โอ้ว... แม่สาวน้อย

โอ้ว... แม่สาวน้อย

ชนิตร์นันท์

5.0
ความคิดเห็น
659
ชม
25
บท

สาวน้อย "รินฤดี" จะหนีเงื้อมมือของไอ้โรคจิต "ยุทธ" ได้อย่างไร ในเมื่อเธอติดใจรสจูบนั้นเหลือเกิน ความอุ่นวาบซาบซ่านที่ฉกลงบนริมฝีปากทำให้ดวงตากลมโตต้องเบิกกว้างอย่างตกใจ และทันทีที่ได้สติฝ่ามือที่ชะงักค้างอยู่ข้างตัวก็พยายามจะยกขึ้นเพื่อทุบตีคนแปลกหน้าและพยายามยันแผงอกกว้างให้ห่างออก พร้อมกับส่ายหน้าหลบหลีกความอุ่นวาบจนเกือบร้อนนั้นให้ได้ แต่ไม่ว่าจะทำยังไง คนที่ประกบปากของเขากับปากของเธอก็ไม่มีทีท่าว่าจะยอมถอยออกไป

บทที่ 1 EP.01

เนื้อเรื่องต่อจาก “รักต้องร่าน” นะคะ

เป็นคู่ของ “ยุทธ” กับ “รินฤดี” ค่ะ

คนในห้องก็มีความสุขกันไป ส่วนคนที่ยืนรออยู่ที่หน้าห้องก็ได้แต่ยืนหน้าตูมอยู่อย่างนั้น

“คุณวีนะคุณวี เฮ้อ! แล้วอย่างนี้จะรีบเร่งทำไม ตอนจะเอาก็โทรตามยิกๆ พอหมดประโยชน์ก็ไม่รับโทรศัพท์ซะงั้น”

ยุทธบ่นพลางส่ายใบหน้าอย่างตึงๆ เพราะก่อนหน้านี้ชาวีโทรตามโทรจิกเขาจนโทรศัพท์แทบไหม้ ให้เขาเร่งช่าง ทั้งไปเฝ้าทางอู่ ให้ซ่อมเจ้ารถมินิคู่กรณีของคุณโรเบิร์ตให้เสร็จโดยด่วน เสร็จแล้วก็ต้องรีบเอารถมาส่งให้ที่เพนท์เฮ้าท์

แต่นี่ยังไงกัน เพราะคนด้านในเหมือนจะไม่ใส่ใจเขาแล้ว เมื่อโทรศัพท์ไปก็ไม่มีคนรับ กดกริ่งก็ไม่มีใครมาเปิด ยุทธจึงได้แต่ถอดใจ

ร่างสูงก้าวเข้าสู่ลิฟท์ที่เขาเรียกมาจอดที่ชั้น 57 ก่อนจะกดเพื่อลงไปด้านล่าง พลางทอดถอนหายใจอย่างเซ็งๆ เพราะเขาเป็นฝ่ายที่อดจะทำตามใจทำตามคำสั่งของชาวีไม่ได้สักที

“เฮ้อ!”

ยุทธถอนหายใจอีกครั้งก่อนจะทำหน้านิ่ง เมื่อลิฟท์ถูกเรียกให้เปิดจากด้านนอก

สาวสวยผิวขาวราวกับหยวกกล้วยในชุดออกกำลังกายก้าวเข้ามา เธอไม่ได้มองมาที่ยุทธเลยสักนิดเพราะกำลังคร่ำเคร่งกับการพิมพ์ข้อความตอบใครบางคนในโทรศัพท์ แต่เป็นยุทธที่มองเธอไม่วางตา

เขาคุ้นหน้าเธอเหลือเกินแต่ก็จำไม่ได้ว่าเคยเจอกันที่ไหน อาจจะที่นี่ เพราะเขาก็มาหาชาวีที่นี่ออกบ่อย แต่ทำไมนะ เขาถึงไม่สะดุดตาเธอเลย

