พิษรักนางบำเรอ

พิษรักนางบำเรอ

อัญญาณี

5.0
ความคิดเห็น
95.2K
ชม
58
บท

เธอมันก็แค่พี่เลี้ยงของลูก คนรับใช้ในบ้าน และนางบำเรอส่วนตัวของเขาไม่ว่าทำดีแค่ไหน สิ่งที่ตอบแทนคือความเย็นชา หมางเมินเขาจะเห็นค่าของเธอก็แค่ตอนอยู่บนเตียง แต่พอเมียเก่าเขาหวนมาเขาและลูกก็พร้อมที่จะเฉดหัวเธอออกจากบ้าน .... “แล้วเธออยากแต่งงานเหมือนเพื่อนเธอไหมล่ะ” เป็นคำถามแทงใจดำไอรีณเหลือเกิน คนถูกถามนิ่งงัน หัวใจเจ็บระบมขึ้นมาทันใด “ว่าไง อยากแต่งหรือเปล่า” เลอันโดรดันกายสาวให้ห่างตัวเล็กน้อย จับดวงหน้าหวานแต่ดูเศร้าให้หันมาเผชิญหน้ากับตน ไอรีณหลุบสายตาต่ำ ไม่กล้าปริปากตอบคำถามเขา ทั้งที่เธอมีคำตอบอยู่แล้วในใจ คงไม่มีสตรีคนใดในโลกที่ไม่อยากเข้าพิธีวิวาห์กับชายที่ตนรัก เธอเองก็ปรารถนาเช่นกัน แต่ชาตินี้คงไม่มีวันนั้น เพราะรู้แก่ใจดีว่าคนที่เธอรักไม่มีวันแต่งงานกับเธอแน่ “ฉันถามทำไมไม่ตอบ” “อยากแต่งค่ะ” ไอรีณตอบเสียงเบา ไม่สบตาเขา “แต่งกับใคร ฉันถามไม่ได้ยินหรือไง” เขาเลื่อนหน้าเข้ามาใกล้ ปลายจมูกโด่งคลอเคลียผิวแก้มสาว ก่อนจะกดจมูกสูดดมความหอมเข้าไปเต็มปอด ลากปากไปเรื่อยจนถึงกลีบปากสีชมพูอ่อน “ตอบฉันมาสิ...ถ้าไม่ตอบจะจูบให้ขาดใจเลยนะ” เป็นคำขู่ชวนวาบหวามเหลือเกิน ไอรีณตัวสั่นในอ้อมกอดอบอุ่น สมองเธอเริ่มปั่นป่วน หัวใจเต้นแรงทุกครั้งที่อยู่ในวงแขนนี้ นิ่งถูกเขาเล้าโลมเพียงแผ่วเบา หัวใจและอารมณ์ก็เตลิดไปไกล “แต่งกับ…” เธอหยุดพูด ไม่กล้าเปล่งเสียงตอบ “กับใคร” เลอันโดรไม่หยุดอยากรู้ “ตอบมาเร็วสิ” “กับคุณค่ะ” ไอรีณตอบไปที่สุด หน้าเธอเห่อร้อน ความอายเกลื่อนดวงหน้า อยากจะเขกหัวตัวเองที่กล้าหาญตอบคำถามออกไป เพราะสิ่งที่เธออาจได้รับกลับมาคือ เสียงหัวเราะเย้ยหยันตามด้วยคำพูดเหน็บแนม

บทที่ 1 1

เด็กหญิงวัยสิบสามปีมองดูบ้านหลังใหญ่ที่มันใหญ่มากสำหรับเธอด้วยสายตาตื่นตะลึง มันใหญ่ยิ่งกว่าบ้านในละครไทยที่เธอเคยดูเสียอีก ใหญ่อย่างกับวังตามที่โบร่ำโบราณเปรียบเทียบ ไม่เพียงแค่ตัวบ้านเท่านั้นที่ใหญ่ บริเวณบ้านยังกว้างขวาง มีสนามหญ้าที่เธอคิดว่า เลี้ยงวัวเลี้ยงควายได้เป็นร้อยตัว มีต้นไม้น้อยใหญ่ปลูกรอบบ้าน ดอกไม้ที่เธอไม่รู้จักก็บานสะพรั่งตรงทางเดิน ไอรีณมองภาพที่ไม่เคยเห็นด้วยความตื่นตาตื่นใจ

