เพลิงพยาบาทผลาญใจรัก

เพลิงพยาบาทผลาญใจรัก

ลิขิตนางฟ้า

4.7
ความคิดเห็น
76.9K
ชม
32
บท

อยู่กับฉันนรก สวรรค์ จะพาไปเที่ยวที่นั่นพร้อมๆ กันนะ” เขากระซิบที่ใบหูเล็ก แววตาเศร้าระริกไหวหลับตาลง ใจสะท้าน “ดามีสอบวันนี้ ให้ดากลับมาก่อนได้ไหม นะคะ” “ฉันไปทำงานทุกวัน ‘เอา’ เธอ ไม่เห็นเป็นไร ไปทำงานได้ ตอนนี้เพิ่งตีห้า อีกรอบเดียว จะทำนานๆ ให้พลังในตัวฉันหายไป ฉันคึกตอนนี้เธอได้ทำหน้าที่ ควรดีใจสิ อย่าลืมสิ เธอมีหน้าที่นี้ ”

บทที่ 1 1

สายฝนจากฟากฟ้าซึ่งมืดครึ้มเทลงมาไม่ขาดสาย รากไม้ใบหญ้าสดชื่นตื่นฟื้นจากการหลับใหล สายลมพัดหวิวพร้อมละอองฝนเข้าในห้องนอนบนตึกใหญ่ใหญ่สีขาว

ร่างผอมบางซึ่งกำลังโดนบทพิศวาสถาโถมเข้าหา กอดรัดร่างใหญ่ด้วยความหนาวเหน็บ แม้จะซ่านสยิว รัญจวนทั่วสรรพางค์กาย แต่เธอไม่ชอบเสียงฟ้าฝน หญิงสาวซบหน้ากับอกกว้างชื้นเหงื่อ

“เป็นอะไร” เสียงทุ้มกังวานถามใกล้แก้มหอมจากแป้งฝุ่น ดวงตาดั่งกวางน้อยมองดวงตาแวววาวที่เห็นเลือนราง เธอหันมองหน้าต่าง

“กลัวเสียงฟ้าร้องค่ะ กลัว”

บทรักคงติดขัดถ้าไม่ทำตามที่เธอขอเป็นนัย อาเธอร์อุ้มร่างบางไปที่หน้าต่างท่อนกลางกายยังสอดประสานกับความนุ่มรัดรึง

“อ่ะ…” ร่างเล็กเกร็งเพราะเสียวซ่านกอดเขาแน่น อาเธอร์กลั้นความต้องการเอื้อมมือไปปิดหน้าต่าง

“ไม่ไหว ดาไม่ไหวแล้วคุณหมอ”

เสียงครางเพิ่มความกำหนัดให้โคแก่วัยสี่สิบ ความสาวที่กำลังตักตวงทำให้เขาบ้าคลั่งขึ้นทุกวัน

ร่างใหญ่มอบรักรุนแรงใส่ไม่ยั้งเพราะกำลังจะแตะขอบสวรรค์ ร่างเล็กกัดไหล่กว้างไม่ปล่อย เธอกำลังสุขสมเช่นกัน

“อ้า… หมอ หมอ”

จุดหมายปลายทางช่างหฤหรรษ์ อาเธอร์กดลึกสุดแรง เท้าเล็กจิกเกร็งที่สะโพก เขารับรู้เธอเสร็จสมเช่นกัน ก็เดินไปโยนบนเตียงซึ่งมีผ้าปูที่นอนสีขาวยับย่น

ใบหน้าสุขสมเมื่อครู่เปลี่ยนเป็นเหยเกแต่ก็ไม่พูดอะไร มองหาเสื้อผ้าที่เกลื่อนกลาดพื้น ร่างสูงเดินไปห้องน้ำสายตาเศร้าจึงเลิกสนใจเสื้อผ้า คิดแบบเดิมซ้ำๆ

เขาเย็นชาเป็นนิจไม่เบื่อหน้าตนเองหรือไงนะ? ก่อนส่ายหน้าและหยิบเสื้อผ้ามาสวมใส่ สายฝน เสียงฟ้าเธอหวาดกลัวแต่ที่นี่ไม่ใช่ความสุขในการนอนหลับ เธอต้องไป ทว่าก้าวไม่ทันพ้นประตูกลับมีเสียงเรียกหา

“เข้ามาหาฉันหน่อย”

คงไม่ใช่ใครที่ไหนเพราะเธออยู่ในห้องเพียงลำพัง ลมมะณี รักษ์มณี หญิงสาววัยยี่สิบเอ็ดปี ก้าวเท้าเล็กๆ ไปหน้าห้องน้ำ

“มีอะไรคะคุณหมอ”

“เข้ามาข้างในสิ”

น้ำเสียงเย็นชาแต่คนฟังรู้สึกได้ว่าร่างกายเขากำลังต้องการอะไร เมื่อคืนไม่พอหรือไง เธอไม่ไหวแล้วตอนนี้

“ดาต้องไปเรียนค่ะคุณหมอ ”

