Login to MeghaBook
icon 0
icon เติมเงิน
rightIcon
icon ประวัติการอ่าน
rightIcon
icon ออกจากระบบ
rightIcon
icon ดาวน์โหลดแอป
rightIcon
สาวน้อยหวามรัก

สาวน้อยหวามรัก

พันสิงห์

5.0
ความคิดเห็น
28.7K
ชม
116
บท

เธอคือสาวน้อยจอมป่วนข้างบ้านที่เขาตกหลุมรักสุดหัวใจ

บทที่ 1 1

ซีรีส์สาวน้อยหวามรัก

เล่ม 1 สาวน้อยหวามรัก

เสียงทะเลาะของมารดากับบิดาทำให้นุดีอยากปิดหูปิดตาไม่อยากพบเจออีก มันเหมือนจะเคยชิน หรือเป็นความเคยชิน แต่ก็ไม่ใช่ เธอเกลียดบ้าน เกลียดครอบครัวที่มีแต่ปัญหา

บิดาเจ้าชู้มีผู้หญิงมากมาย มารดาประชดด้วยการมีบ้าง ซึ่งเธอไม่เข้าใจว่าทำไมผู้ใหญ่ไม่หันหน้าเข้าหากัน

เสียงเอะอะโวยวายที่ฟังจนชาชินทำให้นุดีปีนรั้วเข้าไปอีกบ้านหนึ่ง บ้านหลังสวยที่เจ้าของบ้านที่ไม่ค่อยอยู่บ้าน แต่มีหมาน่ารักไว้คอยเฝ้าบ้าน เธอรู้ว่าที่นั่นคือที่หลบภัย จะได้ไม่โดนลูกหลง หรือจริงๆ มันมีเพื่อนของเธออยู่

“เจ้าดุ๊กดิ๊ก มาๆๆ”

นุดีเรียกเจ้าสุนัขพันธุ์อเมริกันพิทบูลเทอเรียที่รีบวิ่งมาหาเธอ น่าแปลกที่เจ้านี่มันไม่กัดเธอเหมือนสุนัขพันธุ์ดุทั่วไป แต่กลับขี้เล่น ติ๊งต๊องและชอบมาออดอ้อนขอขนมเธอกิน มันคงเหงาที่ต้องอยู่บ้านคนเดียวเหมือนกับเธอ

“วันนี้มีขนมมาให้ด้วย”

นุดีหยิบคุกกี้ในกล่องสีสวยออกมาหนึ่งชิ้น มีข้อดีอยู่เพียงข้อเดียวที่เธอจะหาได้จากบิดามารดา นั่นก็คือเรื่องเงิน เพราะถึงทั้งสองจะมีปัญหาชีวิตอันไม่ลงรอยต่อกัน แต่ก็ให้เงินเธอใช้ไม่ขาดมือ

จริงๆ บิดานั้นเจ้าชู้มากๆ ท่านแอบมาได้เสียกับมารดาจนตั้งท้องเลยต้องรับผิดชอบ แบบนี้เธอก็เข้าใจว่ามันไม่ได้เกิดจากความรัก

มารดานั้นอยากเอาชนะ รู้ว่าบิดาเจ้าชู้จึงปล่อยให้ท้อง ก็ต้องรับสภาพ บิดาแค่คิดจะหวังฟันเล่นๆ แต่ปู่ย่าตายายของเธอน่ะสิ เป็นคนมีเงิน ถ้ามีอะไรกันและท้อง จึงต้องบังคับให้รับผิดชอบและแต่งงานกันในที่สุด

นุดีถอนใจเฮือกใหญ่ เขาว่าชีวิตยิ่งกว่านิยาย ก็คงจะจริง เธอเกิดจากความผิดพลาดและความไม่ตั้งใจ

บิดาเป็นผู้ชายวัยกลางคนที่อายุ 42 แต่ยังหนุ่มแน่น จึงมีผู้หญิงวัยเอ๊าะๆ ล้อมหน้าล้อมหลัง

