เจ้าสาวพร่างฝน

เจ้าสาวพร่างฝน

เทียนธีรา

5.0
ความคิดเห็น
217.1K
ชม
104
บท

เมสัน แมคไบรด์ บุรุษที่นั่งบนหลังม้าอยู่เป็นเนืองนิตย์ เจ้าของอาณาจักร อันกว้างใหญ่ไฟศาล ใครๆ ต่างก็รู้ว่าเขาดุดัน เฉียบขาด และโมโหร้ายแค่ไหน คำสั่งของเขาคือประกาศิต ของๆ เขาไม่เคยมีใครกล้าแตะต้อง อาณาจักรส่วนตัวซึ่่งเป็นเขตหวงห้ามก็ไม่เคยมีใครหน้าไหนกล้าล่วงล้ำ และแม้เสน่ห์ของเขาจะเหลือร้ายชนิดแม้ไม่ต้องออกแรงกระดิกนิ้วด้วยซ้ำ ก็มีสาวงามพร้อมจะพลีกายให้ แต่ผู้ชายอย่างเมสันกลับเลือกผู้หญิงที่จะขึ้นเตียงด้วย แต่แล้ว...กฎเหล็กทุกอย่างนั้นก็กลับถูกทำลายลงอย่างง่ายดายด้วยน้ำมือของ ผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่เป็นแค่กาฝากใต้ชายคา ‘ละอองฝน’ กล้ามากที่แอบเอา ม้าตัวโปรดของเขาไปขี่เล่นตามอำเภอใจ ซ้ำร้ายต่อมาไม่นาน แม่สาวน้อยกาฝากไร้เดียงสายังบังอาจทำให้เขามีสภาพไม่ต่างจากม้าหนุ่ม ที่พร้อมจะให้เธอควบขี่ได้ตามความพอใจ เมสันจึงต้องสั่งสอนแม่ตัวดีให้รู้ว่า อย่าริอ่านมาลองดีกับผู้ชายอย่างเขา! “ได้โปรดเถอะนะคะคุณเมสัน...พอเถอะนะคะ” “ยังหรอกละอองฝน ยังไม่พอ ฉันยังต้องลงโทษเธออีก” ใบหน้าหล่อเหลาเงยหน้าขึ้นพูดกับเธอท่ามกลางแสงจันทร์ที่สาดส่องลงมา และนั่นก็พอทำให้ละอองฝนได้มีเวลาพักหายใจหายคอบ้าง ไม่อย่างนั้นเธออาจจะขาดใจตายกับการลงโทษที่แสนป่าเถื่อนวาบหวามของเขาก็เป็นได้ “แต่ดิฉันหายมานานแล้ว ป้าแอนนาคงจะ...” ร่างกำยำหยัดกายขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วกดนิ้วลงบนเรียวปากอิ่มที่บวมน้อยๆ จากแรงจุมพิตของเขา “ลืมคนอื่นไปซะ! แล้วคิดถึงแต่ฉัน”

บทที่ 1 ความมืดมิดของรัตติกาล

หยาดพิรุณเม็ดใสๆ โปรยปรายลงมากระทบหลังคาโรงนาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงบ่าย หน้าต่างบานเล็กถูกเปิดทิ้งไว้เพราะคนเปิดเจตนาให้ไอละอองเย็นชุ่มของสายฝนสาดกระเซ็นเข้ามาข้างใน สาวน้อยรูปร่างบอบบางวัยย่างยี่สิบกำลังยืนกอดอกอยู่ข้างๆ หน้าต่างบานนั้นโดยไม่ได้อนาทรต่อความเปียกชื้นของเสื้อผ้าแต่อย่างใด ริมฝีปากอิ่มเต็มรูปกระจับสีชมพูระเรื่อคลี่ยิ้มน้อยๆ ดวงตากลมโตซึ่งประดับด้วยแพขนตางอนยาวเพ่งมองหยดน้ำใสๆ และปล่อยตัวปล่อยใจให้ดื่มด่ำไปกับม่านฝนที่พร่างพรมลงมาไม่ขาดสาย

‘ละอองฝน’ ชื่นชอบไอเย็นๆ ของสายฝนมาตั้งแต่เด็กๆ อาจเป็นเพราะเธอเกิดเดือนมิถุนายนในวันที่ฝนตกปรอยๆ ตลอดทั้งวันทั้งคืนกระมัง

และแล้วเวลาอันแสนสุขนั้นก็มีอันต้องจบลง พร้อมๆ กับที่พิรุณเม็ดสุดท้ายหลั่งรินลงมา ท้องฟ้าซึ่งมืดครึ้มอยู่เมื่อครู่ใหญ่ๆ ก่อนหน้านี้เริ่มเปิดโล่งพร้อมกับปรากฏรุ้งกินน้ำทอดตัวโค้งยาวพาดผ่านเหนือทุ่งกว้าง สาวน้อยรู้ตัวว่าได้เวลาที่เธอจะต้องออกจากโรงนาแสนสวยและเงียบสงบหลังนั้นแล้ว

