Login to MeghaBook
icon 0
icon เติมเงิน
rightIcon
icon ประวัติการอ่าน
rightIcon
icon ออกจากระบบ
rightIcon
icon ดาวน์โหลดแอป
rightIcon
สืบแค้นบัลลังก์เลือด

สืบแค้นบัลลังก์เลือด

จิรัฐติกาล

5.0
ความคิดเห็น
36K
ชม
20
บท

เพราะพี่สาวของนางต้องตายอย่างปริศนา ทำให้เหมยลู่อิงต้องเข้าวังเพื่อสืบหาความจริง แต่ภายใต้อันตรายนั้นกลับพบว่าในวังหลวงนั้นอันตรายไม่แพ้กัน มีคลื่นลมแห่งความแค้นพร้อมแย่งชิงบัลลังก์เลือดนั้น ไม่สนว่าต้องพรากวิญญาณผู้ใด นางจะเอาตัวรอดได้หรือไม่ ในเมื่อมังกรที่ยิ่งใหญ่ในวังหลวงนั้นไม่ได้หลอกง่ายอย่างที่คิด เหมือนเขาจะว่างงาน เพราะผ่านไปแค่สามวัน “...” เหมยลู่อิงมองข้าวของที่กองอยู่ตรงหน้า คนผู้นี้ต้องการอะไรกันแน่ จะแกล้งนางไม่เลิกเลยหรือไง ส่งของบรรณาการผ้าแพรสวยงามมาให้นาง แล้วจะให้นางใช้เล่ห์กลอะไรปฏิเสธได้อีก สรุปจะให้นางถูกรุมตายแน่ๆ สตรีทั้งหลายต่างมองตาเป็นมัน ความประหลาดของฝ่าบาทนี้ทุกคนเริ่มชิน ไม่เคยเรียกนางเข้าเฝ้า แต่ก็ขยันส่งของมาให้ คราก่อนเป็นรังนก นางก็เอาถวายเจ้าแม่กวนอิม มาครานี้ถึงกับส่งเสื้อสตรีมา คงคิดว่านางเอาไปถวายไม่ได้น่ะสิ ฉินกงกงพูดแล้วก็ยิ้ม เมื่อเห็นสีหน้ากลืนไม่ได้เข้าคายไม่ออกของนาง “คืนพรุ่งนี้ฮองเฮาจะมีงานเลี้ยงน้ำชาเหล่าสนมนางใน ฝ่าบาทจะเสด็จด้วย จึงพระราชทานชุดบรรณาการให้ตาอิ้งโดยเฉพาะ” ไม่ต้องย้ำคำว่าโดยเฉพาะก็ได้ คืนพรุ่งนี้มีงานเลี้ยงเลยมีความประสงค์จะให้นางสวมชุดบรรณาการ ไม่ส่งมีดมาเลยล่ะ กะว่าจะให้นางโดนรุมในวัง นางไปทำเวรทำกรรมอะไรกับฮ่องเต้คนนี้นะเนี่ย จะบ้าตาย

บทที่ 0 บทนำ

ท่ามกลางความมืดมิด เท้าเปล่าเปลือยคู่นั้นกำลังเร่งฝีเท้าวิ่งหนีจากความตายที่กำลังจะมาถึงตัว ในป่าไผ่ที่เต็มไปด้วยสัตว์ร้ายก็ยังดีกว่าในวังหลวงที่สวยงาม หากแต่เต็มไปด้วยยาพิษ

ร่างกายเริ่มอ่อนล้า เริ่มหอบหายใจด้วยความเหนื่อย นางเป็นแค่สตรีบอบบาง อีกทั้งยังถูกโบยสาหัส แต่เพราะคำว่ากลัวตาย นางจึงพยายามที่จะหนีให้ได้

นางเร่งฝีเท้าให้เร็วที่สุด มองทางข้างหน้าที่เป็นเหมือนความหวังสุดท้าย หากนางพ้นจากป่าไผ่แห่งนี้ได้ก็จะเข้าถึงหมู่บ้านคน เมื่อนั้นนางก็จะหลุดพ้นจากคนพวกนั้น

ทว่าวิ่งหนีไปได้ไม่นานก็มีเสียงฝีเท้าคนกลุ่มหนึ่งวิ่งตามหลังมา ดวงตานางเบิกกว้าง พยายามวิ่งให้เร็วกว่าเดิม “เหมยกุ้ยเหริน เจ้าต้องเร็วกว่านี้” นางพูดกับตัวเองเพื่อที่จะได้กลับไปหาครอบครัว บิดามารดา และน้องสาวที่รักของนาง

