ไป๋หมิงลี่ต้องแต่งไปเป็นอนุเฟิงเหวินเฉิง บุรุษซึ่งทำให้สกุลของนางต้องล้มจ่ม บิดาทิ้งนางไว้กับเฟิงเหวินเฉิงให้นางแต่งไปเป็นเพียงอนุของเขา นางไม่ยอมและจะไม่ก้มหน้าให้ผู้ใด หากผู้ใดรังแกข้าก็อย่ามาหาว่าข้าร้าย เพราะข้าร้ายแล้วไงมันหนักหัวอะไรเจ้า!!
ขบวนเกี้ยวเจ้าสาวสองหลังถูกหามมาคู่กัน แต่มิได้ขนาบข้างกันอย่างซ้ายและขวา ด้านหลังยังมีขบวนซึ่งเล็กกว่าเกี้ยวหลังแรกมากนัก
วันนี้ตระกูลเฟิงมีงานมงคลจากสองตระกูลที่จะมาเกี่ยวดองกันมีผู้คนมากหน้าหลายตามาร่วมยินดีในงานคับคั่งเลยทีเดียว
เฟิงเหวินเฉิงอยู่ในชุดคลุมสีแดงยาวตามแบบฉบับเจ้าบ่าว ที่คอยต้อนรับแขกเหรื่อที่มาเป็นสักขีพยานในงานนี้ เขารอคอยเจ้าสาวของตนเองอยู่ในจวนอย่างสุขุม
งานแต่งจัดในช่วงดวงตะวันตกดิน เทียนมงคลถูกจุดอยู่ทั่วทุกที่ ความสว่างไสวล้อมรอบตัวของชายหนุ่ม นับเป็นวันดีที่เฟิงเหวินเฉิงก็เพิ่งเคยพบเจอ
วันนี้เขาแต่งเจ้าสาวเข้าจวนสองตระกูล หนึ่งในนั้นคืออนุภรรยา ที่เขาได้มาด้วยความไม่ชอบธรรม แต่เขาคาดไว้ว่าสิ่งนี้จะเป็นผลดีต่อนางในภายหน้า หากว่านางเข้าใจ แต่เขาถือว่าเขาได้ทำตามมโนธรรมที่ตัวเองวางไว้อย่างดีแล้ว เพื่อไม่ให้ผู้คนนินทาว่าร้ายในสิ่งที่เขาทำเอาไว้
ชายหนุ่มก็ยังใจเย็น และรอคอยอย่างใจจดใจจ่อ
การเดินทางเข้าจวนใกล้เสร็จสิ้น รอแค่เจ้าสาวสองนางเท่านั้นที่อยู่ภายในเกี้ยวทั้งสองหลัง
หลังหนึ่งคันสีแดงเพลิงซึ่งตกแต่งเต็มไปด้วยระย้าจากลูกปัดสีร้อนแรง ถูกประดิษฐ์ให้เป็นลวดลายหงษ์สองคู่เกาะเกี่ยวกัน ผ้าม่านทึบสีเดียวกับตัวเกี้ยวมิได้ทำให้เห็นรูปโฉมของเจ้าสาวด้านในนัก
คนแบกเกี้ยวล้วนเป็นชายหนุ่มร่างกำยำและแข็งแรง บุรุษเหล่านี้คือส่วนหนึ่งในคนรับใช้ของตระกูลหาน
ส่วนอีกหลังเป็นเกี้ยวเจ้าสาวธรรมดาทั่วไป มิได้สวยงามอลังการเช่นหลังแรก
เกี้ยวหลังแรกถูกหามเข้าไปภายในจวนด้วยความชื่นมื่น เต็มไปด้วยเกียรติยศและสมเกียรติ แต่ในส่วนของหลังที่สองนั้น กลับถูกแบกเข้าไปหลังจวนตระกูลเฟิงอย่างไร้เกียรติไร้ศักดิ์ศรี และหาได้มีการสนใจจากผู้ใด นั่นก็เพราะมันหาได้สำคัญต่องานในครั้งนี้ แต่มีค่าต่อเฟิงเหวินเฉิงแค่เพียงผู้เดียว
แขกเหรื่อในงานมิได้รับรู้ว่ายังมีนางที่เป็นเจ้าสาวของคุณชายเฟิงอีกหนึ่งคน
ภายในเกี้ยวก็เช่นกัน เจ้าสาวที่มิได้อยากแต่งงานเข้าพิธีอันเป็นมงคลนี้ ได้หยิบมีดสั้นขึ้นมา นางมองคมมีดแวววาวที่จดจ่ออยู่ด้วยความห้าวหาญ สีหน้านางเรียบนิ่ง ดวงตาคมสวยมิได้เผยความปรารถนาใดออกมา แต่นางคิดดีแล้วว่าในวันนี้ชีวิตต้องดับลงเพราะความอดสูที่มีภายในใจนั้นยากเกินที่จะมีผู้ใดเข้าถึงมัน
“ถ้าข้าต้องอยู่เป็นอนุให้เฟิงเหวินเฉิงกับหานซูหนิงรังแกแล้วละก็ สู้ข้าตายไปเสียดีกว่า!!”
