Login to MeghaBook
icon 0
icon เติมเงิน
rightIcon
icon ประวัติการอ่าน
rightIcon
icon ออกจากระบบ
rightIcon
icon ดาวน์โหลดแอป
rightIcon
โอ้ว... แม่สาวน้อย

โอ้ว... แม่สาวน้อย

ชนิตร์นันท์

5.0
ความคิดเห็น
650
ชม
25
บท

สาวน้อย "รินฤดี" จะหนีเงื้อมมือของไอ้โรคจิต "ยุทธ" ได้อย่างไร ในเมื่อเธอติดใจรสจูบนั้นเหลือเกิน ความอุ่นวาบซาบซ่านที่ฉกลงบนริมฝีปากทำให้ดวงตากลมโตต้องเบิกกว้างอย่างตกใจ และทันทีที่ได้สติฝ่ามือที่ชะงักค้างอยู่ข้างตัวก็พยายามจะยกขึ้นเพื่อทุบตีคนแปลกหน้าและพยายามยันแผงอกกว้างให้ห่างออก พร้อมกับส่ายหน้าหลบหลีกความอุ่นวาบจนเกือบร้อนนั้นให้ได้ แต่ไม่ว่าจะทำยังไง คนที่ประกบปากของเขากับปากของเธอก็ไม่มีทีท่าว่าจะยอมถอยออกไป

บทที่ 1 EP.01

เนื้อเรื่องต่อจาก “รักต้องร่าน” นะคะ

เป็นคู่ของ “ยุทธ” กับ “รินฤดี” ค่ะ

คนในห้องก็มีความสุขกันไป ส่วนคนที่ยืนรออยู่ที่หน้าห้องก็ได้แต่ยืนหน้าตูมอยู่อย่างนั้น

“คุณวีนะคุณวี เฮ้อ! แล้วอย่างนี้จะรีบเร่งทำไม ตอนจะเอาก็โทรตามยิกๆ พอหมดประโยชน์ก็ไม่รับโทรศัพท์ซะงั้น”

ยุทธบ่นพลางส่ายใบหน้าอย่างตึงๆ เพราะก่อนหน้านี้ชาวีโทรตามโทรจิกเขาจนโทรศัพท์แทบไหม้ ให้เขาเร่งช่าง ทั้งไปเฝ้าทางอู่ ให้ซ่อมเจ้ารถมินิคู่กรณีของคุณโรเบิร์ตให้เสร็จโดยด่วน เสร็จแล้วก็ต้องรีบเอารถมาส่งให้ที่เพนท์เฮ้าท์

แต่นี่ยังไงกัน เพราะคนด้านในเหมือนจะไม่ใส่ใจเขาแล้ว เมื่อโทรศัพท์ไปก็ไม่มีคนรับ กดกริ่งก็ไม่มีใครมาเปิด ยุทธจึงได้แต่ถอดใจ

ร่างสูงก้าวเข้าสู่ลิฟท์ที่เขาเรียกมาจอดที่ชั้น 57 ก่อนจะกดเพื่อลงไปด้านล่าง พลางทอดถอนหายใจอย่างเซ็งๆ เพราะเขาเป็นฝ่ายที่อดจะทำตามใจทำตามคำสั่งของชาวีไม่ได้สักที

“เฮ้อ!”

ยุทธถอนหายใจอีกครั้งก่อนจะทำหน้านิ่ง เมื่อลิฟท์ถูกเรียกให้เปิดจากด้านนอก

สาวสวยผิวขาวราวกับหยวกกล้วยในชุดออกกำลังกายก้าวเข้ามา เธอไม่ได้มองมาที่ยุทธเลยสักนิดเพราะกำลังคร่ำเคร่งกับการพิมพ์ข้อความตอบใครบางคนในโทรศัพท์ แต่เป็นยุทธที่มองเธอไม่วางตา

เขาคุ้นหน้าเธอเหลือเกินแต่ก็จำไม่ได้ว่าเคยเจอกันที่ไหน อาจจะที่นี่ เพราะเขาก็มาหาชาวีที่นี่ออกบ่อย แต่ทำไมนะ เขาถึงไม่สะดุดตาเธอเลย

