พิมพิกา หรือน้ำพริกเป็นหลานเจ้าของโรงงานน้ำพริก แต่กลับชอบในการเป็นนักเขียน ในตอนที่กำลังจะหมดไอเดียนั้นเธอก็มีความคิดที่จะไปเป็นคนใช้ของพี่ชายเพื่อน คนที่เธอแอบชอบมานาน งานนี้เธอจะได้ไอเดียหรือได้แฟนติดมือมาด้วยไปลุ้นกันค่ะ
พิมพิกา หรือน้ำพริกเดินเหม่อลอยเรื่อยเปื่อยไปตามถนนด้วยความเบื่อหน่าย เธอตั้งใจออกมาหาขนมกินรองท้องก่อนถึงเวลาอาหารเที่ยง แต่เอาเข้าจริงหญิงสาวกลับเดินผ่านร้านสะดวกซื้อใกล้บ้านไปอย่างไม่สนใจใยดี ความจริงเธอยังไม่หิวเท่าไหร่ เพียงแต่รู้สึกเซ็งจนทนนั่งเฉย ๆ อยู่กับบ้านไม่ได้เท่านั้นเอง
จะให้เธอเบิกบานสำราญใจอยู่ได้อย่างไร ในเมื่อนิยายสองเรื่องหลังที่ส่งให้สำนักพิมพ์พิจารณาไม่ได้รับการตีพิมพ์เลยแม้แต่เรื่องเดียว
เฮ้อ...ยิ่งคิดก็ยิ่งกลุ้ม
พิมพิกาเริ่มมีผลงานนวนิยายออกสู่สายตานักอ่านตั้งแต่ยังเรียนอยู่มหาวิทยาลัย ซึ่งแต่ละเรื่องต่างได้รับความนิยมไม่ยิ่งหย่อยไปกว่ากัน จนได้รับการตีพิมพ์ซ้ำหลายครั้ง แต่สองเรื่องหลังสุด บรรณาธิการกลับบอกว่าการผูกเรื่องไม่ชวนให้ติดตามบ้างล่ะ บทรักยังไม่หวือหวาพอบ้างล่ะ ไม่ว่าเพียรแก้ไขอย่างไรก็ยังไม่ผ่านเสียทีจนหญิงสาวเริ่มอ่อนใจ
...หรืออาชีพนักเขียนในฝันจะต้องปิดฉากลงเพียงเท่านี้แล้วหนอ
นี่ถ้าแม่รู้เข้าคงบังคับให้เลิกเป็น ‘นักเขียนไส้แห้ง’ อย่างถาวรแน่
แต่ไหนแต่ไร แม่ก็ไม่เคยเห็นด้วยที่ลูกสาวคนเดียวยืนกรานจะเป็นนักเขียนอาชีพให้ได้อยู่แล้ว
“ไม่ได้นะ! เราจะยอมให้เรื่องอย่างนั้นเกิดขึ้นไม่ได้เด็ดขาด สู้มาถึงขนาดนี้แล้วจะยอมแพ้ง่าย ๆ ได้ยังไง”
พิมพิกาชูกำปั้นขึ้นสูง ตั้งท่าลุกขึ้นสู้ราวกับแม่ทัพใหญ่กำลังลงสนามรบ ทำเอาคนที่เดินผ่านไปผ่านมามองด้วยความงงงันกันเป็นแถว แต่หญิงสาวที่มีโลกแห่งจิตนาการสูงหาสนใจไม่
เธอเป็นนักเขียนนะ...นักเขียน...ถ้าไม่มีนิยายเรื่องใหม่ ๆ ออกมายังจะเรียกตัวเองว่านักเขียนได้อยู่หรือ?