“ไปเรียนหรือไปแรด”

ปากคอเราะร้ายไม่มีใครเกิน นี่หรือนักบุญของผู้คน ตอนนี้เธอเริ่มคิดใหม่เขาคือคนบาป ปีศาจ อะไรสักอย่างนี่แหละ

“อยากออกจากมหาวิทยาลัย อยากออกจากบ้านนี้ก็ไม่ต้องเข้ามา ออกไปจากห้องนี้เดี๋ยวนี้ รู้ว่ารับอารมณ์ฉันไม่ไหวยังมาเสนอตัว”

เป็นคนแก่หน้าตาหล่อเหลาที่ชอบข่มขู่คนอื่น กลัวแต่เจ็บตรงนั้น…แต่ต้องยอมเขาอีกแล้วใช่ไหม

“เข้ามา มดลูกเธอจะสบายเพียงเข้ามา ฉันทำให้เธอผ่อนคลายไง เธอชอบนี่น่า ไม่อย่างนั้นคงไม่เสนอตัวให้ฉัน ไม่ครวญครางเสียงดังทุกครั้ง”

ลมมะณีก้าวขาเข้าไปต้องการหยุดคำพูดแสลงหูแต่เธอก็อยากบอกเขา “หนูระบมหมดแล้วนะคะ…ไม่ได้สบายอย่างที่หมอคิด หมอเป็นหมอเอ่อตรงนั้น ไม่รู้หรือไงของหนูบวม”

อาเธอร์ ธณิสร คุณหมอสูตินารีแพทย์ชื่อดัง เขาผู้ได้ชื่อว่าเย็นชาเป็นนิจ ปากร้ายคล้ายผู้หญิงวัยทอง นักบุญสำหรับคนไข้ ปีศาจร้ายสำหรับศัตรู เลิกคิ้วดกหนาสีน้ำตาล

“บวมก็มียา”

คนอ่อนประสบการณ์ยังไม่รู้สึกดี ใบหน้ายังเศร้า คุณหมอมองอยู่สักพักก่อนกระชากร่างเล็กเข้ามาในอ้อมอก บดจูบที่ปากบวมเจ่อ

เธอไม่เคยรู้และไม่มีวันรู้ ผู้หญิงหน้าเศร้า แสดงท่าทางหวาดกลัวจะทำให้ปีศาจร้ายในตัวตนเขาฟื้นตัวและพร้อมจะดูดเลือด เล็มเนื้อหวานๆ ให้หลอมละลายในปาก

“อือ” ปากร้อนระอุบดจูบลงมาบนเรียวปากบวม หญิงสาวส่ายหน้าหนี มือใหญ่เลื่อนช้าๆ มาเคล้นคลึงอกอวบที่ยังมีเสื้อยืดปกปิด ล้วงไล้เข้าข้างใน พบว่าเธอยังไม่สวมชั้นในมือใหญ่บีบเคล้นอย่างมันส์มือ ปากที่ดิ้นรนให้เป็นอิสรภาพเริ่มส่งลิ้นออกมาให้ลิ้มชิม ความหอมหวานของเธอทำให้อาเธอร์หัวหมุน…

อ้า…สมองเขาดีขึ้นเมื่อได้ปลดปล่อยใส่ร่างนุ่มนิ่ม อาเธอร์ผลักร่างบางไปที่ผนังห้องน้ำ

“ไปไหนกันดี”

เขาเปิดปากมองใบหน้าแดงก่ำบอกว่ารัญจวนใจกับบทเล้าโลมเล็กน้อยที่เขาหยิบยื่นให้

เธอส่ายหน้า

“อยู่กับฉันนรก สวรรค์ จะพาไปเที่ยวที่นั่นพร้อมๆ กันนะ” เขากระซิบที่ใบหูเล็ก

แววตาเศร้าระริกไหวหลับตาลง ใจสะท้าน “ดามีสอบวันนี้ ให้ดากลับมาก่อนได้ไหม นะคะ”

“ฉันไปทำงานทุกวัน ‘เอา’ เธอ ไม่เห็นเป็นไร ไปทำงานได้ ตอนนี้เพิ่งตีห้า อีกรอบเดียว จะทำนานๆ ให้พลังในตัวฉันหายไป ฉันคึกตอนนี้เธอได้ทำหน้าที่ ควรดีใจสิ อย่าลืมสิ เธอมีหน้าที่นี้ ”

ลมมะณีกัดริมฝีปากเมื่อโดนอุ้มขึ้นมาที่เอวสอบ ก่อนเขาจะแยกขาเธอให้โอบรัดตัวเขา

ความใหญ่โตสอดเข้าทางนุ่มรัดรึงที่เหมือนจะอักเสบ

“อ๊ะ! อ๊ะ คุณหมอเบาค่ะ เจ็บ”

“ดีมาก แน่นดีมาก”

“หมอ เจ็บคะ” เล็บสั้นจิกบนไหล่กว้างสีน้ำตาล ขนหน้าอกโดนดึงทึ้งระบายความรัญจวน ร่างกายสวยสะคราญกำลังร้อนรุ่ม เธอเริ่มควบคุมตนเองไม่ได้

