อาภรณ์พิษ ทรราชหลงรัก
เจ็บแต่ไม่ยอมปล่อยมือ
ลิขิตรักภรรยาตัวร้าย
ที่แท้เป็นคุณหนูตัวจริง
เมียผมน่ารักจัง
เป็นสุดที่รักของผู้เผด็จการ
โชคชะตาของพระชายา
ผู้บัญชาการรักซ้อนแค้น
รักใหม่พันล้าน
คุณท่าน คุณนายมาหาอีกแล้ว
ปัณณวัฒน์ เมธาชัย นักธุรกิจวัยห้าสิบปลายๆ ผู้ที่รวยติดอันดับต้นๆ ของเอเชีย เนื่องจากบริษัทผลิตสินค้าประเภทเครื่องประดับของเขามีเครือข่ายไปเกือบทุกประเทศทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นในทวีปยุโป อเมริกา และทุกประเทศในแถบเอเชีย ที่สำคัญบริษัทของเขายังมีเครือข่ายในการผลิตสินค้าชนิดอื่นอีกมากมาย ชายสูงวัยกลับมาเหยียบประเทศไทยอีกครั้ง หลังจากที่เขาย้ายไปอยู่ที่สิงคโปร์เป็นเวลานานเกือบ 35 ปี เพื่อไปแต่งงานกับหญิงซึ่งครอบครัวเขาเห็นว่าเหมาะสม และเปิดบริษัททำธุรกิจที่นั่น แต่เขาไม่เคยลืมประเทศไทยซึ่งเป็นบ้านเกิดเมืองนอนของตัวเองเลยแม้แต่น้อย โดยเฉพาะไม่เคยลืมผู้หญิงไทยนางหนึ่งซึ่งเขารักปักดวงใจ ก่อนที่จำต้องจากไ
ปแต่งงานกับใครคนอื่นที่เขาไม่เคยรัก แม้ว่าเขาจะมีลูกชายคนหนึ่งกับผู้หญิงที่พ่อแม่บังคับให้แต่งงานด้วยนามว่า ปารวี เมธาชัย
ปารวี เมธาชัย ใช้อีกชื่อหนึ่งที่เป็นสากลว่า ปีเตอร์ ถึงแม้ว่าคำว่า ‘ปารวี’ จะไม่ได้ยากเกินไปสำหรับคนต่างชาติจะเรียกเขาก็เถอะ แต่มันคงแปลกน่าดู กับการที่ต้องอยู่ท่ามกลางคนต่างชาติที่มักจะเรียกชื่อภาษาไทยเขาผิดๆ ดังนั้น เมื่อต้องทำธุรกิจหรือพูดคุยกับคนต่างชาติ ต่างภาษา เขามักจะใช้ชื่อว่า ‘ปีเตอร์’ เสียเป็นส่วนใหญ่ จะมีก็แต่พ่อกับย่าของเขาที่เรียกเขาว่า ‘ปรานต์’ ซึ่งเป็นชื่อเล่นในภาษาไทยของเขา ส่วนแม่และญาติฝ่ายแม่คนอื่นๆ มักจะเรียกเขาว่า ‘ต้าเฟย’ เนื่องจากครอบครัวของแม่เขาเป็นคนเชื้อสายจีนในสิงคโปร์ จึงทำให้เขาต้องมีชื่อภาษาจีนด้วย ดังนั้น เขาจึงกลายเป็นคนที่มี 3 ชื่อ ใน 3 ภาษา ถึงแม้ว่าจะสับสนอยู่บ้างในสมัยที่เขายังเป็นเด็กๆ แต่ด้วยความที่เขาใช้ชีวิตผ่านมาถึง 30 ปี แล้ว จึงคุ้นเคยกับชื่อทั้งสามเป็นอย่างดี
ปัณณวัฒน์ พร้อมกับทายาทเพียงคนเดียวลงเครื่องที่สนามบินดอนเมือง ก่อนจะต่อรถเดินทางตรงมายังชนบทแห่งหนึ่งในภาคอีสานของประเทศไทย จากการสอบถามจากเพื่อนบ้านในหมู่บ้านที่หญิงคนรักของปัณณวัฒน์อาศัยอยู่เมื่อ 35 ปี ที่แล้ว ทำให้เขาทราบว่าหญิงนางนั้นได้ย้ายไปตั้งหลักปักฐานที่ภาคอีสาน เนื่องจากมีปัญหาเรื่องการเงินและการงาน อาจเป็นความผิดของเขาเองก็ได้ที่ทำให้เธอต้องลำบาก เขาอยากขอโทษเธอเหลือเกิน เกร็ดแก้ว
