อุ่นไอรักตำหนักเหมยพันปี

อุ่นไอรักตำหนักเหมยพันปี

karita-01

5.0
ความคิดเห็น
5.8K
ชม
35
บท

ลั่วซินสมัครเข้าไปทำงานเป็นพ่อบ้านเพื่อหาเงินเลี้ยงดูเจเจ้และยาย หารู้ไม่ว่าเขาเพิ่งสมัครไปเป็นสามีบรรณาการของธิดาดอกเหมย ฉางอ้ายชุน ผู้อาศัยอยู่ในตำหนักที่ดอกเหมยไม่มีวันโรยรา สาวน้อยผู้พูดจาไม่รักษาน้ำใจแต่จริงใจยิ่งกว่าใคร แม้รอบตัวเธอจะเต็มไปด้วยความลับ แถมยังไม่มีอะไรน่ารักสักนิด แต่ลั่วซินก็ถูกเธอดึงดูดจนถอนตัวไม่ขึ้น

บทที่ 1 ตำหนักเหมยพันปี

ดอกเหมยที่เคยถูกทับถมใต้หิมะกำลังเบ่งบาน

กลิ่นของดอกเหมยชวนให้นึกถึงใครคนหนึ่ง เป็นบุคคลที่นางได้พบเมื่อนานมาแล้ว ความทรงจำที่มีต่อบุคคลผู้นี้อาบด้วยกลิ่นของฤดูใบไม้ผลิและกลิ่นดินปืน

“ข้าอยากพบท่าน”

ทว่าหมึกยังไม่ทันแห้ง กระดาษแผ่นนั้นก็ถูกขยำ กระดาษแผ่นใหม่ถูกหยิบมาวางแทนที่ และผู้เขียนเริ่มร้อยเรียงถ้อยคำใหม่ตั้งแต่ต้น

คำพูดแสดงถึงอารมณ์ความคิดถึงถูกตัดทอน กลายเป็นข้อความแห้งๆ เหมือนกับรายงาน

นางวางพู่กันลง รอจนหมึกแห้ง จากนั้นหยิบกระดาษแผ่นนั้นขึ้นและเดินออกไปนอกห้อง พับกระดาษเป็นรูปนกตัวเล็ก และเมื่อลมหอบหนึ่งพัดมา มันกลายเป็นปักษากระดาษสีขาว บินจากมือของนาง

ปักษากระดาษตัวนั้นโบยบินไปที่ใด แม้แต่นางยังไม่รู้ เพราะหลายปีที่ผ่านมา นางไม่เคยก้าวออกจากตำหนักเหมยพันปีเลยแม้แต่ก้าวเดียว

- - -

“ที่นี่...รึขอรับ?”

เด็กหนุ่มเงยหน้ามองทางเข้าตำหนัก จากตรงนี้สามารถเห็นต้นเหมยโบราณสูงตระหง่านอยู่ด้านใน ยังมีต้นเหมยเล็กๆ รายล้อม กลิ่นหอมราวกับภพสวรรค์ ชวนลุ่มหลง

แม้ยืนอยู่ข้างนอก เด็กหนุ่มรู้แล้วว่าภายในตำหนักต้องงดงามมาก เพียงแต่...

ตอนนี้เป็นช่วงกลางฤดูร้อน ฤดูที่ดอกเหมยควรโรยราไปแล้ว

ตอนแรกเขาคิดว่ามันแปลกที่เวลากลางฤดูร้อนแต่กลับถูกสั่งให้นำเสื้อผ้าสำหรับใส่ในฤดูใบไม้ผลิและฤดูหนาวมา ตอนนี้เขาได้คำตอบแล้ว

เขามองไปยังคนนำทางซึ่งเป็นชายชราหลังงองุ้ม ริ้วรอยเหี่ยวย่นบนใบหน้ายิ่งลึกล้ำเมื่อมองทางเข้าตำหนัก ชายชราเดินนำเข้าไปเงียบๆ

แม้ประตูจะเปิดอยู่ตลอด หากแต่น้อยคนนักที่เคยผ่านเข้าออกตำหนักเหมยพันปี เด็กหนุ่มรู้สึกราวกับตนเองกำลังก้าวเข้าไปอีกโลก

“ขอย้ำอีกครั้ง” ชายชรากล่าวด้วยเสียงแหบแห้ง “เจ้าทำตามที่นางบอก เว้นเพียงอย่างเดียว ห้ามให้นางออกจากตำหนักเด็ดขาด”

เด็กหนุ่มไม่เข้าใจว่าถ้าประตูเปิดตลอด เขาจะไปห้าม ‘นาง’ เดินอาดๆ ออกจากที่แห่งนี้ได้อย่างไร และที่ผ่านมาในช่วงที่ไม่มีใครคอยดูแลตำหนัก ผู้ใดเป็นคนห้ามนาง?

