รอยรักรอยร้าว
สามีเป็นถึงเศรษฐีพันล้าน
คุณกู้ คุณนายทอดทิ้งท่านไปแล้ว
ธิดาแค้นต้องเอาคืน
เกิดใหม่ในเงามืด
ทะลุมิติมาเป็นภรรยาตัวน้อยของสามีพิการ
สัญญารักลวงใจ
คู่ทาสของกษัตริย์ผู้โหดร้าย
เมียผมน่ารักจัง
เสด็จอาเลิกตามใจพระชายาสักทีเถอะ
กลีบบุปผาร่วงโรยโบกโบยพัดผ่าน ดอกไม้สวรรค์เบ่งบาน พลอยทำให้ใจสดใส เสียงเพลงหวานกังวานดังเป็นสาย ยามนางสวรรค์เยื้องกราย เต้นรำกลิ่นหอมกรุ่นโชยพาใจสั่นไหว
เงาสูงร่างหนึ่งนั่งโดดเด่นงามสง่า ในอาภรณ์สีแดงเพลิงสะดุดตา ทำให้เซียนสาวน้อยใหญ่ ทั้งชั้นต่ำชั้นสูง ต่างลอบมองด้วยใบหน้าแดงซ่าน
หลี่จิ้งหาได้สนใจผู้ใด การมาร่วมงานเลี้ยงในครานี้ ก็เพราะคิดจะผ่อนคลายหลังจากกลับมาจากสยบปีศาจกระทิง แต่เมื่ออยู่ในงาน กลับพบว่าที่นี่ยิ่งน่าเบื่อหน่ายยิ่งกว่าการสังหารปีศาจเสียอีก
เบื้องหน้าของเขาคือธิดาสวรรค์ผู้งดงาม กำลังร่ายรำอย่างอ่อนช้อย กระทั่งหลายนางแอบลอบส่งสายตาให้เขา หลี่จิ้งได้แต่ส่ายหน้า หลบสายตานางเหล่านั้น สูงขึ้นไปคือองค์เง็กเซียน ด้านข้างคือสหายเทพจี้กงที่ขยันเอ่ยวาจา อีกทั้งยังขยันยกจอกสุรายิ่งกว่าผู้ใดในงาน
"หลี่จิ้งซ่างเสิน สุราไม่ถูกปากหรืออย่างไร ถึงได้ทำท่าทางเบื่อหน่ายเช่นนั้น"
สหายเทพจี้กง ผู้อยู่ในอาภรณ์ผ้าไหมงดงามเอ่ยถาม คนผู้นี้ปกติวัน ๆ เอาแต่ทำตัวเป็นขอทานในแดนมนุษย์ อารมณ์ดีหน่อยก็มาสั่งสมบารมี ช่วยคนปราบปีศาจ เมื่อมีงานเลี้ยงจึงจะกลับสวรรค์มาดื่มกินสักที หมดงานก็ลงไปขลุกอยู่ที่แดนมนุษย์เช่นเดิม
แต่เขาเป็นเทพปีศาจ ที่แดนมนุษย์ล้วนเป็นหน้าที่ของพวกเซียนชั้นต่ำ ที่ยังต้องบำเพ็ญเพียร เขามักจะแย่งงานเซียนเหล่านั้น จนถูกร้องเรียนบ่อยครั้ง
เทพจี้กง อย่างไรก็คือเทพชั้นสูง องค์เง็กเซียนตักเตือนแล้วอย่างไร เขาเพียงแต่พูดว่า พวกนักพรตผู้บำเพ็ญตนฝีมือไม่ถึงขั้น หากปล่อยปีศาจไว้นาน พวกนี้จะดูดกลืนวิญญาณมนุษย์ กลายเป็นปีศาจชั้นสูง ตอนนั้นสวรรค์ก็คงวุ่นวายแล้ว
องค์เง็กเซียนจึงได้แต่หลับตาข้างหนึ่ง เพราะแอบเห็นด้วยกับเขาเช่นกัน แสร้งตักเตือนไม่ให้เหล่าเซียนพวกนั้นครหา
เหตุใดหลี่จิ้งจะไม่รู้ว่า เทพจี้กงเบื่อหน่ายสวรรค์เพียงใด ฝีมือเทพจี้กงไม่ดีพอที่จะปราบปีศาจร้ายของสวรรค์ จึงว่างงาน เมื่อว่างมากจึงลงไปหาอะไรทำในโลกมนุษย์ งานปราบปีศาจชั้นต่ำทำแล้วสนุกดี เขาจึงติดใจก็เท่านั้น หาได้มีจิตเมตตาคิดสั่งสมบารมีแต่ประการใด
