Login to MeghaBook
icon 0
icon เติมเงิน
rightIcon
icon ประวัติการอ่าน
rightIcon
icon ออกจากระบบ
rightIcon
icon ดาวน์โหลดแอป
rightIcon
สาวน้อยหวามรัก

สาวน้อยหวามรัก

พันสิงห์

5.0
ความคิดเห็น
51.5K
ชม
116
บท

เธอคือสาวน้อยจอมป่วนข้างบ้านที่เขาตกหลุมรักสุดหัวใจ

บทที่ 1 1

ซีรีส์สาวน้อยหวามรัก

เล่ม 1 สาวน้อยหวามรัก

เสียงทะเลาะของมารดากับบิดาทำให้นุดีอยากปิดหูปิดตาไม่อยากพบเจออีก มันเหมือนจะเคยชิน หรือเป็นความเคยชิน แต่ก็ไม่ใช่ เธอเกลียดบ้าน เกลียดครอบครัวที่มีแต่ปัญหา

บิดาเจ้าชู้มีผู้หญิงมากมาย มารดาประชดด้วยการมีบ้าง ซึ่งเธอไม่เข้าใจว่าทำไมผู้ใหญ่ไม่หันหน้าเข้าหากัน

เสียงเอะอะโวยวายที่ฟังจนชาชินทำให้นุดีปีนรั้วเข้าไปอีกบ้านหนึ่ง บ้านหลังสวยที่เจ้าของบ้านที่ไม่ค่อยอยู่บ้าน แต่มีหมาน่ารักไว้คอยเฝ้าบ้าน เธอรู้ว่าที่นั่นคือที่หลบภัย จะได้ไม่โดนลูกหลง หรือจริงๆ มันมีเพื่อนของเธออยู่

“เจ้าดุ๊กดิ๊ก มาๆๆ”

นุดีเรียกเจ้าสุนัขพันธุ์อเมริกันพิทบูลเทอเรียที่รีบวิ่งมาหาเธอ น่าแปลกที่เจ้านี่มันไม่กัดเธอเหมือนสุนัขพันธุ์ดุทั่วไป แต่กลับขี้เล่น ติ๊งต๊องและชอบมาออดอ้อนขอขนมเธอกิน มันคงเหงาที่ต้องอยู่บ้านคนเดียวเหมือนกับเธอ

“วันนี้มีขนมมาให้ด้วย”

นุดีหยิบคุกกี้ในกล่องสีสวยออกมาหนึ่งชิ้น มีข้อดีอยู่เพียงข้อเดียวที่เธอจะหาได้จากบิดามารดา นั่นก็คือเรื่องเงิน เพราะถึงทั้งสองจะมีปัญหาชีวิตอันไม่ลงรอยต่อกัน แต่ก็ให้เงินเธอใช้ไม่ขาดมือ

จริงๆ บิดานั้นเจ้าชู้มากๆ ท่านแอบมาได้เสียกับมารดาจนตั้งท้องเลยต้องรับผิดชอบ แบบนี้เธอก็เข้าใจว่ามันไม่ได้เกิดจากความรัก

มารดานั้นอยากเอาชนะ รู้ว่าบิดาเจ้าชู้จึงปล่อยให้ท้อง ก็ต้องรับสภาพ บิดาแค่คิดจะหวังฟันเล่นๆ แต่ปู่ย่าตายายของเธอน่ะสิ เป็นคนมีเงิน ถ้ามีอะไรกันและท้อง จึงต้องบังคับให้รับผิดชอบและแต่งงานกันในที่สุด

นุดีถอนใจเฮือกใหญ่ เขาว่าชีวิตยิ่งกว่านิยาย ก็คงจะจริง เธอเกิดจากความผิดพลาดและความไม่ตั้งใจ

บิดาเป็นผู้ชายวัยกลางคนที่อายุ 42 แต่ยังหนุ่มแน่น จึงมีผู้หญิงวัยเอ๊าะๆ ล้อมหน้าล้อมหลัง

เธอไม่ได้อยากดูฉากรักอันวาบหวามของบิดา แต่ก็เห็นบ่อยๆ ท่านชอบพาผู้หญิงมาที่บ้านและทำอะไรประเจิดประเจ้อ

ส่วนผู้ชายที่มารดาพาเข้ายบ้านนั้นเป็นเด็กหนุ่มคราวลูก ท่านประชดด้วยการทำแบบนั้น เธอไม่ชอบเลยสักนิด แต่เธอเป็นลูก พูดอะไรไม่ได้หรอก พูดไปก็โดนด่าเสียเปล่าๆ สู้อย่าไปรับรู้อะไรเลย

“อร่อยไหม เจ้าดุ๊กดิ๊ก”

มันกระดิกหางไปมาออดอ้อนจะกินอีก

“กินมากไม่ได้นะ เดี๋ยวเป็นเบาหวาน”

