หนึ่งชาติแค้นสองภพรัก ไยไม่คะนึงหา

หนึ่งชาติแค้นสองภพรัก ไยไม่คะนึงหา

จันทร์ส่องแสง

5.0
ความคิดเห็น
17.4K
ชม
40
บท

เขารักนาง กล่าวโทษว่าหลันเล่อส่งคนย่ำยีนางเป็นหลันเล่อที่หลงใหลในตัวเขา จะเป็นคนอื่นได้หรือ แก้แค้นแทนนางจนหลันเล่อไม่อาจรักษาชีวิต 18ปีผ่านมา ทุกอย่างเปลี่ยนไป

บทที่ 1 ปฐมบท

"ไปให้พ้นหน้าข้า"

"ไท่จือโปรดฟ้งข้าก่อน"

รอยยิ้มหยันสุดป่าเถื่อนของต้าหมิงคุนเขม้นมองเหมือนจะฉีกเนื้อหนังของลี่หลันเล่อฉุดดึงร่างสั่นเทาด้วยลมหนาวและเกล็ดหิมะโปรยปรายให้ลุกขึ้นมาเผชิญหน้าสายตาที่มองไม่ต่างจากเดิมทว่ามืออุ่นภายใต้ถุงมืออุ่นนุ่มบีบปลายคางเย็นชืดสุดแรงจนลี่หลันเล่อต้องกัดฟันข่มความเจ็บปวด

"เจ้าส่งคนย่ำยีเมิ่งเม่ย แล้วปล่อยให้นางต้องตายเพื่อเจ้าสมหวัง ยังจะร้องขอให้ข้าฟังเจ้า ชิ"

ผลักลี่หลันเล่อให้ทรุดลงไปกองกับพื้น

"ข้า..ข้าไม่ได้ทำร้ายนาง..ได้โปรด"

ต้าหมิงคุนย่อกายลงจ้องมองใบหน้างดงาม ที่บัดนี้ริมฝีปากซีดเผือดด้วยความหนาวเหน็บ

"เจ้าหลงใหลใฝ่ฝันในตัวข้า.. มากเพียงนี้เชียวหรือคุณหนูลี่"

จ้องมองลี่หลันเล่อ ยกมืออุ่นขึ้นลูบที่แก้มเย็นเฉียบ ใบหน้าหล่อเหลากับท่าทีสง่างามที่ลี่หลันเลอคอยเฝ้าชื่นชมก็ยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน ทว่ามือใหญ่กับฉีกดึงอาภรณ์จนขาดหวิ่น ลี่หลันเล่อยกมือขึ้นปกปิดส่วนสำคัญของร่างกาย รอยยิ้มหยามเหยียดเย็นชาถูกแต้มที่ริมฝีปากหยักได้รูป

"เมิ่งเม่ย นางอ่อนต่อโลกไม่ได้ด้านชาเช่นเจ้านางจะต้องเจ็บปวดเพียงใดเมื่อถูกย่ำยี"

สายตาเกลียดชังยิ่งนัก

"ไท่จือ ข้าไม่ได้ส่งคนทำร้ายนาง ข้าไม่ได้ทำ นางเป็นสหายข้าข้าจะทำเรื่องแบบนี้ทำไมกัน เพื่อประโยชน์ใดกัน"

"เจ้าไม่ให้ข้าสนใจนางหมดหวังในตัวนาง เจ้ามันชั่วช้า ถึงจะไม่ตั้งใจฆ่านางแต่คนเช่นนางจะอยากมีชีวิตอยู่ด้วยถูกกระทำย่ำยีหรือไร"

สะบัดเสียง ลี่หลันเล่อเชิดหน้า เมิ่งเมิ่งเหนือกว่าลี่หลันเล่อในทุกด้านอย่างนั้นหรือ

"คุกเข่า อยู่ตรงนี้จนรุ่งสางบางทีข้าอาจละเว้นชีวิตเจ้า"

ไร้ทางออก จิตใจมืดมิดจมดิ่งไร้หนทาง เสียงลมหวีดหวิวเกล็ดหิมะโปรยปราย การตายของเมิ่งเม่ยยิ่งทำให้ต้าหมิงคุนเกลียดชังลี่หลันเล่อยิ่งขึ้น

……………………………………………………

"ข้ามองไท่จือต่างจากเจ้าหลันเล่อสายตาเจ้าชื่นชมเขาเสมอข้ารู้ดี"

เมิ่งเม่ยผู้ชึ่งเอ่ยปากออกมาเองว่าไม่เคยถูกใจไท่จือต้าหมิงคุนไม่เคยชอบแต่ต้าหมิงคุนผู้หยิ่งทะนง รักใคร่คาดหวังในตัวนางอย่างที่สุด