เธอไม่ได้อยากดูฉากรักอันวาบหวามของบิดา แต่ก็เห็นบ่อยๆ ท่านชอบพาผู้หญิงมาที่บ้านและทำอะไรประเจิดประเจ้อ

ส่วนผู้ชายที่มารดาพาเข้ายบ้านนั้นเป็นเด็กหนุ่มคราวลูก ท่านประชดด้วยการทำแบบนั้น เธอไม่ชอบเลยสักนิด แต่เธอเป็นลูก พูดอะไรไม่ได้หรอก พูดไปก็โดนด่าเสียเปล่าๆ สู้อย่าไปรับรู้อะไรเลย

“อร่อยไหม เจ้าดุ๊กดิ๊ก”

มันกระดิกหางไปมาออดอ้อนจะกินอีก

“กินมากไม่ได้นะ เดี๋ยวเป็นเบาหวาน”

นุดีลูบหัวมัน แต่ก็ใจอ่อนให้มันอีกชิ้นหนึ่ง

“เฮ้ย! เจ้านายแกกลับมาแล้ว ฉันต้องไปแล้วล่ะ”

นุดีได้ยินเสียงรถที่แล่นเข้ามาจอดหน้าบ้าน เธอวิ่งหนีไปที่กำแพง ทำท่าจะปีนข้ามกำแพงหนีไป มัวแต่เล่นจนเพลินจึงไม่ได้ยินเสียงเปิดประตูบ้าน

“ทำอะไรน่ะ”

เสียงเข้มของณัฐ ทำให้นุดีหันไปมองอย่างตกใจ

“เฮ้ยๆๆ ทำบ้าอะไรยัยเด็กบ๊อง”

ณัฐตกใจที่เห็นเด็กสาวร้องโวยวายแถมยังทำท่าจะร่วงลงมาจากกำแพงบ้านอีก

“กรี๊ด เฮ้ย! ไม่นะ”

นุดีกรีดร้องเสียงหลง เธอร่วงลงมาจากกำแพง คิดว่าคงแข้งขาหักแน่ๆ คราวนี้ คิดว่าทำไมถึงซวยแบบนี้นะ

“เฮ้ย! โอ๊ย!”

ณัฐวิ่งเข้าไปรับร่างอวบเอาไว้ เธอหล่นตุ๊บลงมาทับร่างเขาพอดิบพอดี

นุดีคิดว่าเธอจะตกลงมาแข้งขาหัก แต่ที่ไหนได้ มีคนมารับร่างเธอเอาไว้

รอดตายแล้วเรา!

“โอ๊ย!”

เธอได้ยินเสียงครางของคนใต้ร่าง เลยรีบตะเกียดตะกายลุกดู เขานอนให้เธอทับ เรียกว่ารับร่างของเธอเอาไว้ทั้งตัว เธอเลยไม่ได้เป็นอะไรเลย

“หนูขอโทษค่ะ”

เธอบอกเก้อๆ เขาจับได้แล้วว่าเธอแอบปีนเข้ามาเล่นซนในบ้านเขา

ณัฐมองเด็กสาววัยสิบแปดแล้วส่ายหน้าไปมา ค่อยๆ ลุกขึ้นจากท่านั้นด้วยความรู้สึกปวดเมื่อยไปหมด

“มาค่ะ หนูช่วย”

เธอประคองเขาเข้าไปในบ้าน

“เข้ามาทำอะไรในบ้านฉัน”

เขาเอ่ยถาม ก่อนจะเดินไปเปิดตู้เย็นหาน้ำเย็นๆ มาดื่ม

“เอ่อ...”

