ลั่วซินสมัครเข้าไปทำงานเป็นพ่อบ้านเพื่อหาเงินเลี้ยงดูเจเจ้และยาย หารู้ไม่ว่าเขาเพิ่งสมัครไปเป็นสามีบรรณาการของธิดาดอกเหมย ฉางอ้ายชุน ผู้อาศัยอยู่ในตำหนักที่ดอกเหมยไม่มีวันโรยรา สาวน้อยผู้พูดจาไม่รักษาน้ำใจแต่จริงใจยิ่งกว่าใคร แม้รอบตัวเธอจะเต็มไปด้วยความลับ แถมยังไม่มีอะไรน่ารักสักนิด แต่ลั่วซินก็ถูกเธอดึงดูดจนถอนตัวไม่ขึ้น
ดอกเหมยที่เคยถูกทับถมใต้หิมะกำลังเบ่งบาน
กลิ่นของดอกเหมยชวนให้นึกถึงใครคนหนึ่ง เป็นบุคคลที่นางได้พบเมื่อนานมาแล้ว ความทรงจำที่มีต่อบุคคลผู้นี้อาบด้วยกลิ่นของฤดูใบไม้ผลิและกลิ่นดินปืน
“ข้าอยากพบท่าน”
ทว่าหมึกยังไม่ทันแห้ง กระดาษแผ่นนั้นก็ถูกขยำ กระดาษแผ่นใหม่ถูกหยิบมาวางแทนที่ และผู้เขียนเริ่มร้อยเรียงถ้อยคำใหม่ตั้งแต่ต้น
คำพูดแสดงถึงอารมณ์ความคิดถึงถูกตัดทอน กลายเป็นข้อความแห้งๆ เหมือนกับรายงาน
นางวางพู่กันลง รอจนหมึกแห้ง จากนั้นหยิบกระดาษแผ่นนั้นขึ้นและเดินออกไปนอกห้อง พับกระดาษเป็นรูปนกตัวเล็ก และเมื่อลมหอบหนึ่งพัดมา มันกลายเป็นปักษากระดาษสีขาว บินจากมือของนาง
ปักษากระดาษตัวนั้นโบยบินไปที่ใด แม้แต่นางยังไม่รู้ เพราะหลายปีที่ผ่านมา นางไม่เคยก้าวออกจากตำหนักเหมยพันปีเลยแม้แต่ก้าวเดียว
- - -
“ที่นี่...รึขอรับ?”
เด็กหนุ่มเงยหน้ามองทางเข้าตำหนัก จากตรงนี้สามารถเห็นต้นเหมยโบราณสูงตระหง่านอยู่ด้านใน ยังมีต้นเหมยเล็กๆ รายล้อม กลิ่นหอมราวกับภพสวรรค์ ชวนลุ่มหลง
แม้ยืนอยู่ข้างนอก เด็กหนุ่มรู้แล้วว่าภายในตำหนักต้องงดงามมาก เพียงแต่...
ตอนนี้เป็นช่วงกลางฤดูร้อน ฤดูที่ดอกเหมยควรโรยราไปแล้ว
ตอนแรกเขาคิดว่ามันแปลกที่เวลากลางฤดูร้อนแต่กลับถูกสั่งให้นำเสื้อผ้าสำหรับใส่ในฤดูใบไม้ผลิและฤดูหนาวมา ตอนนี้เขาได้คำตอบแล้ว
เขามองไปยังคนนำทางซึ่งเป็นชายชราหลังงองุ้ม ริ้วรอยเหี่ยวย่นบนใบหน้ายิ่งลึกล้ำเมื่อมองทางเข้าตำหนัก ชายชราเดินนำเข้าไปเงียบๆ
แม้ประตูจะเปิดอยู่ตลอด หากแต่น้อยคนนักที่เคยผ่านเข้าออกตำหนักเหมยพันปี เด็กหนุ่มรู้สึกราวกับตนเองกำลังก้าวเข้าไปอีกโลก
“ขอย้ำอีกครั้ง” ชายชรากล่าวด้วยเสียงแหบแห้ง “เจ้าทำตามที่นางบอก เว้นเพียงอย่างเดียว ห้ามให้นางออกจากตำหนักเด็ดขาด”
เด็กหนุ่มไม่เข้าใจว่าถ้าประตูเปิดตลอด เขาจะไปห้าม ‘นาง’ เดินอาดๆ ออกจากที่แห่งนี้ได้อย่างไร และที่ผ่านมาในช่วงที่ไม่มีใครคอยดูแลตำหนัก ผู้ใดเป็นคนห้ามนาง?