ยังมีอีกเรื่องที่ไอรีณตื่นเต้นไม่แพ้กันคือ นั่งเครื่องบินครั้งแรกในชีวิต เธอยังจำวินาทีที่มาถึงสนามบินสุวรรณภูมิได้ดี เด็กสาวมองอาคารใหญ่โตด้วยความตื่นตาตื่นใจ ยิ่งได้ขึ้นนกเหล็กลำใหญ่ ความตื่นเต้นเพิ่มขึ้นหลายเท่ากับยานพาหนะที่ไม่คิดไม่ฝันว่าจะได้ขึ้น และโชคดีว่า ไอรีณไม่มีอาการแพ้เครื่องบินคือ คลื่นเหียนอาเจียนและเวียนศีรษะ เธอนั่งอยู่ริมหน้าต่างมองดูก้อนเมฆที่จับตัวเป็นก้อน เกาะกลุ่มกันเป็นแพผืนกว้างมันอยู่ใกล้สายตาด้วยความตื่นเต้น เยี่ยมหน้ามองลงไปเบื้องล่างที่แทบจะมองไม่เห็นอะไร นอกจากจุดเล็กๆ หรือไม่ก็ทะเลกว้างใหญ่ ภูเขาที่เรียงรายกันเป็นผืน เป็นประสบการณ์ที่ไอรีณไม่มีวันลืม

“ใหญ่โตกว่าบ้านเราใช่ไหมไอรีณ” มาลีผู้มีศักดิ์เป็นป้าเอ่ยถามหลานสาว เดิมทีมาลีไม่ได้เรียกชื่อไอรีณเต็มๆ นางจะเรียกว่า ขวัญ ซึ่งเป็นชื่อเล่นของไอรีณ ทว่าชื่อเล่นนี้เวลามาอยู่ต่างแดนเรียกค่อนข้างยาก นางจึงเรียกไอรีณแทน และเรียกให้ติดเป็นนิสัย

“จ้ะป้า ใหญ่ว่าเป็นพันเป็นหมื่นเท่า บ้านไอรีณเล็กเท่ามดไปเลยจ้ะ แถมสนามหญ้าก็ใหญ่มากด้วย ไอ้ทุยวิ่งลุยได้สบาย”

ไอรีณคิดไม่ออกว่า บ้านหลังนี้ใหญ่กว่าบ้านของตนกี่เท่า เพราะมันเทียบกันไม่ติดเลย บ้านของเธอเป็นบ้านไม้ชั้นเดียว บนเนื้อที่ไม่กี่ตารางเมตร ทั้งเก่าทั้งเล็ก หากจะเปรียบเทียบ เปรียบกับห้องคนรับใช้บ้านหลังนี้จะเหมาะกว่า

“เขาเรียกว่าคฤหาสน์จ้ะ คฤหาสน์คาร์เรร่า” มาลีบอกหลานสาว “จำที่ป้าบอกได้ไหม”

“จำได้จ้ะ” ก่อนเดินทางมาประเทศอิตาลี มาลีส่งเงินให้ไอรีณเป็นค่าใช้จ่ายในการเรียนภาษาอิตาลีจนพูดได้พอสมควร ให้เธอได้เตรียมตัวก่อนมาอาศัยอยู่ในประเทศนี้ ประเทศที่จะต้องพำนักไปตลอดชีวิต และยังได้พร่ำสอนเรื่องการวางตัว และอ่อนน้อมถ่อมตน รวมทั้งความกตัญญูให้หลานสาวตระหนักถึงหน้าที่ที่จะต้องปฏิบัติกับทุกคนภายในคฤหาสน์หลังนี้

“ดีมากที่จำได้ เข้าไปข้างในกันได้แล้ว คุณท่านรอเราอยู่” มาลีถือกระเป๋าเดินทางของตนพาหลานสาวกำพร้าพ่อแม่เข้าไปในตัวคฤหาสน์ที่พอเข้าไปแล้ว ไอรีณถึงกับตาค้าง มองเฟอร์นิเจอร์ราคาแพงที่ดูแปลกตา ไม่เคยพบเห็นมาก่อน แต่ละอย่างสวยงามจนเธอไม่กล้าแตะต้อง เพราะเกรงว่ามันจะแตกหักและกลัวว่าจะชดใช้ไม่ไหว

“มาแล้วค่ะคุณท่าน” มาลีนั่งลงบนพื้นข้างสตรีวัยหกสิบปี ไอรีณนั่งลงข้างคนเป็นป้า “ไหว้คุณท่านสิไอรีณ ต่อไปนี้คุณอันนาคือเจ้านายของหลาน” ไอรีณทำตามที่มาลีสั่ง

