Login to MeghaBook
icon 0
icon เติมเงิน
rightIcon
icon ประวัติการอ่าน
rightIcon
icon ออกจากระบบ
rightIcon
icon ดาวน์โหลดแอป
rightIcon
 You make my heart skip a beat. Plyfon I Phupha

You make my heart skip a beat. Plyfon I Phupha

SHASHAwriter

5.0
ความคิดเห็น
3.6K
ชม
70
บท

ถูกคน ถูกที่ ถูกเวลา คงเป็นคำที่เหมาะสมที่สุด สำหรับนายแพทย์ภูผาและปลายฝน อัศวหาญญ์วรกุลในช่วงเวลานี้ เมื่อทุกอย่างเหมาะสม ถูกต้องและลงตัวที่จะเริ่มต้นความรักอีกครั้ง ก็มีแต่เดินหน้าอย่างเดียวเท่านั้น ไม่ถอยหลังกลับอีกต่อไป! บางช่วงบางตอนจากเนื้อเรื่อง “เมื่อไรจะถึงเนี่ย” “รีบหรือ” เสียงถามดังมาจากเขา พอเธอส่งเสียงตอบว่าไปว่า ‘รีบ’ ภูผาก็เร่งฝีเท้าให้ไวขึ้น จนหน้าอกของเธอบดเบียดไปกับแผ่นหลังของเขา ปลายฝนฟาดมือใส่ทันที “หื่นไม่เลือกเพศอีกนะ” “เดี๋ยวถ้ายังเอาแต่ว่าไม่หยุด จะปล้ำตรงนี้จริง ๆ เสียเลย” “ขู่เก่ง แน่จริงก็ปล้ำสิ” ภูผาหยุดเดิน แล้วแหงะมองมาด้านหลัง ปลายฝนซุกหน้าลงกับแผ่นหลังของเขา ตีมือพร้อมใบหน้าแดงซ่าน “ไปได้แล้ว ฝนจะตก”

บทที่ 1 1

“หล่อมาก อย่างกับเอาดารานักร้องหล่อ ๆ มาปั่นรวมกันอย่างนั้นแหละ”

“หยุดมองเลยนะ คนนั้นน่ะของฉันย่ะ”

“ฉันจองแล้ว ของฉัน”

“พวกหล่อนหุบปากเถอะ สุดหล่อคนนั้นสามีฉันต่างหาก”

ปลายฝนในวัยสิบห้าปีปรายตามองเพื่อน ๆ ที่คุยกันสนุกปาก คึกคะนอง ก่อนจะกวาดสายตาไปยังคนที่เพื่อนกำลังกล่าวถึง

เศษเสี้ยววินาทีที่ดวงตาสองคู่สบกันพอดี ก็ให้รู้สึกได้ถึงกระแสไฟฟ้าจาง ๆ จี้ที่ตรงหัวใจ มันกระตุกเต้นจนผิดจังหวะไปครู่หนึ่ง จนเธอต้องสูดลมหายใจเข้าเบา ๆ กับอาการแปลก ๆ ที่เกิดขึ้น

แล้วตอนนั้นเอง ปลายฝนถึงได้ยืดตัว ขยับลุกขึ้นยืน พร้อมกับประกาศความเป็นเจ้าของออกไปว่า “ของฉัน”

เพื่อนในกลุ่มอ้าปากหวอเมื่อได้ยิน บางคนสะบัดหน้าหนี บางคนร้องออกมาอย่างเซ็ง ๆ

ปลายฝน อัศวหาญญ์วรกุลเคยแย่งของใครที่ไหนกัน เจ้าตัวออกจะใจใหญ่ รักพวกพ้อง และทรงอิทธิพลกับเพื่อนฝูงอยู่ไม่น้อย แต่หากบอกว่าจะเอาขึ้นมาแล้ว มีใครกล้าหืออย่างนั้นหรือ ฃ

เด็กสาวลุกขึ้นแล้ว หาได้ตรงไปยังคนที่ตนประกาศออกไปว่าเป็นเจ้าของ แต่ตรงไปที่ร้านขายเครื่องดื่มแทน ยืนเลือกอยู่ครู่ ได้น้ำอัดลมมาหนึ่งกระป๋อง โยนเล่นในมือแล้วถึงค่อยตรงไปยังเด็กหนุ่มคนนั้น คนที่ซึ่งใคร ๆ ต่างพากันชี้นิ้วมอง จับจองว่าเป็นของตนเอง

