Login to MeghaBook
icon 0
icon เติมเงิน
rightIcon
icon ประวัติการอ่าน
rightIcon
icon ออกจากระบบ
rightIcon
icon ดาวน์โหลดแอป
rightIcon
อุ่นไอรักตำหนักเหมยพันปี

อุ่นไอรักตำหนักเหมยพันปี

karita-01

5.0
ความคิดเห็น
5.3K
ชม
35
บท

ลั่วซินสมัครเข้าไปทำงานเป็นพ่อบ้านเพื่อหาเงินเลี้ยงดูเจเจ้และยาย หารู้ไม่ว่าเขาเพิ่งสมัครไปเป็นสามีบรรณาการของธิดาดอกเหมย ฉางอ้ายชุน ผู้อาศัยอยู่ในตำหนักที่ดอกเหมยไม่มีวันโรยรา สาวน้อยผู้พูดจาไม่รักษาน้ำใจแต่จริงใจยิ่งกว่าใคร แม้รอบตัวเธอจะเต็มไปด้วยความลับ แถมยังไม่มีอะไรน่ารักสักนิด แต่ลั่วซินก็ถูกเธอดึงดูดจนถอนตัวไม่ขึ้น

บทที่ 1 ตำหนักเหมยพันปี

ดอกเหมยที่เคยถูกทับถมใต้หิมะกำลังเบ่งบาน

กลิ่นของดอกเหมยชวนให้นึกถึงใครคนหนึ่ง เป็นบุคคลที่นางได้พบเมื่อนานมาแล้ว ความทรงจำที่มีต่อบุคคลผู้นี้อาบด้วยกลิ่นของฤดูใบไม้ผลิและกลิ่นดินปืน

“ข้าอยากพบท่าน”

ทว่าหมึกยังไม่ทันแห้ง กระดาษแผ่นนั้นก็ถูกขยำ กระดาษแผ่นใหม่ถูกหยิบมาวางแทนที่ และผู้เขียนเริ่มร้อยเรียงถ้อยคำใหม่ตั้งแต่ต้น

คำพูดแสดงถึงอารมณ์ความคิดถึงถูกตัดทอน กลายเป็นข้อความแห้งๆ เหมือนกับรายงาน

นางวางพู่กันลง รอจนหมึกแห้ง จากนั้นหยิบกระดาษแผ่นนั้นขึ้นและเดินออกไปนอกห้อง พับกระดาษเป็นรูปนกตัวเล็ก และเมื่อลมหอบหนึ่งพัดมา มันกลายเป็นปักษากระดาษสีขาว บินจากมือของนาง

ปักษากระดาษตัวนั้นโบยบินไปที่ใด แม้แต่นางยังไม่รู้ เพราะหลายปีที่ผ่านมา นางไม่เคยก้าวออกจากตำหนักเหมยพันปีเลยแม้แต่ก้าวเดียว

- - -

“ที่นี่...รึขอรับ?”

เด็กหนุ่มเงยหน้ามองทางเข้าตำหนัก จากตรงนี้สามารถเห็นต้นเหมยโบราณสูงตระหง่านอยู่ด้านใน ยังมีต้นเหมยเล็กๆ รายล้อม กลิ่นหอมราวกับภพสวรรค์ ชวนลุ่มหลง

แม้ยืนอยู่ข้างนอก เด็กหนุ่มรู้แล้วว่าภายในตำหนักต้องงดงามมาก เพียงแต่...

ตอนนี้เป็นช่วงกลางฤดูร้อน ฤดูที่ดอกเหมยควรโรยราไปแล้ว

ตอนแรกเขาคิดว่ามันแปลกที่เวลากลางฤดูร้อนแต่กลับถูกสั่งให้นำเสื้อผ้าสำหรับใส่ในฤดูใบไม้ผลิและฤดูหนาวมา ตอนนี้เขาได้คำตอบแล้ว

เขามองไปยังคนนำทางซึ่งเป็นชายชราหลังงองุ้ม ริ้วรอยเหี่ยวย่นบนใบหน้ายิ่งลึกล้ำเมื่อมองทางเข้าตำหนัก ชายชราเดินนำเข้าไปเงียบๆ

แม้ประตูจะเปิดอยู่ตลอด หากแต่น้อยคนนักที่เคยผ่านเข้าออกตำหนักเหมยพันปี เด็กหนุ่มรู้สึกราวกับตนเองกำลังก้าวเข้าไปอีกโลก

“ขอย้ำอีกครั้ง” ชายชรากล่าวด้วยเสียงแหบแห้ง “เจ้าทำตามที่นางบอก เว้นเพียงอย่างเดียว ห้ามให้นางออกจากตำหนักเด็ดขาด”

เด็กหนุ่มไม่เข้าใจว่าถ้าประตูเปิดตลอด เขาจะไปห้าม ‘นาง’ เดินอาดๆ ออกจากที่แห่งนี้ได้อย่างไร และที่ผ่านมาในช่วงที่ไม่มีใครคอยดูแลตำหนัก ผู้ใดเป็นคนห้ามนาง?