นุดีลูบหัวมัน แต่ก็ใจอ่อนให้มันอีกชิ้นหนึ่ง

“เฮ้ย! เจ้านายแกกลับมาแล้ว ฉันต้องไปแล้วล่ะ”

นุดีได้ยินเสียงรถที่แล่นเข้ามาจอดหน้าบ้าน เธอวิ่งหนีไปที่กำแพง ทำท่าจะปีนข้ามกำแพงหนีไป มัวแต่เล่นจนเพลินจึงไม่ได้ยินเสียงเปิดประตูบ้าน

“ทำอะไรน่ะ”

เสียงเข้มของณัฐ ทำให้นุดีหันไปมองอย่างตกใจ

“เฮ้ยๆๆ ทำบ้าอะไรยัยเด็กบ๊อง”

ณัฐตกใจที่เห็นเด็กสาวร้องโวยวายแถมยังทำท่าจะร่วงลงมาจากกำแพงบ้านอีก

“กรี๊ด เฮ้ย! ไม่นะ”

นุดีกรีดร้องเสียงหลง เธอร่วงลงมาจากกำแพง คิดว่าคงแข้งขาหักแน่ๆ คราวนี้ คิดว่าทำไมถึงซวยแบบนี้นะ

“เฮ้ย! โอ๊ย!”

ณัฐวิ่งเข้าไปรับร่างอวบเอาไว้ เธอหล่นตุ๊บลงมาทับร่างเขาพอดิบพอดี

นุดีคิดว่าเธอจะตกลงมาแข้งขาหัก แต่ที่ไหนได้ มีคนมารับร่างเธอเอาไว้

รอดตายแล้วเรา!

“โอ๊ย!”

เธอได้ยินเสียงครางของคนใต้ร่าง เลยรีบตะเกียดตะกายลุกดู เขานอนให้เธอทับ เรียกว่ารับร่างของเธอเอาไว้ทั้งตัว เธอเลยไม่ได้เป็นอะไรเลย

“หนูขอโทษค่ะ”

เธอบอกเก้อๆ เขาจับได้แล้วว่าเธอแอบปีนเข้ามาเล่นซนในบ้านเขา

ณัฐมองเด็กสาววัยสิบแปดแล้วส่ายหน้าไปมา ค่อยๆ ลุกขึ้นจากท่านั้นด้วยความรู้สึกปวดเมื่อยไปหมด

“มาค่ะ หนูช่วย”

เธอประคองเขาเข้าไปในบ้าน

“เข้ามาทำอะไรในบ้านฉัน”

เขาเอ่ยถาม ก่อนจะเดินไปเปิดตู้เย็นหาน้ำเย็นๆ มาดื่ม

“เอ่อ...”

เธอลูบท้ายทอยเก้อๆ ก่อนตอบอย่างน่าเอ็นดู

“เข้ามาช่วยเฝ้าบ้านให้คุณลุงน่ะค่ะ”

แค่กๆๆๆๆ

ณัฐแทบพ่นน้ำออกจากปาก เขาสำลักน้ำเกือบตาย หูแดงตาแดง จมูกแดงไปหมด

“คุณลุงอย่าโกรธหนูเลยนะคะ”

“ฉันแก่ขนาดนั้นเลยเหรอ?”

เขาสำลักกับคำตอบของเธอเรื่องเฝ้าบ้านไม่พอ เธอยังหาว่าเขาแก่ถึงขนาดเป็นลุงของเธอได้ มันแสลงใจพิกล

“คะ?”

เธอมองหน้าเขา เขาไม่ได้ตำหนิเรื่องที่เธอแอบหนีเข้าบ้าน แต่ถามว่าตัวเองแก่ขนาดนั้นเลยเหรอ

“เรียกฉันว่าลุง ฉันแก่ขนาดนั้นเลยเหรอ”

“ก็ไม่เชิงนะคะ แต่หนูอายุแค่สิบแปดเอง”

“ฉันก็อายุแค่สามสิบหกเอง”

“ไม่ใช่แค่สามสิบหกนะคะ มันตั้งสามสิบหกเลยค่ะ เป็นพ่อหนูได้เลย อายุก็ราวๆ แม่หนู”

“เรียกอาดีกว่า เรียกลุงแล้วแสลงหู”

“ฮ่าๆๆๆๆๆ”

นุดีหัวเราะท้องคัดท้องแข็ง อย่าว่าแต่ผู้หญิงเลย ผู้ชายก็ไม่อยากให้ตัวเองแก่เหมือนกัน

“ทำเป็นหัวเราะไป ฉันแจ้งข้อหาบุกรุกบ้านฉันได้เลยนะ พ่อแม่ไม่สั่งสอนหรือไงถึงปีนเข้าบ้านคนอื่นโดยไม่ได้รับอนุญาตแบบนี้”

“พ่อแม่ไม่มีเวลาสั่งสอน”

