วาสนาชะตารักมังกร

วาสนาชะตารักมังกร

จิรัฐติกาล

5.0
ความคิดเห็น
1.8K
ชม
20
บท

อี้เฟยเป็นเพียงหญิงชาวบ้านริมทะเล วันหนึ่งเจอกับบุรุษริมทะเลที่บาดเจ็บจึงพากลับบ้านรักษาอย่างดี จนกระทั่งสองคนได้มีความรักต่อกัน หากแต่จู่ๆ บุรุษผู้นั้นก็หายไป พร้อมทิ้งลูกแฝดให้นางเลี้ยงดู อี้เฟยต้องเลี้ยงลูกสองคนท่ามกลางการกรนด่าจากชาวบ้าน อดทนรอว่าวันหนึ่งบุรุษผู้นั้นจะกลับมาโดยไม่รู้เลยว่าเขาเป็นใคร

บทที่ 1 พบเจอสตรีงาม

เฟยเยี่ย เมืองเล็ก ๆ อันแสนสงบ ที่อยู่ในภูมิภาคขนาดเล็กที่มีเขตชายฝั่งยาวตลอดทั้งเมือง ชาวบ้านส่วนใหญ่จึงดำเนินชีวิตด้วยการยึดอาชีพชาวประมง ซึ่งเมืองเฟยเยี่ยนั้นจัดว่ามีทัศนียภาพที่สวยงาม นับเป็นหนึ่งในสิบสวรรค์ของบรรดาคนในเมืองหลวง นอกจากนี้ยังมีพื้นที่ป่าชายเลนและดินโคลนที่กว้างใหญ่ไพศาลที่สุดในประเทศ ทั้งยังติดเขตชายฝั่งยาวกว่าหลายพันลี้อีกด้วย

ขณะนี้เขตฝั่งทะเลก็ได้มีเรือสำเภาลำเล็ก ๆ กำลังแล่นฝ่าคลื่นลมปราณพิโรธมาอย่างทุลักทุเล เนื่องจากช่วงนี้เป็นช่วงที่มีลมมรสุม ส่งผลให้คลื่นลมแรง เรือสำเภาลำเล็กในตอนนี้กำลังโครงเครงไปมา เพราะผู้บังคับเรือเริ่มจะต้านลมมรสุมเอาไว้ไม่อยู่ จึงทำให้เกิดเรื่องที่ไม่คาดคิดขึ้น

ซ่าส์! โครม!

รุ่งสางของวันต่อมา ในเมืองของเหล่าชาวประมงอันแสนสงบที่มีนามว่าเฟยเยี่ยแห่งนี้ เพียงแค่ช่วงยามเหม่าเท่านั้น แทบจะทุกชีวิตในเมืองก็เริ่มลืมตาตื่นตามวิถีชีวิตชาวชนบท อาทิตย์ยามเช้าลอยสูงขึ้น ทอแสงอ่อน ๆ จับเสี้ยวหน้างามพิลาศล้ำ ดวงหน้าเกลี้ยงเกลากระจ่างหมดจด ริมฝีปากบางแต้มด้วยชาดสีแดงขับผิวผุดผาดในชุดสตรีชาวบ้านธรรมดา แต่กลับดูงดงาม เปรียบได้ว่าเป็นโฉมสะคราญหยาดฟ้ามาสู่ดินผู้หนึ่งก็ว่าได้

ซึ่งบุปผางามผู้นี้มีนามว่า หลินอี้เฟย กำลังช่วยผู้เป็นบิดาของตนออกหาปลาตั้งแต่ตะวันยังไม่โผล่พ้นขอบฟ้า อี้เฟยเป็นสตรีที่มีนิสัยอ่อนโยนและอ่อนหวาน แต่ในขณะเดียวกันก็มีจิตใจที่เด็ดเดี่ยวและแข็งแกร่งอยู่ไม่น้อย

และในขณะที่อี้เฟยกับบิดากำลังหาปลาไปขายที่ตลาดเช้าเฉกเช่นทุกวันนั้น อยู่ดี ๆ ดวงตาสวยก็ไปสะดุดที่ริมชายฝั่ง ซึ่งตรงนั้นเหมือนมีบางสิ่งบางอย่างที่รูปร่างคล้ายกับมนุษย์ลอยอยู่เหนือน้ำ นางจึงรีบหันไปบอกผู้เป็นบิดาด้วยท่าทางตระหนกตกใจ