เขานั่งอยู่ในกลุ่มเด็กต่างโรงเรียนกับเธอ แต่คงรวมกลุ่มกับเพื่อนจากโรงเรียนเดียวกันอยู่ เพราะได้ยินเรื่องราวที่พวกเขากำลังพูดคุยกันดูเป็นเรื่องภายในที่คุยกันอย่างออกรส

คนอื่น ๆ ในกลุ่มใช่ว่าจะหน้าตาดูไม่ได้ เด็กชายโรงเรียนนี้คัดหน้าตามาเรียนกันหรืออย่างไร ถึงได้หล่อกันแทบทุกคน ผิวขาวสะอาด คิ้ว คาง ปากได้รูปดูหล่อดี ดวงตาสุกใส บางคนหน้าคมเข้ม บางคนหน้าตากระเดียดไปทางฝรั่ง

ส่วนคนที่ปลายฝนกำลังเดินตรงไปหานั่น หน้าตาเขาเหมือนเอาดารานักร้องหล่อ ๆ มาปั่นรวมกันอย่างที่เพื่อนพูดไว้จริง ๆ ด้วย คนหล่อก็มีตั้งมากมาย แต่เด็กหล่อคนนี้ดึงดูดสายตา ดึงดูดหัวใจขงอปลายฝนได้มากกว่าคนอื่น ๆ

แววตาของเขาไม่เหมือนใคร เรียบนิ่ง เหมือนกับน้ำในบ่อที่มองลงไปเท่าไร ก็มองไม่เห็นก้นบึ้ง ว่าลึกสุดขนาดไหน น่าค้นหา น่าสนใจและน่าหลงใหลในคราวเดียวกัน

มีเด็กหนุ่มทั้งรุ่นเดียวกัน รุ่นพี่หรือแม้กระทั่งรุ่นน้องให้ความสนใจปลายฝนออกเยอะแยะ แต่เจ้าตัวไม่เคยให้ความสนใจใครเลยสักคน เธอครองตัวโสดมาถึงสิบห้าปี ก็เพื่อมาเจอผู้ชายคนนี้นี่เอง คิดแล้วก็อดยิ้มในใจไม่ได้

ปลายฝนมองนิ่งที่เด็กหนุ่มคนนั้น เขานั่งอยู่ในตำแหน่งริมสุดที่ม้านั่งตัวยาว เด็กหนุ่มที่นั่งรวมกลุ่มอยู่ด้วย ผิวปากแซวลั่นบริเวณ เมื่อเห็นเธอเดินตรงไปหา

“สวย ใส ใจกล้า มาเป็นเด็กพี่ไหมน้อง”

ปลายฝนมองคนแซวด้วยสายตาหมิ่น ๆ ตอบกลับไปว่า “ฉันเป็นลูกคนเดียว” แล้วตรงไปยื่นกระป๋องน้ำอัดลมให้เด็กหนุ่มคนที่จับจองไว้แล้วในใจ

“เชี่ยภูแม่งเสน่ห์แรงจริง ๆ เลยเว้ย นั่งเฉย ๆ สาวแม่งก็วิ่งเข้าไปหา พกของดีอะไรวะ เอามาแบ่งกูมั่งดิ”

คนถูกแซวที่เพื่อน ๆ เรียกว่า ‘ภู’ มองกระป๋องน้ำอัดลมที่ส่งมาตรงหน้า แล้วถึงเลื่อนสายตามองที่มือเล็ก ๆ ไต่ไล่ขึ้นไปสบสายตากับเด็กสาววัยเดียวกัน

พอได้สบตาในระยะที่ใกล้กว่าเดิม หัวใจที่เต้นผิดจังหวะอยู่แล้ว เต้นผิดจังหวะยิ่งขึ้นไปอีก แต่ปลายฝนไม่มีอาการประหม่าเลยแม้แต่นิด บอกชื่อของตนเองออกไป “เราชื่อฝน”