ละอองฝนจึงรีบจูงม้าสีน้ำตาลตัวใหญ่ที่แอบขโมยออกมาขี่เล่น ซึ่งตอนที่ฝนเริ่มตกเธอผูกมันไว้กับเสาโรงนาไปส่งคืนที่คอกม้า เพื่อจะได้กลับไปยังคฤหาสน์หลังใหญ่ให้ทันก่อนเวลาพลบค่ำ ด้วยรู้ตัวดีว่าหากกลับช้าคงถูกคนที่เป็นผู้ปกครองดุเอาเป็นแน่

หลังจากส่งม้าถึงคอกแล้ว เท้าเล็กๆ ก็ก้าวฉับๆ ในลักษณะเดินแกมวิ่งลัดเลาะผ่านเนินหญ้าเพื่อไปให้ถึงคฤหาสน์โดยเร็วที่สุด แต่พื้นหญ้าที่เปียกชื้นจากการถูกสายฝนพร่างพรมใส่เมื่อครู่ใหญ่ๆ ที่ผ่านมานั้นก็เป็นอุปสรรคพอสมควร

รองเท้าแตะแบบคีบเปียกชุ่มเพราะถูกน้ำจากยอดหญ้ากระเด็นใส่ ทำให้การเคลื่อนไหวแต่ละย่างก้าวเป็นไปอย่างยากลำบากยิ่งกว่าเดิม ไม่ต่างอะไรกับการเดินย่ำบนพื้นลื่นๆ และในที่สุดเธอก็ล้มหัวคะมำจนได้ มือเรียวเล็กตะครุบลงบนพื้นที่เต็มไปด้วยโคลนตมเละๆ เสื้อผ้าเปรอะเปื้อนมอมแมม สายรองเท้าก็ขาดร่องแร่งอย่างไม่เหลือสภาพให้สวมใส่ได้อีกต่อไป

“บ้าจริง!”

เจ้าของเสียงหวานใสบ่นพึมพำคนเดียวขณะค่อยๆ ประคองกายให้ลุกขึ้น ตอนนั้นเองที่รู้สึกว่ามีอาการเจ็บแปล๊บๆ ที่ข้อเท้า แต่ก็ยังพยายามเดินโขยกเขยกด้วยเท้าเปล่าอย่างทุลักทุเล จนกระทั่งถึงคฤหาสน์หลังสีขาวสองชั้นที่ตั้งตระหง่านสวยเด่นอยู่บนเนินหญ้าสีเขียวขจีซึ่งตอนนี้เปิดไฟสว่างไสวเพราะฝนที่ตกลงมาตั้งแต่ช่วงบ่ายทำให้ความมืดมิดของรัตติกาลสยายตัวเข้าปกคลุมทั่วทั้งอาณาบริเวณเร็วกว่าทุกวัน

ละอองฝนรีบย่ำเท้าขึ้นบันไดเตี้ยๆ ที่หน้าคฤหาสน์ผ่านห้องอาหารซึ่งอยู่ติดกับห้องโถง ทั้งๆ ที่ไม่อยากจะเดินผ่าน แต่ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้เนื่องจากมันเป็นทางไปยังห้องนอนของเธอนั่นเอง

สาวน้อยรู้สึกเหมือนตนเองตัวลีบลงกว่าเดิมไปถนัดตา เพราะตอนนี้ที่โต๊ะอาหารมีคนนั่งรายล้อมเพื่อจะรับประทานมื้อเย็นอย่างพร้อมเพรียงกันแล้ว และเมื่อเธอก้าวเข้าไปทุกคนก็มองมาเป็นตาเดียวกันทันที

“ไปไหนมาออม ทำไมถึงได้กลับมาซะมืดค่ำแถมเนื้อตัวยังมอมแมมแบบนั้น...”

‘คุณ’ เป็นคนเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่ห่างเหินและไว้ตัว แต่ละอองฝนก็ชินชากับน้ำเสียงและท่าทีแบบนั้นของผู้ให้กำเนิดเสียแล้ว

ละอองฝนต้องเรียก ‘แม่’ ว่า ‘คุณ’ ตั้งแต่เด็ก เพราะแพรวดาวแม่ของเธอเคยเป็นนางแบบชื่อดัง มีชีวิตที่หรูหราไฮโซในวงสังคมชั้นสูง แต่เกิดตั้งท้องโดยไม่ได้ตั้งใจกับนายแบบคนหนึ่งทั้งที่ยังเรียนมหาวิทยาลัย จึงต้องแอบหลบไปคลอดลูกและปิดข่าวไว้อย่างเงียบเชียบ หลังจากนั้นก็นำลูกน้อยไปให้ผู้เป็นแม่กับน้องสาวเลี้ยงดูส่วนตัวเองกลับเข้าสู่วิถีชีวิตไฮโซหรูหราและแสงสีดังเดิม