แต่เด็กหนุ่มไม่ถาม

“อยู่ที่นี่ให้สนุกเล่า เจ้าลูกครึ่ง”

“...ขอรับ”

เด็กหนุ่มหน้าบึ้ง ยืนนิ่งกลางทางเดินซึ่งนำเข้าสู่ตัวตึก อากาศเย็นฉ่ำของฤดูใบไม้ผลิอาบไล้ผิวกาย

“คำก็ลูกครึ่ง สองคำก็ลูกครึ่ง เฮ้อ...” เขาส่ายหน้า

แม้ด้านนอกเป็นฤดูร้อน แต่ในตำหนักยังเป็นฤดูใบไม้ผลิ แปลกประหลาดสมคำเล่าลือ

มองไปตรงหน้าก็เห็นอาภรณ์สีขาวชมพูปรากฏขึ้นจากด้านหลังต้นเหมยทางด้านขวา แขนเสื้อและผ้าพาดไหล่กรุยกราย ไม่ใช่ชุดแบบสากลอย่างที่เขาสวมใส่อยู่ตอนนี้

ผู้สวมใส่ชุดเป็นสตรีแรกรุ่นอายุราวสิบเจ็ดสิบแปด บนนิ้วมือเรียวสวยราวกับหน่อไม้ในฤดูใบไม้ผลิมีนกสีขาวตัวหนึ่งเกาะอยู่ ต้องเป็นนางที่ชายชราและคนอื่นๆ พูดถึงไม่ผิดแน่

ใบหน้างามผุดผาดราวเทพธิดาและดวงตากระจ่างดั่งน้ำค้างกลางหาวทำเขาตะลึง พูดอะไรไม่ออกเป็นเวลานานกว่าจะกล่าวคำทักทายได้

“อรุณสวัสดิ์ขอรับ ข้าน้อยแซ่ลั่วนามซิน เป็น—”

เด็กหนุ่มพูดไม่ทันจบประโยค สตรีนางนั้นปรายตามองเขาก่อนจะหมุนกายจากไป นกที่เกาะนิ้วบินข้ามรั้วหายไปจากสายตา

ผู้มาเยือนค่อยๆ เงยหน้าขึ้น ไม่ทราบว่าควรทำอย่างไรดี จึงเดินตามนางเข้าไปด้านใน

นางรับรู้ว่าลั่วซินเดินตามมา แต่จังหวะก้าวเดินของนางไม่เปลี่ยน เดินเลี้ยวเข้าไปในตำหนักและหยุดอยู่หน้าห้องหนึ่ง เป็นห้องที่สามารถมองเห็นสวนด้านหลังและอยู่ใกล้ห้องครัว

“เข้าไป” นางหันมาพูดกับเขาเป็นคำแรก พร้อมชี้นิ้วขาวไปยังประตูห้องที่เปิดอยู่ เสียงของนางหวานใสรื่นหู เป็นเสียงที่ทำให้ผู้คนลุ่มหลงได้ง่ายๆ

“ขอรับ” เด็กหนุ่มทำตาม แต่เมื่อกำลังโค้งตัวเดินผ่านหน้านาง จู่ๆ มือบางที่มีเรี่ยวแรงมหาศาลแบบไม่น่าเป็นไปได้ก็คว้าแขนเขาไว้

ดวงตาด้านชาฉายแววประหลาดใจ นางขบฟัน จ้องหน้าเขา ก่อนจะค่อยๆ ผ่อนลง

“...ไม่มีอะไร เข้าไปเสีย”

“ขะ ขอรับ...?”

