icon 0
icon เติมเงิน
rightIcon
icon ประวัติการอ่าน
rightIcon
icon ออกจากระบบ
rightIcon
icon ดาวน์โหลดแอป
rightIcon
ทาสรักพญามังกร
5.0
ความคิดเห็น
440
ชม
79
บท

เมื่อทุกคนในครอบครัวถูกขู่เอาชีวิต หญิงสาวจำต้องฝืนความเจ็บสักลวดลายบนเรือนร่างและสวมชุดกี่เพ้าผ้าไหมจีนแสนสวย พาตัวเองไปยืนอยู่หน้าพญามังกรดำ หยางโจวหมิง มาเฟียใหญ่แห่งเกาะฮ่องกง ผู้ชายรูปงามที่มีดวงตาสีสนิมเหล็กวาววับและเย็นชา มีเรียวปากโค้งบางเฉียบสีเข้มที่คล้ายจะคอยเหยียดหยามทุกคนตลอดเวลา ผู้ชายที่มีอำนาจล้นฟ้าและบงการชีวิตของใครก็ตามที่เขาต้องการ โดยเฉพาะ...ชีวิตของเธอ สรัญรัตน์ อัคราบริรักษ์ “คุณมันไม่ใช่คน ร้ายกาจที่สุด” สรัญรัตน์กัดฟันบริภาษเขาออกไป อย่างน้อยก็ขอพูดว่าสักนิดเถอะ ไม่ใช่แต่ยอมให้เขาข่มเหงอยู่ข้างเดียว “ฉันไม่คิดเลยว่าจะมีคนแบบคุณอยู่บนโลกใบนี้” “ใครที่อยู่ข้างนอก ไปตามนายอรรถวัฒน์กลับมา!” “อย่า!!! ฉัน...จะทำ” พญามังกรดำหย่อนกายนั่งลงบนเก้าอี้บุหนังสีน้ำตาลเข้ม เขามองมือสั่นๆ ที่ค่อยๆ เลื่อนไปตามขอบเสื้อ มองผิวกายขาวผ่องเปิดเปลือยออกทีละนิด จนกระทั่งชุดกี่เพ้าเลื่อนลงมาอยู่ใต้อก บราเซียสีขาวสะอาดไร้สายดูเหมือนจะเล็กกว่าสิ่งที่ต้องปิดบังไปมาก เนินอกอิ่มล้นทะลักออกมาเบียดชิดกันอยู่ด้านบน เห็นร่องเนื้อขาวผุดผาดให้ไพล่คิดไปถึงสิ่งที่อยากเข้าไปอยู่ในร่องอกนั้น ชุดกี่เพ้าเลื่อนลงไปเรื่อยๆ มันช้าแต่ก็ทำให้ลมหายใจของหยางโจวหมิงขาดๆ หายๆ แต่ลมหายใจของสรัญรัตน์แทบขาดรอน เสียงสะอื้นเบาๆ ดังออกมาเป็นระยะไม่ได้ทำให้พญามังกรดำบังเกิดความสงสาร ดวงตาคมเฉียงขึ้นที่ปลายหางอย่างคนที่มีเชื้อชาติจีนแผ่นดินใหญ่ จับจ้องนวลนางละเอียดลอออย่างไม่ละสายตา หรืออีกทีเขาก็ไม่สามารถเบือนสายตาไปจากความงามเป็นหนึ่งนั้นไม่ได้ ผ้าไหมสีแดงสดปักลายดอกสีดำตัดกัน ค่อยเลื่อนลงมาถึงสะโพกผาย สัดส่วนโค้งเว้าดุจนาฬิกาทรายเรียกเลือดในกายชายหนุ่มให้เดือดพล่าน เรียวปากบางเฉียบได้รูปสวยของชายกระตุกมุมโค้งขึ้นก่อนจะแยกแย้มผ่อนลมหายใจออกมาอย่างช้าๆ มือใหญ่เริ่มเกร็งขึ้นเพราะความอยากจะแตะต้อง อยากจะตีตรา อยากจะลิ้มลองของใหม่สำหรับเขา แต่คงเก่าสำหรับคนอื่น นั่นเองที่ทำให้พญามังกรดำฝืนนั่งนิ่งอยู่กับที่ ทั้งที่ใจเต้นโครมครามอยู่ในอก สรัญรัตน์ชะงักมือที่เลื่อนชุดกี่เพ้าค้างไว้บนสะโพกสวย เธอสะอื้นฮักจนตัวโยนรู้สึกว่าตัวเองช่างไร้ค่าสิ้นดี ไม่คิดไม่ฝันว่าต้องมาแก้ผ้าต่อหน้าผู้ชายใจร้ายคนนี้ “ไม่ได้ยินที่ฉันพูด หรือฉันบอกไม่ชัดเจน ว่าให้เธอถอดเสื้อผ้าออกให้หมด หรือประโยคนั้นมันฟังดูดีจนเธอไม่เข้าใจ ฉันคงต้องบอกว่า ให้เธอแก้ผ้าจนล่อนจ้อนต่อหน้าฉัน...เดี๋ยวนี้”

