Login to MeghaBook
icon 0
icon เติมเงิน
rightIcon
icon ประวัติการอ่าน
rightIcon
icon ออกจากระบบ
rightIcon
icon ดาวน์โหลดแอป
rightIcon
หญิงหม้ายบ้านสือ

หญิงหม้ายบ้านสือ

karatvirom

5.0
ความคิดเห็น
9.7K
ชม
182
บท

ถานเจ๋อบอกว่าฤดูใบไม้ผลิปีหน้าเขาจะไปเฟิงโจว เฉวียนโจวและถายโจว “เฟิงโจว...” ชายหนุ่มพยักหน้า “ข้าจะไปดูเฉิงหยางปิงเสียหน่อย” สือจิ่วมือกำลังพับผ้า สายตามองอาจื้อที่นั่งเล่นกลองป๋องแป๋งอยู่บนตักอาเจ๋อ “ดูเฉยๆ นะ อย่าเข้าไปยุ่งกับเขา” “กลัวเขาจะทำอะไรข้างั้นรึ เขาไม่รู้จักข้านะ” “ไม่รู้แหละ ถ้าเขาไม่มายุ่งกับเราก่อน ก็ห่างๆ เขาไว้ ข้าไม่อยากให้เจ้าไปดึงดูดเขากลับมาวุ่นวายกับอาจื้ออีก อาจื้อเป็นลูกของข้า” “เป็นลูกข้าด้วย” ถานเจ๋อย้ำ สือจิ่วเห็นถึงความแน่วแน่ในดวงตาคู่นั้น “ตราบใดที่ข้ายังเป็นพระเอกในนิยายเรื่องนี้ ตัวร้ายจะทำอะไรข้าได้” “จัว...ย้าย” เสียงเล็กพูดขึ้นมา คนเป็นพ่อมันเขี้ยวจึงบีบแก้มเด้งของเด็กชายพร้อมทำเสียงดึ๋งๆ ไปด้วย มีเสียงฟึดฟัดของเจ้าอ้วนให้ได้ยิน มือเล็กฟาดกลองป๋องแป๋งใส่เข่าอาเจ๋อไปหนึ่งหน สือจิ่วค้อนพระเอกคนเก่งกับความขี้โอ่ของเขา “ก็ไหนเจ้าบอกว่าพระเอกชื่อจ้าวต่งหมิง” ถานเจ๋อวางอาจื้อบนเตียง มีเขานั่งกั้นไม่ให้ลูกตก ชายหนุ่มยกนิ้วขึ้นนับ “ตอนนี้จ้าวต่งหมิงคงอายุหกขวบเองมั้ง ถ้าเขาเป็นพระเอก เจ้าอ้วนก็ต้องเป็นตัวร้าย มิสู้ข้าแย่งตำแหน่งพระเอกมา ให้เฉิงหยางปิงเป็นตัวร้ายไปเลยยังดีกว่า ส่วนเจ้าก็เป็นนางเอก...ดีไหม”

บทที่ 1 คงอยู่ 1

...มึนหัวจัง

หวังจิ่วชิงลืมตามองเพดานเหนือที่นอนหลายนาทีแล้ว เธอรู้สึกชาหนึบตั้งแต่ปลายเท้าขึ้นมาจนถึงแผ่นหลังซึ่งชุ่มด้วยเหงื่อจนรับรู้ได้ถึงไอร้อนสะสม อาจเพราะไม่ได้ขยับตัวคล้ายกับว่าเธอนอนนิ่งอยู่บนนี้มาพักใหญ่

กี่วันกันล่ะ...

ภาพจำแรกที่วาบเข้ามาในหัวตอนลืมตาตื่นก็คือกำลังนั่งอยู่ในรถโดยสารบนเส้นทางลงเขา สภาพอากาศนอกหน้าต่างค่อนข้างเลวร้าย ฝนตกหนัก ฟ้าแลบฟ้าผ่าจนเธอต้องหยีตาและสะดุ้งตัวบ่อยครั้ง

ตอนนั้นประมาณบ่ายสาม เธอกลับจากไหว้พระพุทธรูปเก่าแก่ที่วัดบนเขาเพื่อขอพรหลังจากได้รับเมลนัดสัมภาษณ์งานใหม่ รถคันนั้นกำลังพาเธอกับอีกหลายชีวิตมุ่งเข้าสู่ตัวเมือง จุดหมายแรกจะไปเยือนค่ำนั้นคือเอาหนังสือนิยายที่เสี่ยวหนิงฝากซื้อไปให้พร้อมกับกินมื้อค่ำร่วมกัน นี่เป็นนัดแรกในรอบหนึ่งเดือนที่เธอจะได้เจอหนูน้อยรั่วรั่ว ลูกสาววัยหนึ่งขวบของเพื่อน