เขามองสบดวงตาใสวาวราวลูกแก้ว ยิ้มมุมปากนิดเดียว นิดเดียวจริง ๆ ตอบกลับว่า “ชื่อภูผาครับ เรียกภูแบบคนอื่นก็ได้”

“ฝนไม่อยากเป็นคนอื่นสำหรับภู อยากเป็นคนพิเศษ...ได้ไหมล่ะ” จบคำพูดเชิงรุก เสียงผิวปากดังขึ้นอีกครั้ง ปลายฝนยื่นมืออีกข้างแบออกตรงหน้า เอ่ยขอ “ยืมโทรศัพท์หน่อย”

คนถูกขอร้องถามสุภาพกลับไปว่า “ทำไมครับ”

“เร็วสิ” ปลายฝนเร่งด้วยน้ำเสียงและสีหน้าน่ารัก

ภูผามองนิ่ง ๆ เดี๋ยวเดียว ค่อยล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงของตัวเอง ส่งสิ่งที่ถูกร้องขอราวกับต้องมนต์ ปลายฝนรับมาแล้วก็จิ้มหน้าจอไปมา กดโทรออก พร้อมบันทึกชื่อตัวเองลงไปในนั้นเรียบร้อย

“เราคบกันไหมภู”

เด็กหนุ่มมองเจ้าของประโยคคำถามสั้น ๆ ด้วยท่าทีอึ้งเล็กน้อย ยิ้ม แต่ไม่ตอบอะไรออกไปแม้แต่คำเดียว จนคนถามต้องย้ำว่า “ยิ้มแบบนี้คืออะไร ‘ตกลง’ ใช่ไหม”

เอาแต่ยิ้มเอียงอายอยู่นั่น ซึ่งมันก็น่ามองมากขึ้นไปอีก แก้เก้อด้วยการดึงห่วงฝากระป๋องน้ำอัดลมออก ปลายฝนมองแล้วก็เข้าไปดึงเอาจากมืออีกฝ่าย หักออกจนเหลือแต่ห่วงอย่างเดียว ชูขึ้นตรงหน้า “ถือว่านี่เป็นแหวนหมั้นก็แล้วกัน ทำงาน หาเงินได้เมื่อไร ขอแบบที่มันแพงกว่านี้หน่อย เอาให้สมน้ำสมเนื้อกับฝน แค่นั้นฝนก็พอใจแล้วละ”

ไม่มีเสียงปฏิเสธจากเด็กหนุ่มที่ชื่อภูผา มีเพียงสายตาที่มองตอบราวกับจะให้คำมั่นอย่างเงียบ ๆ ทั้งคู่มองกันนิ่งอึดใจเดียว ก่อนละจากกันไป เมื่อมีเสียงสบถดังขึ้นที่ด้านข้าง

“เชี่ยเอ้ย”

เสียงสบถด่าดังออกมาจากปากคนขับ ดึงความคิดของปลายฝนให้กลับมาจดจ่อกับเหตุการณ์ตรงหน้า หญิงสาวมองตรงไป ก็ให้เห็นบิ๊กไบค์คันหนึ่งกำลังเสียหลักจะล้มมิล้มแหล่อยู่แล้ว ก่อนที่คนขับจะกระชากรถเข้าไปเบียดซ้ำ จนทางนั้นเสียหลัก ล้มกลิ้งกับพื้นถนนในที่สุด

เธอตกใจกับภาพเหตุการณ์เมื่อครู่นี้มาก จนหัวใจแทบหยุดเต้น มือยกแตะตรงหน้าอก ลูบจี้ที่สวมติดคอไว้ตลอด อย่างต้องการปลอบโยนตัวเอง แว่วเสียงเยาะเย้ยดังมาจากปริน คนที่อาสาขับรถให้ในคืนนี้ “สมน้ำหน้า คิดจะมาลองถนนกับกูหรือไงไอ้เด็กเมื่อวานซืน”

ลูกชายเพื่อนบิดาเย้ยจบ เหมือนเพิ่งรู้ตัว หันมาปั้นยิ้มอบอุ่นส่งให้ ปลายฝนปลดเข็มขัดนิรภัยออก เพื่อเอี้ยวดูคู่กรณี เห็นมอเตอร์ไซค์คันนั้นอยู่ในระยะไกลลิบแล้ว เพราะผ่านมาพอสมควร ค่อยหันไปถามชายหนุ่มที่หลังพวงมาลัยรถยนต์