เธอเดินไปนั่งที่โซฟาของเขาอย่างถือวิสาสะ เจ้าสุนัขตัวโปรดวิ่งเข้ามาหา

“ดุ๊กดิ๊กมาหาพี่มา”

ณัฐแทบพ่นน้ำออกจากปากรอบสอง เจ้าหมาสุดที่รักของเขาถูกเปลี่ยนชื่อไปเสียตั้งแต่เมื่อไหร่

“เมื่อกี้เรียกใครว่าดุ๊กดิ๊ก”

“นี่ไง ดุ๊กดิ๊ก เพื่อนหนูเอง”

นุดีตอบหน้ามึน ชี้ไปที่เจ้าหมาแสนรู้

ณัฐแทบเอามือก่ายหน้าผาก ตบหน้าผากตัวเองสองสามที กรอกตาไปมาเมื่อเจ้าดุ๊กดิ๊กไปนั่งเรียบร้อยอยู่ข้างยัยเด็กแสบ เหมือนกับว่าทั้งสองรู้จักกันมาเป็นชาติ

“มันชื่อมูมู่ต่างหากล่ะ”

“ชื่อเช๊ยเชย เนอะดุ๊กดิ๊กเนอะ”

เธอลูบหัวมันไปมา ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้

“ออกไปได้แล้ว นี่มันบ้านคนอื่นนะ”

“อยู่ต่อก่อนได้ไหม ไม่อยากกลับบ้าน”

เธอตอบเสียงเศร้า ดูๆ แล้วเจ้าของบ้านท่าทางใจดี เธอคิดว่าเขาคงไม่ไล่เธอกลับบ้านในเวลานี้

“ทำไมล่ะ จะหนีออกจากบ้านหรือไง”

“ถ้าหนีได้หนีไปแล้ว ที่บ้านไม่น่าอยู่สักนิด”

เธอเดินสำรวจบ้านของเขา

“ลุง เอ๊ย!คุณอาชื่ออะไรคะ”

“ณัฐ”

เขาตอบเสียงเรียบ จับตามองเธอไม่วาง

“อาณัฐคะ ขออยู่ที่นี่ก่อนได้ไหม ค่อยกลับ”

“เดี๋ยวพ่อแม่ก็เป็นห่วง”

“ไม่หรอกค่ะ เขาไม่เคยเห็นหนูอยู่ในสายตาอยู่แล้ว”

“ชื่ออะไรล่ะเรา”

“นุดีค่ะ เรียกหนูดีก็ได้ ชื่อเล่นหนู”

“อืม...”

เขารับคำ ไม่ได้ไล่เธออีก แต่เดินเข้าครัวหยิบกับข้าวที่เอากลับมาใส่จาน

“ว้าว! น่ากินจังเลยค่ะ”

นุดีเข้าไปยืนมองเขาในครัว มองอาหารมากมายหอมกรุ่นตรงหน้าแล้วน้ำลายสอ

“หิวเหรอ”

“ค่ะ”

เธอยิ้มแป้นพยักหน้าอย่างใสซื่อ

“มากินด้วยกันสิ”

“คุณอาซื้อมาเหรอคะ”

“เปล่า ฉันทำเอง”

“ทำจากไหนคะ”

“จากที่ทำงานน่ะ”

“คุณอาเป็นเชฟหรือคะ”

เธอเดาเอา

“ใช่”

“ว้าว! ต้องทำอาหารอร่อยแน่ๆ เลย หนูก็ชอบทำอาหาร”

“ชอบทำอาหารเหมือนกันเหรอ”

“ชอบค่ะ จริงๆ อยู่คนเดียวเสียส่วนใหญ่ เบื่อๆ เลยทำอาหารกินเอง มันทำให้หายเหงา ลืมความทุกข์ไปได้ชั่วขณะ”

เธอตอบเสียงเศร้า ณัฐไม่ซักถามอะไรอีก เขาไม่อยากให้เธอไม่สบายใจจึงไม่พูดเรื่องนี้

“มาค่ะหนูช่วย”

นุดีขันอาสาช่วยยกกับข้าวมาวางที่โต๊ะอาหารด้านนอก บ้านของณัฐสะอาดสะอ้าน เรียบร้อยดูดี ข้าวของน้อยชิ้นแต่มีราคาแพง เธอคุ้นชินกับข้าวของราคาแพงพวกนี้เพราะครอบครัวค่อนข้างจะร่ำรวย ไม่เคยขัดสนอะไร

“บ้านของอาณัฐไม่มีคนรับใช้เหรอคะ”

“ไม่มี”

“แล้วทำความสะอาดบ้านยังไงคะ บ้านสะอาดจัง”

“จ้างมาทำเป็นบางครั้ง ไม่ชอบให้ใครเข้ามายุ่งวุ่นวายในบ้าน”

“แค่กๆๆๆ”

คราวนี้เธอสำลักเสียเอง รู้สึกร้อนตัวอย่างบอกไม่ถูกที่ตัวเองเข้ามายุ่งวุ่นวายในบ้านของเขา