“หน้าตาดีนะเนี่ย โตเต็มวัยคงสวยน่าดู” อันนารู้สึกเอ็นดูหลานสาวของมาลี คนรับใช้เก่าแก่ที่อยู่กับนางมากว่ายี่สิบปีตั้งแต่แรกเห็น ก่อนหน้านี้อันนาเกิดความสงสารในชะตากรรมของไอรีณที่ขาดทั้งพ่อและแม่ในระยะเวลาใกล้กัน แถมยังถูกญาติทางฝ่ายพ่อโขกสับยิ่งกว่าทาสในเรือนเบี้ย พอข่าวรู้ถึงหูมาลี คนเป็นป้าจึงขออนุญาตอันนาพาไอรีณมาอยู่ด้วย มาลีคิดว่า ไอรีณเป็นคนรับใช้ตระกูลคาร์เรร่ายังมีอนาคตกว่าอยู่กับญาติทางฝ่ายพ่อ อย่างน้อยก็ได้ที่พักอาศัยที่ดี เจ้านายก็ไม่เอารัดเอาเปรียบ แถมยังมีเมตตา จะส่งเสียไอรีณให้เรียนหนังสือ

“สวยเหมือนแม่ค่ะ” มาลีบอกผู้เป็นนาย

“มาลีบอกว่า เธอไม่ได้เรียนหนังสือใช่ไหม” อันนาถามลูกจ้างคนใหม่

“ใช่จ้ะ เอ๊ย! ใช่ค่ะ” ไอรีณลืมตัว

“ฉันจะส่งให้เธอเรียนต่อนะ จะได้มีความรู้ติดตัว พอเรียนจบมีงานทำ เธออยู่ที่นี่ต่อไปได้ ช่วยงานบ้านเล็กๆ น้อยๆ เท่าที่พอจะทำไหว หรือไม่ก็ไปทำงานในบริษัทของฉัน พอถึงตอนนั้นฉันจะหาตำแหน่งที่เหมาะสมให้เธอทำ” อันนาผู้มีจิตใจเมตตา ไม่คิดปิดกั้นอนาคตใคร หากคนในอาณัติมีเส้นทางที่ดีกว่า นางพร้อมสนับสนุนเต็มที่ ไม่หวังผลกับสิ่งที่หยิบยื่นให้ด้วย

“ขอบพระคุณคุณท่านมากค่ะที่เมตตาไอรีณ” มาลียกมือไหว้เจ้านาย ไอรีณจึงทำตามบ้าง

“พาหลานไปพักผ่อนเถอะ พรุ่งนี้ค่อยว่ากันอีกที”

“ค่ะคุณท่าน” มาลีกำลังลุกขึ้นยืน ทว่าเสียงของใครคนหนึ่งที่ดังมาพร้อมตัว ทำให้มาลีต้องนั่งตามเดิม

“คุณแม่ครับ ผมกลับมาแล้วครับ” เลอันโดร ฟลาวิโอ คาร์เรร่าบุตรชายของอันนาทรุดกายนั่งข้างมารดา กอดคนเป็นแม่และหอมแก้ม “คิดถึงคุณแม่ที่สุดเลยครับ”

“มาถึงก็ปากหวานเลยนะ แต่แม่ได้ข่าวว่า ทริปนี้มีสาวไปเที่ยวด้วยหลายคน จะคิดถึงแม่จริงหรือ”

“สาวๆ ก็ส่วนสาวๆ สิครับ คุณแม่เป็นที่หนึ่งในใจผมเสมอครับ”

“เลอันมาก็ดีแล้ว แม่จะแนะนำให้ลูกรู้จักกับไอรีณ หลานสาวมาลีที่แม่เคยบอกเลอัน จำได้ไหมลูก”

“จำได้ครับ” เขาตอบขณะหันไปมองเด็กหญิงชาวไทยหน้าตาน่ารักสมวัย ดวงตากลมโต จมูกรั้นเชิดรับกับริมฝีปากสีชมพูเป็นกระจับ ก่อนจะหันมามองมารดา “หน้าตาไม่เหมือนน้ามาลีเลยนะครับ”

“มาลีบอกว่า ไอรีณเหมือนแม่” อันนาเป็นเจ้าของประโยค

“ชื่อไอรีณหรือครับ เพราะดีนะครับ เรียกง่ายด้วย”

“ไอรีณไหว้คุณเลอันสิลูก คุณเลอันเป็นลูกชายคุณท่าน” เสียงของคนเป็นป้า เรียกสติของเด็กสาวที่มองหน้าชายหนุ่มลูกชายเจ้าของบ้าน ที่หน้าตาหล่อเหลา ดวงตาของเขามีเสน่ห์ ดึงดูดหัวใจดวงน้อยให้เต้นถี่แรงยามได้สบตามองให้กลับคืนมา เธอรีบพนมมือไหว้เลอันโดรตามคำสั่ง เลอันโดรยิ้มให้ไอรีณ และรอยยิ้มนั้นทำให้ไอรีณถึงกับใจสั่นมากขึ้น เป็นรอยยิ้มที่กระชากหัวใจเด็กสาวก็ว่าได้

“ฉันขอตัวพาไอรีณไปห้องก่อนนะคะคุณท่าน” มาลีลุกขึ้นยืน โดยมีร่างเด็กสาวลุกขึ้นแล้วเดินตามป้าไปด้านหลังของคฤหาสน์ ระหว่างทางที่ไอรีณเดินไป เธอหันมามองเจ้านายหนุ่มรูปงามที่มีจังหวะหนึ่ง มองมายังเธอพอดิบพอดี ทำให้สายตาของทั้งคู่ประสานกัน แก้มไอรีณร้อนผ่าว เปื้อนสีชมพูระเรื่อขึ้นมาไม่รู้ตัว และเป็นฝ่ายหลบสายตาเลอันโดร รีบเดินตามมาลีโดยไม่หันกลับมามองเขาอีกเลย

อ่านต่อ

หนังสืออื่นๆ ของ อัญญาณี

ข้อมูลเพิ่มเติม
เมียไม่ปรารถนา

เมียไม่ปรารถนา

มหาเศรษฐี

4.9

คุณานนท์เมา... ใช่ เขาต้องการให้แอลกอฮอล์ดับความทุกข์ ความผิดหวัง ความเสียใจ และอาการเจ็บใจ แค้นฝังรากลึกให้หลุดออกไปใจบ้าง วันนี้เขากับครอบครัวเสียหน้าหนักมาก ต้องตกเป็นขี้ปากชาวบ้านที่ต้องนำเรื่องนี้ไปพูดคุยกันสนุกปาก คงไม่มีใครคิดว่า คนอย่างคุณานนท์จะถูกทิ้งกลางอากาศ ถูกทิ้งในวันสำคัญของชีวิตด้วย ไม่แค้นก็แปลก แล้วความแค้นทั้งหมดก็กำลังไปลงที่เจ้าสาวที่ไม่ปรารถนา “หลับสบายเลยนะ” เขาพูดเสียงต่ำ มองดวงหน้าหวานที่นอนหลับพริ้มบนเตียง “ตื่น!” คุณานนท์ตะโกนเสียงดัง เขาไม่เพียงแค่ส่งเสียงเรียกเธอ มือใหญ่คว้าผ้าห่มแล้วเหวี่ยงมันไปกองบนพื้น และนั่นทำให้เขาเห็นเรือนร่างสาวมีเพียงผ้าขนหนูผืนเดียวพันกาย เสียงอันแผดดัง ความเย็นจากเครื่องปรับอากาศที่กระทบผิวกาย ส่งผลให้ลัลณ์ลนินตื่น เธอเอี้ยวตัวมาทางด้านหลังแล้วต้องสะดุ้งตัวลุกขึ้นนั่งเมื่อเห็นร่างสามียืนไม่มั่นคงนักริมเตียง “พี่กล้า” “แหม แต่งตัวรอให้ฉันมาเอาเธอเลยเหรอ รู้หน้าที่ดีนี่” น้ำเสียงติดอ้อแอ้ ทำให้เธอรู้ว่า เขากำลังเมา “ไม่ใช่ค่ะ ไม่ชะ...ว้าย!” ลัลณ์ลนินยังไม่ทันพูดจบประโยค คุณานนท์ก็โถมร่างดันร่างเล็กให้นอนลงบนที่นอน โดยมีร่างเขาทาบทับ “พี่กล้าลุกคะ ลุก” “ไม่ลุก” คุณานนท์ตอบเสียงดังฟังชัด “เธอลืมแล้วเหรอว่าเราแต่งงานกันแล้ว ไม่ใช่เรื่องแปลกนี่ที่เราจะมีอะไรกัน จริงไหม” ใช่ เขาพูดถูก ไม่ใช่เรื่องแปลกถ้าการแต่งงานมาจากความรักและความเต็มใจของทั้งสองฝ่าย แต่นี่ไม่ใช่ งานวิวาห์ที่ทั้งเขาและเธอไม่ปรารถนาให้เกิดขึ้น เรื่องแบบนี้ก็ไม่น่าเกิดขึ้นเช่นกัน ยิ่งตอนนี้ด้วยแล้ว กลิ่นแอลกอฮอล์ที่ฟุ้งตามร่างหนา เป็นอีกสัญญาณหนึ่งให้รู้ถึงความไม่ปลอดภัย “ไม่ค่ะ ไม่” ลัลณ์ลนินพูดด้วยความกลัว เธอกำลังกลัวคุณานนท์ ลางสังหรณ์บอกเธอว่า ตนเองกำลังไม่ปลอดภัย เธอดิ้นรนไปมา ดิ้นทั้งที่รู้ว่า หนีไม่พ้น