“พี่ปรินไม่จอดดูหน่อยหรือคะ”

อ่านต่อ

หนังสืออื่นๆ ของ SHASHAwriter

ข้อมูลเพิ่มเติม
เมียเก่าที่เขาไม่เคยรัก

เมียเก่าที่เขาไม่เคยรัก

โรแมนติก

5.0

ภาวรีแหงนหน้าขึ้นแล้วยิ้มกวนโมโหใส่หน้าเขา "มาขวางทำไม เชยไม่สนพี่เขื่อนแล้วนะรู้ไหม ให้หย่าก็ได้เลย ไปเลย เพราะไรรู้มะ เพราะพี่เขื่อนสู้หนุ่ม ๆ ในร้านไม่ได้เลยสักคน ในนั้นถึงใจกว่าพี่เขื่อนตั้งเยอะ" ลัพธวิทย์หรี่ตามอง ถามเสียงเรียบ "ถึงใจแบบไหน" "ใหญ่กว่า อึด แล้วก็เอาเก่งกว่าพี่เขื่อน" ได้ยินเสียงตัวเองพูดจาก๋ากั่นออกไปแบบนั้นแล้วก็ให้ตกใจไม่น้อย พอได้ยินคำตอบของเธอที่หลับตาฟังก็รู้ว่าจงใจพูดจายั่วยุเขา ลัพธวิทย์ก็ค่อยหัวเราะออกมาลั่น พร้อมค่อนแคะกลับไป "น้ำหน้าอย่างเราเนี่ยหรือ กล้านอนกับผู้ชายตามบาร์" ภาวรีหน้าชาเมื่อถูกจับไต๋ได้ว่าโกหก เธอลอยหน้าลอยตาแล้วตอบเขากลับ "ทำไมจะไม่กล้า แม่เปิดห้องให้เชยลองแล้วด้วย หนุ่ม ๆ ในบาร์โฮสต์ทำให้เชยรู้แล้วล่ะว่าของพี่เขื่อนนี่เทียบชั้นกันไม่ติด แบบนั้นน่ะ..." ภาวรีพูดแล้วกวาดตาลงมองอย่างหยามเหยียด บอกต่อจนจบประโยค "น่าจะเอาไว้แค่ฉี่มากกว่านะ"

ห้องลับของคุณรัชญ์

ห้องลับของคุณรัชญ์

โรแมนติก

5.0

"ถอดชุดบนตัวเธอออกมาเดี๋ยวนี้!" "หนูทำไม่ได้..." ขวัญลดายังพูดไม่จบดีเลยว่าเธอถอดชุดที่ใส่บนตัวออกไม่ได้เพราะมันรัดมาก ๆ นี่ก็นัดกับออยลี่ ลูกของป้าเนืองไว้แล้วให้มาช่วยถอดชุด ไม่รู้น้องคนที่วานให้ช่วยเหลือจะหลับไปแล้วหรือยัง ไม่อย่างนั้นเธอคงต้องฉีกมันออกแทนการถอด แต่เจ้าของห้องลับที่ใคร ๆ พูดปากต่อปากกันว่า ห้องนี้ใครเข้ามาแล้วต้องเสว ก็ปราดเข้ามาปล้ำถอดชุดของเธอออกจนหมด แต่เพราะชุดมันรัดมาก ๆ ดลวรัชญ์ลงมือถอดไปก็สบถไปพลางด้วยอาการหัวเสีย "แต่งตัวเชี่ยอะไรวะ รู้ไหมว่ามันรัดหน้าอก รัดโหนกจนเห็นเป็นเนินนูน นึกว่าลานจอดฮอ" พอชุดถูกถอดออกจนหมด ขวัญลดาค่อยหายใจได้ลึกขึ้นจากเดิม นึกขอบคุณที่เขาช่วยเหลือเธอในครั้งนี้ แม้จะดูเป็นการช่วยที่ไม่ปกตินักก็ตามที "หนูรู้ค่ะ" "รู้แต่ก็ยังใส่" "คุณป้าบอกว่ามันมีชุดเดียว ชุดนี้เมื่อก่อนท่านตัดไว้ให้พี่โรส แต่คุณเล่นพาพี่โรสมานอน หนูก็เลย..." "หึง?" เสียงเข้มถามขัดคำตอบของเธอ ขวัญลดามองเขาแล้วได้แต่ส่ายหน้า เธอยังไม่รู้จักเลยว่า หึง อาการเป็นอย่างไร "ไม่ใช่ค่ะ หนูกำลังอธิบายเรื่องที่ว่าทำไมต้องใส่ชุดนี้" "เธอหึง" คนชอบให้ทุกอย่างหมุนรอบตัวเองอย่างดลวรัชญ์สรุปในสิ่งที่ตัวเองคิดได้ พร้อมด้วยมุมปากที่ยกขึ้นเป็นรอยยิ้ม ก่อนจะเกร็งมันไว้ให้เหยียดตรงดังเดิม "และเธอเบี่ยงประเด็นนะลดา" "แล้วแต่คุณเลยค่ะ" ขวัญลดาบอกอย่างยอมแพ้ ++++++ เนื้อหานิยายเน้นอ่านเพลิน ๆ ย่อยง่าย ๆ และจบดี แฮปปี้ค่ะ