แต่เด็กหนุ่มไม่ถาม

“อยู่ที่นี่ให้สนุกเล่า เจ้าลูกครึ่ง”

“...ขอรับ”

เด็กหนุ่มหน้าบึ้ง ยืนนิ่งกลางทางเดินซึ่งนำเข้าสู่ตัวตึก อากาศเย็นฉ่ำของฤดูใบไม้ผลิอาบไล้ผิวกาย

“คำก็ลูกครึ่ง สองคำก็ลูกครึ่ง เฮ้อ...” เขาส่ายหน้า

แม้ด้านนอกเป็นฤดูร้อน แต่ในตำหนักยังเป็นฤดูใบไม้ผลิ แปลกประหลาดสมคำเล่าลือ

มองไปตรงหน้าก็เห็นอาภรณ์สีขาวชมพูปรากฏขึ้นจากด้านหลังต้นเหมยทางด้านขวา แขนเสื้อและผ้าพาดไหล่กรุยกราย ไม่ใช่ชุดแบบสากลอย่างที่เขาสวมใส่อยู่ตอนนี้

ผู้สวมใส่ชุดเป็นสตรีแรกรุ่นอายุราวสิบเจ็ดสิบแปด บนนิ้วมือเรียวสวยราวกับหน่อไม้ในฤดูใบไม้ผลิมีนกสีขาวตัวหนึ่งเกาะอยู่ ต้องเป็นนางที่ชายชราและคนอื่นๆ พูดถึงไม่ผิดแน่

ใบหน้างามผุดผาดราวเทพธิดาและดวงตากระจ่างดั่งน้ำค้างกลางหาวทำเขาตะลึง พูดอะไรไม่ออกเป็นเวลานานกว่าจะกล่าวคำทักทายได้

“อรุณสวัสดิ์ขอรับ ข้าน้อยแซ่ลั่วนามซิน เป็น—”

เด็กหนุ่มพูดไม่ทันจบประโยค สตรีนางนั้นปรายตามองเขาก่อนจะหมุนกายจากไป นกที่เกาะนิ้วบินข้ามรั้วหายไปจากสายตา

ผู้มาเยือนค่อยๆ เงยหน้าขึ้น ไม่ทราบว่าควรทำอย่างไรดี จึงเดินตามนางเข้าไปด้านใน

นางรับรู้ว่าลั่วซินเดินตามมา แต่จังหวะก้าวเดินของนางไม่เปลี่ยน เดินเลี้ยวเข้าไปในตำหนักและหยุดอยู่หน้าห้องหนึ่ง เป็นห้องที่สามารถมองเห็นสวนด้านหลังและอยู่ใกล้ห้องครัว

“เข้าไป” นางหันมาพูดกับเขาเป็นคำแรก พร้อมชี้นิ้วขาวไปยังประตูห้องที่เปิดอยู่ เสียงของนางหวานใสรื่นหู เป็นเสียงที่ทำให้ผู้คนลุ่มหลงได้ง่ายๆ

“ขอรับ” เด็กหนุ่มทำตาม แต่เมื่อกำลังโค้งตัวเดินผ่านหน้านาง จู่ๆ มือบางที่มีเรี่ยวแรงมหาศาลแบบไม่น่าเป็นไปได้ก็คว้าแขนเขาไว้

ดวงตาด้านชาฉายแววประหลาดใจ นางขบฟัน จ้องหน้าเขา ก่อนจะค่อยๆ ผ่อนลง

“...ไม่มีอะไร เข้าไปเสีย”

“ขะ ขอรับ...?”