ด้านล่างเริ่มขยับโยก เสยช้าๆ เนิบนาบ รุนแรงเรื่อยๆ ปากที่กัดเม้มเริ่มครางเสียงแผ่ว

“หมอ”

“ไหนว่าไม่สบายมดลูกเธอไง” ลิ้นร้อนตวัดเลียแก้มสาว ไล้ไปที่ใบหูแดง ปากอิ่มตึงสีชมพูกัดไหล่กว้างเพราะความสยิว ความใหญ่โตสอดประสาน รุนแรงไม่ยั้ง เสียงเนื้อนิ่มโดนรุกเร้าประสานดังก้อง พร้อมเสียงครางด้วยความสุข ลมมะณีหอบหายใจสะท้าน เท้าเกร็ง สบนัยน์ตาคู่คมไร้ความรู้สึก เธอวอนขอเขาให้เอ่ยชื่อเธอสักครั้ง

“คุณเรียกดาชื่อหน่อย ดาอยากได้ยิน ”

สอนรักมอบความรัญจวนให้เธอมาหลายเดือน ตอนนี้หัวใจเธอต้องการสิ่งนี้จากปากเขา

จ๊วบ! หน้าอกอิ่มโดนดูดรุนแรง ไม่มีการตอบสนองสิ่งที่ต้องการ เพียงบทรักที่จู่โจมด้านล่างไม่หยุดหย่อน น้ำตาสาวน้อยไหลซึมหางตา…เขาช่างใจร้ายเหมือนปีศาจ

ลิ้นร้อนเปียกดูดดึงติ่งสีสดจนแข็งเป็นไต ลมมะณีเด้งร่างรับการรุกเร้า ยังไงเธอก็ต้านทานเสน่ห์เขาไม่ได้ เขาช่ำชอง ทำให้โหยหาเมื่อได้เสพสม

“ฉันใกล้แล้ว ของเธอสุดยอด ดันลงมาแรงๆ เร็วๆ”

หมอผู้โชกโชนเพิ่งรู้เขาชอบสาวน้อยแบบนี้มากกว่าสาวสามสิบบวกที่เคยควงทั้งหลาย

สองขาแข็งแรงรับคำสั่ง ยกร่างขึ้นลง จิกเล็บบนไหล่กว้าง แหงนหงายร่างไปด้านหลัง การสอดประสานรุนแรงเร่าร้อนตามความต้องการของร่างกาย ด้านในชื้นแฉะตอดรับความใหญ่โตถี่ๆ

“ฉันไม่ไหวแล้ว” อาเธอร์ปิดตาขยับสะโพกสอบใส่กลางกายนุ่มไม่ยั้ง ลมมะณีโดนคลื่นสวาทพัดพาขึ้นไปยังแดนสวรรค์ เท้าเธอเกร็ง กรีดร้องเสียงดัง

“อาเธอร์ หมอ!”

“อ้าส …”

ร่างสวยโดนปล่อยลงมา เธอหลับตาลง

“ไหนว่าหมอรักษาคนไข้ ซ้ำเติมทุกครั้งเลย”

“อะไร”

“เปล่า เปล่าค่ะ” ลมมะณีลืมตา ก้าวเดินออกจากห้องน้ำ

อ่านต่อ

หนังสืออื่นๆ ของ ลิขิตนางฟ้า

ข้อมูลเพิ่มเติม
รักเพียงใดก็ไร้สถานะ

รักเพียงใดก็ไร้สถานะ

โรแมนติก

5.0

อทิตยาคือหญิงสาวที่นายพลภัทรอุปการะไว้ตั้งแต่อายุสิบขวบ เธอรัก เคารพนายพลเหมือนพ่อแต่กลัวคุณหญิง ภรรยานายพลมาก ดังนั้นเมื่อโตเป็นสาวเธอก็ไม่กล้าเข้าใกล้นายพลอีก จนกระทั่งภัทรกร ลูกชายคนโตของนายพลเข้ามาแทรกซึมให้หัวใจที่ว้าเหว่อบอุ่นขึ้น เธอหลงรักเขาอย่างห้ามใจไม่ได้ เธอยอมเป็นคนในความลับ เพื่อรอวันที่จะได้ทะเบียนสมรสจากเขา แต่แล้ววันหนึ่งคนรักเขากลับมา เขาไม่รีรอที่จะมอบเงินให้เธอ ตัดสัมพันธ์ที่เธอหวงแหนลง แล้วเธอจะพูดอะไรได้ นอกจากทำตามที่เขาต้องการ ทว่าเมื่อรู้ว่าตั้งท้องเธอก็เปลี่ยนใจ อยากให้ภัทรกรรู้เรื่องลูก แต่เขากลับคิดว่าเธอโกหกเพราะคิดจะจับเขา หญิงสาวเสียใจมาก เธอยอมไปจากบ้านดลจิตรตามที่คุณหญิงสั่ง เพราะที่นี่ไม่มีใครช่วยเธอได้ นายพลเธอก็ไม่อยากให้เดือดเนื้อร้อนใจเพราะเธอ