“เป็นอะไร”

“เปล่าค่ะ”

“ไม่ได้ว่าเธอหรอกนะ แต่อยากรับก็รับไป”

“ก็เหมือนว่านั่นแหละค่ะ” เธอทำปากยื่น

“กินเยอะๆ นะ ท่าจะหิว”

เขาตักข้าวผัดปูให้เธอ ตรงหน้ามีต้มแซ่บกระดูกอ่อนหมู ปลากะพงนึ่งมะนาว และปีกไก่ทอดน้ำปลา

อ่านต่อ

หนังสืออื่นๆ ของ พันสิงห์

ข้อมูลเพิ่มเติม
คลั่งรักสามีเถื่อน

คลั่งรักสามีเถื่อน

โรแมนติก

5.0

ปานวาดตื่นขึ้นมาด้วยอาการอ่อนเพลียและปวดหัวอย่างรุนแรง เธอค้นพบว่าไม่ได้นอนอยู่คนเดียว กวาดสายตามองรอบตัวก็เห็นเพียงห้องไม่คุ้นตา แต่ที่ทำให้เธอตกใจแทบช็อกก็เพราะว่าร่างเปลือยเปล่าของผู้ชายข้าง ๆ “กรี๊ด!!!” ปานวาดกรีดร้องสุดเสียง ปลุกให้เชนที่นอนอยู่ข้าง ๆ สะดุ้งตื่น เขารีบคร่อมทับร่างของเธอเอาไว้ ก่อนที่จะจัดการอุดปากของเธออย่างตกใจเช่นกัน “กรีดร้องทำไมแม่ตัวดี เดี๋ยวคนก็แห่กันมาหรอก” “อื้อ ๆ ๆ” เธอร้องประท้วง อึก ๆ อัก ๆ อยู่ใต้ร่างหนาหนัก ดวงตาเบิกกว้างอย่างตกใจ “ถ้าเธอไม่ร้องพี่จะปล่อยเธอ เข้าใจไหม” เธอรีบพยักหน้า แต่พอเชนปล่อยมือเธอก็กรีดร้องอีก “กะ.. กรี๊ด! อื้อ...” เชนอุดปากของเธอเอาไว้ กอดปล้ำกันจนเตียงสั่นไปหมด สุดท้ายเชนก็กระแทกริมฝีปากลงไปหา บดจูบเพื่อปิดเสียงร้องของเธอ แต่จูบไปจูบมาดันมามีอารมณ์ อาจเพราะเบื้องล่างไม่มีอะไรสวมใส่อยู่เลย ทำให้แก่นกายชายของเขาเสียดสีกับน้องสาวของเธอถนัดถนี่ “ไม่เงียบใช่ไหม งั้นพี่คงต้องหาอะไรอุดปากของเธอซะ”

คลั่งรักเมียทาส

คลั่งรักเมียทาส

โรแมนติก

5.0

โปรย คลั่งรักเมียทาส เพราะพี่สาวขโมยเงินและเครื่องเพชรหนีไป เขาจึงต้องจับเธอเอาไว้เป็นตัวประกัน เป็นทาสบำเรอรักบนเตียงกว้างอันแสนเร่าร้อน เหนือสิ่งอื่นใดยังมีบางอย่างแอบแฝงที่เธอไม่เคยรับรู้มาก่อน ว่าเขาอยากได้เธอตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็น และคลั่งรักเธอมากเพียงใด ตัวอย่างบางช่วงบางตอน มยุรินมองเขาอย่างชื่นชม เขาหล่อ ดูดี ร่ำรวย และเซ็กซี่เหลือร้าย แต่เขาก็ร้ายกาจมากเช่นกัน ไม่น่าเชื่อว่าเธอจะหลงรักผู้ชายร้ายกาจคนนี้ได้ เด็กสาวอยากที่จะเจียมเนื้อเจียมตัว แต่ก็ทำไม่ได้เมื่อใจเจ้ากรรมดันตกหลุมคนใจร้ายอย่างเขาไปเสียแล้ว "อาบน้ำให้ฉันหน่อย" เขาเชยคางสาวให้แหงนขึ้นมาสบตา ก่อนที่ก้มลงมาบดจูบอย่างร้อนแรง "คุณชัชคะ หนูเหนื่อยจังค่ะ" เธอประท้วงน้อย ๆ ในชณะที่ชัชมองเด็กสาวด้วยสายตาร้อนแรง "เธอเป็นทาสของฉันจำไม่ได้หรือไง ถ้าเธอทำตัวดี ๆ เจอพี่สาวเธอเมื่อไหร่ฉันจะไว้ชีวิต หรือเธออยากให้พี่สาวของเธอตาย" "ไม่ค่ะ" มยุรินรีบส่ายหน้าไปมา "ก็อย่าขัดใจฉันสิ" ชัชพูดเสียงกร้าว มองเด็กสาวเหมือนจะกลืนกิน "หนูแค่เหนื่อยน่ะค่ะ" เขาตื่นมาตอนเที่ยงแล้วลากเธอขึ้นเตียงจนเกือบเย็น ก้นของเธอปวดเมื่อยระบบไปหมดแล้ว ช่องคลอดเหมือนจะฉีกขาดเสียให้ได้ ชัชกระแทกไม่ยั้งจนช่วงล่างของเธอแทบพัง เธอตกเป็นของเขาในครั้งแรกยังบริสุทธิ์ผุดผ่อง เขายิ่งรู้ก็ยิ่งเอา ไม่ได้บันยะบันยังตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา "นอนอ้าขาเฉย ๆ เหนื่อยด้วยเหรอ บอกให้ตอดก็ทำบ้างไม่ทำบ้าง" เขาสลัดผ้าห่มที่คลุมกายของเธอออก มยุรินร้องเบา ๆ เพราะตอนนี้ร่างเปลือยเปล่าเปิดเผยต่อสายตาของเขาอีกครั้ง "หนูจะขาดใจแล้วค่ะ" เธอบอกเขาเสียงสั่น กอดอกหน้าแดง แต่เขากระชากแขนที่กอดอกของเธอออก ทำให้ปทุมถันอวบเต็มเด้งไปมาจากแรงขยับ ริมฝีปากหน้าร้ายกาจก้มลงงับดูดอย่างเร่าร้อน

