Login to MeghaBook
icon 0
icon เติมเงิน
rightIcon
icon ประวัติการอ่าน
rightIcon
icon ออกจากระบบ
rightIcon
icon ดาวน์โหลดแอป
rightIcon
พลาดรัก แวมไพร์เย็นชา

พลาดรัก แวมไพร์เย็นชา

Minseoltang

5.0
ความคิดเห็น
ชม
12
บท

เรื่องวุ่น ๆ ในโรงเรียนแฟนตาซีที่มีนักเรียนแวมไพร์และมนุษย์ปะปนอยู่ด้วยกันได้อย่างเปิดเผย แต่ดูเหมือนว่าสำหรับอาเรียน่า ฟลอเรนซ์ การเรียนในโรงเรียนที่มีแต่เหล่าลูกหลานตระกูลดังเก่าแก่ดูจะไม่ค่อยราบรื่นสักเท่าไหร่ เมื่ออยู่ ๆ หนุ่มฮอตอย่างเขาเริ่มเข้ามามีบทบาทในชีวิต ในช่วงที่ตระกูลของเธอใกล้จะล้มละลาย ✅ พระเอกธงเขียวระดับกลาง >< ❌ไม่มีนอกกาย ไม่มีนอกใจ 🫶🏻เตรียมรับมือกับความนิ่งขรึมระดับสิบที่จะทำให้ใจสั่นไหวได้เลย‼️ ⚠️ ระวังแวมไพร์เอวดุ 💦

บทที่ 1 บทนำ

ฤดูใบไม้ร่วงหวนกลับมาอีกครั้ง ตามมาด้วยลมหนาวที่คืนสู่เมืองใหญ่ซึ่งเคลื่อนผ่านสนามหญ้าอันกว้างขวางของ เซนต์โยเซีย อะคาเดมี

ปราสาทสูงใหญ่ที่ถูกออกแบบมาในรูปแบบสถาปัตยกรรมกอทิค ตั้งสูงตระหง่านอยู่บนเนินเขา ตัวปราสาทล้อมรอบไปด้วยรั้วสูงเกือบเท่าตัว หอคอยหลายชั้นตั้งเรียงตัวต่อกันจนสูงชะลูด เป็นสถานที่ซึ่งปราศจากการมองเห็นจากคนนอกที่ไม่ได้ถูกต้อนรับเข้าสู่โลกแห่งความพิศวง นอกจากนี้เถาวัลย์ที่เลื้อยปกคลุมตัวอาคารนั้นยังเผยให้เห็นถึงความเก่าแก่ของโรงเรียนแห่งนี้อีกด้วย

ซึ่งหากมองจากภายนอกแล้ว ดูเหมือนจะเงียบร้างอย่างไรอย่างนั้น แต่มันก็เป็นเพียงฉากหน้าเท่านั้นแหละ เพราะอันที่จริงแล้ว ภายใต้อาคารใหญ่ต่างมีผู้คนต่างพลุกพล่านไปทั่ว โดยเฉพาะในห้องโถงประชุม เนื่องด้วยวันนี้เป็นวันมอบตัวเพื่อส่งนักเรียนเข้าศึกษา ณ อะคาเดมีแห่งนี้

มีทั้งลูกหลานตระกูลแวมไพร์ และด้วยความที่ที่อะคาเดมีแห่งนี้ถูกก่อตั้งมามากกว่าหนึ่งร้อยปีแล้ว จึงมีตระกูลมนุษย์ผู้ดีเก่าแก่ที่ได้อภิสิทธิ์ในการส่งลูกหลานของตระกูลตัวเองเข้ามาเรียนในสถานที่แห่งนี้เช่นกัน

การมีโรงเรียนแห่งนี้กำเนิดขึ้นก็นับเป็นอุบัติการณ์ของโลกแวมไพร์ที่สามารถเรียนร่วมกับมนุษย์ได้โดยไม่ต้องปิดบังตัวตน

เนื่องจากตระกูลเก่าแก่พวกนี้ย่อมทราบถึงการมีอยู่ของพวกแวมไพร์มาตั้งแต่สมัยบรรพกาลแล้วล่ะ แต่หากนำไปเล่าให้โลกภายนอกที่สมัยนี้วิทยาศาสตร์เจริญก้าวหน้าแล้ว คงมีแต่จะโดนกล่าวหาว่าบ้าพอสมควรเลย

แต่ส่วนใหญ่แล้วลูกหลานตระกูลแวมไพร์จะได้เรียนในคลาสเดียวกันเสียมากกว่าได้ไปเรียนปะปนกับพวกเด็กมนุษย์อยู่แล้วล่ะ