เมื่อเดินเข้าไปในห้องแล้ว สตรีปริศนาปิดประตู ปล่อยเขาไว้ในห้องนั้นเพียงลำพัง เขายังประหลาดใจไม่หาย แขนเริ่มปวดตุบๆ เมื่อเลิกแขนเสื้อขึ้น เห็นว่ามีรอยแดงเป็นรูปนิ้วห้านิ้ว

“เอาเถอะ...” เด็กหนุ่มมองห้องที่ตนโดนปล่อยทิ้งไว้ เป็นห้องนอนธรรมดา มีเตียง โต๊ะ ตู้ อ่างกระเบื้อง และโถธุระเบา ผ้าปูเตียงและฟูกนอนสะอาด ไม่มีเสื้อผ้าหรือของใช้ส่วนตัว มุมหนึ่งใกล้เพดานมีกระดิ่งสองใบ

เขาวางห่อสัมภาระลงกับพื้น สรุปว่าที่นี่คงเป็นห้องของเขา

ลั่วซินจัดของเสร็จจึงออกมาข้างนอก

ในตำหนักมีห้องหับมากมาย เขาค่อยๆ ไล่เปิดทีละห้อง เจอห้องครัว ห้องอาบน้ำ ห้องเก็บเสบียงและของใช้อื่นๆ ห้องที่มีแต่ของจิปาถะกองไว้ระเกะระกะ และห้องว่างอีกมากมาย ในที่สุด เมื่อมาถึงห้องกว้าง เขาหยุดมือเพราะมีความรู้สึกว่าในนี้ต้องมีคนอยู่

เขาคิดถูกเมื่อประตูเปิดออก และสตรีชุดขาวชมพูผู้นั้นปรากฏกายออกมา

“...” นางมองเขาขึ้นๆ ลงๆ ก่อนจะปิดประตูใส่หน้า มีเพียงเสียงพูดลอดออกมาว่า “อยากทานอะไรก็ทาน ไม่ต้องทำเผื่อ พรุ่งนี้ค่อยมาหาข้า”

“ขอรับ... ขออภัยที่เสียมารยาทขอรับ” เขาโค้งตัวลง หน้าผากโหม่งประตูเต็มๆ แต่ในห้องยังไม่มีเสียงใด

ลั่วซินหัวใจเต้นตึกๆ คิดว่าตัวเองตาฝาดไปหรือเปล่า...

เพราะเขาเห็นว่าดวงตาของนางแดงและมีน้ำตาคลอหน่วย

นางจะร้องไห้เรื่องอะไร? เสียงเมื่อครู่ของนางก็ไม่มีการสั่นเครือ สงสัยจะมองผิดไปเอง

ลั่วซินใช้เวลาที่เหลือกับการสำรวจตำหนัก หุงข้าว ทำอาหารง่ายๆ อย่างผัดผักและเต้าหู้ทานเอง เขาพบอุปกรณ์ทำความสะอาด จึงออกไปกวาดดอกเหมยที่ร่วงหล่นอยู่ในสวน ระหว่างทำงานก็เห็นผู้อาศัยอีกคนหนึ่งปรากฏตัวจากห้องส่วนตัว ขณะจะก้มศีรษะทักทาย นางก็ปิดหน้าต่างใส่

“...”