ตอนนี้น้ำตานางหยดลงมาหนึ่งครั้ง แต่ก็มิได้มีผู้ใดพบเห็น นางมองออกไปข้างนอกที่ยังเป็นเงาเลือนราง ผ่านผ้าม่านสีแดง ประตูจวนของเฟิงเหวินเฉิงอยู่ตรงหน้านางแล้ว ขบวนหยุดอยู่แค่ตรงนี้เพราะต้องรอให้เขาเข้ามาเปิดหลังจากคำนับฟ้าดินกับหานซูหนิงเสร็จสิ้น เพราะนางผู้นี้ได้แต่งเข้าเป็นฮูหยินเอกของตระกูล
นางซึ่งเป็นอนุที่มีศักดิ์และอำนาจน้อยกว่า ย่อมมิต่างจากต้นไม้ที่ให้พวกเขาเหยียบย่ำ ไป๋หมิงลี่จึงพร้อมยอมตายเสียตั้งแต่ตอนนี้ อย่าให้ใครได้รับรู้ว่านางแต่งเป็นเจ้าสาวที่ไม่มีใครยอมรับของเขา
สตรีตระกูลไป๋มีใจห้าวหาญ นางจรดคมมีดที่บางเฉียบลงบนข้อมือซ้ายของตนเอง หมายจะตัดเส้นเลือดใหญ่ให้โลหิตรินไหลออกมาจนหมดตัว จะได้จบสิ้นความสังเวชในชาติภพนี้เสียที
เสียงกรีดเนื้อเบียดลงไปจนถึงเส้นโลหิตกลมใหญ่ แค่ครั้งเดียวเท่านั้นที่นางหลับตา น้ำข้นสีแดงฉานก็กระฉูดออกมาจากก้อนเนื้อ จนพุ่งเข้าชำแรกสู่เนื้อผ้าม่านสีแดง แทบกลมกลืนไปกับมันจนแยกไม่ออก ถึงจะเป็นคนกรีดเฉือนผิวหนังตนเอง แต่พอเห็นภาพตรงหน้าที่เลือดไหลเป็นน้ำขนาดนั้น นางถึงกับหายใจหอบถี่และทำอันใดไม่ถูก ถึงกับสลบแน่นิ่งไป
เสียงกรีดร้องของนางมิได้มีผู้ใดได้ยิน เพราะขบวนที่ขนเกี้ยวได้วางนางลงตามคำสั่งของเจ้าตระกูล และเดินทางกลับพร้อมกับเงินค่าจ้างหลายชั่ง
เฟิงเหวินเฉิงที่ทำพิธีการไหว้ฟ้าดินและดื่มสุรามงคลเสร็จแล้ว เริ่มรู้สึกกังวลใจที่มิได้มีผู้ใดเดินทางมาบอกกล่าวกับเขาเรื่องนาง