อ้อมกอดมาเฟียเถื่อน

อ้อมกอดมาเฟียเถื่อน

โรแมนติก

5.0

"วันนี้เธอมาหาฉันทำไม" พายัพเอ่ยถามพลางไล่สายตามองร่างสมส่วนไม่วางตา "หนูจะมาขอผัดผ่อนหนี้สินของคุณพ่อไปก่อนจะได้ไหมคะ" เธอบอกเขาเสียงสั่น "ได้สิ มีอะไรแลกเปลี่ยนไหม" เขาแตะลิ้นเลียริมฝีปาก "ตัวหนูพอจะแลกเปลี่ยได้ไหมคะ" เธอรู้ว่าเขาอยากได้เธอ แม้จะรังเกียจเขาเพียงใด แต่เธอก็ต้องทำเพื่อครอบครัว "ก็พอได้นะ" เขายกยิ้มมุมปาก รอยยิ้มแบบนี้ทำให้เธอต้องกัดปากตัวเอง เขาชอบยิ้มแบบนี้เสมอ ผู้ชายตรงหน้าคือมาเฟียตัวร้าย เขามีเงิน มีอำนาจ ยิ่งใหญ่คับบ้านคับเมืองเสียเหลือเกิน เธอเป็นเพียงแค่เด็กสาวที่ไม่สามารถต่อกรอะไรกับเขาได้เลย "ไหนลองช่วยตัวเองให้ฉันดูหน่อยสิ" ประโยคของเขาทำให้ข้าวหอมหน้าชาด้วยความอาย ฃ เพี้ยะ!!! เธอตบหน้าเขาจนหน้าหัน ไม่รู้เหมือนกันว่ากล้าตบหน้าเขาแบบนี้ได้อย่างไรกัน ใบหน้าของพายัพกระด้าง เขาดุนดันกระพุ่งแก้มเบา ๆ คล้ายเจ็บ ๆ คัน ๆ ดวงตาคมกริบของเขามองเธอไม่วาง "ชอบตบจูบอย่างนั้นเหรอ" เขากระชากเธอเข้ามาหา ก่อนจะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงดุดัน "ปล่อยหนูนะ" "ไม่เคยมีใครกล้าตบหน้าฉันมาก่อน" พายัพดันร่างของเด็กสาวไปจนชิดกับผนัง กวาดสายตามองเธอไม่วาง "ถ้าฉันยังไม่ได้ทดสอบสินค้าจะรู้ได้ยังไงว่ามันคุ้มกับการแลกเปลี่ยนหรือเปล่า เพราะไอ้แฟนของเธอคงไม่ปล่อยให้เธอยังเวอร์จิ้นอยู่กระมัง" ประโยคของเขาทำให้ข้าวหอมหน้าชาอีกครั้ง ทั้งอับอาย ทั้งโกรธเกลียดเขาอย่างเหลือล้น เจ้าหนี้หน้าเลือดของบิดา!!!