“ท่านพ่อ ๆ นั่นคนใช่หรือไม่เจ้าคะ”

“เพ้อเจ้อแล้ว ในน้ำจะมีคนได้อย่างไรกัน”

“แต่ตรงนั้นที่ลอยอยู่มันเหมือนคนมากเลยนะเจ้าคะ”

เมื่อบุตรสาวรบเร้าหนักเข้า บิดาก็อดที่จะทอดสายตาไปยังที่บุตรสาวชี้บอกไม่ได้ และเมื่อเพ่งมองดูดี ๆ ก็เริ่มที่จะคิดเหมือนกับบุตรสาวแล้วว่าตรงนั้นมีคนลอยติดโพงพางที่ใช้ดักปลาของชาวบ้านอยู่ แต่เพื่อความแน่ใจจึงพายเรือเข้าไปดูใกล้ ๆ

และเมื่อพายเรือมาถึงก็เห็นว่าเบื้องหน้าเป็นคนจริง ๆ สองพ่อลูกทำหน้าตาตื่นตกใจ พูดด้วยน้ำเสียงลนลานพร้อม ๆ กัน

“คนจริง ๆ ด้วย เขายังมีชีวิตอยู่ไหมนั่น”

มือหนารีบจ้ำไม้พายพาเรือให้ไปถึงชายฝั่งโดยเร็ว ก่อนที่ร่างระหงจะรีบลงจากเรือเพื่อช่วยดึงคนที่ลอยมาติดโพงพางขึ้นมาบนบก และเมื่อดึงขึ้นมาได้ อี้เฟยก็พยายามจับชีพจรเพื่อตรวจสอบดูว่าบุรุษผู้นี้ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ ปรากฏว่าชีพจรยังเต้นอยู่แต่เต้นอ่อนแรงมาก

“ชีพจรยังเต้นอยู่เจ้าค่ะ แต่ว่าเต้นอ่อนมาก ลูกคิดว่าเราควรพาเขากลับไปรักษาที่เรือนของเราก่อน”

ผู้เป็นพ่อพยักหน้าอย่างเห็นด้วย ก่อนจะเป็นฝ่ายอุ้มชายผู้ที่กำลังหมดสติขึ้นมาบนเรือและพากลับไปรักษาตัวที่เรือนของตน

จิ๊บ! จิ๊บ!

เสียงนกร้องที่ระบุสายพันธุ์ไม่ได้ บินมาเกาะที่ขอบหน้าต่างของเรือนแพหลังกะทัดรัด แสงแดดก็สาดส่องลอดผ่านช่องว่างของไม้ยืนต้นเตี้ย ๆ ที่ใบลีบผอมเข้ามากระทบเปลือกตาบางของคนที่กำลังหลับฝันให้ตื่นขึ้น

“ท่านอ๋อง จับมือของกระหม่อมเอาไว้ขอรับ ท่านอ๋อง!”

“ช่วยด้วย!”

คนที่พึ่งฟื้นคืนสติตะโกนลั่นเรือนหลังจากนอนหลับไปหนึ่งวันเต็ม ๆ จนผู้ที่กำลังต้มยาอยู่ข้างนอกต้องรีบวางมือแล้ววิ่งหน้าตาตื่นมาด้วยความตกใจเมื่อได้ยินเสียงร้อง

อี้เฟยที่วิ่งตาตื่นมาดูก็เห็นว่าบุรุษผู้นั้นที่ตนเองกับบิดาช่วยเหลือขึ้นมาจากน้ำกำลังจะพยายามดันตัวเองให้ลุกขึ้น แต่ทว่าใบหน้ายังคงซีดเซียว ดวงตาปรือ และยังมีแรงไม่มาก อี้เฟยจึงรีบเข้าไปช่วยพยุงตัวให้ลุกขึ้นนั่งได้

“ไหวไหม เดี๋ยวข้าช่วย”