แต่แล้วความพยายามของนางก็เปล่าประโยชน์ ยิ่งวิ่งหนีพวกนั้นก็ยิ่งเข้าใกล้มากขึ้น จนสุดท้าย

“นายหญิงจะหนีไปไหน”

คนหนึ่งอ้อมเข้ามาด้านหลัง แล้วป้อนยาใส่ปากนาง ก่อนจะใช้ผ้าปิดปากนางไว้ ดวงตานางเบิกกว้าง ร่างกายชักเกร็ง ปากไม่มีแรงพูดออกไปเพราะเต็มไปด้วยเลือดที่กระอักออกมา ร่างบางล้มลงไปบนพื้นดวงตาเหลือกลานก่อนจะหมดลมหายใจ

คนผู้นั้นก้มลงปิดตานางให้สนิทแล้วเริ่มค้นตัว แต่กลับไม่พบสิ่งที่ค้นหา “ไร้ประโยชน์ ส่งร่างกุ้ยเหรินกลับสกุลเดิม บอกว่านางฆ่าตัวตายหนีความผิด เพราะถูกจับได้ว่าลอบมีความสัมพันธ์กับขันที”

สิ้นคำสั่งนั้นอีกคนก็รับคำ จากนั้นก็ส่งร่างของนางกำนัลผู้นี้กลับสกุลเดิมของนาง

เสียงปี่บรรเลงขบวนแห่ศพดังไปทั่วภูเขา เบื้องหลังคนเป่าปี่เป็นหีบศพที่ไร้วิญญาณ ด้านข้างของหีบศพเป็นบิดามารดา และญาติที่กำลังร่ำไห้ ส่วนท้ายสุดของขบวนเป็นสาวน้อยนางหนึ่งเดินอยู่

ดวงตามองจับนิ่งที่หีบศพเบื้องหน้า แค่ห้าปีนางก็ได้ร่างไร้วิญญาณพี่สาวกลับมา ช่างเป็นความหวังที่โง่เง่าสิ้นดี

ไหนเกียรติ ไหนชื่อเสียง ไหนเงินทอง

สุดท้ายก็มีแต่ความตายพร้อมกับข้อกล่าวหาว่าพี่สาวนางลอบมีความสัมพันธ์กับขันที จึงหนีความผิดด้วยการฆ่าตัวตาย

บุรุษที่ไม่มีอาวุธสืบพันธุ์แล้ว พี่สาวนางจะทำอย่างนั้นทำไม ดูแล้วข้อกล่าวหานี้เป็นการใส่ร้ายชัดๆ นางไม่มีวันเชื่ออย่างแน่นอน

รอยยิ้มที่สดใส กิริยาที่งดงามดุจใบหลิวลู่ลิ่วไปตามลม เหตุใดจึงได้จบชีวิตลงอย่างอนาถเช่นนี้ ด้านหลังกำแพงสีแดงมีอะไร ใครคือคนที่ทำให้พี่สาวนางเป็นเช่นนี้

แม้แต่ตอนนี้นางก็ยังหาคำตอบไม่ได้ ดวงตายังคงมองโลงศพ หากว่าก้าวเท้าเข้าไปแล้วต้องจบชีวิต สู้ให้พี่สาวนางแต่งกับหนุ่มชาวบ้านไม่ดีกว่าหรือ

บิดานางเป็นเพียงนายอำเภอเล็กๆ ในชนบท ฐานะอำนาจแทบจะไม่มี อยากจะแวะไปเยี่ยมก็ยังไม่ได้ พอจะเจอกันอีกครั้งก็กลายเป็นศพแล้ว

สองปีก่อนพี่สาวนางส่งจดหมายมาว่าได้รับการแต่งตั้งเป็นต้าอิง

ปีต่อมาก็ได้รับการแต่งตั้งเป็นฉางฉ้าย

เมื่อต้นปีที่ผ่านมาก็ได้รับการแต่งตั้งเป็นกุ้ยเหริน

ในจดหมายนั้นบอกว่าอีกไม่นานนางจะได้รับการแต่งตั้งเป็นผิน แล้วไหนเล่าชีวิตที่รุ่งโรจน์ของพี่สาวนาง

หรือห้าปีที่ผ่านมาเป็นเพียงแค่ภาพฝัน หรือว่าแท้จริงแล้วพี่สาวนางไม่ได้มีความสุขอย่างที่คิด เพียงแค่คิดว่าพี่สาวต้องถูกทรมานอยู่ที่นั่น นางก็แทบจะทนไม่ไหว

มือบางกำผ้าเช็ดหน้าบีบแน่นด้วยความแค้นใจ ในมือยังมีกำไลสีเลือดที่เป็นของติดตัวพี่สาวก่อนตาย ของขวัญล้ำค่านี้เป็นของผู้ใดกันนางจะต้องรู้ให้ได้ แม้จะพยายามคิดว่าคนตายก็ตายไปแล้ว นางควรจะปล่อยวางอย่างที่มารดาบอก

แต่เหตุใดจิตใจถึงไม่สงบ ยังรั้นจะรู้ให้ได้ว่าเป็นฝีมือใคร?

