เจ้าสาวพันธกานต์

เจ้าสาวพันธกานต์

B.J.BEN

5.0
ความคิดเห็น
ชม
15
บท

เขาเจอเธอเมื่อหลายเดือนก่อน แต่เมื่อกลับมาเจอกันอีกครั้ง เธอกลับจำเขาไม่ได้ ทั้ง ๆ ที่เธอสัญญากับเขาว่าเธอจะแต่งงานกับเขา พันธกานต์คิดว่าเธอเป็นผู้หญิงเห็นแก่เงินที่ต้องการแต่งงานกับผู้ชายคนอื่น แต่เขากลับพบว่าผู้ชายที่เธอต้องแต่งงานด้วยคือเขา!

บทที่ 1 1

“ถึงบ้านคุณยายแล้วโทร. หาพ่อด้วยนะ” ธนกรเอ่ยบอกลูกสาวด้วยความเป็นห่วง

“ค่ะคุณพ่อ ไม่ต้องเป็นห่วงหนูนะคะ” มณีชนกรับคำพร้อมด้วยรอยยิ้ม เธอเพิ่งเรียนจบกลับมาอยู่บ้าน ช่วงเวลานี้เป็นช่วงพักผ่อนก่อนเข้าทำงานในบริษัทใหญ่ที่จองตัวเธอเอาไว้

มณีชนกขึ้นรถไปแล้ว อรัญญาก็ค้อนหน้าคว่ำ ไม่รู้สามีจะรักอะไรลูกนักหนา ทั้ง ๆ ที่มารดาของมณีชนกก็เสียชีวิตไปนานมากแล้ว

“เรียนจบแทนที่จะทำงาน จะไปเยี่ยมยาย ลูกสาวของคุณนี่ดีจริง ๆ เลยนะคะ” อรัญญาบ่นอุบ

“ลูกเพิ่งเรียนจบก็ควรให้แก่พักผ่อนบ้าง และที่แกเรียนจบมาก็เพราะความสามารถตัวเองล้วน ๆ แกสอบชิงทุนได้ ไม่รบกวนผมเลยด้วยซ้ำ ดังนั้นลูกจะทำงานหรือพักผ่อนผมก็ไม่ควรไปบังคับหรือก้าวก่ายชีวิตของแก แกโตแล้ว”

“ไม่ใช่ว่าจะพักไปยาวๆ แล้วให้เราเลี้ยงหรอกนะคะ”

“คุณพูดอะไรของคุณ หยาดไม่ใช่คนแบบนั้น แต่ถ้าเป็นยายยิ้มน่ะไม่แน่ คุณควรอบรมสั่งสอนแล้วก็ดูแลลูกให้ดี ยายยิ้มไม่สนใจเรียน ผมยอมรับว่ากังวล ไม่รู้เลยว่าลูกจะเรียนจบไหม”

“แล้วทำไมคุณไม่สั่งสอนแกบ้างล่ะคะ”

“ผมพูดได้เสียที่ไหน คุณเอาแต่เข้าข้างลูก ถ้าลูกเรียนไม่จบ ไม่มีงานทำ คุณนั่นแหละที่ต้องเลี้ยงลูกไปตลอดชีวิต”

“นี่คุณหาว่าฉันเลี้ยงลูกไม่ดีอย่างนั้นเหรอคะ ใช่สิ ใครมันจะเหมือนลูกสาวสุดที่รักของคุณล่ะคะ แตะต้องเป็นไม่ได้ ยิ่งกว่านางฟ้านางสวรรค์”

“คุณญานี่หยุดพูดจากระแหนะกระแหนะลูกสาวผมสักที ก่อนแต่งงานกัน คุณบอกว่าจะรักยายหยาดเหมือนลูกในไส้ แต่พอคุณมีลูกเป็นของตัวเอง คุณก็รักลูกของคุณมากกว่า ซึ่งผมก็ไม่ว่าอะไรแล้ว แต่ขอเถอะ อย่าทำนิสัยแบบนี้กับลูกผม”

“ลูกผม ลูกผม แล้วมณีกานดาไม่ลูกของคุณหรือไง”

“ใช่ แต่ผมพูดอะไรไม่ได้เลย คุณก็เข้าข้างลูกตลอด ตามใจจนเหลิง ถ้าลูกเสียผู้เสียคนขึ้นมา ผมจะไม่ยุ่งอะไรอีก” พูดจบธนกรก็เดินเข้าบ้านไปในทันที