ตราบาปรัก ผู้ชายใจร้าย

ตราบาปรัก ผู้ชายใจร้าย

โรแมนติก

5.0

คำโปรย ปริญญ์เคยบอกว่ารักเธอ แต่เมื่อมีเหตการณ์บางอย่างทำให้ต้องเลิกรากันไป เขาย้อนกลับมาทำดีด้วย และขอเธอแต่งงาน หลังแต่งงานกับจินดาพรรณมาสี่ปี ปริญญ์เที่ยวคบหาผู้หญิงคนใหม่ไปเรื่อย ๆ เพื่อให้เธออับอาย ... นี่น่ะหรือความรักของเขา ตัวอย่างเนื้อหา "เดี๋ยวดา เรื่องที่เราคุยกันไว้ ดาต้องทบทวนดี ๆ ก่อน..." "พรุ่งนี้เลยปิน พรุ่งนี้ไปเจอกันตามที่ตกลงไว้ได้เลย" ปริญญ์มองเธอนิ่งอยู่เป็นนานสองนาน กว่าจะพูดอะไรได้สักคำหนึ่ง ก็ยากเย็นเต็มที "หรือไม่ ปินว่าเราลอง..." "อย่าเอาแต่พูดหลอกล่อกันแบบนี้อยู่อีกเลยปิน เราสองคนจบกันเท่านี้เถอะ ทิ้งทุกอย่างเอาไว้แค่นี้ ขอให้เลิกแล้วต่อกัน เราจะได้ไม่เกลียดกันมากไปกว่านี้ หรือปินอยากให้ดาเกลียด จนไม่ไปเผาผีกันเลย ก็ได้นะปิน" ได้ยินและได้รู้ถึงความคิดของจินดาพรรณแล้ว ในใจของปริญญ์ปวดแปลบ เสียดและเสียวไปทั้งทรวงอก เขาอึ้งจนพูดอะไรไม่ออก คิดได้ในตอนนั้นเองว่านี่เขาทำอะไรต่อมิอะไรลงไปนั้น มันแย่มาก จินดาพรรณถึงได้บอกว่าเกลียดเขาถึงขนาดนี้ ปริญญ์รู้สึกได้ถึงก้อนขม ๆ ในคอ เขาฝืนที่จะกล้ำกลืนมันลงไป แล้วขยับเท้าเพื่อถอยหลังออกมา มาได้เพียงครึ่งก้าวแล้วก็ทำอะไรไม่ถูก สายตาเจ็บปวดของเขายังคงมองไปยังจินดาพรรณ เปิดปากเพื่อจะพูดบางประโยคออกไป "แต่ดา...ปินระ...ปินรั" จินดาพรรณหมุนตัว เพื่อกลับเข้าห้อง เธอไม่อยากฟังสิ่งที่เขากำลังจะพูด แต่กลับโดนดึงตัวเข้าไปกอดเอาไว้แนบแน่น เธอไม่ได้ออกแรงดิ้น ทำเพียงปิดตาลง ซ่อนความรู้สึกเจ็บปวดเอาไว้ข้างในลึก ๆ บอกตัวเองว่าอย่าได้ถลำตัวและหัวใจไปกับภาพลวงตาของปริญญ์ อย่าได้หลงคารมของเขาอีกเป็นอันขาด บทจะหวาน ปริญญ์ก็ทำให้เชื่อได้ทั้งนั้น และเขาก็ทำเพียงเพราะต้องการให้เธอหลงเชื่อ เขาหลอกเธอซ้ำ ๆ แล้วทิ่มแทงเธอให้ผิดหวัง เจ็บปวดและเสียใจ ครั้งนี้ก็คงเหมือนกัน ปริญญ์สูดดมกลิ่นของภรรยาเข้าจมูกจนลึกสุดปอด ถูไถใบหน้าไปมาอย่างที่โหยหามาโดยตลอด พร้อมกับพึมพำที่ข้างหูของเธอ "ปินให้เวลาดาคิดอีกสามวัน ระหว่างนี้ถ้าดาเปลี่ยนใจ ก็ไม่ต้องไป แต่ถ้าดายังคิดแบบเดิม วันนั้นเราค่อยไปเจอที่บริษัทตามที่คุยไว้ แต่ระหว่างนี้ ดาต้องคิดดูดี ๆ ก่อนนะ อย่าใช้อารมณ์ตัดสินใจเด็ดขาด" จินดาพรรณถอนลมหายใจของตัวเองออกยาว ๆ เธอนี่หรือใช้อารมณ์เป็นที่ตั้ง ตลอดมามีแต่ปริญญ์ที่ทำแบบนั้น และเธอไม่ต้องการเป็นที่รองรับอารมณ์ของเขาอีกแล้ว คิดได้แบบนั้นค่อยเปิดตาขึ้น แล้วออกแรงดันตัวเองจากอ้อมกอดของเขา หันมามองที่เขาด้วยสายตาว่างเปล่า บอกออกไปตามอย่างที่ตัดสินใจเอาไว้แล้วก่อนหน้านี้ "ดาไม่ต้องคิด ไม่ต้องตัดสินใจอะไรอีกแล้วล่ะปิน ถ้าปินว่างพอ พรุ่งนี้เราก็ไปจัดการเรื่องหย่าให้เรียบร้อยได้เลย" ****************************** แนวพระเอกโบ้ ไม่ได้นอกใจ จบดีและไม่มีใครตุยค่ะ