ร้ายไม่เคยรัก

ร้ายไม่เคยรัก

โรแมนติก

5.0

เพราะอนาคตของน้องสาว เพราะแม่ พลอยหวาน สาวสมองขี้เลื่อยจึงต้องมารับกรรมที่ไม่ได้ก่อ คีตะคราม เขาหล่อ แต่เขาร้าย แต่ไม่ปราณีเธอ แม้เป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ วันที่หลานชายเขาฟื้นขึ้นมาจากการหลับใหล เธอรู้ว่าตนเองท้อง ทว่าพ่อของลูก คนใจร้ายคนนั้นไม่ยอมรับฟัง เขายังต้องการให้เธอไปให้ไกลตาหลานชายของเขา แต่กลับไปบ้าน สักวันคนบ้านนั้นอาจจะรู้เรื่องน้องสาว ที่ไม่เคยเหลียวแลพี่สาวอย่างเธอ ดังนั้นเธอต้องไปหางาน หาเงินเอาข้างหน้า คลอดลูกเมื่อไหร่ จะเอามาให้พ่อเขาก็แล้วกัน ไม่โกรธแม่ใช่ไหมลูก? เธอน้ำตาไหล เธอหวังลูกจะตอบกลับเป็นประโยคเดียวกับคำถามของเธอ

ความผูกพันที่ไร้ค่า

ความผูกพันที่ไร้ค่า

โรแมนติก

5.0

เรื่องราวของอัญชลียาผู้ซึ่งยึดมั่นในความผูกพัน จนกลายเป็นความรัก แม้รู้ว่าคุณอคินของเรามีให้แค่เงินและสัมพันธ์ทางกายเธอก็ยังไม่เปลี่ยนใจจากเขา จนกระทั่งวันที่ต้องลาจากมาถึง เพราะคนรักที่เขาสัญญาจะแต่งงานด้วยกลับมาจากเมืองนอก ความผูกพันของเธอก็ดูไร้ค่าจนน่าสมเพชตนเอง และเรื่องราวที่เกิดขึ้นมากมายทำให้ความรักกลายเป็นความแค้น เรื่องราวจะเป็นอย่างไรติดตามกันในเล่มนะคะ ------ “ฉันไปนะอันอัน อย่าลืมฝากคีย์การ์ดไว้ที่เคาน์เตอร์นะ” “อะไรกันแค่คีย์การ์ด ฉันจะเอาไปทำไม” อันอัน เช็ดหน้าเดินไปหาเสื้อผ้า ดึงของใช้ตนเองออกมา” “เธอจะโมโหทำไม เอ๊ะ! หรือว่าคิดไม่ทำตามสัญญา อย่าเชียวนะ นั่นๆ ดึงไปให้หมดเลยเสื้อผ้าพวกนั้น” เขายืนมอง ปากก็พูดไล่อีกครั้ง หญิงสาวหันไปมองเขา “เลือดเย็นกับฉันจังเลยนะอคิน ทั้งที่เมื่อคืนปากบอกว่าชอบฉัน” อดไม่ได้จะตัดพ้อ แต่เขาคงฟังเป็นถ้อยคำน่ารำคาญ เพราะหันหลังหนีไปอีกครั้ง หยิบกุญแจรถขึ้น “เวลาเข้าด้ายเข้าเข็ม กำลังมันส์จะให้พูดว่าเกลียดหรือไง เธอเองก็ชอบนี่น่า พอๆ อย่าหาเรื่อง นั่นเช็คนะ ดูแลตัวเองด้วย” อย่างน้อยยังมีน้ำใจ แม้จะออกมาเพราะเธอคาดคั้น อัญชลียาหันมองเช็ค ใจแห้งเหี่ยวเดินเข้าไปแต่งตัว พร้อมกับเจ้าของห้องหรูเดินห่างไป เสียงประตูปิดลง หญิงสาวผู้ไม่เคยแสดงความอ่อนแอ นั่งลงปาดน้ำตา ขอบคุณทุกการสนับสนุนค่ะ ทรายสีรุ้ง