สามีท่านประธาน

สามีท่านประธาน

โรแมนติก

5.0

เธอปลอมตัวไปเป็นเลขาของเขาเพื่อจะจับผิดว่าเขานอกใจเธอหรือเปล่า เพราะแท้ที่จริงเขาคือคู่หมั้นของเธอที่เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศ แต่ปลอมตัวอย่างไรไม่ทราบ ดันไปตกเป็นเมียของเขาเสียนี่ ตัวอย่างบางช่วงบางตอน “ต่อไปผมจะมารับคุณไปทำงานทุกวัน” “รับทำไมคะ” พิมพ์พิศาอุทานออกมา กำลังคิดอยู่เชียว เขาเหมือนรู้ว่าเธอคิดอะไรเลยพูดดักคอออกมาแบบนี้ “คุณเป็นเลขา เผื่อผมมีงานด่วนอะไรต้องเรียกใช้คุณ คุณก็ต้องพร้อมทุกสถานการณ์ คุณไปทำงานพร้อมผมน่ะดีแล้ว” “เจ้านายคนอื่นเขามารับเลขาไปทำงานด้วยกันแบบนี้ไหมคะ” เธอประชด “รับ” คำสั้น ๆ ของเขาทำให้เธอค้อนเขาเสียวงใหญ่ “เพิ่งรู้นะคะนี่” “คุณกินอาหารเช้าหรือยัง” เสียงท้องของเธอเป็นคำตอบ ทำเอาพิมพ์พิศาต้องลูบท้องตัวเองอย่างเขินอาย “ผมคงไม่ต้องถามคุณซ้ำหรอกนะว่าคุณหิวหรือไม่หิว” ระยะทางที่ขับรถมาถึงคอนโดฯ ของเขาไกลพอสมควร เธอเหลือบมองเขาพลางคิดในใจว่าเขาขับรถจากคอนโดฯ มารับเธอไกลขนาดนี้เชียวหรือ พิมพ์พิศารีบเสไปมองข้างทางเมื่อเขาหันมาสบตากับเธอเข้าพอดี เธอกำลังมองเขาเพลินเชียว เวลาอยู่กับเปรม เธอรู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเองพอสมควร สมบูรณ์จอดรถหน้าคอนโดฯ หรูของเปรม ก่อนจะรีบลงไปเปิดประตูให้คนทั้งสอง ในขณะที่พิมพ์พิศากำลังเก้ ๆ กัง ๆ อยู่นั้น เปรมก็แตะข้อศอกของเธอเบา ๆ ทำให้หญิงสาวถึงกับสะดุ้ง “ตามผมมาสิ” เขาเอ่ยกับเธอก่อนจะเดินนำเข้าไปด้านใน พิมพ์พิศาเริ่มลังเลว่าจะตามเขาขึ้นไปดีไหม เธอเป็นผู้หญิงจะขึ้นห้องไปกับผู้ชายมันก็ดูไม่ดี “เร็วสิคุณ เดี๋ยวไปทำงานสายนะ เรามีเวลาไม่มาก” เขายกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู เร่งเร้าให้เธอเดินตามเขาไป พิมพ์พิศาจึงต้องรีบตามเขาขึ้นไปบนห้องพัก “เชิญครับ” เขาเปิดประตูห้องให้เธอ ก่อนจะผายมือให้เธอเข้าไปด้านในก่อน เธอยืนอึ้ง ๆ ทำตัวไม่ถูกอยู่หน้าประตู แต่ก็โดนเขาดันร่างเข้ามาภายในห้องโดยไม่ทันตั้งตัว เพียงแค่ประตูปิดลง เปรมก็กดร่างของเธอไปกับผนังห้อง ก่อนที่ริมฝีปากหนาจะบดจูบเข้าหาปากของเธออย่างเร่าร้อน “อื้อ... ท่านประธานทำอะไรคะ” พิมพ์พิศาดิ้นรน แต่มือหนาของเขากดมือเธอไปกับผนังห้องไม่ยอมปล่อย “ผมหิว” “หิวอะไรคะ อื้อ... พอก่อนค่ะ” ถามอีกก็ถูกจูบอีก จูบจนปากแทบช้ำ “หิว” เขาตอบสั้นน้ำเสียงอ้อยอิ่ง มองริมฝีปากจิ้มลิ้มของเธอไม่วาง สายตาของเธอนั้นทำให้ท้องไส้ของเธอปั่นป่วนยิ่งนัก “ท่านประธาน อย่าค่ะ” เธอเบี่ยงหลบเมื่อเขาทำท่าจะประทับจุมพิตลงมาอีกครั้ง “ทำไมเรียกพี่เสียห่างเหินแบบนั้นล่ะ” “คะ” พิมพ์พิศาหลุดอุทานออกมา มองเขาตาปริบ ๆ พลางกัดปากตัวเองด้วยความรู้สึกใจสั่นสะท้าน อย่าบอกนะว่าเขารู้ความจริงหมดแล้ว “อุตส่าห์นั่งรถไปตั้งไกล เหนื่อยไหม”

