ความคิดเห็น
ชม
บท

บทที่ 1 .

“ว้าว~ รุ่นพี่คนนั้นหล่อจังเลยค่าาา” นี่เป็นเสียงวี๊ดว้ายของฉันเอง ฉันชื่อสโนว์ไวท์ เป็นเด็กนักเรียนมอปลายที่น่ารักใสๆ และไสยศาสตร์ ตอนนี้ฉันกำลังนั่งแซวรุ่นพี่ที่เตะบอลอยู่กลางสนามกีฬาของโรงเรียน

ฉันไม่ได้นั่งอยู่คนเดียว เพราะมีเพื่อนร่วมขบวนการที่เป็นตุ๊ดซี่ส์สองคนนั่งขนาบข้างซ้ายขวา พวกเธอทั้งสองมีชื่อว่า ไวโอกับลอเรียลเหตุผลที่มีชื่อนี้ก็เพราะว่าหล่อนทั้งสองติด ROV กันหนักมาก

ที่เล่นเกมนี้ไม่ใช่เพราะอยากจะตีป้อม แต่อยากตีไข่ผู้ชายมากกว่า ถ้าถามว่าฉันเล่นไหม?

เหอะ! แน่นอนว่าไม่พลาด

มีผู้ชายที่ไหน ที่นั่นต้องมีฉัน นี่คือคติประจำใจของพวกเรา

แต่เห็นแรดๆ แบบนี้ก็ใช่ว่าฉันจะยอมให้ผู้ชายจิ้มอะจึ๊กๆ ง่ายๆ นะ พวกเราแรดกันแบบพอเป็นพิธี พอหอมปากหอมคอ ไม่ใช่เห็นอะไรก็โยนเข้าปาก (?)

สำหรับชื่อที่แท้จริงก่อนดัดแปลงของตุ๊ดซี่ส์ทั้งสองนั้น ไวโอ มีนามเดิมว่า สมชาย ส่วนลอเรียลมีนามเดิมว่าสมศักดิ์ แค่ได้ยินชื่อนี้ก็สะพรึง!

ด้วยความร่างเป็นชายแต่ใจเป็นหญิง พวกเธอจึงตัดสินใจที่จะเปลี่ยนชื่อเรียกของตัวเองใหม่ ซึ่งสำหรับฉันก็คิดว่าควรเปลี่ยนจริงๆ นั่นแหละ เพราะขนาดเป็นเพื่อนกันฉันยังกลัวพวกหล่อนเลย

“พี่ขาเพื่อนหนูขอดมกางเกงในค่าาา”

“เฮ้ย!” พวกเราสามคนถึงกับอุทานกันออกมาดังลั่น เมื่ออยู่ๆ ก็มีตุ๊ดซี่ส์อีกแก็งตัดหน้า เหมือนกลุ่มนั้นจะมาเหนือกว่าฉันด้วย ต้องหน้าหนาขนาดไหนถึงพูดออกมาแบบนั้นได้ งง!

“เอาไง ยอมเหรอ” ฉันหันไปถามเพื่อนร่วมขบวนการสองคนที่นั่งอยู่ข้างๆ หล่อนทั้งสองกรอกตาไปมาจนแทบกระเด็นออกนอกเบ้า

“ควรยอมอ่ะ ครั้งนี้ไม่สู้” นี่เป็นเสียงโวโอ

“นึกภาพตามละขมคอ” และตามมาด้วยเสียงของลอเรียล เธอพูดพร้อมกับทำท่าทางพะอืดพะอม ไม่ต้องแปลกใจหรอก พอดีเธอเป็นนักจินตนาการอยู่แล้ว ก็เลยชอบคิดอะไรเกินเหตุ

“จะเย็นแล้วกลับบ้านกัน” ฉันเอื้อมมือไปคว้ากระเป๋าของตัวเองมาสะพายที่ไหล่ หลังจากมองดูนาฬิกาบนหน้าจอโทรศัพท์มือถือแล้ว

ขณะที่กำลังจะเดินไปหน้าโรงเรียนพวกเราทั้งสามคนก็ต้องเดินผ่านทางที่แก็งตุ๊ดซี่ส์อีกกลุ่มนั่งกันอยู่

บุคคลเหล่านั้นหันมามองพวกฉันด้วยสายตาจิกกัด อย่าคิดว่าฉันจะกลัว เมื่อเห็นแบบนั้นพวกเราทั้งสามก็พากันสะบัดหน้าเชิดๆ และเดินอกผายไหล่ผึ่งกันเต็มที่