“ทำไมจนถึงป่านนี้แล้วยังมิพบเจอตัวนางเลย หรือว่าจะเข้าไปในห้องหออีกฝั่งของจวนเสียแล้ว” ชายหนุ่มขมวดคิ้วทำสีหน้าไม่พอใจออกมาเล็กน้อย แต่ก็มิได้เอ่ยออกไปให้ผู้ใดได้ยิน หานซูหนิงเองก็ยังมิได้เข้าไปในห้องหอ รอให้เขานั้นนำพาเกาะเกี่ยวแขนเข้าไปกับนาง แต่หาใช่เช่นนั้น เมื่อสามีหมาด ๆ เช่นเขากลับบอกให้นางเข้าไปกับสาวใช้ก่อน ส่วนเขาจะล่วงไปทำธุระที่มิได้บอกกล่าวกับนาง
“ฮูหยินหานซูหนิง โปรดเข้าห้องหอก่อนเถิดเจ้าค่ะ” สาวใช้ในจวนนำนางเดินเข้าไป แต่ในใจของหานซูหนิงนั้นรู้ดีอยู่ว่าเขานั้นหมายเดินทางไปที่ใด นางก็ทำสีหน้าหงุดหงิดไม่พอใจกับสาวใช้แล้วเดินเข้าไปรอด้านในห้องหอเพียงลำพัง
ขบวนเกี้ยวยังอยู่ที่เดิมหน้าห้องหอรอบด้านมีเพียงสาวใช้ประจำตัวของนางเฝ้าอยู่ด้านนอกเกี้ยวอย่างร้อนใจ ซึ่งเฟิงเหวินเฉิงเองต้องเดินเข้ามาเพื่อดูว่า ไป๋หมิงลี่ยังอยู่ตรงนี้หรือไม่
“ถึงนางจะร้ายกาจกับข้ามากมาย แต่หวังว่าครานี้คงต้องจำยอมกันบ้าง” แต่เฟิงเหรินเฉิงก็ต้องเบิกตาโพลงเพราะความตกใจ เมื่อเห็นภาพตรงหน้า
“ไป๋หมิงลี่!! เจ้าทำอะไรนะ!!”
ชายหนุ่มถลาเข้าไปในเกี้ยวเพื่อยกตัวนางออกมา เพราะเห็นภาพที่เขาเองก็ต้องตกตะลึง ไม่คิดว่าหญิงสาวถึงกับทำเช่นนี้และไม่เข้าใจว่าทำไมหญิงสาวถึงต้องทำเช่นนั้น
“นะ…นี่เจ้าเกลียดข้าจนต้องปลิดชีพตัวเองเลยหรือไร โธ่! ไป๋หมิงลี่ข้าไม่ให้เจ้าตายฟื้นขึ้นมารับผิดชอบในสิ่งที่ครอบครัวเจ้าเดี๋ยวนี้”
ชายหนุ่มมองใบหน้าที่ซีดเผือดของนาง ก่อนที่เขาจะนำผ้าคาดเอวมาพันข้อมือเพื่อห้ามเลือด และอุ้มนางที่หมดสติอยู่เข้าไปในจวนอีกฝั่งของห้องหอ ที่อยู่ห่างจากห้องของหานซูหนิง
“จะ…เจ้า..เจ้าคนถ่อย เฟิงเหวินเฉิง ขะ..ข้าเกลียด..เจ้า..”
นางเพ้อออกมาเมื่อสายตาแสนริบหรี่มองเห็นหน้าของชายหนุ่มที่นางมิอยากเจอ และสติสุดท้ายของนางก็ดับวูบลง…
เมื่อสามเดือนก่อนหน้านี้..