คุณหนูตระกูลลี่ผู้มากด้วยอำนาจเป็นบุตรีที่ถูกเลี้ยงดูด้วยความรักและตามใจ ลี่หลันเล่อที่คาดหวังในตัวของไท่จือจนออกนอกหน้าไม่สนใจคำทัดทานหรือท่าทีเดียจฉันท์ที่ต้าหมิงคุนมีให้ เขาสูงส่งลี่หลันเล่อก็สูงส่ง เช่นไรจึงไม่คู่ควร

ค่ำคืนหนาวเหน็บผ่านไปพร้อมกับเรื่องราวต่างๆ ที่ผ่านเข้ามาให้ทบทวน แม้ร่างกายจะไร้ซึ่งเรี่ยวแรงใบหน้าซีดเผือดแต่ความหยิ่งทะนงยังคงอยู่ ไม่ได้ทำแล้วคุกเข่าเพื่ออะไรกัน

มีเพียงลี่หลันเล่อที่รู้ดีคุกเข่าเพื่อ ร้องขอให้ต้าหมิงคุนยอมฟังถ้อยความจริงใจ ด้วยศรัทธาแรงกล้าว่าเขาจะมีเศษเสี้ยวใจเมตตาลี่หลันเล่อบ้าง แม้จะเพียงน้อยนิดก็ตาม ริมฝีปากสั่นระริกร่างกายสั่นเทา เกล็ดหิมะเกาะอยู่บนเรีอนผมหยาบกระด้าง บิดามารดาหายตัวสาปสูญตั้งแต่เกิดเรื่อง มีเพียงลี่หลันเล่อที่เดินเข้ามาสู่ประตูตำหนักบูรพา เพียงเพื่อคิดว่าต้าหมิงคุนจะยอมยกโทษให้ ประตูไม้หนักอึ้งเปิดอ้าออก องครักษ์หนุ่มก้าวออกมาจากบานประตูนั้น วางอาภรณ์ตัวใหม่ลงตรงหน้า

สายตาเย็นเยียบมองผ่านเลยเหมือนลี่หลันเล่อเป็นเพียงเกล็ดหิมะบนพื้น

"ไท่จือให้ท่าน.. คุณหนูลี่ไปเสียจากตำหนักบูรพา"

"จื่อจื่อ ท่านฟังข้าก่อน”

ใบหน้าขององครักษ์หนุ่มยังเฉยชา

“ไท่จือไม่ให้ท่านตายก็ถือว่าดีแค่ไหนแล้ว ไปเสีย”

“จื่อจื่อข้าอยากพูดด้วยความสัตย์ท่านฟังข้า ข้าไม่เคยคิดทำร้ายเมิ่งเม่ย ไม่ใช่ข้า ข้าไม่เคยคิดจะปองร้ายนางด้วยซ้ำไป”

“คิดจะให้ข้าส่งต่อข้อความนี้กับไท่จือหรือไร หากไม่ใช่คุณหนูลี่แล้วจะมีผู้ใดที่คิดทำเรื่องต่ำช้าอย่างนี้ได้ ใต้หล้าไม่มีใครกล้ากับคุณหนูลี่ ใต้หล้ามีสิ่งใดที่คุณหนูลี่ต้องการแล้วไม่ได้มาครอบครอง นอกจากหัวใจของไท่จือ ท่านจึงเกลียดชังเมิ่งเม่ย ถึงกับส่งคนย่ำยีนางแล้วฆ่านางเสีย เมิ่งเม่ยเป็นน้องสาวคนเดียวของข้า คิดหรือว่าข้ายังจะเชื่อคำพูดของคุณหนูลี่”

ลี่หลันเล่อถึงกับเซถลาทำไมไม่เคยรู้มาก่อนว่าเมิ่งเม่ยเป็นน้องสาวของจื่อจื่อ

ดั้นด้นมาที่นี่คนเดียวยอมคุกเข่าทั้งคืนเพื่อให้คนสองคนเกลียดชัง

จื่อจื่อหันหลังกลับเข้าไปด้านใน ประตูไม้หนักอึ้งถูกปิดลง

เมิ่งเม่ยเป็นน้องสาวของจื่อจื่อมิน่าเล่าไท่จือจึงพบนางแล้วหลงใหล ท่าทีอ่อนหวานของนาง ลี่หลันเล่อโง่งม ยิ้มหยันให้กับสวรรค์ เมิ่งเม่ยเผชิญเคราะห์กรรมแต่นางกลับทิ้งรอยร้าวและบาปเคราะห์ไว้กับลี่หลันเล่อ

"ไท่จือนางไปแล้ว"

"ให้พ่อค้าทาสจับนางไปขายเสีย"

"ไท่จือ ท่านไม่กลัวว่า.."