ลั่วซินยักไหล่ทำงานต่อ

อ่านต่อ

หนังสืออื่นๆ ของ karita-01

ข้อมูลเพิ่มเติม

หนังสือที่คุณอาจชอบ

เจ้าสาวจำยอม สามีเศรษฐีนอกสายตา

เจ้าสาวจำยอม สามีเศรษฐีนอกสายตา

โรแมนติก

4.9

ชูจี้ถูกเก็บไปอุปการะตั้งแต่ยังเด็ก ซึ่งถือเป็นความฝันของเด็กกำพร้าทั่วไปอย่างชูจี้ แต่ชีวิตหลังจากนั้นมันไม่ได้มีความสุขดั่งที่ชูจี้คิดฝันไว้เลย เธอต้องอดทนถูกเย้ยหยันและการทำทารุณจากแม่บุญธรรมของเธอ แต่ก็ยังโชคดีที่เธอได้รับความเมตตาจากคนใช้สูงวัยคนหนึ่งในบ้านหลังนั้น ชึ่งเป็นคนคอยดูแลและเอาใส่เธอเหมือนแม่แท้ ๆ ของเธอ จนกระทั่งคนใช้จากไปด้วยอาการป่วย ชูจี้ก็ถูกบังคับให้แต่งกับผู้ชายที่ไม่เอาการเอางานแทนลูกสาวแท้ ๆ ของพ่อแม่บุญธรรมของเธอเพื่อชดใช้ค่ารักษาพยาบาลของคนใช้ เรื่องราวจะเป็นเช่นเดียวกับซินเดอเรลล่าหรือไม่? อย่างไรก็ตาม ชายที่เธอจะแต่งงานด้วยนั้นไม่เหมือนเจ้าชายเลยสักนิดนอกจากรูปร่างหน้าตาของเขาที่สามารถเทียบเท่ากับเจ้าชายได้เท่านั้นเอง ลู่เหยี่ยนเป็นลูกชายนอกสมรสของครอบเศรษฐีครอบครัวหนึ่ง เขาใช้ชีวิตไปวันๆ (พอลอดไปด้วยค่ะ)มาโดยตลอด ที่เขาตกลงแต่งกับชูจี้ก็เพราะอยากจะทำให้ความปรารถนาสุดท้ายของแม่ของเขาสมหวังเท่านั้น แต่ในคืนวันแต่งงาน เขากลับพบว่าเจ้าสาวคนนี้มีพฤติกรรมที่ผิดกับที่เคยได้ยินได้ฟังมา โชคชะตาจะบันดาลให้พวกเขาเป็นอย่างไร และลู่เหยี่ยนจะเป็นดั่งที่เราคิดหรือไม่ สิ่งที่น่าประหลาดใจคือลู่เหยี่ยนมีหลายอย่างที่คล้ายๆ กับมหาเศรษฐีที่ใหญ่ที่สุดในเมืองนี้อย่างพิลึก สุดท้ายแล้ว ลู่เหยี่ยนจะสามารถรู้ได้หรือไม่ว่าชูจี้ คือเจ้าสาวจำเป็นที่ต้องได้แต่งงานแทนพี่สาวของเธอ การแต่งงานของพวกเขาจะเป็นจุดเริ่มต้นเรื่องราวสุดโรแมนติกหรือวิบากกรรมของชีวิต โปรด ติดตามและค้นหาชีวิตและเรื่องราวของทั้งสองคนด้วยกันเถอะ

นางบำเรออุ้มรัก

นางบำเรออุ้มรัก

มหาเศรษฐี

5.0

ณัฐรวีเป็นได้เพียงนางบำเรอไร้ราคา เปรียบดังผืนหญ้าให้เมฆาย่ำยียิ่งกว่าทาสในเรือนเบี้ย ทุกการกระทำของเขาอัดแน่นไปด้วยความแค้นที่แฝงความรักไม่รู้ตัว ในวันที่หล่อนจากไป หล่อนไปแต่ตัวและลูกน้อยในครรภ์ ............ แควก...แควก “กรี๊ด! อย่าค่ะ อย่าทำรวีแบบนี้...ฮือ” เสียงเสื้อผ้าฉีกขาดดังขึ้น ตามด้วยเสียงกรีดร้อง อ้อนวอนของณัฐรวี ทว่าคนกระทำหาได้ฟังเสียงหล่อน เขายังคงออกแรงฉีกเสื้อผ้าจนขาดติดมือมาอีกหลายครั้ง ทั้งเนื้อทั้งตัวหล่อนเหลือเพียงชุดชั้นในท่อนบนและท่อนล่าง “รวีกลัวแล้ว ต่อไปรวีจะไม่ใส่ชุดนี้อีก...ฮือ...พี่เมฆอย่าทำอะไรรวีเลยนะคะ” กระแสเสียงสั่นเครือ เจ้าของประโยคคำพูดน้ำตาไหลอาบแก้ม ยกมือไหว้ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ตรงหน้าด้วยท่าทางหวาดกลัว “เธอไม่มีสิทธิ์ใส่ชุดนี้ ชุดนี้ฉันซื้อให้แก้วตา ไม่ได้ซื้อให้เธอใส่” เสียงเขาเดือดดาล ก่อนกระชากแขนเรียวเล็กสุดแรง ร่างณัฐรวีลอยขึ้นตามแรงฉุด “อย่าเอาตัวเธอไปเทียบกับแก้วตา เธอมันก็แค่เศษดินเศษหญ้าที่รองมือรองเท้าฉัน เป็นได้แค่นางบำเรอ แต่แก้วตาคือว่าที่เมียฉัน จำใส่หัวไว้” พูดจบ ณัฐรวีรับรู้ถึงแรงเหวี่ยง เสี้ยววินาทีต่อมา ร่างงามกระทบกับที่นอนเต็มแรง หล่อนเจ็บไปทั้งตัว แต่นี่มันเป็นแค่ความเจ็บปวดเริ่มต้น ความปวดร้าวระบมร่างกายและจิตใจกำลังตามมาชุดใหญ่ เป็นความเจ็บปวดที่ไม่เคยชาชินสักครั้ง

