Login to MeghaBook
icon 0
icon เติมเงิน
rightIcon
icon ประวัติการอ่าน
rightIcon
icon ออกจากระบบ
rightIcon
icon ดาวน์โหลดแอป
rightIcon
กุ้ยเฟยที่ถูกลืม

กุ้ยเฟยที่ถูกลืม

จิรัฐติกาล

5.0
ความคิดเห็น
6.7K
ชม
20
บท

เจี่ยลี่อิงเป็นเชฟยุคปัจจุบัน และเพราะทำงานมากไปจึงตายโดยไม่รู้ตัว เมื่อลืมตาขึ้นมาก็พบว่าตัวเองกลายเป็นกุ้ยเฟยมีนามว่าเจี่ยลี่ฟาง เป็นกุ้ยเฟยที่ถูกคุมขังที่ตำหนักเย็น แล้วอย่างไรเล่า บิดานางเป็นถึงแม่ทัพใหญ่ อาหารการกินก็ไม่ขาด อยากได้สิ่งใดก็เพียงรับสั่งออกไป นางเป็นเชฟใหญ่ไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับฮ่องเต้ผู้นั้น แต่ขอทำอาหารกินให้อร่อยทุกมื้อ ******************* "นี่คือ.สิ่งใดเพคะกุ้ยเฟย" นางกำนัลและขันทีเอ่ยถามกุ้ยเฟยพร้อมกับทำตาปริบ ๆ แทนที่จะตื่นเต้นแต่กลับทำหน้ามึนงง เพราะรูปวาดที่กุ้ยเฟยวาดให้ดูนั้นเป็นสิ่งที่แปลกตาเป็นอย่างมาก ไม่เคยพบเห็นที่ไหนมาก่อน "สิ่งนี้คือหม้อชาบู" ลี่อิงพูดด้วยความตื่นเต้น นางเต็มใจเสนอสิ่งนี้เป็นอย่างมาก "หม้อชาบู?" ผู้รับใช้ทั้งสามพูดพร้อมกันอย่างช้า ๆ

บทที่ 1 No.1

การตายของกุ้ยเฟย

ในช่วงที่แผ่นดินเกิดความไม่สงบ ราชสำนักมีราชโองการให้ส่งกำลังทหารไปปราบปรามอิทธิพลแบ่งแยกประเทศของเผ่าจุ่นเก๊อะเอ่อ และกบฎของต้า-เสี่ยวเหอจั๊วะของเผ่าหุยในเขตซินเกียง และมีราชโองการให้แต่งตั้งท่านแม่ทัพเจี่ยฮุ้ยหยางเป็นต้าเจียงจวินผู้บังคับบัญชาทหาร เนื่องจากท่านแม่ทัพออกรบกำราบศัตรูที่บังอาจเข้ามารุกรานแผ่นดินใหญ่นานนับหลายสิบปีตั้งแต่ต้าซิ่งหวงตี้จนชำนาญการด้านการทหารเป็นพิเศษ จนบัดนี้หลีเออร์คนสุดท้องของท่านแม่ทัพก็ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นกุ้ยเฟยพระอัครเทวีผู้ล้ำค่าให้กับฮ่องเต้ จักรพรรดิของราชวงศ์พระองค์ปัจจุบันที่สืบราชสมบัติมาจากต้าซิ่งหวงตี้

แต่ทว่า….เมื่อท่านแม่ทัพได้รับราชโองการเขากลับขัดราชโองการจากฮ่องเต้บุรุษผู้มีอำนาจวาสนาสูงสุดในทันที “ขอเดชะฝ่าบาท….กระหม่อมขอปฏิเสธการเป็นต้าเจียงจวินในการปราบปรามอิทธิพลแบ่งแยกประเทศของเผ่าจุ่นเก๊อะเอ่อ และกบฏของต้า-เสี่ยวเหอจั๊วะของเผ่าหุยในเขตซินเกียงในครั้งนี้พ่ะย่ะค่ะ”

“เพราะเหตุอันใดกันท่านแม่ทัพเจี่ยฮุ้ยหยาง” ฮ่องเต้คิ้วขมวดเป็นปมทรงไม่เข้าพระทัยเหตุอันใดท่านแม่ทัพถึงปฏิเสธการออกรบในครั้งนี้ทั้งที่ที่ผ่านมานั้นให้ความร่วมมือในการปราบปรามศัตรูผู้รุกรานประเทศทุกศึกสงคราม

“กระหม่อมไม่สะดวกใจที่จะทำศึกในครั้งนี้เนื่องจากหลีเออร์ของกระหม่อม....เจี่ยหลีฟางกุ้ยเฟยอยู่ในช่วงเวลาอ่อนแอ มีเรื่องไม่สบายพระทัยอยู่พ่ะย่ะค่ะ” ท่านแม่ทัพทูลบอกกับฮ่องเต้ด้วยใบหน้าที่หมองหม่น กุ้ยเฟยนั้นเป็นหลีเออร์คนสุดท้องของท่านแม่ทัพ ท่านแม่ทัพมีบุตรทั้งหมดสิบคน โดยแม่นางเจี่ยหลี่ฟางนั้นเป็นหลีเออร์คนสุดท้องที่ท่านแม่ทัพรักและตามใจเป็นอย่างมาก จนแม่นางเจี่ยหลี่ฟางถือเอาความต้องการของตนเองเป็นใหญ่ เมื่อกระทำผิดก็จะมีบิดาคอยให้ท้ายอยู่เสมอแม้กระทั่งในตอนนี้ที่ได้รับแต่งตั้งเป็นกุ้ยเฟยแล้วก็ตาม

“เจี่ยหลีฟางกุ้ยเฟยเป็นอันใด” ฮ่องเต้ทรงตรัสถามถึงสาเหตุ

กุ้ยเฟยเป็นพระสนมลำดับที่หนึ่งของฮ่องเต้ แต่ฮ่องเต้นั้นทรงไม่ยอมให้ร่วมห้องหอด้วย ถึงแม้ว่าจะมีพระราชโองการให้แต่งตั้งหลีเออร์ของท่านแม่ทัพให้เป็นกุ้ยเฟยตั้งแต่ต้นเดือนเอ้อร์เยว่จน ณ บัดนี้ก็จวนจะถึงสิ้นเดือนซานเยว่แล้ว และนี่ก็คือเหตุผลที่ทำให้กุ้ยเฟยไม่พอใจ และกระเง้ากระงอดผู้เป็นบิดาจนท่านแม่ทัพไม่มีกะจิตกะใจจะออกรบเพื่อศึกบ้านเมืองในครั้งนี้ได้

“องครักษ์หลวง!” เมื่อท่านแม่ทัพอ้ำอึ้งในคำตอบ ฮ่องเต้ก็ทรงรู้สาเหตุได้ด้วยตนเองในทันที ฮ่องเต้จึงมีพระราชกระแสรับสั่งด้วยความร้อนพระทัยให้เหล่าขุนนางไปจับตัวกุ้ยเฟยไปขังในตำหนักเย็น โดยห้ามออกจากตำหนักเย็นจนกว่าฮ่องเต้จะประทานอภัยโทษให้ “จับเจี่ยหลีฟางกุ้ยเฟยไปขังในตำหนักเย็นบัดเดี๋ยวนี้!”

“พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท” เหล่าองค์รักษ์หลวงทรุดตัวลงคุกเข่าน้อมรับพระราชกระแสรับสั่งต่อหน้าบัลลังก์ฮ่องเต้ ก่อนจะดันตัวลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วออกจากท้องพระโรงเพื่อปฏิบัติตามพระราชกระแสรับสั่งของฮ่องเต้ในทันท่วงที

“ฝ่าบาท….ได้โปรดทรงอภัยให้กระหม่อมด้วย ทรงอย่ากักขังหลีเออร์ของกระหม่อมไว้ในตำหนักเย็นเลยพ่ะย่ะค่ะ” ท่านแม่ทัพทรุดตัวคลุกเข่าลงพื้นอย่างหมดแรง ก้มลงกราบกับพื้นต่อหน้าบัลลังก์ฮ่องเต้ผู้ยิ่งใหญ่เพื่อร้องขอความเมตตา แต่บัดนี้คำกล่าวของฮ่องเต้ย่อมศักดิ์สิทธิ์ที่สุด พูดแล้วไม่คืนคำในเวลาอันเร็วพลัน

“เรามีราชกิจติดพัน เดิมทีก็ไม่ได้มีเวลาว่างมากอยู่แล้ว จะเอาเวลาไหนมาพลอดรักกับเจี่ยหลี่ฟางกุ้ยเฟย เจ้าน่าจะรู้ดีนะท่านแม่ทัพเจี่ยฮุ้ยหยาง!” ฮ่องเต้ทรงตรัสออกมาอย่างไม่พอพระทัยยิ่งนักที่แม่ทัพเจี่ยฮุ้ยหยางเอาเรื่องไร้สาระมาปะปนกับงานราชการรักษาบ้านเมืองเช่นนี้

“กระหม่อมสมควรตาย ทุกอย่างเป็นความผิดของกระหม่อมแต่เพียงผู้เดียว กระหม่อมขอรับโทษแทนเจี่ยหลีฟางกุ้ยเฟยพ่ะย่ะค่ะ”

“เราจะปล่อยตัวเจี่ยหลีฟางกุ้ยเฟยจากตำหนักเย็นก็ต่อเมื่อเจ้าชนะศึกในครั้งนี้เท่านั้น” ฮ่องเต้ตรัสเพียงเท่านี้ก่อนจะลุกขึ้นจากบัลลังก์แล้วเสด็จออกไปจากท้องพระโรงในทันที ซือกงกงกล่าว “ฮ่องเต้เสด็จแล้ว~” และเหล่าขุนนางก็ทรุดตัวนั่งลงคุกเข่ากับพื้นพร้อมกับกล่าวพร้อมกันว่า “กระหม่อมทูลลา ขอทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นปี”

เมื่อทำอะไรไม่ได้ท่านแม่ทัพก็รีบกล่าวลาฮ่องเต้พร้อมกับเหล่าขุนนางคนอื่น ๆ เพื่อไปดูใจหลีเออร์ก่อนที่จะเข้าไปอยู่ในตำหนักเย็น เผื่อเขาจะช่วยหลีเออร์ในเรื่องอื่น ๆ ได้บ้าง

“ปล่อยข้านะ พวกเจ้ามาจับตัวข้าเพราะเหตุใด ข้าเป็นถึงกุ้ยเฟยของฮ่องเต้เลยนะ ปล่อย ปล่อยข้า” กุ้ยเฟยที่ถูกเหล่าองครักษ์หลวงลอบเข้าไปจับตัวมาถึงพระตำหนักร้องโวยวายลั่นพระราชวัง พยายามดิ้นให้หลุดออกจากพันธนาการขององครักษ์หลวง แต่ก็ไม่เป็นผล แรงของสตรีช่างน้อยนิดสู้บุรุษมิได้

เหล่าองค์รักษ์หลวงจับกุ้ยเฟยเดินตรงไปที่ตำหนักเย็น แต่ระหว่างทางนั้นท่านแม่ทัพก็เข้ามาขวางทางเอาไว้ก่อน “ปล่อยหลีเออร์ของข้าบัดเดี๋ยวนี้” กุ้ยเฟยเมื่อเห็นบิดาก็รีบสะบัดแขนองครักษ์หลวงออกแล้ววิ่งเข้าไปหาบิดาทั้งน้ำตาในทันที “ท่านพ่อ ฮึก….ทำไมเหล่าองครักษ์หลวงพวกนี้ถึงบุกเข้ามาจับตัวลูกถึงในพระตำหนักได้เจ้าคะ ฮือ….”

“พ่อขอโทษลูก เป็นเพราะพ่อเองที่ทำให้ลูกต้องตกอยู่ในชะตากรรมที่ยากลำบากเช่นนี้” ท่านแม่ทัพเอ่ยบอกกับหลีเออร์ด้วยความเศร้าโศก เมื่อเห็นหลีเออร์อยู่ในสภาพเช่นนี้ผู้เป็นพ่อย่อมเจ็บปวดใจมากกว่า

“ท่านพ่อหมายความว่ายังไงเจ้าคะ”

“เฮ้อ….ตอนนี้มีผู้ก่อกบฏฮ่องเต้รับสั่งให้พ่อไปประจำการทันทีในฐานะต้าเจียงจวิน”

“ท่านพ่ออายุมากแล้ว เหตุใดจึงมีพระราชกระแสรับสั่งให้ท่านพ่อไป ราชสำนักไม่มีแม่ทัพท่านอื่นแล้วหรือไงกัน”

“พ่อกับพี่ ๆ ไม่ได้อยู่ข้างกายเจ้าในช่วงเวลาที่เจ้าอ่อนแอเช่นนี้ แต่ว่าพ่อจะให้นางกำนัลสองคน และขันทีหนึ่งคนคอยดูแล รับใช้เจ้าในตำหนักเย็น ได้โปรดอย่าเป็นกังวล พ่อกับพี่ ๆ ของเจ้าจะคว้าชัยชนะการรบครั้งนี้มาให้ได้เพื่อปลดปล่อยให้เจ้าเป็นอิสระ” พูดจบท่านแม่ทัพก็ปล่อยมือของหลีเอ๋อร์ออกแล้วย่างก้าวออกไปจากตรงนี้ในทันทีทั้งน้ำตาแห่งความสงสารหลีเออร์อย่างลึกสุดหัวใจ

“ท่านพ่อ ฮึก….อย่าไป ท่านพ่อ ฮือ….” เสียงร่ำไห้ใจแทบขาดของหลีเออร์ทำให้ท่านแม่ทัพมิอาจทำใจหันหลังกลับไปมองได้ รีบเดินออกไปให้เร็วที่สุด….