เด็กหญิงตัวน้อยใบหน้าจิ้มลิ้มเติบโตมาในบ้านเล็กๆ ย่านชุมชนแออัดมีความเป็นอยู่อย่างสมถะกับยายและน้าสาว โดยที่แพรวดาวแวะมาเยี่ยมเยือนบ้างเป็นครั้งคราวเท่านั้น แต่ก็ไม่ยอมให้บุตรสาวเรียกว่าแม่ เมื่อสามเดือนก่อนคุณได้แต่งงานกับมหาเศรษฐีวัยห้าสิบชาวสหรัฐอเมริกา ตอนนั้นละอองฝนเพิ่งจะเข้าเรียนมหาวิทยาลัยปีหนึ่ง แต่ก็ถูกบังคับให้ลาออกเพราะคุณต้องการให้เดินทางมาอยู่สหรัฐอเมริกากับคุณในฐานะหลานสาว โดยบอกว่าจะมาหาที่เรียนที่นี่ให้

“ออมไปที่โรงนามาค่ะคุณ พอดีติดฝนก็เลยกลับมาช้า” สาวน้อยตอบคำถามของผู้เป็นแม่เบาๆ

“คุณบอกแล้วใช่ไหมว่าถ้าไม่จำเป็นไม่ให้ออมออกไปไหน” เสียงของคุณดุขึ้นกว่าเดิม ดวงตาก็ตวัดมองอย่างตำหนิและเคืองขุ่นที่ละอองฝนฝ่าฝืนคำสั่งของตน

“ไม่เอาน่าที่รัก อย่าดุหนูออมเลย หนูออมคงอยากออกไปเที่ยวเล่นบ้างตามประสาเด็กๆ” ไวแอตแทรกขึ้นก่อนที่ผู้เป็นภรรยาจะดุหลานสาวไปมากกว่านั้น

“ไวแอตคะ...” แพรวดาวทำท่าจะไม่ยอม เพราะแต่ไหนแต่ไรเธอไม่เคยยอมให้ใครให้ท้ายลูกสาว

ด้านเจ้าของคฤหาสน์จึงรีบหันไปบอกสาวน้อยที่ยืนทำหน้าเจื่อนๆ อยู่ข้างโต๊ะ

“ไปอาบน้ำสิหนูออม แล้วมากินข้าวด้วยกัน”

“เชิญคุณลุงกับทุกคนตามสบายเลยค่ะ ออมทานในครัวเหมือนเดิมจะดีกว่า...”

ตอบเสร็จละอองฝนก็รีบก้มหน้างุดอีกครั้ง เพื่อหลีกเลี่ยงที่จะสบตาใครอีกคนซึ่งนั่งอยู่ด้านขวามือของไวแอต ถ้าเขารู้ว่าเธอแอบเอาม้าของเขาออกไปขี่โดยไม่ได้รับอนุญาต เธอคงจะถูกลงโทษหนักเป็นแน่ เขาดุและเด็ดขาดมากแค่ไหนสาวน้อยรู้ดีแก่ใจ ใครๆ ในไร่นี้ต่างก็เกรงกลัวกันหัวหด ตั้งแต่เข้ามาอยู่ที่นี่เธอยังไม่เคยเห็นเขายิ้มเลยสักครั้ง มิหนำซ้ำยามที่ดวงตาสีอำพันเฉียบคมคู่นั้นตวัดมองมา ละอองฝนรู้สึกเหมือนถูกใบมีดคมๆ กรีดเข้าที่เนื้อบางๆ จนเหวอะหวะไปหมด

“ถ้าอย่างนั้นก็รีบไปอาบน้ำแต่งตัวใหม่ซะ เนื้อตัวสกปรกมอมแมมเป็นลูกแมวเล่นโคลนแบบนั้นดูได้ที่ไหน” แพรวดาวยังไม่วายดุสำทับอีกหนึ่งคำรบ

“ค่ะ...” ละอองฝนรับคำเบาๆ ก่อนจะรีบเดินไวๆ ผ่านห้องอาหารตรงไปยังห้องพักของตัวเองซึ่งอยู่ด้านหลังของคฤหาสน์