"ดื่มสุราของท่านไปเถิดอย่าใส่ใจข้าเลย"
"ท่านเป็นเทพอัคคีมิใช่หรือ เหตุใดจึงเย็นชาเช่นนี้ ไม่คิดว่าผิดปกติวิสัยเทพแห่งไฟไปหน่อยหรือ เห็นท่านมองเทพธิดาที่ร่ายรำแล้วถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย เป็นคนอื่นเห็นคงคิดว่าท่านเป็นองค์ราชาแห่งแดนเหมันต์เป็นแน่ เยือกเย็นไร้ความรู้สึกยิ่งนัก หรือไฟในกายของท่านจะดับมอดแล้ว ไม่คึกคักดังเดิมช่างน่าสงสารยิ่งนัก"
หลี่จิ้งยิ้มน้อยไม่ต่อปากต่อคำกับเทพช่างพูด ถึงเป็นสหายแต่หลี่จิ้งถนัดฟังมากกว่า รอยยิ้มนั้นก็ดูเยือกเย็นเป็นอย่างยิ่ง เขาก้มหน้าดื่มสุราต่อเมื่อยกจอกจดปากกลับพบว่าสุราในจอกกลายเป็นน้ำแข็ง ลมเย็นพัดวูบมาอย่างแรงหอบหนึ่งแรง พอจะทำให้ทุกสรรพสิ่งหยุดนิ่ง
"เกิดอาเพศอันใดขึ้นแดนสวรรค์อันอบอุ่นจึงได้มีลมเย็นพัดหอบมาเช่นนี้"
องค์เง็กเซียนแปลกพระทัยไม่น้อย ถึงขนาดลุกขึ้นจากที่ประทับ เพ่งดวงจิตดูความเป็นไปชั่วครู่ กระทั่งพระองค์ลืมพระเนตรขึ้นสิ่งที่พระองค์เห็นนั้นคือหิมะขาวโพลนแผ่ขยายปกคลุมไปทั้งดินแดน
ลมพายุหิมะพัดมาอีกหอบหนึ่ง พร้อมกับเสียงของเด็กร้องจ้า พริบตาต่อมาแดนสวรรค์ทั้งหมดกลับถูกแช่แข็ง ทวยเทพทั้งหมดที่มางานเลี้ยงดอกสวรรค์บานครานี้ ต่างมีร่างแข็งค้างทุกสิ่งหยุดเคลื่อนไหว ความเงียบเข้าปกคลุม ทันใดพลังหิมะอันรุนแรงจนทำให้เกิดเหตุการณ์นี้ได้คือสิ่งใดกัน
"ฝ่าบาท" กระทั่งเสียงของเทพผู้หนึ่งเอ่ยขึ้น
"หลี่จิ้งซ่างเสิน คงเป็นท่านสินะที่ทนพลังนี้ได้ สมแล้วที่เป็นเทพอัคคี"
หลี่จิ้งอยากจะหัวเราะ หากเขาถูกแช่แข็งเหมือนเทพองค์อื่น คงขายหน้าไม่น้อย โชคดีที่ไฟในตัวเขาร้อนแรงยิ่งจึงไม่เป็นอันใด จู่ ๆ ก็รู้สึกภาคภูมิใจในความยิ่งใหญ่ของตนเอง อย่างน้อยก็ลบคำสบประมาทของสหายเทพจี้กง ที่ดูถูกว่าเขาไม่ร้อนแรงลงไปได้ คราวนี้เทพจี้กงคงรู้ว่าผู้ใดเป็นผู้ใด
"เกิดสิ่งใดขึ้นพ่ะย่ะค่ะ" เขากระแอมแล้วเอ่ยถาม
"เกรงว่าปฐมวิญญาณ ที่หลุดไปของดาวมาร จะถือกำเนิดแล้ว ซ่างเสินได้ยินเสียงร้องของเด็กหรือไม่"
"พ่ะย่ะค่ะ"
"ที่เราตามหากันมาตลอดว่า ปฐมวิญญาณหลุดหายไปที่ใด บัดนี้ข้าได้คำตอบแล้ว"