Login to MeghaBook
icon 0
icon เติมเงิน
rightIcon
icon ประวัติการอ่าน
rightIcon
icon ออกจากระบบ
rightIcon
icon ดาวน์โหลดแอป
rightIcon
วาสนาชะตารักมังกร

วาสนาชะตารักมังกร

จิรัฐติกาล

5.0
ความคิดเห็น
1.3K
ชม
20
บท

อี้เฟยเป็นเพียงหญิงชาวบ้านริมทะเล วันหนึ่งเจอกับบุรุษริมทะเลที่บาดเจ็บจึงพากลับบ้านรักษาอย่างดี จนกระทั่งสองคนได้มีความรักต่อกัน หากแต่จู่ๆ บุรุษผู้นั้นก็หายไป พร้อมทิ้งลูกแฝดให้นางเลี้ยงดู อี้เฟยต้องเลี้ยงลูกสองคนท่ามกลางการกรนด่าจากชาวบ้าน อดทนรอว่าวันหนึ่งบุรุษผู้นั้นจะกลับมาโดยไม่รู้เลยว่าเขาเป็นใคร

บทที่ 1 พบเจอสตรีงาม

เฟยเยี่ย เมืองเล็ก ๆ อันแสนสงบ ที่อยู่ในภูมิภาคขนาดเล็กที่มีเขตชายฝั่งยาวตลอดทั้งเมือง ชาวบ้านส่วนใหญ่จึงดำเนินชีวิตด้วยการยึดอาชีพชาวประมง ซึ่งเมืองเฟยเยี่ยนั้นจัดว่ามีทัศนียภาพที่สวยงาม นับเป็นหนึ่งในสิบสวรรค์ของบรรดาคนในเมืองหลวง นอกจากนี้ยังมีพื้นที่ป่าชายเลนและดินโคลนที่กว้างใหญ่ไพศาลที่สุดในประเทศ ทั้งยังติดเขตชายฝั่งยาวกว่าหลายพันลี้อีกด้วย

ขณะนี้เขตฝั่งทะเลก็ได้มีเรือสำเภาลำเล็ก ๆ กำลังแล่นฝ่าคลื่นลมปราณพิโรธมาอย่างทุลักทุเล เนื่องจากช่วงนี้เป็นช่วงที่มีลมมรสุม ส่งผลให้คลื่นลมแรง เรือสำเภาลำเล็กในตอนนี้กำลังโครงเครงไปมา เพราะผู้บังคับเรือเริ่มจะต้านลมมรสุมเอาไว้ไม่อยู่ จึงทำให้เกิดเรื่องที่ไม่คาดคิดขึ้น

ซ่าส์! โครม!

รุ่งสางของวันต่อมา ในเมืองของเหล่าชาวประมงอันแสนสงบที่มีนามว่าเฟยเยี่ยแห่งนี้ เพียงแค่ช่วงยามเหม่าเท่านั้น แทบจะทุกชีวิตในเมืองก็เริ่มลืมตาตื่นตามวิถีชีวิตชาวชนบท อาทิตย์ยามเช้าลอยสูงขึ้น ทอแสงอ่อน ๆ จับเสี้ยวหน้างามพิลาศล้ำ ดวงหน้าเกลี้ยงเกลากระจ่างหมดจด ริมฝีปากบางแต้มด้วยชาดสีแดงขับผิวผุดผาดในชุดสตรีชาวบ้านธรรมดา แต่กลับดูงดงาม เปรียบได้ว่าเป็นโฉมสะคราญหยาดฟ้ามาสู่ดินผู้หนึ่งก็ว่าได้

ซึ่งบุปผางามผู้นี้มีนามว่า หลินอี้เฟย กำลังช่วยผู้เป็นบิดาของตนออกหาปลาตั้งแต่ตะวันยังไม่โผล่พ้นขอบฟ้า อี้เฟยเป็นสตรีที่มีนิสัยอ่อนโยนและอ่อนหวาน แต่ในขณะเดียวกันก็มีจิตใจที่เด็ดเดี่ยวและแข็งแกร่งอยู่ไม่น้อย