เพราะทรวดทรงองค์เอว แม้จะไม่อะร้าอร่ามเต็มไม้เต็มมือ แต่ความขาวดูสุขภาพดีนั้น มันก็เร้าใจเขาอย่างแรง โดยเฉพาะกลิ่นโคโลญจน์อ่อนๆ ที่หอมกรุ่นอยู่ภายในลิฟท์ทันทีที่เธอก้าวเข้ามานั้น ก็ทำให้ยุทธตื่นตัวได้ง่ายๆ

ทว่าเมื่อสาวเจ้าเหลือบมองเงาสะท้อนของเขาจากผนังด้านข้าง สีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไป

‘แกๆๆ ฉันเจอคนโรคจิตในลิฟท์อ่ะ’

‘หล่อมั้ย’

‘จะบ้าเหรอ ใครจะไปรู้ แก มันมองก้นฉันอ่ะ’

‘ก้นแกใหญ่’

‘บ้า! มันยังมองอยู่เลย’

ดวงตากลมโตเหลือบมองเงาสะท้อนจากผนังอะลูมิเนียมด้านข้าง ทำให้รู้ว่าผู้ชายที่อยู่ด้านหลังกำลังมองสำรวจเรือนร่างของเธออยู่

‘ในลิฟท์มีใครบ้าง’

‘ฉันกับไอ้โรคจิต’ นิ้วมือยังคงจิ้มบอกคนที่สนทนาด้วย ก่อนจะสะดุ้ง เมื่อเหลือบเห็นคนด้านหลังกำลังล้วงอะไรบางอย่างด้านหน้าตรงเป้ากางเกง

‘แก! มันล้วงๆๆๆๆๆ’

‘ขยับมาใกล้ๆ ประตู อย่าให้มันรู้ตัวนะ กดออกเลยแก กดๆๆๆ’

ทว่าก่อนที่นิ้วมือจะเอื้อมไปถึง เธอก็มีอันต้องร้องกรี๊ด เมื่อคนด้านหลังขยับมาจนประชิดตัว แถมโทรศัพท์ในมือก็ยังถูกยื้อไปด้วย

“ว้าย! ไอ้โรคจิตแกจะทำอะไร เอาโทรศัพท์ฉันมานะ ฉันไม่ยอมให้แกถ่ายคลิปฉันหรอก เอามา! เอาโทรศัพท์คืนมานะ”

รินฤดีพยายามยื้อยุดเอาโทรศัพท์คืน แต่ไอ้โรคจิตก็ยังชูโทรศัพท์ของเธอขึ้นสูง และมันก็เป็นผู้ชายที่ตัวสูงมากๆ ด้วย ทั้งสูง ทั้งใหญ่ อึ๊ย... น่ากลัว

“บอกมาก่อน คุณว่าใครโรคจิต”

เสียงห้าวเอ่ยถาม นึกสนุกที่สาวสวยตัวหอมๆ นี้ กระโดดโหยงๆ แย่งโทรศัพท์อยู่ด้านหน้าเขา ช่วยไม่ได้ก็อยู่ดีๆ หล่อนก็มาหาว่าเขาเป็นโรคจิต เขาก็ไม่ได้อยากเสียมารยาทแอบดูคนคุยกัน แค่จะดูให้รู้ว่าเธอคุยกับเพื่อนหรือแฟนก็เท่านั้น

เพราะถ้าหากเธอคุยกับเพื่อนเขาอาจจะขอสานสัมพันธ์โดยการขอ ‘ไอดีไลน์’ แต่หากเธอคุยกับแฟน เขาก็จะได้ถอดใจ และเก็บแค่กลิ่นหอมๆ นี้ไปจิ้นเท่านั้น แต่ดันเจอ ‘ไอ้โรคจิต’ ตัวเบ้อเริ่มน่ะสิ

“ก็นายนั่นแหละ โรคจิต!”

“ผมโรคจิตตรงไหน ผมยังไม่ได้ทำอะไรคุณเลยนะ”

“นายมองก้นฉัน และนายก็ล้วง”

“ล้วง... คุณว่าผมล้วงอะไร ผมหาโทรศัพท์ในกระเป๋า”

เพล้ง!!!