….หลังจากที่ลากับบิดา กุ้ยเฟยก็ถูกองครักษ์หลวงนำตัวไปขังไว้ที่ตำหนักเย็น ส่วนนางกำนัลและขันทีที่จะให้ไปดูแลกุ้ยเฟยที่ตำหนักเย็นนั้น ท่านแม่ทัพจะไปทูลขอฮ่องเต้ก่อนที่จะไปประจำการตามพระราชกระแสรับสั่ง

กุ้ยเฟยเอาแต่ร้องไห้ด้วยความทุกข์ระทมชอกช้ำใจ กุ้ยเฟยมีใจรักฮ่องเต้แต่ฮ่องเต้ไม่เคยปลายตามองนางเลยแม้เพียงหางตา เมื่อได้รับการแต่งตั้งก็ได้เป็นเพียงกุ้ยเฟยไม่ได้เป็นฮองเฮา ด้วยความน้อยใจและความโศกเศร้าทำให้กุ้ยเฟยวางแผนลวงว่าตนเองนั้นคิดสั้นหมายจะเรียกร้องความสนใจจากฮ่องเต้ แต่ผลลัพธ์กลับไม่เป็นเช่นนั้น เก้าอี้ที่ใช้ปีนขึ้นไปเพื่อผูกคอนั้นกลับพลิกคว่ำทำให้เท้าของกุ้ยเฟยไม่มีที่วาง เชือกที่ใช้ผูกคอจึงขึงรัดแน่นจริง ๆ กุ้ยเฟยดิ้นอย่างทุรนทุรายเพราะหายใจไม่ออกจนในที่สุดก็ขาดอากาศหายใจและสิ้นอายุขัยลง

….ในห้วงมิติอีกด้าน….มีเชฟสาวประจำภัตตาคารหรูและโด่งดังแห่งหนึ่งใจกลางเมืองปักกิ่งนามว่าเจี่ยลี่อิง เชฟเจี่ยลี่อิงมีใจรักในการทำอาหารเป็นอย่างมากและฝึกฝนฝีมือของตัวเองอยู่ตลอดเวลา ในขณะที่เชฟกำลังทำอาหารอยู่ในห้องครัว ตะหลิวในมือที่กำลังทำข้าวผัดจักรพรรดิ์อยู่นั้นก็หลุดออกจากมือก่อนที่ตัวของเชฟจะล้มลงไปกองกับพื้นภายในพริบตา เมื่อคนอื่น ๆ วิ่งกรูกันเข้ามาช่วยปฐมพยาบาลเบื้องต้นก็พบว่าชีพจรของเชฟเต้นแผ่วมาก สักพักหัวใจก็หยุดทำงานไปอย่างเฉียบพลัน เลือดไม่สามารถไปเลี้ยงอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกายได้ ทำให้เสียชีวิตลงในที่สุด

….พระตำหนักเย็น… “เจี่ยหลีฟางกุ้ยเฟยเพคะ ฮึก….อย่าทรงเป็นอันใดไปเลยนะเพคะ ฮือ….” นางกำนัลที่เข้ามาเห็นเหตุการณ์รีบกราบทูลฮ่องเต้ให้ส่งหมอหลวงมาถวายการรักษากุ้ยเฟยโดยด่วน และในตอนนี้กุ้ยเฟยยังนอนไม่ได้สติอยู่บนที่นอนในตำหนักเย็น โดยมีนางกำนัลทั้งสองนั่งเฝ้าแนบข้างไม่ห่างมีเสียงร่ำไห้ดังไม่ขาดสาย เนื่องจากนางกำนัลทั้งสองถวายการรับใช้กุ้ยเฟยอย่างใกล้ชิดตั้งแต่ได้รับการแต่งตั้ง

และในที่สุดปาฏิหาริย์ก็มีจริง “แค่ก ๆ” กุ้ยเฟยฟื้นคืนสติขึ้นมา หนึ่งในนางกำนัลรีบรินน้ำให้กับกุ้ยเฟยได้ดื่มในทันที “ทรงดื่มน้ำก่อนนะเพคะเจี่ยหลีฟางกุ้ยเฟย” นางกำนัลป้อนน้ำดื่มให้กับกุ้ยเฟยดื่มหลายอึก พอกุ้ยเฟยได้สติมากขึ้นก็เอ่ยคำขอบคุณออกมา “ขอบใจนะ”

“หม่อมฉันยินดีถวายการรับใช้เพคะเจี่ยหลีฟางกุ้ยเฟย”

“….ว่าไงนะ?” กุ้ยเฟยดีดตัวลุกขึ้นนั่งบนที่นอน แล้วเบิกตาโพลงมองดูรอบข้าง ก่อนจะเปล่งเสียงร้องออกมาลั่นตำหนักเย็น “กรี๊ดดดดดดดด” นางกำนัลและขันทีตกใจจนทำอะไรไม่ถูก รีบเข้ามาดูอาการกุ้ยเฟยอย่างใกล้ชิดกว่าเดิม ลังเลว่าจะไปตามหมอหลวงดีหรือไม่

“เจี่ยหลีฟางกุ้ยเฟยเป็นอะไรไปเพคะ” นางกำนัลกล่าวถามอย่างร้อนใจ กุ้ยเฟยเงียบเสียงลงแล้วมองหน้านางกำนัลกับขันทีอย่างเต็มตากือบหนึ่งเค่อก่อนจะเอ่ยถามออกมาด้วยความงุนงง “พวกคุณเป็นใคร”

“พวกเจ้าทั้งสอง เจี่ยหลีฟางกุ้ยเฟยเป็นอันใดไป ทูลฝ่าบาทและตามหมอหลวงมาตรวจอาการดีหรือไม่” นางกำนัลตงเอ๋อร์ เอ่ยถามนางกำนัลอี๋เหวินและขันทีจางกง ทั้งสามคนมองหน้ากันอย่างคิดหนักเพราะเวลานี้จะทำอันใดก็ติดขัดเนื่องจากกุ้ยเฟยอยู่ในช่วงถูกทำโทษ

“โถ่….เจี่ยหลีฟางกุ้ยเฟย หม่อมฉันสงสารกุ้ยเฟยยิ่งนัก” นางกำนัลตงเอ๋อร์เอ่ยเสียงเศร้า

เจี่ยลี่อิงในร่างกุ้ยเฟยคิดทบทวนเรื่องราวทั้งหมด จิตสุดท้ายของเธอจำได้ว่าเธอนั้นหัวใจวายเฉียบพลัน แล้วเธอมาโผล่อยู่ที่เมืองโบราณแห่งนี้ได้ยังไง หรือว่า….ทะลุมิติ นี่เธอทะลุมิติย้อนกลับมาอยู่ที่เมืองโบราณอย่างที่เคยดูละครในโทรทัศน์อย่างนั้นเหรอ….นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน ฝัน….ต้องฝันเป็นแน่

เพี๊ยะ! เพี๊ยะ! “อะ โอ๊ย เจ็บ” เจี่ยลี่อิงตบหน้าตัวเองหวังให้ตื่นจากฝัน แต่กลับรู้สึกเจ็บจริงเสียอย่างนั้น

“เจี่ยหลีฟางกุ้ยเฟยทรงอย่าทำร้ายตัวเองอีกเลยนะเพคะ” นางกำนัลตงเอ๋อร์เห็นว่ากุ้ยเฟยทำร้ายตัวเองอีกแล้วจึงรีบเอ่ยห้าม