“นี่คือผู้ใดหรือท่านพ่อ”
ไป๋หมิงลี่ก้าวเท้าเข้าไปยังร้านค้าของบิดาตน ไป๋ติงตงทำกิจการเกี่ยวกับการค้าสิ่งทอและเครื่องใช้หลายต่อหลายอย่าง เขาเป็นพ่อค้าคหบดีที่ร่ำรวย และตระกูลไป๋เป็นที่นับหน้าถือตาของชาวบ้านในเมืองนี้ เพราะมีสินค้าหลากหลายเกินไป และไป๋ติงตงทำทุกอย่างเองมิได้ จึงได้ว่าจ้างให้คุณชายแห่งตระกูลเฟิงเข้ามาทำงานเป็นนักบัญชีของร้านเขา
แต่ไป๋หมิงลี่กลับคิดว่าเขานั้นมิได้เหมาะกับงานนี้สักหน่อย เพราะนางเองก็เคยพูดกับบิดาว่านางก็ทำได้ มิต้องให้ใครมาทำแทนนาง
“ข้าทำเองก็ได้ท่านพ่อ ให้คุณชายเฉิงไปทำงานอย่างอื่นเถอะ” นางตั้งแง่กับเขา หาว่าเขานั้นทำงานที่สบายเกินไป ทำไมไม่ไปทำอย่างอื่นที่ชายชาตรีควรลงมือ
“เจ้าเอานี่ไปล้างให้ข้า ให้เสร็จในเร็วไวด้วย” นางใช้งานเขาสารพัด การกลั่นแกล้งของนางไม่ได้ทำให้เขาอยากรู้สึกทำงานน้อยลงแต่อย่างใด เขายังคงอดทนกับนิสัยชอบระรานและร้ายกาจของคุณหนูไป๋หมิงลี่ เพราะเฟิงเหวินเฉิงรับมือกับนางได้อย่างดี
“ทำบัญชีเป็นเรื่องของคนในตระกูล ท่านพ่อคิดเช่นไรให้เขาเข้ามาดูแลเช่นนี้ คุณชายเฟิงเป็นคนนอก ท่านไว้ใจเขาไม่ได้นะ”
ไป๋หมิงลี่ถึงแม้จะร้ายกาจและไม่ค่อยน่ารักในสายตาผู้อื่น แต่นางเป็นคนฉลาดหัวไวและมีสายตาที่เฉียบคม นางมิเคยไว้ใจใครโดยเฉพาะบุรุษผู้นี้
“เจ้าเป็นสตรี ไปทำงานอื่นเถอะ อย่างพวกงานเย็บปัก หรือช่วยดูแลงานทอผ้าก็ยังได้ คุณชายเฟิงเหวินเฉิงเป็นคนที่ไว้ใจได้เจ้าอย่ามาสอดรู้ให้มากความเลย เสียเวลายิ่งนัก” บิดาของนางออกปากไล่ทุกครั้งเมื่อนางเข้ามาสอดปากเรื่องนี้
ไป๋หมิงลี่เฝ้าระวังให้บิดาได้ไม่นาน เฟิงเหวินเฉิงก็ออกลาย เป็นอย่างที่นางคิดไม่มีผิด เขานั้นเป็นคนชั่วอย่างที่นางรู้สึกจริง ๆ
“เจ้าทำเช่นนี้ได้อย่างไร หักหลังบิดาข้าไปเข้ากับจวนสกุลหานที่เป็นปรปักษ์ทางการค้ากับสกุลไป๋ เจ้ามันเลวระยำเฟิงเหวินเฉิง!!”
นางโวยวายเมื่อรู้ว่าชายหนุ่มหักหลักบิดา เขาเปลี่ยนแปลงตัวเลขในบัญชี ทำให้การค้าขายขาดทุน รวมทั้งจ้างพวกคนร้ายมาขโมยทรัพย์สินจากร้านนาง
“โง่จริง ๆ บุตรสาวตระกูลไป๋ ตลอดเวลาที่เฟิงเหวินเฉิง อยู่ที่นี่เจ้ามิเคยเคลือบแคลงใจเลยหรือไง ช่างน่าสังเวชใจที่ครานี้ตระกูลคหบดีที่ร่ำรวยจะกลายเป็นยาจกบ้าง ตระกูลของเจ้าก็เคยทำชั่วช้าต่อผู้อื่นมาก่อนเช่นกัน เจ้ามิรู้หรือไร!“
หานตงเฉียนชี้หน้าด่าทอนางและบิดา แต่เฟิงเหวินเฉิงก็ห้ามเขาพูดอีก
”พอได้แล้วหานตงเฉียน หยุดพูดเถอะตอนนี้ท่านได้ในสิ่งที่ต้องการแล้ว ก็ออกไปได้เสียที ข้ามีเรื่องต้องทำธุระกับไป๋ติงตงให้เสร็จสิ้น“