ซ่อนรักซ่อนรอยร้าว

ซ่อนรักซ่อนรอยร้าว

โรแมนติก

5.0

เขารักคนอื่น กำลังจะแต่งงานกัน ในค่ำคืนหนึ่งเธอกลายเป็นของเขาด้วยความงงๆ อยากบอกเขาให้รับผิดชอบ เพราะไม่รู้จะทำอย่างไร แต่คนที่เขาจะแต่งงานเป็นคนที่เธอรัก เคารพ อารยายอมตัดใจ แม้อุ้มท้องและโดนพ่อด่าทอ ทุบตี ว่าแย่งของคนอื่นเธอก็ไม่อาจโต้แย้ง ---------------------- “อย่าเพิ่งไป” มือใหญ่คว้ามือเธอไว้ อารยาสะบัด “จะกลับแล้ว ถ้าคุยเรื่องไร้สาระ” “การที่เรานอนกันดุเดือดคืนนั้น เธอพูดว่าไร้สาระเหรอ ฉันคงจะคิดผิดเสียแล้ว ว่าเธอไร้เดียงสา” ดวงตาคมโตหันไปถลึงตา “พูดอะไรเงียบไปเลยนะ” โยธินหัวเราะขื่น “แสดงท่าทีแบบนี้ ยอมรับแล้วสินะ” อารยากำหมัดแน่น มองซ้ายขวา ที่นี่คงให้เธอตะโกนให้หายแค้นใจได้ “ยอมรับแล้วไง คุณก็ไม่สามารถทำอะไรให้ฉันกลับมาเป็นคนเดิม พอๆ เลิกพูดเรื่องนี้ อย่ามายุ่งกับฉันอีก!” ไม่คิดจะกลายเป็นคำพูดนี้ที่ปิดการสนทนา เธอแหงนมองท้องฟ้า ห้ามน้ำตาไม่ให้ไหล ไม่มีอะไรดีขึ้น จะร้องไห้ไปทำไม “เธอหวังอะไรล่ะ น่าจะรู้ฉันจะแต่งกับพี่สาวเธอเท่านั้น” อารยากำหมัดแน่น พลั่ก! “โอ้ย!” โยธินกุมจมูก สบถเสียงดัง “เธอเป็นบ้าอะไร เจ็บนะ” “ให้คุณมีสติและคิดบ้าง ตั้งแต่เกิดเรื่อง ฉันเคยอ้อนวอนอะไรคุณบ้าง ฉะนั้นอย่ามาตัดสินว่าฉันคิดหรือไม่คิดอะไร เข้าใจไหม” โยธินอึ้งไปแต่ไม่ยอมแพ้ “ผู้หญิงเก็บกด อยากลองจะว่างั้น แล้วทำไมไม่บอกกันดีๆ ล่ะ แอบลอบเข้าไปมันคงเร้าใจใช่ไหม ก็แน่ล่ะ หุ่นผมมันคงน่ากิน” อารยายกมือจะซัดอีกครั้งแต่กลับโดนรวบที่เอว ก่อนใบหน้าบึ้งตึงจะก้มลงมาบดจูบปากเธอ หญิงสาวพยายามกระทืบเท้าเขาและดิ้น คนบ้านี่ ทำอะไรอีก

หนังสือที่คุณอาจชอบ

คุณนายยอมหย่าแล้ว

คุณนายยอมหย่าแล้ว

Calv Momose
4.9

หลังจากแต่งงานกันมาสามปี เวินเหลี่ยงก็ยังไม่เคยได้ความรักจากฟู่เจิ้งแต่อย่างใดเลย เมื่อรักแรกของเขากลับมา สิ่งที่รอเธออยู่คือหนังสือการหย่า "ถ้าฉันมีลูก คุณยังเลือกหย่าไหม?" เธออยากจับโอกาสสุดท้ายนี้ไว้ แต่แล้วมีแต่คำตอบที่เย็นชาว่า "ใช่" เวินเหลี่ยงหลับตาและเลือกที่จะปล่อยมือ ...ต่อมาเธอนอนอยู่บนเตียงคนไข้ด้วยความสิ้นหวังและลงนามในข้อตกลงการหย่า "ฟู่เจิ้ง เราไม่ได้เป็นหนี้กันอีกต่อไปแล้ว..." ชายที่มีความเด็ดขาดและเย็นชามาโดยตลอดนอนอยู่ข้างเตียงขอร้องให้อีกฝ่ายกลับมาด้วยเสียงแผ่วเบา "เหลียง ได้โปรดอย่าหย่าได้ไหม?"