“คุณกรกลับมานี่ก่อนนะ คุณกร!” อรัญญาตะโกนไล่หลังไปอย่างหงุดหงิดใจ

ทางด้านมณีชนก เธอเดินทางมาหาคุณยายที่บ้านสวนที่กาญจนบุรีอย่างมีความสุข หญิงสาวมองบรรยากาศรอบกายแล้วเผยยิ้มกว้างออกมา ถ้าไม่เพราะบริษัทใหญ่ ๆ จองตัวเธอเข้าทำงานแล้ว เธออาจจะมาอยู่บ้านสวนดูแลผู้เป็นยายแทน อยากสืบทอดสูตรทำขนมจากคุณยาย แต่อุตส่าห์เรียนมาแล้ว เธอก็อยากมีงานและอาชีพที่มั่นคงเลี้ยงตัวเองให้ได้

“คุณยายขา คิดถึงจังเลยค่ะ” มณีชนกโผเข้ากอดคุณยายแก้วกาญจน์ด้วยความคิดถึง

“ยายก็คิดถึงหนูจ้ะ ไหนมาดูซิ หลานสาวของยายสวยแค่ไหน”

“คุณยายน่ะ ปากหวานตลอดเลยนะคะ”

“หลานของยายสวยเสียจริง หน้าตาน่ารักขนาดนี้มีแฟนหรือยังจ๊ะ”

“ยังไม่มีค่ะคุณยาย หรือว่าคุณยายจะหาแฟนให้หนูคะ” ยังไม่ทันที่คุณยายจะตอบอะไร ก็มีเสียงเรียกดังอยู่หน้าบ้านเสียก่อน

“คุณยายครับ คุณลุงให้เอาปลากับผลไม้มาให้ครับ”

“เข้ามาก่อนสิจ๊ะพ่อหนึ่ง” ประโยคของคุณยายทำให้มณีชนกหันไปมองผู้มาใหม่ เขาเองก็มองเธออย่างตกตะลึง

ผู้หญิงตรงหน้าสวยเสียจนพันธกานต์ยืนนิ่งไม่ไหวติง

“ฮะแฮ่ม ขอบใจมากนะพ่อหนึ่ง ลุงของเรานี่มีน้ำใจเสียจริง วันนี้หลานสาวของยายมาเยี่ยม จะทำอาหารต้อนรับ ยายเชิญพ่อหนึ่งกับลุงของเรามากินข้าวด้วยกันเย็นนี้นะจ๊ะ”

“ขอบคุณครับคุณยาย” พันธกานต์เอ่ยตอบ แต่สายตามองมณีชนกไม่วาง ทำเอาหญิงสาวประหม่าต้องหลบสายตาเป็นพัลวัน

“นี่หลานสาวของยายจ้ะ ชื่อมณีชนก เพิ่งเรียนจบกลับมาอยู่บ้าน เลยมาเยี่ยมยาย เดินทางมาถึงเมื่อกี้นี้เอง”

“ยินดีที่ได้รู้จักครับ ผมพันธกานต์ครับ เรียกว่าพี่หนึ่งก็ได้”

“ค่ะพี่หนึ่ง เรียกฉันว่าหยาดก็ได้ค่ะ” สองหนุ่มสาวมองสบตากัน ด้วยความรู้สึกหัวใจเต้นแรงทั้งคู่

“มาดื่มน้ำกินขนมก่อนสิพ่อหนึ่ง”

“เอาไว้โอกาสหน้านะครับ ผมมีงานที่ยังต้องทำน่ะครับ” แม้จะอยากอยู่ต่อเพียงใด แต่เขามีงานต้องทำอีกหลายอย่าง เนื้อตัวของเขาเองก็เต็มไปด้วยเหงื่อและคราบโคลนสกปรก คิดว่าเอาไว้วันหลังค่อยคุยกันก็ได้

“งั้นก็ตามสบายจ้ะ” คุณยายเอ่ยด้วยรอยยิ้ม

“งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ” พันธกานต์เอ่ยขอตัวอย่างสุภาพ สายตายังอ้อยอิ่งอยู่ที่หลานสาวคนสวยของคุณยายแก้วกาญจน์ แต่ร่างสูงก็จำต้องเดินกลับบ้านไปก่อน

“ใครกันเหรอคะคุณยาย” มณีชนกเอ่ยถามด้วยความสงสัย เพื่อนบ้านใหม่ของคุณยายเป็นคนที่เธอไม่เคยรู้จักมาก่อน เพราะปิดเทอมทีไรเธอจะมาเยี่ยมผู้

เป็นยายทุกครั้ง รวมถึงใช้ชีวิตอยู่ที่นี่นานหลายเดือน เพื่อเรียนรู้การทำขนมและการทำอาหารจากคุณยาย