ส่วนเจี่ยลี่อิงในร่างกุ้ยเฟยเมื่อรู้ตัวว่าตัวเองทะลุมิติมาเมืองโบราณเป็นแน่ จึงคิดทำใจในช่วงเวลาอันน้อยนิดให้ได้ แล้วเลือกที่จะตามน้ำไปก่อน

“….พวกเจ้าชื่ออะไรกันบ้าง” เจี่ยลี่อิงเอ่ยถามชื่อนางกำนัลและขันทีทั้งสามคนด้วยหัวใจที่เต้นตึกตัก ซึ่งเป็นประโยคเดียวที่คิดได้ในตอนนี้

“หม่อมฉันชื่อตงเอ๋อร์เพคะ”

“หม่อมฉันชื่ออี๋เหวินเพคะ”

“กระหม่อมชื่อจางกงพ่ะย่ะค่ะ”

ผู้รับใช้ทั้งสามผลัดกันพูดชื่อของตัวเองทีละคน เจี่ยลี่อิงมองทั้งสามอย่างพิจารณาว่าควรจะทำตัวเช่นไรต่อจากนี้….คำซ้ำ ๆ อยู่ในหัวว่านี่มันเรื่องบ้าบออะไรกัน

อ่านต่อ

หนังสืออื่นๆ ของ จิรัฐติกาล

ข้อมูลเพิ่มเติม
ย้อนเวลามาพร้อมกับมิติของอนาคต

ย้อนเวลามาพร้อมกับมิติของอนาคต

โรแมนติก

5.0

หนิงอวี่ นักวิทยาศาสตร์สาวคนเก่ง ที่ต้องการทดลองเกี่ยวกับการข้ามมิติจากปัจจุบันสู่อดีต ซึ่งเธอนั้นได้ทำการทดลองเรื่องนี้มาร่วมสองปีแล้ว จนกระทั่งวันหนึ่งมีของตกจากฟ้ากลายเป็นกำไลหยกสีเขียวประกาย เธอจึงเข้าไปทดลองข้ามมิติเป็นครั้งสุดท้าย หากไม่ได้ก็จะล้มเลิกการทดลองนี้ แต่ใครจะคิดว่ามันจะนำพาเธอไปยังห้วงมิติแห่งหนึ่ง ข้ามไปแล้วเธอยังสามารถเอาของที่อยู่ในห้องทดลองออกมาได้ งานนี้ทั้งขนมขบเคี้ยว ข้าวสาร ปลากระป๋องสำเร็จรูปก็ข้ามมิติทำให้เธอไม่อดตายอีกแล้ว *************************** "ถ้าคุณหนูยอมกินข้าวจนหมด บ่าวจะนำเอาลูกอม รสนมให้ด้วยเจ้าค่ะ" "ลูกอมรสนมคือสิ่งใด?" "ขนมอย่างหนึ่งที่ทำมาจากน้ำตาลกวนกับนม ทั้งอมและเคี้ยวได้ หนุบหนับ รสชาติหวานและมีกลิ่นหอม รสชาติเป็นเลิศอย่างมากเจ้าค่ะ" หนิงอวี่บรรยายจนลี่ซือน้ำลายสอในปาก ถึงแม้ว่าจะเอาแต่ใจแค่ไหนแต่ก็ยังเป็นเด็กน้อยอายุเพียงห้าขวบอยู่ดี ******************* นิยายสนุกอบอุ่นหัวใจ กับของวิเศษไม่จำกัดแบบฟิน...

หย่าทวงแค้น

หย่าทวงแค้น

โรแมนติก

5.0

ความเจ็บช้ำกว่าการ “หย่า” ยังมีอะไรอีก นอกจากถูกคนที่รักหลอกไป “ฆ่า” ให้ตายทั้งเป็น **************** โง่แล้วยังทำเหมือนเดิม เขาเรียกว่าโง่ไร้สติ โง่แล้วกลายเป็นความแค้น เขาถึงเรียกว่าฉลาด มาดูกันว่าการกลับมาของเธอในครั้งนี้ จะทำให้เขาจดจำเธอในรูปแบบไหน ภรรยาที่ดี หรือ ภรรยาที่ตอบแทนอย่างสาสม!! ************************* รมินตามองไปยังรูปภาพแต่งงานบนฝาผนัง ภาพที่มีรอยยิ้มและ แววตาความรักนั้น เหตุใดวันนี้ถึงได้เศร้านักก็ไม่เข้าใจ เธอนั่งรอเขาราวครึ่งชั่วโมงก็ได้ยินเสียงรถที่ขับมาอย่างรวดเร็ว และเสียงเบรกกะทันหันทำให้เธอเดินไปที่หน้าต่างแล้วชะโงกมอง เมื่อเห็นว่าเป็นธาวินผู้เป็นสามีเธอก็รีบลงจากชั้นสอง “ทำไมขับรถเร็วขนาดนั้นคะ ถ้าเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาจะทำยังไง” “นี่คุณแช่งผมให้ตายเหรอ” คิ้วรมินตาขมวด “ตาไม่ได้หมายความแบบนั้น แต่ตาเป็นห่วงคุณต่างหาก” “คุณห่วงชีวิตคุณเองจะดีกว่า ว่าคืนนี้คุณจะนอนไหน” แววตาคนเป็นภรรยาไม่แน่ใจว่าได้ยินผิดหรือเปล่า จึงถามเขาย้ำอีกครั้ง “คุณว่าอะไรนะคะ ตาไม่เข้าใจ” “โธ่เว้ย ทำไมถึงโง่ขนาดนี้ ผมกำลังขอหย่ากับคุณยังไงเล่า” ไม่พูดเปล่า อีกฝ่ายยังยกนิ้วขึ้นชี้หน้าผากเธอ จนเธอที่ตั้งสติไม่ได้เซถอยหลังจนล้มลง “รีบเซ็นใบหย่าแล้วออกไปจากบ้านของฉัน” “คุณหมายความว่ายังไง” “ก็หมายความว่าบ้านหลังนี้ หุ้นที่บริษัท โรงแรม ล้วนเป็นของผมหมดแล้ว ดังนั้นคุณก็หมดความหมาย รีบไสหัวไปซะ ก่อนที่ผมจะแจ้งข้อหาบุกรุกกับคุณ” “คุณ คุณทำกับตาแบบนี้ได้ยังไงกัน”