เมื่อเดินเข้าไปในห้องแล้ว สตรีปริศนาปิดประตู ปล่อยเขาไว้ในห้องนั้นเพียงลำพัง เขายังประหลาดใจไม่หาย แขนเริ่มปวดตุบๆ เมื่อเลิกแขนเสื้อขึ้น เห็นว่ามีรอยแดงเป็นรูปนิ้วห้านิ้ว

“เอาเถอะ...” เด็กหนุ่มมองห้องที่ตนโดนปล่อยทิ้งไว้ เป็นห้องนอนธรรมดา มีเตียง โต๊ะ ตู้ อ่างกระเบื้อง และโถธุระเบา ผ้าปูเตียงและฟูกนอนสะอาด ไม่มีเสื้อผ้าหรือของใช้ส่วนตัว มุมหนึ่งใกล้เพดานมีกระดิ่งสองใบ

เขาวางห่อสัมภาระลงกับพื้น สรุปว่าที่นี่คงเป็นห้องของเขา

ลั่วซินจัดของเสร็จจึงออกมาข้างนอก

ในตำหนักมีห้องหับมากมาย เขาค่อยๆ ไล่เปิดทีละห้อง เจอห้องครัว ห้องอาบน้ำ ห้องเก็บเสบียงและของใช้อื่นๆ ห้องที่มีแต่ของจิปาถะกองไว้ระเกะระกะ และห้องว่างอีกมากมาย ในที่สุด เมื่อมาถึงห้องกว้าง เขาหยุดมือเพราะมีความรู้สึกว่าในนี้ต้องมีคนอยู่

เขาคิดถูกเมื่อประตูเปิดออก และสตรีชุดขาวชมพูผู้นั้นปรากฏกายออกมา

“...” นางมองเขาขึ้นๆ ลงๆ ก่อนจะปิดประตูใส่หน้า มีเพียงเสียงพูดลอดออกมาว่า “อยากทานอะไรก็ทาน ไม่ต้องทำเผื่อ พรุ่งนี้ค่อยมาหาข้า”

“ขอรับ... ขออภัยที่เสียมารยาทขอรับ” เขาโค้งตัวลง หน้าผากโหม่งประตูเต็มๆ แต่ในห้องยังไม่มีเสียงใด

ลั่วซินหัวใจเต้นตึกๆ คิดว่าตัวเองตาฝาดไปหรือเปล่า...

เพราะเขาเห็นว่าดวงตาของนางแดงและมีน้ำตาคลอหน่วย

นางจะร้องไห้เรื่องอะไร? เสียงเมื่อครู่ของนางก็ไม่มีการสั่นเครือ สงสัยจะมองผิดไปเอง

ลั่วซินใช้เวลาที่เหลือกับการสำรวจตำหนัก หุงข้าว ทำอาหารง่ายๆ อย่างผัดผักและเต้าหู้ทานเอง เขาพบอุปกรณ์ทำความสะอาด จึงออกไปกวาดดอกเหมยที่ร่วงหล่นอยู่ในสวน ระหว่างทำงานก็เห็นผู้อาศัยอีกคนหนึ่งปรากฏตัวจากห้องส่วนตัว ขณะจะก้มศีรษะทักทาย นางก็ปิดหน้าต่างใส่

“...”

ลั่วซินยักไหล่ทำงานต่อ

อ่านต่อ

หนังสืออื่นๆ ของ karita-01

ข้อมูลเพิ่มเติม

หนังสือที่คุณอาจชอบ

นางเอกสุดโหด

นางเอกสุดโหด

Ocean Blue
5.0

เธอเป็นหมอเก่งๆ ระดับสากล เป็นประธานของบริษัทใหญ่แห่งหนึ่ง ผู้บังคับบัญชาหารรับจ้างที่แข็งแกร่งที่สุด และผู้คลั่งไคล้เทคโนโลยีอันดับหนึ่ง... ไม่นานมานี้ เจี่ยนอู่ ผู้มีความสามารถแข็งแกร่งกลับปกปิดตัวตนของนางและแต่งงานกับชายหนุ่มยากจนคนหนึ่ง โดยไม่คาดคิดก่อนวันแต่งงาน คู่หมั้นของเธอกลายเป็นนายน้อยที่หายไปจากครอบครัวที่ร่ำรวย เขาไม่เพียงเสียใจกับการหมั้นหมายเท่านั้น แต่ยังปราบปรามและทำให้เธออับอายด้วยทุกวิถีทางอีกด้วย เมื่อความจริงถูกเปิดเผย อดีตคู่หมั้นของเธอตกตะลึง และขอร้องให้กลับมาคืนดีกัน ผู้คนใหญ่โตที่ร่ำรวยและน่านับถือคนหนึ่งยืนอยู่ต่อหน้าเจี่ยนอู่ "นี่คือภรรยาของผม ใครกล้าหวังกับเธอ"