ดั่งทรายต้องลม

ดั่งทรายต้องลม

มหาเศรษฐี

5.0

ของบางอย่างมักเห็นค่า ในเวลาที่เสียมันไป .... “เปิ้ลจะมาอยู่บ้านหลังนี้ในฐานะเมียพี่อีกคนนะ” ความเจ็บช้ำที่พราวฟ้าได้รับน้อยไปใช่ไหม ปรินทร์ถึงได้โยนความรู้สึกนั้นเข้าจิตใจเธอมากขึ้น มันมากมายเสียจนพราวฟ้าคิดว่า ชาตินี้ทั้งชาติไม่รู้ว่าจะสลัดหลุดความร้าวรานใจได้หรือไม่ น้ำตาที่เพิ่งแห้งเหือดไปพักหนึ่ง ตอนนี้กำลังทำงานอีกครั้ง ไหลรินเป็นทาง ปรินทร์พูดออกไปแล้วก็นึกอยากตบปากตัวเอง เขาไม่ควรเอ่ยประโยคนี้เป็นประโยคแรก ควรเป็นคำพูดที่ทำให้ความเสียใจปัดออกไปจากหัวใจพราวฟ้ามากกว่า เขาไม่รู้สาเหตุว่า ทำไมปากเขาหนัก ขาตัวเองแข็งเช่นนี้ ได้แต่ยืนมองพราวฟ้าที่ร้องไห้อย่างน่าสงสาร “ถ้างั้นทรายจะไปจากที่นี่ค่ะ” ไม่มีผู้หญิงคนไหนทนได้ ทนเห็นผู้หญิงอีกคนเข้ามาอยู่ในฐานะเมียน้อย แค่นี้เธอก็เจ็บปวดมากพอแล้ว “ทรายอยู่ที่นี่ไม่ได้ค่ะ ไม่ได้แม้วินาทีเดียว” ปรินทร์ตกใจไม่คิดว่าพราวฟ้าจะตัดสินใจเช่นนี้ หัวใจเขาหล่นตุ๊บ ใจหายกับประโยคที่ได้ยิน “มันยากนักหรือไงที่จะอยู่ด้วยกัน พี่ก็ไม่เห็นว่ามันจะเป็นเรื่องใหญ่เรื่องโตอะไร ต่างคนต่างอยู่ก็หมดเรื่อง เปิ้ลเป็นผู้ดีพอ ไม่มารังควานทรายหรอก” ปากหนอปาก พูดไปโดยไม่ทันคิดอีกแล้ว และไม่เคยคิดไตร่ตรองว่า วาจาที่เอ่ยออกไปสร้างแรงสะเทือนเกิดขึ้นในใจพราวฟ้าหนักมาก “สำหรับคุณอาจไม่คิดว่าเป็นเรื่องใหญ่ แต่สำหรับฉัน มันคือเรื่องใหญ่ที่สุดในชีวิตคู่ ไม่มีผู้หญิงคนไหนทนได้หรอกค่ะ คุณลองคิดกลับกัน ถ้าฉันพาผู้ชายมาอยู่ที่นี่อีกคนในฐานะผัวน้อย คุณจะรู้สึกยังไง ที่ฉันนอนกับคุณวันนึง นอนกับผัวน้อยวันนึง คุณคงมีความสุขมากสินะ” พราวฟ้าเถียงกลับ ปรินทร์นิ่งอึ้ง ตกใจ มองคนพูดนิ่ง พราวฟ้าเป็นคนไม่มีปากมีเสียง แทบจะไม่เถียงใครเลยทั้งสิ้น นับตั้งแต่อยู่กินกันมาวันนี้เป็นวันแรกที่เธอกล้าต่อปากต่อคำ และไม่หมดเพียงแค่นี้ “คุณเปิ้ลเป็นผู้ดีหรือคะ ผู้ดียังไงถึงได้ยอมเป็นเมียน้อยคนอื่น ผู้ดีจริงๆ เขาจะหยิ่งทระนงในศักดิ์ศรีของตัวเอง ไม่ทำตัวต่ำ ไม่ทำให้ตัวเองโดนติฉินนินทา จะคิดทำอะไรต้องใช้สติคิด นี่ต่างหากค่ะที่เรียกว่าผู้ดี ฉันคงอยู่ที่นี่ไม่ได้หรอกค่ะ เพราะฉันเป็นคนชั้นต่ำ ไม่เหมาะกับดงผู้ดี เชิญคุณอยู่กับคุณเปิ้ล ผู้หญิงที่คุณเลือก ส่วนฉันก็จะไปตามทางของฉัน” ปรินทร์อึ้งอีกรอบ เขามองเธอนิ่งงัน