อ่านต่อ

หนังสืออื่นๆ ของ เทียนธีรา

ข้อมูลเพิ่มเติม
ทัณฑ์สวาทเมียบำเรอ

ทัณฑ์สวาทเมียบำเรอ

มหาเศรษฐี

5.0

เมื่อเด็กที่อยู่ในอุปการคุณของผู้เป็นบิดาทำท่าว่าจะเลื่อนตำแหน่งขึ้นมาเป็นแม่เลี้ยงของเขา ภาคิม วัชรอาชา ผู้ชายที่แสนจะหยิ่งยโสจึงยอมไม่ได้ สู้ให้บิดามีนางบำเรอเป็นร้อยเหมือนกับนางในฮาเร็มของสุลต่านยังจะดีเสียกว่าให้เด็กไม่มีหัวนอนปลายเท้าอย่างนั้นมาร่วมสกุล เขาสลัดคู่ควงทุกคนทิ้งแทบจะทันทีแล้วหันมามุ่งมั่นกับการกำจัดว่าที่แม่เลี้ยงและจัดการลงทัณฑ์ผู้หญิงไม่เจียมตัวให้รู้สำนึกว่าอย่างมากเธอก็เป็นได้แค่ ‘นางบำเรอ’ เท่านั้น วิโรษณา ดุษยา เพื่อตอบแทนบุญคุณของผู้มีพระคุณ สาวน้อยไร้เดียงสาจึงต้องยอมตกเป็น ‘เมียบำเรอ’ ของผู้ชายกักขฬะไร้หัวใจโดยไม่ยอมปริปากบ่น และไม่แม้แต่จะเรียกร้องความสมเพชใดๆ จากเขา เพราะรู้ว่าในสายตาของซาตานร้าย ผู้หญิงข้างถนนอย่างเธอมีค่าไม่ต่างอะไรกับขยะชิ้นหนึ่งเท่านั้น “คุณภาคิม ได้โปรดอย่าทำกับปุ้มแบบนี้” “ฉันมีสิทธิ์ลงโทษเธอตามวิธีของฉันวิโรษณา” เสียงเขาแหบกระเส่า วิโรษณาดิ้นอย่างกระสับกระส่าย ทำไมเขาไม่ลงโทษเธอด้วยการเฆี่ยนตี หรือให้อดข้าวอดน้ำ ขังไม่ให้เห็นเดือนเห็นตะวันก็ได้ เขาไม่รู้หรือไงว่าทำแบบนี้ร่างกายของเธอปั่นป่วนและกำลังจะแตกเป็นเสี่ยงๆ ด้วยความทรมานอันแสนวาบหวาม ลิ้นร้อนดั่งไฟนาบจุมพิตทั่วทุกอณูเนื้อของดอกไม้แสนฉ่ำหวาน ก่อนจะแทรกลิ้นชื้นเข้าไปรุกรานความอ่อนนุ่มที่นิ้วเรียวของเขาได้สัมผัสมาแล้วก่อนหน้านี้ สาวน้อยพยายามตั้งสติไม่ปล่อยการกระทำไปตามอารมณ์เร่าร้อนที่กำลังรู้สึกอยู่ แต่ลิ้นอุ่นจัดของคนแสนชำนาญก็แทรกลึกเข้าไปในความอ่อนนุ่มกลางกายด้วยจังหวะอันร้ายกาจอย่างไม่หยุดหย่อน ใบหน้าสวยแดงซ่านด้วยอารมณ์ร้อนแรง มือเล็กจิกลงบนที่นอนและขยุ้มจนยับย่นเพื่อระบายความซ่านสยิวที่กำลังโรมรันกายสาวอย่างหน่วงหนัก ร่างบางกระตุกไหว คิ้วสวยขมวดนิ่วด้วยอารมณ์สะท้านซ่าน หลงใหลไปกับสัมผัสของเขาจนเผลอยกสะโพกขยับไปมาเบาๆ ปลายลิ้นหนาลากถูไถขึ้นลงตามกลีบกุหลาบแสนสวยที่เปียกชุ่มไปด้วยความฉ่ำหวาน สองขาเรียวสั่นระริกๆ เมื่อชายหนุ่มเริ่มออกแรงกดปลายลิ้นแตะต้องแรงขึ้น

วิวาห์รอง

วิวาห์รอง

มหาเศรษฐี

5.0

เพราะอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับว่าที่เจ้าบ่าวในคืนแต่งงาน ทำให้พรรษรดาต้องเข้าพิธีกับน้องชายของเจ้าบ่าวแทน แม้วิวาห์ครั้งนี้จะเป็นเพียงวิวาห์สมมติในความรู้สึกของเขาและเธอ หากทว่าความรู้สึกที่เก็บซ่อนไว้ข้างในนั้นต่างหากที่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น เธอจะกล้าบอกความในได้อย่างไร ว่าแท้จริงแล้วผู้ชายที่เธอมีใจใฝ่ปองและอยากแต่งงานด้วยจริงๆ ก็คือเขา ในเมื่อผู้ชายที่ขึ้นชื่อว่าสามี เอาแต่เฉยเมยเย็นชาใส่ ซ้ำยังเอ่ยปากขอหย่าอยู่หลายครั้ง พรรษรดาจะจัดการปัญหาหัวใจครั้งนี้อย่างไรดี ในเมื่อยิ่งเขาทำให้เจ็บ หัวใจไม่รักดีก็ยิ่งรักเขามากขึ้นๆ เธอควรรั้งเขาไว้ให้เป็นสามีในนามเพื่อทรมานใจกันเล่นๆ หรือว่าปล่อยเขาไปให้สมรักกับผู้หญิงอื่นตามที่เขาร้องขอ ***ตัวอย่าง*** “ฉันรักเธอพรรษรดา ฉันรักเธอ รักเธอคนเดียว” เขาสารภาพออกมาเสียงแหบห้าว นัยน์ตาหม่นมัวไปด้วยแรงรักแรงปรารถนาที่อัดแน่นอยู่ข้างใน “คุณภู...” “หัวเราะสิ หัวเราะเยาะฉัน หัวเราะไอ้ผู้ชายหน้าโง่ที่มันเป็นทาสรักของเธออย่างโงหัวไม่ขึ้นมาตลอดหลายปี หัวเราะเยาะไอ้ผู้ชายหน้าโง่ที่ตัดใจไม่ได้เสียที” คำสารภาพของเขาเหมือนระลอกคลื่นยักษ์ที่กระแทกโครมเข้าใส่หัวใจดวงน้อยของพรรษรดา เธอถึงกับร้องไห้สะอึกสะอื้นเพราะแบกรับความรู้สึกอันท่วมท้นนั้นไม่ไหว “ฉันมันคงน่าสมเพชมากสินะ” ร่างใหญ่ขยับตัวเหมือนจะถอดถอนออกไป แต่พรรษตวัดขารัดรอบเอวสอบไว้แน่น ทำให้เขาดำดิ่งเข้ามาฝังลึกอยู่ในช่องสาวอีกครั้ง “อย่าบังอาจลุกจากตัวพรรษ” เธอแหวใส่เขาเสียงดังลั่น ตัวสั่นเทาเพราะความรัญจวนและความเต็มตื้นในหัวใจ “พรรษรดา...” “อย่าคิดว่าจะผลักไสพรรษง่ายๆ อีก รู้มั้ยว่าพรรษรอนานแค่ไหน รู้ไหมว่าต้องเสียน้ำตาไปกี่ครั้งเมื่อคิดว่าตัวเองรักคุณภูข้างเดียว อย่ามาบอกรักพรรษ ล้อเล่นกับหัวใจพรรษแล้วหนีไปง่ายๆ อีก พรรษไม่ยอมอีกแล้ว คราวนี้พรรษจะตามรังควานไปตลอดชีวิตเลย อย่าหวังว่าจะได้มีโอกาสมีความสุขกับผู้หญิงคนไหน อย่าหวังว่าจะได้บอกรักใครอีก เพราะคำว่ารักของคุณภูจะเป็นของพรรษคนเดียวตลอดไป”