หลินซือเยว่ผู้นี้ มีสามชะตาในคราเดียว

หลินซือเยว่ผู้นี้ มีสามชะตาในคราเดียว

มาชาวีร์
5.0

หลังผ่าตัดนักพรตเฒ่าผู้หนึ่งนั้น นางวูบหมดสติและเสียชีวิตลงไป ลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที ก็อยู่ในร่างของคุณหนูปัญญาอ่อนที่มีชื่อเดียวกันผู้นี้เสียแล้วทั้งยังจำอดีตชาติยามเป็นปรมาจารย์เต๋าได้อีกด้วย +++ 1 : ไล่ออกจากอารามไท่ผิงกวน แคว้นจิ้น ราชวงศ์เซวียน อารามไท่ผิงกวน “ไป ๆ อาจารย์ขับไล่พวกท่านออกจากอารามแล้ว อย่าได้มาเหยียบที่นี่อีก” “ศิษย์พี่รองรีบปิดประตูเร็วเข้า !” ตุบ ! ห่อผ้าสองห่อถูกโยนออกมาจากประตูอาราม ปัง ! ตามด้วยเสียงปิดประตูลงสลักอย่างหนาแน่น สตรีนางหนึ่งยืนตัวตรงเป็นสง่า เสื้อผ้ากับเส้นผมของนางปลิวไสวดั่งไผ่ลู่ลม หลินซือเยว่เงยหน้าขึ้นมองป้ายชื่ออารามไท่ผิงกวนด้วยสายตาเลื่อนลอย อาศัยอยู่ที่นี่มานานเท่าใดแล้วนะ บางครั้งนางเองก็ลืมเลือนวันเวลาไปเหมือนกัน “คุณหนูเจ้าคะ ศิษย์น้องทั้งสองของท่านทำเกินไปแล้วนะเจ้าคะ เหตุใดถึงไล่พวกเราสองคนออกจากอารามได้เล่า” เผิงฉือกระทืบเท้าเบา ๆ ตรงไปฉวยห่อผ้าทั้งสองบนพื้น ขึ้นมาคล้องแขนตัวเองไว้ “หากไม่ได้รับคำสั่งจากอาจารย์ ศิษย์น้องทั้งสองคงไม่กล้าขับไล่ข้าออกจากอารามหรอก” น้ำเสียงของนางสงบนิ่งฟังแล้วสบายหูยิ่งนัก หาได้มีความโกรธเกลียดแต่อย่างใด “นั่นรถม้า” นิ้วเรียวสวยชี้ไปยังรถม้าคันที่มีคนนั่งเฝ้าอยู่ “ป้าเผิงไปถามดูว่าใช่รถม้าของเราหรือไม่” เผิงฉือไม่รอช้ารีบตรงไปหาคนเฝ้ารถม้าที่อยู่ใต้ต้นไผ่ในทันที ไม่ช้านางก็กลับมาพร้อมกับรอยยิ้มนิด ๆ “เป็นรถม้าของเราจริง ๆ เจ้าคะคุณหนู คนขับบอกว่าเป็นคนของตระกูลหลินเจ้าค่ะ ได้รับคำสั่งจากท่านพ่อของคุณหนู ให้มารับคุณหนูกลับตระกูลหลินเพื่อไปแต่งงานเจ้าค่ะ” “กลับไปแต่งงานนี่เอง” นางเอ่ยเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่ หันหลังกลับไปทางประตูอาราม ประสานมือค้อมตัวคำนับลาอาจารย์ เผิงฉือเห็นเช่นนั้นก็อดที่จะคำนับตามนางไม่ได้ ภายในอารามไท่ผิงกวน “อาจารย์เหตุใดถึงไม่บอกลากับศิษย์พี่ใหญ่ไปตรง ๆ ล่ะ ทำเช่นนี้นางไม่โกรธท่านไปจนวันตายเลยรึ” เหอกุ้ยแม้มีอายุยี่สิบแปดปีแล้ว ทว่าเขากราบเป็นศิษย์เจ้าอาวาสชุนหวังเหล่ยหลังสตรีผู้นั้น จึงได้เป็นเพียงแค่ศิษย์พี่รองเท่านั้น “นั่นสิอาจารย์ ศิษย์พี่ใหญ่นางไม่เคยออกจากอารามไปไหนไกล ท่านทำเช่นนี้ไม่ใช่ขับไล่นางไปสู่ความตายหรอกรึ” จางเจียเฟิ่งเห็นด้วยกับศิษย์พี่รองของเขา “ให้มันน้อย ๆ หน่อยเจ้าศิษย์โง่ทั้งสอง พวกเจ้าคิดว่าอารามไท่ผิงกวนแห่งนี้ สามารถอยู่รอดมาได้เพราะใครกัน หากไม่ใช่เพราะฝีมือของศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้า เห็นนางเงียบ ๆ แบบนั้น ความคิดนางกว้างไกลยิ่งนัก อาจารย์อย่างข้ายังเทียบนางไม่ติดด้วยซ้ำไป” เจ้าอาวาสชุนปีนี้อายุอานามปาเข้าไปหกสิบห้าปีแล้ว ทว่าร่างกายยังแข็งแรง อารามเต๋าแห่งนี้มีวิถีแบบไม่เคร่งครัด ใช้ชีวิตเยี่ยงฆราวาสผู้หนึ่ง สามารถแต่งงานมีครอบครัวได้ “อาจารย์นางอยู่ในอารามวาดยันต์กันภัยให้ชาวบ้านที่มากราบไหว้ ตั้งโต๊ะรักษาโรคภัยให้ผู้คนในตัวอำเภอฝู