ไม่เพียงแค่พราวฟ้าตอบโต้กลับด้วยคำพูดเชือดเฉือน สรรพนามที่เรียกระหว่างกันก็เปลี่ยนไป มองพราวฟ้าที่เดินไปนั่งร้องไห้ริมเตียง “ก็ลองทำตามที่พูดสิ ฉันจะฆ่าเธอกับชู้ให้ตายคาที่เลย” ปรินทร์เสียงเข้มห้วน ความไม่พอใจคุกรุ่นในแววตา แค่จินตนาการว่าเธอมีความสัมพันธ์กับชายอื่น เขาก็แทบบ้า ความหึงหวงพล่านในอก “แค่ฉันพูดคุณยังโกรธ แต่คุณทำจริง คุณมีอะไรกับคุณเปิ้ลไม่พอ ยังพาเธอมาอยู่ที่นี่ แล้วคุณคิดเหรอว่าฉันจะทนได้ แล้วฉันก็ไม่ทนด้วย” พราวฟ้าพูดไปร้องไห้ไป “โธ่โว้ย! มันจะอะไรกันหนักหนา ทำไมเธอทนอยู่ที่นี่ไม่ได้ มันจะตายหรือไง” ปรินทร์หัวเสีย เมื่อเมียพูดไม่รู้เรื่อง ทำแข็งข้อใส่อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน “ฉันให้เธออยู่ที่นี่ก็บุญเท่าไหร่แล้ว อย่าเรื่องมากไปหน่อยเลย...รำคาญ” ปรินทร์กระแทกเสียงใส่ มองหน้าพราวฟ้าด้วยความไม่พอใจ เขาไม่คิดสักนิดเลยว่า เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นไม่ใช่ความผิดของพราวฟ้า ความผิดอยู่ที่เขาเต็มๆ “ฮือ...ฮือ” พราวฟ้าร้องไห้หนักขึ้น ไม่กลั้นน้ำเสียง เธอปล่อยโฮออกมาราวกับว่า ไม่อาจกลั้นความเจ็บช้ำน้ำใจที่โถมใส่ได้อีก ปรินทร์ไม่เพียงแค่ทำร้ายจิตใจพราวฟ้า เขาไม่ถนอมน้ำใจเธอเลยสักนิด พร้อมเหยียบย่ำความรู้สึกให้จมพื้นดิน ขยี้หัวใจสาวจนแหลกลานคาเท้า “แล้วก็เลิกร้องไห้ซะที น้ำตาไม่ได้ช่วยอะไรเธอหรอกนะ เห็นแล้วหงุดหงิด น่าเบื่อชะมัด” ปรินทร์หัวเสียหนักมากขึ้น เขาเดินออกไปจากห้องทันทีที่พูดจบ ราวกับว่าไม่อยากคุยกับพราวฟ้าต่อ เพราะเกรงว่าจะยิ่งพูดกันไม่รู้เรื่อง ค่อยกลับมาพูดใหม่หลังจากที่ต่างฝ่ายต่างอารมณ์เย็นลง พราวฟ้าไม่มีคำใดเอื้อนเอ่ย นอกจากน้ำตาที่รินไหลไม่หยุด คำสัญญาคำพูดของเขาที่ว่า ไม่คิดอะไรกับทิวาทิพย์มากไปกว่าเพื่อนก็ไม่ใช่ความจริง เขาเพียงแค่หลอกล่อให้เธอตายใจและเชื่อใจ ก่อนตลบหลังอย่างเจ็บปวดที่สุด ปรินทร์หมดรักเธอแล้ว หากยังมีความรักหลงเหลือ ปรินทร์จะไม่ทำเช่นนี้ มือเรียวสวยวางลงบนท้อง เธอลูบท้องเบาๆ ก้มหน้าลงบอกกล่าวกับอีกหนึ่งชีวิตในครรภ์ “พ่อไม่ต้องการแม่แล้ว เราไปอยู่กันสองคนนะลูก” เป็นการตัดสินใจอันแน่วแน่ของพราวฟ้า เมื่อเขาไม่เห็นค่า ไม่เห็นแก่ความรัก จะอยู่ให้ทุกข์ทรมานใจทำไม หากเธอไม่ดึงตัวเองออกจากความเจ็บปวด เธอก็ต้องจมอยู่กับความเสียใจไปตลอดชีวิต