"ความผิดของนางหลักฐานชัดแจ้งเสด็จพ่อให้ข้าตัดสินใจเพียงลำพัง นางส่งคนทำร้ายเมิ่งเม่ยจนตาย เจ้าคิดว่ามากไปหรือ ยึดทรัพย์ตระกูลนางบิดามารดานางหนีไปแล้วก็ช่างแต่นางต้องรับโทษทัณฑ์"

"ปะปะเปล่า ขอบพระทัยไท่จือที่คืนความเป็นธรรมให้กับเมิ่งเม่ย"

ลี่หลันเล่อโซเซกลับไปยังตระกูลลี่ ที่ยิ่งใหญ่บัดนี้กลับเงียบงัน ข้าวของถูกรื้อค้นกระจุยกระจายจากหัวขโมยที่ได้โอกาสในการหาประโยชน์ในตระกูลลี่

ไท่จือผู้ยิ่งใหญ่ ต้าหมิงคุนอำนาจล้นมือถือโอกาสนี้จัดการตระกูลลี่ที่ยิ่งใหญ่

และจัดการคุณหนูลี่ที่เขาเกลียดชัง

ลี่หลันเล่อทรุดกายลงบนขั้นบันได ลมหนาวยังพัดโชยบิดามารดาคงเร้นกายห่ยไปจากแคว้นนี้เสีย ในเมื่อต้าหมิงคุนมักจะไม่ปล่อยให้มีชีวิตสุขสบายหากบาดหมางกับเขา

ลุกขึ้นเดินไปยังห้องเดิมที่เคยนอน รื้อค้นจนทั่วอยากให้มีของสำคัญพอให้ได้เบิกทาง ตื่นเต้นดีใจอย่างยื่ง เมื่อค้นเจอถุงเงินเก่าที่เคยวางทิ้งขว้างไม่มีความหมายยามครั้งที่ ยังไม่เกิดเรื่องขึ้น

บุรุษท่าทางกักขฬะสองสามคนยืนรายล้อมถุงเงินถูกดึงไปไว้ในมือของหนึ่งในชายร่างใหญ่ ลี่หลันเล่ออ้าปากค้างหันหลังออกวิ่งแต่ช้าไป

"ไปกับเรา เจ้าหน้าตางดงามเพียงนี้คงขายได้ราคา"

"จะได้ราคาอย่างไรเราต้องการแรงงานเพื่อทำงานหนักแต่ดูแม่นางน้อยเร่ร่อนคนนี้สิไร้เรี่ยวแรงใครกันจะซื้อ"

อีกคนแย้งขึ้น

"หมิงคุนไท่จือบอกให้นำตัวนางไปขายก็ต้องน้อมบัญชาไท่จือ ไม่แน่อาจมีใครเห็นนางแล้วถูกใจซื้อไปเป็นเมียทาสหรือสาวใช้ไว้ปรนเปรอโชคดีหน่อยอาจเป็นอนุ"

หมิงคุนไท่จือ หมิงคุนไท่จือไม่ให้ตายแต่ให้อยู่ไม่สู้ตาย เขารักใครเมิ่งเม่ยจนยัดเยียดบาปเคราะห์ให้กับลี่หลันเล่อได้เพียงนี้เชียวรึ ฮ่องเต้ชราก็ปิดหูปิดตา ปล่อยให้ไท่จือกระทำตามใจถือว่าเป็นการล้างไพ่ในมือ ไพ่ตัวสำคัญอย่างใต้เท้าลี่บิดาของลี่หลันเล่อ

นอกเขตวังหลวง

"เดิน เดินเร็วเข้าชักช้าอยู่ได้"

ลี่หลันเล่อในอาภรณ์ขะมุกขะมอมถูกมัดมือติดกับทาสคนอื่นโยงลากจูงกันไปในซอกเขา

ท้องหิวกายเหนื่อยหมดเรี่ยวแรง

"ข้าเอาคนนี้ คนนี้แล้วก็คนนี้"

มืออ้วนน่าเกลียดชี้มาที่ร่างโซเซของลี่หลันเล่อ

"ดีแค่ไหนที่ไม่ต้องเดินไปถึงชายแดนที่นี่ยังมีงานหนักให้ทำ"

พ่อค้าทาสเอ่ยปากปลอบใจแบบจอมปลอม ความจริงดีใจยิ่งที่ไม่ต้องรับภาระพาพวกทาสไปถึงชายแดนเสียค่าอาหารให้เสียเปล่าๆ ลี่หลันเล่อถูกแก้มัดออก

"งานหนักของข้าแค่เพียงขุดแร่"

"นายท่านส่งแร่เข้าไปในวังหลวงคงได้เงินมากมาย"

ปากก็พูดมือก็แกะเชือกที่รัดมือทั้งสองข้างออก

"งานที่มีทำไม่ทันต้องหาคนขุดแร่เพิ่ม"

ลี่หลันเล่อหลุดจากเชือกที่มัด วิ่งออกจากตรงนั้นอย่างรวดเร็วลี่หลันเล่อไม่มีทางทำงานหนักแบบนั้น นางสูงส่งไม่อาจลดตัว

"ทาสหนีพวกเจ้าตามจับตัวนางมาข้าจะลงโทษให้หนัก"