หนังสือที่คุณอาจชอบ

โชคชะตาของพระชายา

โชคชะตาของพระชายา

Raff Madison
3.8

ฉู่ว่านยู ผู้สืบเชื้อสายมาจากตระกูลแพทย์แผนโบราณ มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ยาที่เธอทำนั้นทุกคนต่างอยากได้ สามารถรักษาได้ทุกโรค แต่กลับไม่คาดคิดว่าจะย้อนยุค กลายเป็นผู้หญิงที่ขี้เหร่ที่สุดในใต้หล้า และยังเอาชนะใจท่านอ๋องด้วย การเริ่มต้นไม่ค่อยดีก็ไม่เป็นไร มาดูกันว่าเธอจะพลิกผันยังไง การแย่งการแต่งงานงั้นเหรอ? เธอทำให้น้องต้องรับบทเรียน แย่งสินเิมดลับมา ให้ชายั่วหญิงร้ายคู่นี้อยู่ด้วยกันตลอดไป ขี้ขลาดเหรอ? เธอจัดการพ่อร้าย สั่งสอนผู้หญิงเสแสร้ง! ขี้เหร่เหรอ? เธอรักษาพิษในตัว และกลายเป็นคนงามอันน่าทึ่ง! ลูกสาวขี้เหร่ของจวนอัครมหาเสนาบดี กลายเป็นผู้สูงส่ง แม้แต่ผู้โหดเหี้ยมบางคนยังหวั่นไหวกับเธอ เมื่อสุดที่รักจะจัดการผู้ใด เขามักจะช่วยเสมอ... แต่น่าเสียดายสุดที่รักคนนั้นไม่มีเขาอยู่ในใจ ฉู่ว่านยู "ออกไป หย่าเลย ผู้ชายมีแต่เป็นภาระของข้าเท่านั้น" เสี่ยวลี่จิงรู้สึกน้อยใจ "ไม่ได้ ข้าให้ครั้งแรกกับเจ้าแล้ว เจ้าต้องรับผิดชอบข้า"