“เจ้าเป็นใคร” น้ำเสียงแหบพร่าเอ่ยถาม ใบหน้าซีดขาวแสดงออกถึงความมึนงงเมื่อเห็นสตรีที่ไม่คุ้นตา

“ข้าชื่อว่าอี้เฟย เป็นบุตรสาวของชาวประมง ที่อาศัยอยู่ในเมืองเฟยเยี่ย ข้ากับบิดาเห็นว่าเจ้าลอยน้ำมาติดอยู่ที่โพงพางก็เลยช่วยเอาไว้ จริงสิ ทำไมเจ้าถึงตกน้ำได้ล่ะ”

“เรือของข้าล่ม นอกจากข้าแล้ว เจ้าช่วยใครได้อีกหรือไม่”

อี้เฟยส่ายหน้า ทำให้อีกฝ่ายหน้าเศร้าไปทันที ความรู้สึกไม่ดีจึงเริ่มลอยเข้ามาทำให้บรรยากาศหม่นหมอง อี้เฟยจึงพยายามเปลี่ยนบรรยากาศโดยการเอ่ยถามไถ่อีกฝ่ายเพิ่มเติม เพื่อให้เขาหลงลืมความทุกข์ไปให้ได้ชั่วขณะ

“แล้วเจ้าชื่อว่าอะไรอย่างนั้นเหรอ”

“ข้าชื่อว่าเกอหลง”

“อืม…เกอหลง แล้วเจ้ามาจากที่ใด”

“ข้ามาจากเมืองหลวง ล่องเรือออกท่องเที่ยว แต่เมื่อมาถึงเมืองเฟยเยี่ยก็ประสบกับมรสุมลูกใหญ่จึงทำให้เรือล่ม”

“ถ้าเป็นอย่างนั้นเจ้าก็อยู่ที่นี่ต่อเพื่อรักษาตัวให้หายดีก่อน ถ้าหายดีแล้ว ข้าจะให้บิดาพาเจ้าไปส่งที่เมืองหลวงดีหรือไม่”

“อืม…ข้าขอบคุณเจ้ากับบิดาที่ช่วยชีวิตข้า”

“เรื่องเล็กน้อย อย่าคิดมากเลย ถ้าอย่างนั้นข้าออกไปต้มยาให้เจ้าต่อก่อนก็แล้วกัน ส่วนเจ้าก็นอนพักผ่อนต่อเถอะ ใบหน้าของเจ้าดูยังไม่ค่อยสู้ดีเท่าไร”

หลายวันต่อมาอาการของเกอหลงดีขึ้นเรื่อย ๆ และนอกจากนี้ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับอี้เฟยก็พัฒนาขึ้นไปด้วย เนื่องจากทั้งสองอยู่ด้วยกันแทบจะตลอดทั้งเวลา จะแยกจากกันก็เฉพาะตอนนอนเท่านั้น และวันนี้ก็เป็นอีกวันที่เกอหลงตื่นแต่เช้าเพื่ออาสาออกหาปลากับอี้เฟยแทนบิดาของนาง

เมื่อเกอหลงกับอี้เฟยขึ้นมาบนเรือหาปลาแล้ว อี้เฟยก็หันไปเอ่ยถามบุรุษข้างหลังตนที่กำลังจับไม้พายจุ่มน้ำเตรียมออกเดินทาง

“เจ้าจับปลาเป็นด้วยเหรอ”

“เป็นสิ ตอนที่อยู่เมืองหลวงข้าชอบชวนเหล่าสหายออกตกปลาด้วยกันอยู่บ่อย ๆ ข้าชอบหาปลาเป็นอย่างมาก”

“ว่าแต่ตอนที่อยู่เมืองหลวงเจ้าทำงานทำการอันใดอย่างนั้นเหรอ ทำไมดูเจ้ามีเวลาเที่ยวเล่นมากนัก”

“อะ เอ่อ…ข้าทำการค้าเล็ก ๆ ที่ได้รับมรดกตกทอดมาจากตระกูลน่ะ เป็นกิจการที่เล็กมาก ๆ”

เกอหลงพยายามเน้นคำว่าเล็กจนทำให้อี้เฟยรู้สึกตะหงิดใจ แต่ก็มิได้ถึงกับต้องเค้นเอาความจริงจากอีกฝ่ายให้ได้