และในขณะที่อี้เฟยกับบิดากำลังหาปลาไปขายที่ตลาดเช้าเฉกเช่นทุกวันนั้น อยู่ดี ๆ ดวงตาสวยก็ไปสะดุดที่ริมชายฝั่ง ซึ่งตรงนั้นเหมือนมีบางสิ่งบางอย่างที่รูปร่างคล้ายกับมนุษย์ลอยอยู่เหนือน้ำ นางจึงรีบหันไปบอกผู้เป็นบิดาด้วยท่าทางตระหนกตกใจ

“ท่านพ่อ ๆ นั่นคนใช่หรือไม่เจ้าคะ”

“เพ้อเจ้อแล้ว ในน้ำจะมีคนได้อย่างไรกัน”

“แต่ตรงนั้นที่ลอยอยู่มันเหมือนคนมากเลยนะเจ้าคะ”

เมื่อบุตรสาวรบเร้าหนักเข้า บิดาก็อดที่จะทอดสายตาไปยังที่บุตรสาวชี้บอกไม่ได้ และเมื่อเพ่งมองดูดี ๆ ก็เริ่มที่จะคิดเหมือนกับบุตรสาวแล้วว่าตรงนั้นมีคนลอยติดโพงพางที่ใช้ดักปลาของชาวบ้านอยู่ แต่เพื่อความแน่ใจจึงพายเรือเข้าไปดูใกล้ ๆ

และเมื่อพายเรือมาถึงก็เห็นว่าเบื้องหน้าเป็นคนจริง ๆ สองพ่อลูกทำหน้าตาตื่นตกใจ พูดด้วยน้ำเสียงลนลานพร้อม ๆ กัน

“คนจริง ๆ ด้วย เขายังมีชีวิตอยู่ไหมนั่น”

มือหนารีบจ้ำไม้พายพาเรือให้ไปถึงชายฝั่งโดยเร็ว ก่อนที่ร่างระหงจะรีบลงจากเรือเพื่อช่วยดึงคนที่ลอยมาติดโพงพางขึ้นมาบนบก และเมื่อดึงขึ้นมาได้ อี้เฟยก็พยายามจับชีพจรเพื่อตรวจสอบดูว่าบุรุษผู้นี้ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ ปรากฏว่าชีพจรยังเต้นอยู่แต่เต้นอ่อนแรงมาก

“ชีพจรยังเต้นอยู่เจ้าค่ะ แต่ว่าเต้นอ่อนมาก ลูกคิดว่าเราควรพาเขากลับไปรักษาที่เรือนของเราก่อน”

ผู้เป็นพ่อพยักหน้าอย่างเห็นด้วย ก่อนจะเป็นฝ่ายอุ้มชายผู้ที่กำลังหมดสติขึ้นมาบนเรือและพากลับไปรักษาตัวที่เรือนของตน

จิ๊บ! จิ๊บ!

เสียงนกร้องที่ระบุสายพันธุ์ไม่ได้ บินมาเกาะที่ขอบหน้าต่างของเรือนแพหลังกะทัดรัด แสงแดดก็สาดส่องลอดผ่านช่องว่างของไม้ยืนต้นเตี้ย ๆ ที่ใบลีบผอมเข้ามากระทบเปลือกตาบางของคนที่กำลังหลับฝันให้ตื่นขึ้น

“ท่านอ๋อง จับมือของกระหม่อมเอาไว้ขอรับ ท่านอ๋อง!”

“ช่วยด้วย!”