ดวงตากลมโตเหลือบมองลงต่ำและก็เห็นชัดว่าจุดที่เธอเห็นเขาล้วงนั้นมันคือ กระเป๋าสะพายที่ป้ายมาอยู่ด้านหน้าเป้ากางเกง แต่ไม่นะ... ก็เธอเห็นนี่นา ยังไงนายคนนี้ก็มองก้นเธอจริงๆ

“ไม่รู้อ่ะ ยังไงนายก็มองก้นฉัน ถ้าไม่อยากมีเรื่องเอาโทรศัพท์ฉันคืนมาเดี๋ยวนี้”

“ได้... แต่ผมคิดค่าเสียหายที่คุณกล่าวหานะ”

และค่าเสียหายที่ยุทธบอกก็คือจูบร้อนๆ ที่สาวน้อยแสนจะน่ารักน่าชังนี้ถึงกับอ่อนระทวยในอ้อมกอดของเขาเลยทีเดียว จูบแสนหวานไม่ประสีประสา ถูกใจเขาที่สุด แต่มันไม่ใช่เพียงครั้งแรกหรอก เพราะครั้งต่อๆ ไปจะต้องมีมาแน่

เพราะระยะที่ใกล้จนลมหายใจรดริน ได้กลิ่นหอมกรุ่นทั้งจากแชมพูสระผม และกลิ่นหอมอ่อนๆ จากตัวเธอนั้น ทำให้เขาจำได้ว่าทำไมจึงคุ้นหน้าเธอนัก

‘คุณฤดี... หึหึ... อย่างนี้น่ารับงานหน่อย’

ความอุ่นวาบซาบซ่านที่ฉกลงบนริมฝีปากทำให้ดวงตากลมโตต้องเบิกกว้างอย่างตกใจ และทันทีที่ได้สติฝ่ามือที่ชะงักค้างอยู่ข้างตัวก็พยายามจะยกขึ้นเพื่อทุบตีคนแปลกหน้าและพยายามยันแผงอกกว้างให้ห่างออก พร้อมกับส่ายหน้าหลบหลีกความอุ่นวาบจนเกือบร้อนนั้นให้ได้ แต่ไม่ว่าจะทำยังไง คนที่ประกบปากของเขากับปากของเธอก็ไม่มีทีท่าว่าจะยอมถอยออกไป

อ่านต่อ

หนังสืออื่นๆ ของ ชนิตร์นันท์

ข้อมูลเพิ่มเติม
คนงานบ้านนายฝรั่ง

คนงานบ้านนายฝรั่ง

โรแมนติก

5.0

หากนาไม่แล้ง ข้าวไม่แห้งตาย ‘เดช’ ก็ไม่คิดจะหอบเอา ‘ฟ้า’ เมียรักเข้ามาทำงานในเมืองกรุง แต่ความจนทำให้เลือกไม่ได้ และงานดี เงินดี เจ้านายเห็นใจ ก็เป็นเส้นทางที่ดีที่สุด ทว่า... หากรู้ว่ามาแล้วจะต้องเสียเมียให้นายฝรั่ง เดชเลือกที่จะไม่มาเสียยังดีกว่า แต่... เสียแล้วคือเสียเลย สิ่งเดียวที่จะชดเชยความแค้นก็คือ ‘เมียนาย’ คุณผู้หญิงเร่าร้อน เร่งเร้า รุนแรง และมากครั้งเท่าที่ต้องการ เดชไม่รู้แล้วว่านั่นคือการแก้แค้นหรือรางวัล +++++ ‘เดช’ พา ‘ฟ้า’ เมียรักมาทำงานที่บ้านนายฝรั่ง แต่ ‘คริส’ นายฝรั่งกินเมียเขาไปแล้ว และยังเอาดุ้นยาวใหญ่มาล่อให้ฟ้าติดใจ จนฟ้ากินไม่อิ่มไม่พอ อยากได้อะไรที่เทียบเท่า เขาก็เลยแอบกิน ‘โรส’ เมียของนายฝรั่ง แก้แค้นให้สาสม แต่แค้นช่างแสนหวานและฉ่ำชุ่ม จนเขาต้องกินซ้ำๆ ยิ่งได้กินพร้อมๆ กับพี่โชค เขาก็ยิ่งเมามัน และแน่นอนว่าโรสชอบ ในขณะที่นายฝรั่งกระหยิ่มยิ้มที่ได้กินเมียเขา เดชกลับสุขและยิ้มกว้างยิ่งกว่า เพราะเขาได้กิน ‘คุณหนูแพทตี้’ คุณหนูช่างร่านร้อนไม่ต่างจากแม่ แน่นอนว่าเขาชวนพี่โชคมากินด้วย