แต่หนนี้นางต้องกลับบ้านไปเพื่อแต่งงาน นางบริสุทธิ์ถึงเพียงนั้นมิถูกสามีจับกลืนกินจนไม่เหลือกระดูกหรอกรึ” เหอกุ้ยนึกภาพเทพเซียนผู้สูงส่งอย่างหลินซือเยว่ หากต้องร่วมเตียงกับบุรุษหยาบกระด้าง เพียงเท่านั้นเขาก็ทำใจไม่ได้จริง ๆ แทบอยากจะไปแย่งตัวศิษย์พี่ใหญ่ของตัวเองกลับคืนมา “เลิกคร่ำครวญได้แล้ว กลับไปกวาดลานอารามกับตรวจดูน้ำมันตะเกียงให้เรียบร้อย ศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้าไม่อยู่ เจ้าทั้งสองต้องรีบร่ำเรียนศึกษาหาความรู้ อารามไท่ผิงกวนจะได้เจริญรุ่งเรืองในภายภาคหน้าต่อไปได้” เจ้าอาวาสชุนทำเสียงดังใส่ลูกศิษย์ทั้งสอง “ไป ๆ ข้าจะสวดมนต์” โบกมือไล่ทั้งคู่ให้ออกจากห้องสวดมนต์ไป เจ้าอาวาสชุนรีบลุกไปปิดประตูลั่นกลอน ท่าทางลุกลี้ลุกลนจนผิดปกติ ย่องเบา ๆ ไปที่ใต้เตียงนอน ดึงหีบไม้เก่าเก็บออกมา ครั้นกดสลักเปิดออก ก็พบตั๋วเงินจำนวนสามพันตำลึงอยู่ในนั้น ตระกูลหลินที่ไม่ได้บริจาคน้ำมันตะเกียงมาหลายปี จู่ ๆ ก็ส่งตั๋วเงินมาให้ พร้อมกับขอรับคนกลับไปเพื่อแต่งงาน ช่วงนี้ชาวบ้านมาทำบุญที่อารามน้อยลง หลินซือเยว่ก็ไม่รู้ว่าเกิดอันใดขึ้นกับนาง ถึงไม่ยอมลงจากอารามไปรักษาผู้คน รายได้เลยหายหดแทบจ่ายอาหารการกิน(สุรานารี)ไม่พอ ตั๋วเงินสามพันตำลึงนี่มาได้ทันเวลาพอดี ! แครก ๆ ๆ ๆ เสียงกวาดลานหน้าอารามดังขึ้นพร้อมกับเสียงบ่นของเหอกุ้ย “ข้ารู้ว่านางเก่งเอาตัวรอดได้ ข้าเพียงไม่อยากให้นางไปก็เท่านั้น” “ศิษย์พี่รองท่านอย่าได้เสียใจไปเลย ไม่ใช่ว่ามีแต่นางที่ต้องแต่งงานมีครอบครัว ท่านเองก็เถอะที่บ้านส่งคนมารับทุกปีไม่ใช่รึ” จางเจียเฟิ่งรู้ดีว่าตนและเหอกุ้ย ถูกครอบครัวลงโทษด้วยการส่งมาอยู่ยังอารามแห่งนี้ ทว่าเพียงชั่วคราวเท่านั้น “ตัวข้านั้นไม่เป็นไรหรอก เจ้านั่นแหละศิษย์น้องสาม ข้าได้ยินว่าที่บ้านของเจ้า เพิ่งหาคู่หมั้นหมายคนใหม่ให้เจ้าอีกคนแล้วไม่ใช่รึ” สองศิษย์พี่น้องหยุดกวาดลานอาราม แล้วหันหน้าไปมองตากัน จากนั้นพวกเขาก็ถอนหายใจดัง ๆ พร้อมกัน ไม่มีศิษย์พี่ใหญ่อยู่ด้วย นับจากนี้ไปยามทำความผิดใครจะออกหน้าคอยช่วยเหลือ ยามเงินหมดใครจะให้หยิบยืม ยิ่งคิดพวกเขาก็ยิ่งไม่สบายใจเป็นอย่างมาก บนถนนมุ่งหน้าสู่เมืองหลวง รถม้าไม้ธรรมดาไม่เล็กไม่ใหญ่ ไร้ป้ายชื่อตระกูลบอกกล่าว คล้ายไม่อยากให้ผู้อื่นล่วงรู้ว่าคนที่นั่งอยู่ด้านในเป็นใคร เผิงฉือพยายามหลอกถามคนขับรถม้าอยู่หลายหน ถึงสถานการณ์ของตระกูลหลินในยามนี้ นางไม่เคยไปที่นั่นมาก่อนไม่รู้จักใครสักคน คนขับรถม้าตอบว่า เขามีหน้าที่มารับคุณหนูรองกลับบ้านเท่านั้น เรื่องอื่นนั้นเขาไม่รู้จริง ๆ “ได้ถามหรือไม่ ใช้เวลากี่วันในการเดินทาง” หลินซือเยว่เอ่ยเสียงเนิบ ๆ “ถามแล้วเจ้าค่ะ เขาบอกว่าราว ๆ สิบวันก็ถึงเมืองหลวงแล้ว” “สิบวันเชียวรึ” หลินซือเยว่มองห่อผ้าที่วางอยู่ด้านข้าง มีเพียงของใช้จำเป็นของนางไม่กี่ชิ้น พร้อมกับก้อนเงินจำนวนห้าสิบตำลึง “คงต้องแวะซื้อของในอำเภอฝูเสียก่อน” เผิงฉือรีบเปิดม่านบอกกับคนขับรถม้า แต่เขากลับทำเสียงฮึดฮัดคล้ายไม่พอใจ “เสียเวลาเดินทางเปล่า ๆ” น้ำเสียงเขากระด้างกระเดื่อง