คนที่พึ่งฟื้นคืนสติตะโกนลั่นเรือนหลังจากนอนหลับไปหนึ่งวันเต็ม ๆ จนผู้ที่กำลังต้มยาอยู่ข้างนอกต้องรีบวางมือแล้ววิ่งหน้าตาตื่นมาด้วยความตกใจเมื่อได้ยินเสียงร้อง

อี้เฟยที่วิ่งตาตื่นมาดูก็เห็นว่าบุรุษผู้นั้นที่ตนเองกับบิดาช่วยเหลือขึ้นมาจากน้ำกำลังจะพยายามดันตัวเองให้ลุกขึ้น แต่ทว่าใบหน้ายังคงซีดเซียว ดวงตาปรือ และยังมีแรงไม่มาก อี้เฟยจึงรีบเข้าไปช่วยพยุงตัวให้ลุกขึ้นนั่งได้

“ไหวไหม เดี๋ยวข้าช่วย”

“เจ้าเป็นใคร” น้ำเสียงแหบพร่าเอ่ยถาม ใบหน้าซีดขาวแสดงออกถึงความมึนงงเมื่อเห็นสตรีที่ไม่คุ้นตา

“ข้าชื่อว่าอี้เฟย เป็นบุตรสาวของชาวประมง ที่อาศัยอยู่ในเมืองเฟยเยี่ย ข้ากับบิดาเห็นว่าเจ้าลอยน้ำมาติดอยู่ที่โพงพางก็เลยช่วยเอาไว้ จริงสิ ทำไมเจ้าถึงตกน้ำได้ล่ะ”

“เรือของข้าล่ม นอกจากข้าแล้ว เจ้าช่วยใครได้อีกหรือไม่”

อี้เฟยส่ายหน้า ทำให้อีกฝ่ายหน้าเศร้าไปทันที ความรู้สึกไม่ดีจึงเริ่มลอยเข้ามาทำให้บรรยากาศหม่นหมอง อี้เฟยจึงพยายามเปลี่ยนบรรยากาศโดยการเอ่ยถามไถ่อีกฝ่ายเพิ่มเติม เพื่อให้เขาหลงลืมความทุกข์ไปให้ได้ชั่วขณะ

“แล้วเจ้าชื่อว่าอะไรอย่างนั้นเหรอ”

“ข้าชื่อว่าเกอหลง”

“อืม…เกอหลง แล้วเจ้ามาจากที่ใด”

“ข้ามาจากเมืองหลวง ล่องเรือออกท่องเที่ยว แต่เมื่อมาถึงเมืองเฟยเยี่ยก็ประสบกับมรสุมลูกใหญ่จึงทำให้เรือล่ม”

“ถ้าเป็นอย่างนั้นเจ้าก็อยู่ที่นี่ต่อเพื่อรักษาตัวให้หายดีก่อน ถ้าหายดีแล้ว ข้าจะให้บิดาพาเจ้าไปส่งที่เมืองหลวงดีหรือไม่”

“อืม…ข้าขอบคุณเจ้ากับบิดาที่ช่วยชีวิตข้า”

“เรื่องเล็กน้อย อย่าคิดมากเลย ถ้าอย่างนั้นข้าออกไปต้มยาให้เจ้าต่อก่อนก็แล้วกัน ส่วนเจ้าก็นอนพักผ่อนต่อเถอะ ใบหน้าของเจ้าดูยังไม่ค่อยสู้ดีเท่าไร”

หลายวันต่อมาอาการของเกอหลงดีขึ้นเรื่อย ๆ และนอกจากนี้ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับอี้เฟยก็พัฒนาขึ้นไปด้วย เนื่องจากทั้งสองอยู่ด้วยกันแทบจะตลอดทั้งเวลา จะแยกจากกันก็เฉพาะตอนนอนเท่านั้น และวันนี้ก็เป็นอีกวันที่เกอหลงตื่นแต่เช้าเพื่ออาสาออกหาปลากับอี้เฟยแทนบิดาของนาง

เมื่อเกอหลงกับอี้เฟยขึ้นมาบนเรือหาปลาแล้ว อี้เฟยก็หันไปเอ่ยถามบุรุษข้างหลังตนที่กำลังจับไม้พายจุ่มน้ำเตรียมออกเดินทาง