เพราะทรวดทรงองค์เอว แม้จะไม่อะร้าอร่ามเต็มไม้เต็มมือ แต่ความขาวดูสุขภาพดีนั้น มันก็เร้าใจเขาอย่างแรง โดยเฉพาะกลิ่นโคโลญจน์อ่อนๆ ที่หอมกรุ่นอยู่ภายในลิฟท์ทันทีที่เธอก้าวเข้ามานั้น ก็ทำให้ยุทธตื่นตัวได้ง่ายๆ

ทว่าเมื่อสาวเจ้าเหลือบมองเงาสะท้อนของเขาจากผนังด้านข้าง สีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไป

‘แกๆๆ ฉันเจอคนโรคจิตในลิฟท์อ่ะ’

‘หล่อมั้ย’

‘จะบ้าเหรอ ใครจะไปรู้ แก มันมองก้นฉันอ่ะ’

‘ก้นแกใหญ่’

‘บ้า! มันยังมองอยู่เลย’

ดวงตากลมโตเหลือบมองเงาสะท้อนจากผนังอะลูมิเนียมด้านข้าง ทำให้รู้ว่าผู้ชายที่อยู่ด้านหลังกำลังมองสำรวจเรือนร่างของเธออยู่

‘ในลิฟท์มีใครบ้าง’

‘ฉันกับไอ้โรคจิต’ นิ้วมือยังคงจิ้มบอกคนที่สนทนาด้วย ก่อนจะสะดุ้ง เมื่อเหลือบเห็นคนด้านหลังกำลังล้วงอะไรบางอย่างด้านหน้าตรงเป้ากางเกง

‘แก! มันล้วงๆๆๆๆๆ’

‘ขยับมาใกล้ๆ ประตู อย่าให้มันรู้ตัวนะ กดออกเลยแก กดๆๆๆ’

ทว่าก่อนที่นิ้วมือจะเอื้อมไปถึง เธอก็มีอันต้องร้องกรี๊ด เมื่อคนด้านหลังขยับมาจนประชิดตัว แถมโทรศัพท์ในมือก็ยังถูกยื้อไปด้วย

“ว้าย! ไอ้โรคจิตแกจะทำอะไร เอาโทรศัพท์ฉันมานะ ฉันไม่ยอมให้แกถ่ายคลิปฉันหรอก เอามา! เอาโทรศัพท์คืนมานะ”

รินฤดีพยายามยื้อยุดเอาโทรศัพท์คืน แต่ไอ้โรคจิตก็ยังชูโทรศัพท์ของเธอขึ้นสูง และมันก็เป็นผู้ชายที่ตัวสูงมากๆ ด้วย ทั้งสูง ทั้งใหญ่ อึ๊ย... น่ากลัว

“บอกมาก่อน คุณว่าใครโรคจิต”

เสียงห้าวเอ่ยถาม นึกสนุกที่สาวสวยตัวหอมๆ นี้ กระโดดโหยงๆ แย่งโทรศัพท์อยู่ด้านหน้าเขา ช่วยไม่ได้ก็อยู่ดีๆ หล่อนก็มาหาว่าเขาเป็นโรคจิต เขาก็ไม่ได้อยากเสียมารยาทแอบดูคนคุยกัน แค่จะดูให้รู้ว่าเธอคุยกับเพื่อนหรือแฟนก็เท่านั้น

เพราะถ้าหากเธอคุยกับเพื่อนเขาอาจจะขอสานสัมพันธ์โดยการขอ ‘ไอดีไลน์’ แต่หากเธอคุยกับแฟน เขาก็จะได้ถอดใจ และเก็บแค่กลิ่นหอมๆ นี้ไปจิ้นเท่านั้น แต่ดันเจอ ‘ไอ้โรคจิต’ ตัวเบ้อเริ่มน่ะสิ

“ก็นายนั่นแหละ โรคจิต!”

“ผมโรคจิตตรงไหน ผมยังไม่ได้ทำอะไรคุณเลยนะ”

“นายมองก้นฉัน และนายก็ล้วง”

“ล้วง... คุณว่าผมล้วงอะไร ผมหาโทรศัพท์ในกระเป๋า”

เพล้ง!!!