ลิขิตรักภรรยาตัวร้าย

ลิขิตรักภรรยาตัวร้าย

จิ้งจอกสะท้านหม้อไฟ
5.0

เว่ยจื้อโหยวลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งพบว่าตนอยู่ในยุคสมัยที่ไม่คุ้นเคยสิ่งรอบกายดูโบราณล้าหลัง โลกโบราณที่ไม่มีในประวัติศาสตร์โลก ยังไม่ทันได้เตรียมใจก็ถูกส่งให้ไปแต่งงานกับชายยากจนที่ท้ายหมู่บ้าน สาเหตุที่เว่ยจื้อโหย่วถูกส่งมาให้แต่งงานกับชายที่ขึ้นชื่อว่ายากจนที่สุดในหมู่บ้านนั้น เพราะนางเกิดไปต้องตาต้องใจเศรษฐีผู้มักมากในกามเข้า เพื่อหาทางหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกบ้านใหญ่ขายไปเป็นอนุภรรยาของเศรษฐีเฒ่า พ่อแม่ของนางจึงยอมแตกหักจากบ้านใหญ่และท่านย่าที่เห็นแก่ตัวและลำเอียงเป็นที่สุด ด้วยเหตุนี้พ่อแม่ของนางจึงตัดสินใจยกนางให้กับอวิ๋นเซียว ชายหนุ่มที่แสนยากจนข้นแค้น ที่เพิ่งเสียบิดามารดาไป อีกทั้งยังทิ้งน้องชายน้องสาวเอาไว้ให้เขาเลี้ยงดู นอกจากนี้ยังมีป้าสะใภ้มหาภัยที่คอยแต่จะมารังแกเอารัดเอาเปรียบสามพี่น้อง สิ่งที่ย่ำแย่ที่สุดไม่ใช่ป้าสะใภ้มหาภัย แต่ มันคืออะไรแต่งงานนางไม่ว่ายังไม่ทันได้เข้าหอสามีหมาดๆ ก็ถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารในสงครามระหว่างแคว้น มันไม่มีอะไรเลวร้ายไปมากว่านี้อีกแล้วสำหรับ เว่ยจื้อโหยว หากสามีทางนิตินัยของนางตายในสนามรบ ก็ไม่เท่ากับว่านางเป็นหม้ายสามีตายทั้งที่ยังบริสุทธิ์หรอกหรือ แถมยังต้องเลี้ยงดูน้องชายน้องสาวของอดีตสามีอีก สวรรค์เหตุใดถึงได้ส่งนางมาเกิดใหม่ในที่แบบนี้