ล้มลุกคลุกคลานก็ยังหนีหนามเกี่ยวไม้เกาะก็วิ่งไม่หยุด

จนสุดท้ายจนมุมอย่างช่วยไม่ได้ บุรุษร่างกำยำทั้งดึงทั้งลากร่างอ่อนระโหยโรยแรงไปกับพื้น

“เจ้า อดยากมาหลายวัน ข้าขายไปจะได้กินอิ่มหนำยังหนีได้อีก ไม่รู้เอาเรี่ยวแรงมาจากไหนพวกเจ้าสั่งสอนนางต่อไปนางจะได้หลาบจำไม่กล้าหนีอีก”

หลายมือหลายเท้าต่างลงมือไม่อายนรกสวรรค์ ลี่หลันเล่อเจ็บแต่ไม่อาจร้องขอความเมตตารู้ดีว่าเปล่าประโยชน์ ได้แต่ยกมือกุมท้องที่โดนทั้งทุบทั้งตี

“จำไว้คราวหลังห้ามคิดหนีไปไหนอีก เป็นทาสหากไม่ยอมเชื่อฟังก็จะเจ็บตัวแบบนี้”

“นาง เป็นใครกันใบหน้าเมื่อก่อนคงงดงามไม่น้อย แต่ยามนี้คงลำบากยิ่งเห็นได้ชัดว่าซูบลงมากหากกินอิ่มนอนหลับคงดูดีกว่านี้”

“นางผู้นี้ไม่รู้นางทำอะไรให้ ไท่จือหมิงคุนไม่พอใจ จึงถูกสั่งให้ข้าจับตัวมาขายบ้านแตกสาแหรกขาด แล้วยังต้องมาเป็นทาส ดูนางตอนนี้สิเหมือนซากศพก็ไม่ปาน”

ลี่หลันเล่อกระอักเลือดสดๆ ออกมาดวงตาพร่ามัว ความเจ็บปวดที่มากมายทำเอา ร่างกายสั่นสะท้านหนาวร้อนจนไม่อาจแยกแยะ

“ข้าขอโทษ หลันเล่อ”

เสียง กระซิบแผ่วเบาของเมิ่งเม่ยดังจากที่ไกลแสนไกลน้ำเสียงอ่อนโยนแต่ดวงตาเย้ยหยันเหมือนเช่นทุกครั้งที่ผ่านมา

"ข้าไม่มีทางอภัยให้ท่านต้าหมิงคุน"

วังหลวงแคว้นหาน

“ไท่จือ คุณหนูลี่นางตายแล้ว”

“ตายหรือ จะไม่ง่ายไปหน่อยหรือไร” จื่อจื่อก้มหน้า

ทหารนายหนึ่งวิ่งเข้ามาประสานมือตรงหน้าด้วยท่าทีร้อนรน

“ไท่จือ มีคนอ้างว่า เป็นแม่นางเมิ่งเม่ยขอเข้าพบไท่จือ”

อ่านต่อ

หนังสืออื่นๆ ของ จันทร์ส่องแสง

ข้อมูลเพิ่มเติม
มนตราฟาโรห์

มนตราฟาโรห์

โรแมนติก

5.0

.....อามูเนส... .. ราชินีที่รักแห่งข้าขอเทพธิดาไอซิส มอบชีวิต อมตะให้ข้าและนาง ...รอ เจ้าอยู่ที่นี่ ตราบ ดวงอาทิตย์อับแสง ..รอเจ้าอยู่ร่วมเดินทางสู่ฟากฟ้า พร้อมกัน” คำขอครั้งสุดท้ายของ..โฮรัส.. ผู้เลื่องชื่อเทพแห่งสงคราม กับเจ้าหญิงผู้ซึ่งตกเป็นเชลย ด้วยจุดเปลี่ยนที่บิดาของอามูเนส ผู้เลอโฉมเลื่องลือไปไกล พ่ายแพ้ให้แก้ฟาโรห์โฮรัสเทพสงครามผู้ยิ่งใหญ่ เป็นจุดเริ่มต้นของ คำขอต่อเทพแห่งความเป็นอมตะไอซิส คำขอครั้งสุดท้ายจะเป็นจริงไหมและเอวาสาวสวยนักโบราณคดีที่ขุดค้นพบ คำขอนั้นของฟาโรห์โฮรัสจะ สามารถค้นพบความจริงต่างๆได้อย่างไร ล่องลอยไปกับดินแดน ไอยคุปต์ด้วยกันใน...มนตราฟาโรห์...