ทะลุมิติมาเป็นภรรยาตัวน้อยของสามีพิการ

ทะลุมิติมาเป็นภรรยาตัวน้อยของสามีพิการ

ประวัติศาสตร์

4.8

เจ้าของร่างเดิมถูกท่านย่าตัวเอง ขายให้ชายพิการด้วยเงินเพียงห้าตำลึง จึงคิดสั้นไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทำให้วิญญาณของเซี่ยซือซือทะลุมิติมาเข้าร่างแทน ชีวิตในโลกนี้บิดามารดาล้วนตายไปแล้ว เหลือเพียงน้องสาวกับน้องชายร่างกายผอมแห้งหิวโซสองคน เธอต้องช่วยพวกเขาให้รอด ก่อนจะถูกคนชั่วพวกนี้ขายทิ้งไปแบบเธอ 1 : ทะลุมิติ แคว้นจ้าว หมู่บ้านตระกูลแซ่อวี่ ภายในบ้านสกุลเซี่ย “ท่านพี่รีบกินเร็วเข้า” เสียงเด็กเล็กดังก้องอยู่ข้างหูอย่างน่ารำคาญ ว่าแต่ฉันมีน้องชายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน รู้สึกได้ถึงอะไรแข็ง ๆ มาแตะที่ริมฝีปาก ทว่ายังลืมตาไม่ขึ้น “ท่านพี่กินสิ ๆ” เซี่ยซือซือรู้สึกหนักอึ้งไปทั้งศีรษะ พยายามที่จะเปิดดวงตาขึ้นมอง เจ้าของเสียงเล็ก ๆ ด้านข้าง “ท่านพี่ ๆ ท่านพี่อย่าตายนะ ลืมตาสิท่านพี่” “นังตัวดีออกมาเดี๋ยวนี้นะ !” เสียงเอะอะโวยวายดังหนวกหูเซี่ยซือซือเป็นอย่างมาก ปัง ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นเรื่อย ๆ เซี่ยซือซือลืมตาขึ้นจนได้ พลันสมองกลับมีเรื่องราวพรั่งพรูเข้ามาไม่ขาดสาย จนต้องกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด อ๊าก ! “พี่รอง !” เด็กน้อยเซี่ยซือหยางในวัยสามหนาวเรียกพี่สาวพร้อมเบะปากอยากร้องไห้ “ท่านพี่ !” เซี่ยซานซานทิ้งบานประตูที่ตัวเองดันไว้ หันกลับมาดูพี่สาวด้วยความตกใจ “ท่านพี่ ๆ ท่านเป็นอะไร อย่าทำให้พวกข้าตกใจสิท่านพี่ !” ผลัวะ ! มีคนถีบประตูบานเก่าผุพังเข้ามาภายในห้อง เด็กทั้งสองรีบเข้าไปขวางผู้บุกรุกไม่ให้ทำร้ายพี่สาว แม่เฒ่าเซี่ย เซี่ยจิ่วเม่ย หน้าตาแลดูดุร้าย ไม่ใช่หญิงชราใจดีแต่อย่างใด ด้านหลังของแม่เฒ่าเซี่ยยังมีลูกสะใภ้บ้านใหญ่ กับบ้านรองเดินตามมา ท่าทางดุดันเอาเรื่อง “ไอ้พวกบ้านสามตัวดี กล้าลักขโมยอาหารเอาไว้กินเอง ยังเห็นแม่เฒ่าอย่างข้าอยู่ในสายตาหรือไม่ ไอ้พวกหมาป่าตาขาว ดูซิวันนี้ข้าจะจัดการพวกเจ้าอย่างไร” “ท่านย่าพวกข้าไม่ได้ขโมยนะ นี่เป็นหมั่นโถวของท่านพี่ ท่านพี่ไม่สบายข้าแค่เก็บไว้ให้ท่านพี่เท่านั้นเอง” เซี่ยซานซานยังเป็นเด็กหญิงวัยสิบหนาว แต่นางข่มความกลัวตอบโต้ผู้ใหญ่ในบ้านออกไป “หึ กฎบ้านก็มีบอกอยู่แล้วถ้าพลาดมื้ออาหารไปก็คืออด แต่พวกเจ้ากลับแหกกฎ แอบยักยอกอาหารเก็บไว้กินเอง ยังมีหน้ามาเถียงท่านแม่อีก ท่านแม่ท่านต้องลงโทษคนบ้านสามนะเจ้าคะ ไม่เช่นนั้นข้าไม่ยอมจริง ๆ ด้วย ตอนนั้นยวี่เฟยของข้านางได้พลาดมื้อเย็นไป ท่านก็ไม่ให้นางกินนะเจ้าคะ” สะใภ้บ้านรองนามว่าจงอี้ซิน ย้อนรำลึกถึงเรื่องลูกสาววัยแปดปีของตัวเองขึ้นมา “ดูเจ้าเด็กพวกนี้สิท่านแม่ กางแขนปกป้องพี่สาวตัวเอง ช่างน่าสมเพชไม่รู้จักสำเหนียกกำลังตัวเอง ถุย !” หลินพ่านเอ๋อสะใภ้บ้านใหญ่มองดูเด็กทั้งสองพร้อมถ่มน้ำลายใส่ตรงหน้า แม่เฒ่าเซี่ยมองลูกสะใภ้ทั้งสองสลับกันไปมา เดินตรงไปกระชากหมั่นโถวเย็นชืดแถมแข็งปานหิน ออกจากมือของเซี่ยซือหยาง “แง ๆ ๆ” เด็กน้อยถูกแย่งของกินของพี่สาวไป ถึงกับแผดเสียงร้องลั่น “เจ้าคนชั่ว ! เอามานะ ของท่านพี่ข้า” กำปั้นน้อย ๆ ทุบไปยังต้นขาของแม่เฒ่เซี่ย “เจ้าเด็กเนรคุณกล้าตีข้ารึ นี่นะ !” แม่เฒ่าเซี่ยเตะทีเดียวเซี่ยซือหยางก็กระเด็นไปติดกับผนังห้อง “น้องเล็ก !” เซี่ยซานซานรีบวิ่งไปอุ้มน้องชายขึ้นมากอดไว้ด้วยความตกใจ “ท่านย่า น้องเล็กยังเด็กไม่รู้ความ เหตุใดท่านถึงได้ใจร้ายเช่นนี้” “แง ๆ ๆ” เสียงร้องไห้ของเด็กน้อยฟังแล้วน่าสงสารจับใจ ดวงตาที่ปิดไว้ก่อนหน้าของเซี่ยซือซือ ลืมขึ้นหลังจากค้นพบว่า ตัวเองได้ทะลุมิติมายังอดีตอันไกลโพ้นแล้วจริง ๆ หลังจากหลับตาลืมตาอยู่หลายหน เรียบเรียงความคิดที่ไหลเข้ามาไม่ยอมหยุด เมื่อค่อย ๆ จัดการกับมันได้ ความเจ็บปวดที่ศีรษะก่อนหน้าจึงบางเบาลง และมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างเฉยชา ครบสูตรของการทะลุมิติจริง ๆ มีท่านย่าผู้ชั่วร้าย ขนาบข้างด้วยป้าสะใภ้เลวทั้งสอง ครั้นหันไปมองน้องสาวในวัยสิบขวบของตัวเองกับน้องชายตัวน้อย ทั้งตัวดำเมี่ยมเหมือนไม่ได้อาบน้ำมาเป็นเดือน ร่างกายผอมแห้งเหลือแต่กระดูก เสื้อผ้าเก่าขาดมีรอยปะชุนเต็มไปหมด เส้นผมแห้งกรังเหมือนไม่ผ่านน้ำมานาน ยกมือของตัวเองขึ้นมาดู ไม่ได้มีสภาพต่างกันแม้แต่น้อย ครั้นเงยหน้ามองป้าสะใภ้ใหญ่ร่างกายอวบอ้วนเต็มไปด้วยก้อนไขมัน ป้าสะใภ้รองแม้ไม่ได้อ้วนแต่ก็ไม่ได้ผอม ยิ่งแม่เฒ่าเซี่ยด้วยแล้ว ร่างกายบึกบึนเหมือนคนกินดูอยู่ดีมาตลอด “ท่านแม่ดูอาซือมองท่านสิเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่เห็นสายตาเย็นเยียบของคนที่นอนอยู่บนเตียงก็อดแปลกใจไม่ได้ ดูเยือกเย็นจนไม่น่าไว้ใจ “เจ้าอย่าคิดว่ากระโดดน้ำตายแล้วทุกอย่างจะจบนะอาซือ ข้ารับเงินคนบ้านถานมาแล้ว ถ้าเจ้าตายข้าจะให้อาซานไปแทนเจ้า” คำพูดของแม่เฒ่าเซี่ยทำให้ดวงตาของเซี่ยซือซือเบิกกว้าง ท่านย่าของนางขายนางให้คนบ้านถานในราคาแค่ห้าตำลึง เจ้าของร่างเดิมไม่อยากไปเป็นเมียคนพิการ เลยไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทว่าเธอที่มาจากยุคปัจจุบันกลับเข้ามาแทนที่เจ้าของร่างนี้ เจ้าของร่างเดิมว่ายน้ำไม่เป็น จึงได้ขาดอากาศตายใต้น้ำ แต่เธอที่เข้ามาสวมร่างกลับพาร่างนี้ขึ้นมาจากน้ำได้ โชคชะตาคงเล่นตลกให้เธอกับเจ้าของร่างเดิมมีชื่อเดียวกัน “ท่านย่าอาซานยังเด็กนัก ท่านอย่าได้ทำเช่นนั้นเลย” นานมากกว่าที่นางจะเอ่ยออกมา “มันอยู่ที่เจ้าอาซือ ข้าขอเตือนเอาไว้ อีกสองวันคนบ้านถานจะมารับตัวเจ้าแล้ว อย่าให้เกิดเรื่องขึ้น ไม่อย่างนั้นข้าจะส่งอาซานไปแทนเจ้า แล้วขายซือหยางทิ้งเสีย” แม่เฒ่าเซี่ยจ้องหน้าเซี่ยซือซือแบบอาฆาต เด็กนี่ก่อนหน้าดูอ่อนแอไร้ทางสู้ ทำไมวันนี้ถึงได้ดูแปลกตาไปนัก “ท่านแม่เจ้าคะ ท่านจะลงโทษคนบ้านสามเรื่องหมั่นโถวนี่อย่างไรเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่ยังไม่ยอมปล่อยสามพี่น้องไปง่าย ๆ “พรุ่งนี้งดอาหารบ้านสาม” แม่เฒ่าเซี่ยเอ่ยแล้วหันหลังเดินออกจากห้องของเด็กน้อยทั้งสามไป โดยมีสะใภ้ใหญ่เดินตามไปด้วย “พวกเจ้าได้ยินแล้วใช่ไหม จำใส่หัวเอาไว้ดี ๆ ด้วยล่ะ” สะใภ้รองหมุนตัวตามหลังไปติด ๆ “ท่านพี่ต่อไปท่านอย่าทำเช่นนี้อีกนะเจ้าคะ ข้ากับน้องเล็กจะทำอย่างไร ถ้าท่านไม่อยู่” เซี่ยซานซานปล่อยเสียงร้องไห้ในทันที