หนังสือที่คุณอาจชอบ

คุณนายยอมหย่าแล้ว

คุณนายยอมหย่าแล้ว

Calv Momose
4.9

หลังจากแต่งงานกันมาสามปี เวินเหลี่ยงก็ยังไม่เคยได้ความรักจากฟู่เจิ้งแต่อย่างใดเลย เมื่อรักแรกของเขากลับมา สิ่งที่รอเธออยู่คือหนังสือการหย่า "ถ้าฉันมีลูก คุณยังเลือกหย่าไหม?" เธออยากจับโอกาสสุดท้ายนี้ไว้ แต่แล้วมีแต่คำตอบที่เย็นชาว่า "ใช่" เวินเหลี่ยงหลับตาและเลือกที่จะปล่อยมือ ...ต่อมาเธอนอนอยู่บนเตียงคนไข้ด้วยความสิ้นหวังและลงนามในข้อตกลงการหย่า "ฟู่เจิ้ง เราไม่ได้เป็นหนี้กันอีกต่อไปแล้ว..." ชายที่มีความเด็ดขาดและเย็นชามาโดยตลอดนอนอยู่ข้างเตียงขอร้องให้อีกฝ่ายกลับมาด้วยเสียงแผ่วเบา "เหลียง ได้โปรดอย่าหย่าได้ไหม?"