เพราะบางจำพวกก็ไม่สามารถอยู่รวมกับมนุษย์ได้นานพอจะระงับความกระหาย นอกจากนี้พวกแวมไพร์ยังมีความสามารถในการใช้พลังพิเศษอย่างเช่นการร่ายเวทย์ได้อีกด้วย เพราะฉะนั้นการแยกคลาสให้เป็นกิจลักษณะก็นับว่าดีแล้วล่ะ

“ดีเหลือเกินที่พวกเจ้าจะได้เข้าเรียนร่วมกับพวกมนุษย์ สมัยพ่อไม่ได้มีโรงเรียนที่ยอมรับตัวตนของพวกเราได้อย่างเปิดเผยเช่นนี้” เจย์เดนยืนมองลูก ๆ ด้วยสายตาภาคภูมิ

เป็นเรื่องจริงที่ว่าสมัยก่อนไม่มีโรงเรียนรวมเช่นนี้ เจย์เดนจึงรู้สึกว่าสมัยลูกนั้นโชคดีนัก เพราะหากมองตามความเป็นจริงแล้ว มนุษย์คือประชากรส่วนใหญ่บนโลก หากลูกได้เรียนร่วมกับพวกเขาก็จะสามารถปรับตัวกับโลกภายนอกและอยู่ได้ง่ายขึ้นกว่าเขามากนัก

ระหว่างที่เจย์เดนกำลังยืนเล่าเรื่องสมัยก่อนที่ผ่านมาหลายร้อยปีแล้วให้ลูกชายฟังนั้น ลินินก็กำลังยืนกำชับอาจารย์ถึงเรื่องอาการแพ้แสงของลูกสาวเธอ

“เธออยู่กลางแดดได้ค่ะ แต่ระยะยเวลาค่อนข้างจำกัด อาการเริ่มแรกก็จะเหมือนเป็นลมแดด ยังไงฝากอาจารย์ช่วยดูแลด้วยนะคะ”

“ไม่ต้องห่วงค่ะท่านหญิงแบรดฟอร์ด” อาจารย์ใหญ่เซเวลออกปากรับคำต่อตระกูลผู้นำของเหล่าแวมไพร์ทั้งปวง ตอนแรกก็น่าฉงน เมื่อเห็นว่าหญิงสาวตรงหน้าที่มีฐานะเป็นแม่ รูปร่างหน้าตายังเหมือนสาวแรกแย้มวัยยี่สิบใกล้เคียงกับลูก ๆ ของเธออยู่เลย

แต่เมื่อนึกไปถึงว่าพวกเขาเป็นตระกูลแวมไพร์ เธอจึงคลายข้อสงสัยนั้นไปโดยปริยาย

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะท่านแม่ หนูไม่ไปวิ่งเล่นกลางแดดหรอก” เรย์เน่เอ่ยเสริมเพื่อให้แม่ของเธอคลายความกังวล

“แม่รู้ว่าลูกไม่ออกไปวิ่งกลางแดดหรอก แต่ก็ต้องกำชับอาจารย์เอาไว้เผื่อมีกิจกรรมอะไรในโรงเรียนที่ลูกต้องอยู่กลางแจ้งนาน ๆ” ไม่รู้ว่าความจุกจิกแบบนี้เกิดขึ้นมาตั้งแต่ตอนไหน อาจเป็นระหว่างทางที่เธอคอยฟูมฟักพวกเขาขึ้นมาอย่างทะนุถนอมก็เป็นได้

แต่ถึงอย่างนั้นพวกลูก ๆ กลับไม่ได้รำคาญเธอเลยสักนิด ดีเสียอีกที่ท่านแม่เป็นห่วงพวกเขา แต่ก็พยายามอย่างที่สุดที่จะไม่ต้องทำให้ท่านห่วงมากเกินไป

เจย์เดนที่ยืนพูดคุยกับลูกชายได้ยินภรรยาร่ายยาวเช่นนั้นก็รีบเดินมารวบเอวเธอไว้ด้วยท่าทีหวงแหน

“ไม่เป็นไรหรอกลินิน เจ้าก็รู้ว่าที่นี่ให้ความสำคัญกับนักเรียนมากแค่ไหน”

“ฉันรู้ แต่ก็อดห่วงไม่ได้หนิ...”