“อย่างนั้นเองเหรอ ข้าว่าเจ้าดูไม่เหมือนสามัญชนคนธรรมทั่วไปเลยนะ”

อี้เฟยพูดพร้อมกับจับจ้องไปที่ใบหน้าของเกอหลงจนอีกฝ่ายเลิ่กลั่ก ทำตัวไม่ถูก มีท่าทีประหม่าอย่างเห็นได้ชัด จนกระทั่งอี้เฟยเอ่ยออกมาอีกประโยค

“ที่แท้เจ้าก็คือเถ้าแก่นี่เอง”

สิ้นสุดคำพูดของอี้เฟย นางก็หันหน้ากลับไป เกอหลงจึงลอบพ่นลมหายใจพรืดราวกับได้หลุดพ้นกับอะไรบางอย่าง ก่อนจะกล่าวตอบกลับไปอีกเพื่อความแนบเนียน

“เจ้าก็กล่าวเกินไป เป็นเพียงแค่การค้าเล็ก ๆ เท่านั้นเจ้าอย่าใส่ใจนักเลย เรามาหาปลากันเถอะ”

เกอหลงพยายามที่จะปกปิดตัวเอง เพราะความจริงแล้วนั้นเขาเป็นองค์รัชทายาทเจ้าสำราญที่ออกท่องเที่ยวก่อนที่จะต้องขึ้นเป็นฮ่องเต้ แต่ดันเกิดเหตุการณ์เรือล่มขึ้นมาเสียก่อน และที่เกอหลงไม่พูดความจริงนั้น ก็เพราะว่าเขาเริ่มจะรู้สึกดีกับบุตรสาวชาวประมงธรรมดาคนนี้เข้าให้เสียแล้ว และก็กลัวว่าถ้าหากนางรู้ว่าเขาเป็นใคร นางจะไม่ให้ความสนิทสนมเช่นนี้อีกต่อไป

“อืม เจ้าพายเรือไปตรงนั้นให้ข้าที”

“ได้เลย”

อี้เฟยพูดพร้อมกับชี้บอกทิศทาง และเมื่อล่องเรือออกมาจากชายฝั่งและถึงจุดที่จะหาปลาแล้ว อี้เฟยก็ลุกขึ้นไปยืนตรงบริเวณหัวเรือ หยิบไม้ไผ่ที่วางอยู่มาปักไปที่เลนใต้น้ำส่วนอีกมือนั้นก็ยกสุ่มจับปลามาปักลงไปในน้ำเช่นกัน แต่จังหวะที่จะดึงสุ่มขึ้นนั้น ด้วยความที่ตรงไม้ไผ่ปักมันเป็นดินที่ค่อนข้างอ่อนเกินไปทำให้อี้เฟยเสียหลักเซจะล้มพร้อมกับร้องเสียงหลงออกมา

“อ๊ะ! ว๊าย!”

แต่โชคดีที่เกอหลงพุ่งเข้าไปรับตัวของอี้เฟยไว้ได้ทัน ตอนนี้ทั้งสองคนอยู่ในท่วงท่าที่ใบหน้าใกล้กันมาก สองคนสบสายตากัน แต่ดูเหมือนว่าใบหน้าสากจะไม่หยุดนิ่ง ค่อย ๆ เคลื่อนเข้ามาใกล้ใบหน้าเนียนสวยเรื่อย ๆ จนกระทั่งอีกฝ่ายไหวตัวทันจึงรีบหันหลบและดันร่างหนาให้ออกไปจากการเกาะกุมเมื่อตั้งหลักได้แล้ว

ตอนนี้กลับกลายเป็นว่าทั้งคู่เอาแต่เงียบ เพราะทำตัวไม่ถูก ผิวเนียนนุ่มของอี้เฟยเจื่อสีแดงจาง ๆ ตรงข้างแก้ม ส่วนเกอหลงก็ยกมือลูบต้นคอ ริมฝีปากยกยิ้มอย่างเขิน ๆ เหตุการณ์ครั้งนี้เหมือนย้ำเตือนให้เกอหลงรู้ใจของตัวเองมากขึ้น แต่เพื่อกู้สถานการณ์ให้กลับมาเป็นปกติ เกอหลงต้องแสร้งทำเป็นว่าตัวไม่ได้รู้สึกอะไร