หลินซือเยว่ผู้นี้ มีสามชะตาในคราเดียว

หลินซือเยว่ผู้นี้ มีสามชะตาในคราเดียว

มาชาวีร์
5.0

หลังผ่าตัดนักพรตเฒ่าผู้หนึ่งนั้น นางวูบหมดสติและเสียชีวิตลงไป ลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที ก็อยู่ในร่างของคุณหนูปัญญาอ่อนที่มีชื่อเดียวกันผู้นี้เสียแล้วทั้งยังจำอดีตชาติยามเป็นปรมาจารย์เต๋าได้อีกด้วย +++ 1 : ไล่ออกจากอารามไท่ผิงกวน แคว้นจิ้น ราชวงศ์เซวียน อารามไท่ผิงกวน “ไป ๆ อาจารย์ขับไล่พวกท่านออกจากอารามแล้ว อย่าได้มาเหยียบที่นี่อีก” “ศิษย์พี่รองรีบปิดประตูเร็วเข้า !” ตุบ ! ห่อผ้าสองห่อถูกโยนออกมาจากประตูอาราม ปัง ! ตามด้วยเสียงปิดประตูลงสลักอย่างหนาแน่น สตรีนางหนึ่งยืนตัวตรงเป็นสง่า เสื้อผ้ากับเส้นผมของนางปลิวไสวดั่งไผ่ลู่ลม หลินซือเยว่เงยหน้าขึ้นมองป้ายชื่ออารามไท่ผิงกวนด้วยสายตาเลื่อนลอย อาศัยอยู่ที่นี่มานานเท่าใดแล้วนะ บางครั้งนางเองก็ลืมเลือนวันเวลาไปเหมือนกัน “คุณหนูเจ้าคะ ศิษย์น้องทั้งสองของท่านทำเกินไปแล้วนะเจ้าคะ เหตุใดถึงไล่พวกเราสองคนออกจากอารามได้เล่า” เผิงฉือกระทืบเท้าเบา ๆ ตรงไปฉวยห่อผ้าทั้งสองบนพื้น ขึ้นมาคล้องแขนตัวเองไว้ “หากไม่ได้รับคำสั่งจากอาจารย์ ศิษย์น้องทั้งสองคงไม่กล้าขับไล่ข้าออกจากอารามหรอก” น้ำเสียงของนางสงบนิ่งฟังแล้วสบายหูยิ่งนัก หาได้มีความโกรธเกลียดแต่อย่างใด “นั่นรถม้า” นิ้วเรียวสวยชี้ไปยังรถม้าคันที่มีคนนั่งเฝ้าอยู่ “ป้าเผิงไปถามดูว่าใช่รถม้าของเราหรือไม่” เผิงฉือไม่รอช้ารีบตรงไปหาคนเฝ้ารถม้าที่อยู่ใต้ต้นไผ่ในทันที ไม่ช้านางก็กลับมาพร้อมกับรอยยิ้มนิด ๆ “เป็นรถม้าของเราจริง ๆ เจ้าคะคุณหนู คนขับบอกว่าเป็นคนของตระกูลหลินเจ้าค่ะ ได้รับคำสั่งจากท่านพ่อของคุณหนู ให้มารับคุณหนูกลับตระกูลหลินเพื่อไปแต่งงานเจ้าค่ะ” “กลับไปแต่งงานนี่เอง” นางเอ่ยเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่ หันหลังกลับไปทางประตูอาราม ประสานมือค้อมตัวคำนับลาอาจารย์ เผิงฉือเห็นเช่นนั้นก็อดที่จะคำนับตามนางไม่ได้ ภายในอารามไท่ผิงกวน “อาจารย์เหตุใดถึงไม่บอกลากับศิษย์พี่ใหญ่ไปตรง ๆ ล่ะ ทำเช่นนี้นางไม่โกรธท่านไปจนวันตายเลยรึ” เหอกุ้ยแม้มีอายุยี่สิบแปดปีแล้ว ทว่าเขากราบเป็นศิษย์เจ้าอาวาสชุนหวังเหล่ยหลังสตรีผู้นั้น จึงได้เป็นเพียงแค่ศิษย์พี่รองเท่านั้น “นั่นสิอาจารย์ ศิษย์พี่ใหญ่นางไม่เคยออกจากอารามไปไหนไกล ท่านทำเช่นนี้ไม่ใช่ขับไล่นางไปสู่ความตายหรอกรึ” จางเจียเฟิ่งเห็นด้วยกับศิษย์พี่รองของเขา “ให้มันน้อย ๆ หน่อยเจ้าศิษย์โง่ทั้งสอง พวกเจ้าคิดว่าอารามไท่ผิงกวนแห่งนี้ สามารถอยู่รอดมาได้เพราะใครกัน หากไม่ใช่เพราะฝีมือของศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้า เห็นนางเงียบ ๆ แบบนั้น ความคิดนางกว้างไกลยิ่งนัก อาจารย์อย่างข้ายังเทียบนางไม่ติดด้วยซ้ำไป” เจ้าอาวาสชุนปีนี้อายุอานามปาเข้าไปหกสิบห้าปีแล้ว ทว่าร่างกายยังแข็งแรง อารามเต๋าแห่งนี้มีวิถีแบบไม่เคร่งครัด ใช้ชีวิตเยี่ยงฆราวาสผู้หนึ่ง สามารถแต่งงานมีครอบครัวได้ “อาจารย์นางอยู่ในอารามวาดยันต์กันภัยให้ชาวบ้านที่มากราบไหว้ ตั้งโต๊ะรักษาโรคภัยให้ผู้คนในตัวอำเภอฝู