เดือนแสนจันทร์

เดือนแสนจันทร์

โรแมนติก

5.0

แสนจันทร์เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวที่เลี้ยงลูกสองขวบเพียงลำพัง เป็นเพราะเศรษฐกิจกำลังพัง เธอจึงถูกไล่ออกจากงาน จึงคิดหมายหาอาชีพใหม่ที่เธอสามารถเลี้ยงลูกได้ สุดท้ายเธอก็พบว่า อาชีพนักเขียน เป็นอาชีพที่ดี เธอจึงตั้งใจเขียนนิยายเรื่องแรกด้วยความตั้งใจ หนทางหาเลี้ยงครอบครัวดูเหมือนจะได้ดีขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อนิยายของเธอได้รับคำชมจากคนอ่านมากมาย แต่แล้ววันหนึ่งเธอก็ถูกนักเขียนรุ่นใหญ่กล่าวหาว่า ลอกเลียนแบบนิยายของเธอ มีคนมารุมด่าประจานเธอมากมาย หากแต่เธอเพียงพยายามถามถึงหลักฐาน แต่อีกฝ่ายก็เอาทนายมาขู่อย่างเดียวแต่ไม่ส่งอะไรมาให้เลย จนสุดท้ายแล้วเธอก็ต้องยอมรับผิดเพียงเพราะไม่มีเงิน ทั้งที่เธอไม่เคยอ่านนิยายของอีกฝ่ายด้วยซ้ำ ผิดที่ตัวเธอไม่มีแรงสู้ ผิดที่ตัวเธอไม่มีเงินพอที่จะปกป้องอาชีพที่เธอเริ่มรักมัน ผิดที่เธอทำให้คนข้างตัวต้องผิดหวัง สายตามองไปยังคานไม้บนบ้าน มองไปยังค่าบ้านที่ค้างมาสามเดือน จึงมองหาเชือกมาผูกไว้ข้างบนคิดหมายจะฆ่าตัวตาย สองเท้าก้าวขึ้นเก้าอี้ไม้กลม เหยียบขึ้นไปด้วยหัวใจที่แตกสลาย สองมือจับเชือกแล้วคิดจะฆ่าตัวตาย จังหวะที่เชือกกำลังรัดคอนั้น เสียงลูกสาวตัวน้อยก็ร้องดังขึ้นมา เธอที่กำลังจะตายเห็นแบบนั้น น้ำตาก็ร่วงหล่นลงแก้มอาบหน้า ใช้เท้าผละเก้าอี้ล้มเสียงดัง เสียงเด็กน้อยร้องไห้ดังจนคนด้านนอกได้ยิน จังหวะที่เธอคิดจะตายนั้น จู่ ๆ ก็มีผู้ชายใส่สูทคนหนึ่งถีบประตูเข้ามา จากนั้นก็ช่วยเธอหลุดพ้นจากความตาย.... และเขาก็คือแสงสว่างของเธอ ทนายหนุ่มข้างบ้านที่จะเข้ามาช่วยให้ สองคนแม่ลูกพบเจอแต่สิ่งที่สวยงาม

ผมทำอาหารอร่อยนะไม่กินจริงๆ เหรอ ยุค 70

ผมทำอาหารอร่อยนะไม่กินจริงๆ เหรอ ยุค 70

โรแมนติก

5.0

หรูเจี่ยเป็นเพียงนักร้องกลางคืนในยุค 70 ช่วงที่ญี่ปุ่นเริ่มเข้ามายึดครองเซี่ยงไฮ้ ในระหว่างที่เธอต้องพยายามดิ้นรนเอาตัวรอดจากการขายให้นายพลญี่ปุ่น หรูเจี่ยก็หันไปมองตรงข้ามห้องชั้นสอง ได้กลิ่นซาลาเปาร้อนๆ หอมลอยแตะจมูก พลันเธอก็คิดได้ว่าต้องทำยังไง จึงจำต้องทำเป็นป่วยไม่ยอมกินอะไร เพื่อที่จะให้เถ้าแก่ร้านอ้วนพีที่อยู่ฝั่งตรงกันข้ามมาส่งอาหารให้เธอ แต่เพราะแผนการเลยทำให้เธอกินได้เพียงสองคำ ทั้งที่ท้องของเธอเรียกร้องอาหารอร่อยนั้นแทบขาดใจ เธอจะสามารถหนีพ้นชะตากรรมนี้ได้ไหม แล้วบุรุษอ้วนพีจะช่วยเธอได้หรือเปล่ามาลุ้นกัน

สืบแค้นบัลลังก์เลือด

สืบแค้นบัลลังก์เลือด

โรแมนติก

5.0

เพราะพี่สาวของนางต้องตายอย่างปริศนา ทำให้เหมยลู่อิงต้องเข้าวังเพื่อสืบหาความจริง แต่ภายใต้อันตรายนั้นกลับพบว่าในวังหลวงนั้นอันตรายไม่แพ้กัน มีคลื่นลมแห่งความแค้นพร้อมแย่งชิงบัลลังก์เลือดนั้น ไม่สนว่าต้องพรากวิญญาณผู้ใด นางจะเอาตัวรอดได้หรือไม่ ในเมื่อมังกรที่ยิ่งใหญ่ในวังหลวงนั้นไม่ได้หลอกง่ายอย่างที่คิด เหมือนเขาจะว่างงาน เพราะผ่านไปแค่สามวัน “...” เหมยลู่อิงมองข้าวของที่กองอยู่ตรงหน้า คนผู้นี้ต้องการอะไรกันแน่ จะแกล้งนางไม่เลิกเลยหรือไง ส่งของบรรณาการผ้าแพรสวยงามมาให้นาง แล้วจะให้นางใช้เล่ห์กลอะไรปฏิเสธได้อีก สรุปจะให้นางถูกรุมตายแน่ๆ สตรีทั้งหลายต่างมองตาเป็นมัน ความประหลาดของฝ่าบาทนี้ทุกคนเริ่มชิน ไม่เคยเรียกนางเข้าเฝ้า แต่ก็ขยันส่งของมาให้ คราก่อนเป็นรังนก นางก็เอาถวายเจ้าแม่กวนอิม มาครานี้ถึงกับส่งเสื้อสตรีมา คงคิดว่านางเอาไปถวายไม่ได้น่ะสิ ฉินกงกงพูดแล้วก็ยิ้ม เมื่อเห็นสีหน้ากลืนไม่ได้เข้าคายไม่ออกของนาง “คืนพรุ่งนี้ฮองเฮาจะมีงานเลี้ยงน้ำชาเหล่าสนมนางใน ฝ่าบาทจะเสด็จด้วย จึงพระราชทานชุดบรรณาการให้ตาอิ้งโดยเฉพาะ” ไม่ต้องย้ำคำว่าโดยเฉพาะก็ได้ คืนพรุ่งนี้มีงานเลี้ยงเลยมีความประสงค์จะให้นางสวมชุดบรรณาการ ไม่ส่งมีดมาเลยล่ะ กะว่าจะให้นางโดนรุมในวัง นางไปทำเวรทำกรรมอะไรกับฮ่องเต้คนนี้นะเนี่ย จะบ้าตาย

หนังสือที่คุณอาจชอบ

ผัวท่านประธาน ปล่อยฉันเถอะ!

ผัวท่านประธาน ปล่อยฉันเถอะ!