“เพื่อนบ้านใหม่น่ะ พ่อหนึ่งกับลุงของเขามาซื้อที่ใกล้ ๆ บ้านเรา เลยย้ายมาอยู่ที่นี่หลายเดือนแล้ว เป็นคนดีมีน้ำใจมากนะ” เธอยิ้มตอบกลับไปเป็นการรับรู้กลายๆ

“ขนมกับของว่างของคุณยายน่ากินจังเลยค่ะ” เธอมองขนมไทยหลากหลายที่คุณยายทำเอาไว้ต้อนรับกับเครื่องดื่มสมุนไพรด้วยรอยยิ้มมากกว่าเดิม

อ่านต่อ

หนังสืออื่นๆ ของ B.J.BEN

ข้อมูลเพิ่มเติม
วิวาห์คลั่งรัก

วิวาห์คลั่งรัก

สมัยใหม่

5.0

เมื่อโชคชะตาบังคับให้เขาและเธอซึ่งเป็นคู่กัดต้องกลายเป็นคู่แต่งงานแบบสายฟ้าแลบ! ระหว่างอดีตที่เต็มไปด้วยการปะทะคารม กับปัจจุบันที่ต้องใช้ชีวิตร่วมชายคา... เรื่องวุ่น ๆ จึงเริ่มต้นขึ้น ตั้งแต่แปรงสีฟันยันหัวใจ เขา...ผู้ชายเจ้าเล่ห์ ขี้แกล้ง และขี้หวงอย่างหนัก เธอ...หญิงสาวปากแข็ง ขี้ประชด แต่แอบอ่อนโยนในทุกความใส่ใจ จากบ้านไม้ริมคลอง กลายเป็นสนามรักและสงครามขนาดย่อม ที่ไม่มีใครยอมใคร แต่หัวใจสองดวงกลับเริ่มเปลี่ยนไปทีละนิด... เพราะบางที...โชคชะตาอาจไม่ได้บังคับ แต่มันอาจกำลังพาเขาและเธอ... กลับมายังที่ที่เรียกว่า "บ้าน" ด้วยกัน

คู่หมั้นไร้เสน่หา

คู่หมั้นไร้เสน่หา

โรแมนติก

5.0

เมื่อข่าวฉาวบิดเบือนเปลี่ยนหญิงสาวให้กลายเป็นคนที่เขาเกลียด และเมื่อคำสัญญาเก่าของผู้ใหญ่ พาเธอกลับมาในฐานะ ‘คู่หมั้น’ ที่เขาไม่ต้องการ ลลิล สาวสวยผู้สง่างามและเข้มแข็ง ต้องเผชิญแรงกดดันจากคนในครอบครัว รวมถึง กวิน ชายหนุ่มผู้เย็นชา ผู้มองเธอด้วยสายตาดูแคลน…แต่ไม่อาจละสายตาได้เลย ในความเงียบงันระหว่างพวกเขา...กลับมี ‘หัวใจ’ ที่ค่อย ๆ เรียนรู้กันอย่างไม่รู้ตัว จากความเข้าใจผิด กลายเป็นความผูกพัน จากการดูแคลน กลายเป็นการปกป้อง และจาก ‘คู่หมั้นไร้เสน่หา’ กลายเป็น ‘ผู้หญิงเพียงคนเดียวที่เขารัก’

หนังสือที่คุณอาจชอบ

เมียผมน่ารักจัง

เมียผมน่ารักจัง

Penn Tofallis
4.9

กู้ชิงเฉิงเชื่อมั่นมาตลอดว่าตราบใดที่เธอประพฤติตัวดี สักวันหนึ่ง เธอก็จะสามารถชนะใจมู่ถิงเซียวให้ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเสิ่นถัง รักแรกที่เขาคิดถึงมาตลอดกลับมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กู้ชิงเฉิงเป็นคนว่าง่ายสอนง่ายจริงๆ เธอจัดงานแต่งงานด้วยคนเดียว และนอนคนเดียวในห้องผ่าตัดเพื่อรับการรักษาฉุกเฉิน มีข่าวลือว่าเธอบ้าไปแล้ว อันที่จริงเธอบ้าไปแล้วจริงๆ ที่รักใครสักคนอย่างไม่ละอายขนาดนี้ ต่อมา ทุกคนลือกันว่า กู้ชิงเฉิงป่วยหนักและกำลังจะเสียชีวิต มู่ถิงเซียวถึงสูญเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง "ฉันไม่ปล่อยให้เธอตาย" แต่เธอกลับยิ้มอย่างนิ่งๆ ว่า "ดีจังเลย ฉันเป็นอิสระแล้ว" ใช่แล้ว ไม่ต้องการกู้ชิงเฉิงอีกแล้ว"