“เจ้าจับปลาเป็นด้วยเหรอ”

“เป็นสิ ตอนที่อยู่เมืองหลวงข้าชอบชวนเหล่าสหายออกตกปลาด้วยกันอยู่บ่อย ๆ ข้าชอบหาปลาเป็นอย่างมาก”

“ว่าแต่ตอนที่อยู่เมืองหลวงเจ้าทำงานทำการอันใดอย่างนั้นเหรอ ทำไมดูเจ้ามีเวลาเที่ยวเล่นมากนัก”

“อะ เอ่อ…ข้าทำการค้าเล็ก ๆ ที่ได้รับมรดกตกทอดมาจากตระกูลน่ะ เป็นกิจการที่เล็กมาก ๆ”

เกอหลงพยายามเน้นคำว่าเล็กจนทำให้อี้เฟยรู้สึกตะหงิดใจ แต่ก็มิได้ถึงกับต้องเค้นเอาความจริงจากอีกฝ่ายให้ได้

“อย่างนั้นเองเหรอ ข้าว่าเจ้าดูไม่เหมือนสามัญชนคนธรรมทั่วไปเลยนะ”

อี้เฟยพูดพร้อมกับจับจ้องไปที่ใบหน้าของเกอหลงจนอีกฝ่ายเลิ่กลั่ก ทำตัวไม่ถูก มีท่าทีประหม่าอย่างเห็นได้ชัด จนกระทั่งอี้เฟยเอ่ยออกมาอีกประโยค

“ที่แท้เจ้าก็คือเถ้าแก่นี่เอง”

สิ้นสุดคำพูดของอี้เฟย นางก็หันหน้ากลับไป เกอหลงจึงลอบพ่นลมหายใจพรืดราวกับได้หลุดพ้นกับอะไรบางอย่าง ก่อนจะกล่าวตอบกลับไปอีกเพื่อความแนบเนียน

“เจ้าก็กล่าวเกินไป เป็นเพียงแค่การค้าเล็ก ๆ เท่านั้นเจ้าอย่าใส่ใจนักเลย เรามาหาปลากันเถอะ”

เกอหลงพยายามที่จะปกปิดตัวเอง เพราะความจริงแล้วนั้นเขาเป็นองค์รัชทายาทเจ้าสำราญที่ออกท่องเที่ยวก่อนที่จะต้องขึ้นเป็นฮ่องเต้ แต่ดันเกิดเหตุการณ์เรือล่มขึ้นมาเสียก่อน และที่เกอหลงไม่พูดความจริงนั้น ก็เพราะว่าเขาเริ่มจะรู้สึกดีกับบุตรสาวชาวประมงธรรมดาคนนี้เข้าให้เสียแล้ว และก็กลัวว่าถ้าหากนางรู้ว่าเขาเป็นใคร นางจะไม่ให้ความสนิทสนมเช่นนี้อีกต่อไป

“อืม เจ้าพายเรือไปตรงนั้นให้ข้าที”

“ได้เลย”

อี้เฟยพูดพร้อมกับชี้บอกทิศทาง และเมื่อล่องเรือออกมาจากชายฝั่งและถึงจุดที่จะหาปลาแล้ว อี้เฟยก็ลุกขึ้นไปยืนตรงบริเวณหัวเรือ หยิบไม้ไผ่ที่วางอยู่มาปักไปที่เลนใต้น้ำส่วนอีกมือนั้นก็ยกสุ่มจับปลามาปักลงไปในน้ำเช่นกัน แต่จังหวะที่จะดึงสุ่มขึ้นนั้น ด้วยความที่ตรงไม้ไผ่ปักมันเป็นดินที่ค่อนข้างอ่อนเกินไปทำให้อี้เฟยเสียหลักเซจะล้มพร้อมกับร้องเสียงหลงออกมา

“อ๊ะ! ว๊าย!”