บทที่ 1 1 1

บทนำ

ประเทศไทย พ.ศ.2528

ร่างสูงใหญ่ของประมุขแห่งตระกูลหยางกำลังประคับประคองร่างอวบอิ่มของคุณนายหยาง ซึ่งกำลังตั้งครรภ์ทายาทคนที่สองของตระกูล เด็กชายหยางโจวหมิงในวัย 4 ขวบ มองภาพการแสดงความรักของพ่อและแม่ด้วยตาเป็นประกาย เด็กน้อยไม่รู้เรื่องรู้ราวแต่งกายด้วยชุดหล่อเหลาสมกับความเป็นคุณชายของตระกูลใหญ่แห่งเกาะฮ่องกง วันนี้เป็นวันเกิดของมารดาหรือหยางเสี่ยวผิง คุณนายหยางผู้แสนงดงามซึ่งเกิดวันเดียวกับคุณทิพวรรณ อัคราบริรักษ์ ภรรยาของนักธุรกิจใหญ่ชั้นแนวหน้าของเมืองไทย

ตระกูลหยางและตระกูลอัคราบริรักษ์ถือเป็นตระกูลเพื่อนซี้กันมาแสนนาน ยิ่งได้ร่วมทำการค้าขายด้วยกันแล้วก็ยิ่งเพิ่มความสนิทสนมจนแทบจะกลายเป็นครอบครัวเดียวกัน หยางเฟ่ยหลงประมุขของตระกูลมักจะเดินทางไปมาหาสู่กับนายอรรถวัฒน์ อัคราบริรักษ์ แม้กระทั่งการไปเที่ยวรอบโลกก็ยังไปด้วยกัน ทั้งคู่ดื่มน้ำร่วมสาบานว่าจะเป็นพี่น้องกันตลอดไป โดยไม่คิดว่าจะมีอะไรมาเปลี่ยนแปลงความคิดนี้ในวันข้างหน้า

“ผมดีใจมากที่พี่เฟ่ยหลงอุตส่าห์บินมาจัดงานวันเกิดพร้อมกับเราที่นี่” นายอรรถวัฒน์โอบนางทิพวรรณ เดินเคียงข้างหยางเฟ่ยหลงที่กำลังโอบคุณนายหยางไปจนถึงโต๊ะที่ประดับประดาด้วยเทียนหลากสี กลางโต๊ะมีเค้กก้อนโตสว่างไสวเพราะถูกจุดเทียนเตรียมพร้อมแล้ว

“เกิดพร้อมกัน ก็ถือโอกาสเลี้ยงพร้อมกันไปเลย คนเยอะก็ยิ่งสนุกว่ามั้ย”

“เค้กพร้อมแล้ว” เสียงใครบางคนบอก ก่อนเสียงเพลงแฮปปี้เบิร์ธเดย์พร้อมเสียงปรบมือจะดังขึ้น ทุกคนในที่นั้นมีรอยยิ้มแต้มอยู่บนใบหน้า มองไปทางไหนก็เห็นแต่เพียงความสุขเหมือนกับเสียงเพลงที่ช่วยกันขับร้องประสานเสียง

หยางเสี่ยวผิงจับมือทิพวรรณ เมื่อเสียงเพลงจบทั้งคู่ก็ก้มลงเป่าเค้ก

“ขอให้พี่เสี่ยวผิงมีความสุขสมหวังและมีรักที่ยั่งยืนนาน มีหลานที่น่ารักให้ทิพอีกคนนะคะ” ทิพวรรณอวยพรหยางเสี่ยวผิง พร้อมกับบีบมือนุ่มของคุณนายหยาง

“พี่ก็ขอให้น้องทิพมีความสุขสมหวังและมีหลานให้พี่ไวๆ นะจ๊ะ” คุณนายหยางอวยพรยิ้มๆ แล้วทั้งคู่ก็สวมกอดกัน

ในขณะที่กำลังดื่มด่ำกับความสุขกายสุขใจและบรรยากาศที่แสนจะงดงาม หยางเสี่ยวผิงก็รู้สึกถึงความผิดปกติเหนือหน้าท้องนูนใหญ่ของตน อาการเจ็บแปลบเกิดขึ้นเป็นระยะๆ และทวีความหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ สีหน้าเจ็บปวดของหยางเสี่ยวผิงทำให้ทิพวรรณและคนรอบข้างต้องมองอย่างเป็นห่วง

“พี่เสี่ยวผิงเป็นอะไรไปคะ” ทิพวรรณร้องถาม ในขณะที่หยางเฟ่ยหลงเข้ามาประคองร่างภรรยา

“นั่นสิ เสี่ยวผิงเป็นอะไรไป เจ็บท้องเหรอ”

“อูย...พี่เฟ่ยหลง ดูท่าว่าลูกเราอยากออกมาดูโลกแล้วค่ะ”

“จริงเหรอ งั้นไป พี่จะพาเสี่ยวผิงไปโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้”

“ให้เอกรัตน์ขับรถไปให้นะคะ เอ...หรือว่าเราจะไปพร้อมกันหมดแล้วให้คุณอรรถขับรถให้” ทิพวรรณออกความเห็นพลางซับเหงื่อบนใบหน้าของหยางเสี่ยวผิง