ซูเจิน นายหญิงแห่งพฤกษา

ซูเจิน นายหญิงแห่งพฤกษา

l3oonm@
5.0

“ท่านผู้อำนวยการคะ ทางทีมสำรวจแจ้งว่าคนไม่เพียงพอที่จะเข้าไปเก็บตัวอย่างพันธุ์พืชในป่าเมืองเหอหนานค่ะ” ซูเจิน ที่ได้ยินก็หูผึ่งทันที เธอนั่งทำการอยู่ในห้องวิจัยตั้งแต่เรียนจบ ถึงตอนนี้ก็สี่ปีได้แล้ว ผู้อำนวยที่เข้ามาตรวจงานวิจัยล่าสุด ก็มองไปรอบห้อง เพื่อดูว่ามีใครต้องการเสนอตัวไปทำงานในครั้งนี้หรือไม่ แต่หลายคนที่เขามองไป ต่างหลบสายตาของเขา จะมีใครอยากออกไปเสี่ยงอันตราย เดินป่าขึ้นเขาให้เหนื่อยสู้นั่งทำงานในห้องปรับอากาศเย็นๆ ดีกว่า เมื่อไม่มีใครคิดจะเสนอตัว เขาจึงได้สอบถามหาผู้ที่สมัครใจทันที “มีใครอยากจะอาสาไปไหม” ไว้กว่าความคิด ซูเจินยกมือขึ้น “ฉันค่ะ” เพื่อนสนิทรีบดึงเสื้อของเธอเพื่อจะห้ามปราม “จะบ้าหรอ เธอไม่เคยไปสักครั้ง ไม่รู้หรือว่างานนี้เสี่ยงแค่ไหน” เสียงกระซิบของเสี่ยวชิง เอ่ยลอดไรฟันออกมา เมื่อปีที่แล้ว ที่ทีมสำรวจเดินทางเข้าไปที่ป่าเหอหนาน พื้นป่าที่ไม่อาจสำรวจได้อย่างทั่วถึง สร้างความท้าทายให้เหล่านักพฤกษศาสตร์จากทุกองค์กร แต่ไม่ว่าจะส่งเข้าไปกี่ครั้งก็ไปไม่ถึงป่าชั้นกลางเสียที แม้จะใช้เทคโนโลยีที่ล้ำหน้าเข้าช่วยเพียงได้ ก็สำรวจได้เพียงป่าชั้นนอก แถมยังพาชีวิตคนไปทิ้งอีกนับไม่ถ้วน ปีนี้ทางองค์กรของซูเจิน หยิบโครงการสำรวจป่าเหอหนานขึ้นมาใหม่ แต่กว่าจะหาทีมสำรวจได้ครบคนก็กินเวลาไปหลายเดือน ถึงตอนนี้คนก็ยังไม่พอจนต้องมาถามหาจากทีมวิจัยให้ช่วยเหลือ “คุณอยากไปจริงหรือ” เขาเอ่ยถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง “ค่ะ ฉันอยากลองทำงานนี้” ซูเจินยิ้มออกมา “ได้ อีกสองวัน คุณก็เตรียมตัวให้พร้อม” เมื่อมีคนเสนอตัวแล้ว ผู้อำนวยการก็ออกไปพบทีมสำรวจ เพื่อวางแผนการทำงาน ทั้งยังให้ซูเจินตามเขาไปเข้ารวมการประชุมในครั้งนี้ด้วย “เธอมันบ้าไปแล้ว” เพื่อร่วมงานต่างเดินเข้ามาหาซูเจิน แล้วตำหนิเธอที่กล้ายกมือเสนอตัว “เอาน่า ไว้กลับมาฉันจะเอาเรื่องสนุกมาเล่าให้พวกเธอฟัง” ซูเจินยิ้มหวานออกมา ก่อนที่จะเก็บของแล้วไปเข้าร่วมประชุมกับทีมสำรวจ สองวันต่อมาซูเจินก็แบกกระเป๋าเดินทางมาที่จุดนัดพบ เธอออกเดินทางด้วยรถตู้ขององค์กร พร้อมทีมสำรวจอีกเกือบยี่สิบชีวิต ยังดีที่เธอได้แบกกระเป๋าเพียงใบเดียว หากต้องแบกเต็นท์นอน อาหารด้วย คงได้เป็นภาระของคนอื่นอย่างแน่นอน ภายในป่าเหอหนาน น่ากลัวว่าที่ซูเจินคิดไว้เยอะ พอตะวันตกดิน หากไม่มีแสงไฟที่ทีมสำรวจนำมาด้วยคงจะมืดจนมองไม่เห็นอะไร เสียงแมลงทั้งสัตว์ป่าร้องตลอดทั้งคืน สร้างความหวาดกลัวให้กับคนที่ไม่เคยเข้าป่าสักครั้งอย่างเธอได้อย่างดี ยังดีที่เจ้าหน้าที่ผู้นำทางติดตามมาด้วยอีกหลายคน พวกเขาจึงได้อยู่ผลัดเปลี่ยนเวรยาม เพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์ป่าเข้ามาถึงตัวพวกเขา หลายวันที่อยู่ในป่า ซูเจินเก็บตัวอย่างพันธุ์ได้หลายชนิด แต่ทั้งทีม ยังเดินไม่หลุดป่าชั้นนอกเลย ยังดีที่อาหารที่เตรียมมาเพียงพอให้พวกเขาอยู่ไปได้อีกหลายวัน “เอ๊ะ” เข้าวันที่เจ็ดของการสำรวจป่า ซูเจิน เห็นดอกไม้แปลกตา ที่ขึ้นอยู่ท่ามกลางพงหญ้ารก เธอจึงเดินห่างจากกลุ่มทีมสำรวจเข้าไปดูทันที เพราะไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องอะไรได้ ระยะห่างที่อยู่ไกลจากพวกเขา หากร้องเรียกก็ยังได้ยินอยู่ เธอหยิบกล้องถ่ายรูปขึ้นมา พร้อมทั้งจดรายละเอียดก่อนที่จะดึงต้นไม้เก็บเข้าถุงเก็บตัวอย่างที่เตรียมมา แต่เมื่อมือของซูเจินสัมผัสไปที่ดอกไม้ เธอก็ต้องตกตะลึง เหมือนมีกระแสไฟวิ่งผ่านปลายนิ้วไปจนทั่วทั้งตัว “โอ๊ยย” เสียงร้องอย่างเจ็บปวดของซูเจิน เรียกความสนใจให้คนทั้งหมดรีบวิ่งมาทางที่เธออยู่ ซูเจินเห็นเพียงแสงสีขาวที่สว่างวาบไปทั่ว แล้วภาพตรงหน้าของเธอก็ดำมืดลง