ดวงตากลมโตเหลือบมองลงต่ำและก็เห็นชัดว่าจุดที่เธอเห็นเขาล้วงนั้นมันคือ กระเป๋าสะพายที่ป้ายมาอยู่ด้านหน้าเป้ากางเกง แต่ไม่นะ... ก็เธอเห็นนี่นา ยังไงนายคนนี้ก็มองก้นเธอจริงๆ

“ไม่รู้อ่ะ ยังไงนายก็มองก้นฉัน ถ้าไม่อยากมีเรื่องเอาโทรศัพท์ฉันคืนมาเดี๋ยวนี้”

“ได้... แต่ผมคิดค่าเสียหายที่คุณกล่าวหานะ”

และค่าเสียหายที่ยุทธบอกก็คือจูบร้อนๆ ที่สาวน้อยแสนจะน่ารักน่าชังนี้ถึงกับอ่อนระทวยในอ้อมกอดของเขาเลยทีเดียว จูบแสนหวานไม่ประสีประสา ถูกใจเขาที่สุด แต่มันไม่ใช่เพียงครั้งแรกหรอก เพราะครั้งต่อๆ ไปจะต้องมีมาแน่

เพราะระยะที่ใกล้จนลมหายใจรดริน ได้กลิ่นหอมกรุ่นทั้งจากแชมพูสระผม และกลิ่นหอมอ่อนๆ จากตัวเธอนั้น ทำให้เขาจำได้ว่าทำไมจึงคุ้นหน้าเธอนัก

‘คุณฤดี... หึหึ... อย่างนี้น่ารับงานหน่อย’

ความอุ่นวาบซาบซ่านที่ฉกลงบนริมฝีปากทำให้ดวงตากลมโตต้องเบิกกว้างอย่างตกใจ และทันทีที่ได้สติฝ่ามือที่ชะงักค้างอยู่ข้างตัวก็พยายามจะยกขึ้นเพื่อทุบตีคนแปลกหน้าและพยายามยันแผงอกกว้างให้ห่างออก พร้อมกับส่ายหน้าหลบหลีกความอุ่นวาบจนเกือบร้อนนั้นให้ได้ แต่ไม่ว่าจะทำยังไง คนที่ประกบปากของเขากับปากของเธอก็ไม่มีทีท่าว่าจะยอมถอยออกไป

อ่านต่อ

หนังสืออื่นๆ ของ ชนิตร์นันท์

ข้อมูลเพิ่มเติม
คนงานบ้านนายฝรั่ง

คนงานบ้านนายฝรั่ง

โรแมนติก

5.0

หากนาไม่แล้ง ข้าวไม่แห้งตาย ‘เดช’ ก็ไม่คิดจะหอบเอา ‘ฟ้า’ เมียรักเข้ามาทำงานในเมืองกรุง แต่ความจนทำให้เลือกไม่ได้ และงานดี เงินดี เจ้านายเห็นใจ ก็เป็นเส้นทางที่ดีที่สุด ทว่า... หากรู้ว่ามาแล้วจะต้องเสียเมียให้นายฝรั่ง เดชเลือกที่จะไม่มาเสียยังดีกว่า แต่... เสียแล้วคือเสียเลย สิ่งเดียวที่จะชดเชยความแค้นก็คือ ‘เมียนาย’ คุณผู้หญิงเร่าร้อน เร่งเร้า รุนแรง และมากครั้งเท่าที่ต้องการ เดชไม่รู้แล้วว่านั่นคือการแก้แค้นหรือรางวัล +++++ ‘เดช’ พา ‘ฟ้า’ เมียรักมาทำงานที่บ้านนายฝรั่ง แต่ ‘คริส’ นายฝรั่งกินเมียเขาไปแล้ว และยังเอาดุ้นยาวใหญ่มาล่อให้ฟ้าติดใจ จนฟ้ากินไม่อิ่มไม่พอ อยากได้อะไรที่เทียบเท่า เขาก็เลยแอบกิน ‘โรส’ เมียของนายฝรั่ง แก้แค้นให้สาสม แต่แค้นช่างแสนหวานและฉ่ำชุ่ม จนเขาต้องกินซ้ำๆ ยิ่งได้กินพร้อมๆ กับพี่โชค เขาก็ยิ่งเมามัน และแน่นอนว่าโรสชอบ ในขณะที่นายฝรั่งกระหยิ่มยิ้มที่ได้กินเมียเขา เดชกลับสุขและยิ้มกว้างยิ่งกว่า เพราะเขาได้กิน ‘คุณหนูแพทตี้’ คุณหนูช่างร่านร้อนไม่ต่างจากแม่ แน่นอนว่าเขาชวนพี่โชคมากินด้วย