แต่โชคดีที่เกอหลงพุ่งเข้าไปรับตัวของอี้เฟยไว้ได้ทัน ตอนนี้ทั้งสองคนอยู่ในท่วงท่าที่ใบหน้าใกล้กันมาก สองคนสบสายตากัน แต่ดูเหมือนว่าใบหน้าสากจะไม่หยุดนิ่ง ค่อย ๆ เคลื่อนเข้ามาใกล้ใบหน้าเนียนสวยเรื่อย ๆ จนกระทั่งอีกฝ่ายไหวตัวทันจึงรีบหันหลบและดันร่างหนาให้ออกไปจากการเกาะกุมเมื่อตั้งหลักได้แล้ว

ตอนนี้กลับกลายเป็นว่าทั้งคู่เอาแต่เงียบ เพราะทำตัวไม่ถูก ผิวเนียนนุ่มของอี้เฟยเจื่อสีแดงจาง ๆ ตรงข้างแก้ม ส่วนเกอหลงก็ยกมือลูบต้นคอ ริมฝีปากยกยิ้มอย่างเขิน ๆ เหตุการณ์ครั้งนี้เหมือนย้ำเตือนให้เกอหลงรู้ใจของตัวเองมากขึ้น แต่เพื่อกู้สถานการณ์ให้กลับมาเป็นปกติ เกอหลงต้องแสร้งทำเป็นว่าตัวไม่ได้รู้สึกอะไร

“ระวังหน่อยสิ”

“อะ อืม”

หลังจากที่เกอหลงกับอี้เฟยช่วยกันหาปลามาได้จำนวนหนึ่งแล้ว ก็พากันเดินไปขายที่ตลาด และเมื่อขายหมดเรียบร้อยแล้วก็เดินทางกลับ ระหว่างทางต้องเดินลัดเลาะภูเขาลูกหนึ่งเป็นปกติ แต่วันนี้ไม่เหมือนกับทุกวัน เพราะอี้เฟยมีอาการเจ็บที่ข้อเท้าตั้งแต่ตอนนี้จะหล่นเรือ คาดว่าตอนนั้นข้อเท้าน่าจะพลิก เดินไปอยู่ดี ๆ อี้เฟยก็หยุดและทำหน้านิ่วด้วยความเจ็บปวด

ส่วนเกอหลงที่เดินนำไปไม่ไกลเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้เดินตามมาจึงหยุดแล้วหันหลังกลับไปมองทันเห็นตอนที่อี้เฟยมีสีหน้าเหยเกพอดีจึงเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง

“นั่นเจ้าเป็นอะไรไป”

“ไม่เป็นไร ๆ รีบไปกันเถอะ ข้าไหวแค่เจ็บข้อเท้านิดหน่อย”

“มาให้ข้าดูหน่อย”

“ไม่ต้อง”

“อย่าดื้อน่า”

คำว่าอย่าดื้อจากปากของเกอหลงทำให้อี้เฟยชะงักและยอมให้อีกฝ่ายก้มลงดูข้อเท้าของตนเองแต่โดยดี โดยที่นางก็ไม่รู้เหตุผลเหมือนกันว่าทำไม

“อะ โอ๊ย”

“ข้อเท้าพลิกอย่างนั้นเหรอ แล้วทำไมไม่รีบบอก ข้าจะได้ไม่พาเจ้าเดินไกลเช่นนี้”

“ข้าไม่ได้เป็นอะไรมาก ไปกันเถอะ ถึงเรือนแล้วข้าจะเอายามาทา ไม่นานก็คงหายดีแล้วล่ะ”

“แล้วแบบนี้จะเดินต่อไปได้อย่างไร ลุกขึ้น เดี๋ยวข้าจะแบกเจ้าเอง”

“มะ ไม่ต้อง”

“ขึ้นมาเถอะน่า”