แต่หนนี้นางต้องกลับบ้านไปเพื่อแต่งงาน นางบริสุทธิ์ถึงเพียงนั้นมิถูกสามีจับกลืนกินจนไม่เหลือกระดูกหรอกรึ” เหอกุ้ยนึกภาพเทพเซียนผู้สูงส่งอย่างหลินซือเยว่ หากต้องร่วมเตียงกับบุรุษหยาบกระด้าง เพียงเท่านั้นเขาก็ทำใจไม่ได้จริง ๆ แทบอยากจะไปแย่งตัวศิษย์พี่ใหญ่ของตัวเองกลับคืนมา “เลิกคร่ำครวญได้แล้ว กลับไปกวาดลานอารามกับตรวจดูน้ำมันตะเกียงให้เรียบร้อย ศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้าไม่อยู่ เจ้าทั้งสองต้องรีบร่ำเรียนศึกษาหาความรู้ อารามไท่ผิงกวนจะได้เจริญรุ่งเรืองในภายภาคหน้าต่อไปได้” เจ้าอาวาสชุนทำเสียงดังใส่ลูกศิษย์ทั้งสอง “ไป ๆ ข้าจะสวดมนต์” โบกมือไล่ทั้งคู่ให้ออกจากห้องสวดมนต์ไป เจ้าอาวาสชุนรีบลุกไปปิดประตูลั่นกลอน ท่าทางลุกลี้ลุกลนจนผิดปกติ ย่องเบา ๆ ไปที่ใต้เตียงนอน ดึงหีบไม้เก่าเก็บออกมา ครั้นกดสลักเปิดออก ก็พบตั๋วเงินจำนวนสามพันตำลึงอยู่ในนั้น ตระกูลหลินที่ไม่ได้บริจาคน้ำมันตะเกียงมาหลายปี จู่ ๆ ก็ส่งตั๋วเงินมาให้ พร้อมกับขอรับคนกลับไปเพื่อแต่งงาน ช่วงนี้ชาวบ้านมาทำบุญที่อารามน้อยลง หลินซือเยว่ก็ไม่รู้ว่าเกิดอันใดขึ้นกับนาง ถึงไม่ยอมลงจากอารามไปรักษาผู้คน รายได้เลยหายหดแทบจ่ายอาหารการกิน(สุรานารี)ไม่พอ ตั๋วเงินสามพันตำลึงนี่มาได้ทันเวลาพอดี ! แครก ๆ ๆ ๆ เสียงกวาดลานหน้าอารามดังขึ้นพร้อมกับเสียงบ่นของเหอกุ้ย “ข้ารู้ว่านางเก่งเอาตัวรอดได้ ข้าเพียงไม่อยากให้นางไปก็เท่านั้น” “ศิษย์พี่รองท่านอย่าได้เสียใจไปเลย ไม่ใช่ว่ามีแต่นางที่ต้องแต่งงานมีครอบครัว ท่านเองก็เถอะที่บ้านส่งคนมารับทุกปีไม่ใช่รึ” จางเจียเฟิ่งรู้ดีว่าตนและเหอกุ้ย ถูกครอบครัวลงโทษด้วยการส่งมาอยู่ยังอารามแห่งนี้ ทว่าเพียงชั่วคราวเท่านั้น “ตัวข้านั้นไม่เป็นไรหรอก เจ้านั่นแหละศิษย์น้องสาม ข้าได้ยินว่าที่บ้านของเจ้า เพิ่งหาคู่หมั้นหมายคนใหม่ให้เจ้าอีกคนแล้วไม่ใช่รึ” สองศิษย์พี่น้องหยุดกวาดลานอาราม แล้วหันหน้าไปมองตากัน จากนั้นพวกเขาก็ถอนหายใจดัง ๆ พร้อมกัน ไม่มีศิษย์พี่ใหญ่อยู่ด้วย นับจากนี้ไปยามทำความผิดใครจะออกหน้าคอยช่วยเหลือ ยามเงินหมดใครจะให้หยิบยืม ยิ่งคิดพวกเขาก็ยิ่งไม่สบายใจเป็นอย่างมาก บนถนนมุ่งหน้าสู่เมืองหลวง รถม้าไม้ธรรมดาไม่เล็กไม่ใหญ่ ไร้ป้ายชื่อตระกูลบอกกล่าว คล้ายไม่อยากให้ผู้อื่นล่วงรู้ว่าคนที่นั่งอยู่ด้านในเป็นใคร เผิงฉือพยายามหลอกถามคนขับรถม้าอยู่หลายหน ถึงสถานการณ์ของตระกูลหลินในยามนี้ นางไม่เคยไปที่นั่นมาก่อนไม่รู้จักใครสักคน คนขับรถม้าตอบว่า เขามีหน้าที่มารับคุณหนูรองกลับบ้านเท่านั้น เรื่องอื่นนั้นเขาไม่รู้จริง ๆ “ได้ถามหรือไม่ ใช้เวลากี่วันในการเดินทาง” หลินซือเยว่เอ่ยเสียงเนิบ ๆ “ถามแล้วเจ้าค่ะ เขาบอกว่าราว ๆ สิบวันก็ถึงเมืองหลวงแล้ว” “สิบวันเชียวรึ” หลินซือเยว่มองห่อผ้าที่วางอยู่ด้านข้าง มีเพียงของใช้จำเป็นของนางไม่กี่ชิ้น พร้อมกับก้อนเงินจำนวนห้าสิบตำลึง “คงต้องแวะซื้อของในอำเภอฝูเสียก่อน” เผิงฉือรีบเปิดม่านบอกกับคนขับรถม้า แต่เขากลับทำเสียงฮึดฮัดคล้ายไม่พอใจ “เสียเวลาเดินทางเปล่า ๆ” น้ำเสียงเขากระด้างกระเดื่อง