รับ(ลับ)ฉบับมาดาม

รับ(ลับ)ฉบับมาดาม

โรแมนติก

5.0

#มาดามทรายกับชายเลี้ยงม้า เปิดประสบการณ์รักร้อนในฟาร์มม้ากันสักครั้ง หรือจะลองกลิ่นฟางแห้งบ่มแดดอุ่นๆ ในโรงนาก็ไม่เลวนะ +++++ เคิร์กรู้ว่าฉันชอบขี่ม้า เขาจึงสอนให้ฉันขี่ม้าจริงๆ หลังจากขี่เขาจนช่ำชองมาหลายครั้ง และฉันก็หัวไวสอนง่ายซะด้วย เพราะเมื่อฝึกหัดขี่ม้าจริงตอนเย็นเสร็จ พอตกกลางคืนฉันก็ซ้อมขี่กับม้าเทียมอย่างเคิร์กอยู่ทุกวัน ไม่ได้ว่างเว้น และก็มีบ้างเป็นบางวันที่ฉันทนไม่ไหวและเคิร์กก็อดไม่ได้ เมื่อฟางใหม่หอมกลิ่นแดดเร่งเร้าความกำหนัดของเราเหลือเกิน เคิร์กก็จะพาฉันไปซ้อมขี่กันที่คอกม้าในโรงนาซะหลายครั้ง และความตื่นเต้นก็ทำให้ฉันกับเคิร์กคึกคักกันมากเป็นพิเศษ ยามที่ฉันควบขี่เคิร์กอยู่ในโรงนา กลิ่นฟางแห้งที่รองรับร่างกายยิ่งใหญ่ของเขาอยู่นั้น เร้าใจจนฉันควบขี่เขาได้ไวกว่าที่เคยทำได้ บั้นเอวและช่วงบั้นท้ายทำหน้าที่โยกตัวไปข้างหน้าและโย้มาข้างหลัง ทว่าปากก็ร่ำร้องบอกถึงความเสียวซ่านที่ดุ้นบังเหียนกระทำกับร่องลึกลับของฉันอยู่ตลอดเวลา