“ระวังหน่อยสิ”

“อะ อืม”

หลังจากที่เกอหลงกับอี้เฟยช่วยกันหาปลามาได้จำนวนหนึ่งแล้ว ก็พากันเดินไปขายที่ตลาด และเมื่อขายหมดเรียบร้อยแล้วก็เดินทางกลับ ระหว่างทางต้องเดินลัดเลาะภูเขาลูกหนึ่งเป็นปกติ แต่วันนี้ไม่เหมือนกับทุกวัน เพราะอี้เฟยมีอาการเจ็บที่ข้อเท้าตั้งแต่ตอนนี้จะหล่นเรือ คาดว่าตอนนั้นข้อเท้าน่าจะพลิก เดินไปอยู่ดี ๆ อี้เฟยก็หยุดและทำหน้านิ่วด้วยความเจ็บปวด

ส่วนเกอหลงที่เดินนำไปไม่ไกลเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้เดินตามมาจึงหยุดแล้วหันหลังกลับไปมองทันเห็นตอนที่อี้เฟยมีสีหน้าเหยเกพอดีจึงเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง

“นั่นเจ้าเป็นอะไรไป”

“ไม่เป็นไร ๆ รีบไปกันเถอะ ข้าไหวแค่เจ็บข้อเท้านิดหน่อย”

“มาให้ข้าดูหน่อย”

“ไม่ต้อง”

“อย่าดื้อน่า”

คำว่าอย่าดื้อจากปากของเกอหลงทำให้อี้เฟยชะงักและยอมให้อีกฝ่ายก้มลงดูข้อเท้าของตนเองแต่โดยดี โดยที่นางก็ไม่รู้เหตุผลเหมือนกันว่าทำไม

“อะ โอ๊ย”

“ข้อเท้าพลิกอย่างนั้นเหรอ แล้วทำไมไม่รีบบอก ข้าจะได้ไม่พาเจ้าเดินไกลเช่นนี้”

“ข้าไม่ได้เป็นอะไรมาก ไปกันเถอะ ถึงเรือนแล้วข้าจะเอายามาทา ไม่นานก็คงหายดีแล้วล่ะ”

“แล้วแบบนี้จะเดินต่อไปได้อย่างไร ลุกขึ้น เดี๋ยวข้าจะแบกเจ้าเอง”

“มะ ไม่ต้อง”

“ขึ้นมาเถอะน่า”

เกอหลงไม่สนคำคัดค้านของอี้เฟย เขายื่นมือไปให้อีกฝ่ายจับแล้วประคองตัวเองขึ้นมา ก่อนที่จะย่อตัวตั้งท่าให้คนเจ็บขาขึ้นหลังตนมา และหนทางที่เหลือต่อจากนี้เกอหลงก็เป็นฝ่ายนำพาอี้เฟยไปยังจุดหมาย ดูเหมือนว่าตอนนี้อี้เฟยก็เริ่มที่จะรู้สึกหวั่นไหวไปกับความแสนดีของเกอหลงแล้วเหมือนกัน

อ่านต่อ

หนังสืออื่นๆ ของ จิรัฐติกาล

ข้อมูลเพิ่มเติม

หนังสือที่คุณอาจชอบ

หงส์ขย่มมังกร(นิยายรักสำหรับผู้ใหญ่)

หงส์ขย่มมังกร(นิยายรักสำหรับผู้ใหญ่)