กลีบบัวแย้มสวาท

กลีบบัวแย้มสวาท

โรแมนติก

5.0

ตัวอย่างบางช่วงบางตอน “เดี๋ยวบ่าวไปเอาขมิ้นกับมะขามเปียกก่อนนะเจ้าคะ คุณบัวรออยู่ที่ท่าน้ำก่อนนะเจ้าคะ” “จ้ะพี่” กลีบบัวตอบรับ นั่งรออยู่ที่ท่าน้ำด้วยจิตใจเลื่อนลอย “พี่พุดซ้อนมาแล้วเหรอจ๊ะ อุ๊ย! พี่พฤกษ์” หล่อนร้องอุทานเมื่อหันไปก็เจอเข้ากับพฤกษ์ที่วางมือร้อนๆ อยู่ตรงไหล่บอบบางของหล่อน “จะอาบน้ำเหรอ” เขาเอ่ยถาม “ค่ะพี่พฤกษ์” คนพูดมีท่าทีเขินอาย เสียงสั่นสะท้าน ก้มงุดเพราะตัวเองอยู่ในสภาพอันล่อแหลมนัก “ตัวหอมอยู่แล้ว ไม่ต้องอาบก็ได้” เขากระซิบลงตรงริมหู ใช้ริมฝีปากดุนดันกลีบปากของหล่อนเบาๆ พอหล่อนเบี่ยงหลบเขาก็หอมแก้ม ขบเม้มติ่งหูสาวอย่างมีชั้นเชิง “อย่าเจ้าค่ะพี่พฤกษ์ เดี๋ยวบ่าวในเรือนมาเห็นเข้า” “ไม่มีใครมาเห็นหรอก ข้าสั่งไอ้เข้มเอาไว้แล้วว่าไม่ให้ใครเข้ามา” “ตรงนี้เป็นท่าน้ำนะเจ้าค่ะ มันไม่เหมาะสม” “ท่าน้ำแล้วทำไม” เขาปลดอาภรณ์ออกจากกาย ไม่ได้สนใจเสียงประท้วงของหล่อนอีก เขาอยากได้อะไรก็ต้องได้ และเวลานี้เขาต้องได้หล่อนให้สมใจอยาก

หนังสือที่คุณอาจชอบ

ข้าคือฮองเฮาที่ฮ่องเต้ไม่รัก

ข้าคือฮองเฮาที่ฮ่องเต้ไม่รัก

เด็กน้อยคว้าฝัน
4.8

เมื่อเพื่อนรักที่ไว้ใจแอบทรยศคบกับชายที่ตนรัก และชายที่ตนรักกลับรังเกียจตนจนไม่แม้แต่จะแตะต้องเนื้อตัวเธอ สิ่งที่เธอทำได้คือต่างคนต่างอยู่ แต่ในวังหลังแห่งนี้เธอจะทำอย่างนั้นได้จริงหรือ? ตัวอย่างเนื้อเรื่อง “เจ้ามีอันใดจะกล่าวหรือไม่... สนมหลี่กุ้ยเฟย” น้ำเสียงราบเรียบก่อนจะเน้นที่ละคำในประโยคท้ายอย่างหนักแน่น “ฮองเฮาแน่ใจแล้วหรือเพคะ ว่าจะให้หม่อมฉันทูลทุกอย่างต่อหน้าข้าราชบริพารเหล่านี้ หากมีข่าวแพร่ออกไปอีก ฮองเฮาทรงทนฟังคำนินทาเหล่านั้นได้หรือไม่” หลี่ฟางซินกล่าวพร้อมยิ้มอ่อนๆ หลี่ฟางซินย่อมรู้ดีว่าเย่วลี่อิงคงได้ยินคำนินทาเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนแล้วจึงได้พูดเน้นย้ำ หวังจะกระตุ้นให้นางลงมือทำร้ายตน “คำนินทาเรื่องใดกัน เรื่องที่เจ้าเป็นนางอสรพิษนะหรือ เหตุใดเราจะทนฟังไม่ได้เล่า” เย่วลี่อิงตรัสพร้อมยักไหล่อย่าไม่แยแส มีหรือเย่วลี่อิงจะดูไม่ออกว่า ข่าวลือที่แพร่ออกไปนั้นมาจากผู้ใด หากเป็นแต่ก่อนนางย่อมไม่คิดว่าเป็นสหายคนสนิทของนางเป็นแน่ แต่บัดนี้นางรู้แล้วว่าหญิงที่ยืนตรงหน้านางหาใช่สตรีอ่อนหวานแสนดีอย่างที่นางรู้จักไม่ “หม่อมฉันเป็นนางอสรพิษตั้งแต่เมื่อใดกันเพคะ หม่อมฉันและฝ่าบาทมีใจรักใคร่กันมาเนิ่นนาน หากไม่ใช่เพราะฮองเฮาใช้ความดีของท่านแม่ทัพทูลขอให้ฮ่องเต้องค์ก่อนพระราชทานงานแต่ง วันนี้ตำแหน่งฮองเฮาก็ไม่แน่ว่าจะเป็นของใคร” “เจ้านางแพศยา หากเจ้ามีใจให้ฝ่าบาท แล้วทำไมไม่บอกข้า ยังแสดงแกล้งเป็นแม่สื่อนำของที่ข้ามอบให้ฝ่าบาท ฝากผ่านพี่ชายเจ้าช่วยมอบของให้ฝ่าบาทแทนข้า” เย่วลี่อิงเริ่มพูดด้วยอารมณ์ขุ่นเคือง “ของอันใดกันเพคะ หม่อมฉันไม่เคยนำของ ของพระองค์มอบให้ฝ่าบาทเลยนะเพคะ ยิ่งให้พี่ชายช่วยส่งแทนให้ยิ่งมิเคย” น้ำเสียงเยาะเย้ยบวกกับรอยยิ้มยียวนของหลี่ฟางซินทำให้เย่วลี่อิงหัวเสียมากขึ้น “นี้เจ้าเอาของของเราไปทิ้งอย่างนั้นหรือ” “ฮองเฮาพูดถึงเรื่องอะไรเพคะ หม่อมฉันไม่เห็นรู้เรื่องเลย พระองค์อย่าได้ใส่ความหม่อมฉันสิเพคะ” “นี้เจ้า”