เมียลับนายหัว

เมียลับนายหัว

มหาเศรษฐี

5.0

................ วินาทีที่ได้เห็นรอยยิ้มของลูกสาว หัวใจเขาเต้นแรงมาก ความรู้สึกหม่นเศร้า เคว้งคว้างท่ามกลางความหนาวเหน็บถูกปัดออกมาจากจิตใจจนสิ้นเมื่อได้พบหน้ากัญญาพัชรด้วยตาตัวเอง หนูน้อยวัยสี่ขวบเดินมาหาชายร่างสูงใหญ่ด้วยความรู้สึกที่บอกในใจว่า ต้องเดินไปหา “สวัสดีค่ะ มาหาใครคะ” เสียงหวานใสเหลือเกิน... สิงหนาทพูดอยู่ในใจเมื่อได้ยินเสียงแรกของลูกสาว เขาก้มมองดูเด็กหญิงหน้าตาราวกับตุ๊กตา ผิวขาวอมชมพู รูปร่างอวบน่าฟัดน่ากอด สวมใส่ชุดคอจีนสีขาวฟ้า ใบหน้าหนูน้อยชวนมองยิ่งนัก ตาโต แก้มป่อง ริมฝีปากแดงอมชมพู เขาย่อตัวลงให้ความสูงอยู่ระดับเดียวกับกัญญาพัชร “ขอกอดหน่อยได้ไหมครับ” สิงหนาทพูดกับลูกเสียงหวานมาก กัญญาภรณ์กับชุติมาสั่งสอนเสมอว่า อย่าเข้าใกล้คนแปลกหน้า ใครที่น้องขนมไม่รู้จักชวนไปไหนอย่าไป ให้กินอะไรก็อย่ากิน ซึ่งหนูน้อยเชื่อฟังมาตลอด ทว่าครั้งนี้กัญญาพัขรกลับละเมิดคำสั่งสอนมารดา “ได้ค่ะ” กัญญาพัชรกางมือออกไปทางด้านข้าง ยิ้มเต็มใบหน้า ราวกับว่าต้องการอ้อมกอดจากเขาเช่นกัน สิงหนาทไม่รอช้ารั้งร่างอวบของลูกสาวไว้ในอ้อมแขน กระชับแน่นประหนึ่งกลัวว่าร่างนี้จะสลายแล้วรู้ตัวว่า เขาอยู่ในความฝัน ไม่ใช่ฝัน...มันคือเรื่องจริง เนื้อนุ่มนิ่มที่เขากอด หัวใจของหนูน้อยที่แนบกับอก สิงหนาทรับรู้ได้ถึงจังหวะการเต้นของหัวใจ ความอุ่นจากเรือนกายตอกย้ำว่า เขาได้พบลูกแล้ว น้ำตาเขาปริ่มขอบตาก่อนปล่อยมันลงมาเคลียแก้มอย่างไม่คิดจะกลั้น เป็นน้ำตาแห่งความดีใจ เป็นความดีใจที่รอคอยมานานสี่ปี คนเป็นพ่อค่อยๆ ดันร่างลูกสาว ลูบหัวหนูน้อยเบามือ “คุณลุนร้อนไห้ทำไมคะ โอ๋ๆ ไม่ร้อนนะคะ” สิงหนาทยิ้มกับคำพูดของลูกสาว แล้วยิ้มกว้างมากขึ้นเมื่อกัญญาพัชรกอดปลอด “ไม่ต้องร้อนนะคะ โอ๋ๆ” “ลุงไม่ร้องแล้วครับ ลุงไม่ร้องแล้ว ขอบใจน้องขนมนะครับที่ปลอบลุง” สิงหนาทปาดน้ำตาทิ้ง ยิ้มให้บุตรสาวสุดน่ารัก “แม่อยู่ไหมครับ แม่แพรน่ะครับ” “แม่ไม่อยู่ค่ะ” “แม่ไปไหนครับ” “แม่ไปหาผัวใหม่” เด็กวัยสี่ขวบตอบเสียงใส ยิ้มแป้น แต่คนได้รับคำตอบกลับยิ้มไม่ออก “ไปไหนนะครับ” สิงหนาทถามซ้ำ “แม่ไปหาผัวใหม่ น้ายูบอกว่าผัวเก่าแม่เฮงซวยค่ะ” น้องขนมตอบตามที่ชุติมาบอก ไม่รู้ความหมายในคำพูดที่เอ่ยออกไป โดยไม่รู้ว่า คำตอบของตนนั้นกำลังทำให้เสือร้ายโมโห “หนอย...ห่างผัวไม่กี่ปี ริอยากมีผัวใหม่ ฝันไปเถอะ” โรมานซ์