“ให้ผมขับรถให้ดีกว่านะครับ คุณอรรถกับคุณทิพค่อยขับรถตามมา จะได้ไม่เบียดกันเกินไป” เอกรัตน์รีบบอก

ความหวังดีของเขาไม่ถูกปฏิเสธ เพราะไม่มีใครอยากเสียเวลาต่อล้อต่อเถียงกันสักนาทีเดียว และหยางเฟ่ยหลงก็เป็นห่วงภรรยาจนไม่ทันสังเกตเห็นความผิดปกติ สายตาของคนที่อาสาอยากเป็นสารถีมองคุณนายหยางและท้องโตๆ ของเธอยังไง สายตาลุกวาวแปลกประหลาดนั้นไม่มีใครได้เห็น

ในเวลาต่อมาในรถคันหรูของตระกูลอัคราบริรักษ์คันแรก จึงมีเอกรัตน์เป็นสารถีและมีประมุขกับคุณนายหยางอยู่บนเบาะหลัง

เสียงโอดครวญดังเป็นระยะพร้อมกับเหงื่อเม็ดโตที่พร้อมใจกันผุดขึ้นเต็มใบหน้า มือบางจิกบนหลังมือหนาของสามีแน่นราวกับต้องการถ่ายทอดความเจ็บปวดให้ได้รู้ แต่หยางเฟ่ยหลงก็ยินดีที่จะรู้จักความเจ็บปวดก่อนความยินดีจังบังเกิด

“ทำใจดีๆ ไว้นะเสี่ยวผิง ไม่ต้องกังวล ลูกเราคนนี้จะต้องแข็งแรง”

“โอ๊ย! พี่เฟ่ยหลง” สิ้นคำถุงน้ำคร่ำก็แตกโพละ น้ำใสๆ ไหลอาบเรียวขาอวบ “ลูก...ลูก...”

“นี่นาย! ขับรถเร็วๆ กว่านี้ไม่ได้รึไง หรือจะให้ฉันขับเอง ห๊า!!” เพราะความเร็วรถที่ไม่ต่างจากเต่าคลานนักในความคิดของหยางเฟ่ยหลง ทำให้เขาเกือบกระชากคอเสื้อคนขับรถแล้วอัดให้ยับคาพวงมาลัย แต่เพราะมีร่างอิ่มในอ้อมแขนสิ่งที่ทำให้จึงเป็นเพียงตะคอกเสียงหลง

“จะช้าจะเร็ว เด็กก็ต้องออกอยู่วันยังค่ำ แต่...”

“แต่อะไร” ด้วยความเป็นมาเฟียทำให้ประมุขของตระกูลหยางเอะใจ หากแต่มือยังไม่ทันดึงปืนออกมาจากซอกแขน ปืนอีกกระบอกก็หันมาหาเมียรักเสียก่อน “นี่แก!!! จะทำอะไร”

“ตายไง ไปคลอดลูกในนรกพร้อมกัน 3 คน เลยดีกว่า”

สิ้นคำพูดคันเร่งก็ถูกเหยียบจนจม รถคันงามพุ่งทะยานไปข้างหน้าราวติดปีก หยางเฟ่ยหลงกอดภรรยาไว้แน่น ถ้าไม่ถูกจ่อด้วยกระบอกปืนล่ะก็ เขาสาบานว่าจะจบคำพูดของมันพร้อมชีวิตของตัวมันเอง แต่แบบนี้เขาไม่อยากเสี่ยง

“แกต้องการอะไร ทำแบบนี้เพื่ออะไร”

“ผมต้องการในสิ่งที่พวกคุณไม่มีทางให้ เพราะฉะนั้นไม่ต้องถาม เตรียมตัวตายพร้อมกันดีกว่า ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ”

ภาพตรงหน้ารวดเร็วจนแทบจะมองอะไรไม่เห็น เมื่อรถคันโก้เสียหลักพลิกหลายตลบ หยางเฟ่ยหลงมองเห็นภาพปัจจุบันทันด่วนเบลอ รับรู้ได้ถึงแรงเหวี่ยงไปมาจนเจ็บไปทั่วร่างและจากนั้นสติของเขาก็ดับวูบไม่รับรู้อะไรอีกต่อไป

“คุณอรรถดูนั่นสิคะ” ทิพวรรณตกตะลึงกับสิ่งที่ได้เห็นจนแทบเป็นลม จู่ๆ รถของหยางเฟ่ยหลงและหยางเสี่ยวผิงก็เร่งความเร็วแล้วตีลังกาหลายตลบ

“คุณพ่อ คุณแม่!!!” เสียงเด็กชายหยางโจวหมิงร้องลั่นรถ ดวงตาคู่นั้นเบิกค้างก่อนน้ำตาจะค่อยๆ กลิ้งลงอาบสองแก้ม

อ่านต่อ

หนังสือที่คุณอาจชอบ

หนังสืออื่นๆ ของ มณีน้ำเพชร

ข้อมูลเพิ่มเติม
บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