คุณหนูปกปิดตัวตนไม่ได้แล้ว

คุณหนูปกปิดตัวตนไม่ได้แล้ว

โรแมนติก

5.0

เมื่อตอนเด็ก หลินอวี่เคยช่วยชีวิตเหยาซีเยว่ที่กำลังจะตาย ต่อมา หลินอวี่กลายเป็นพืชหลังจากประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ เธอแต่งงานเข้าตระกูลหลินโดยไม่ลังเลใจและใช้ทักษะทางการแพทย์ของเธอเพื่อรักษาหลินอวี่ สองปีของการแต่งงานและการดูแลอย่างสุดหัวใจของเธอเพียงเพื่อตอบแทนบุญคุณ และเพื่อที่เขาจะให้ความสำคัญกับตัวเองบ้าง แต่ความพยายามทั้งหมดของเธอกลับไร้ประโยชน์เมื่อคนในใจของหลินอวี่กลับมาประเทศ เมื่อหลินอวี่โยนข้อตกลงการหย่ามาใส่เธออย่างไร้ความปราณี เธอก็รีบเซ็นชื่อทันที ทุกคนหัวเราะเยาะเธอที่เป็นผู้หญิงที่ถูกครอบครัวใหญ่ทอดทิ้ง แต่ใครจะไปรู้ว่า เธอคือ Moon นักแข่งรถที่ไม่มีใครเทียบได้บนสนามแข่งรถ เป็นนักออกแบบแฟชั่นที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติ เป็นอัจฉริยะของแฮ็กเกอร์ และเธอยังเป็นหมอมหัศจรรย์ระดับโลก... อดีตสามีของเธอเสียใจมากจนคุกเข่าลงกับพื้นขอร้องให้เธอกลับมา ผู้เผด็จการคนหนึ่งอุ้มเธอไว้ในอ้อมแขนของเขาแล้วพูดว่า "ออกไป! นี่คือภรรยาของฉัน!" เหยาซีเยว่ "?"