...ฮือ ยิ่งคิดยิ่งเศร้า
สำหรับเรื่องรายได้ พิมพิกาไม่เดือดร้อน เพราะทุกวันนี้เธอได้เงินเดือนจากการช่วยงานที่บ้านอยู่แล้ว แถมถ้าเงินไม่พอใช้ก็ยังขอแม่ได้ไม่อั้น แต่เพราะอยากทำฝันให้เป็นจริง หญิงสาวจึงยังดื้อดึงที่จะเขียนนิยายควบคู่ไปกับการช่วยงานที่บ้านต่อไป และพยายามไม่ใส่ใจกับเสียงบ่นกระปอดกระแปดของแม่กับยายที่ลอยเข้าหูให้ได้ยินไม่เว้นแต่ละวัน
บ้านของพิมพิกาคือโรงงานน้ำพริกแม่ย้อย...น้ำพริกสูตรพิเศษของยายที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วประเทศ แถมตอนนี้กิจการยังเติบโตถึงขั้นส่งน้ำพริกไปขายที่ต่างประเทศเป็นที่เรียบร้อย แม่และยายจึงคาดหวังให้เธอเป็นทายาทสืบทอดกิจการต่อไป
ใช่ว่าหญิงสาวไม่อยากรับช่วงโรงงานน้ำพริกต่อจากครอบครัว เพียงแต่เธออยากทำตามความฝันของตัวเองควบคู่ไปด้วยเท่านั้น
ทำไมพวกผู้ใหญ่ถึงไม่ยอมเข้าใจวัยรุ่นบ้างเลย ทั้งแม่และยายถึงได้ร่วมมือกันคัดค้านหัวชนฝานัก...และไม่ต้องเดาก็รู้ว่าถ้าพ่อยังอยู่ท่านต้องเข้าร่วมกับพรรคฝ่ายค้านทั้งสองเป็นแน่
พ่อของพิมพิกาเป็นตำรวจตระเวนชายแดน ท่านตายในหน้าที่ตั้งแต่เธออายุเจ็ดขวบ หญิงสาวจึงไม่ค่อยมีความทรงจำเกี่ยวกับท่านมากนัก แม้จะมีโอกาสเห็นหน้าพ่อเพียงในภาพถ่าย แต่หญิงสาวก็ไม่ใช่เด็กมีปัญหาอย่างที่ใคร ๆ นึกกลัว เพราะแม่และยายมอบความรักให้เธออย่างเต็มเปี่ยมเสมอมา...จะมามีปัญหาก็ตอนโตนี่ล่ะ
ถ้ายังหาทางแก้ไขต้นฉบับให้ดีกว่านี้ไม่ได้ บุพการีทั้งสองของเธอคงได้สมใจล่ะ...แต่คนอย่างพิมพิกามีหรือจะยอมแพ้ ไม่ว่าอย่างไรเธอก็ต้องหาทางแก้ปัญหานี้ให้ได้...คอยดูสิ
“น้ำพริก...ยายพริก จะเดินไปไหนน่ะ”
เสียงใสคุ้นหูที่ดังออกมาจากบ้านหลังใหญ่ทำให้พิมพิกาหยุดเดิน แล้วหันไปยิ้มแหย่ ๆ ให้เจ้าของเสียงนั้น
“กิ่งนั่นเอง ตกใจหมดเลย...เรากะจะออกมาหาขนมกินน่ะ แต่เดินมาถึงนี่ได้ไงก็ไม่รู้”
“กลุ้มใจอยู่ล่ะสิ โดนคุณแม่ดุเรื่องเขียนนิยายมาอีกหรือไง” กิ่งแก้วดักคออย่างรู้ทัน
พิมพิกากับกิ่งแก้วเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เรียนชั้นอนุบาล และเรียนที่เดียวกันมาตลอดจนกระทั่งจบมหาวิทยาลัย ทั้งคู่จึงเป็นเพื่อนสนิทที่รักและรู้ใจกันเป็นอย่างดี เรียกว่าไม่ต้องอ้าปากก็เห็นลิ้นไก่กันแล้ว
กิ่งแก้วเป็นหญิงสาวรูปร่างอ้วนป้อม ทว่าน่ารักเหมือนตุ๊กตาแก้มยุ้ย ชอบสวมเสื้อผ้าสีสันสดใสแต่มันก็เข้ากับบุคลิกของผู้สวมได้เป็นอย่างดี เธอยิ้มจนตาหยี่ขณะเดินมาเปิดประตูเล็กให้พิมพิกาและเอ่ยชวนว่า
“เข้ามากินขนมในบ้านก่อนสิพริก วันนี้คุณแม่ทำคุกกี้ธัญพืชล่ะ น่าอร่อยเชียว...ความจริงกิ่งก็กำลังคิดว่าจะไปหาพริกที่บ้านอยู่พอดี แต่พริกดันเดินมาซะก่อน ใจเรานี่ตรงกันจริง ๆ เลยนะ”
หญิงสาวเรือนร่างสูงโปร่งก้าวผ่านรั้วเหล็กดัดสีทองอร่ามเข้าไปภายในบริเวณบ้านหลังใหญ่อย่างคุ้นเคยเพราะมาวิ่งเล่นที่นี่ตั้งแต่เล็กเธอจึงสนิทสนมกับครอบครัวนี้เป็นอย่างดี
บิดาของกิ่งแก้วเสียชีวิตเวลาไล่เลี่ยกับบิดาของพิมพิกา กัญญาแม่ของเพื่อนรักจึงกลายเป็นเสาหลักที่ต้องดูแลทั้งธุรกิจส่งออกอะไหล่เครื่องจักร และลูกทั้งสองคนเพียงลำพังเช่นเดียวกับแม่ของเธอ
“ว่าแต่ กิ่งจะไปหาพริกที่บ้านทำไมเหรอ?”