หนังสือที่คุณอาจชอบ

ซูเจิน นายหญิงแห่งพฤกษา

ซูเจิน นายหญิงแห่งพฤกษา

l3oonm@
5.0

“ท่านผู้อำนวยการคะ ทางทีมสำรวจแจ้งว่าคนไม่เพียงพอที่จะเข้าไปเก็บตัวอย่างพันธุ์พืชในป่าเมืองเหอหนานค่ะ” ซูเจิน ที่ได้ยินก็หูผึ่งทันที เธอนั่งทำการอยู่ในห้องวิจัยตั้งแต่เรียนจบ ถึงตอนนี้ก็สี่ปีได้แล้ว ผู้อำนวยที่เข้ามาตรวจงานวิจัยล่าสุด ก็มองไปรอบห้อง เพื่อดูว่ามีใครต้องการเสนอตัวไปทำงานในครั้งนี้หรือไม่ แต่หลายคนที่เขามองไป ต่างหลบสายตาของเขา จะมีใครอยากออกไปเสี่ยงอันตราย เดินป่าขึ้นเขาให้เหนื่อยสู้นั่งทำงานในห้องปรับอากาศเย็นๆ ดีกว่า เมื่อไม่มีใครคิดจะเสนอตัว เขาจึงได้สอบถามหาผู้ที่สมัครใจทันที “มีใครอยากจะอาสาไปไหม” ไว้กว่าความคิด ซูเจินยกมือขึ้น “ฉันค่ะ” เพื่อนสนิทรีบดึงเสื้อของเธอเพื่อจะห้ามปราม “จะบ้าหรอ เธอไม่เคยไปสักครั้ง ไม่รู้หรือว่างานนี้เสี่ยงแค่ไหน” เสียงกระซิบของเสี่ยวชิง เอ่ยลอดไรฟันออกมา เมื่อปีที่แล้ว ที่ทีมสำรวจเดินทางเข้าไปที่ป่าเหอหนาน พื้นป่าที่ไม่อาจสำรวจได้อย่างทั่วถึง สร้างความท้าทายให้เหล่านักพฤกษศาสตร์จากทุกองค์กร แต่ไม่ว่าจะส่งเข้าไปกี่ครั้งก็ไปไม่ถึงป่าชั้นกลางเสียที แม้จะใช้เทคโนโลยีที่ล้ำหน้าเข้าช่วยเพียงได้ ก็สำรวจได้เพียงป่าชั้นนอก แถมยังพาชีวิตคนไปทิ้งอีกนับไม่ถ้วน ปีนี้ทางองค์กรของซูเจิน หยิบโครงการสำรวจป่าเหอหนานขึ้นมาใหม่ แต่กว่าจะหาทีมสำรวจได้ครบคนก็กินเวลาไปหลายเดือน ถึงตอนนี้คนก็ยังไม่พอจนต้องมาถามหาจากทีมวิจัยให้ช่วยเหลือ “คุณอยากไปจริงหรือ” เขาเอ่ยถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง “ค่ะ ฉันอยากลองทำงานนี้” ซูเจินยิ้มออกมา “ได้ อีกสองวัน คุณก็เตรียมตัวให้พร้อม” เมื่อมีคนเสนอตัวแล้ว ผู้อำนวยการก็ออกไปพบทีมสำรวจ เพื่อวางแผนการทำงาน ทั้งยังให้ซูเจินตามเขาไปเข้ารวมการประชุมในครั้งนี้ด้วย “เธอมันบ้าไปแล้ว” เพื่อร่วมงานต่างเดินเข้ามาหาซูเจิน แล้วตำหนิเธอที่กล้ายกมือเสนอตัว “เอาน่า ไว้กลับมาฉันจะเอาเรื่องสนุกมาเล่าให้พวกเธอฟัง” ซูเจินยิ้มหวานออกมา ก่อนที่จะเก็บของแล้วไปเข้าร่วมประชุมกับทีมสำรวจ สองวันต่อมาซูเจินก็แบกกระเป๋าเดินทางมาที่จุดนัดพบ เธอออกเดินทางด้วยรถตู้ขององค์กร พร้อมทีมสำรวจอีกเกือบยี่สิบชีวิต ยังดีที่เธอได้แบกกระเป๋าเพียงใบเดียว หากต้องแบกเต็นท์นอน อาหารด้วย คงได้เป็นภาระของคนอื่นอย่างแน่นอน ภายในป่าเหอหนาน น่ากลัวว่าที่ซูเจินคิดไว้เยอะ พอตะวันตกดิน หากไม่มีแสงไฟที่ทีมสำรวจนำมาด้วยคงจะมืดจนมองไม่เห็นอะไร เสียงแมลงทั้งสัตว์ป่าร้องตลอดทั้งคืน สร้างความหวาดกลัวให้กับคนที่ไม่เคยเข้าป่าสักครั้งอย่างเธอได้อย่างดี ยังดีที่เจ้าหน้าที่ผู้นำทางติดตามมาด้วยอีกหลายคน พวกเขาจึงได้อยู่ผลัดเปลี่ยนเวรยาม เพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์ป่าเข้ามาถึงตัวพวกเขา หลายวันที่อยู่ในป่า ซูเจินเก็บตัวอย่างพันธุ์ได้หลายชนิด แต่ทั้งทีม ยังเดินไม่หลุดป่าชั้นนอกเลย ยังดีที่อาหารที่เตรียมมาเพียงพอให้พวกเขาอยู่ไปได้อีกหลายวัน “เอ๊ะ” เข้าวันที่เจ็ดของการสำรวจป่า ซูเจิน เห็นดอกไม้แปลกตา ที่ขึ้นอยู่ท่ามกลางพงหญ้ารก เธอจึงเดินห่างจากกลุ่มทีมสำรวจเข้าไปดูทันที เพราะไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องอะไรได้ ระยะห่างที่อยู่ไกลจากพวกเขา หากร้องเรียกก็ยังได้ยินอยู่ เธอหยิบกล้องถ่ายรูปขึ้นมา พร้อมทั้งจดรายละเอียดก่อนที่จะดึงต้นไม้เก็บเข้าถุงเก็บตัวอย่างที่เตรียมมา แต่เมื่อมือของซูเจินสัมผัสไปที่ดอกไม้ เธอก็ต้องตกตะลึง เหมือนมีกระแสไฟวิ่งผ่านปลายนิ้วไปจนทั่วทั้งตัว “โอ๊ยย” เสียงร้องอย่างเจ็บปวดของซูเจิน เรียกความสนใจให้คนทั้งหมดรีบวิ่งมาทางที่เธออยู่ ซูเจินเห็นเพียงแสงสีขาวที่สว่างวาบไปทั่ว แล้วภาพตรงหน้าของเธอก็ดำมืดลง