“เหมยลู่อิง ลูก” เสียงมารดาเรียกนางทำให้นางละจากความคิดแล้วเดินไปรับธูปจากมือมารดา

“ลาพี่สาวเจ้าเสีย” เสียงมารดายังสะอื้นแหบพร่า แต่ยังคิดถึงบุตรสาวเช่นนาง เหมยลู่อิงจึงคุกเข่าลง

ไม่สนใจว่าเสื้อผ้าจะเปื้อนดิน นางยกมือขึ้นแล้วเอ่ยความในใจ

“ความตายของท่านพี่ครั้งนี้ น้องจะขอทวงคืน มันผู้ใดที่ทำให้ท่านพี่ทรมาน น้องจะทรมานมัน มันผู้ใดทำให้ท่านพี่ตาย น้องจะขอเอาวิญญาณจากคนผู้นั้นมาชดใช้”

ความแค้นอัดแน่นในอก เหมยลู่อิงคำนับแล้วปักธูป ฤดูคิมหันต์ของปีนี้ร้อนระอุ แม้แต่ลมพัดก็ยังหาได้ยาก แต่ตอนนี้กลับมีลมแรงพัดทันทีที่ธูปปักลง

สตรีเจ้าของธูปหันมอง แม้แต่พี่สาวนางยังเห็นด้วย แล้วนางจะลังเลทำไม ในเมื่อตัดสินใจได้แล้ว เหมยลู่อิงก็ลุกขึ้นหันไปทางบิดามารดา

“ท่านพ่อท่านแม่ ข้าจะเข้าวัง”

ลมพัดผ่านไปอีกระลอก คราวนี้หนักกว่าเคย คนเป็นบิดามารดาได้แต่ถอนใจ “เจ้าอย่าได้เอาชีวิตไปแลกกับมันอีกเลย แม่ไม่อาจเสียเจ้าไปอีกคนได้”

แต่เหมยลู่อิงกลับไม่ละความพยายามที่จะทำเช่นนั้น พี่สาวนาง “ซิ่นหลาน” จะต้องไม่ตายเปล่า นางจะต้องสืบให้ได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นในนั้น

อ่านต่อ

หนังสืออื่นๆ ของ จิรัฐติกาล

ข้อมูลเพิ่มเติม

หนังสือที่คุณอาจชอบ

รสสวาทเขยบำเรอกาม

รสสวาทเขยบำเรอกาม

กาสะลอง
5.0

“อ๊ะ… อ๊อย... ” ดวงตาของฝ้ายคำหลับพริ้ม เม้มปากแน่น เมื่อโดนสามีกดใบหน้าแนบเน้นซุกไซ้เข้าหาความเป็นสาว ฉั่วๆ ๆ ๆ ๆ ๆ เสียงลิ้นสากเฉาะรัว ลากเลียเลยขึ้นเป็นจังหวะยาวๆ ตามรูปทรงของกลีบสวาท เบียดกันแน่นเป็นพูงามอร่ามอะร้าอยู่ตรงง่ามขาของหญิงสาวที่เข่าสองข้างโดนดันแบะอ้า แอ่นร่องสวาทให้สามีเบิร์นอย่างดิบเถื่อน “อ๊า... ซี้ด... อูย... เสียวค่ะ... ฮึ่ก” ทั้งที่หล่อนพยายามกัดฟัน เม้มริมฝีปากแน่น สะกดกลั้นเสียงคราง กลัวว่าจะหลุดออกมาน่าอาย หากความเสียวซ่านก็ทำให้เสียงของคนโดนเลียร่องหอย เล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากสั่นระริก ปลายลิ้นของอลังค์จุ่มจ้วงทะลวงเลียกลีบมาลีสีชมพูสดสวยอย่างโหยหา “อ๊า... อ๊า... อ๊า... ” หญิงสาวร้องครางตามจังหวะลิ้นปาดเลียรัวๆ สลับลากเสยขึ้นๆ ลงๆ ตามแนวความยาวของร่องสวาท เรียกน้ำเสียวของหญิงสาวให้สาดทะลักออกมาอย่างมิอาจสะกดกลั้นเอาไว้ได้ “อ๊า... ที่รักจ๋าฝ้ายเสียวเหลือเกิน... ซี้ดอูย... สะ... เสียวมาก” คนโดนจู่โจมหนอกเนินสวาท เปล่งเสียงร้องครางครวญออกมาอย่างซื่อสัตย์ต่อความรู้สึกของตัวเอง ปลายลิ้นของอลังค์เสียบรัวเข้าใส่กลีบบอบบาง โดนแบะบีบจนเบ่งบวมขึ้นมารับปลายลิ้น บดขยี้ลงบนความนุ่มอ่อน ไชชอนสำรวจซอกหลืบอย่างมีลีลา สมกับเป็นสายเบิร์นตัวจริง อลังค์ไม่ทำให้หญิงสาวผิดหวัง ทำเอาผู้หญิงสามคนที่กำลังมองดูภาพของการเล้าโลมสุดเร่าร้อนผ่านหน้าจอมอนิเตอร์จนเกิดอาการน้ำเดินไปตามๆ กัน