ซูเจิน นายหญิงแห่งพฤกษา

ซูเจิน นายหญิงแห่งพฤกษา

l3oonm@
5.0

“ท่านผู้อำนวยการคะ ทางทีมสำรวจแจ้งว่าคนไม่เพียงพอที่จะเข้าไปเก็บตัวอย่างพันธุ์พืชในป่าเมืองเหอหนานค่ะ” ซูเจิน ที่ได้ยินก็หูผึ่งทันที เธอนั่งทำการอยู่ในห้องวิจัยตั้งแต่เรียนจบ ถึงตอนนี้ก็สี่ปีได้แล้ว ผู้อำนวยที่เข้ามาตรวจงานวิจัยล่าสุด ก็มองไปรอบห้อง เพื่อดูว่ามีใครต้องการเสนอตัวไปทำงานในครั้งนี้หรือไม่ แต่หลายคนที่เขามองไป ต่างหลบสายตาของเขา จะมีใครอยากออกไปเสี่ยงอันตราย เดินป่าขึ้นเขาให้เหนื่อยสู้นั่งทำงานในห้องปรับอากาศเย็นๆ ดีกว่า เมื่อไม่มีใครคิดจะเสนอตัว เขาจึงได้สอบถามหาผู้ที่สมัครใจทันที “มีใครอยากจะอาสาไปไหม” ไว้กว่าความคิด ซูเจินยกมือขึ้น “ฉันค่ะ” เพื่อนสนิทรีบดึงเสื้อของเธอเพื่อจะห้ามปราม “จะบ้าหรอ เธอไม่เคยไปสักครั้ง ไม่รู้หรือว่างานนี้เสี่ยงแค่ไหน” เสียงกระซิบของเสี่ยวชิง เอ่ยลอดไรฟันออกมา เมื่อปีที่แล้ว ที่ทีมสำรวจเดินทางเข้าไปที่ป่าเหอหนาน พื้นป่าที่ไม่อาจสำรวจได้อย่างทั่วถึง สร้างความท้าทายให้เหล่านักพฤกษศาสตร์จากทุกองค์กร แต่ไม่ว่าจะส่งเข้าไปกี่ครั้งก็ไปไม่ถึงป่าชั้นกลางเสียที แม้จะใช้เทคโนโลยีที่ล้ำหน้าเข้าช่วยเพียงได้ ก็สำรวจได้เพียงป่าชั้นนอก แถมยังพาชีวิตคนไปทิ้งอีกนับไม่ถ้วน ปีนี้ทางองค์กรของซูเจิน หยิบโครงการสำรวจป่าเหอหนานขึ้นมาใหม่ แต่กว่าจะหาทีมสำรวจได้ครบคนก็กินเวลาไปหลายเดือน ถึงตอนนี้คนก็ยังไม่พอจนต้องมาถามหาจากทีมวิจัยให้ช่วยเหลือ “คุณอยากไปจริงหรือ” เขาเอ่ยถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง “ค่ะ ฉันอยากลองทำงานนี้” ซูเจินยิ้มออกมา “ได้ อีกสองวัน คุณก็เตรียมตัวให้พร้อม” เมื่อมีคนเสนอตัวแล้ว ผู้อำนวยการก็ออกไปพบทีมสำรวจ เพื่อวางแผนการทำงาน ทั้งยังให้ซูเจินตามเขาไปเข้ารวมการประชุมในครั้งนี้ด้วย “เธอมันบ้าไปแล้ว” เพื่อร่วมงานต่างเดินเข้ามาหาซูเจิน แล้วตำหนิเธอที่กล้ายกมือเสนอตัว “เอาน่า ไว้กลับมาฉันจะเอาเรื่องสนุกมาเล่าให้พวกเธอฟัง” ซูเจินยิ้มหวานออกมา ก่อนที่จะเก็บของแล้วไปเข้าร่วมประชุมกับทีมสำรวจ สองวันต่อมาซูเจินก็แบกกระเป๋าเดินทางมาที่จุดนัดพบ เธอออกเดินทางด้วยรถตู้ขององค์กร พร้อมทีมสำรวจอีกเกือบยี่สิบชีวิต ยังดีที่เธอได้แบกกระเป๋าเพียงใบเดียว หากต้องแบกเต็นท์นอน อาหารด้วย คงได้เป็นภาระของคนอื่นอย่างแน่นอน ภายในป่าเหอหนาน น่ากลัวว่าที่ซูเจินคิดไว้เยอะ พอตะวันตกดิน หากไม่มีแสงไฟที่ทีมสำรวจนำมาด้วยคงจะมืดจนมองไม่เห็นอะไร เสียงแมลงทั้งสัตว์ป่าร้องตลอดทั้งคืน สร้างความหวาดกลัวให้กับคนที่ไม่เคยเข้าป่าสักครั้งอย่างเธอได้อย่างดี ยังดีที่เจ้าหน้าที่ผู้นำทางติดตามมาด้วยอีกหลายคน พวกเขาจึงได้อยู่ผลัดเปลี่ยนเวรยาม เพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์ป่าเข้ามาถึงตัวพวกเขา หลายวันที่อยู่ในป่า ซูเจินเก็บตัวอย่างพันธุ์ได้หลายชนิด แต่ทั้งทีม ยังเดินไม่หลุดป่าชั้นนอกเลย ยังดีที่อาหารที่เตรียมมาเพียงพอให้พวกเขาอยู่ไปได้อีกหลายวัน “เอ๊ะ” เข้าวันที่เจ็ดของการสำรวจป่า ซูเจิน เห็นดอกไม้แปลกตา ที่ขึ้นอยู่ท่ามกลางพงหญ้ารก เธอจึงเดินห่างจากกลุ่มทีมสำรวจเข้าไปดูทันที เพราะไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องอะไรได้ ระยะห่างที่อยู่ไกลจากพวกเขา หากร้องเรียกก็ยังได้ยินอยู่ เธอหยิบกล้องถ่ายรูปขึ้นมา พร้อมทั้งจดรายละเอียดก่อนที่จะดึงต้นไม้เก็บเข้าถุงเก็บตัวอย่างที่เตรียมมา แต่เมื่อมือของซูเจินสัมผัสไปที่ดอกไม้ เธอก็ต้องตกตะลึง เหมือนมีกระแสไฟวิ่งผ่านปลายนิ้วไปจนทั่วทั้งตัว “โอ๊ยย” เสียงร้องอย่างเจ็บปวดของซูเจิน เรียกความสนใจให้คนทั้งหมดรีบวิ่งมาทางที่เธออยู่ ซูเจินเห็นเพียงแสงสีขาวที่สว่างวาบไปทั่ว แล้วภาพตรงหน้าของเธอก็ดำมืดลง