คุณนายยอมหย่าแล้ว

คุณนายยอมหย่าแล้ว

โรแมนติก

4.9

หลังจากแต่งงานกันมาสามปี เวินเหลี่ยงก็ยังไม่เคยได้ความรักจากฟู่เจิ้งแต่อย่างใดเลย เมื่อรักแรกของเขากลับมา สิ่งที่รอเธออยู่คือหนังสือการหย่า “ถ้าฉันมีลูก คุณยังเลือกหย่าไหม?” เธออยากจับโอกาสสุดท้ายนี้ไว้ แต่แล้วมีแต่คำตอบที่เย็นชาว่า "ใช่" เวินเหลี่ยงหลับตาและเลือกที่จะปล่อยมือ ...ต่อมาเธอนอนอยู่บนเตียงคนไข้ด้วยความสิ้นหวังและลงนามในข้อตกลงการหย่า “ฟู่เจิ้ง เราไม่ได้เป็นหนี้กันอีกต่อไปแล้ว...” ชายที่มีความเด็ดขาดและเย็นชามาโดยตลอดนอนอยู่ข้างเตียงขอร้องให้อีกฝ่ายกลับมาด้วยเสียงแผ่วเบา “เหลียง ได้โปรดอย่าหย่าได้ไหม?”

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ
อุ่นไอรักตำหนักเหมยพันปี
1

บทที่ 1 ตำหนักเหมยพันปี

05/12/2022

2

บทที่ 2 จงถอดเสื้อเสีย

05/12/2022

3

บทที่ 3 คนต่างถิ่น

05/12/2022

4

บทที่ 4 ต้นเหมยศักดิ์สิทธิ์

05/12/2022

5

บทที่ 5 ความหวั่นไหว

05/12/2022

6

บทที่ 6 จดหมายที่อยากส่ง

05/12/2022

7

บทที่ 7 ผู้ที่มักถูกเข้าใจผิด

05/12/2022

8

บทที่ 8 ข้าไม่อยากเห็นท่านทำร้ายตัวเอง

05/12/2022

9

บทที่ 9 ตามหาท่านแม่ทัพ

05/12/2022

10

บทที่ 10 อดีตที่ผ่านเลย

05/12/2022

11

บทที่ 11 สามีเช่า

05/12/2022

12

บทที่ 12 ธิดาดอกเหมยติดนิยาย

08/12/2022

13

บทที่ 13 ชีวิตแต่งงาน

08/12/2022

14

บทที่ 14 นกกระดาษ

08/12/2022

15

บทที่ 15 ลูกอ้อนคนป่วย

08/12/2022

16

บทที่ 16 กลับไปเยี่ยมบ้าน

08/12/2022

17

บทที่ 17 เบาะแสสำคัญ

08/12/2022

18

บทที่ 18 ผู้เฝ้ามองตำหนัก

12/12/2022

19

บทที่ 19 เรื่องของสามีภรรยา

12/12/2022

20

บทที่ 20 เวลาน้ำชา

12/12/2022

21

บทที่ 21 ความสุขเล็กๆ

12/12/2022

22

บทที่ 22 งานเลี้ยงเพื่อท่าน

12/12/2022

23

บทที่ 23 เก๋งโบตั๋น

12/12/2022

24

บทที่ 24 บุคคลซับซ้อน

15/12/2022

25

บทที่ 25 ผู้บุกรุก

15/12/2022

26

บทที่ 26 แผนลักพาตัว

15/12/2022

27

บทที่ 27 ข้าจะไปหาท่าน

15/12/2022

28

บทที่ 28 เพลงกล่อมเด็ก

15/12/2022

29

บทที่ 29 ครอบครัวอบอุ่น

15/12/2022

30

บทที่ 30 ปิ่นปักผม

15/12/2022

31

บทที่ 31 ท่านเมาแล้ว

15/12/2022

32

บทที่ 32 จดหมายฉบับสุดท้าย

15/12/2022

33

บทที่ 33 ใต้แสงดาว

15/12/2022

34

บทที่ 34 รัก

15/12/2022

35

บทที่ 35 ฤดูกาลหมุนเวียน

15/12/2022