จากเมียส้มหล่นสู่หญิงแกร่ง

จากเมียส้มหล่นสู่หญิงแกร่ง

Arvin Bikoff
4.9

หลังจากที่แต่งงานเข้ามาในตระกูลมู่ หลินซีได้ทำหน้าที่เป็นคุณนายมู่ที่ยอมอดทนกับทุกอย่างโดยไม่ปริปากเป็นเวลาสามปี เธอรักมู่จิ่วเซียว จึงยอมอดทนดูแลเขาอย่างเต็มใจ แม้ว่าเขาจะมีคนอื่นอยู่ข้างนอกก็ตามแต่เขากลับไม่เคยเห็นค่าของเธอ เหยียบย่ำความรักของเธอให้แหลกสลาย และถึงขั้นปล่อยให้น้องสาวของเขามอมเหล้าเธอแล้วส่งไปยังเตียงของลูกค้า หลินซีนั้นถึงเพิ่งจะตาสว่างเมื่อรู้ว่าความรักที่มีมานานนั้นช่างน่าขันและน่าเศร้าในใจของเขา เธอไม่ต่างอะไรกับผู้หญิงคนอื่นๆ ที่เข้ามาเกาะเขา เธอจึงทิ้งข้อตกลงการหย่าไว้แล้วจากไปโดยไม่ลังเล มู่จิ่วเซียวมองดูเธอประสบความสำเร็จ กลายเป็นดวงดาวที่ส่องแสงในสายตาของผู้คนเมื่อได้เจอกันอีกครั้ง เธอเต็มไปด้วยความมั่นใจและสงบเสงี่ยม โดยมีผู้ชายที่มีฐานะสูงส่งอยู่เคียงข้าง มู่จิ่วเซียวมองดูใบหน้าของคู่แข่งหัวใจที่ดูคล้ายกับของเขามาก จากนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าในสายตาเธอ เขาเป็นเพียงตัวแทนของคนอื่นในมุมแห่งหนึ่ง เขาขวางทางเธอไว้ “หลินซี คุณเล่นตลกกับผมใช่ไหม”

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