รับ(ลับ)ฉบับมาดาม

รับ(ลับ)ฉบับมาดาม

โรแมนติก

5.0

#มาดามทรายกับชายเลี้ยงม้า เปิดประสบการณ์รักร้อนในฟาร์มม้ากันสักครั้ง หรือจะลองกลิ่นฟางแห้งบ่มแดดอุ่นๆ ในโรงนาก็ไม่เลวนะ +++++ เคิร์กรู้ว่าฉันชอบขี่ม้า เขาจึงสอนให้ฉันขี่ม้าจริงๆ หลังจากขี่เขาจนช่ำชองมาหลายครั้ง และฉันก็หัวไวสอนง่ายซะด้วย เพราะเมื่อฝึกหัดขี่ม้าจริงตอนเย็นเสร็จ พอตกกลางคืนฉันก็ซ้อมขี่กับม้าเทียมอย่างเคิร์กอยู่ทุกวัน ไม่ได้ว่างเว้น และก็มีบ้างเป็นบางวันที่ฉันทนไม่ไหวและเคิร์กก็อดไม่ได้ เมื่อฟางใหม่หอมกลิ่นแดดเร่งเร้าความกำหนัดของเราเหลือเกิน เคิร์กก็จะพาฉันไปซ้อมขี่กันที่คอกม้าในโรงนาซะหลายครั้ง และความตื่นเต้นก็ทำให้ฉันกับเคิร์กคึกคักกันมากเป็นพิเศษ ยามที่ฉันควบขี่เคิร์กอยู่ในโรงนา กลิ่นฟางแห้งที่รองรับร่างกายยิ่งใหญ่ของเขาอยู่นั้น เร้าใจจนฉันควบขี่เขาได้ไวกว่าที่เคยทำได้ บั้นเอวและช่วงบั้นท้ายทำหน้าที่โยกตัวไปข้างหน้าและโย้มาข้างหลัง ทว่าปากก็ร่ำร้องบอกถึงความเสียวซ่านที่ดุ้นบังเหียนกระทำกับร่องลึกลับของฉันอยู่ตลอดเวลา