เธอลูบท้ายทอยเก้อๆ ก่อนตอบอย่างน่าเอ็นดู

“เข้ามาช่วยเฝ้าบ้านให้คุณลุงน่ะค่ะ”

แค่กๆๆๆๆ

ณัฐแทบพ่นน้ำออกจากปาก เขาสำลักน้ำเกือบตาย หูแดงตาแดง จมูกแดงไปหมด

“คุณลุงอย่าโกรธหนูเลยนะคะ”

“ฉันแก่ขนาดนั้นเลยเหรอ?”

เขาสำลักกับคำตอบของเธอเรื่องเฝ้าบ้านไม่พอ เธอยังหาว่าเขาแก่ถึงขนาดเป็นลุงของเธอได้ มันแสลงใจพิกล

“คะ?”

เธอมองหน้าเขา เขาไม่ได้ตำหนิเรื่องที่เธอแอบหนีเข้าบ้าน แต่ถามว่าตัวเองแก่ขนาดนั้นเลยเหรอ

“เรียกฉันว่าลุง ฉันแก่ขนาดนั้นเลยเหรอ”

“ก็ไม่เชิงนะคะ แต่หนูอายุแค่สิบแปดเอง”

“ฉันก็อายุแค่สามสิบหกเอง”

“ไม่ใช่แค่สามสิบหกนะคะ มันตั้งสามสิบหกเลยค่ะ เป็นพ่อหนูได้เลย อายุก็ราวๆ แม่หนู”

“เรียกอาดีกว่า เรียกลุงแล้วแสลงหู”

“ฮ่าๆๆๆๆๆ”

นุดีหัวเราะท้องคัดท้องแข็ง อย่าว่าแต่ผู้หญิงเลย ผู้ชายก็ไม่อยากให้ตัวเองแก่เหมือนกัน

“ทำเป็นหัวเราะไป ฉันแจ้งข้อหาบุกรุกบ้านฉันได้เลยนะ พ่อแม่ไม่สั่งสอนหรือไงถึงปีนเข้าบ้านคนอื่นโดยไม่ได้รับอนุญาตแบบนี้”

“พ่อแม่ไม่มีเวลาสั่งสอน”

เธอเดินไปนั่งที่โซฟาของเขาอย่างถือวิสาสะ เจ้าสุนัขตัวโปรดวิ่งเข้ามาหา

“ดุ๊กดิ๊กมาหาพี่มา”

ณัฐแทบพ่นน้ำออกจากปากรอบสอง เจ้าหมาสุดที่รักของเขาถูกเปลี่ยนชื่อไปเสียตั้งแต่เมื่อไหร่

“เมื่อกี้เรียกใครว่าดุ๊กดิ๊ก”

“นี่ไง ดุ๊กดิ๊ก เพื่อนหนูเอง”

นุดีตอบหน้ามึน ชี้ไปที่เจ้าหมาแสนรู้

ณัฐแทบเอามือก่ายหน้าผาก ตบหน้าผากตัวเองสองสามที กรอกตาไปมาเมื่อเจ้าดุ๊กดิ๊กไปนั่งเรียบร้อยอยู่ข้างยัยเด็กแสบ เหมือนกับว่าทั้งสองรู้จักกันมาเป็นชาติ

“มันชื่อมูมู่ต่างหากล่ะ”

“ชื่อเช๊ยเชย เนอะดุ๊กดิ๊กเนอะ”

เธอลูบหัวมันไปมา ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้

“ออกไปได้แล้ว นี่มันบ้านคนอื่นนะ”

“อยู่ต่อก่อนได้ไหม ไม่อยากกลับบ้าน”

เธอตอบเสียงเศร้า ดูๆ แล้วเจ้าของบ้านท่าทางใจดี เธอคิดว่าเขาคงไม่ไล่เธอกลับบ้านในเวลานี้

“ทำไมล่ะ จะหนีออกจากบ้านหรือไง”

“ถ้าหนีได้หนีไปแล้ว ที่บ้านไม่น่าอยู่สักนิด”