แต่เด็กหนุ่มไม่ถาม
“อยู่ที่นี่ให้สนุกเล่า เจ้าลูกครึ่ง”
“...ขอรับ”
เด็กหนุ่มหน้าบึ้ง ยืนนิ่งกลางทางเดินซึ่งนำเข้าสู่ตัวตึก อากาศเย็นฉ่ำของฤดูใบไม้ผลิอาบไล้ผิวกาย
“คำก็ลูกครึ่ง สองคำก็ลูกครึ่ง เฮ้อ...” เขาส่ายหน้า
แม้ด้านนอกเป็นฤดูร้อน แต่ในตำหนักยังเป็นฤดูใบไม้ผลิ แปลกประหลาดสมคำเล่าลือ
มองไปตรงหน้าก็เห็นอาภรณ์สีขาวชมพูปรากฏขึ้นจากด้านหลังต้นเหมยทางด้านขวา แขนเสื้อและผ้าพาดไหล่กรุยกราย ไม่ใช่ชุดแบบสากลอย่างที่เขาสวมใส่อยู่ตอนนี้
ผู้สวมใส่ชุดเป็นสตรีแรกรุ่นอายุราวสิบเจ็ดสิบแปด บนนิ้วมือเรียวสวยราวกับหน่อไม้ในฤดูใบไม้ผลิมีนกสีขาวตัวหนึ่งเกาะอยู่ ต้องเป็นนางที่ชายชราและคนอื่นๆ พูดถึงไม่ผิดแน่
ใบหน้างามผุดผาดราวเทพธิดาและดวงตากระจ่างดั่งน้ำค้างกลางหาวทำเขาตะลึง พูดอะไรไม่ออกเป็นเวลานานกว่าจะกล่าวคำทักทายได้
“อรุณสวัสดิ์ขอรับ ข้าน้อยแซ่ลั่วนามซิน เป็น—”
เด็กหนุ่มพูดไม่ทันจบประโยค สตรีนางนั้นปรายตามองเขาก่อนจะหมุนกายจากไป นกที่เกาะนิ้วบินข้ามรั้วหายไปจากสายตา
ผู้มาเยือนค่อยๆ เงยหน้าขึ้น ไม่ทราบว่าควรทำอย่างไรดี จึงเดินตามนางเข้าไปด้านใน
นางรับรู้ว่าลั่วซินเดินตามมา แต่จังหวะก้าวเดินของนางไม่เปลี่ยน เดินเลี้ยวเข้าไปในตำหนักและหยุดอยู่หน้าห้องหนึ่ง เป็นห้องที่สามารถมองเห็นสวนด้านหลังและอยู่ใกล้ห้องครัว
“เข้าไป” นางหันมาพูดกับเขาเป็นคำแรก พร้อมชี้นิ้วขาวไปยังประตูห้องที่เปิดอยู่ เสียงของนางหวานใสรื่นหู เป็นเสียงที่ทำให้ผู้คนลุ่มหลงได้ง่ายๆ
“ขอรับ” เด็กหนุ่มทำตาม แต่เมื่อกำลังโค้งตัวเดินผ่านหน้านาง จู่ๆ มือบางที่มีเรี่ยวแรงมหาศาลแบบไม่น่าเป็นไปได้ก็คว้าแขนเขาไว้
ดวงตาด้านชาฉายแววประหลาดใจ นางขบฟัน จ้องหน้าเขา ก่อนจะค่อยๆ ผ่อนลง
“...ไม่มีอะไร เข้าไปเสีย”
“ขะ ขอรับ...?”
เมื่อเดินเข้าไปในห้องแล้ว สตรีปริศนาปิดประตู ปล่อยเขาไว้ในห้องนั้นเพียงลำพัง เขายังประหลาดใจไม่หาย แขนเริ่มปวดตุบๆ เมื่อเลิกแขนเสื้อขึ้น เห็นว่ามีรอยแดงเป็นรูปนิ้วห้านิ้ว
“เอาเถอะ...” เด็กหนุ่มมองห้องที่ตนโดนปล่อยทิ้งไว้ เป็นห้องนอนธรรมดา มีเตียง โต๊ะ ตู้ อ่างกระเบื้อง และโถธุระเบา ผ้าปูเตียงและฟูกนอนสะอาด ไม่มีเสื้อผ้าหรือของใช้ส่วนตัว มุมหนึ่งใกล้เพดานมีกระดิ่งสองใบ
เขาวางห่อสัมภาระลงกับพื้น สรุปว่าที่นี่คงเป็นห้องของเขา
ลั่วซินจัดของเสร็จจึงออกมาข้างนอก
ในตำหนักมีห้องหับมากมาย เขาค่อยๆ ไล่เปิดทีละห้อง เจอห้องครัว ห้องอาบน้ำ ห้องเก็บเสบียงและของใช้อื่นๆ ห้องที่มีแต่ของจิปาถะกองไว้ระเกะระกะ และห้องว่างอีกมากมาย ในที่สุด เมื่อมาถึงห้องกว้าง เขาหยุดมือเพราะมีความรู้สึกว่าในนี้ต้องมีคนอยู่
เขาคิดถูกเมื่อประตูเปิดออก และสตรีชุดขาวชมพูผู้นั้นปรากฏกายออกมา
“...” นางมองเขาขึ้นๆ ลงๆ ก่อนจะปิดประตูใส่หน้า มีเพียงเสียงพูดลอดออกมาว่า “อยากทานอะไรก็ทาน ไม่ต้องทำเผื่อ พรุ่งนี้ค่อยมาหาข้า”
“ขอรับ... ขออภัยที่เสียมารยาทขอรับ” เขาโค้งตัวลง หน้าผากโหม่งประตูเต็มๆ แต่ในห้องยังไม่มีเสียงใด
ลั่วซินหัวใจเต้นตึกๆ คิดว่าตัวเองตาฝาดไปหรือเปล่า...