โรแมนติก

4.7

ในคืนวันเกิดอายุยี่สิบสองปี ลี่เฉี่ยนโลว่ถูกแฟนหนุ่มวางยา และไปมีอะไรกันกับซือจิ้นเหิง ผู้ชายลึกลับคนหนึ่งตลอดทั้งคืน วันรุ่งขึ้นเธอพบว่าครอบครัวเธอถูกทำลายจนไม่มีอะไรเหลือ เธอแต่งงานกับจิ้นเหิง ได้รับการคุ้มครองจากเขา และใช้เขาเพื่อแก้แค้น "ฉันเป็นภรรยาที่ถูกกฎหมายของเขา" แม้ว่าแม่สามีของเธอจะไม่ยอมรับ แม้ว่าแฟนสาวที่เป็นซุปเปอร์สตาร์ของเขาจะตามมาอยู่ด้วยกัน เธอก็ยังคงยืนยันอยู่อย่างนั้น เธอแท้งโดยบังเอิญ แต่เขากลับเข้าใจผิดว่าเธอไม่อยากมีลูกกับเขา และด้วยความเข้าใจผิดต่าง ๆ อีกหลายหย่าง เธอเลือกที่จะกระโดดลงทะเลเพื่อฆ่าตัวตาย หลายปีต่อมา เมื่อเธอกลับเข้ามาในชีวิตของเขาอีกครั้ง เขาถึงกับตกตะลึง ชายคนนี้ได้สิ่งที่ต้องการจากเธอแล้ว แต่เธอไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงยังรังควานและทรมานเธอต่อไป

คุณพ่อของหนูเป็นท่านประธาน

คุณพ่อของหนูเป็นท่านประธาน

โรแมนติก

4.9

หลังจากถูกแฟนหนุ่มและเพื่อนสนิทของเธอจัดฉาก เฉี่ยนซีก็จบลงด้วยการใช้เวลาทั้งคืนกับชายแปลกหน้าลึกลับคนนั้น เธอมีความสุขมาก แต่พอเธอตื่นขึ้นมาในเช้าวันรุ่งขึ้น เธอก็รู้สึกแย่กับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืน อย่างไรก็ตาม ความรู้สึกผิดทั้งหมดของเธอถูกชะล้างออกไป เมื่อเธอเห็นใบหน้าของชายที่นอนอยู่ข้างเธอ เธอจึงเอ่ยด้วยเสียงเบา ๆ ที่ว่า  “ผู้ชายอะไร ทำไมหล่อจัง” และเธอก็ต้องตกใจกับสิ่งที่เห็น ความผิดของเธอกลายเป็นความละอายใจโดยทันที และมันทำให้เธอตัดสินใจทิ้งเงินจำนวนหนึ่งไว้ให้ชายผู้นั้นก่อนที่เธอจะจากไป "เจ๋อข่าย"  รู้สึกประหลาดใจเมื่อเห็นเงินดังกล่าว พร้อมกับคิดว่า ‘ผู้หญิงคนนั้นพยายามจะจ่ายเงินให้ฉัน ราวกับว่า ฉันเป็นผู้ชายขายบริการอย่างนั้นหรอ? ’ เขารู้สึกโกรธ จึงต้องการดูภาพจากกล้องวงจรปิดของโรงแรม เขาสั่งผู้ช่วยของเขาด้วยใบหน้าที่จริงจังพร้อมขมวดคิ้ว “ผมอยากรู้ว่า ใครอยู่ในห้องของผมเมื่อคืนนี้” ‘อย่าให้เจอนะ ถ้าเจอเมื่อไหร่จะสั่งสอนให้เข็ดเลย! ’ เรื่องราวของพวกเขาจะเป็นอย่างไรต่อไปนะ

เด็กร่านของเฮียเดช

เด็กร่านของเฮียเดช

โรแมนติก

5.0

สาเหตุที่เขาได้ดูแลเด็กคนนี้นั่นเป็นเพราะพ่อแม่ของเอยและพี่ชายของเอยเป็นเพื่อนสนิทของเขา ครอบครัวเอยจากไปด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ตั้งแต่เอยอายุได้เพียงสิบขวบเท่านั้น ญาติของเอยก็ไม่มีใครเหลียวแลทำให้เขาซึ่งสนิทกับครอบครัวของเอยที่เห็นเอยมาตั้งแต่เล็ก ๆ เกิดความสงสารจึงได้ขอให้พ่อแม่ของเขารับเอยมาเลี้ยงดู และพ่อแม่ของเขาก็ตกลง หลังจากนั้นพ่อแม่ของเขาก็ย้ายไปอยู่ต่างประเทศ จึงทิ้งให้เขาและเอยอยู่ด้วยกันที่เมืองไทยตามลำพัง นับตั้งแต่นั้นเขาก็กลายเป็นพี่ชายของเอยเต็มตัว แต่วันนี้เมื่อเอยโตขึ้น เธอกลับไม่เห็นบุญคุณและคิดจะจากเขาไปง่าย ๆ ทั้ง ๆ ที่นับวันเขาจะรักเธอจนกระทั่งถอนตัวไม่ขึ้นและเฝ้ารอเธอเติบโตมานานขนาดนี้ ++++++ “อ๊า...เฮียอย่านะ อย่าทำหนู” สาวน้อยส่งเสียงครางเล็ดลอดออกมาเพราะความเสียวซ่าน และเอ่ยห้ามแต่น้ำเสียงของเธอคล้ายกระตุ้นเขายิ่งขึ้นไปอีก “เอยอยากใช่หรือเปล่า หนูก็ต้องการเฮียใช่ไหม” “ไม่...อย่านะเฮีย หนูไม่ได้ต้องการเฮีย เฮียเป็นพี่ชายหนูนะ” “ต่อไปเฮียจะเป็นผัวหนู แล้วจะเอาหนูแรง ๆ ให้หนูไปไหนไม่ได้ต้องร้องหาเฮียเท่านั้น” คำพูดของเขาทำให้เอยหวาดกลัว แต่ในความรู้สึกนี้กลับมีความอยากรู้อยากเห็นอย่างประหลาด หญิงสาวผลักเขาออกเมื่อธนเดชดึงชุดนอนของเธอจนขาด แต่แรงของเขามีมากกว่าตอนนี้เธอจึงยืนเปลือยต่อหน้าเขา เอยยืนน้ำตาไหลพราก เมื่อเขาเห็นเขาจึงเหยียดยิ้มมุมปากอย่างผู้ชนะ “ฉันเกลียดแก อื้อ อื้อ”