ให้มันรู้ซะบ้างว่าแคทวอล์คนี้ใครครอง

“กลับบ้านกันดีๆ นะ ระวังโดนฉุด” ฉันโบกมือลาเพื่อนตุ๊ดซี่ส์ทั้งสองหน้าโรงเรียน เมื่อล่ำลากันเรียบร้อยฉันก็เดินไปขึ้นวินมอเตอร์ไซค์เพื่อกลับบ้านที่อยู่ไม่ไกลจากโรงเรียนเท่าไหร่

“ซิ่งเลยพี่ซิ่งเลย!” ฉันถกกระโปรงแล้วกระโดดขึ้นคร่อมมอเตอร์ไซค์

“เด็กแว้นบ่หนิ?” พี่คนขับเอี้ยวตัวหันมาถามอย่างสงสัย

“พี่มองยังไงเป็นเด็กแว้น หนูอ่ะเด็กเรียน”

“แม่นบ่น้อ” พี่เขาพูดเหมือนไม่เชื่อ ขณะยื่นหมวกกันน็อคให้ ฉันเอื้อมมือไปรับมาสวม เมื่อพี่เขาเห็นว่าทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้วพี่เขาก็พาฉันซิ่งจริงๆ

ฉันแค่พูดเพื่อเกรียนตามประสาแต่ก็ไม่คิดว่าพี่เขาจะทำ ถ้าไม่ถึงบ้านก็ต้องไปทัวร์นรกกันแล้วล่ะ

เอี๊ยด!!

“พี่จอดทำไมคะ” ฉันถามอย่างงงๆ เมื่ออยู่ๆ พี่เขาก็จอดอยู่ตรงหน้าเซเว่นด้านข้างโรงเรียน

“บ้านน้องอยู่ซอยไหน พี่ลืมถาม” พี่เขาหัวเราะออกมาแห้งๆ เออ ฉันเองก็ลืมบอก สมองปลาทองก็แบบนี้แหละ นี่ฉันว่าตัวเองนะ ไม่ได้ว่าพี่วินมอเตอร์ไซค์

“อยู่ซอย...” ฉันบอกซอยบ้านตัวเองละเอียดยิบ นี่ถ้าหยิบกระดาษออกมาจากกระเป๋าได้ฉันก็จะหยิบมาวาดแผนที่ให้พี่เขาด้วยเลย แต่...จะดูรู้เรื่องไหมนั่นก็อีกเรื่อง

พี่วินมอเตอร์ไซค์บิดแฮนด์รถอีกครั้งเพื่อให้รถขับเคลื่อน ใช้เวลาเพียงไม่นานก็ขับมาจอดที่หน้าบ้านของฉัน

ฉันกระโดดลงจากรถ แล้วถอดหมวกกันน็อคยื่นคืนให้พี่เขา พร้อมกับจ่ายเงิน

“รอแป๊บนะพี่ พึ่งแคะกระปุกไอ้เข้มา” ฉันล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากระโปรงแล้วหยิบเหรียญบาทออกมานับให้พี่เขา ฉันไม่มีกระปุกออมสินที่เป็นหมูหรอก มีแต่จระเข้ และคนที่ซื้อให้ก็ไม่ใช่ใครที่ไหนนอกจากพ่อ ท่านมักจะชอบซื้ออะไรแปลกๆ มาให้ฉันเสมอ อีกหน่อยก็คงจะซื้อตุ๊กแกมาให้ฉันเลี้ยง เพราะช่วงนี้ฉันดันบ่นๆ ออกไปว่าอยากเลี้ยงสัตว์

‘ธรรมดาโลกไม่จำ’ พ่อบอกฉันมาอย่างนี้

“แล้วตอนแคะไม่โดนมันกัดเหรอ”

อ่านต่อ

หนังสือที่คุณอาจชอบ

รับผมเป็นพ่อของลูกนะครับ[Mpreg]

รับผมเป็นพ่อของลูกนะครับ[Mpreg]