“ทำไม ถ้าไม่มีธุระจะไปหาเพื่อนรักไม่ได้หรือ” สาวร่างอวบแกล้งว่ากระเง้ากระงอดเหมือนเด็ก ๆ
“แหม...ได้สิจ๊ะ ทำไมจะไม่ได้ล่ะ ทำเป็นงอนไปได้ แล้ววันนี้คุณป้าอยู่หรือเปล่าพริกจะได้เข้าไปสวัสดีท่านก่อน”
“ไม่อยู่หรอก” กิ่งแก้วตอบแก้มป่อง “ช่วงนี้คุณแม่ทำงานหนักทุกวันเลย เห็นว่าจะรีบเคลียร์งานที่คั่งค้างอยู่ให้เสร็จ พอพี่วิกกลับมาจะได้ส่งมอบงานต่อได้ทันที แล้วหลังจากนั้นคุณแม่คงจะวางมือแล้วล่ะ” เธอเล่าไปเรื่อยแทบไม่หยุดหายใจ
ชื่อที่เพื่อนเอ่ยออกมาทำให้พิมพิกาหัวใจกระตุก จนเกือบทำให้เธอเดินสะดุดหน้าทิ่มพื้น
“พี่วิก...จะกลับมาแล้วเหรอ”
“แหม...ได้ยินชื่อพี่ชายเราเป็นไม่ได้เชียวนะ” กิ่งแก้วแซวเพื่อนที่กำลังหน้าแดงเหมือนลูกตำลึงสุก
“บ้าไม่ใช่อย่างนั้นซะหน่อย”
“จริงอ่ะ”
“อืม”
“แน่นะ” นิ้วป้อม ๆ โบกไปโบกมาตรงหน้าพิมพิกาอย่างล้อเลียน “ไม่อยากรู้เรื่องของพี่ชายเราแน่เหร๊อ”
“ทำไมเราต้องอยากรู้เรื่องของพี่วิกด้วยล่ะ ไม่ได้เป็นอะไรกันซะหน่อย” แม้จะทำปากแข็ง แต่ในใจกลับอยากรู้เรื่องของชายหนุ่มผู้เป็นรักแรกของตนใจจะขาดรอน ๆ
...แต่เธอไม่ยอมเผยไต๋ให้เสียฟอร์มหรอก
พิมพิกาแกล้งเดินหนีไปอีกทางเพื่อไม่ให้กิ่งแก้วเห็นหน้าแดง ๆ ของตนแล้วเอาไปล้อเลียนได้อีกเป็นคำรบสอง
บทที่ 1 No.1
26/08/2024
บทที่ 2 No.2
26/08/2024
บทที่ 3 No.3
26/08/2024
บทที่ 4 No.4
26/08/2024
บทที่ 5 No.5
26/08/2024
บทที่ 6 No.6
26/08/2024
บทที่ 7 No.7
26/08/2024
บทที่ 8 No.8
26/08/2024
บทที่ 9 No.9
26/08/2024
บทที่ 10 No.10
26/08/2024
บทที่ 11 No.11
26/08/2024
บทที่ 12 No.12
26/08/2024
บทที่ 13 No.13
26/08/2024
บทที่ 14 No.14
26/08/2024
หนังสืออื่นๆ ของ จิรัฐติกาล
ข้อมูลเพิ่มเติม