‘ออกจากบ้านอย่าลืมหยิบจ้าวต่งหมิงมาด้วย และขอบคุณล่วงหน้ากับถุงเครื่องรางที่จะเอามาให้รั่วรั่ว’

พวกเธอต่างก็เป็นคอนิยายนักอ่านตัวยงด้วยกันทั้งคู่ แต่เสี่ยวหนิงเน้นอ่านแบบออนไลน์ แม่บ้านที่ต้องดูแลลูกตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงแทบไม่ได้ออกไปไหนไกลเกินกว่าซูเปอร์มาร์เก็ตแถวบ้าน เพราะเธอบอกเพื่อนเรื่องจะสั่งนิยายเอาส่วนลด นิยายเรื่องจ้าวต่งหมิงยอดบุรุษแดนศุภะจึงถูกรวมเข้ามาในลิสต์

‘ลองเปิดอ่านก่อนก็ได้นะ ส่วนนั้นฉันอ่านแล้ว แค่อยากเก็บเล่มไว้ เห็นว่าพิมพ์น้อย อนาคตมันน่าจะแรร์ เนี่ยรอเสี่ยวโต้วมาอัปส่วนของเล่มสาม หลายวันแล้วไม่เห็นเขามาสักที หรือจะรอพิมพ์เล่มสองเสร็จก่อน’

‘เรื่องที่อ่านไปด่าไปน่ะเหรอ’

‘เพราะมีจุดที่มันไม่ได้ดั่งใจไงเล่า พระเอกเก่งเกิ้น อะไรก็ง่ายหมด หันไปทางไหนก็มีแต่คนรักคนช่วย ฉันสงสารฝั่งตัวร้าย เสี่ยวโต้วกลั่นแกล้งตัวละครของเขาเกินไปแล้ว คนไม่ได้อยากจะร้าย แต่ต้อนซะจนมุมไร้หนทางขนาดนั้น ฉันเลยอยากรู้จุดจบของเฉิงจื้อเร็วๆ จะได้ร่างคำพิมพ์ด่านักเขียนอีก ที่เขาไม่มาอัปนิยายต่อคิดว่าคงเมาคำด่าอยู่แน่ๆ’

‘สรุปว่าด่าไปแล้วหนึ่งรอบ’

‘แน่อยู่แล้ว’

เสี่ยวหนิงจะรู้หรือยังนะว่าเธอเกิดอุบัติเหตุระหว่างทางกลับบ้าน นอกจากรถลื่นไถล ในหัวของเธอยังเห็นภาพมวลน้ำมหาศาลอัดกระแทกเข้าตัว รู้สึกถึงความทรมานตอนน้ำและฝุ่นดินเข้าปากเข้าจมูก ตอนทั่งร่างจมลงไปรอบตัวมีแต่ความมืดดำ

รถตกเขาทำไมถึงรู้สึกเหมือนคนกำลังจมน้ำ...

หวังจิ่วชิงยกแขนขึ้นเสมอสายตา อวัยวะทั้งสองข้างไม่มีบาดแผล หญิงสาวพลิกขยับตัว แก้มสัมผัสถึงกลุ่มเส้นผมยาวสยายทั้งที่ตัวเธอซอยผมสั้นระแค่ต้นคอ

ขณะมีคำถามเกิดขึ้นว่าเพราะอะไร...ทำไม แสงสว่างก็สาดเข้ามาในห้อง หญิงสาวหยีตารับแสงที่กระทบหน้ากะทันหัน ตรงช่องประตูมีร่างหนึ่งเลิกแนวม่านแล้วเดินตรงมายังเธอ

ผู้หญิงอายุประมาณห้าสิบปีมวยผมปักปิ่นไม้พอลวกๆ สวมชุดยาวสีน้ำตาลตุ่นๆ ชุดลักษณะนี้เธอเคยเห็นนักแสดงรับบทชาวบ้านสวมใส่ในซีรี่ส์ย้อนยุค หรือแถวโรงถ่ายที่เคยไปเที่ยว มองอย่างไรก็ไม่ใช่หมอหรือพยาบาล