ซูเจิน นายหญิงแห่งพฤกษา

ซูเจิน นายหญิงแห่งพฤกษา

l3oonm@
5.0

“ท่านผู้อำนวยการคะ ทางทีมสำรวจแจ้งว่าคนไม่เพียงพอที่จะเข้าไปเก็บตัวอย่างพันธุ์พืชในป่าเมืองเหอหนานค่ะ” ซูเจิน ที่ได้ยินก็หูผึ่งทันที เธอนั่งทำการอยู่ในห้องวิจัยตั้งแต่เรียนจบ ถึงตอนนี้ก็สี่ปีได้แล้ว ผู้อำนวยที่เข้ามาตรวจงานวิจัยล่าสุด ก็มองไปรอบห้อง เพื่อดูว่ามีใครต้องการเสนอตัวไปทำงานในครั้งนี้หรือไม่ แต่หลายคนที่เขามองไป ต่างหลบสายตาของเขา จะมีใครอยากออกไปเสี่ยงอันตราย เดินป่าขึ้นเขาให้เหนื่อยสู้นั่งทำงานในห้องปรับอากาศเย็นๆ ดีกว่า เมื่อไม่มีใครคิดจะเสนอตัว เขาจึงได้สอบถามหาผู้ที่สมัครใจทันที “มีใครอยากจะอาสาไปไหม” ไว้กว่าความคิด ซูเจินยกมือขึ้น “ฉันค่ะ” เพื่อนสนิทรีบดึงเสื้อของเธอเพื่อจะห้ามปราม “จะบ้าหรอ เธอไม่เคยไปสักครั้ง ไม่รู้หรือว่างานนี้เสี่ยงแค่ไหน” เสียงกระซิบของเสี่ยวชิง เอ่ยลอดไรฟันออกมา เมื่อปีที่แล้ว ที่ทีมสำรวจเดินทางเข้าไปที่ป่าเหอหนาน พื้นป่าที่ไม่อาจสำรวจได้อย่างทั่วถึง สร้างความท้าทายให้เหล่านักพฤกษศาสตร์จากทุกองค์กร แต่ไม่ว่าจะส่งเข้าไปกี่ครั้งก็ไปไม่ถึงป่าชั้นกลางเสียที แม้จะใช้เทคโนโลยีที่ล้ำหน้าเข้าช่วยเพียงได้ ก็สำรวจได้เพียงป่าชั้นนอก แถมยังพาชีวิตคนไปทิ้งอีกนับไม่ถ้วน ปีนี้ทางองค์กรของซูเจิน หยิบโครงการสำรวจป่าเหอหนานขึ้นมาใหม่ แต่กว่าจะหาทีมสำรวจได้ครบคนก็กินเวลาไปหลายเดือน ถึงตอนนี้คนก็ยังไม่พอจนต้องมาถามหาจากทีมวิจัยให้ช่วยเหลือ “คุณอยากไปจริงหรือ” เขาเอ่ยถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง “ค่ะ ฉันอยากลองทำงานนี้” ซูเจินยิ้มออกมา “ได้ อีกสองวัน คุณก็เตรียมตัวให้พร้อม” เมื่อมีคนเสนอตัวแล้ว ผู้อำนวยการก็ออกไปพบทีมสำรวจ เพื่อวางแผนการทำงาน ทั้งยังให้ซูเจินตามเขาไปเข้ารวมการประชุมในครั้งนี้ด้วย “เธอมันบ้าไปแล้ว” เพื่อร่วมงานต่างเดินเข้ามาหาซูเจิน แล้วตำหนิเธอที่กล้ายกมือเสนอตัว “เอาน่า ไว้กลับมาฉันจะเอาเรื่องสนุกมาเล่าให้พวกเธอฟัง” ซูเจินยิ้มหวานออกมา ก่อนที่จะเก็บของแล้วไปเข้าร่วมประชุมกับทีมสำรวจ สองวันต่อมาซูเจินก็แบกกระเป๋าเดินทางมาที่จุดนัดพบ เธอออกเดินทางด้วยรถตู้ขององค์กร พร้อมทีมสำรวจอีกเกือบยี่สิบชีวิต ยังดีที่เธอได้แบกกระเป๋าเพียงใบเดียว