หนังสือที่คุณอาจชอบ

หลินซือเยว่ผู้นี้ มีสามชะตาในคราเดียว

หลินซือเยว่ผู้นี้ มีสามชะตาในคราเดียว

มาชาวีร์
5.0

หลังผ่าตัดนักพรตเฒ่าผู้หนึ่งนั้น นางวูบหมดสติและเสียชีวิตลงไป ลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที ก็อยู่ในร่างของคุณหนูปัญญาอ่อนที่มีชื่อเดียวกันผู้นี้เสียแล้วทั้งยังจำอดีตชาติยามเป็นปรมาจารย์เต๋าได้อีกด้วย +++ 1 : ไล่ออกจากอารามไท่ผิงกวน แคว้นจิ้น ราชวงศ์เซวียน อารามไท่ผิงกวน “ไป ๆ อาจารย์ขับไล่พวกท่านออกจากอารามแล้ว อย่าได้มาเหยียบที่นี่อีก” “ศิษย์พี่รองรีบปิดประตูเร็วเข้า !” ตุบ ! ห่อผ้าสองห่อถูกโยนออกมาจากประตูอาราม ปัง ! ตามด้วยเสียงปิดประตูลงสลักอย่างหนาแน่น สตรีนางหนึ่งยืนตัวตรงเป็นสง่า เสื้อผ้ากับเส้นผมของนางปลิวไสวดั่งไผ่ลู่ลม หลินซือเยว่เงยหน้าขึ้นมองป้ายชื่ออารามไท่ผิงกวนด้วยสายตาเลื่อนลอย อาศัยอยู่ที่นี่มานานเท่าใดแล้วนะ บางครั้งนางเองก็ลืมเลือนวันเวลาไปเหมือนกัน “คุณหนูเจ้าคะ ศิษย์น้องทั้งสองของท่านทำเกินไปแล้วนะเจ้าคะ เหตุใดถึงไล่พวกเราสองคนออกจากอารามได้เล่า” เผิงฉือกระทืบเท้าเบา ๆ ตรงไปฉวยห่อผ้าทั้งสองบนพื้น ขึ้นมาคล้องแขนตัวเองไว้ “หากไม่ได้รับคำสั่งจากอาจารย์ ศิษย์น้องทั้งสองคงไม่กล้าขับไล่ข้าออกจากอารามหรอก” น้ำเสียงของนางสงบนิ่งฟังแล้วสบายหูยิ่งนัก หาได้มีความโกรธเกลียดแต่อย่างใด “นั่นรถม้า” นิ้วเรียวสวยชี้ไปยังรถม้าคันที่มีคนนั่งเฝ้าอยู่ “ป้าเผิงไปถามดูว่าใช่รถม้าของเราหรือไม่” เผิงฉือไม่รอช้ารีบตรงไปหาคนเฝ้ารถม้าที่อยู่ใต้ต้นไผ่ในทันที ไม่ช้านางก็กลับมาพร้อมกับรอยยิ้มนิด ๆ “เป็นรถม้าของเราจริง ๆ เจ้าคะคุณหนู คนขับบอกว่าเป็นคนของตระกูลหลินเจ้าค่ะ ได้รับคำสั่งจากท่านพ่อของคุณหนู ให้มารับคุณหนูกลับตระกูลหลินเพื่อไปแต่งงานเจ้าค่ะ” “กลับไปแต่งงานนี่เอง” นางเอ่ยเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่ หันหลังกลับไปทางประตูอาราม ประสานมือค้อมตัวคำนับลาอาจารย์ เผิงฉือเห็นเช่นนั้นก็อดที่จะคำนับตามนางไม่ได้ ภายในอารามไท่ผิงกวน “อาจารย์เหตุใดถึงไม่บอกลากับศิษย์พี่ใหญ่ไปตรง ๆ ล่ะ ทำเช่นนี้นางไม่โกรธท่านไปจนวันตายเลยรึ” เหอกุ้ยแม้มีอายุยี่สิบแปดปีแล้ว ทว่าเขากราบเป็นศิษย์เจ้าอาวาสชุนหวังเหล่ยหลังสตรีผู้นั้น จึงได้เป็นเพียงแค่ศิษย์พี่รองเท่านั้น “นั่นสิอาจารย์ ศิษย์พี่ใหญ่นางไม่เคยออกจากอารามไปไหนไกล ท่านทำเช่นนี้ไม่ใช่ขับไล่นางไปสู่ความตายหรอกรึ” จางเจียเฟิ่งเห็นด้วยกับศิษย์พี่รองของเขา “ให้มันน้อย ๆ หน่อยเจ้าศิษย์โง่ทั้งสอง พวกเจ้าคิดว่าอารามไท่ผิงกวนแห่งนี้ สามารถอยู่รอดมาได้เพราะใครกัน หากไม่ใช่เพราะฝีมือของศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้า เห็นนางเงียบ ๆ แบบนั้น ความคิดนางกว้างไกลยิ่งนัก อาจารย์อย่างข้ายังเทียบนางไม่ติดด้วยซ้ำไป” เจ้าอาวาสชุนปีนี้อายุอานามปาเข้าไปหกสิบห้าปีแล้ว ทว่าร่างกายยังแข็งแรง อารามเต๋าแห่งนี้มีวิถีแบบไม่เคร่งครัด ใช้ชีวิตเยี่ยงฆราวาสผู้หนึ่ง สามารถแต่งงานมีครอบครัวได้ “อาจารย์นางอยู่ในอารามวาดยันต์กันภัยให้ชาวบ้านที่มากราบไหว้ ตั้งโต๊ะรักษาโรคภัยให้ผู้คนในตัวอำเภอฝู แต่หนนี้นางต้องกลับบ้านไปเพื่อแต่งงาน นางบริสุทธิ์ถึงเพียงนั้นมิถูกสามีจับกลืนกินจนไม่เหลือกระดูกหรอกรึ” เหอกุ้ยนึกภาพเทพเซียนผู้สูงส่งอย่างหลินซือเยว่ หากต้องร่วมเตียงกับบุรุษหยาบกระด้าง เพียงเท่านั้นเขาก็ทำใจไม่ได้จริง ๆ แทบอยากจะไปแย่งตัวศิษย์พี่ใหญ่ของตัวเองกลับคืนมา “เลิกคร่ำครวญได้แล้ว กลับไปกวาดลานอารามกับตรวจดูน้ำมันตะเกียงให้เรียบร้อย ศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้าไม่อยู่ เจ้าทั้งสองต้องรีบร่ำเรียนศึกษาหาความรู้ อารามไท่ผิงกวนจะได้เจริญรุ่งเรืองในภายภาคหน้าต่อไปได้” เจ้าอาวาสชุนทำเสียงดังใส่ลูกศิษย์ทั้งสอง “ไป ๆ ข้าจะสวดมนต์” โบกมือไล่ทั้งคู่ให้ออกจากห้องสวดมนต์ไป เจ้าอาวาสชุนรีบลุกไปปิดประตูลั่นกลอน ท่าทางลุกลี้ลุกลนจนผิดปกติ ย่องเบา ๆ ไปที่ใต้เตียงนอน ดึงหีบไม้เก่าเก็บออกมา ครั้นกดสลักเปิดออก ก็พบตั๋วเงินจำนวนสามพันตำลึงอยู่ในนั้น ตระกูลหลินที่ไม่ได้บริจาคน้ำมันตะเกียงมาหลายปี จู่ ๆ ก็ส่งตั๋วเงินมาให้ พร้อมกับขอรับคนกลับไปเพื่อแต่งงาน ช่วงนี้ชาวบ้านมาทำบุญที่อารามน้อยลง หลินซือเยว่ก็ไม่รู้ว่าเกิดอันใดขึ้นกับนาง ถึงไม่ยอมลงจากอารามไปรักษาผู้คน รายได้เลยหายหดแทบจ่ายอาหารการกิน(สุรานารี)ไม่พอ ตั๋วเงินสามพันตำลึงนี่มาได้ทันเวลาพอดี ! แครก ๆ ๆ ๆ เสียงกวาดลานหน้าอารามดังขึ้นพร้อมกับเสียงบ่นของเหอกุ้ย “ข้ารู้ว่านางเก่งเอาตัวรอดได้ ข้าเพียงไม่อยากให้นางไปก็เท่านั้น” “ศิษย์พี่รองท่านอย่าได้เสียใจไปเลย ไม่ใช่ว่ามีแต่นางที่ต้องแต่งงานมีครอบครัว ท่านเองก็เถอะที่บ้านส่งคนมารับทุกปีไม่ใช่รึ” จางเจียเฟิ่งรู้ดีว่าตนและเหอกุ้ย ถูกครอบครัวลงโทษด้วยการส่งมาอยู่ยังอารามแห่งนี้ ทว่าเพียงชั่วคราวเท่านั้น “ตัวข้านั้นไม่เป็นไรหรอก เจ้านั่นแหละศิษย์น้องสาม ข้าได้ยินว่าที่บ้านของเจ้า เพิ่งหาคู่หมั้นหมายคนใหม่ให้เจ้าอีกคนแล้วไม่ใช่รึ” สองศิษย์พี่น้องหยุดกวาดลานอาราม แล้วหันหน้าไปมองตากัน จากนั้นพวกเขาก็ถอนหายใจดัง ๆ พร้อมกัน ไม่มีศิษย์พี่ใหญ่อยู่ด้วย นับจากนี้ไปยามทำความผิดใครจะออกหน้าคอยช่วยเหลือ ยามเงินหมดใครจะให้หยิบยืม ยิ่งคิดพวกเขาก็ยิ่งไม่สบายใจเป็นอย่างมาก บนถนนมุ่งหน้าสู่เมืองหลวง รถม้าไม้ธรรมดาไม่เล็กไม่ใหญ่ ไร้ป้ายชื่อตระกูลบอกกล่าว คล้ายไม่อยากให้ผู้อื่นล่วงรู้ว่าคนที่นั่งอยู่ด้านในเป็นใคร เผิงฉือพยายามหลอกถามคนขับรถม้าอยู่หลายหน ถึงสถานการณ์ของตระกูลหลินในยามนี้ นางไม่เคยไปที่นั่นมาก่อนไม่รู้จักใครสักคน คนขับรถม้าตอบว่า เขามีหน้าที่มารับคุณหนูรองกลับบ้านเท่านั้น เรื่องอื่นนั้นเขาไม่รู้จริง ๆ “ได้ถามหรือไม่ ใช้เวลากี่วันในการเดินทาง” หลินซือเยว่เอ่ยเสียงเนิบ ๆ “ถามแล้วเจ้าค่ะ เขาบอกว่าราว ๆ สิบวันก็ถึงเมืองหลวงแล้ว” “สิบวันเชียวรึ” หลินซือเยว่มองห่อผ้าที่วางอยู่ด้านข้าง มีเพียงของใช้จำเป็นของนางไม่กี่ชิ้น พร้อมกับก้อนเงินจำนวนห้าสิบตำลึง “คงต้องแวะซื้อของในอำเภอฝูเสียก่อน” เผิงฉือรีบเปิดม่านบอกกับคนขับรถม้า แต่เขากลับทำเสียงฮึดฮัดคล้ายไม่พอใจ “เสียเวลาเดินทางเปล่า ๆ” น้ำเสียงเขากระด้างกระเดื่อง