“ถึงแล้วครับท่านประธาน”
ท่านประธานเหรอ? จะมีลูกชายคนใดบ้างที่เรียกพ่อตัวเองว่าอย่างนี้ บางครั้งเขาก็รู้สึกน้อยใจลูกชายเหมือนกันที่ทำอย่างกับว่าเขาเป็นคนอื่น ไม่ใช่พ่อ แต่มันก็เป็นความผิดของเขาเองที่ไม่สามารถรักแม่ของปารวีได้ และปล่อยให้แม่ของเขาต้องจมอยู่กับความเจ็บปวดที่ต้องทนอยู่กับผู้ชายที่เธอรักจนหมดหัวใจแต่เขากลับไม่เคยรักเธอได้แม้แต่น้อย ปารวีคงจะโกรธเกลียดเขา เพราะปารวีเป็นลูกติดแม่ ตั้งแต่แม่เขาเสียเพราะอุบัติเหตุตอนเขาอายุ 16 ปี เขาก็ไม่เคยเรียก ปัณณวัฒน์ ว่า ‘พ่อ’ เลยสักครั้ง ก็สมควรแล้วกับความผิดของเขา
ปัณณวัฒน์พยักหน้ารับคำของบุตรชาย ก่อนเดินลงจากรถตู้คันหรูลงมายืนมองดูวิถีชาวบ้านในชนบท ช่างเป็นเรื่องที่แปลกตากับเขาและปารวีนัก ที่ได้เห็นชาวบ้านต่างก็ขายของในตลาดด้วยความขยันเช่นนี้ ปัณณวัฒน์สูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ เนื่องจากว่าจากเมืองไทยไปนาน ทำให้เขาอยากจะสูดกลิ่นของบ้านเกิดอย่างเต็มที่
“ไปเถอะครับท่านประธาน”
ปารวีเอ่ยขึ้น ก่อนจะเดินนำหน้าผู้เป็นพ่อ ไปตรงเข้าไปยังตลาดที่มีแม่ค้านั่งเรียงขายของกันเป็นแถวๆ และลูกค้าต่างก็กำลังจับจ่ายซื้อของ ปารวีดูจะแปลกตากับสิ่งของที่ชาวบ้านที่นี่นำมาขายยิ่งนัก เพราะเขาไม่เคยเห็นมาก่อนตลอดเวลา 30 ปีที่ผ่านมา เขาพิจมองสัตว์บางชนิดที่คล้ายๆ กับงู ซึ่งถูกใส่ไว้ในกะละมังใบเขื่องอย่างสงสัยว่าสิ่งนี้คืออะไร หน้าตาน่าเกลียดน่ากลัวยิ่งนัก ปัณณวัฒน์เห็นท่าทางเหมือนเด็กช่างสงสัยของบุตรชายแล้วก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ แต่ก็เป็นเพียงชั่วครู่ ก่อนที่ปารวีจะนึกได้ว่าเขามาที่นี่เพื่ออะไร เขาตรงไปยังแม่ค้าคนหนึ่งซึ่งนั่งขายเจ้าสิ่งที่เขารู้สึกสงสัยเมื่อครู่นี้
“ขอโทษนะครับ คุณป้าเคยเห็นผู้หญิงในรูปนี้ไหมครับ?”
การที่ใช้ชีวิตที่ต่างประเทศตั้งแต่เกิด ไม่ได้เป็นอุปสรรคสำหรับเขาในการพูดภาษาไทย ตรงกันข้ามเขากลับพูดภาษาไทยได้ชัดเจนกว่าคนที่เกิดและอาศัยในเมืองไทยตั้งแต่เกิดเสียอีก ด้วยว่าเขาใช้ภาษาไทยพูดกับทุกคนในบ้าน ซึ่งเป็นญาติฝ่ายพ่อ และพูดภาษาจีนกับญาติฝ่ายแม่ แต่เมื่อต้องติดต่อกับคนต่างชาติที่เข้ามาทำธุรกิจก็จำเป็นที่ต้องใช้ภาษาอังกฤษ ทำให้เขาพูดทั้งสามภาษาได้คล่อง