หากต้องแบกเต็นท์นอน อาหารด้วย คงได้เป็นภาระของคนอื่นอย่างแน่นอน ภายในป่าเหอหนาน น่ากลัวว่าที่ซูเจินคิดไว้เยอะ พอตะวันตกดิน หากไม่มีแสงไฟที่ทีมสำรวจนำมาด้วยคงจะมืดจนมองไม่เห็นอะไร เสียงแมลงทั้งสัตว์ป่าร้องตลอดทั้งคืน สร้างความหวาดกลัวให้กับคนที่ไม่เคยเข้าป่าสักครั้งอย่างเธอได้อย่างดี ยังดีที่เจ้าหน้าที่ผู้นำทางติดตามมาด้วยอีกหลายคน พวกเขาจึงได้อยู่ผลัดเปลี่ยนเวรยาม เพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์ป่าเข้ามาถึงตัวพวกเขา หลายวันที่อยู่ในป่า ซูเจินเก็บตัวอย่างพันธุ์ได้หลายชนิด แต่ทั้งทีม ยังเดินไม่หลุดป่าชั้นนอกเลย ยังดีที่อาหารที่เตรียมมาเพียงพอให้พวกเขาอยู่ไปได้อีกหลายวัน “เอ๊ะ” เข้าวันที่เจ็ดของการสำรวจป่า ซูเจิน เห็นดอกไม้แปลกตา ที่ขึ้นอยู่ท่ามกลางพงหญ้ารก เธอจึงเดินห่างจากกลุ่มทีมสำรวจเข้าไปดูทันที เพราะไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องอะไรได้ ระยะห่างที่อยู่ไกลจากพวกเขา หากร้องเรียกก็ยังได้ยินอยู่ เธอหยิบกล้องถ่ายรูปขึ้นมา พร้อมทั้งจดรายละเอียดก่อนที่จะดึงต้นไม้เก็บเข้าถุงเก็บตัวอย่างที่เตรียมมา แต่เมื่อมือของซูเจินสัมผัสไปที่ดอกไม้ เธอก็ต้องตกตะลึง เหมือนมีกระแสไฟวิ่งผ่านปลายนิ้วไปจนทั่วทั้งตัว “โอ๊ยย” เสียงร้องอย่างเจ็บปวดของซูเจิน เรียกความสนใจให้คนทั้งหมดรีบวิ่งมาทางที่เธออยู่ ซูเจินเห็นเพียงแสงสีขาวที่สว่างวาบไปทั่ว แล้วภาพตรงหน้าของเธอก็ดำมืดลง

เธอพลาดที่ทิ้งฉัน

เธอพลาดที่ทิ้งฉัน

Moritz Hearsum
5.0

ซูมู่หยูคือลูกสาวแท้ๆ ของตระกูลที่พลัดพรากจากกันไปนาน หลังจากกลับมาสู่ครอบครัว เธอพยายามอย่างเต็มที่เพื่อเอาใจญาติๆ ไม่ว่าจะเป็นตัวตน เกียรติศักดิ์ หรือผลงานการออกแบบ เธอก็ถูกบังคับให้มอบสิ่งเหล่านี้ให้กับลูกสาวบุญธรรม อย่างไรก็ตาม เธอไม่ได้รับความรักและการดูแลจากครอบครัวแต่อย่างใด แต่กลับโดนเอาเปรียบตลอด นับแต่นั้นเป็นต้นมา มู่หยูไม่ยอมให้ใครอีกเลย และตัดความรู้สึกและความรักทั้งหมดออกไป ปัจจุบันเธอเป็นสายดำระดับเก้า เชี่ยวชาญภาษาถึงแปดภาษา เป็นผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ และนักออกแบบระดับโลก ซูมู่หยูกล่าวว่า "จากนี้ไป ฉันเป็นหนึ่งของตระกูลซู"

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