ซีไซต์
5.0

รูรักอันบริสุทธิ์เมื่อถูกปลายลิ้นร้อนของชายหนุ่มเป็นครั้งแรกดูเหมือนว่าจะตอบสนองได้เป็นอย่างดี ร่องของนางขมิบรัว สะโพกของนางยกขึ้นยังเด้งเข้าไปหาปากร้อน ฝ่าบาทเก่งกาจยังสามารถแยงลิ้นเข้าไปในรู อันซูเซี่ยถูกทาขี้ผึ้งหอมรอบปากทาง ขี้ผึ้งนี้นอกจากจะมีรสชาติดีส่งเสริมรสน้ำรักของนางแล้วยังมีคุณสมบัติอันวิเศษ แม้จะเป็นหญิงพรหมจรรย์ก็จะไม่รู้สึกเจ็บปวด และเผลอทำร้ายฝ่าบาทจนบาดเจ็บ อี้หลงดูดแบะขาของนางให้กว้างขึ้นแล้วรวบขึ้นไปให้ขาชี้ฟ้า จากนั้นมุดใบหน้าลงมาอย่างหลงใหล “หอมอร่อยเหลือเกิน รู้สึกเหมือนดื่มสุราไม่เมามาย อ้า ข้าชอบยิ่ง หอยของฮองเฮาช่างใหญ่โต ดูโคกเนื้อโยนีแทบจะล้นริมฝีปากของข้า สีแดงเช่นนี้คงไม่เคยผ่านสิ่งใดมาก่อน บริสุทธิ์ยิ่งนัก ซี้ด” นางดิ้นเร่าอยู่ในปาก ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรนอกจากเชื่อฟังในคำของฝ่าบาท “อืม อร่อยยิ่งนัก อ้า ข้าไม่ไหวแล้วขอดูหน้าฮองเฮาของข้าหน่อยเถิด” ดูเหมือนว่าร่องรักของนางยังขมิบ นางไม่อยากให้เขาเงยหน้าขึ้นจากตรงนั้นด้วยซ้ำ อยากถูกปลายลิ้นเลียเช่นนั้นจนกว่านางจะได้รับการปลดปล่อย “อ้า ฝ่าบาทเพคะ อย่าหยุดเพคะ อื้อ” นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายรักสำหรับผู้ใหญ่ มี 2 เล่มจบ เป็นนิยายแบบพล็อตอ่อน เน้นฉากรักบนเตียงของตัวละครเป็นหลัก เหมาะสำหรับผู้มีอายุ 25 ปีขึ้นไป ไม่เหมาะสำหรับสายคลีนใส ๆ นะคะ หากใครไม่ชอบอ่าน NC เยอะ ๆ กรุณาเลื่อนผ่าน เพราะเรื่องนี้เน้น NC เป็นหลักค่ะ ซีไซต์ นักเขียน

เมียผมน่ารักจัง

เมียผมน่ารักจัง

Penn Tofallis
4.9

กู้ชิงเฉิงเชื่อมั่นมาตลอดว่าตราบใดที่เธอประพฤติตัวดี สักวันหนึ่ง เธอก็จะสามารถชนะใจมู่ถิงเซียวให้ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเสิ่นถัง รักแรกที่เขาคิดถึงมาตลอดกลับมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กู้ชิงเฉิงเป็นคนว่าง่ายสอนง่ายจริงๆ เธอจัดงานแต่งงานด้วยคนเดียว และนอนคนเดียวในห้องผ่าตัดเพื่อรับการรักษาฉุกเฉิน มีข่าวลือว่าเธอบ้าไปแล้ว อันที่จริงเธอบ้าไปแล้วจริงๆ ที่รักใครสักคนอย่างไม่ละอายขนาดนี้ ต่อมา ทุกคนลือกันว่า กู้ชิงเฉิงป่วยหนักและกำลังจะเสียชีวิต มู่ถิงเซียวถึงสูญเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง "ฉันไม่ปล่อยให้เธอตาย" แต่เธอกลับยิ้มอย่างนิ่งๆ ว่า "ดีจังเลย ฉันเป็นอิสระแล้ว" ใช่แล้ว ไม่ต้องการกู้ชิงเฉิงอีกแล้ว"