เพราะเขาเห็นว่าดวงตาของนางแดงและมีน้ำตาคลอหน่วย
นางจะร้องไห้เรื่องอะไร? เสียงเมื่อครู่ของนางก็ไม่มีการสั่นเครือ สงสัยจะมองผิดไปเอง
ลั่วซินใช้เวลาที่เหลือกับการสำรวจตำหนัก หุงข้าว ทำอาหารง่ายๆ อย่างผัดผักและเต้าหู้ทานเอง เขาพบอุปกรณ์ทำความสะอาด จึงออกไปกวาดดอกเหมยที่ร่วงหล่นอยู่ในสวน ระหว่างทำงานก็เห็นผู้อาศัยอีกคนหนึ่งปรากฏตัวจากห้องส่วนตัว ขณะจะก้มศีรษะทักทาย นางก็ปิดหน้าต่างใส่
“...”
ลั่วซินยักไหล่ทำงานต่อ
บทที่ 1 ตำหนักเหมยพันปี
05/12/2022
บทที่ 2 จงถอดเสื้อเสีย
05/12/2022
บทที่ 3 คนต่างถิ่น
05/12/2022
บทที่ 4 ต้นเหมยศักดิ์สิทธิ์
05/12/2022
บทที่ 5 ความหวั่นไหว
05/12/2022
บทที่ 6 จดหมายที่อยากส่ง
05/12/2022
บทที่ 7 ผู้ที่มักถูกเข้าใจผิด
05/12/2022
บทที่ 8 ข้าไม่อยากเห็นท่านทำร้ายตัวเอง
05/12/2022
บทที่ 9 ตามหาท่านแม่ทัพ
05/12/2022
บทที่ 10 อดีตที่ผ่านเลย
05/12/2022
บทที่ 11 สามีเช่า
05/12/2022
บทที่ 12 ธิดาดอกเหมยติดนิยาย
08/12/2022
บทที่ 13 ชีวิตแต่งงาน
08/12/2022
บทที่ 14 นกกระดาษ
08/12/2022
บทที่ 15 ลูกอ้อนคนป่วย
08/12/2022
บทที่ 16 กลับไปเยี่ยมบ้าน
08/12/2022
บทที่ 17 เบาะแสสำคัญ
08/12/2022
บทที่ 18 ผู้เฝ้ามองตำหนัก
12/12/2022
บทที่ 19 เรื่องของสามีภรรยา
12/12/2022
บทที่ 20 เวลาน้ำชา
12/12/2022
บทที่ 21 ความสุขเล็กๆ
12/12/2022
บทที่ 22 งานเลี้ยงเพื่อท่าน
12/12/2022
บทที่ 23 เก๋งโบตั๋น
12/12/2022
บทที่ 24 บุคคลซับซ้อน
15/12/2022
บทที่ 25 ผู้บุกรุก
15/12/2022
บทที่ 26 แผนลักพาตัว
15/12/2022
บทที่ 27 ข้าจะไปหาท่าน
15/12/2022
บทที่ 28 เพลงกล่อมเด็ก
15/12/2022
บทที่ 29 ครอบครัวอบอุ่น
15/12/2022
บทที่ 30 ปิ่นปักผม
15/12/2022
บทที่ 31 ท่านเมาแล้ว
15/12/2022
บทที่ 32 จดหมายฉบับสุดท้าย
15/12/2022
บทที่ 33 ใต้แสงดาว
15/12/2022
บทที่ 34 รัก
15/12/2022
บทที่ 35 ฤดูกาลหมุนเวียน
15/12/2022
หนังสืออื่นๆ ของ karita-01
ข้อมูลเพิ่มเติม