คนที่ถูกพูดถึงแสยะยิ้มเดินออกไปด้วยความสบายใจ ที่เขาได้โค่นคู่ค้ารายใหญ่สำเร็จ
ชายหนุ่มเดินเข้ามาหยุดตรงหน้าอดีตเจ้าของกิจการอย่างไป๋ติงตง โดยที่บุตรสาวของเขาก็ยังอยู่ข้าง ๆ กาย
“ข้ารู้ว่าเจ้าโกรธแค้นข้ายิ่งนัก แต่สิ่งที่เจ้าเคยทำกับสกุลตู้นั้นยากที่จะให้อภัย ถือเสียว่าครั้งนี้ท่านได้ตอบแทนกระดูกให้แก่สกุลที่ท่านทำล้มตาย เพราะความเสียใจที่เสียรู้ให้ท่านในครั้งนั้นเถอะนะ”
เฟิงเหวินเฉิงเป็นบุตรชายสกุลตู้อย่างที่เขาเอ่ยมา บิดามารดาของเขาจากไปและอยู่บนสรวงสวรรค์นานแค่ไหน เขาก็ยังจดจำความหลังได้มิลืมเลือน
แต่ในตอนนี้เขาก็ยังมีความปราณีต่อไป๋ติงตง
“ข้ารู้ว่าเจ้ามิได้ชื่นชอบความยากจน เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน หากไม่อยากให้บุตรสาวต้องลำบาก ก็ให้นางมาเป็นเจ้าสาวข้า ส่วนเจ้าผู้เป็นบิดาข้าจะยกทรัพย์ให้ส่วนหนึ่งเป็นสินไหมในการใช้ชีวิตต่อไป แต่เจ้าก็ต้องออกจากเมืองนี้เช่นกัน”
“เจ้าคนชั่วช้า!! ให้ข้าตายเสียดีกว่าไปเป็นเจ้าสาวร่วมหอกับเจ้า!”
นางกล่าววาจาหมายมาด ความอาฆาตของนางยังคงคุกรุ่น คนที่ทำเช่นนี้กับครอบครัวนางให้ล่มจม มีสิทธิ์ทำเช่นนี้กับนางหรือ เท่ากับว่าศักดิ์ศรีของนางนั้นจบสิ้น และไป๋หมิงลี่จะมิยอมเด็ดขาด บิดานางก็คงยืนกรานเข้าข้างนางเป็นแน่
แต่เปล่าเลย ไป๋ติงตงเป็นคนที่มิให้ใครมาหยามเขาได้ว่าเป็นยาจกและยากไร้ เขาเลือกรับสินทดแทนที่เฟิงเหวินเฉิงหยิบยื่นให้ และยกบุตรสาวเพียงคนเดียวให้แต่งงานกับชายผู้ล่มตระกูล
“ไป๋หมิงลี่ ต่อไปเจ้าจะขอบใจพ่อที่เลือกทางเดินให้เจ้าเช่นนี้ เชื่อข้าเถอะว่ามันจะเป็นการดีกับเจ้าในภายหน้า!”
“ท่านพ่อ!!”
ไป๋หมิงลี่ถึงกับเข่าทรุดลงกองกับพื้น ที่นางได้ยินบิดาเอ่ยคำนั้นราวกับฟ้าถล่ม นี่นางหูมิได้ฝาดไปใช่หรือไม่
นางถูกบิดาทอดทิ้งเช่นนั้นหรือ…
“ข้ารักเจ้านะลูกรัก ไปกับคุณชายเฟิงเหวินเฉิงเถอะ ถือว่าเจ้าได้ตอบแทนบุญคุณบิดาในชาตินี้”
นางอดทนอดกลั้นมิให้เสียน้ำตา เพราะความอัปยศ หญิงสาวกัดฟันกรอด คอยดูสิข้าจะเอาคืนพวกเจ้าให้สาสม
หญิงร้ายและชายเลวทั้งสองตระกูล ไป๋หมิงลี่คนนี้จะไม่ยอมอภัยให้แน่ ๆ!!
บทที่ 1 จุดเริ่มต้น
26/08/2024
บทที่ 2 แต่งเป็นอนุ
26/08/2024
บทที่ 3 ข้าไม่ยอม!!
26/08/2024
บทที่ 4 ร้ายมาร้ายกลับ
26/08/2024
บทที่ 5 แกล้งข้าแล้วไง
26/08/2024
บทที่ 6 ร้ายมาร้ายกลับ
26/08/2024
บทที่ 7 ค่ำคืนนั้นนางเอกฝัน
26/08/2024
บทที่ 8 อย่าได้อยู่ร่วมกัน
26/08/2024
บทที่ 9 ความทรงจำ
26/08/2024
บทที่ 10 ตลอดไป
26/08/2024
หนังสืออื่นๆ ของ จิรัฐติกาล
ข้อมูลเพิ่มเติม