“บางที พวกเราก็ต้องปล่อยให้พวกเขาได้เติบโตกันเองบ้างนะ” เจย์เดนว่าก่อนจะใช้มือหนาจับศีรษะของภรรยาแล้วเอนเอียงให้พักพิงลงบนแผงอกตัวเอง

โรงเรียนนี้จะแบ่งเป็นคลาสตามความสามารถของนักเรียนแต่ละคนได้ดังนี้

คลาส S สำหรับนักเรียนที่มีความสามารถโดดเด่น ชนิดที่ว่าเป็นระดับหัวกะทิและได้รับอภิสิทธิ์มากกว่านักเรียนในคลาสอื่น จากสถิติแล้วในชั้นนี้ล้วนมีเชื้อสายของตระกูลแวมไพร์กันทั้งสิ้น ด้วยความสามารถที่เรียนรู้ได้อย่างเร็วกว่ามนุษย์ทั่วไปหลายเท่าตัว

คลาส A สำหรับนักเรียนผู้มีความสามารถ แต่ยังไม่ได้โดดเด่นพอที่จะเข้าคลาส S ส่วนใหญ่จะมีทั้งมนุษย์และแวมไพร์ปะปนกัน ซึ่งเป็นคลาสที่อาจารย์จะต้องคอยเฝ้าระวังเป็นพิเศษด้วย เนื่องจากเป็นคลาสเรียนรวม ความกระหายของนักเรียนแวมไพร์จึงอาจรุนแรงจนเผลอทำร้ายพวกนักเรียนมนุษย์ได้

ในส่วนคลาส B นั้น คือห้องรวมเด็กที่มีความสามารถปานกลาง ไม่ได้โดเด่นมาก แต่ก็ไม่ได้แย่ไปเสียทีเดียว ส่วนใหญ่จะมีเพียงลูกหลานมนุษย์เท่านั้น

และสุดท้าย คลาส C ถือเป็นกลุ่มนักเรียนที่ศักยภาพยังไม่ชัดเจนนัก นักเรียนจากคลาสนี้มีจำนวนค่อนข้างน้อย เพราะหากพบศักยภาพของตัวเองแล้วจะถูกจำแนกไปคลาสอื่นในทีหลังนั่นเอง

แต่จุดร่วมของทุกคลาสก็คือ ทุกคนล้วนเป็นลูกหลานจากตระกูลเก่าแก่ พูดง่าย ๆ ก็คือพวกบ้านรวยนั่นแหละ

และแต่ละคลาสจะสามารถจำแนกนักเรียนได้ตามเข็มกลัดที่โรงเรียนมอบหมายให้ในพิธีมอบตัวที่จัดขึ้นภายในวันนี้นั่นเอง

“เจย์เนสและเรย์เน่ แบรดฟอร์ด คลาส S ค่ะ”

“ดูแลตัวเองนะ แล้วก็อย่าลืมดูแลกันและกันด้วยล่ะ” ลินินยังคงมองด้วยสายตาเป็นห่วง ไม่ต่างจากเวลามนุษย์มาส่งลูกน้อยอนุบาลเข้าเรียนเลย

เพียงแต่ พวกเขาอายุเกือบยี่สิบแล้วนะ!!!

“ไม่ต้องห่วงค่ะแม่ หนูจะดูแลตัวเอง และหวังว่าพี่เจย์เนสจะไม่แกล้งหนู” ว่าจบก็หันไปย่นจมูกใส่เด็กชายที่ยืนสีหน้านิ่งเรียบอยู่ข้าง ๆ กัน

“จะพยายามแล้วกัน...” เขาตอบเสียงเอื่อยเหมือนไม่ได้ใส่ใจอะไรนัก แต่เมื่อเห็นสายตากังวลจากผู้เป็นแม่ฉายชัดขึ้น รวมถึงสายตาคาดคั้นจากผู้เป็นพ่อที่ต้องการจะให้เขาทำเพื่อความสบายใจของภรรยาตัวเอง สุดท้ายเจย์เนสจึงต้องพยักหน้าหงึก ๆ แล้วตอบรับในที่สุด “ไม่ต้องห่วงครับ ผมจะดูแลน้อง อย่างดีเลย”

อีกด้านหนึ่ง

"อาเรียน่า ฟลอเรนซ์ คลาส B ค่ะ" เสียงเอ่ยชื่อเรียกให้หญิงสาวก้าวไปข้างหน้าพร้อมรับเข็มกลัดประจำคลาสและชุดเครื่องแบบของโรงเรียนไปพลาง

"ไม่จำเป็นต้องส่งหนูมาเรียนที่นี่เลยนะ"