ทางเดินใหม่ของหัวใจ

ทางเดินใหม่ของหัวใจ

Viv Thauer
5.0

เวินอี่ถงได้เห็นความรักอันลึกซึ้งของเจียงยวี่เหิง แต่ก็ได้สัมผัสกับการทรยศของเขาเช่นกัน เธอเผารูปแต่งงานของพวกเขาต่อหน้าเขา แต่เขากลับมัวแต่ง้อชู้ของเขา ทั้งๆ ที่เขาแค่มองดูแวบหนึ่งก็จะเห็น แต่เขากลับไม่สนใจเวินอี่ถงสุดจะทน ตบหน้าเขาอย่างแรง พร้อมอวยพรให้เขากับชู้ของรักกันยืนยาว แล้วเธอก็หันหลังสมัครเข้ากลุ่มวิจัยลับเฉพาะ ลบข้อมูลประจำตัวทั้งหมด รวมถึงความสัมพันธ์การแต่งงานกับเขาด้วย! ก่อนจากไป เธอยังมอบของขวัญชิ้นใหญ่ให้เขาอีกด้วยเมื่อถึงเวลาที่จะเข้ากลุ่ม เวินอี่ถงก็หายตัวไป บริษัทของเจียงยวี่เหิงประสบปัญหาล้มละลาย เขาจึงออกตามหาเธอด้วยทุกวิถีทาง แต่สิ่งที่ได้รับกลับเป็นใบมรณบัตรที่ต้องสงสัยเขาสติแตก “ฉันไม่เชื่อ ฉันไม่ยอมรับ!”เมื่อพบกันอีกครั้ง เจียงยวี่เหิงต้องตกใจที่พบว่าเวินอี่ถงเปลี่ยนตัวตนใหม่แล้ว โดยข้างกายมีผู้มีอำนาจที่เขาต้องยอมก้มหัวให้เขาอ้อนวอนอย่างสิ้นหวัง “ถงถง ผมผิดไปแล้ว คุณกลับมาเถอะ!”เวินอี่ถงเพียงยิ้มยักคิ้ว จับแขนของผู้มีอำนาจข้างๆ “น่าเสียดาย ตอนนี้ฉันอยู่ในระดับที่นายไม่อาจเอื้อมถึงแล้ว”

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ
เจ้าสาวพร่างฝน
1

บทที่ 1 ความมืดมิดของรัตติกาล

15/03/2023

2

บทที่ 2 เมสัน แม็คไบรด์

15/03/2023

3

บทที่ 3 ไม่มีความหวัง

15/03/2023

4

บทที่ 4 การเผชิญหน้ากับเมสัน

15/03/2023

5

บทที่ 5 ความเจ็บของตัวเอง

15/03/2023

6

บทที่ 6 ความรู้สึกของตัวเอง

15/03/2023

7

บทที่ 7 แสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้า

15/03/2023

8

บทที่ 8 ม้าตัวโปรดของเมสัน

15/03/2023

9

บทที่ 9 ปกป้องศักดิ์ศรี

15/03/2023

10

บทที่ 10 ปฏิเสธสัมพันธไมตรี

15/03/2023

11

บทที่ 11 หวาดหวั่น

15/03/2023

12

บทที่ 12 ผู้ชายที่เธอนัดเมื่อคืนคือ...

15/03/2023

13

บทที่ 13 การลงทัณฑ์ที่น่ากลัว

15/03/2023

14

บทที่ 14 อิทธิพลต่อความรู้สึก

15/03/2023

15

บทที่ 15 ฝังแน่นอยู่ในความรู้สึก

15/03/2023

16

บทที่ 16 พูดทำร้ายจิตใจ

15/03/2023

17

บทที่ 17 สาเหตุหลักๆ น่าจะเกิดจาก...

15/03/2023

18

บทที่ 18 อารมณ์หงุดหงิด

15/03/2023

19

บทที่ 19 ทุกอย่างมันเป็นอุบัติเหตุ

15/03/2023

20

บทที่ 20 ยืนยันความบริสุทธิ์

15/03/2023

21

บทที่ 21 แฮร์โรล

15/03/2023

22

บทที่ 22 อย่าทำเสียงแบบนั้นใส่ฉัน

15/03/2023

23

บทที่ 23 เจ้าสาวพร่างฝน

16/03/2023

24

บทที่ 24 เจ้าสาวพร่างฝน

16/03/2023

25

บทที่ 25 เจ้าสาวพร่างฝน

16/03/2023

26

บทที่ 26 เจ้าสาวพร่างฝน

16/03/2023

27

บทที่ 27 เจ้าสาวพร่างฝน

16/03/2023

28

บทที่ 28 เจ้าสาวพร่างฝน

16/03/2023

29

บทที่ 29 เจ้าสาวพร่างฝน

16/03/2023

30

บทที่ 30 เจ้าสาวพร่างฝน

16/03/2023

31

บทที่ 31 เจ้าสาวพร่างฝน

16/03/2023

32

บทที่ 32 เจ้าสาวพร่างฝน

16/03/2023

33

บทที่ 33 เจ้าสาวพร่างฝน

16/03/2023

34

บทที่ 34 เจ้าสาวพร่างฝน

16/03/2023

35

บทที่ 35 เจ้าสาวพร่างฝน

16/03/2023

36

บทที่ 36 เจ้าสาวพร่างฝน

16/03/2023

37

บทที่ 37 เจ้าสาวพร่างฝน

16/03/2023

38

บทที่ 38 เจ้าของฟาร์มขู่

17/03/2023

39

บทที่ 39 ภายใต้การดูดดื่ม

17/03/2023

40

บทที่ 40 ป่าเถื่อนสุดวาบหวาม

17/03/2023