ท่านแม่ทัพข้าคือศรีภรรยา NC25+

ท่านแม่ทัพข้าคือศรีภรรยา NC25+

ซีไซต์
5.0

องค์หญิงสิบสามนามหลินฮุ่ยหมินสตรีผู้ที่งดงามโดดเด่นไม่เป็นรองผู้ใดแต่กลับมีฐานะต่ำต้อยในวังหลวงด้วยพระมารดาเสียชีวิตตั้งแต่นางยังเด็ก ท่ามกลางความคับแค้นใจนางยังต้องคำสาปร้ายต้องกลายร่างเป็นสัตว์ทุกคืนวันพระจันทร์เต็มดวง เขาคือ หยางเอ้อหลาง แม่ทัพหนุ่มผู้มีความสามารถรูปโฉมสง่างามและเป็นวีรบุรุษคนสุดท้ายของสกุลหยาง ทั้งยังเป็นที่รักเคารพของชาวเมือง ทว่าด้วยความสามารถและตำแหน่งใหญ่โต ฮ่องเต้มิอาจวางใจจึงได้คิดกำจัดเขาให้พ้นตำแหน่งเสีย โดยมอบสมรสพระราชทานให้หยางเอ้อหลางกับพระธิดาของตน เดิมทีชีวิตของคนสองคนย่อมไม่บรรจบ เมื่อสตรีที่หมายหมั้นกับหยางเอ้อหลางคือองค์หญิงใหญ่ที่ปักใจรักเขาตั้งแต่เยาว์วัย ทว่าเรื่องไม่เป็นเช่นนั้น เมื่อคนทั้งคู่เกิดอุบัติเหตุจนคนเข้าพิธีสมรสกลายเป็นองค์หญิงสิบสาม ท่ามกลางความหวาดกลัวขององค์หญิงสิบสามที่กลัวความลับจะเปิดเผย ท่ามกลางหยางเอ้อหลางที่พยายามพาสกุลหยางให้รอดพ้น ท่ามกลางการแตกหักของความสัมพันธ์พี่น้องที่แสนรักใคร่ระหว่างองค์หญิงใหญ่และองค์หญิงสิบสามเพราะบุรุษเพียงผู้เดียว หลินฮุ่ยหมินจะทำเช่นใด เพื่อจะยุติเรื่องราวน่าเวียนหัวนี้