ข้ามกาลบันดาลใจ

ข้ามกาลบันดาลใจ

ซีไซต์
5.0

จันทร์วาดถูกดูดเข้าไปในหนังสือนิยาย เล่มหนึ่ง และได้พบกับคุณหลวงอัครเดชผู้หล่อเหลาและรักเธอสุดหัวใจ “คุณหลวง วาดรักคุณหลวง คุณหลวง” จันทร์วาดเตือนสติตนเองด้วยคำบอกรักเขา คุณหลวงเองบัดนี้ให้รู้สึกว่าคล้ายมีมือใหญ่กำลังฉีกร่างเขาออกเป็นชิ้น ๆ และเสียงหนึ่งยังอื้ออึงอยู่ในหู มันกำลังบังคับให้เขาปล่อยมือจากแม่จันทร์วาดเช่นกัน ถึงจะตายฉันก็จะตายในอ้อมอกแม่วาด ฉันไม่ยอมเป็นอันขาด ความทรมานนี้หากเป็นคนธรรมดาคงยากเกินจะรับไหว ทว่าความผูกพันของคุณหลวงกับแม่จันทร์วาดแสนจะลึกซึ้ง ไม่ว่าจะเจ็บปวดทรมานเหมือนตายทั้งเป็นเพียงใดคุณหลวงก็ไม่ยอมปล่อยร่างเล็กเด็ดขาด

ฉันนี่แหละเศรษฐี

ฉันนี่แหละเศรษฐี

Abelard Evans
5.0

ผมต้องทำงานนอกเวลาทุกวันเพื่อหารายได้ประคองชีวิตและจ่ายค่าเรียนมหาวิทยาลัยด้วยตัวเอง เนื่องจากฐานะครอบครัวยากจนและไม่สามารถส่งเสียผมเข้ามหาวิทยาลัยได้ และตอนเรียนที่มหาวิทยาลัย ผมก็ได้พบกับเธอ-สาวแสนสวยที่หนุ่มๆ ทุกคนในชั้นเรียนต่างก็ใฝ่ฝันถึง ไม่เว้นแม้แต่ผมเอง แต่ผมก็รู้ตัวดีว่าตัวเองไม่คู่ควรกับเธอ ถึงอย่างนั้นก็ตาม ผมก็รวบรวมความกล้าสารภาพกับเธอจนได้ สุดท้ายผมนึกไม่ถึงว่าเธอจะยอมตกลงเป็นแฟนกับผม เธอบอกกับผมว่าอยากได้ของขวัญเป็นไอโฟนรุ่นล่าสุด ผมก็ไปรับงานซักเสื้อผ้าให้เพื่อนร่วมชั้นเรียนเพื่อพยายามเก็บเงินซื้อให้เธอจนได้ และในที่สุดหนึ่งเดือนต่อมา ผมก็ซื้อมาได้จริง ๆ แต่ขณะที่ผมกำลังห่อของขวัญเพื่อนำไปมอบให้เธอ ก็พบว่าเธอกำลังมีอะไรกับหัวหน้าทีมฟุตบอลในห้องล็อกเกอร์ เธอเหมือนเปลี่ยนเป็นอีกคนหนึ่งซึ่งผมไม่เคยรู้จักเลย เธอหัวเราะเยาะความโง่เขลาของผม เหยียดหยามศักดิ์ศรีของผม ปล่อยให้เขาซึ่งตอนนี้ได้กลายเป็นแฟนใหม่ของเธอไปแล้ว ทุบตีผม ผมนอนเจ็บอยู่บนพื้นอย่างสิ้นหวัง ต่อมา จู่ ๆ ผมก็ได้รับโทรศัพท์จากพ่อ ตั้งแต่วันนั้น ชีวิตของผมก็ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างกับหนัามือเป็นหลังมือ ใครจะไปรู้ว่า ผมเป็นลูกชายของมหาเศรษฐี

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