง เอ่ยลอดไรฟันออกมา เมื่อปีที่แล้ว ที่ทีมสำรวจเดินทางเข้าไปที่ป่าเหอหนาน พื้นป่าที่ไม่อาจสำรวจได้อย่างทั่วถึง สร้างความท้าทายให้เหล่านักพฤกษศาสตร์จากทุกองค์กร แต่ไม่ว่าจะส่งเข้าไปกี่ครั้งก็ไปไม่ถึงป่าชั้นกลางเสียที แม้จะใช้เทคโนโลยีที่ล้ำหน้าเข้าช่วยเพียงได้ ก็สำรวจได้เพียงป่าชั้นนอก แถมยังพาชีวิตคนไปทิ้งอีกนับไม่ถ้วน ปีนี้ทางองค์กรของซูเจิน หยิบโครงการสำรวจป่าเหอหนานขึ้นมาใหม่ แต่กว่าจะหาทีมสำรวจได้ครบคนก็กินเวลาไปหลายเดือน ถึงตอนนี้คนก็ยังไม่พอจนต้องมาถามหาจากทีมวิจัยให้ช่วยเหลือ “คุณอยากไปจริงหรือ” เขาเอ่ยถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง “ค่ะ ฉันอยากลองทำงานนี้” ซูเจินยิ้มออกมา “ได้ อีกสองวัน คุณก็เตรียมตัวให้พร้อม” เมื่อมีคนเสนอตัวแล้ว ผู้อำนวยการก็ออกไปพบทีมสำรวจ เพื่อวางแผนการทำงาน ทั้งยังให้ซูเจินตามเขาไปเข้ารวมการประชุมในครั้งนี้ด้วย “เธอมันบ้าไปแล้ว” เพื่อร่วมงานต่างเดินเข้ามาหาซูเจิน แล้วตำหนิเธอที่กล้ายกมือเสนอตัว “เอาน่า ไว้กลับมาฉันจะเอาเรื่องสนุกมาเล่าให้พวกเธอฟัง” ซูเจินยิ้มหวานออกมา ก่อนที่จะเก็บของแล้วไปเข้าร่วมประชุมกับทีมสำรวจ สองวันต่อมาซูเจินก็แบกกระเป๋าเดินทางมาที่จุดนัดพบ เธอออกเดินทางด้วยรถตู้ขององค์กร พร้อมทีมสำรวจอีกเกือบยี่สิบชีวิต ยังดีที่เธอได้แบกกระเป๋าเพียงใบเดียว หากต้องแบกเต็นท์นอน อาหารด้วย คงได้เป็นภาระของคนอื่นอย่างแน่นอน ภายในป่าเหอหนาน น่ากลัวว่าที่ซูเจินคิดไว้เยอะ พอตะวันตกดิน หากไม่มีแสงไฟที่ทีมสำรวจนำมาด้วยคงจะมืดจนมองไม่เห็นอะไร เสียงแมลงทั้งสัตว์ป่าร้องตลอดทั้งคืน สร้างความหวาดกลัวให้กับคนที่ไม่เคยเข้าป่าสักครั้งอย่างเธอได้อย่างดี ยังดีที่เจ้าหน้าที่ผู้นำทางติดตามมาด้วยอีกหลายคน พวกเขาจึงได้อยู่ผลัดเปลี่ยนเวรยาม เพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์ป่าเข้ามาถึงตัวพวกเขา หลายวันที่อยู่ในป่า ซูเจินเก็บตัวอย่างพันธุ์ได้หลายชนิด แต่ทั้งทีม ยังเดินไม่หลุดป่าชั้นนอกเลย ยังดีที่อาหารที่เตรียมมาเพียงพอให้พวกเขาอยู่ไปได้อีกหลายวัน “เอ๊ะ” เข้าวันที่เจ็ดของการสำรวจป่า ซูเจิน เห็นดอกไม้แปลกตา ที่ขึ้นอยู่ท่ามกลางพงหญ้ารก เธอจึงเดินห่างจากกลุ่มทีมสำรวจเข้าไปดูทันที เพราะไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องอะไรได้ ระยะห่างที่อยู่ไกลจากพวกเขา หากร้องเรียกก็ยังได้ยินอยู่ เธอหยิบกล้องถ่ายรูปขึ้นมา พร้อมทั้งจดรายละเอียดก่อนที่จะดึงต้นไม้เก็บเข้าถุงเก็บตัวอย่างที่เตรียมมา แต่เมื่อมือของซูเจินสัมผัสไปที่ดอกไม้ เธอก็ต้องตกตะลึง เหมือนมีกระแสไฟวิ่งผ่านปลายนิ้วไปจนทั่วทั้งตัว “โอ๊ยย” เสียงร้องอย่างเจ็บปวดของซูเจิน เรียกความสนใจให้คนทั้งหมดรีบวิ่งมาทางที่เธออยู่ ซูเจินเห็นเพียงแสงสีขาวที่สว่างวาบไปทั่ว แล้วภาพตรงหน้าของเธอก็ดำมืดลง

หยางจื้อซี เกิดใหม่ในหมู่บ้านป่าหมอก

หยางจื้อซี เกิดใหม่ในหมู่บ้านป่าหมอก

จิ้งจอกสะท้านหม้อไฟ
5.0

หยางจื้อซี เด็กกำพร้าจากศตวรรษที่21 ถูกองค์กรมืดเลี้ยงดูจนเติบโตและทำให้เธอกลายเป็นมนุษย์กลายพันธ์ ในระหว่างที่ถูกส่งตัวไปทำภารกิจลับ เธอกลับถูกคนในองค์กรมืดหักหลังและถูกฆ่าโดยเพื่อนสนิทที่เธอไว้ใจมากที่สุด ก่อนสิ้นใจเธอถามเพื่อนสนิทว่าทำไม แต่ไม่ได้รับคำตอบจากปากของอีกฝ่าย สิ่งที่เธอได้รับคือรอยยิ้มที่ดูถูกเหยียดหยามและ คำว่า “โง่” จากปากของอีกฝ่ายเท่านั้น หลังจากที่ตายไปแล้วสิ่งที่เธอคิดไว้ คงจะเป็นนรกหรือที่ไหนสักแห่งที่เป็นโลกหลังความตาย แต่ทว่ามันกลับไม่เป็นเช่นนัน เธอตื่นขึ้นมาในร่างของ หยางจื้อซี เด็กหญิงอายุ เพียง 13 ขวบปีในหมู่บ้านป่าหมอก ในดินแดนโบราณล้าหลังที่ไม่มีในประวัติศาสตร์ คล้ายกับว่าเป็นโลกคู่ขนานที่อยู่อีกมิติหนึ่ง เธอตื่นขึ้นมาในบ้านที่ผุพัง ครอบครัวยากจน มีแม่ที่อ่อนแอและเจ็บป่วย มีพี่น้องที่อายุน้อย มีปู่ย่าตายายที่เห็นแก่ตัวและใจร้าย มีลุงที่เห็นแก่ได้ป้าสะใภ้ที่เต็มไปด้วยความละโมบโมบโลภมาก หยางจื้อซี คิดว่านับจากนี้ไปชีวิตจะต้องอยู่ได้ด้วยตัวเอง หากใครมารังแกก็แค่ทุบตี เธอไม่เชื่อว่าด้วยพลังที่ติดตัวเธอมาจากชาติที่แล้วจะไม่สามารถอยู่รอดได้ในโลกล้าหลังแห่งนี้

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