“รู้สึกตัวแล้วหรือเสี่ยวจวี๋” เจ้าของส่วนสูงไม่เกินหนึ่งร้อยห้าสิบเซนฯขยับไปแง้มหน้าต่างพอให้แสงลอดเข้ามาในห้องมากขึ้น

“เอ่อ...” หวังจิ่วชิงค่อยๆ ลุกขึ้นนั่ง ยังไม่รู้ว่าควรจะเริ่มคำถามไหนก่อนดี ตอนนี้เธอเห็นสภาพห้องที่ตัวเองนอนอยู่เต็มสองตา...ไม่ใช่โรงพยาบาลแน่ๆ

อีกคำถามที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ก็คือทำไมคุณป้าเรียกเธอว่า...เสี่ยวจวี๋

“คุณป้าคะ”

“ใช่ป้าที่ไหนกันเล่า เจ้าพูดจาแปลกๆ นะเสี่ยวจวี๋”

“...”

“ทำหน้าเหมือนจำชื่อตัวเองไม่ได้” มือสากกร้านยื่นไปแตะตรงแขนของหญิงสาว แล้วอีกคนก็สะดุ้งตัวรีบขยับหนีสัมผัสของนาง

“เจ้าปลอดภัยแล้วนะ ไม่ต้องกลัว จำได้หรือไม่ว่าเจ้าน่ะจมน้ำเพราะเรือล่มก่อนจะเทียบท่า โชคดีมีคนช่วยทัน เจ้าหมดสติไปสองวันแล้วรู้ไหม ตอนนี้หิวหรือไม่”

จมน้ำ...หมดสติสองวัน พูดอะไรไม่เห็นเข้าใจ เธอนั่งอยู่ในรถโดยสารไม่ได้ลงเรือลงน้ำที่ไหนสักหน่อย

“คุณ...” จู่ๆ ก็มีถ้อยคำแวบเข้ามาพร้อมกับภาพตัดเป็นชอตๆ เหมือนว่าเธอกับคุณป้าคนนี้มีความคุ้นเคยกันดี “ท่านย่าหลิน...”

“ใช่น่ะสิ จากกันแค่ไม่กี่ปี จะจำข้าไม่ได้แล้วรึ เจ้าได้สติข้าก็ค่อยโล่งใจ นึกว่าบ้านสือจะไม่เหลือใครแล้ว” นางหลินเหวินแตะมือลงบนหลังมือสตรีที่นั่งบนเตียงเป็นเชิงปลอบประโลม

บ้านสือ...สือจวี๋

มีคนเรียกชื่อนี้อยู่ในหัวของเธอ

หวังจิ่วชิงหลับตาลง ความปวดมึนลามแล่นทั้งหัวขึ้นมาเสียดื้อๆ หลากหลายเหตุการณ์เหมือนถูกถ่ายเป็นภาพนิ่งผุดวาบขึ้นถี่ๆ นับจำนวนครั้งไม่ได้

“ปวดหัวใช่ไหม ยังตกใจอยู่ล่ะสิ ลงนอนเถอะ เดี๋ยวข้าไปต้มข้าวมาให้กินอะไรอุ่นๆ รองท้องแล้วค่อยนอนต่อ ได้สติพูดคุยกันรู้เรื่องแบบนี้ข้าค่อยเบาใจหน่อย เจ้าต้องบำรุงตัวเองอีกมากเลยนะเสี่ยวจวี๋ ทำไมปล่อยตัวจนผ่ายผอมดูอมโรคได้ขนาดนี้ ถ้าเจ้าแข็งแรง ลูกในท้องก็จะแข็งแรงด้วยรู้ไหม”

“ลูก...ลูกใคร”

สีหน้าตื่นตกใจบวกสายตาสับสนของสือจวี๋ บีบคั้นความรู้สึกเวทนาของนางหลินเหวินจนต้องยกมือป้ายหยดน้ำตรงหัวตา

“เด็กโง่เอ้ย นี่เจ้ายังไม่รู้สินะ ท่านหมอเวินที่มาดูอาการเจ้ากับอาเจ๋อ เขาบอกว่าเจ้าตั้งท้องได้สองเดือนแล้ว”

อ่านต่อ

หนังสือที่คุณอาจชอบ

หนังสืออื่นๆ ของ karatvirom

ข้อมูลเพิ่มเติม
บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