"เอาเถอะอาเรีย พ่อยังส่งลูกไหว" คำพูดนั้นดูเหมือนจะเป็นคุณพ่อที่แสนดียิ่งนัก ที่แม้ว่าตระกูลฟลอเรนซ์ซึ่งจวนจะล้มละลายแล้วก็ยังหอบหาเงินมาทุ่มให้ลูกได้เรียนในสถานที่ดี ๆ

และตัวอาเรียเองก็ปักใจเชื่อในความหวังดีของผู้เป็นพ่อโดยไร้ข้อกังขา โดยหารู้ไม่ว่าทุกอย่างนั้น เป็นการวางแผนที่จะให้ลูกสาวได้เรียนอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยพวกนายน้อยชนชั้นราชนิกูลอย่างไรล่ะ

อันที่จริงเขาก็ไม่ได้อยากทำเช่นนี้หรอก แต่ตระกูลกำลังมีปัญหาอย่างหนักหน่วง และหากชื่อเสียงของตระกูลต้องสูญสิ้นไปในยุคสมัยที่เขาเป็นผู้นำตระกูล เขาคงไม่มีหน้าไปสู้บรรพบุรุษแน่

“ดูแลตัวเองด้วยนะอาเรีย” ว่าจบก็สวมกอดลูกสาวอันเป็นสมบัติล้ำค่าของตนไว้อย่างหวงแหน

อ่านต่อ

หนังสืออื่นๆ ของ Minseoltang

ข้อมูลเพิ่มเติม
คำสาปรักท่านชายแวมไพร์

คำสาปรักท่านชายแวมไพร์

โรแมนติก

5.0

'เจ้าเป็นว่าที่ชายาของข้า จะต้องให้บอกอีกกี่ครั้ง หรือต้องให้ข้าเสกทายาทเข้าท้องเสียก่อน’ ใครจะไปคิด ว่าการบังเอิญไปเก็บดอกไม้ที่ใครบางคนเผลอทำตกเอาไว้จะมีแวมไพร์มา 'จองรัก' จองผลาญไปตลอดกาล หากกล่าวถึงกุหลาบ หลายคนอาจนึกถึงเรื่องราวโรแมนติกประหนึ่งนิยายหวานซึ้งเพียงเท่านั้น แต่สำหรับหญิงสาวอย่าง ลินิน การได้มาพบกุหลาบดอกหนึ่งเข้าโดยบังเอิญกลับทำให้ชีวิตของเธอพลิกผันไปตลอดกาล เมื่อมันนำพาเธอไปพานพบกับเจย์เดน แวมไพร์ ที่มีอยู่มานานหลายศตวรรษ นอกจากนี้ เขายังหวงของรักมากเสียด้วยสิ แต่การมาของเขานั้นก็นำคำสาปรักมาสู่เธอด้วย

หนังสือที่คุณอาจชอบ

ตำหนักรัก ฮ่องเต้อำมหิต

ตำหนักรัก ฮ่องเต้อำมหิต

จ้าวฮุ่ยอิง
5.0

เว่ยหลินหลางบุตรีราชครูเว่ยอี้ ฝาแฝดคนพี่ที่ถูกปกปิดไร้สิ้นตัวตนว่าไม่เคยถือกำเนิดบนผืนแผ่นดิน ด้วยนางเกิดมาพร้อมดวงชะตาอันแข็งกล้าเป็นดวงล้มบัลลังก์หงส์ของแคว้นต้าโจว นางจึงถูกส่งตัวไปพำนักอยู่ที่หอดวงดาวให้ผู้คุมกฎเลี้ยงดู และนางก้าวออกจากหอดวงดาวในรอบ 17 ปี เพื่อกลับมาล้มบัลลังก์หงส์ที่ทำลายตระกูลของนางจนล่มสลาย โดยไม่รู้ตัวเลยว่าการก้าวออกมาจากหอดวงดาวครั้งนี้ ทำให้นางได้พานพบกับดาวคู่ชะตา ซึ่งเป็นนักรบปีศาจผู้เลื่องลือและก้าวขึ้นครองบัลลังก์ของแคว้นเทียนอวี๋อันยิ่งใหญ่ ลี่หยวนฮ่องเต้ผู้มีสมญานามฮ่องเต้อำมหิต ข้าจะต้องค้นหาและตามไปช่วยนางให้ได้ ไม่ว่าจะอยู่แห่งหนใดต่อให้บุกน้ำลุยไฟ ข้ามทะเลทราย มหาสมุทรนับหมื่นลี้ ข้าก็จะนำหัวใจของข้ากลับคืนมาเคียงคู่ที่ ตำหนักเย่วเชียงแห่งนี้ด้วยกันดั่งเดิม!!!!