คุณหมอที่รัก NC18++

คุณหมอที่รัก NC18++

Me'JinJin
4.4

กฤษฎิ์ พิสิฐกุลวัตรดิลก "อาหมอกฤษฎิ์" หนุ่มใหญ่วัย 34 ปี มาเฟียในคราบคุณหมอสูตินรีเวชแห่งโรงพยาบาลเอกชนชั้นนำของประเทศ โหด เหี้ยม รักใครไม่เป็น เปลี่ยนคู่นอนเป็นว่าเล่น สำหรับเขารักแท้ไม่เคยมีรักดีๆ ก็มีให้ใครไม่ได้ แต่สุดท้ายดันมาตกหลุมรักแม่ของลูกอย่างถอนตัวไม่ขึ้น❤️ "เฟียร์สตีนอยู่ดีๆรู้ตัวอีกทีก็มีลูกสาววัย4ขวบแล้วอ่ะครับ แถมแม่ของลูกทำเอาใจเต้นแรงไม่หยุดเลยนี่เรียกว่าตกหลุมรักใช่ไหมครับ" นลินนิภา อารีย์รักษ์ "ที่รัก" สาวน้อยวัยแรกแย้มบริสุทธิ์ผุดผ่อง ฐานะยากจนสู้ชีวิต เพราะความจำเป็นทำให้เธอต้องตกเป็นของเขา คนนั้นด้วยความเต็มใจ จนทำให้เธอต้องกลายมาเป็นคุณแม่ยังสาวด้วยวัยเพียง 18 ปี แต่แล้ววันหนึ่งโชคชะตาก็เล่นตลกเหวี่ยงให้เธอกลับมาพบกับเขาคนนั้นอีกครั้ง พ่อของลูกคนที่เธอถวิลหาไม่เคยลืม ❤️ "ตกหลุมรักตั้งแต่ครั้งแรก ห่างกันไกลแค่ไหนใจยังคงคิดถึงเธอเสมอ ❤️พ่อของลูก" หนูน้อยแก้มใส กมลชนก อารีย์รักษ์ สาวน้อยวัย 4 ขวบ สดใสร่าเริง ฉลาดมาก ซนมาก แสบมาก เซี้ยวมาก เฟียสมาก ใครเห็นเป็นต้องหลงรักในความช่างพูดและขี้อ้อนของน้อง "ลุงหมอเป็นพ่อขาของแก้มใสเหรอคะ" หนูเป็นลูกของคุณพ่อกฤษฎิ์กับคุณแม่ที่รักค่ะ หนูจะเป็นกามเทพตัวจิ๋วที่จะมาแผลงศรให้คุณพ่อกับคุณแม่รักกัน❤️มาเอาใจช่วยหนูกันด้วยนะคะ

ก็เด็กมันยั่ว Naughty boy

ก็เด็กมันยั่ว Naughty boy

Xmaniac
5.0

" ผมใหญ่ครับ " " ใหญ่นี่ ชื่อหรือสรรพคุณคะ " " ก็... ทั้งสองอย่างครับ " +++++++++++++++++++++++++++ " ผมอยากเอาคุณเป็นบ้าเลย " ดวงตาของมิถุนาเบิกกว้างเมื่อได้ยินประโยคนั้น ไม่คิดไม่ฝันว่าเขาจะพูดมันออกมาตรง ๆ อย่างไม่ให้เกียรติเธอแม้แต่นิด " ไอ้โรคจิต หยาบคาย ! " เธอผรุสวาทออกมาทั้งยังพยายามดิ้นรนผลักไสให้ตัวเองหลุดพ้นพันธนาการอันเป็นอ้อมแขนเหนียวแน่นนั้น และแน่นอนว่านอกจากไม่หลุดแล้วเขายังรัดเธอแน่นเข้าไปอีก " ปล่อยฉันนะ ! " " ก็คุณบอกให้ผมพูดเอง " " ใครจะไปรู้ว่าความคิดคุณจะทุเรศลามกขนาดนั้น " " มันเป็นเรื่องปกติของมนุษย์ ธรรมชาติสร้างให้สัตว์เพศผู้เพศเมียสมสู่กันเพื่อดำรงเผ่าพันธุ์ ความต้องการทางเพศมันเป็นเรื่องปกติ หรือว่าคุณไม่เคยมีมัน " " ฉันมีคู่หมั้นแล้วและไม่ได้อยากดำรงเผ่าพันธุ์อะไรกับคนแบบคุณ ! " เขาหัวเราะเบา ๆ ต่างกับเธอที่ตาเขียวปั้ด อยากจะยกมือขึ้นตะกายหน้าหล่อ ๆ นั่นแทบบ้า ไอ้คนไร้มารยาท ! " เราไม่ต้องดำรงเผ่าพันธุ์อะไรทั้งนั้น " เขาเริ่มบทสนทนาต่อก่อนโน้มตัวไปกระซิบที่ข้างหูเธอเบา ๆ " แค่เอากันก็พอ " ++++++++++++++++++++++++++++++++++++ " ...แค่อยากจะมาทักทายคนคุ้นเคยเป็นการส่วนตัว " " ฉันไม่ใช่คนคุ้นเคยของนาย " " งั้นคุณเป็นคนคุ้นเคยของผมฝ่ายเดียวก็ได้ " " อย่ามากวนนะ ระวังจะโดนเอาคืน " " ก็เอาสิ จะเอาคืน เอาวัน หรือเอาทั้งวันทั้งคืนเลยก็ได้นะ ผมไม่ติด "