ข้าคือดาวมงคลน้อยหลินลู่ฉี

ข้าคือดาวมงคลน้อยหลินลู่ฉี

มาชาวีร์
5.0

เมื่อยมทูตหน้าใหม่ดึงวิญญาณมาผิดดวง เพื่อรักษาไว้ซึ่งสมดุลของโลกวิญญาณ หลินลู่ฉีผู้มีปราณมงคลในยุคปัจจุบัน จึงถูกส่งไปยังต่างโลก สวมร่างเด็กน้อยวัยสามขวบ ที่เพิ่งถูกงูกัดตายด้านหลังอารามเต๋า เจ้าอาวาสไม่อาจยอมรับวิญญาณสวมร่างได้ แต่เมื่อขับไล่วิญญาณร้ายออกจากร่างกายไม่ได้ จึงจำเป็นต้องขับไล่คน ออกจากอารามแทน ++++ "อนิจจาวาสนาเด็กน้อยได้ดับสิ้นลงแล้ว จี้คงเตรียมพิธีสวดส่งวิญญาณให้นางเถอะ" นักพรตเฒ่าสั่งการลูกศิษย์ตัวน้อย หันหลังหมายจะเดินกลับไปยังที่พักของตน "ขอรับท่านอาจารย์" จี้คงขานรับคำสั่ง หันไปเตรียมสิ่งของสำหรับทำพิธีสวดส่งวิญญาณผู้ตาย ทว่าผ่านไปเพียงอึดใจเดียว "อ๊ากกก ! มีผี !" เสียงกรีดร้องดังลั่น ร่างเล็ก ๆ ของเขาวิ่งไปหลบอยู่ด้านหลังผู้เป็นอาจารย์ "จี้คงมีอะไร" "นะนางลืมตาขอรับท่านอาจารย์" เด็กน้อยชี้นิ้วสั่น ๆ ไปที่ศพบนพื้น "ว่าอย่างไรนะ" นักพรตเฒ่ารีบตรงไปคุกเข่าอยู่ด้านข้างศพ เห็นเปลือกตาของนางขยับไปมา ก่อนจะปรือลืมขึ้นอย่างลำบากยากเย็น "นี่มัน...เป็นไปไม่ได้" รีบคว้าข้อมือของเด็กน้อยมาจับชีพจรดู ดวงตาของนักพรตเฒ่ามืดมนลงในทันที แตะนิ้วทำนายชะตา นี่มันคือการสลับร่างเปลี่ยนวิญญาณ ดึงตัวลูกศิษย์ถอยหลังไปสามก้าว "ผีร้ายตนไหนกล้ามาสวมร่างคนตาย จงออกไปเสีย !" ผีร้ายที่ว่ากำลังมึนงงกับเหตุการณ์ตรงหน้า จำได้ว่าเธอกำลังขับรถกลับบ้าน ใช่แล้ว เกิดอุบัติเหตุขึ้น มีรถบรรทุกเสียหลัก พุ่งมาชนรถของเธอ จากนั้นทุกอย่างก็ดับวูบไป ท่าทางเหม่อลอยไร้สติของนางทำนักพรตเฒ่าหวาดระแวงในทันที เตรียมหยิบยันต์ป้องกันภูตผีออกมา ขณะที่เด็กน้อยยกฝ่ามือของตัวเองขึ้นเพ่งมองอย่างประหลาดใจ ดวงตาคู่กลมน้อยกลอกกลิ้งไปมาอย่างสับสน นิ้วมือสั้น ๆ นี่มันอะไร ขยับปลายเท้าเข้าหากัน ขาก็สั้น พลิกฝ่ามือตัวเองไปมา สีหน้าคล้ายคนอยากร้องไห้ นี่มันโลกถล่มใส่หัวของเธอหรืออย่างไรกัน เปรี๊ยะ ! ยันต์ขับไล่ภูตผีถูกปาใส่นางสุดแรง ก่อนที่มันจะปลิวร่อนลงไปกองอยู่บนพื้น ยันต์ไม่เกิดการเผาไหม้ ผีร้ายยังคงอยู่ในร่างกายของเด็กน้อย "เจ้า ๆ ๆ ออกไปจากร่างของนางเดี๋ยวนี้ !" นักพรตเฒ่าชี้นิ้วพร้อมดึงยันต์สายฟ้าฟาดออกมาอีกแผ่น นี่นับเป็นยันต์ที่ทรงพลังที่สุดของเขาแล้ว รีบปาใส่เด็กน้อยสุดแรง เปรี๊ยะ ! ทว่าไร้ผลอยู่ดี... ตาเฒ่านี่เล่นตลกอะไรกัน... [นิยาย3เล่มจบ]

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