เจ้าสาวจำยอม สามีเศรษฐีนอกสายตา

เจ้าสาวจำยอม สามีเศรษฐีนอกสายตา

Roana Javier
4.9

ชูจี้ถูกเก็บไปอุปการะตั้งแต่ยังเด็ก ซึ่งถือเป็นความฝันของเด็กกำพร้าทั่วไปอย่างชูจี้ แต่ชีวิตหลังจากนั้นมันไม่ได้มีความสุขดั่งที่ชูจี้คิดฝันไว้เลย เธอต้องอดทนถูกเย้ยหยันและการทำทารุณจากแม่บุญธรรมของเธอ แต่ก็ยังโชคดีที่เธอได้รับความเมตตาจากคนใช้สูงวัยคนหนึ่งในบ้านหลังนั้น ชึ่งเป็นคนคอยดูแลและเอาใส่เธอเหมือนแม่แท้ ๆ ของเธอ จนกระทั่งคนใช้จากไปด้วยอาการป่วย ชูจี้ก็ถูกบังคับให้แต่งกับผู้ชายที่ไม่เอาการเอางานแทนลูกสาวแท้ ๆ ของพ่อแม่บุญธรรมของเธอเพื่อชดใช้ค่ารักษาพยาบาลของคนใช้ เรื่องราวจะเป็นเช่นเดียวกับซินเดอเรลล่าหรือไม่? อย่างไรก็ตาม ชายที่เธอจะแต่งงานด้วยนั้นไม่เหมือนเจ้าชายเลยสักนิดนอกจากรูปร่างหน้าตาของเขาที่สามารถเทียบเท่ากับเจ้าชายได้เท่านั้นเอง ลู่เหยี่ยนเป็นลูกชายนอกสมรสของครอบเศรษฐีครอบครัวหนึ่ง เขาใช้ชีวิตไปวันๆ (พอลอดไปด้วยค่ะ)มาโดยตลอด ที่เขาตกลงแต่งกับชูจี้ก็เพราะอยากจะทำให้ความปรารถนาสุดท้ายของแม่ของเขาสมหวังเท่านั้น แต่ในคืนวันแต่งงาน เขากลับพบว่าเจ้าสาวคนนี้มีพฤติกรรมที่ผิดกับที่เคยได้ยินได้ฟังมา โชคชะตาจะบันดาลให้พวกเขาเป็นอย่างไร และลู่เหยี่ยนจะเป็นดั่งที่เราคิดหรือไม่ สิ่งที่น่าประหลาดใจคือลู่เหยี่ยนมีหลายอย่างที่คล้ายๆ กับมหาเศรษฐีที่ใหญ่ที่สุดในเมืองนี้อย่างพิลึก สุดท้ายแล้ว ลู่เหยี่ยนจะสามารถรู้ได้หรือไม่ว่าชูจี้ คือเจ้าสาวจำเป็นที่ต้องได้แต่งงานแทนพี่สาวของเธอ การแต่งงานของพวกเขาจะเป็นจุดเริ่มต้นเรื่องราวสุดโรแมนติกหรือวิบากกรรมของชีวิต โปรด ติดตามและค้นหาชีวิตและเรื่องราวของทั้งสองคนด้วยกันเถอะ