ที่แท้เป็นผู้มีอิทธิพลระดับโลก

ที่แท้เป็นผู้มีอิทธิพลระดับโลก

Odey Jagoe
5.0

เสิ่นซือหนิงซ่อนตัวตนไว้ยอมทำทุกอย่างให้ แต่ความจริงใจของเธอกลับถูกสามีทำลายไปหมด และสิ่งที่เธอได้รับนั้นคือข้อตกลงการหย่า ด้วยความผิดหวังเธอจึงหันหลังจากไปและกลายเป็นตัวเองที่แท้จริงอีกครั้ง หลังจากได้เห็นความใกล้ชิดของสามีกับคนรักของเขา เธอก็จากไปด้วยความผิดหวัง จากนั้นเปิดเผยตัวตนที่เป็นนักปรุงน้ำหอมอัจฉริยะระดับนานาชาติ ผู้ก่อตั้งองค์กรข่าวกรองที่มีชื่อเสียง และผู้สืบทอดในโลกแฮ็กเกอร์ อดีตสามีของเธอเลยเสียใจมาก เมื่อเมิ่งซือเฉินรู้ว่าตัวเองทำผิด เขาก็เสียใจมาก หนิง ผมผิดไปแล้ว ให้โอกาสผมอีกครั้งเถอะ ทว่าฮั่วจิ่งชวนขาพิการนั้นกลับลุกขึ้นยืนและจับมือกับเธอว่า "อยากคบกับเธอ นายยังไม่มีค่าพอ"

คลื่นรักอสูร

คลื่นรักอสูร

มาชาวีร์
4.8

(คลื่นรักอสูร) ...เพราะเธอขึ้นเรือผิดลำ คลื่นร้ายจึงซัดแทบกระเจิง... “เธอมันก็แค่ผู้หญิงขายตัว จะมาทำเล่นตัวเรื่องมากไม่ได้รู้ไหม ต่อให้เป็นสินค้าด้อยคุณภาพยังไงก็เถอะ ก็ต้องหัดรู้จักตามใจแขกบ้าง แต่นี่อะไรหาเรื่องใส่ตัวแท้ ๆ คนสอนไม่บอกหรือยังไงว่าไอ้ละครเล่นตัวนี่มันน่ารำคาญไม่ได้ดึงดูดลูกค้าเลย” บารเมษฐ์ต่อว่าพร้อมกวาดสายตามองเหยียดหยามตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ก่อนคลายมือออกจากปลายคางอย่างช้า ๆ “ฉันไม่ได้มาขายตัวสักหน่อย” คนได้รับอิสรภาพรีบบอกเขา “หืม” เขาทำหน้าไม่เชื่อ “ฉันแค่ขึ้นเรือผิดลำ ฉันไม่ได้มาขายตัวจริง ๆ คุณอย่าทำอะไรฉันเลยนะคะคุณบารเมษฐ์” วินาทีนี้เธอกลัวเขามากกว่าใครบนเรือลำนี้เสียอีก เลยเลือกที่จะบอกความจริงกับเขาไป “ขึ้นเรือผิดลำ?” คนพูดหรี่ตาลงอย่างสงสัย “ใช่ค่ะ ฉันขึ้นเรือผิดลำจริง ๆ” “แบบนี้นี่เอง มิน่าล่ะสองคนในห้องเครื่องนั่นถึงได้ลุกลี้ลุกลนนัก” บารเมษฐ์นึกไปถึงท่าทางของอนุชิตกับธาวิน ซึ่งดูเหมือนมีเรื่องเป็นกังวลอยู่ตลอดเวลา “คุณรู้แบบนี้แล้วก็ปล่อยฉันไปเถอะคุณบารเมษฐ์ อย่าทำอะไรฉันเลยนะคะ” นีนนาราขอความเห็นใจจากเขา แต่สายตาที่เขามองกลับมานั้นมันว่างเปล่าชอบกล “รู้อะไรไหมนีนเรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดของฉันเลย เธอเป็นคนอยู่ผิดที่ผิดทางเอง เพราะงั้นเธอก็ต้องรับสภาพที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้เองเหมือนกัน” “ห้ะ คุณ นี่คุณ คุณทำไมเป็นคนไม่มีเหตุผลแบบนี้” หญิงสาวต่อว่าเขา ก่อนจะหน้าซีดหน้าเซียวลง เพราะเสียงหัวเราะเบา ๆ ในลำคอของเขาบ่งชัดว่าคืนนี้เธอไม่รอดแน่ “ปล่อยฉันนะ! ปล่อย!” นีนนาราดิ้นหนีเขาก็จับกดลงที่เดิม “งานก็คืองานนะคนสวย มาขายตัวก็คือมาขายตัว อย่าทำเสียเรื่องสินีน” บารเมษฐ์ย่อมเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งอยู่แล้ว เขาอยากรู้ว่าผู้หญิงคนนี้จะมาไม้ไหนอีกแน่ “ก็บอกว่าไม่ใช่ยังไงล่ะ ว้าย!”