ท่านแม่ทัพข้าคือศรีภรรยา NC25+

ท่านแม่ทัพข้าคือศรีภรรยา NC25+

โรแมนติก

5.0

องค์หญิงสิบสามนามหลินฮุ่ยหมินสตรีผู้ที่งดงามโดดเด่นไม่เป็นรองผู้ใดแต่กลับมีฐานะต่ำต้อยในวังหลวงด้วยพระมารดาเสียชีวิตตั้งแต่นางยังเด็ก ท่ามกลางความคับแค้นใจนางยังต้องคำสาปร้ายต้องกลายร่างเป็นสัตว์ทุกคืนวันพระจันทร์เต็มดวง เขาคือ หยางเอ้อหลาง แม่ทัพหนุ่มผู้มีความสามารถรูปโฉมสง่างามและเป็นวีรบุรุษคนสุดท้ายของสกุลหยาง ทั้งยังเป็นที่รักเคารพของชาวเมือง ทว่าด้วยความสามารถและตำแหน่งใหญ่โต ฮ่องเต้มิอาจวางใจจึงได้คิดกำจัดเขาให้พ้นตำแหน่งเสีย โดยมอบสมรสพระราชทานให้หยางเอ้อหลางกับพระธิดาของตน เดิมทีชีวิตของคนสองคนย่อมไม่บรรจบ เมื่อสตรีที่หมายหมั้นกับหยางเอ้อหลางคือองค์หญิงใหญ่ที่ปักใจรักเขาตั้งแต่เยาว์วัย ทว่าเรื่องไม่เป็นเช่นนั้น เมื่อคนทั้งคู่เกิดอุบัติเหตุจนคนเข้าพิธีสมรสกลายเป็นองค์หญิงสิบสาม ท่ามกลางความหวาดกลัวขององค์หญิงสิบสามที่กลัวความลับจะเปิดเผย ท่ามกลางหยางเอ้อหลางที่พยายามพาสกุลหยางให้รอดพ้น ท่ามกลางการแตกหักของความสัมพันธ์พี่น้องที่แสนรักใคร่ระหว่างองค์หญิงใหญ่และองค์หญิงสิบสามเพราะบุรุษเพียงผู้เดียว หลินฮุ่ยหมินจะทำเช่นใด เพื่อจะยุติเรื่องราวน่าเวียนหัวนี้

ซีอีโอผู้อ่อนแอต้องง้อเธอทุกวัน

ซีอีโอผู้อ่อนแอต้องง้อเธอทุกวัน

โรแมนติก

5.0

เซิ่งหนานหยินเกิดใหม่แล้ว ชาติที่แล้ว เธอถูกชายชั่วหักหลัง ถูกชายเสแสร้งใส่ร้าย โดนครอบครัวสามีเล่นงาน จนทำให้เธอล้มละลายและเป็นบ้าไป ในท้ายที่สุด เธอเสียชีวิตอย่างน่าสลดใจด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อเธอตั้งครรภ์ได้ 9 เดือน แต่คนร้ายกลับทำเงินได้มากมาย และใช้ชีวิตทั้งครอบครัวอย่างมีความสุข เกิดใหม่ครั้งนี้ เซิ่งหนานหยินคิดตกอล้ว อะไรที่ว่าพระคุณช่วยชีวิต คนรักในใจอะไรกัน ล้วนไม่ต้องไปสน เธอจะจัดการชายชั่วหญิงร้าย สร้างชื่อเสียงให้กับตระกูลเก่าของตนเองขึ้นมาใหม่อีกครั้งและนำตระกูลเซิ่งไปสู่จุดสูงสุดของชีวิต สิ่งที่แตกต่างออกไปก็คือ คนที่หยิ่งมาตลอดในชาติที่แล้ว กลับเป็นฝ่ายริเริ่มมาหาเธอ "เซิ่งหนานหยิน การแต่งงานครั้งแรกผมไม่ทัน การแต่งงานครั้งที่สองก็ต้องถึงคิวผมแล้วสินะ"