เธอคนนี้ ไม่ใช่สาวส้มหล่น

เธอคนนี้ ไม่ใช่สาวส้มหล่น

Livia
5.0

ตอนเด็กถูกทอดทิ้งให้โดดเดี่ยว แม่ถูกทำร้าย ฉือเนี่ยนสาบานว่าจะเอาทุกอย่างที่เป็นของตัวเองกลับคืนมา!ครั้งแรกที่กลับมาที่เมืองจิง เธอถูกมองว่าเป็นผู้หญิงที่ไร้การศึกษาและสำส่อนหลายคนบอกว่าลู่เหยียนสือต้องตาบอดแน่ๆ ถึงได้มาสนใจฉือเนี่ยนแต่มีแค่ลู่เหยียนสือเท่านั้นที่รู้ ว่าเธอที่เขารักและทะนุถนอมนั้นมากความสามารถ สามารถสร้างความวุ่นวายให้ทั้งเมืองจิงได้ด้วยตัวคนเดียวเธอคือหมอมือหนึ่ง เธอคือแฮ็กเกอร์มือทอง และยังเป็นนักปรุงน้ำหอมชั้นยอดที่ได้รับการยกย่องจากบุคคลสำคัญคนภายนอก: "คุณลู่ คุณจะเอาใจภรรยาจนไม่มีขอบเขตเลยเหรอ ทำไมแม้แต่ประชุมยังต้องอุ้มเธอไว้ด้วย!"ลู่เหยียนสือ "ต้องเอาใจภรรยาถึงจะรุ่งเรืองเฟื่องฟู"ต่อมาความลับของเธอถูกเปิดเผย ทำให้ผู้คนนับไม่ถ้วนหันมาชื่นชมและยกย่องเธอ...

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ
อุ่นไอรักตำหนักเหมยพันปี
1

บทที่ 1 ตำหนักเหมยพันปี

05/12/2022

2

บทที่ 2 จงถอดเสื้อเสีย

05/12/2022

3

บทที่ 3 คนต่างถิ่น

05/12/2022

4

บทที่ 4 ต้นเหมยศักดิ์สิทธิ์

05/12/2022

5

บทที่ 5 ความหวั่นไหว

05/12/2022

6

บทที่ 6 จดหมายที่อยากส่ง

05/12/2022

7

บทที่ 7 ผู้ที่มักถูกเข้าใจผิด

05/12/2022

8

บทที่ 8 ข้าไม่อยากเห็นท่านทำร้ายตัวเอง

05/12/2022

9

บทที่ 9 ตามหาท่านแม่ทัพ

05/12/2022

10

บทที่ 10 อดีตที่ผ่านเลย

05/12/2022

11

บทที่ 11 สามีเช่า

05/12/2022

12

บทที่ 12 ธิดาดอกเหมยติดนิยาย

08/12/2022

13

บทที่ 13 ชีวิตแต่งงาน

08/12/2022

14

บทที่ 14 นกกระดาษ

08/12/2022

15

บทที่ 15 ลูกอ้อนคนป่วย

08/12/2022

16

บทที่ 16 กลับไปเยี่ยมบ้าน

08/12/2022

17

บทที่ 17 เบาะแสสำคัญ

08/12/2022

18

บทที่ 18 ผู้เฝ้ามองตำหนัก

12/12/2022

19

บทที่ 19 เรื่องของสามีภรรยา

12/12/2022

20

บทที่ 20 เวลาน้ำชา

12/12/2022

21

บทที่ 21 ความสุขเล็กๆ

12/12/2022

22

บทที่ 22 งานเลี้ยงเพื่อท่าน

12/12/2022

23

บทที่ 23 เก๋งโบตั๋น

12/12/2022

24

บทที่ 24 บุคคลซับซ้อน

15/12/2022

25

บทที่ 25 ผู้บุกรุก

15/12/2022

26

บทที่ 26 แผนลักพาตัว

15/12/2022

27

บทที่ 27 ข้าจะไปหาท่าน

15/12/2022

28

บทที่ 28 เพลงกล่อมเด็ก

15/12/2022

29

บทที่ 29 ครอบครัวอบอุ่น

15/12/2022

30

บทที่ 30 ปิ่นปักผม

15/12/2022

31

บทที่ 31 ท่านเมาแล้ว

15/12/2022

32

บทที่ 32 จดหมายฉบับสุดท้าย

15/12/2022

33

บทที่ 33 ใต้แสงดาว

15/12/2022

34

บทที่ 34 รัก

15/12/2022

35

บทที่ 35 ฤดูกาลหมุนเวียน

15/12/2022