ข้าคือดาวมงคลน้อยหลินลู่ฉี

ข้าคือดาวมงคลน้อยหลินลู่ฉี

มาชาวีร์
4.4

เมื่อยมทูตหน้าใหม่ดึงวิญญาณมาผิดดวง เพื่อรักษาไว้ซึ่งสมดุลของโลกวิญญาณ หลินลู่ฉีผู้มีปราณมงคลในยุคปัจจุบัน จึงถูกส่งไปยังต่างโลก สวมร่างเด็กน้อยวัยสามขวบ ที่เพิ่งถูกงูกัดตายด้านหลังอารามเต๋า เจ้าอาวาสไม่อาจยอมรับวิญญาณสวมร่างได้ แต่เมื่อขับไล่วิญญาณร้ายออกจากร่างกายไม่ได้ จึงจำเป็นต้องขับไล่คน ออกจากอารามแทน ++++ "อนิจจาวาสนาเด็กน้อยได้ดับสิ้นลงแล้ว จี้คงเตรียมพิธีสวดส่งวิญญาณให้นางเถอะ" นักพรตเฒ่าสั่งการลูกศิษย์ตัวน้อย หันหลังหมายจะเดินกลับไปยังที่พักของตน "ขอรับท่านอาจารย์" จี้คงขานรับคำสั่ง หันไปเตรียมสิ่งของสำหรับทำพิธีสวดส่งวิญญาณผู้ตาย ทว่าผ่านไปเพียงอึดใจเดียว "อ๊ากกก ! มีผี !" เสียงกรีดร้องดังลั่น ร่างเล็ก ๆ ของเขาวิ่งไปหลบอยู่ด้านหลังผู้เป็นอาจารย์ "จี้คงมีอะไร" "นะนางลืมตาขอรับท่านอาจารย์" เด็กน้อยชี้นิ้วสั่น ๆ ไปที่ศพบนพื้น "ว่าอย่างไรนะ" นักพรตเฒ่ารีบตรงไปคุกเข่าอยู่ด้านข้างศพ เห็นเปลือกตาของนางขยับไปมา ก่อนจะปรือลืมขึ้นอย่างลำบากยากเย็น "นี่มัน...เป็นไปไม่ได้" รีบคว้าข้อมือของเด็กน้อยมาจับชีพจรดู ดวงตาของนักพรตเฒ่ามืดมนลงในทันที แตะนิ้วทำนายชะตา นี่มันคือการสลับร่างเปลี่ยนวิญญาณ ดึงตัวลูกศิษย์ถอยหลังไปสามก้าว "ผีร้ายตนไหนกล้ามาสวมร่างคนตาย จงออกไปเสีย !" ผีร้ายที่ว่ากำลังมึนงงกับเหตุการณ์ตรงหน้า จำได้ว่าเธอกำลังขับรถกลับบ้าน ใช่แล้ว เกิดอุบัติเหตุขึ้น มีรถบรรทุกเสียหลัก พุ่งมาชนรถของเธอ จากนั้นทุกอย่างก็ดับวูบไป ท่าทางเหม่อลอยไร้สติของนางทำนักพรตเฒ่าหวาดระแวงในทันที เตรียมหยิบยันต์ป้องกันภูตผีออกมา ขณะที่เด็กน้อยยกฝ่ามือของตัวเองขึ้นเพ่งมองอย่างประหลาดใจ ดวงตาคู่กลมน้อยกลอกกลิ้งไปมาอย่างสับสน นิ้วมือสั้น ๆ นี่มันอะไร ขยับปลายเท้าเข้าหากัน ขาก็สั้น พลิกฝ่ามือตัวเองไปมา สีหน้าคล้ายคนอยากร้องไห้ นี่มันโลกถล่มใส่หัวของเธอหรืออย่างไรกัน เปรี๊ยะ ! ยันต์ขับไล่ภูตผีถูกปาใส่นางสุดแรง ก่อนที่มันจะปลิวร่อนลงไปกองอยู่บนพื้น ยันต์ไม่เกิดการเผาไหม้ ผีร้ายยังคงอยู่ในร่างกายของเด็กน้อย "เจ้า ๆ ๆ ออกไปจากร่างของนางเดี๋ยวนี้ !" นักพรตเฒ่าชี้นิ้วพร้อมดึงยันต์สายฟ้าฟาดออกมาอีกแผ่น นี่นับเป็นยันต์ที่ทรงพลังที่สุดของเขาแล้ว รีบปาใส่เด็กน้อยสุดแรง เปรี๊ยะ ! ทว่าไร้ผลอยู่ดี... ตาเฒ่านี่เล่นตลกอะไรกัน... [นิยาย3เล่มจบ 252ตอน]

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