เกอหลงไม่สนคำคัดค้านของอี้เฟย เขายื่นมือไปให้อีกฝ่ายจับแล้วประคองตัวเองขึ้นมา ก่อนที่จะย่อตัวตั้งท่าให้คนเจ็บขาขึ้นหลังตนมา และหนทางที่เหลือต่อจากนี้เกอหลงก็เป็นฝ่ายนำพาอี้เฟยไปยังจุดหมาย ดูเหมือนว่าตอนนี้อี้เฟยก็เริ่มที่จะรู้สึกหวั่นไหวไปกับความแสนดีของเกอหลงแล้วเหมือนกัน

อ่านต่อ

หนังสืออื่นๆ ของ จิรัฐติกาล

ข้อมูลเพิ่มเติม

หนังสือที่คุณอาจชอบ

ต้องมนต์บุปผา

ต้องมนต์บุปผา

ซีไซต์
5.0

หลิวซือซือผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งที่นอกจากรูปร่างหน้าตาที่สวยหยดย้อยแล้ว แทบจะไม่มีความสามารถหรือความโดดเด่นในเรื่องอื่น และหากจะว่ากันไปหญิงสาวก็เป็นคนที่ค่อนข้างใสซื่อบริสุทธิ์อยู่ไม่น้อย เพราะได้รับการรับเลี้ยงประดุจไข่ในหินจากผู้เป็นพ่อและแม่ที่มีฐานะไม่ธรรมดา เธอรักในอาชีพนักแสดงแม้พ่อแม่จะคัดค้านแต่สุดท้ายก็ตามใจเธอเพราะไม่ต้องการให้ลูกสาวเสียใจ อยู่มาวันหนึ่งด้วยบทบาทที่ต้องแสดงในซีรีส์ย้อนยุค ทำให้พ่อของเธอหาขลุ่ยโบราณเล่มหนึ่งมาให้ ตั้งแต่ได้รับขลุ่ยมาหลิวซือซือก็มักฝันประหลาด ว่าเธอได้พบผู้ชายคนหนึ่งในเขาเป็นแม่ทัพอยู่ระหว่างสงครามอีกทั้งตนเองยังมีโอกาสช่วยเขาหลายครั้ง ที่น่าประหลาดใจคือ ฝันนั้นของเธอเหมือนจะเป็นความจริงไปแล้ว เขาคือใครและเกี่ยวข้องกับเธอด้วยเหตุใด ทำไมเธอจึงมักฝันประหลาดเช่นนี้???

บัวยั่วเพลิง

บัวยั่วเพลิง

นลพรรณ
5.0

"คุณจะทำอะไร" บัวบูชา ถามเสียงตื่น ถ้าเขายังรังแกกันอีก เธอจะสู้จนขาดใจ หากสิ่งที่เขาบอกนั้นทำให้หญิงสาวชะงัก ไม่มั่นใจว่าได้ยินถูกหรือเปล่า "ผมจะใส่กางเกงให้คุณ" "ไม่ต้อง ฉันไม่ให้คุณใส่" "นั่งนิ่งๆ เถอะ" แม็กซ์เวล ดึงข้อเท้าขาวสะอาดทั้งสองข้างเข้าหาตัวเอง จนเธอร้องวี้ด ถลารูดไปบนโซฟา แล้วยันกายขึ้นนั่งอย่างทุลักทุเล ขณะที่คนตัวใหญ่ตั้งหน้าตั้งตาจะสวมกางเกงยีนให้โดยไม่สนใจว่าเธออยู่ในสภาพไหน กระทั่งกางเกงยีนกระชับเรือนร่างถูกดึงผ่านสะโพกผายตึงและก้นงามงอนได้สำเร็จ มือแข็งแรงจึงรูดซิบแล้วติดกระดุมให้เป็นขั้นตอนสุดท้าย... ชายหนุ่มถอนหายใจเฮือกใหญ่ โดยที่สายตายังจับอยู่ที่ผลงานตัวเองอย่างพอใจ "เสร็จสักที ตอนถอดไม่เห็นยากอย่างนี้เลย"

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