ภรรยาห้าตำลึงเงิน

ภรรยาห้าตำลึงเงิน

จิ้งจอกสะท้านหม้อไฟ
5.0

คนเราบางครั้งก็หวนนึกขึ้นมาได้ว่าตายแล้วไปไหน ซึ่งเป็นคำถามที่ไร้คำตอบเพราะไม่มีใครสามารถมาตอบได้ว่าตายไปแล้วไปไหน หากจะรอคำตอบจากคนที่ตายไปแล้วก็ไม่เห็นมีใครมาให้คำตอบที่กระจ่างชัด ชลดา หญิงสาวที่เลยวัยสาวมามากแล้วทำงานในโรงงานทอผ้าซึ่งตอนนี้เป็นเวลาพักเบรค ชลดาและเพื่อนๆก็มานั่งเมาท์มอยซอยเก้าที่โรงอาหารอันเป็นที่ประจำสำหรับพนักงานพักผ่อน เพื่อนของชลดาที่อยู่ๆก็พูดขึ้นมาว่า "นี่พวกแกเวลาคนเราตายแล้วไปไหน" เอ๋ "ถามอะไรงี่เง่าเอ๋ ใครจะไปตอบได้วะไม่เคยตายสักหน่อย" พร "แกล่ะดารู้หรือเปล่าตายแล้วไปไหน" เอ๋ยังถามต่อ "จะไปรู้ได้ยังไง ขนาดพ่อแม่ของฉันตายไปแล้วยังไม่รู้เลยว่าพวกท่านไปอยู่ที่ไหนกัน เพราะท่านก็ไม่เคยมาบอกฉันสักคำ" "อืม เข้าใจนะแก แต่ก็อยากรู้อ่ะว่าตายแล้วคนเราจะไปไหนได้บ้าง" "อืม เอาไว้ฉันตายเมื่อไหร่ จะมาบอกนะว่าไปไหน" ชลดาตอบเพื่อนไม่จริงจังนักติดไปทางพูดเล่นเสียมากกว่า "ว๊าย ยัยดาพูดอะไร ตายเตยอะไรไม่เป็นมงคล ยัยเอ๋แกก็เลิกถามได้แล้ว บ้าไปกันใหญ่" พรหนึ่งในกลุ่มเพื่อนโวยวายขึ้นมาทันที แต่ใครจะรู้ว่าหลังจากวันนั้นที่คุยกันที่โรงอาหารจะเป็นการคุยเล่นกันวันสุดท้ายของชลดา เพราะหลังจากเลิกงานกลับมาชลดาก็เสียชีวิตระหว่างเดินทางกลับหอพักด้วยสาเหตุวัยรุ่นยกพวกตีกันและมีการยิงกันเกิดขึ้นและชลดาคือผู้โชคร้ายที่ผ่านทางมาพอดี ท่ามกลางความเสียใจของเพื่อนๆ เอ๋ได้แต่หวังว่า ชลดาคงไม่มาบอกกับเธอจริงๆหรอกใช่ไหมว่าตายแล้วไปไหน

คุณท่าน คุณนายมาหาอีกแล้ว

คุณท่าน คุณนายมาหาอีกแล้ว

Thacher
5.0

ในวันครบรอบแต่งงาน เหวินซือถูกเมียน้อยของสามีวางยาและไปมีอะไรกับคนแปลกหน้า เธอสูญเสียความบริสุทธิ์ไป แต่เมียน้อยคนนั้นกลับตั้งท้องลูกของสามี ภายใต้ความกดดันต่างๆ เหวินซื่อสูญรู้สึกสิ้นหวังและตัดสินใจหย่า แต่สามีของเธอกลับไม่แยแสโดยคิดว่าเธอกำลังเล่นลูกไม้อยู่ หลังจากการหย่ากัน เหวินซือกลายเป็นจิตรกรที่มีชื่อเสียงและมีผู้ชายนับไม่ถ้วนที่ตามจีบเธอ อดีตสามีไม่ยอมและขอคืนดีไปถึงที่ จากนั้นก็ว่า เธออยู่ในอ้อมแขนของคนใหญคนโตคนหนึ่ง และชายคนนั้นก็พูดอย่างสงบว่า "ดูให้ดี นี่คือพี่สะใภ้ของนาย"