ทะลุมิติมาเป็นภรรยาตัวน้อยของสามีพิการ

ทะลุมิติมาเป็นภรรยาตัวน้อยของสามีพิการ

ประวัติศาสตร์

4.8

เจ้าของร่างเดิมถูกท่านย่าตัวเอง ขายให้ชายพิการด้วยเงินเพียงห้าตำลึง จึงคิดสั้นไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทำให้วิญญาณของเซี่ยซือซือทะลุมิติมาเข้าร่างแทน ชีวิตในโลกนี้บิดามารดาล้วนตายไปแล้ว เหลือเพียงน้องสาวกับน้องชายร่างกายผอมแห้งหิวโซสองคน เธอต้องช่วยพวกเขาให้รอด ก่อนจะถูกคนชั่วพวกนี้ขายทิ้งไปแบบเธอ 1 : ทะลุมิติ แคว้นจ้าว หมู่บ้านตระกูลแซ่อวี่ ภายในบ้านสกุลเซี่ย “ท่านพี่รีบกินเร็วเข้า” เสียงเด็กเล็กดังก้องอยู่ข้างหูอย่างน่ารำคาญ ว่าแต่ฉันมีน้องชายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน รู้สึกได้ถึงอะไรแข็ง ๆ มาแตะที่ริมฝีปาก ทว่ายังลืมตาไม่ขึ้น “ท่านพี่กินสิ ๆ” เซี่ยซือซือรู้สึกหนักอึ้งไปทั้งศีรษะ พยายามที่จะเปิดดวงตาขึ้นมอง เจ้าของเสียงเล็ก ๆ ด้านข้าง “ท่านพี่ ๆ ท่านพี่อย่าตายนะ ลืมตาสิท่านพี่” “นังตัวดีออกมาเดี๋ยวนี้นะ !” เสียงเอะอะโวยวายดังหนวกหูเซี่ยซือซือเป็นอย่างมาก ปัง ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นเรื่อย ๆ เซี่ยซือซือลืมตาขึ้นจนได้ พลันสมองกลับมีเรื่องราวพรั่งพรูเข้ามาไม่ขาดสาย จนต้องกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด อ๊าก ! “พี่รอง !” เด็กน้อยเซี่ยซือหยางในวัยสามหนาวเรียกพี่สาวพร้อมเบะปากอยากร้องไห้ “ท่านพี่ !” เซี่ยซานซานทิ้งบานประตูที่ตัวเองดันไว้ หันกลับมาดูพี่สาวด้วยความตกใจ “ท่านพี่ ๆ ท่านเป็นอะไร อย่าทำให้พวกข้าตกใจสิท่านพี่ !” ผลัวะ ! มีคนถีบประตูบานเก่าผุพังเข้ามาภายในห้อง เด็กทั้งสองรีบเข้าไปขวางผู้บุกรุกไม่ให้ทำร้ายพี่สาว แม่เฒ่าเซี่ย เซี่ยจิ่วเม่ย หน้าตาแลดูดุร้าย ไม่ใช่หญิงชราใจดีแต่อย่างใด ด้านหลังของแม่เฒ่าเซี่ยยังมีลูกสะใภ้บ้านใหญ่ กับบ้านรองเดินตามมา ท่าทางดุดันเอาเรื่อง “ไอ้พวกบ้านสามตัวดี กล้าลักขโมยอาหารเอาไว้กินเอง ยังเห็นแม่เฒ่าอย่างข้าอยู่ในสายตาหรือไม่ ไอ้พวกหมาป่าตาขาว ดูซิวันนี้ข้าจะจัดการพวกเจ้าอย่างไร” “ท่านย่าพวกข้าไม่ได้ขโมยนะ นี่เป็นหมั่นโถวของท่านพี่ ท่านพี่ไม่สบายข้าแค่เก็บไว้ให้ท่านพี่เท่านั้นเอง” เซี่ยซานซานยังเป็นเด็กหญิงวัยสิบหนาว แต่นางข่มความกลัวตอบโต้ผู้ใหญ่ในบ้านออกไป “หึ กฎบ้านก็มีบอกอยู่แล้วถ้าพลาดมื้ออาหารไปก็คืออด แต่พวกเจ้ากลับแหกกฎ แอบยักยอกอาหารเก็บไว้กินเอง ยังมีหน้ามาเถียงท่านแม่อีก ท่านแม่ท่านต้องลงโทษคนบ้านสามนะเจ้าคะ ไม่เช่นนั้นข้าไม่ยอมจริง ๆ ด้วย ตอนนั้นยวี่เฟยของข้านางได้พลาดมื้อเย็นไป ท่านก็ไม่ให้นางกินนะเจ้าคะ” สะใภ้บ้านรองนามว่าจงอี้ซิน ย้อนรำลึกถึงเรื่องลูกสาววัยแปดปีของตัวเองขึ้นมา “ดูเจ้าเด็กพวกนี้สิท่านแม่ กางแขนปกป้องพี่สาวตัวเอง ช่างน่าสมเพชไม่รู้จักสำเหนียกกำลังตัวเอง ถุย !” หลินพ่านเอ๋อสะใภ้บ้านใหญ่มองดูเด็กทั้งสองพร้อมถ่มน้ำลายใส่ตรงหน้า แม่เฒ่าเซี่ยมองลูกสะใภ้ทั้งสองสลับกันไปมา เดินตรงไปกระชากหมั่นโถวเย็นชืดแถมแข็งปานหิน ออกจากมือของเซี่ยซือหยาง “แง ๆ ๆ” เด็กน้อยถูกแย่งของกินของพี่สาวไป ถึงกับแผดเสียงร้องลั่น “เจ้าคนชั่ว ! เอามานะ ของท่านพี่ข้า” กำปั้นน้อย ๆ ทุบไปยังต้นขาของแม่เฒ่เซี่ย “เจ้าเด็กเนรคุณกล้าตีข้ารึ นี่นะ !” แม่เฒ่าเซี่ยเตะทีเดียวเซี่ยซือหยางก็กระเด็นไปติดกับผนังห้อง “น้องเล็ก !” เซี่ยซานซานรีบวิ่งไปอุ้มน้องชายขึ้นมากอดไว้ด้วยความตกใจ “ท่านย่า น้องเล็กยังเด็กไม่รู้ความ เหตุใดท่านถึงได้ใจร้ายเช่นนี้” “แง ๆ ๆ” เสียงร้องไห้ของเด็กน้อยฟังแล้วน่าสงสารจับใจ ดวงตาที่ปิดไว้ก่อนหน้าของเซี่ยซือซือ ลืมขึ้นหลังจากค้นพบว่า ตัวเองได้ทะลุมิติมายังอดีตอันไกลโพ้นแล้วจริง ๆ หลังจากหลับตาลืมตาอยู่หลายหน เรียบเรียงความคิดที่ไหลเข้ามาไม่ยอมหยุด เมื่อค่อย ๆ จัดการกับมันได้ ความเจ็บปวดที่ศีรษะก่อนหน้าจึงบางเบาลง และมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างเฉยชา ครบสูตรของการทะลุมิติจริง ๆ มีท่านย่าผู้ชั่วร้าย ขนาบข้างด้วยป้าสะใภ้เลวทั้งสอง ครั้นหันไปมองน้องสาวในวัยสิบขวบของตัวเองกับน้องชายตัวน้อย ทั้งตัวดำเมี่ยมเหมือนไม่ได้อาบน้ำมาเป็นเดือน ร่างกายผอมแห้งเหลือแต่กระดูก เสื้อผ้าเก่าขาดมีรอยปะชุนเต็มไปหมด เส้นผมแห้งกรังเหมือนไม่ผ่านน้ำมานาน ยกมือของตัวเองขึ้นมาดู ไม่ได้มีสภาพต่างกันแม้แต่น้อย ครั้นเงยหน้ามองป้าสะใภ้ใหญ่ร่างกายอวบอ้วนเต็มไปด้วยก้อนไขมัน ป้าสะใภ้รองแม้ไม่ได้อ้วนแต่ก็ไม่ได้ผอม ยิ่งแม่เฒ่าเซี่ยด้วยแล้ว ร่างกายบึกบึนเหมือนคนกินดูอยู่ดีมาตลอด “ท่านแม่ดูอาซือมองท่านสิเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่เห็นสายตาเย็นเยียบของคนที่นอนอยู่บนเตียงก็อดแปลกใจไม่ได้ ดูเยือกเย็นจนไม่น่าไว้ใจ “เจ้าอย่าคิดว่ากระโดดน้ำตายแล้วทุกอย่างจะจบนะอาซือ ข้ารับเงินคนบ้านถานมาแล้ว ถ้าเจ้าตายข้าจะให้อาซานไปแทนเจ้า” คำพูดของแม่เฒ่าเซี่ยทำให้ดวงตาของเซี่ยซือซือเบิกกว้าง ท่านย่าของนางขายนางให้คนบ้านถานในราคาแค่ห้าตำลึง เจ้าของร่างเดิมไม่อยากไปเป็นเมียคนพิการ เลยไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทว่าเธอที่มาจากยุคปัจจุบันกลับเข้ามาแทนที่เจ้าของร่างนี้ เจ้าของร่างเดิมว่ายน้ำไม่เป็น จึงได้ขาดอากาศตายใต้น้ำ แต่เธอที่เข้ามาสวมร่างกลับพาร่างนี้ขึ้นมาจากน้ำได้ โชคชะตาคงเล่นตลกให้เธอกับเจ้าของร่างเดิมมีชื่อเดียวกัน “ท่านย่าอาซานยังเด็กนัก ท่านอย่าได้ทำเช่นนั้นเลย” นานมากกว่าที่นางจะเอ่ยออกมา “มันอยู่ที่เจ้าอาซือ ข้าขอเตือนเอาไว้ อีกสองวันคนบ้านถานจะมารับตัวเจ้าแล้ว อย่าให้เกิดเรื่องขึ้น ไม่อย่างนั้นข้าจะส่งอาซานไปแทนเจ้า แล้วขายซือหยางทิ้งเสีย” แม่เฒ่าเซี่ยจ้องหน้าเซี่ยซือซือแบบอาฆาต เด็กนี่ก่อนหน้าดูอ่อนแอไร้ทางสู้ ทำไมวันนี้ถึงได้ดูแปลกตาไปนัก “ท่านแม่เจ้าคะ ท่านจะลงโทษคนบ้านสามเรื่องหมั่นโถวนี่อย่างไรเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่ยังไม่ยอมปล่อยสามพี่น้องไปง่าย ๆ “พรุ่งนี้งดอาหารบ้านสาม” แม่เฒ่าเซี่ยเอ่ยแล้วหันหลังเดินออกจากห้องของเด็กน้อยทั้งสามไป โดยมีสะใภ้ใหญ่เดินตามไปด้วย “พวกเจ้าได้ยินแล้วใช่ไหม จำใส่หัวเอาไว้ดี ๆ ด้วยล่ะ” สะใภ้รองหมุนตัวตามหลังไปติด ๆ “ท่านพี่ต่อไปท่านอย่าทำเช่นนี้อีกนะเจ้าคะ ข้ากับน้องเล็กจะทำอย่างไร ถ้าท่านไม่อยู่” เซี่ยซานซานปล่อยเสียงร้องไห้ในทันที

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