พระชายาของข้าคนเดียว

พระชายาของข้าคนเดียว

Daryl Tudge
5.0

เดิมทีนางเป็นทายาทของตระกูลแพทย์เทพ แต่จู่ๆ นางก็กลายเป็นบุตรีของภรรยาเอกจากจวนเสนาบดีที่พ่อไม่สนใจใยดีและแม่ก็เสียชีวิตตั้งแต่ยังนางยังเด็ก ในวันที่นางย้อนยุค นางถูกใส่ร้ายว่าเป็นผู้ร้ายตัวจริงที่สังหารฮูหยินจวนโหว นางพยายามพลิกผัน พลิกสถานการณ์ และพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของนาง นางคิดว่าภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกนั้นจบลงแล้ว แต่นางไม่รู้ว่าสิ่งที่นางจะต้องเผชิญคือเหวอันไม่มีที่สิ้นสุด เป็นถึงบุตรีของภรรยาเอกจากจวนเสนาบดีกลับมีอันตรายอยู้รอบตัวมากมาย ทุกคนก็รังแกนางได้ พ่อไม่สนใจนางจะเป็นหรือจะตาย แม่เลี้ยงและน้องสาวต่างแม่สนุกกับการทรมานนาง คู่หมั้นชั่วร้ายของนางอยากจะใช้นางเป็นประโยชน์เพื่อขึ้นไปที่สูง และแม้แต่น้องชายแท้ๆ ของนางยังทรยศนาง นางจึงเริ่มต่อสู้กับคนเจ้าเล่ห์ ข่มเหงแม่เลี้ยงของนาง และดูแลน้องชายและน้องสาวของนาง ดังนั้นนางวางแผนที่จะเล่นงานผู้ชายชั่ว เอาคืนแม่เลี้ยง และแก้แค้นน้องๆ ระหว่างที่นางแก้แค้นนั้น นางมีชีวิตที่มีความสุข แต่กลับไม่รู้ว่าไปยั่วยุคนใหญคนหนึ่งเข้าเมื่อไร เมื่อนางจะทำเรื่องไม่ดีหรือฆ่าคน เขาก็ช่วยนางหมด ในที่สุดนางก็อดไม่ได้ที่ถามออกมาว่า "ท่าน แม้ว่าข้าจะทำลายโลกที่ไม่มความยุติธรรมนี้ ท่านก็จะช่วยข้าเช่นกันหรือ" เขาทำหน้าใจเย็น "ตราบใดที่เจ้าอยู่เคียงข้างข้า แม้ว่าจะเป็นโลกใบนี้ ข้าก็สามารถให้เจ้าได้"

คุณลุงขาอย่าบอกใคร

คุณลุงขาอย่าบอกใคร

กาสะลอง
4.6

“ฮึ่ก... พอแล้วหนูเสียว ฮือๆ ไม่ไหวแล้วค่ะคุณลุงขา” มือเรียวของฉันขยุ้มศีรษะของลุงทอมเอาไว้แน่น ลิ้นของเขาไล้เลียนุ่มนวล สลับกระแทกเสียบรุนแรง ฉันยอมรับว่าทรมาน แต่ใจจริงก็ชอบ… มันเสียวซ่าน ไม่อยากให้เขาหยุด ลุงทอมเลียเก่งเหลือเกิน “ของหนูสวยมาก… ฟิตแน่นดูดลิ้นลุงดีจัง” ลุงทอมชำแรกเรียวลิ้น ไชชอนกลีบเนื้อสีชมพูนุ่มอ่อนบอบบางของฉันอย่างบ้าคลั่ง ทั้งแบะทั้งบีบกลีบสวาทออกมาไล้เลีย สลับไปมาทั้งสองข้างซ้ายขวา เสียงดังจ๊วบจั๊บหนับหนุบ “ฮื่อๆ…. ลุงขาหนูเสียวจะขาดใจอยู่แล้ว” ฉันขยับสะโพก ยกหนอกเนินสวาทกระแทกสวนใบหน้าของลุงทอมที่ก้มงุดอยู่ตรงง่ามขา เบิร์นน้องสาวฉันไม่ลืมหูลืมตา เมามันจนแทบไม่อยากเงยหน้ากลับขึ้นมาหายใจ คาวสวาทของฉันคงหอมถูกใจแก กระตุ้นอารมณ์ลุงทอมจนออกอาการหลงใหลอย่างที่เห็น

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