หนูแดง หนูแดงตัวน้อย
5.0

เมื่อมนุษย์เพศชายเกิดการวิวัฒนาการทางร่างกาย ผู้ชายกลุ่มหนึ่งจึงสามารถตั้งท้องได้ และเพราะความเมาชนิดหลุดโลกในคืนวันนั้น ‘นภัทร’ เดือนคณะสุดหล่อจึงตื่นขึ้นมาพร้อมกับความจริงว่าตัวเองจัดการรวบหัวรวบหางลากหลืบคณะอย่าง ‘สิงหา’ ไปมี one night stand เป็นที่เรียบร้อย เรื่องควรจะจบลงแค่นั้น แต่ไม่จบเมื่อชีวิตน้อยๆ ถือกำเนิดขึ้น นภัทรหายตัวไป กลับมาอีกครั้งพร้อมกับข่าวลือประหลาดๆ ก่อนสิงหาจะพบว่าต้นเหตุของข่าวลือคือเด็กหญิงตัวน้อยอย่าง ‘น้องณดา’ ที่สิงหาสงสัยเหลือเกินว่าจะเป็นลูกของเขา “ให้เรียกนายว่าพ่อไม่ได้หรอก น้องณดาไม่ได้ลูกของนาย” “งั้นเรียกป๊ะป๋าก็ได้” “ไม่ได้” “แด๊ดดี้” “นี่...พอเลย” “ดาดา” คำเรียกที่หลุดจากปากของเด็กหญิงตัวน้อยทำเอาคุณพ่อกำมะลอยิ้มหน้าบาน ปฏิบัติการทวงคืนความเป็นพ่อต้องมา ต่อให้นภัทรไม่ยอมรับ งั้นสิงหาก็ขอเข้าทางลูกสาวตัวจิ๋วก็แล้วกัน! รับผมเป็นพ่อของลูกเถอะนะครับ!

รสรักเสน่หา

รสรักเสน่หา

อัญญาณี
4.3

“ตูม” ร่างของอักษราที่ยังไม่ได้สติ แล้วยังจะถูกมัดมือมัดเท้าและปิดปาก ถูกโยนลงมาจากเรือด้วยมือของเจ้าของเกาะ ลูกน้องทั้งสามมองตากันไปมา อยากจะไปช่วยสาวน้อยผู้น่าสงสารใจจะขาด แต่ถ้าช่วยมีหวังพวกเขาต้องโดนบาทาของเจ้านายแน่นอน อักษรารู้สึกตัวเมื่อร่างกายกระแทกกับผืนน้ำ น้ำเค็มๆ ซึมผ่านเนื้อผ้าเข้ามาในปากและจมูกจนเธอเกิดอาการสำลัก เปลือกตาสาวเปิดขึ้นในเวลาต่อมาแต่ก็ต้องหลับลงอีกครั้ง เพราะน้ำทะเลเข้าไปในดวงตาของเธอจนเกิดความแสบ อักษรารีบทะลึ่งตัวขึ้นเหนือน้ำ โดยไม่รู้ว่าเวลานี้ตนเองตกอยู่ในสภาพอย่างไร “อื้อๆ อื้อๆ” ทันทีที่ขาทั้งสองข้างยืนอยู่บนทรายใต้น้ำ และรู้ว่าตัวเองถูกพันธนาการไว้ด้วยเชือกทั้งข้อมือและเท้า ปากก็เช่นกันหาได้มีอิสระถูกปิดทับด้วยผ้าผืนใหญ่ “อ๊าย!” ความที่ข้อเท้าเล็กถูกมัดด้วยเชือก ส่งผลให้เธอยืนได้ไม่ถนัดนัก เสียการทรงตัวจนร่างคะมำลงไปในผืนน้ำ แต่เธอก็พยายามยืนขึ้นอีกแต่สุดท้ายก็เป็นเหมือนเดิม อักษราจึงเลือกที่จะนั่งลงบนผืนทรายใต้น้ำที่มีความลึกประมาณครึ่งเมตร อักษรานั่งมองร่างสูงใหญ่ ผิวคล้ำน่าเกรงขาม ใบหน้าของเขามีหนวดเคราขึ้นเล็กน้อย ดวงตาคมกริบมองมายังเธอด้วยสายตาไม่เป็นมิตร เขากระโดดลงมาจากเรือเร็วก่อนจะเดินลุยน้ำทะเลมาหาเธอ “ไง ตื่นแล้วเหรอ นึกว่าจะตายเพราะยาสลบซะแล้ว” เสียงห้าวใหญ่พูดขึ้น ในขณะที่มาหยุดยืนเท้าเอวตรงหน้าเธอ อักษราเงยหน้ามองชายหน้าตาน่ากลัวที่จ้องหน้าเธอราวกับจะกินเลือดกินเนื้ออย่างหวาดกลัว ไม่เข้าใจว่าเขาทำเช่นนี้กับเธอทำไม จะถามก็ไม่ได้เพราะปากถูกปิดด้วยผ้าผืนใหญ่

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