สัญญารักลวงใจ

สัญญารักลวงใจ

Gorden Barros
5.0

เพื่อค่ารักษาของพ่อ ฟางจิ้งหร่านยอมแทนที่น้องสาว แต่งงานกับชายผู้เสื่อมเสียชื่อเสียงและหูหนวก คืนแรกของวันแต่งงาน เธอค่อยๆ ถอดชุดทีละชิ้น ด้วยความคาดหวัง... แต่กลับได้ยินเพียงคำเตือนเย็นชาจากเขา "การแต่งงานของเราเป็นแค่สัญญา" อยู่ข้างกายชายเจ้าอารมณ์คนนี้ ฟางจิ้งหร่านต้องระมัดระวังทุกเมื่อ โดยกลัวว่าจะทำเขาไม่พอใจเข้า ทุกคนรอคอยดูเธอเสียหน้า... แต่ใครจะไปคิดว่า สามีคนนี้กลับกลายเป็น"ที่พึ่งที่มั่นคงที่สุด"ของเธอ จนกระทั่งวันที่สัญญาครบกำหนด ฟางจิ้งหร่านถือกระเป๋าเตรียมตัวจะจากไป... ชายคนนั้นกลับมีดวงตาแดงก่ำ กระซิบขอร้องว่า "อย่าไป..."

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ
หนึ่งชาติแค้นสองภพรัก ไยไม่คะนึงหา
1

บทที่ 1 ปฐมบท

02/07/2024

2

บทที่ 2 ปฐมบท2

02/07/2024

3

บทที่ 3 พบ

02/07/2024

4

บทที่ 4 ไปสู่ขอเป็นฮองเฮา

02/07/2024

5

บทที่ 5 ยอม1

02/07/2024

6

บทที่ 6 ข่าวดี

02/07/2024

7

บทที่ 7 เดินทาง

02/07/2024

8

บทที่ 8 หลันเล่อเหมาะที่จะเป็นฮองเฮาเท่านั้น

02/07/2024

9

บทที่ 9 ข้าสัญญา

02/07/2024

10

บทที่ 10 แค่ซบหน้าร้องไห้

02/07/2024

11

บทที่ 11 หลักแหลม

02/07/2024

12

บทที่ 12 ดื้อด้าน

02/07/2024

13

บทที่ 13 ข้าเต็มใจ

02/07/2024

14

บทที่ 14 หนี้บุญคุณกับบาปเคราะห์

02/07/2024

15

บทที่ 15 ยอมอีกแล้ว

02/07/2024

16

บทที่ 16 จริงใจ

02/07/2024

17

บทที่ 17 แทนกาย

02/07/2024

18

บทที่ 18 ไม่เลอะแล้ว

02/07/2024

19

บทที่ 19 กลับ

02/07/2024

20

บทที่ 20 ทำความคุ้นเคย

02/07/2024

21

บทที่ 21 ต้องไม่รอสวรรค์เมตตา

02/07/2024

22

บทที่ 22 นางคือลี่หลันเล่อ

02/07/2024

23

บทที่ 23 สำหรับข้าท่านเป็นหนึ่ง

02/07/2024

24

บทที่ 24 ไร้เดียงสา

02/07/2024

25

บทที่ 25 ไร้ใจ

02/07/2024

26

บทที่ 26 ตายใต้ดอกโบตั๋น แม้เป็นผีก็สุขสำราญ

02/07/2024

27

บทที่ 27 วงล้อแห่งกรรมหมุนวนอีกครั้ง

02/07/2024

28

บทที่ 28 วงล้อแห่งกรรมหมุนวนซ้ำๆ

02/07/2024

29

บทที่ 29 เอาคืน

02/07/2024

30

บทที่ 30 มารักทำไมตอนนี้

02/07/2024

31

บทที่ 31 มารักทำไมตอนนี้เล่า

02/07/2024

32

บทที่ 32 เจ็บปวดเกินกว่าจะรับรู้

02/07/2024

33

บทที่ 33 เป็นข้าที่โง่งม

02/07/2024

34

บทที่ 34 ไม่อาจร้องขอ

02/07/2024

35

บทที่ 35 ยอมเหอะ

02/07/2024

36

บทที่ 36 ดอกเหมยกุ้ยฮวาเบ่งบาน

02/07/2024

37

บทที่ 37 เจ็บซ้ำ

02/07/2024

38

บทที่ 38 บทสรุป

02/07/2024

39

บทที่ 39 จบบริบูรณ์

02/07/2024

40

บทที่ 40 ตอนพิเศษ

02/07/2024