หนังสือที่คุณอาจชอบ

ข้าคือฮองเฮาที่ฮ่องเต้ไม่รัก

ข้าคือฮองเฮาที่ฮ่องเต้ไม่รัก

เด็กน้อยคว้าฝัน
4.8

เมื่อเพื่อนรักที่ไว้ใจแอบทรยศคบกับชายที่ตนรัก และชายที่ตนรักกลับรังเกียจตนจนไม่แม้แต่จะแตะต้องเนื้อตัวเธอ สิ่งที่เธอทำได้คือต่างคนต่างอยู่ แต่ในวังหลังแห่งนี้เธอจะทำอย่างนั้นได้จริงหรือ? ตัวอย่างเนื้อเรื่อง “เจ้ามีอันใดจะกล่าวหรือไม่... สนมหลี่กุ้ยเฟย” น้ำเสียงราบเรียบก่อนจะเน้นที่ละคำในประโยคท้ายอย่างหนักแน่น “ฮองเฮาแน่ใจแล้วหรือเพคะ ว่าจะให้หม่อมฉันทูลทุกอย่างต่อหน้าข้าราชบริพารเหล่านี้ หากมีข่าวแพร่ออกไปอีก ฮองเฮาทรงทนฟังคำนินทาเหล่านั้นได้หรือไม่” หลี่ฟางซินกล่าวพร้อมยิ้มอ่อนๆ หลี่ฟางซินย่อมรู้ดีว่าเย่วลี่อิงคงได้ยินคำนินทาเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนแล้วจึงได้พูดเน้นย้ำ หวังจะกระตุ้นให้นางลงมือทำร้ายตน “คำนินทาเรื่องใดกัน เรื่องที่เจ้าเป็นนางอสรพิษนะหรือ เหตุใดเราจะทนฟังไม่ได้เล่า” เย่วลี่อิงตรัสพร้อมยักไหล่อย่าไม่แยแส มีหรือเย่วลี่อิงจะดูไม่ออกว่า ข่าวลือที่แพร่ออกไปนั้นมาจากผู้ใด หากเป็นแต่ก่อนนางย่อมไม่คิดว่าเป็นสหายคนสนิทของนางเป็นแน่ แต่บัดนี้นางรู้แล้วว่าหญิงที่ยืนตรงหน้านางหาใช่สตรีอ่อนหวานแสนดีอย่างที่นางรู้จักไม่ “หม่อมฉันเป็นนางอสรพิษตั้งแต่เมื่อใดกันเพคะ หม่อมฉันและฝ่าบาทมีใจรักใคร่กันมาเนิ่นนาน หากไม่ใช่เพราะฮองเฮาใช้ความดีของท่านแม่ทัพทูลขอให้ฮ่องเต้องค์ก่อนพระราชทานงานแต่ง วันนี้ตำแหน่งฮองเฮาก็ไม่แน่ว่าจะเป็นของใคร” “เจ้านางแพศยา หากเจ้ามีใจให้ฝ่าบาท แล้วทำไมไม่บอกข้า ยังแสดงแกล้งเป็นแม่สื่อนำของที่ข้ามอบให้ฝ่าบาท ฝากผ่านพี่ชายเจ้าช่วยมอบของให้ฝ่าบาทแทนข้า” เย่วลี่อิงเริ่มพูดด้วยอารมณ์ขุ่นเคือง “ของอันใดกันเพคะ หม่อมฉันไม่เคยนำของ ของพระองค์มอบให้ฝ่าบาทเลยนะเพคะ ยิ่งให้พี่ชายช่วยส่งแทนให้ยิ่งมิเคย” น้ำเสียงเยาะเย้ยบวกกับรอยยิ้มยียวนของหลี่ฟางซินทำให้เย่วลี่อิงหัวเสียมากขึ้น “นี้เจ้าเอาของของเราไปทิ้งอย่างนั้นหรือ” “ฮองเฮาพูดถึงเรื่องอะไรเพคะ หม่อมฉันไม่เห็นรู้เรื่องเลย พระองค์อย่าได้ใส่ความหม่อมฉันสิเพคะ” “นี้เจ้า”

อย่าไปยุ่งกับทายาทสาวลึกลับ

อย่าไปยุ่งกับทายาทสาวลึกลับ

Tripp Zakarison
5.0

อวิ๋นเจินอาศัยอยู่ในตระกูลอวิ๋นมาเป็นเวลา 20 ปี กลับพบว่าเธอเป็นลูกสาวปลอม พ่อแม่บุญธรรมของเธอวางยาเธอเพื่ออยากจะได้เงินมาลงทุน หลังจากที่อวิ๋นเจินรู้เรื่องนี้ เธอก็ถูกไล่กลับไปที่ชนบท จากนั้นเธอก็ค้นพบว่าตัวเองคือลูกสาวแท้ๆ ของตระกูลเฉียวและมีชีวิตที่หรูหราสุด ๆ หลังจากกลับมา เธอได้รับความรักจากครอบครัวและมีชื่อเสียงโด่งดัง น้องสาวจอมปลอมใส่ร้ายอวิ๋นเจิน แต่เธอไม่คาดคิดว่าอวิ๋นเจินจะมีความสามารถต่างๆ เมื่อต้องเผชิญกับการยั่วยุ เธอได้แสดงความสามารถและทักษะต่างๆ มากมายเพื่อจัดการผู้รังแก มีข่าวลือกันว่าอวิ๋นเจินยังคงโสด และชายหนุ่มชื่อดังแห่งเมืองงก็ผลักเธอไปเข้ากำแพง "คุณนายกู้ ถึงตามราเปิดเผยตัวตนได้แล้วนะ"

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