หนังสือที่คุณอาจชอบ

ฉันไม่มีทางยอมแพ้

ฉันไม่มีทางยอมแพ้

Tann Aronson
5.0

เมื่อเธออายุยี่สิบ ชิงฉือได้รู้ว่าตนเองไม่ใช่ลูกโดยกำเนิดของตระกูลต้วน เธอถูกลูกสาวที่แท้จริงของตระกูลต้วนล้อมกรอบ จนถูกพ่อแม่บุญธรรมไล่ออกจากบ้านและกลายเป็นตัวตลกในเมือง เมื่อเธอกลับไปหาพ่อแม่ชาวนา จากนั้นก็พบว่าบิดาผู้ให้กำเนิดของเธอเป็นคนที่รวยที่สุดในเมืองเจียงเฉิงส่วนพี่ชายของตนเองเป็นอัจฉริยะในแวดวงต่างๆ ทุกคนมองดูเด็กสาวตัวเล็กคนนี้ด้วยความเห็นใจและถือว่าเธอเป็นสมบัติล้ำค่า แต่ค่อยๆ พบว่า... ที่แท้ว่าน้องสาวเป็นคนมากความสามารถ? อดีตแฟนหนุ่มผู้น่ารังเกียจหัวเราะเยาะ "อย่ามาตามเซ้าซี้ไม่เลิก ฉันมีแต่เมียนเมียนอยู่ในใจ!" คนใหญ่แห่งเมืองหลวงปรากฏตัว "เมียฉันจะเห็นหัวนายเหรอ?"

บ่วงรักคนไร้ใจ

บ่วงรักคนไร้ใจ

ดอกอ้อลู่ลม
5.0

"จะบอกให้นะ คนอย่างฉันเลวกว่าที่เธอคิดเยอะ อ้ออีกเรื่องที่ฉันจะบอกและให้เธอจำไว้ให้ขึ้นใจว่าต่อไปถ้าฉันมีอะไรกับเธอฉันจะไม่ป้องกันเพราะฉะนั้นต้องเป็นตัวเธอที่ต้องดูแลตัวเองหายาคุมมากินซะ อ้อแล้วก็อย่างที่ฉันบอกว่าห้ามปล่อยให้ตัวเองท้องเพื่อให้ฉันรับผิดชอบเพราะมันจะไม่มีวันเป็นไปได้อย่าหวังว่าฉันจะรับผิดชอบเธอกับเด็กในท้องของเธอ ถ้าฉันจะต้องหาแม่ของลูกฉันคงไม่เอาผู้หญิงขายตัวแลกเงินอย่างเธอมาเป็นแม่ของลูกแน่นอน ฉันสงสารลูกถ้ามีแม่อย่างเธอ แล้วถ้าเธอไม่เชื่อถ้าเธอปล่อยให้ตัวเองท้องฉันจะจัดการเด็กในท้องของเธอด้วยตัวของฉันเอง"

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