ข้าอยู่บน ท่านอ๋องอยู่ล่าง

ข้าอยู่บน ท่านอ๋องอยู่ล่าง

ซีไซต์
5.0

เซียวหนานอยู่ในระดับต่ำสุดขององค์กรลับที่แผ่ขยายสายข่าวไปทุกแว่นแคว้น นางเป็นเด็กกำพร้าไร้บิดามารดาที่ถูกเก็บมาให้เป็น นกกระจอกสืบข่าว เรียกได้ว่าเป็นชนชั้นที่วรยุทธ์ต่ำต้อยและต้องทำงานเอาตัวเข้าแลกเพื่อหาข่าวให้กับเบื้องบน ดังนั้นนกกระจอกเช่นนางจึงมีมากมายแทรกซึมเข้าไปในจวนขุนนางต่าง ๆ โดยที่ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ สิ่งที่นางฝึกฝนมาตลอดหลายปีมานี้ก็คือการเอาใจบุรุษ บำรุงร่างกาย ฝึกฝนศาสตร์ทั้งห้าให้เชี่ยวชาญ และฝึกวิชาเสพสังวาสให้บุรุษติดใจ แม้ว่าจะไม่เคยทำกับบุรุษจริง ๆ แต่ขนาดของแท่งหยกของบุรุษนางล้วนได้สัมผัสมาแล้วจากแท่งหยกของเทียมและแท่งหยกบุรุษของจริงที่นางไม่เคยเห็นหน้าว่าคนพวกนั้นคือผู้ใด เพราะพวกนางต้องมอบกายให้กับเหยื่อคนแรกที่นับว่าส่วนใหญ่จะเป็นชนชั้นสูง ดังนั้นจึงไม่อาจร่วมประเวณีกับบุรุษอื่นก่อนที่จะได้รับมอบเหยื่อจากนายใหญ่

สามีทะเบียนสั่ง (Series The Husband (สามี))

สามีทะเบียนสั่ง (Series The Husband (สามี))

รริศา
5.0

มิรา กนกชนากาญจน์ดีไชเนอร์ชื่อก้องโลกของห้องเสื้อแบรนด์ดังจากมิลาน อดีตทายาทมหาเศรษฐีคนเดียวของเจ้าสัวปราณ เธอกลับมาบ้านในรอบสิบสองปีหลังจากถูกยื่นคำขาดจากท่านเจ้าสัวว่าจะยกทุกอย่างให้ปถวีกับหลานสาวฝาแฝดของเธอมิราจำต้องพับเก็บความโกรธและทิฐิมานะเอาไว้ รีบกลับมาทวงคืนมรดกหลายพันล้านคืน เธอจะไม่ยอมให้ใครฮุบสมบัติที่เป็นของเธอไปอย่างเด็ดขาด ไม่แม้แต่จะยอมให้สักเศษเสียวกระเด็นไปถึงทายาทนอกสายเลือดอย่างเขา เหมืองปราณปุราอดีตเหมืองใหญ่ที่สุดของเมืองกาญจน์ที่ล่มสลายลงหลายสิบปีถูกกลับมารื้อพื้นขึ้นมาอีกครั้งจากน้ำมือของ “ปถวี”เขาพลิกพื้นผืนดินที่ปล่อยทิ้งร้างมานานให้กลายเป็นฟาร์มปศุสัตว์ครบวงจร ขยายไร่จากสองพันไร่ให้เป็นห้าพันไร่ภายในระยะเวลาเจ็ดปี “ไม่แต่งก็ได้...แต่สมบัติจะถูกแบ่งตามพินัยกรรม” ชายชราบอกด้วยน้ำเสียงเนิบนาบ “ไม่ได้! หนูไม่ยอมให้สมบัติไปตกอยู่ในมือปลิงเปลือกทองอย่างหมอนั่นเด็ดขาด” “ถ้าอย่างนั้นแกก็ต้องแต่ง ปู่ให้เลือกว่าจะจดทะเบียนกันเงียบๆ หรือ จัดพิธีใหญ่โตที่สุดแต่ไม่ต้องจดทะเบียนก็ได้”

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