รักซ้ำรอย

รักซ้ำรอย

มาชาวีร์
4.9

“ก่อนทำเรื่องนี้พี่ขอถามน้องภาสักข้อได้ไหม” ธาวิศพูดแล้วก้าวเท้าเข้าไปหาคนบนเตียง “ได้ค่ะ” นิภาก้มหน้ายามตอบ ธาวิศทิ้งสะโพกลงนั่งด้านข้าง พร้อมกับดันปลายคางของหญิงสาวให้ขึ้นมองหน้าเขา “น้องภาเต็มใจใช่ไหม” แววตาของคนถูกถามสั่นระริกไปมา ปากจิ้มลิ้มก็ขยับขึ้นลงเหมือนคนคิดไม่ออกว่าควรตอบอย่างไร “น้องภาพี่ถามว่าเต็มใจใช่ไหม หรือว่าถูกคุณยายบังคับ” คราวนี้ธาวิศเน้นน้ำหนักเสียงมากขึ้นกว่าเดิม “ภาเต็มใจค่ะ” หญิงสาวตอบเขาแล้ว แต่เป็นคำตอบที่เต็มไปด้วยความไม่มั่นใจในตัวเอง “ไม่ได้ถูกบังคับแน่นะ” “ค่ะ ภาไม่ได้ถูกบังคับ ภาเต็มใจค่ะพี่ภูมิ” ธาวิศกัดฟันกรอดในคำตอบที่เขาไม่ปรารถนาจะได้ยิน ออกแรงผลักหน้าอกนิภาจนล้มลงไปนอนอยู่บนเตียง ปลดกระดุมเสื้อนอนของตนเองออกทีละเม็ด โดยที่สายตาก็ยังจดจ้องอยู่กับคนตรงหน้า “ระหว่างเรามันจะไม่มีความผูกพันอะไรกันทั้งนั้น เราทำเรื่องนี้ก็เพื่อคุณยาย เสร็จจากนี้ไปพี่ก็จะกลับกรุงเทพฯ ไปใช้ชีวิตกับคนรักของพี่ตามเดิม ภายังรับได้อยู่ใช่ไหม” ชายหนุ่มพูดจบก็ทิ้งเสื้อนอนลงบนพื้น คนบนเตียงก็ยังเม้มริมฝีปากตัวเองเอาไว้แน่น คำตอบไม่มาสักทีเขาเลยต้องเลิกคิ้วขึงตาใส่ “ค่ะภารับได้” คำพูดที่เปล่งออกมาช่างเบาหวิว คงไม่ต่างไปจากอารมณ์ของคนพูด “รับได้ก็ดี อย่ามาเรียกร้องอะไรทีหลังก็แล้วกัน ไม่งั้นพี่เอาตายแน่” ธาวิศทาบร่างตัวเองลงบนลำตัวของนิภา มองจุดหมายแรกที่จะเริ่มต้นทำรัก ประทับจูบลงบนริมฝีปากนุ่มนิ่มของหญิงสาว สัมผัสแรกของทั้งคู่ช่างตราตรึงในความรู้สึก จากที่จะจูบเพียงแผ่วเบากลายเป็นแทรกลึกดูดดื่มขึ้นตามอารมณ์ (รักซ้ำรอย)

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