เธอเดินสำรวจบ้านของเขา

“ลุง เอ๊ย!คุณอาชื่ออะไรคะ”

“ณัฐ”

เขาตอบเสียงเรียบ จับตามองเธอไม่วาง

“อาณัฐคะ ขออยู่ที่นี่ก่อนได้ไหม ค่อยกลับ”

“เดี๋ยวพ่อแม่ก็เป็นห่วง”

“ไม่หรอกค่ะ เขาไม่เคยเห็นหนูอยู่ในสายตาอยู่แล้ว”

“ชื่ออะไรล่ะเรา”

“นุดีค่ะ เรียกหนูดีก็ได้ ชื่อเล่นหนู”

“อืม...”

เขารับคำ ไม่ได้ไล่เธออีก แต่เดินเข้าครัวหยิบกับข้าวที่เอากลับมาใส่จาน

“ว้าว! น่ากินจังเลยค่ะ”

นุดีเข้าไปยืนมองเขาในครัว มองอาหารมากมายหอมกรุ่นตรงหน้าแล้วน้ำลายสอ

“หิวเหรอ”

“ค่ะ”

เธอยิ้มแป้นพยักหน้าอย่างใสซื่อ

“มากินด้วยกันสิ”

“คุณอาซื้อมาเหรอคะ”

“เปล่า ฉันทำเอง”

“ทำจากไหนคะ”

“จากที่ทำงานน่ะ”

“คุณอาเป็นเชฟหรือคะ”

เธอเดาเอา

“ใช่”

“ว้าว! ต้องทำอาหารอร่อยแน่ๆ เลย หนูก็ชอบทำอาหาร”

“ชอบทำอาหารเหมือนกันเหรอ”

“ชอบค่ะ จริงๆ อยู่คนเดียวเสียส่วนใหญ่ เบื่อๆ เลยทำอาหารกินเอง มันทำให้หายเหงา ลืมความทุกข์ไปได้ชั่วขณะ”

เธอตอบเสียงเศร้า ณัฐไม่ซักถามอะไรอีก เขาไม่อยากให้เธอไม่สบายใจจึงไม่พูดเรื่องนี้

“มาค่ะหนูช่วย”

นุดีขันอาสาช่วยยกกับข้าวมาวางที่โต๊ะอาหารด้านนอก บ้านของณัฐสะอาดสะอ้าน เรียบร้อยดูดี ข้าวของน้อยชิ้นแต่มีราคาแพง เธอคุ้นชินกับข้าวของราคาแพงพวกนี้เพราะครอบครัวค่อนข้างจะร่ำรวย ไม่เคยขัดสนอะไร

“บ้านของอาณัฐไม่มีคนรับใช้เหรอคะ”

“ไม่มี”

“แล้วทำความสะอาดบ้านยังไงคะ บ้านสะอาดจัง”

“จ้างมาทำเป็นบางครั้ง ไม่ชอบให้ใครเข้ามายุ่งวุ่นวายในบ้าน”

“แค่กๆๆๆ”

คราวนี้เธอสำลักเสียเอง รู้สึกร้อนตัวอย่างบอกไม่ถูกที่ตัวเองเข้ามายุ่งวุ่นวายในบ้านของเขา

“เป็นอะไร”

“เปล่าค่ะ”

“ไม่ได้ว่าเธอหรอกนะ แต่อยากรับก็รับไป”

“ก็เหมือนว่านั่นแหละค่ะ” เธอทำปากยื่น

“กินเยอะๆ นะ ท่าจะหิว”

เขาตักข้าวผัดปูให้เธอ ตรงหน้ามีต้มแซ่บกระดูกอ่อนหมู ปลากะพงนึ่งมะนาว และปีกไก่ทอดน้ำปลา

อ่านต่อ

หนังสือที่คุณอาจชอบ

หนังสืออื่นๆ ของ พันสิงห์

ข้อมูลเพิ่มเติม
บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